ตำรวจโคราชแถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดพร้อมจับกุมเครือข่าย และ ของกลาง ยาบ้ากว่า 330,000

เเละยาเสพติดประเพศอื่นจำนวนมากฃ

        ตำรวจภูธรภาค 3  โดย พล.ต.ท.พูลทรัพย์  ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์  ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3(หัวหน้างานป้องกัน ปราบปรามยาเสพติด) , พล.ต.ต.อัคราเดช  พิมลศรี  , พล.ต.ต.จิตรจรูญ  ศรีวนิชย์ , พล.ต.ต.ภาณุ   บุรณศิริ  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓  (ผู้ช่วยงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด) ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด  เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ  การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน


เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จว.นครราชสีมา จับกุมนายสิดไซยา หรือตู่  ซุมโพนพักดี อายุ 39 ปี สัญชาติลาว และนางสาวเวียงทอง หรือโก๊ะ ไซสงคาม อายุ 34 ปี สัญชาติลาว  พร้อมของกลางสารไอซ์ น้ำหนักประมาณ 2,422 กรัม ข้อหาร่วมกันนำเข้า หรือมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (สารไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พฤติการณ์ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการขนย้ายยาเสพติดจากจังหวัดแถบชายแดน สปป.ลาว เข้าสู่ตอนในกรุงเทพฯ คาดว่าจะใช้เส้นทางถนนมิตรภาพผ่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จว.นครราชสีมา  จึงได้ตั้งจุดตรวจสัมพันธ์บูรณาการยาเสพติดและความผิดอาญาทั่วไปที่บริเวณถนนมิตรภาพ ตู้ยามหนองงูเหลือม อ.เฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ขณะปฏิบัติหน้าที่มีรถยนต์เก๋งยี่ห้ออีเกีย สีขาว ทะเบียน(ภาษาลาว) กด 6285 กำแพงนคร มีคนขับกับคนนั่งมาด้านข้าง ท่าทางมีพิรุธ จึงได้แสดงตัวและแสดงสัญญาณให้หยุดรถ เมื่อหยุดรถได้แล้ว จึงเข้าไปตรวจสอบพบบุคคลทั้งสองมาจาก สปป.ลาว จึงขอทำการตรวจค้นภายในรถพบสารไอซ์ จำนวน 1 ถุง อยู่ในกระเป๋าสะพาย วางอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ และตรวจค้นตัวผู้ชาย พบสารไอซ์ อีกจำนวน 4 ถุง จึงได้ตรวจยึดไว้และนำตัวมาซักถามขยายผลการจับกุม และส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 21.50 น.  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อย ตชด.227 ร่วมกับ สภ.เขมราฐ  จว.อุบลราชธานี ได้ร่วมกันตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 198,000 เม็ด ที่เกิดเหตุบริเวณริมท่ากี๊กก๊าด ริมฝั่งแม่น้ำโขงทางทิศตะวันออกของบ้านบุ่งซวย หมู่ 2  ต.เขมราฐ  อ.เขมราฐ  จว.อุบลราชธานี พฤติการณ์ในการตรวจยึดสืบเนื่องจากการจับกุมคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2563 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วารินชำราบ ได้จับกุมตัวนางสาวพนาวัลย์  เกษวัตร อายุ 49 ปี ที่อยู่ 2 หมู่ 1 ถ.ศรีมังคลา ต.เขมราฐ  อ.เขมราฐ  จว.อุบลราชธานี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 30,000 เม็ด  ต่อมาได้ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อทำลายจับกุมกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดของท้าวแสง ไม่ทราบนามสกุล บ้านโคกยาว เมืองสองคอน แขวงสะหวันเขต สปป.ลาว  จากการสืบสวนมีข้อมูลการข่าวทราบว่าที่บริเวณริมท่ากี๊กก๊าด ว่าจะมีกลุ่มพ่อค้ายาเสติดคนลาว นำยาเสพติด(ยาบ้า) มาส่งให้กับผู้ค้ายาเสพติดคนไทย ในห้วงวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ ช่วงเวลา  19.00 – 24.00 น.  ต่อมาเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 ชุดจับกุมได้เดินทางออกไปดักซุ่ม ตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.50 น. พบเห็นชายสองคนบนเรือหางยาวขับขี่ลัดเลาะมาตามริมฝั่งแม่น้ำโขง(ฝั่งไทย) มาหยุดเรือที่จุดเกิดเหตุ จากนั้นชายที่นั่งโดยสารมากับเรือได้โยนกระสอบปุ๋ยสีขาว จำนวน 1 ใบ ลงบนฝั่งแล้วขับเรือออกจากฝั่งอย่างเร่งรีบ เจ้าหน้าที่ได้ออกจากจุดซุ่มเพื่อที่จะแสดงตัว แต่ชายทั้งสองได้ขับขี่เรือออกไปอยู่ในเขตแดนฝั่ง สปป.ลาว (จุดเกิดเหตุและจุดที่เจ้าหน้าที่ดักซุ่มห่างกันประมาณ 50 เมตร)  ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบกระสอบปุ๋ยดังกล่าว พบข้างในมีห่อวัตถุสีเหลืองอยู่ในถุงพลาสติกใส จำนวน 33 ห่อ แกะออกดูพบเป็นยาบ้า จำนวน 99 มัด ประมาณ 198,000 เม็ด  เจ้าหน้าที่ได้ซุ่มดูอยู่ประมาณ 30 นาที ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดมาแสดงตัวและมารับกระสอบปุ๋ย จึงได้ร่วมกันตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วารินชำราบ  จว.อุบลราชธานี ได้ร่วมกันจับกุมท้าวดำสีหาลาด อายุ 24 ปี และท้าวติกเงินทะโพทอง  อายุ 26 ปี  ที่อยู่บ้านเกิง เมืองสองคอน แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 10,000  เม็ด ข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย  พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วารินชำราบ จว.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากสายลับว่ารู้จักนักค้ายาเสพติดชาวลาวชื่อท้าวดำ  สีหาลาด (ราษฎรชาว สปป.ลาว)  ซึ่งจะทำการค้าขายยาเสพติดทางโทรศัพท์มือถือ และทางเฟสบุ๊ค โดยการโอนเงินค่ายาเสพติดผ่านธนาคาร ชุด ชป.ปส.สภ.วารินชำราบ จึงวางแผนทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติดังกล่าว  โดยให้สายลับพูดคุยกับท้าวดำเพื่อสร้างความไว้วางใจ จนกระทั่งวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563  ท้าวดำได้นัดพบกับสายลับที่ตลาดถนนคนเดิน อ.เขมราฐ  โดยตกลงจะนำยาบ้ามาขายให้สายลับ จำนวน 5 มัด ราคามัดละ 30,000 บาท สายลับจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ และได้มีการประชุมวางแผนเพื่อจับกุมทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติทั้งหมด  เมื่อถึงเวลานัดหมายสายลับได้ไปพบท้าวดำ และท้าวติก  ที่ร้านซุ้มต้นคูณหมูกระทะ อ.เขมราฐ  และได้นั่งคุยกันกับท้าวติกๆ ได้โทรศัพท์ติดต่อคนที่จะนำยาบ้าตามที่ตกลงไปส่งมอบให้ที่จุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ 17.33 น.  มีชายไม่ทราบชื่อได้โทรศัพท์นัดหมายจุดวางยากับชุดปฏิบัติการ ที่บริเวณสี่แยกตลาดเจริญศรี  ต่อมาท้าวดำ และท้าวติก ได้ออกจากร้านหมูกระทะ เดินทางไปฮักโขงโฮมสเตย์  ต่อมาเวลา 20.48 น. มีชายไม่ทราบชื่อได้โทรศัพท์บอกชุดปฏิบัติการว่าได้นำยาบ้าจำนวน 5 มัด ตามที่สั่งไว้ไปซุกซ่อนไว้บริเวณโคนเสาป้ายบอกทางไปอำเภอเดชอุดม และจังหวัดศรีสะเกษ ก่อนถึงถนนสี่แยกตลาดเจริญศรี ชุดปฏิบัติการได้ไปตรวจสอบพบของกลาง ซุกซ่อนอยู่บริเวณดังกล่าวจริง  เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการจับกุมตัวท้าวดำและท้าวติกที่ฮักโขงโฮมสเตย์ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์  2563 เวลาประมาณ 21.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสนางคนิคม  จว.อำนาจเจริญ  ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนกับรถจักรยานยนต์ บริเวณถนนชยางกูร หน้าโรงเรียนบ้านนาไร่ใหญ่ ม.15 ต.เสนางคนิคม อ.เสนางคนิคม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบมีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 คน เป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ และมีรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ ไทป์แซด สีบอร์น หมายเลขทะเบียน 2 กน 8127 กทม. ไม่มีผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของรถ ภายในพบมีกัญชาอัดแท่ง จำนวน 230 ก้อน ชั่งน้ำหนักได้ 229 กิโลกรัม  จากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า ได้มีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว มาจอดรับผู้ขับขี่รถดังกล่าวหลบหนีไปจากการตรวจสอบข้อมูลรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า พบว่าระบุผู้ครอบครองชื่อ นายสุธี โจระสา อายุ 53 ปี ที่อยู่ 5 ม.11 ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี จว.อุบลราชธานี วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ 10.30 น. จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่ ต.ไร่น้อย ตามที่อยู่ดังกล่าว พบ นายสุธีฯ ซึ่งเป็นผู้พิการที่ขา แจ้งว่าได้ขายรถยนต์คันดังกล่าวให้กับคนลาวไปนานหลายปีแล้วต่อมาวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา

ประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บร 3578 สุรินทร์  นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสนางคนิคม ไว้ตรวจสอบ และจับกุมนายนายนพรัตน์ คายศรี ผู้ขับรถยนต์กระบะ  โตโยต้า ซึ่งพาผู้ต้องหาหลบหนี และออกหมายจับนายอานัส หรือนัด  บุญชาลี ผู้ขับขี่รถยนต์รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อย ตชด.227 อ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานี ได้ร่วมกันจับกุม นายวรเชษฐ์ ไผ่นอก อายุ 37 ปี  ที่อยู่ 94 ม.2 ต.ผาขาว อ.ผาขาว จว.เลย และท้าวพัน โคตรสมบัติ อายุ 33 ปี ที่อยู่บ้านนายูง ม.สองคอน ข.สะหวันนะเขต สปป.ลาว พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 12,000  เม็ด ข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย  พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ 13.00 น. จนท.ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดชาวลาวชื่อ ท้าวไก้(ไม่ทราบนามสกุล) ที่อยู่บ้านนายูงม.สองคอน ข.สะหวันนะเขต สปป.ลาว  มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาเสพติดส่วนใหญ่เป็นยาบ้าเข้ามาให้กับพ่อค้าชาวไทย ในพื้นที่ อ.เขมราฐ  จว.อุบลราชธานี พฤติการณ์ในการลักลอบท้าวไก้ จะนำยาเสพติดมาวางที่ริมโขงฝั่งไทย และให้ลูกน้องคนไทยที่ไว้ใจกันและมีบ้านอยู่ตามฝั่งโขงนำเอายาเสพติดจากริมน้ำโขงไปวางไว้ตามริมถนนหลวงสายหลักที่มีภูมิประเทศจุดเด่น เช่น ป้ายสัญญาณจราจร หลักกิโลเมตร เสาไฟฟ้า และจะว่าจ้างคนไทย(นักบิน)มารับยาเสพติดไปส่งให้กับพ่อค้าตามที่นัดหมายต่อไป ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์  2563 เวลาประมาณ 09.00 น.สายลับแจ้งว่า ท้าวไก้ ตกลงขายยาบ้าให้กับสายลับ จำนวน 6 มัด ซึ่งติดต่อกันทางโทรศัพท์โดยท้าวไก้ จะให้ลูกน้องซึ่งเป็นคนไทยนำยาบ้ามาวางไว้ที่จุดนัดหมายบริเวณรินถนนหลวง 202 ระหว่างบ้านดงหนองหลวง-บ้านหลักเขต ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานี  โดยจะมีลูกน้องของท้าวไก้ มาตรวจนับเงินค่ายาบ้าแล้วจะพาไปเอายาบ้าที่ซุกซ่อนไว้ ชุดจับกุมจึงได้ร่วมประชุมวางแผนเพื่อทำการจับกุมต่อมาเวลาประมาณ 13.21 น. สายลับได้รับโทรศัพท์จากท้าวไก้  ว่านายโอ๋ จะเป็นผู้ไปรับเงินและพาไปเอายาบ้า ที่ซุกซ่อนไว้ และได้นัดหมายสถานที่รับส่งเงิน บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านหลักเขต ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานี จนกระทั่ง เวลา 14.50 น. บริเวณที่เกิดเหตุพบนายโอ๋ยืนรออยู่ ลายลับได้เดินเข้าไปพูดคุย ได้ยืนเงินให้กับนายโอ๋ เมื่อรับเงินนายโอ๋ตรวจนับเงินครบตามจำนวนที่ตกลงกัน จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์พาไปเอายาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่บริเวณเสาป้ายบอกทางไป อำนาจเจริญ ยโสธร เจ้าหน้าที่ตรวจดูพบว่าเป็นยาบ้าจริง จึงส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมเข้าทำการจับกุมและมารถควบคุมตัวชายวัยรุ่นคนดังกล่าวไว้ได้ ผลการตรวจค้นพบวัตถุ 2 ห่อ พันด้วยผ้าเทปสีน้ำตาลจากนั้นได้แกะออกดู เป็นยาบ้า จำนวนห่อละ 3  มัด รวมเป็น 6 มัด จำนวน 12,000 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีน้ำเงินชนิดกดปิด ให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่าได้รับการว่าจ้างจากท้าวไก้ ให้มารับเงินค่ายาบ้าจากกลุ่มพ่อค้าไทยที่บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยว นายวรเชษฐ์ฯ ถูกควบคุมตัวสมัครใจให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับกลุ่มพ่อค้ายาเสพติด ว่ายาบ้าที่เจ้าหน้าตรวจพบเป็นของกลุ่มเครือข่ายท้าวไก้ จนกระทั่งเวลา 15.19 น. ท้วไก้ได้ติดต่อทางโทรศัพท์มายังตน  ได้สอบถามตนว่าเงินค่ายาบ้าที่ให้ไปรับที่บริเวณบ้านหลักเขตครบตามจำนวนไหม และท้าวไก้ให้นำเงินจำนวนนั้นไปให้บริเวณตลาดนัดในวันเสาร์ ที่บ้านบุ่งเขียว อ.ชานุมาน จว.อำนาจเจริญ โดยให้ตนนำเงินใส่ในถุงอาหารแมว  ซึ่งท้าวไก้จะให้ท้าวพันที่มีศักดิ์เป็นบุตรเขย ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับตนเป็นอย่างดีเป็นคนมารับเงิน จนกระทั่งวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563  เวลา 16.00น.  นายวรเชษฐ์ฯ  ได้

เวลา 16.00น.  นายวรเชษฐ์ฯ  ได้พาเจ้าหน้าที่ไปทำการขยายผลบริเวณตลาดนัดวันเสาร์ เวลา 07.00 น. พบเห็นท้าวพันยืนซื้อของใช้ส่วนตัวบริเวณตลาด จากนั้นนายวรเชษฐ์ฯ ได้บอกเจ้าหน้าว่าจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปมอบให้กับท้าวพัน ซึ่งจากนั้นนายวรเชษฐ์ฯ ได้ยื่นถุงอาหารแมวให้กับท้าวพัน  และท้าวพันได้เปิดดู และนำถุงดังกล่าวใส่ลงในตะกร้าพลาสติกที่ตนเองถือติดตัวอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้น ขณะควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ได้สอบถาม ท้าวพันฯ ให้ข้อมูลว่าเป็นราษฎรบ้านนายูง ม.สองคอน ข.สะหวันนะเขต สปป.ลาว ได้รับการว่าจ้างจากนางปาน ซึ่งเป็นอาของตน ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดของท้าวไก้  ให้ตนเองมารับเงินค่ายาบ้าจากนายวรเชษฐ์ฯ โดยนั่งเรือหางยาวข้ามมา โดยตนจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินเมื่อทำงานสำเร็จ แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวก่อน
วันที่ 4 มีนาคม 2563เวลาประมาณ 00.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้จับกุมตัวผู้ต้องหา 3 คน คือ๑.นายศักดาหรือปี๊ด โยรัมย์ อายุ ๒5 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/1 หมู่ที่ ๑0 ต.แคนดง อ.แคนดง  จว.บุรีรัมย์ ๒.นายพิสิทธิ์หรือต๋อง  ดุงรงค์รัตน์ อายุ ๑8 ปี (เกิด 19 พ.ศ.2544)  อยู่บ้านเลขที่ 46  หมู่ที่ 13 ต.แคนดง  อ.แคนดง จว.บุรีรัมย์  ๓.นายชิวนัสหรือชิว  วินา อายุ ๑๗ ปี (เกิด 23 เม.ย.2545)  อยู่บ้านเลขที่ 116  หมู่ที่ 13 ต.แคนดง อ.แคนดง  จว.บุรีรัมย์ พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน ๕ มัด (ประมาณ ๑๐,๐๐๐ เม็ด) สถานที่เกิดเหตุ ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จว.บุรีรัมย์ ได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม โดยมีสายลับซึ่งได้รับการสั่งการจากนายน้อย ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ให้เดินทางมารับยาเสพติด จำนวน 50 มัด และยาไอซ์  เพื่อให้สายลับนำไปวางส่งต่อให้ลูกค้าพื้นที่ จ.บุรีรัมย์   เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้ร่วมสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ เพื่อวางแผนการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวต่อไป
วันที่ 5 มีนาคม 2563เจ้าหน้าตำรวจ กก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ, สภ.ลืออำนาจ, ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์, ภ.จว.ยโสธร, กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.3, ตชด.215, 216 และเจ้าหน้าที่ทหารทก.กกล.สุรนารี พร้อมพวกร่วมกันจับกุมตัว 1.นายศิวานนท์ หรือบาส  ปรากฎ อายุ 19 ปี ที่อยู่ 74 ม.4ต.โคกกลาง อ.ลืออำนาจ จว.อำนาจเจริญ2.นายสุรัช หรือจิ้ม  บุญเรือง อายุ 22 ปี ที่อยู่ 153 ม.3 ต.ไก่คำ อ.เมือง จว.อำนาจเจริญพร้อมของกลาง 1.ยาบ้า จำนวน 50 มัด ประมาณ 100,000  เม็ด 2.สารไอซ์ 2 ถุง น้ำหนัก 275 กรัม 3.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น MU-X สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1คันข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1  (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายฯ” สถานที่เกิดเหตุ ถนนชยางกูรบ้านเครือซูด (บริเวณป้ายบ้านกุดสิม) ต.โคกกลาง อ.ลืออำนาจ จว.อำนาจเจริญพฤติการณ์สืบเนื่องจากการจับกุมคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 4 มี.ค.63 ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ที่ได้จับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 5 มัด (ประมาณ 10,000 เม็ด) จากการจับกุมดังกล่าวได้สืบสวนขยายผล ทำให้ทราบว่ามีนักค้ายาเสพติดชาวลาวมีพฤติการณ์นำยาเสพติดเข้ามาขายตามแนวชายแดนไทย-ลาว และยังส่งไปขายในพื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายน้อย (ชาว สปป.ลาว) ชุดจับกุมจึงวางแผนทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยให้สายลับติดต่อกับนายน้อย ราษฎรชาวลาว (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) และนายน้อย ได้ให้สายลับเดินทางมารับยาเสพติด จำนวน 50 มัด (ประมาณ 100,000 เม็ด)และสารไอซ์ 275 กรัม ที่ อ.ลืออำนาจ จว.อำนาจเจริญ  แล้วให้สายลับนำไปส่งต่อให้ลูกค้าพื้นที่ จว.บุรีรัมย์ จึงได้วางแผนจับกุม ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. ผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์ยี่ห้ออีซูซู รุ่นมิวเอ็กซ์ สีเทา ไม่ติด
แผ่นป้ายทะเบียน นำยาบ้ามาส่งให้กับสายลับ ที่บ้านเครือซูด (บริเวณป้ายบ้านกุดสิม) ต.โคกกลางอ.ลืออำนาจ จว.อำนาจเจริญ  แล้วขับรถหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับรถติดตาม และจับกุมตัวผู้ต้องหา ที่ 1,2 ได้ที่บ้านพัก รับสารภาพว่าเป็นคนนำยาบ้า จำนวน 50 มัด (ประมาณ 100,000 เม็ด) และ สารไอซ์ 275 กรัม ไปส่งให้สายลับจริงจากนั้นชุดจับกุมได้ขยายผลไปจับกุมเครือข่ายยาเสพติดที่จังหวัดบุรีรัมย์ ดังนี้
จุดที่ 1 ที่ ถนนข้างโรงเรียนเสนศิริอนุสรณ์ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จับกุม
1.นายวีรยุทธ์ หรือนุ  อาจทวีกุล อายุ34 ปี อยู่ที่ 89 ม.2 ต.ห้วยราช อ.ห้วยราช จว.บุรีรัมย์
2.นายบรรพต หรือเป้กอยู่ยอด อายุ 28 ปี อยู่ที่ 53 ม.2 ต.ห้วยราช อ.ห้วยราช จว.บุรีรัมย์
*ของกลาง -ยาบ้า 6,000 เม็ด
-รถจักรยานยนต์  1 คัน
จุดที่ 2 ที่ หลักกิโลเมตรที่ 41  ถนน 2378 ม.5 ต.นิคม อ.เมือง จว.บุรีรัมย์
1.นายอาทิตย์  เหยียดรัมย์ อายุ 19 ปี 151/2 ต.สตึก อ.สตึก จว.บุรีรัมย์
2.น.ส.ดาริน  บุญถนอม อายุ 15 ปี 82/1 ม.2 ต.เมืองแก อ.สตึก จว.บุรีรัมย์
3.นายธนกฤต  ชัยพฤกษ อายุ 39 ปี 136/5 ม.9 ต.นิคม อ.สตึก จว.บุรีรัมย์
*ของกลาง -ยาบ้า 2,000 เม็ด
-รถจักรยานยนต์ 2 คัน
จุดที่ 3 ที่ หลักกิโลเมตรที่ 91ถนน 2226 ม.11 ต.นิคม อ.เมือง จว.บุรีรัมย์
1.น.ส.ตุนา  ผาปรางค์ อายุ 36 ปี 165 ม.1 ต.ขุย อ.ลำทะเมนชัย จว.บุรีรัมย์
2.นายนิติเทพ คำแพง อายุ  ปี 165 ม.1 ต.ขุย อ.ลำทะเมนชัย จว.บุรีรัมย์
3.นายธนทัต  ด้วงขุย อายุ 21 ปี 171/9 ต.สนามบิน เขตดอนเมือง กทม.
*ของกลาง -ยาบ้า 4,000 เม็ด
-รถยนต์กระบะ 1 คัน
-รถจักรยานยนต์ 1 คัน
ตำรวจภูธรภาค 3  จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่ง ในการแจ้งเบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถานประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599, สายด่วน 191 และ Application Police I lert U ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติด  ในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น  เพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป