ททท.ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา ชวนเที่ยวงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 : Amazing Thailand Countdown 2022

ททท.ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา ชวนเที่ยวงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapter @ Nakhon Ratchasima วันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

ททท.ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา ชวนเที่ยวงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 : Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapter @ Nakhon Ratchasima ภายใต้แนวคิด “Smiley Thailand” มนต์เสน่ห์แห่งแดนอีสานรอยยิ้มและสีสันแห่งความสนุก ตื่นตากับมหัศจรรย์สวนไฟเรืองแสงใจกลางเมืองนครราชสีมา ชมขบวนพาเหรดสีสันแดนอีสาน และการแสดงสดจากศิลปินชื่อดัง อาทิ ตั๊กแตน ชลดา, แซ็ค ชุมแพ, บอย ศิริชัย หมอลำใจเกินร้อย, วงโปเตโต้, Twopee Southside พร้อมร่วมนับถอยหลังส่งคำอวยพรต้อนรับปีใหม่ 2565 กับการแสดงพลุชุดพิเศษ “Smiley Thailand” และเพลง“พรปีใหม่” ในธีมอีสานซิ่ง ดีเดย์ 27 – 31 ธันวาคม 2564  ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

เย็นวันนี้ (21 ธันวาคม 2564) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย   นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 : Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapter @ Nakhon Ratchasima

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา จัดกิจกรรมเทศกาล ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่2565 : Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapter @Nakhon Ratchasima โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศและสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยตามมาตรฐาน SHA ให้กับนักท่องเที่ยว นำเสนอภายใต้แนวคิด “Smiley Thailand” มนต์เสน่ห์แห่งแดนอีสานเพื่อสร้างรอยยิ้มและสีสันความสนุกในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 กำหนดจัดระหว่างวันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

สำหรับกิจกรรมภายในงานแบ่งออกเป็น 5 ไฮไลท์ ประกอบด้วย

ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2564 พบกับ

– Amazing Light of ESAN : กิจกรรมประดับตกแต่งไฟสวยงาม Landmark / จุดถ่ายภาพ กับมหัศจรรย์สวนไฟเรืองแสงใจกลางเมืองโคราช การแสดงดนตรี Street Show เปิดหมวกสะท้อนสีสันภาคอีสาน พร้อมส่งคำทักทายไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลก

– Taste of ESAN : พบกับร้านเด็ด เมนูดังประจำถิ่นที่มีเอกลักษณ์ จำนวนกว่า 50 ร้านค้า

ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 30 – 31 ธันวาคม 2564 พบกับ

– ESAN Parade : พบกับกิจกรรมขบวนพาเหรดสีสันแดนอีสาน ปลุกบรรยากาศสนุกสนานรื่นเริงต้อนรับปีใหม่ ได้แก่ การแสดงขบวนแห่หย่าวโคราช , การแสดงขบวนแห่ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นต้น

– Show & Performance : พบกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสานและการแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง ได้แก่ การแสดงพื้นบ้านท้องถิ่นอีสาน แสดงอัตลักษณ์อีสานตอนเหนือ ตอนกลาง ตอนใต้ ร่วมกับศิลปินท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงจากภาคอีสาน อาทิ การแสดงชุดกระทบสาก ผสานการขับร้องเพลงกันตรึม โดย ศิลปิน น้ำผึ้ง เมืองสุรินทร์, การแสดงจากศิลปินแห่งชาติเพลงพื้นบ้านอีสาน อาจารย์กำปั่น บ้านแท่น, ศิริวรรณ จันทร์สว่าง ศิลปิน The Golden Song , คณะอาจารย์บุญสม สังข์สุข นายกสมาคมเพลงโคราช , การแสดงมโหรีจากวงศิลป์สาธร เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังจัดเต็มไปกับการแสดงจากศิลปินป๊อป ร็อค แร็พ ลูกทุ่งที่มีชื่อเสียง พร้อมโชว์พิเศษกลิ่นไออีสานสำหรับเวทีครั้งนี้โดยเฉพาะ ได้แก่ วงโปเตโต้, วง Twopee Southside, ไอซ์ ศรัณยู, ติ๊กชีโร่, วง BSO (Bangkok Symphony Orchestra), วงมหาหิงค์, ตั๊กแตน ชลดา, แซ็ค ชุมแพ, บอย ศิริชัย หมอลำใจเกินร้อย และอีกมากมาย

– Fireworks Celebration : ชมการแสดงพลุในช่วงนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 ส่งรอยยิ้มและความสนุกแห่งเสน่ห์แดนอีสานกับการแสดงพลุชุดพิเศษ “Smiley Thailand” ที่จะเต้นรำไปกับเพลง “พรปีใหม่” ในธีมอีสานซิ่ง (ESAN SING) นำโดย ตั๊กแตน ชลดา นักร้องลูกทุ่งชื่อดังสายเลือดคนโคราช พร้อมส่งคำอวยพรต้อนรับปีใหม่ 2565 กึกก้องดังไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยการแสดงพลุ แบ่งออกเป็น 7 ชุด ประกอบด้วย

1.Big Hope : ความหวังอันยิ่งใหญ่ สว่างไสว โชติช่วง

2.Power of Smile : รอยยิ้มแห่งมิตรภาพ

3.Be good life : สุขภาพดีทั้งกายใจ ไร้โรคา

4.Believe : ความเชื่อมั่น ความศรัทธา และมุ่งมั่น

5.Beautiful ESAN : ความงดงามของอีสาน

6.Blooming Wealth : ความอุดมสมบูรณ์ ความรุ่งเรือง เฟื่องฟู

7.Welcome to land of colorful : ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแห่งสีสัน

ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จังหวัดนครราชสีมา มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็น 1 ใน 5 จังหวัดในการเป็นพื้นที่นำร่องเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดระยอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดภูเก็ต ด้วยการจัดกิจกรรมเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เพื่อประกาศว่าอีสานพร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยว จากทั่วทุกมุมโลก และตอบรับนโยบายในการเปิดประเทศในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยทางจังหวัดพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เทศบาลนครนครราชสีมา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ได้มีการเตรียมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ (Covid Free Setting) ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. กำหนดอย่างเคร่งครัด

โดยได้มีการจัดเตรียมด้านความปลอดภัย ตามมาตรการป้องกัน ด้วยการลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้าผ่าน Line Official Account : @Countdownkorat2022 เพื่อลดความแออัดบริเวณทางเข้างานและจํากัดจำนวนผู้ร่วมงาน ทั้งนี้สามารถเริ่มลงทะเบียนเข้างานได้ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมนี้ นอกจากนี้ ผู้จัดงานและผู้มาร่วมงานทุกท่านจะต้องแสดงหนังสือรับรองการตรวจ ATK ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มผ่านหมอพร้อม ณ จุดคัดกรองก่อนเข้างาน สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถไปตรวจ ATK และขอใบรับรองได้ที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยใกล้บ้านท่าน อย่างไรก็ดี บริเวณที่จัดงานทางผู้จัดงานได้เตรียมจุดตรวจ ATK โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2564 ค่าใช้จ่ายประมาณ 90 บาท สำหรับค่าชุดตรวจและใบรับรอง โดยตลอดการจัดงานคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 13,000 คน มีเงินหมุนเวียนกว่า 21.56 ล้านบาท 

พลาดไม่ได้!!! งานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 : Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapter @ Nakhon Ratchasima ในวันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

ตำรวจภาค 3 จับกุมเครือข่ายเว็บไซต์การพนันออนไลน์ และฟอกเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

ตำรวจภาค 3 จับกุมเครือข่ายเว็บไซต์การพนันออนไลน์ และฟอกเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

.ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร, พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นั้น

.ตำรวจภูธรภาค 3 โดย พล.ต.ทสมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3/ผอ.ศปอส.ภ.3 ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปราม อาชญากรรม ตำรวจภูธรภาค 3 สืบสวนจับกุมเครือข่ายการพนันออนไลน์ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 และ พื้นที่คาบเกี่ยว

.โดยเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.65 ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม ตำรวจภูธรภาค 3 ร่วมกับ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 3, ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี, ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ และตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ

 ร่วมปฏิบัติการเข้าปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายเว็บไซต์การพนันออนไลน์ 12PLUS ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 โดยได้ทําการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 30 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ไพ่บาคาร่า) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันฟอกเงิน จำนวน 5 ราย อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุม อีก 1 ราย พร้อมกันนี้ได้ทำการตรวจยึดของกลาง ดังต่อไปนี้

.ยานพาหนะ รถยนต์ จํานวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ จํานวน 4 คัน อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ประกอบด้วย อาวุธปืนยาว จำนวน 5 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น กระบอก, เครื่องกระสุนปืน จํานวน 219 นัด

.คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสาร และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ รวมมูลค่าทั้งสิ้น กว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี และจะทําการสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมเครือข่ายการพนันออนไลน์กลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนทั่วไป หากมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ สามารถแจ้งข้อมูล มายังตำรวจภูธรภาค 3 ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0 4425 5275 83 ต่อ 188

เทศกาลเที่ยวพิมาย ประจำปี 2564″

แถลงข่าวงานเที่ยวพิมายประจำปี 2564 การแสดงแสงสีเสียงพิมายปุระ

อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2564งานแถลงข่าวการจัดงาน *”เทศกาลเที่ยวพิมาย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565″ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น G บริเวณหอไอเฟลโดยนายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานในพิธีนายสทิศ สิทธิมณีวรรณ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมานายเศรษฐี แพรกนัทที ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ)รักษาราชการแทนนายอำเภอพิมาย นายสมเดช ลีลามโนธรรม หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา นางสาวกรรณิการ์ พัฒนพีระเดช นายกเทศมนตรีตำบลพิมายเริ่มงานแถลงข่าวงานเทศกาลเที่ยวพิมาย ประจำปีงบประมาณ 2565และแขกผู้มีเกียรติ เดินทางมาถึงบริเวณงาน มี การแสดงชุด “พิมายปุระ” ต่อจากนั้น ชมการแสดงชุด “ศรีวิเรนทร์”

นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่าเนื่องจากจังหวัดนครราชสีมาได้ประกาศพื้นที่นำร่อง ทางการท่องเที่ยว จำนวน 7 อำเภอ คือ อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอโชคชัย อำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอสีคิ้ว และอำเภอพิมาย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยว สามารถมีกิจกรรม และการใช้ชีวิตแบบ New Normal ในการจัดงาน ดังนี้ เปิดโอกาสที่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ จะสามารถ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และคาดการณ์ว่า จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายในอำเภอพิมาย และจังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นอย่างยิ่ง โดยงานดังกล่าว มีกำหนดถึง ๕ วัน และอาจต่อยอดการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว ให้อยู่ถึงเทศกาลปีใหม่ได้ด้วย ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมาอยู่ระหว่างการจัดงาน Thailand Biennale Korat และอำเภอพิมาย ก็เป็นเป้าหมายที่จะกระจาย งานศิลปะให้นักท่องเที่ยวได้รับชม ความงดงามทางด้านศิลปะ วัฒนธรรมอันล้ำเลิศ และวิถีชีวิตตามแบบ New Normal ต่อไป

นายสทิศ สิทธิมณีวรรณ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ในการจัดแถลงข่าวครั้งนี้ขอขอบพระคุณท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี การแถลงข่าวเทศกาลเที่ยวพิมาย ประจำปี 2564 โดยกำหนดการจัดงานระหว่างวันที่ 22-26 ธันวาคม 2564 ณ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ปราสาทหินพิมายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกันดีทั้ง ชาวไทย และ ชาวต่างประเทศ และด้วยตระหนักถึงความสำคัญ การสร้างจิตสำนึกให้คนไทยเดินทางมา ท่องเที่ยวปราสาทหินพิมาย จังหวัดนครราชสีมา มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟูวัฒนธรรม ประเพณีของท้องถิ่นความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้ยั่งยืน

นายสทิศ สิทธิมณีวรรณ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลเที่ยวพิมาย ประจำปี ๒๕๖๔ มีวัตถุประสงค์หลักใน การจัดงานดังนี้

1. เพื่อขยายอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

2. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว

3. กระตุ้นเศรษฐกิจพ่อการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในท้องถิ่น

4. เพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวภายใต้มาตรการป้องกันการแพ้ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID)

5. ส่งเสริมให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวและสร้างความเชื่อมั่นให้กับ นักท่องเที่ยวภายใต้การท่องเที่ยววิถีใหม่ (New Normal)

โดยสำหรับการจัดงานเทศกาลเที่ยวพิมายประจำปีนี้ มีกิจกรรมหลักประกอบด้วย การแสดง แสง สี เสียง และสื่อผสม พิมายปุระ The Musical วิมายะนาฏการ “ยอยศชัยวรมัน น้อมอภิวันท์สดุดี ศรีวิเรนทราศรม” จัดแสดงระหว่างวันที่ 22 – 26 ธันวาคม 2564 บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อำเภอพิมาย เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ณ จังหวัดนครราชสีมา และนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น อาทิ ตลาดย้อนยุค แสดงวีถีชีวิตของคน ในท้องถิ่น , จำหน่ายอาหารพื้นบ้าน ผัดหมี่โคราช, ส้มตำ , ขนมไทย, การแสดงและจำหน่าย สินค้า OTOP และการออกร้านต่างๆ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวได้เดินทางมาเที่ยวชม งานเทศกาลเที่ยวพิมาย ชมโบราณสถาน มรดกอันล้ำค่าของโลก และศิลปวัฒนธรรมประเพณี ท้องถิ่นที่เราได้ร่วมกันอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบไป

ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การจัดงาน เทศกาลเที่ยวพิมาย ประจำปี 2564 ในครั้งนี้ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ให้การสนับสนุน ในส่วนของการจัดตลาดย้อนยุคแสดงวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน , จำหน่ายอาหารพื้นบ้าน ผัดหมีโคราช ส้มตำ ขนมไทย เป็นต้น ทั้งนี้ขอเชิญพี่น้อง ชาวจังหวัดนครราชสีมาและพื้นที่ใกล้เคียงได้เข้าร่วมในงานเทศกาลเที่ยวพิมาย ประจำปี ๒๕๕๔ ในครั้งนี้ให้มีความสุขใจในการเที่ยวชม

นายเศรษฐี แพรกนัทที ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) รักษาราชการแทนนายอำเภอพิมาย กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพร่วมจัดงานกับทางหน่วยงานต่างๆ ทางเราได้จัดเตรียมความพร้อมในเรื่อง สถานที่สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ทั้งเรื่องของการอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทาง ด้านที่พัก และด้านความปลอดภัยภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวชมงาน ปีนี้ได้รับความร่วมมือจาก พี่น้องชาวพิมายและหน่วยงานต่างๆ เป็นอย่างดี จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางมาเที่ยว ชมงานเทศกาลเที่ยวพิมาย ประจำปี 2564 ในครั้งนี้ ชมโบราณสถาน มรดกอันล้ำค่าของโลก และศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นที่เราได้ร่วมกันอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบไป อีกทั้งเป็นการอนุรักษ์ ฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีของท้องถิ่นความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม และสืบสานภูมิ ปัญญาท้องถิ่นให้ยั่งยืน กระผมฐานะที่เป็นผู้ดูแลพื้นที่และเป็นชาวพิมายขอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ เดินทางเข้ามาร่วมชมงานเทศกาลเที่ยวพิมายในครั้งนี้ขอขอบพระคุณเป็นอย่างมาก

นายสมเดช ลีลามโนธรรม หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้ดูแล สถานที่ในการแสดง แสง สี เสียง ทางเราได้เตรียมการซ่อมแซมแซมในส่วนต่างๆของตัวปราสาท หิน ทางเดินต่างๆ ให้มีความเรียบร้อย สวยงาม อำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ให้กับผู้จัดงาน และองค์ประกอบภายในปราสาท ผู้ร่วมเข้าชมงานเทศกาลเที่ยวพิมาย ประจำปี 2564 ในครั้งนี้ให้มีความสุขใจในการเที่ยวชม

#เทศกาลเที่ยวพิมายปี2564

ยกมาตราฐานวิชาชีพสร้างโอกาสเยาวชน ยุคโควิด19

การปฐมนิเทศเปิดโอกาสทางการศึกษา ยกมาตรฐานการศึกษาวิชาชีพหลักสูตรระยะสั้น

ศูนย์ประสานงานความช่วยเหลือเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาเทศบาลนครราชสีมา

นาย อำนาจ บุตรโต ผอ.โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดป่าจิตรสามัคคี)

และผู้เข้าร่วมการปฐมนิเทศ กล่าวแนะนำขอขอบพระคุณ  นาย สุดชาย บุตรแสนลี ท่านผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างจังหวัดนคครราชสีมาให้เกียรติมาเป็นประธาน ร่วมกับ นายรัตนะ วรบัณฑิตผู้อำนวยการศูนย์ฝึกเด็กและเยาวชนเขต 3, ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 2, ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนปัญญาภิวัฒน์และ คณะกรรมการภาคการศึกษาร่วมพิธี ในการปฐมนิเทศ หลักสูตร “วิชาชีพระยะสั้น” ในวันนี้ การจัดปฐมนิเทศ

หลักสูตรไฟฟ้าเบื้องตัน และ หลักสูตรบัญชีครัวเรือน นี้ ได้จัดขึ้น เพื่อส่งเสริม สนับสนุน ให้ความช่วยเหลือเด็กและเยาวชน นอกระบบ และเด็กด้อยโอกาส ให้กลับคืนสู่ระบบการศึกษา และสร้างภาคีเครือข่าย ศูนย์ประสานงานความช่วยเหลือเด็กและเยาวชน นอกระบบการศึกษาเทศบาลนครราชสีมา ให้เป็นรูปธรรม โดยจัดการเรียนการสอนทั้งหมด 75 ชั่วโมง แบ่งรูปแบบการเรียนการสอน ออกเป็น 2 รูปแบบ คือ แบบ ออนไลน์ จำนวน 20 ชั่วโมง และรูปแบบออนไซต์ จำนวน 55 ชั่วโมง

จัดระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2564 – 10 กุมภาพันธ์ 2565 มีผู้เข้าร่วมคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวนทั้งสิ้น 95 คน จากโรงเรียนเทศบาล 5 (วัดป่าจิตสามัคคี)

การปฐมนิเทศครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในการเรียนไฟฟ้าเบื่องต้น และบัญชี

ครัวเรือน ทั้งนี้ คาดหวังว่าผู้เข้าร่วมการปฐมนิเทศสามารถนำความรู้ที่ได้รับแนวทางในการเรียนและนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ได้ในโอกาส ต่อไป

พิธีอุปสมบทหมู่ถวายพระราชกุศล วัดบุไฝ่ ตำบลไทยสามัดคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

พิธีอุปสมบทหมู่ถวายพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
วันพุธที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ณ วัดบุไฝ่ ตำบลไทยสามัดคี อำเกลวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา โครงการพิธีอุปสมบทหมู่ถวายพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาประธาน นมัสการ พระครูสุวัฒนานุกูล เจ้าคณะอำเภอวังน้ำเขียว และพระคุณเจ้าทุกรูป โดยได้รับเกียรติส.ส.สมศักดิ์ พันธ์เกษม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา,นายประนอม โพธิ์คำ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา,นายสุพจน์ แสนมี นายอำเภอวังน้ำเขียว ,นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ประธานวัฒนธรรมอำเภอวังน้ำเขียว ,นางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ,หัวหนำาส่วนราชการประจำอำเภอวังน้ำเขียวทุกส่วนราชการนายกเทศมนตรีตำบลศาลเจ้าพ่อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ทุกแห่ง สมาชิกสภาองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกคน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มพัฒนาสตรีแม่บ้านอสม.อำเภอวังน้ำเขียว และพุทธศาสนิกชนร่วมการบวชครั้งนี้มีผู้บวชทั้งหมด21รูป

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าว พีธีโครงการอุปสมบทหมู่ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันนี้ ในการจัดงานครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ดีที่พี่น้องชาวอำเภอวังน้ำเขียว ทุกหมู่เหล่าได้ร่วมแรงร่วมใจกันกระทำเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายเป็นพระราชกุศลและเพื่อแสดงความอาลัยและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
เป็นการทำความดีเพื่อพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย และเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของประเพณีอุปสมบท และสืบทอดต่อไปจึงขอให้ผู้ที่เข้าพิธีอุปสมบทในครั้งนี้ ได้ตั้งใจรับเอาความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาหลักคำสอนต่างๆ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นสิริมงคลต่อไป

เดินหน้ามาตรการปลอดภัยในการป้องกันโรคโควิด-19

รองอธิบดีกรมอนามัย  มั่นใจ 4 จว. อีสานล่าง พร้อมเปิดเมือง 1 ธค นี้ เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการปลอดภัยในการป้องกันโรคโควิด-19

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564  ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา ร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา จัดงาน “ประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนมาตรการปลอดภัยในการป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อการเปิดบ้านเปิดเมือง นครชัยบุรินทร์” โดยมีนายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เป็นประธาน  นพ.พีระยุทธ สานุกูล ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 9 กล่าวรายงาน  ร่วมด้วย นายกุศล เชื่อมกลาง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ,ผู้แทนจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรค ,ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ,ท่องเที่ยวและกีฬา ,ศึกษาธิการจังหวัด ,อุตสาหกรรมจังหวัด ,วัฒนธรรมจังหวัด,พาณิชย์จังหวัด ,ขนส่งจังหวัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานต่างๆเข้าร่วม    ณ   โรงแรมแคนทารี จังหวัดนครราชสีมา

นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย  กล่าวว่า  จากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบ เกิดภาวะชะลอตัว อาทิ ทางเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา  การท่องเที่ยว อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเมือง ตามนโยบายรัฐบาล วันที่ 1 ธค.64 นี้ และเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ ประชาชน ในเขตนครชัยบุรินทร์ ประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ และบุรีรัมย์  มีความมั่นใจ ปลอดภัย ไร้โควิด ตามมาตรการแนวทางปฏิบัติ COVID Free Setting 3ด้าน ได้แก่ 1.COVID Free Enviroment ด้านสิ่งแวดล้อมและสถานที่  2.COVID Free Personnel ด้านผู้ให้บริการ  3.COVID Free Customer ด้านประชาชน ผู้รับบริการ เพื่อป้องกัน และลดปัจจัยเสี่ยงด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม  จึงเป็นที่มาที่เครือข่าย หลายภาคส่วน จับมือกันร่วมขับเคลื่อน เศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งสร้างความมั่นใจสำหรับผู้รับบริการ ในด้านสถานประกอบการ รวมถึงสถานศึกษา ในเรื่อง Sandbox Safety Zone in school ควบคู่กับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ภายใต้นโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุล ระหว่างมิติสาธารณสุขกับมิติทางเศรษฐกิจและสังคม การศึกษา และการท่องเที่ยวอีกด้วย

ผ้าป่าการศึกษาพี่ช่วยน้อง. สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา

#ผ้าป่าการศึกษาพี่ช่วยน้อง. #สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา 10:00 น .งานบุญเพื่อช่วยเหลือ สร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็ก และเยาวชนในการดูแลสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 เริ่มตั้งแต่ขบวนแห่กองผ้าป่า 9.00 น .นำขบวนโดยคณะขบวนกลองยาว นำโดยดร. รัตนวรบัณฑิต ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกเด็กและเยาวชนเขต3 พร้อมนายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์รองประธานสงเคราะห์เด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา ประธานทอดผ้าป่าการศึกษาและนายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาพร้อมคณะเจ้าหน้าที่นางรำแห่ขบวนกองผ้าป่าการศึกษา เคลื่อนขบวนจากศูนย์ฝึกเด็กและเยาวชนฯมาตั้งกองผ้าป่าที่บริเวณสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา

*** เวลา 10.00 น พระอธิการณัฐวุฒิ สิริปญโญเจ้าอาวาสวัดคลองส่งน้ำเมตตาเป็นประธานพิธีสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์ 9 รูป ทำพิธีทอดผ้าป่าการศึกษา เจริญพระพุทธมนต์ ได้รับเกียรติจาก ท่านเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด จุดเทียน ธูปบูชาพระรัตนตรัย และคฯะดร.รัตนะ วรบัณฑิตผู้อำนวยการศูนย์ฝึกเด็กและเยาวชนเขต3 และนายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาร่วมพิธี

***เวลา 11.00 น.นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์รองประธานสงเคราะห์เด็กและเยาวชน ถวายกองผ้าป่าสามัคคี ยอดบุญ 188,239บาทแด่ประธานฝ่ายสงฆ์พร้อมคณะผู้ร่วมงานกว่า 100 ท่าน จากคณะภาคีเครือข่ายภาคการศึกษา และเครือข่ายภาคเอกชน จากนั้นแขกผู้มีเกียรติทุกท่านได้ร่วมถวายภัตตาหารเพลแด่คณะพระภิกษุสงฆ์รับผ้าป่าฯ และเมื่อพระสงฆ์รับแล้ว พระภิกษุสงฆ์ได้ให้พรและพรมน้ำมนต์ เพื่อสิริมงคลให้แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานทุกท่านทั่วกัน พร้อมกันนี้คณะทำงานการดำเนินการดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกัน covid-19 ตามนโยบายสาธารณสุขโดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดร่วมสังเกตการณ์ด้วย

ท้ายนี้ ฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ ประธานงานกล่าวขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผู้ใหญ่ใจดีที่ร่วมงานพิธีในครั้งนี้ ท่านเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด ,นายรักชาติ กิริวัฒนศักดิ์ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ,นายสุดชาย บุตรแสนดีผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา, คุณชินพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปเดอะมอลล์โคราช และเครือข่ายทางการศึกษาเพื่อเด็กที่ด้อยโอกาสทุกท่าน ในโอกาสพืธีนี้ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลายในสากลโลกทั้วหลาย ได้โปรดดลบันดาลให้ท่านและคอบครัวประสบแด่ความสุข ความเจริญ ด้วยอายุ วรรณะ สุขะพละ ด้วยเทอญ

แถลงข่าวเปิดตัว จัดงานฟอสซิลเฟสติวัลครั้งที่6 100 ปีแห่ง อนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินและช้างไทย

ม.ราชภัฏโคราชนำทัพเปิดโลกดึกดำบรรพ์ จัดงานฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 6  100 ปีแห่งการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินและช้างไทยจากสมัยรัชกาลที่ 6

 วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน 2564 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ องค์การมหาชน (สสปน.) องค์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครราชสีมา วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา และภาคีเครือข่าย จัดงานแถลงข่าว งานฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 6 : 100 ปีแห่งการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินและช้างไทยจากสมัยรัชกาลที่ 6 Fossil Festival VI : 100 Years of petrified Wood and Elephant Conservation from the Reign of King Rama VI ณ ห้องประชุมลำตะคอง 1 โรงแรมแคนทารี โคราช โดยได้รับเกียรติจาก นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายสมเกียรติ ตันดิลกตระกูล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นางสาววัชรี ชูรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน องค์การมหาชน (อพท.),

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐฐินี ทองดี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ เป็นผู้ให้ถ้อยแถลงในการจัดงาน พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดการเสวนาเพื่อสร้างความตระหนักเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นและการจัดการอย่างยั่งยืน ซึ่งมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประเทือง จินตสกุล ผู้อำนวยการอุทยานธรณีโคราชและที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดงาน, ดร.อัปสร สอาดสุด ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี, นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ ดร.อลงกต ชูแก้ว ผู้อำนวยการกองทุนวิจัยและอนุรักษ์ช้างไทย เขาใหญ่ ดำเนินรายการโดย อ.นิรวิทย์ เพียราษฎร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาแหล่งเรียนรู้และเสริมสมรรถะมนุษย์

 งานฟอสซิลเฟสติวัล เป็นงานที่สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ ดำเนินการจัดมาเป็นประจำทุก 2 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2554 จนถึงปัจจุบัน โดยมีจุดประสงค์หลัก คือ สร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักในคุณค่า รวมทั้งร่วมกันอนุรักษ์มรดกฟอสซิลหรือซากดึกดำบรรพ์ของจังหวัดนครราชสีมา ให้คงอยู่และเกิดประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ในปีนี้ ทางสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ ได้จัดงานภายใต้แนวคิด “100 ปี แห่งการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินและช้างไทยจากสมัยรัชกาลที่ 6”

 ด้วยแนวคิดการอนุรักษ์ฟอสซิลในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะฟอสซิลไม้กลายเป็นหิน มีปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อรัชกาลที่ 6 หรือพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ เสด็จมาตรวจการก่อสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมา – อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2464 ณ บริเวณ สะพานดำ ซึ่งเป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำมูล ในบริเวณบ้านะกุดขอน ตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา พระยารำไพพงศ์บริพัตร วิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างทางรถไฟสายนี้พร้อมกับชาวบ้านได้นำฟอสซิลจากไม้กลายเป็นหินจากท้องร่องแม่น้ำมูล น้อมเกล้าฯ ถวายแด่ ร.6 แต่พระองค์ท่านกลับแนะนำให้เก็บรักษาไว้ในท้องที่ พระยารำไพพงศ์บริพัตรจึงได้สร้างอนุสรณ์สถานการเสด็จมาตรวจการก่อสร้างทางรถไฟของ ร.6 ในบริเวณหัวสะพาน แล้วนำไม้กลายเป็นหินท่อนดังกล่าวฝังตรึงไว้บนยอดอนุสรณ์สถาน ซึ่งยังคงปรากฏให้เห็นเป็นสภาพเดิมตราบกระทั่งปัจจุบัน อนุสรณ์สถานไม้กลายเป็นหิน ร.6 นี้จึงเป็นอนุสรณ์การอนุรักษ์ฟอสซิลหรือไม้กลายเป็นหินที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์และชุมชนชาวท่าช้างมาครบ 100 ปี ในวันที่ 4 ธันวาคม 2564 นี้ และอาจกล่าวได้ว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทยและเอชียตะวันออกเฉียงใต้

 การจัดงานฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 6 กำหนดจัดในระหว่างวันที่ 4 – 10 ธันวาคม 2564 ณ สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ในรูปแบบ Hybrid โดยมีกิจกรรมทั้งรูปแบบของ Onsite ณ สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ และระบบ Online โดยมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ

 1. การแถลงข่าวการจัดงานฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 6 และการเสวนาการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นกับการพัฒนาที่ยั่งยืน วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 ในรูปแบบ Hybrid (Onsite and Online)

 2. พิธีเปิดงาน ฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 6 พร้อมชมนิทรรศการชุด “โคราช : มหานครแห่งบรรพชีวินโลก World Paleontopolis” , “จีโอพาร์ค” โดยกรมทรัพยากรธรณี, และ นิทรรศการ “ไม้กลายเป็นหินแปลก”

 3. งานสัมมนาทางวิชาการ บรรพชีวิน “100 ปี อนุรักษ์และวิจัยฟอสซิลในโคราช”

 การเสวนาทงวิชาการหัวข้อ “ฟอสซิลแห่งสยามกับการอนุรักษ์”, “ฟอสซิลแห่งสยามกับการอนุรักษ์และโคราชมหานครแห่งบรรพชีวินโลก (World Paleontopolis)”

 การนำเสนอผลงานทางวิชาการ “ร่วมเรียนรู้สิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์กับนักวิจัย” และ “พิพิธภัณฑ์ฟอสซิลเพื่อการนันทนาการและการเรียนรู้” วันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2564 ในรูปแบบ Hybrid

 4. พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางด้านการอนุรักษ์ซากดึกดำบรรพ์ สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ ร่วมกัย กรมทรัพยากรธรณีและภาคีเครือข่าย วันที่ 8 ธันวาคม 2564 ณ สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ ในรูปแบบ Hybrid (Onsite and Online)

 นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “ทัวร์เที่ยวทิพย์ท่องเที่ยวมหานครแห่งบรรพชีวิน”, “กิจกรรมท่องเที่ยวไปในพิพิธภัณฑ์ฯ กิจกรรม DIY By Khorat Fossil Museum พบกับเรื่องราวที่น่าสนใจตามแต่ละวัน เช่น ตอน ไดโนเสาร์สิรินธรน่าโคราชเอนซิส และสยามแรปเตอร์ สุวัจน์ติ, “เติมสีสันให้ช้าง” และงานแสดงสินค้าชุมชนและผลผลิตทางการเกษตร “ไม้หิน กรีน มาร์เก็ต” พร้อมชมผลานทางศิลปะ โดยงาน Thailand Art Biennale 2021

 การจัดงานในครั้งนี้จึงนับเป็นก้าวสำคัญของจังหวัดนครราชสีมาที่ได้ดำเนินการค้นพบและอนุรักษ์ซากดุกดำบรรพ์ และในปี พ.ศ.2564 ครบรอบ 100 ปี จึงเป็นโอกาสดีที่สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ และภาคีในจังหวัดนครราชสีมาจะได้จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการสร้างความเข้าใจเรื่องซากดึกดำบรรพ์ ตลอดจนการกระตุ้นให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนคนทั่วไปได้ตระหนักในความสำคัญของซากดุกดำบรรพ์ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สามารถนำมาต่อยอดในเรื่องของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายของการจัดงานที่สำคัญ คือ การสร้างความตระหนักในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรณีและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเชื่อมโยงกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลก หรือ SDGs

สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา จัดประกวดและมอบรางวัลคลิปวีดีโอวัฒนธรรมโคราช

กรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมกับสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาจัดโครงการประชาสัมพันธ์ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ผ้าและอาหารประกาศผลชิงรางวัลโล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
วันที่ 15 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. ณ สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ดร. ยลดาหวังศุภกิจ โกศล นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาพร้อมนาง เอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา นาย ไชยนันท์ แสงทองวัฒนธรรมจังหวัดและ คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติร่วมพิธีประกาศผลรางวัลโครงการผลิตสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ผ้าและอาหาร การส่งเสริมต่อยอดสร้างสรรค์ ด้านภูมิปัญญาวัฒนธรรมดำเนินการโดยสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม พัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลลัยราชภัฎนครราชสีมา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ ม.วงษ์ชวลิตกุลโดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชรูปแบบออนไลน์ให้แก่เยาวชนและประชาชนของจังหวัดนครราชสีมา โดยจัดอมรมเมื่อวันที่ 16 ต.ค 2564 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎจังหวัดนครราชสีมา

  1. เพื่อฝึกอบรมผลิตสื่อสารสนเทศรูปแบบออนไลน์ โดยการมีส่วนร่วมของเยาวชนและประชาชนให้ได้มีผู้เข้าร่วม สามารถผลิตสื่อด้านวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราช อย่างสร้างสรรค์และมีเวลาแสดงความรู้ความสามารถด้านการตัดต่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมแก่นักศึกษาและประชาชน
  2. เพื่อพิจารณาคัดเลือกสื่อสารสนเทศดีเด่นเกี่ยวกับวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชที่เยาวชนและประชาชนได้ผลิต เผยแพร่ และมอบรางวัล
    การดำเนินกิจกรรมโครงการนี้แบ่ง 2 ลักษณะ
  3. การอบรมเสริมสร้างความรู้ด้านวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชบ้านเองและความรู้การเขียนเนื้อหาประกอบบทวีดีทัศน์ ระยะเวลา 1 วัน ผ่านระบบ Zoom online
  4. จัดทำวีดีทัศน์การประกวดขนาดความยาว 3 – 5 นาที / เรื่อง เพื่อชิงโล่รางวัล ท่านอิทธิพล คุณปลื้มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและประธานสภาตามลำดับ
    แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ด้านผ้าและอาหารโคราชมีโล่และเงินรางวัลชนะเลิศจากท่าน อิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและเงินรางวัลรวมกว่า 50000 บาท จากโครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ผ้าและอาหารได้มีทีมร่วมประกวดจำนวน 29 ทีม จำนวนผู้รว่มการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 87 ท่าน ผ่านรอบแรกบทวีดีทัศน์ประเภทผ้า 13 ทีมและประเภทอาหาร 15 ทีม และรอบสุดท้ายส่งบทวีดีโอได้มีการมอบรางวัลประเภทผ้า 5 รางวัล ได้แก่
  5. ทีม กิตติธัญกุล รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 10000 บาท
    กลุ่มทอผ้าไหมบ้านทับทับสวาย – ผ้าไหมมัดหมี่ลายปูน อ. ห้วยแถลง
  6. ทีม 9644FILM รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 8000 บาท
    กลุ่มทอผ้าเทศบาลตำบลสูงเนิน – ผ้าเงี่ยงนางดำ อ. สูงเนิน
  7. ทีมวัตถาภรณ์ นครโคราช รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 5000 บาท
    วิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านโนนกุ่ม – ผ้ายวน อ. สีคิ้ว
  8. ทีม อารยโชว์ โรงเรียนจระเข้หินสังฆกิจ ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
    สหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรคึมมะอุสวนหม่อม – ผ้าขาวม้าไหมลายโน้ตดนตรี อ.บัวลอย
  9. ทีม Donpharm cup ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
    วิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านถนนคต 9101 ผ้ายวน อ. สีคิ้ว
    และประเภทอาหาร 5 ทีม ที่ได้รับรางวัล ได้แก่
  10. ทีม วัตถาภรณ์ นครโคราช รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 10000 บาท
  1. และประเภทอาหาร 5 ทีม ที่ได้รับรางวัล ได้แก่
    1. ทีม วัตถาภรณ์ นครโคราช รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 10000 บาท
    หมู่บ้านวัตวิถีบ้านน้ำฉ่า – หมี่อ่อนสอดใส้ อ. ขามทะเลสอทีม
  2. 9644 FILM รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 8000 บาท
    ร้านพจน์เป็ดย่างพิมาย – เป็ดย่าง อ. พิมาย

3..ทีม อาหารโคราชรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 8000 บาท
บ้านขนมไทยโคราช – ขนมไทย อ. เมือง

4..ทีม นาย บฤงกฤษฎ์ พิทยาวิวัฒน์กุล ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
กระยาสารทแม่ปราณี – กระยาสารท อ. พิมาย

5.ทีม หนุ่มหน้ามน ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
ร้านตำไทบ้าน – ผัดหมี่โคราชอ.เมือง


จากการส่งเสริมผลิตสื่อประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมผ้าและอาหารถือเป็นกิจกรรมส่งเสริมต่อยอดภูมิปัญญาเผยแพร่สู่สาธรณะชนกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนรู้จักผ้าและอาหารโคราชตามมาตรฐานสากลต่อไป

จับกุมเครือข่าย ขบวนการดาวน์รถแลกเงินส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

จับกุมเครือข่ายขบวนการดาวน์รถแลกเงิน ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

ตามบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มายัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปจร.ตร. และ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตำรวจ ภูธรภาค 3 ปราบปรามจับกุมการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะเรื่องการนำรถไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน

ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภ.3/ผอ.ศปจร.ภ.3 พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.ฯ ปรก.รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา

ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.พรเทพ ทุ้ยแป รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.มณฑล หงษ์กลาง รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.วิชานนท์ บ่อพิมาย สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ต.ชัยพล คงขุนทด สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ต.เกรียงศักดิ์ สุดจิตจูล สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ต.ณัฐพล เฉลิมนพกุล สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา สืบสวนจับกุมคดีดังกล่าว

คดีนี้สืบเนื่องจาก นโยบายของสำนักงานงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปราบปรามจับกุมการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และนโยบายของ พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ให้กวดขันจับกุม รถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นประจำทุกเดือนนั้น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนแสนสุข จ.นครราชสีมา ได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 6 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถจักรยานยนต์ใหม่ ได้ที่ริมถนนท้ายหมู่บ้านปรางค์ครบุรี ต.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ไว้ทำการตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่าเป็นรถที่ถูกลำเลียงมาจาก จ.ชลบุรี จากการสืบสวนขยายผลร่วมกับ กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา สามารถตรวจยึดรถจักรยานยนต์ได้เพิ่มเติมในพื้นที่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ 4 คัน และ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว 4 คัน รวม 14 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถที่กำลังลำเลียงจะนำไปส่งยังประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณชายแดน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว

กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ตำรวจภูธรภาค 3

จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบและทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเรื่อยมาจนกระทั่งนำไปสู่การขออนุมัติศาลออกหมายจับ และเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 6 ราย ดังต่อไปนี้

1. นายเสกสรรค์ พันธ์ดี อายุ 39 ปี 13 ม.5 ต.คลองดำหรุ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี (ตัวแทนนายทุนต่างชาติ)

2. น.ส.สรยา โต๊ะยีหวัง อายุ 34 ปี 29/2 ม.14 ต.ดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา (นายหน้า)

3. น.ส.ลำไพร มั่นคง อายุ 45 ปี 344 ม.9 ต.บ้านฝาง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น (ผู้เช่าซื้อ)

4. น.ส.ศุภิสรา สอนเจริญ อายุ 26 ปี 178 ม.12 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว (ว่าจ้าง/จัดหาทีมขน)

5. นายสุทัศน์ สร้อยดั้น อายุ 18 ปี 178 ม.12 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว (หัวหน้าทีมขน)

6. นายพงศ์พัทธ์ ศรีมาตร อายุ 25 ปี 14 ม.8 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว (ทีมขน)

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, สมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดๆซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด อันเป็นความผิดฐานซ่องโจร, หรือร่วมกันรับของโจร”

โดยพบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะของขบวนการดาวน์รถแลกเงิน ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันทำดังนี้ (1) นายทุนต่างชาติ(ประเทศเพื่อนบ้าน) แจ้งยี่ห้อ/รุ่น รถจักรยานยนต์ที่ต้องการ (2) ตัวแทนนายทุนต่างชาติประกาศในสื่อสังคมออนไลน์ รับซื้อ/ดาวน์รถจักรยานยนต์มาแลกเงิน (3) กลุ่มนายหน้าติดต่อกับผู้ที่ต้องการเงินให้มาดาวน์รถฯ (เช่าซื้อ) เพื่อแลกเงิน (4) ผู้เช่าซื้อนำรถฯ ส่งมอบให้กับนายหน้าเพื่อแลกกับเงินที่ต้องการ (5)นายหน้ารวบรวบรถส่งให้กับตัวแทนนายทุนต่างชาติ (6) นายทุนต่างชาติ (ประเทศเพื่อนบ้าน) สั่งการให้ทีมขนดำเนินการนำรถที่รวบรวมมาได้ไปส่งมอบ ณ จุดนัดหมายเพื่อนำข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่าขบวนดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 100 ล้านบาท

จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังอย่าหลงผิดเป็นเหยื่อของขบวนการดังกล่าว โดยไปดาวน์รถให้ผู้อื่นเพื่อแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย แล้วมาแจ้งความว่ารถหายเพื่อเอาประกัน นอกจากจะถูกดำเนินคดีในฐานะผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิดแล้ว ท่านจะต้องถูกดำเนินคดี ข้อหาแจ้งความเท็จฯ อีกด้วย สำหรับบริษัทประกันภัย หรือผู้ให้บริการสินเชื่อ (ลิสซิ่ง/ไฟแนนซ์) หากพบว่าได้รับความเสียหายในลักษณะดังกล่าว ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป