คดีชิงทรัพย์ห้างเพชรทองเยาวราช บิ๊กซี สาขาปากช่อง
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 เวลาประมาณ 17.00 น. มีคนร้าย จำนวน 1 คน สวมหมวก
โม่งสีดำ แว่นตากันแดดปิดบังอำพรางใบหน้า สวมเสื้อพนักงาน Food Panda สีชมพูแขนยาว
สวมถุงมือสีดำ ใส่กางเกงยีนส์ขายาว ขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีขาว ไม่ทราบหมายเลข
ทะเบียน เข้าไปทำการชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืนที่ร้านเพชรทองเยาวราช ภายในห้างบิ๊กชี สาขา
ปากช่อง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าของร้านทองที่เกิดเหตุ
ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงที่แขนทะลุหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในที่เกิดเหตุพบปลอก กระสุนปีน
ขนาด 9 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 1 ปลอก ทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายเป็นทองรูปพรรณ
ยังไม่ทราบจำนวนอยู่ระหว่างตรวจสอบ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา
พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก, พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา, พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์
ผกก.สภ.ปากช่อง ได้ตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง ร่วมกับเจ้าหน้าที่
จาก ศพฐ.3 ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ต่อมา วันที่ 2 ก.ย.2564 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3,
พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก..ภ.จว.นครราชสีมา, พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจน์กิจ ผบก.สส.ภ.3

พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิลัย รอง ผบก.ป. ร่วมประชุมเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย โดยมีการสนธิกำลัง
และบูรณาการร่วมกัน ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ปากช่อง, กองกำกับการสืบสวน
ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3,กองกำกับการ 3
กองบังคับการปราบปราม,กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัว
ผู้กระทำความผิด จากการสืบสวนพบว่าลักษณะรูปพรรณคนร้ายคล้ายกับ ส.ต.ท.อนุชา
บุญอารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สภ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา
จึงได้เชิญตัว ส.ต.ท.อนุชาฯ มาชักถามโตย พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว และ พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก
รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ชักถามด้วยตนเอง จากการซักถาม ส.ต.ท.อนุชาฯ ให้การยอมรับว่า
ตนเองเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากมีหนี้สินจำนวนมาก
ส.ต.ท.อนุขาฯ ได้พาไปชี้จุดชุกช่อนของกลางเป็นทองคำรูปพรรณ จำนวน 132 เส้น
อยู่ในอ่างปูนซึ่งใช้สำหรับปลูกบัวอยู่ในบริเวณ หมู่ 8 บ้านหนองตะกู ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง
จว.นครราชสีมา รวมทั้งได้นำชี้รถจักรยานยนต์ที่เป็นยานพาหนะมาประกอบเหตุ เจ้าหน้าที่
ตำรวจจึงได้ร่วมกันจับกุม ส.ต.ท.อนุขาฯ พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตาม
กฎหมายต่อไป
ตำรวจภูธภาค 3 ขอยืนยันว่า ไม่ว่าผู้กระทำความผิดจะเป็นผู้ใด หากสร้างความเดือดร้อน
กับพี่น้องประชาชนจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว