ตำรวจภูธรภาค 3แถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญ “จับกุ่ม เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญและฟอกเงิน”

วันที่15ตุลาคม 2562 ตำรวจภูธรภาค 3แถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญ “จับกุ่ม เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญและฟอกเงิน” นำ โดยพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3,พล.ต.ต.ศีรีศักดิ์ ตันตินะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (หัวหน้างานป้องกันปราบปรามยาเสพติด), พล.ต.ต.อัคราเดช   พิมลศรี ,พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรึวนิชย์ , พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3(ผู้ช่วยงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด) ไดสั่งการให้หน่วยในสังกัด เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในขดฟื้นที่รับผิดชอบแถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญ”จับกุม เครือช่ายยาเสพติดรายสำคัญและฟอกเงิน”ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.3ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ,กก.สส..ภ.จว.ลพบุรีศอ.ปส.ภ.1ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา คดี ฟอกเงิน เป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดลพบุรี มีการทำธุรกรรมทางเงินที่ได้จากการดยาเสพติดเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารในรอบ 7 เดือนหลาย 10ล้านบาท ประกอบธุรกิจรับเหมาและเลี้ยงไก่ชนบังหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบชภ.3, พล.ต.ต.ศีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.ปส.) พล.ต.ต.ปวริศ บุญสุทธิ ผบก.สส.ภ.3, พล.ต.ต.สมพจน์ขอมกลางผบก.ภ.จ.ชัยภูมิ, พต.อ.ชลาสินธุ์ ชลาลัย รองผบก.สสภ.3,พ.ต.อ.ณรงศ์ เสวกรอง ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ, พ.ต.อ.หัสพงศ์ เติมศิริตังคโณบล รอง ผบก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.ไพโรจน์ขุนหมื่น รอง ผบก.สสภ.3, พ.ต.อ.กิตติ กองแสงศรี รอง ผบก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.สุนทร หิมารัตน์ผกก.สืบสวน 2 บกสส.ภ.ต, พ.ต.อ.พรชัย ไขสนอง ผกก.สนง.ผบตร. ช่วยราชการ ศอ.ปส.ภ..ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.ไกรสร ศรีอำพร รอง ผกก.สืบสวน 2บก.สส.คต, พตท.นิธิศ จารุกมลกุล รอง ผกก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ, พต.ท.ธวัชชัย จิตตรีธาตุ สว.กก.สส..ภ.จว.ชัยภูมิ, พ.ต.ต.ทวินันท์ นามวิเศษ สว.กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3, ร.ต.อ.สมพรทองประดับ รอง สว.กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 ทำการสืบสวนขยายผล จับกุมเครือข่ายยาเสพติดและฟอกเงินด้วยเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ ทำการสืบสวนขยายผล จากปฏิบัติการจับกุม นายอติรัตน์ รักษาทรัพย์ ของกลาง ยาบ้า 6,.000 เม็ด จากนั้น

วันที่ 23 พ.ย.2561 ขยายผลจับกุมนายวีรเดช(อำ) ฤชา พร้อมของกลาง ยาบ้า 1,070 เม็ด ในพื้นที่ อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิต่อมาวันที่ 28 พ.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.3 ได้ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิทำการสืบสวนขยายผลจับกุมนายศรัณยู(แจ้)บุญเกิด และพวกรวม 3 คน เป็นนักค้ายาเสพติดในฟื้นที่ อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี พร้อมของกลางยาบ้าและตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดจำนวนหลายรายการ จากนั้นเมื่อวันที่ 3-4 มี.ค.2562 ได้ขยายผลจับกุม นายพิศณุ ทองสุข และนายวิทชุพงษ์ ทรงอยู่ พร้อมของกลางยาบ้าและอาวุธปืน จากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดได้ทำสืบสวนขยายผลจนพบหลักฐานความเชื่อมโยงทางการเงิน โดยมีการโอนเงินจากเครือข่ายยาเสพติด จำนวนประมาณ ๖ ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารของนายเอกราช น้อยเหน่า น.ส.กัญนิพา พวงทอง และนายอัศชัย ช่อฟ้า จึงเชื่อว่านายเอกราช”และพวก มีส่วนเกี่ยวช้องกับการค้ายาเสพติด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ขออนุมัติหมายจับจากศาล และเมื่อวันที่ 4 ต.ค.2562 ได้ทำการจับกุมนายเอกราชฯ และพวก ตามหมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งต้องหาวกระทำความผิดฐาน สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินเหมาและเลี้ยงไก่ชนบังหน้า

จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าได้เงินมาจากการเล่นการพนันและถูกหวย ได้ตรวจยึดเงินสด จำนวน 41,000บาท, สร้อยคอทองคำรูปพรรณ 10 บาท มูลค่ 20,000 บาท, อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัติโนมัติ ยี่ห้อโคลท์ รุ่นโกลด์คัพมูลค่ 90,000บาท, รถจักรยายนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า msx มูลค่ 20,000บาท, รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุรุ่น ดีแม็คปี 2005 มูลค่า 200,000บาท รวมมูลค่ทรัพย์สินที่ตรวจยึดประมาณ551,000บาทการปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในครั้งนี้ เป็นการปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 3ที่ให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดและกฎหมายฟอกเงิน มาต่ำเนินคดีกับนักค้ายาเสพติดและผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดทุกระดับ และฝากสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่คิดหวังจะร่ำรวยจากการค้ายาเสพติด หรือมีส่วนช่วยเหลือ สนับสนุนขบวนการค้ายาเสพติด เช่น เปิดบัญชีธนาคารให้นักค้ายาเพติดใช้รับโอนเงิน ครอบครองทรัพย์สินหรือได้รับผลประโยชน์จากทรัพย์สินของขบวนการค้ายาเสพติด อาจถูกดำเนินคดีฟอกงินและถูกตรวจยึดทรัพย์สินตามกฎหมายตำรวจภูธรภาค 3จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่ง ในการแจ้งเบาะแสช้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถานประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599สายด่วน 191 และ Application Police I lert U ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อดำเนินการปราบปรามจับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติด ในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและช้มขัน เพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด บัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไปผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3กล่าว