ลมหนาวนี้เพิ่มแลนด์มาร์ค-ติดไฟ ให้อารมณ์โรแมนติก เที่ยวสะพานไม้ร้อยปี โคราช

สะพานไม้ 100 ปี ครบุรี จัดเตรียมแหล่งท่องเที่ยวต้อนรับหน้าหนาว แอ่วเก็บตะวันที่สะพานไม้ร้อยปี ลมหนาวนี้เพิ่มแลนด์มาร์ค-ติดไฟ ให้อารมณ์โรแมนติก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สะพานไม้ร้อยปี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านโคกกระชาย หมู่ที่ 1ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ทางอาสาสมัครของชาวบ้านโคกกระชาย ได้นำไฟมาประดับประดาสะพานไม้อายุกว่า 100 ปีที่ทอดผ่านทุ่งนาข้าวเขียวขจีระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร พร้อมกับปรับปรุงเพิ่มเติมจุดชมวิวและจุดแลนด์มาร์คไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาบันทึกภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพื่อต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวปลายฝนต้นหนาวและเทศกาลออกพรรษาที่กำลังจะมาถึงนี้  โดยขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมสะพานไม้ร้อยปีที่ประดับประดาไฟเพิ่มความสวยงามกันอย่างคึกคักโดยเฉพาะในช่วงเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะตกติด  เนื่องจากมีความสวยงามอย่างมาก

สำหรับสะพานไม้ร้อยปีแห่งนี้ เป็นสะพานไม้เก่าแก่ที่มีความสำคัญบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตชาวบ้านดั้งเดิม เนื่องจากเป็นสะพานที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้สัญจรไปมาหาสู่พร้อมลำเลียงผลผลิตทางการเกษตรมาแต่ช้านานในอดีต และยังคงสภาพเช่นเดิมมานานกว่า 100 ปีแล้ว ด้วยความรักสามัคคีของชาวบ้านที่ช่วยกันดูแลรักษาและอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน จึงถือเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านในพื้นที่ให้ความสำคัญและดูแลรักษามาไว้เป็นอย่างดี

และยิ่งในช่วงนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งวัน  วิวทิวทัศน์ของสะพานไม้ยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ที่ขณะนี้กำลังทอดยาวผ่านท้องทุ่งนาข้าวเขียวขจีที่กำลังจะตั้งท้องออกรวงด้วยความอุดมสมบูรณ์ ยิ่งเพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กับสะพานไม้แห่งนี้เพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ  อีกทั้งสถานที่จุดนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของอำเภอครบุรี    ที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมมาท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

 

ชาวโคราชแห่ต้อนรับเทศกาลกินเจอย่างอิ่มบุญ อิ่มใจ8-17ต.ค.61

งานประเพณีเทศกาลถือศีลกินเจซึ่งจากความเชื่อว่าในช่วงตั้งแต่วันแรม 14 ค่ำเดือน 10 ปีจอตามจันทรคติตรงกับวันที่ 8 ตุลาคมถึง 17 ตุลาคม 2561 เทพเจ้าประจำดาวเคราะห์องค์ต่างๆ 9 พระองค์คือพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธพฤหัส พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู พระเกตุ จะส่งผลัดเปลี่ยนกันเสด็จลงมาตรวจโลกมนุษย์ทั้งกลางวันและกลางคืนส่งคอยสอดส่องดูแลและควบคุมทุกข์สุขของสัตว์โลกจากความเชื่อนี้หากบุคคลใดต้องการความรุ่งเรืองผาสุขในชีวิตก็ควรจะลดละอกุศลกรรมและพยายามสะสมแต่สิ่งที่ดีงามเพื่อจะได้รับพรจากเทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์

เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2561 เทศบาลเมืองนครราชสีมา ร่วมกับมูลนิธิพุทธรรม 31 (ฮุก 31)  จ.นครราชสีมา ศาลเจ้าพ่อเสือ จ.นครราชสีมา มูลนิธิสว่างเมตตาธรรม ฯลฯ ทำพิธีแห่องค์เทพเจ้ารอบเมืองโคราช เนื่องในงานเทศกาลถือศีลกินผัก (เทศกาลกินเจ) ประจำปี 2561ณ.ลานอนุเสาวรีย์คุณย่าโม จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 8 – 17 ตุลาคม 2561โดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย  นายกเหล่ากาชาด จังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา นายชัชวาล วงศ์จร ประธาน หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และคณะกรรมการมูลนิธิอื่นฯลฯพร้อมทั้งประชาชนชาวโคราชร่วมเปิดงานเทศกาลกินเจ   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการตั้งขบวนเดินรอบเมืองและรถแห่เทพเจ้าไปตามตัวเมืองนครราชสีมาเข้าสู่มูลนิธิฮุก31และเมตตาธรรมฯจากนั้นก็ทำพืธืต้อนรับเทพเจ้าที่จะลงมาประทับร่างทรงม้า มีการแสดงมังกรโชว์กายกรรมซึ่งเป็นการ แสดงเป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง   การกินเจครั้งนี้มีประชาชนได้แห่กันไปร่วมกินเจและบริจาคเงินคนละ10-100 บาทหรือตามกำลัง ที่จะบริจาคโดยทางมูลนิธิต่างๆก็จะตั้งตู้บริจาคไว้ในสถานที่กินเจ ต่อมา  ที่มูลนิธิเมตตาธรรมสถานฯช่วงเย็นมีการแข่งขันเชฟกะทะเหล็กมีทีมเดอะมอลล์  ทีมมูลนิธิเมตตา และทีมประชาชนที่เข้าแข่งขันในครั้งนี้ด้วย

นายกสมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่ จัดงาน คาวบอยไนท์ มอบเครื่องดนตรี มูลค่า 400,000 บาท

นายกสมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่ จัดงานเลี้ยง  “คาวบอยไนท์”   มอบเครื่องดนตรีมูลค่ากว่า      400,000 บาท  ช่วยเหลือโรงเรียนขาดแคลนอุปกรณ์ดนตรี

              เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 เวลา 19.00 น ที่ผ่านมา   ณ  โรงแรมเดอะเปียโนรีสอร์ท – เขาใหญ่  ได้จัดงาน     “คาวบอยไนท์”   เนื่องในโอกาสเป็นวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ  60 ปี ของ ดร. วัชรี ปรัชญานุสรณ์  นายกสมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่  ทางผู้จัดงานได้ทำบุญมอบเครื่องดนตรีช่วยเหลือโรงเรียนขาดแคลน โดยได้รับเกียรติจาก  นายสุรพันธ์   ศิลปสุวรรณ  นายอำเภอปากช่องจังหวัดนครราชสีมา     กล่าวเปิดงาน  และกล่าวต้อนรับคณะแขกผู้มีเกียรติ ที่เข้าร่วมงาน โดยมีนายชัชวาล  วงศ์จร   ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา,  คณะกรรมการหอการค้า ,นายธิติรัตน์   พงษ์พุทธรักษ์   นายกสมาคมนักข่าว   จังหวัดนครราชสีมา  ,คณะกรรมการสมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่และผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน  ร่วมงานกว่า 300 คน  โอกาสนี้   ดร. วัชรี   ปรัชญานุสรณ์    นายกสมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่  ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน  เพื่อเลี้ยงสังสรรค์ขอบคุณ เพื่อนคณะทำงานองค์กรภาคเอกชนและราชการในจังหวัดนครราชสีมา ตลอดระยะเวลาที่ช่วยเหลืองานด้านสังคมและการพัฒนายกระดับการท่องเที่ยวเขาใหญ่ ให้มีมาตรฐานสากลระดับชาติ เพื่อการขอบคุณคณะบุคคลหน่วยงานต่างๆจึงได้มีการจัดงานเลี้ยงขอบคุณทุกท่านในโอกาสนี้  และเชิญหน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมบุญบริจาคเครื่องดนตรีมูลค่ากว่า 4 แสนบาท  โดยเป็นเครื่องดนตรีเปียโนไฟฟ้าจำนวน 4 เครื่องให้โรงเรียนที่ขาดแคลนเพื่อประกอบการสอน 2 แห่ง ประกอบด้วย  โรงเรียนปากช่อง (คุรุสามัคคี)และศูนย์ฝึก และอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา  โดยได้รับเกียรติจาก  นายรัตนะ  วรบัณฑิต   ผู้แทนโรงเรียนรับมอบอุปกรณ์ดนตรี

จากการจัดงานปาร์ตี้  “คาวบอยไนท์”  ครั้งนี้ผู้จัดไม่ประสงค์รับเงินหรือสิ่งของช่วยงาน         แต่หากผู้ร่วมงานจิตอาสาที่ช่วยงานมา  ก็จะนำเงินที่ได้มาทุกบาทช่วยเหลือในการร่วมสมทบทุนเพื่อบริจาคให้โรงพยาบาลปากช่องนานาและโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอีกครั้งต่อไป

 

 

แถลงข่าว เดอะมอลล์ โคราช ระดมทุนให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

แถลงข่าว เดอะมอลล์ โคราช ระดมทุนให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาจัดงาน “เดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช ส่งต่อความรัก สร้างความสุข”

วันที่ 27กันยายน2561เวลา 13.00น.เดอะมอลล์ โคราช จัดงานแถลงข่าว “เดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช ส่งต่ความรัก สร้างความสุข” ระดมทุนให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

โดยนายมุรธาธีร์  รักชาติเจริญรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธาน นาย สมชัย อัศวสุดสาคร ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราช พลเอกมารุต ลิ้มเจริญ นายกสมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมาพันเอก ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ รองเสนาธิการ กองทัพภาคที่2 พ.ต.อ. สุจินต์ นิจพานิชย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา  นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท  นางสาว ดวงตา พงษ์วิไลย์ ผู้จัดการใหญ่การตลาด เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด  ผู้ร่วมแถลงข่าว

  “โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ปัจจุบันมีผู้ป่วยมากมายจากหลากหลายจังหวัดในภาคอีสาน ปริมาณผู้มารับบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี แม้ว่าจะมีการปรับปรุงสถานที่ให้บริการ โดยเพิ่มจำนวนห้องตรวจโรคและเตียงรับผู้ป่วย แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้ผู้รับบริการไม่สะดวกต่อการใช้บริการ เราจึงได้มีการระดมทุนสำหรับการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉินของโรงพยาบาล เพื่อเป็นการกระจายศักยภาพการรักษาสู่ระดับภูมิภาคครั้งสำคัญ ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยกลุ่มอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปีในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง ลดความแออัดของผู้มารับบริการด้านการรักษาพยาบาล เพิ่มความรวดเร็วในการรักษาหรือผ่าตัดฉุกเฉิน ทำให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์และมีโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐานอย่างเท่าเทียมและทันเวลา เพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของประชาชนในระดับภูมิภาค จึงจำเป็นต้องก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉินดังกล่าว เพื่อรองรับผู้ที่จะมาใช้บริการ รวมทั้งยังต้องการทุนทรัพย์อีกมากมายในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั้งนี้ผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมสมทบทุนให้กับโครงการ “เดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช ส่งต่อความรัก สร้างความสุข” ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป(นาย สมชัย อัศวสุดสาคร ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าว)

ส่งต่อความรักสร้างความสุข พร้อมร่วมทำบุญสมทบทุนสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2561 ที่ เดอะมอลล์ โคราช สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ FB : The Mall Korat

เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ร่วมกับ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), จังหวัดนครราชสีมา, กองทัพภาคที่2, ตำรวจภูธรภาค 3 และสมาคมศิษย์เก่า อัสสัมชัญนครราชสีมา จัดงานแถลงข่าว “เดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช ส่งต่อความรัก สร้างความสุข” ปฏิบัติภารกิจสร้างความสุขส่งต่อชาวโคราช ฉลองครบรอบ 18 ปี เดอะมอลล์ โคราช จัดคอนเสิร์ตการกุศลกับศิลปินวัยรุ่นยุค 90’s มอส ปฏิภาณ

ททท.โคราช ต้อนรับชาวคณะคาราวาน พิชิต20จังหวัดภาคอีสาน (26ก.ย.-3 ต.ค.61)

วันที่ 26 กันยายน 2561ณ.โรงแรมสีมาธานี จังหวัดนครราชสีมา เส้นทางคาราวานรถยนต์ส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวภาคอีสาน “อีสานแซบนัวครัวอีสาน Cool Isan จากวิถีถิ่นสู่วิถีเทรนด์” พิชิต20จังหวัดภาคอีสานโดยนายจรัสชัย โชคเรืองสกุลรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธาน พร้อมด้วยนายสมชาย ชมภูน้อยผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.ททท.สำนักงานนครราชสีมา กล่าวรายงาน

นายชัชวาล วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และสำนักงาน ททท. ภาคอีสาน คณะคาราวาน-สื่อมวลชน ร่วมงาน กิจกรรมแนะนำแนวทางส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวปี 2562นครราชสีมา-ชัยภูมิ           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรม งานเลี้ยงต้อนรับในครั้งนี้ให้ ใส่เสื้อลายดอก จะมีรางวัลให้ แก่คณะคาราวาน-สื่อมวลชนฯและมี วงดนตรี สร้างความสนุกสนานให้แก่คณะคาราวาน พร้อมอาหารเลิศรสเช่น ส้มตำผัดหมีโคราชด้วย ทั้งน้ำสมุนไพร รสชาติกล่มกล่อมและอิ่มอร่อยด้วยอาหารอาหารบุฟเฟ่ต์ ในการเลี้ยงต้อนรับคณะคาราวาน ในครั้งนี้   สำหรับเส้นทางท่องเที่ยว ในวันที่27กันยายน2561 นครราชสีมา ชัยภูมิหนองบัวลำภู  เลย ประมาณ 410 กิโลเมตร คณะคาราวานก็จะออกเดินทาง07.00น.

ชาวบ้าน ต.จระเข้หิน โคราช แห่หาเห็ดผึ้งขมขายสร้างรายได้เสริม กิโลกรัมละ 50 บาท

ชาวบ้านแห่หาเห็ดผึ้งขมขายสร้างรายได้เสริม ชูเมนูลาบเคี้ยวหนึบหนับ ขมหน่อยๆอย่างน้อยต้องลองชิมสักครั้งในชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันต่อเนื่องช่วงนี้ ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านตลิ่งชัน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เกิดมีเห็ดผึ้งขมงอกโผล่พื้นดินเป็นจำนวนมาก  ชาวบ้านหลากหลายพื้นที่รวมถึงชาวบ้านบ้านตลิ่งชันเอง พากันออกไปหาเก็บเห็นเพื่อนำมารับประทานเป็นอาหาร รวมถึงนำมาจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็ก ที่จะใช้โอกาสช่วงวันหยุดติดตามผู้ปกครองออกไปด้วย ถึงแม้ว่าเห็ดผึ้งขมจะไม่เป็นที่รู้จักและนิยมรับประทานเท่ากับเห็ดป่าชนิดอื่นอย่างเช่นเห็ดระโงก นางหงส์ หรือเห็ดโคน ก็ตาม

โดยเห็ดผึ้งขมนั้น เป็นเห็ดที่มีรูปร่างคล้ายกับเห็ดหอม และเห็ดตับเต่า ช่วงอ่อนดอกตูมจะมีสีม่วงเข้ม แต่หากแก่ดอกบานจะมีสีน้ำตาล มีรสชาติค่อนข้างขม แต่เป็นที่นิยมเพราะชาวบ้านเชื่อว่ามีสรรพคุณเป็นยา รักษาอาการปวดเมื่อย ลดอาการของโรคเบาหวาน  โดยราคาขายหากเป็นเห็ดสดราคาจะอยู่ที่ 40 บาท ต่อกิโลกรัม แต่หากต้มแล้วราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท โดยวันหนึ่งๆชาวบ้านจะหาเก็บเห็ดได้คนละ 3 – 5 กิโลกรัม ซึ่งถือถือเป็นรายได้เสริมอย่างดีของชาวบ้าน อย่างเช่นนางวิเชียร กลมกลาง อายุ 59 ปี และ นางแม้น ผลบุญ อายุ 66 ปี ชาวบ้านบ้านตลิ่งชันที่พากันออกมาหาเห็ด บอกว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกต่อเนื่อง อากาศร้อนอบอ้าว เห็ดผึ้งขมจึงออกดอกมากเป็นพิเศษ  ชาวบ้านนิยมที่จะนำไปต้ม แกง รวมถึงนำไปลาบ รสชาติก็จะออกขมเล็กน้อย แต่มีดีที่เห็ดมีความหนึบและเชื่อกันว่ามีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคเบาหวาน

โดยวิธีการทำลาบเห็ดผึ้งขมนั้น ต้องนำเห็ดมาทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือ จากนั้นนำไปลวกกับน้ำเดือดใสใบฝรั่งลงไป เพราะจะช่วยทำให้เห็ดผึ้งขมคลายความขมออกส่วนหนึ่ง เพราะหากไม่ใส่ใบฝรั่งรสชาติเห็ดจะขมมากเกินไป ลวกสัก 2 – 3 น้ำ   จากนั้นก็นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่เครื่องลาบ อาทิข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา ผักชีฝรั่ง หัวหอม ต้นหอม มะนาว ใบสาระแหน่ เป็นต้น คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติปรุงเพิ่มตามพอใจ ตักเสิร์ฟพร้อมกับผักเครื่องเคียง กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติจะออกขมนิดๆ เคี้ยวหนึบหนับ ถูกใจชาวไทยอีสาน  อย่างนี้ต้องลองชิมดูถึงจะรู้เอง

พระพุทธรูปโบราณ อายุ 600-800 ปี “หลวงพ่อองค์ดำ” คู่วัดรวง โคราช

คณะสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าสักการะบูชา หลวงพ่อองค์ดำ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณ  อายุระหว่าง 600-800 ปี โดยมีประวัติไม่ปรากฏแน่ชัด ตามประวัติเล่าต่อกันมาว่า เป็นพระพุทธรูปองค์สีดำลอยมาตกในสระน้ำใกล้ๆ หมู่บ้าน ชาวบ้านจึงอัญเชิญไปประดิษฐานในวัดรวง เพื่อเป็นที่สักการะของคนทั่วไป ซึ่งเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก อธิฐานสิ่งใดมักจะได้สิ่งนั้น แม้แต่การสาบานก็จะเป็นจริงตามคำพูด และหากผู้ใดได้บูชาเหรียญพ่อพ่อองค์ดำไว้เพื่อเป็นสิริมงคลกับตนเอง เชื่อว่าจะทำให้รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวงได้ ปัจจุบันหลวงพ่อองค์ดำประดิษฐานอยู่ใน อุโบสถวัดรวง บ้านรวง ตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา

หลวงพ่อองค์ดำ  มีลักษณะองค์เป็นศิลปะสมัยลพบุรี  เนื้อหินศิลาทรายสีดำสูงประมาณ1.20เมตรพบเห็นณ.หมู่บ้านบ้านชุมชนวัดรวงนี้ท่านศักดิ์สิทธ์เป็นที่รู้จักอย่างดีคนแถวนี้ในอดีตมีผู้มารักขโมยพระไปจากวัดต้องนำกลับมาคืนและเสียชีวิตตายโหงช่วงหนึ่งชาวบ้านต้องสร้างกรงเหล็กครอบองค์ท่านไว้…แต่ปัจจุบันได้เปิดอิสระให้ผู้ศรัทธามากราบไหว้อย่างใกล้ชิด

จากการสอบถามรักษาการเจ้าอาวาสวัดรวง  ตำบลหนองดูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ  จังหวัดนครราชสีมา  ทราบว่า วัดรวงแห่งนี้ เดิมที่พื้นที่เป็นป่ารกร้าง ไม่มีเมรุเผาศพ ต้องเผากองฟอน โดยใช้ฟืน แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อองค์ดำ ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัด  จึงได้ดลจิตดลใจ ให้สร้างเหรียญขึ้นมา เพื่อให้พี่น้องประชาชนบูชา จัดหารายได้เข้ามาในวัด เพื่อสร้างเมรุ และบูรณะอุโบสถ พอมีคนเริ่มรู้จักมากคน มีประชาชนแห่มาสักการะมากขึ้น ทางวัด จึงได้มีการทำลูกกรง ปิดกันไว้ไม่เช่นนั้น จะมาคนมาขโมยไป รักษาการเจ้าอาวาส ยังได้กล่าวอีกว่า ความเชื่อจากสิ่งที่มองไม่เห็น ของหลวงพ่อองค์ดำนี้ หากใครคิดร้าย  หรือขโมย จะต้องมีอันเป็นไปทุกคน

ความศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างที่ชาวบ้าน  ไปกราบสักการะหลวงพ่อองค์ดำ พระพุทธรูปคู่วัดรวงนี้คือ  หากใครที่จะทำอะไร ที่ไหน  หรือของหาย มักจะได้คืน และลูกศิษย์ลูกหาที่บูชาเหรียญไปและคล้องคอติดตัวไป ประสบอุบัติเหตุ ทั้งคันรถ รอดเพียงคนเดียว(เป็นความเชื่อที่เล่าต่อกันมา)

สำหรับประชาชนท่านใดที่อยากจะไปกราบไหว้สักการะขอพร  หลวงพ่อองค์ดำ วัดรวง ก็สามารถเข้าไปได้  โดยวัดแห่งนี้มีความเงียบ สงบ เหมาะสำหรับใครที่ชื่นชอบการทำบุญอย่างยิ่ง

กล้วยทอด 3 พระหน่อ ‘ไม่อร่อยให้ถีบ’สร้างยอดขายวันละ 2-3 พันบาท

                ทำดีมีรวย กล้วยทอดชื่อแปลก 3 พระหน่อ ‘ไม่อร่อยให้ถีบ’ สร้างยอดขายวันละ 3 พันบาท สูตรเด็ด ‘ผสมกลอย’ กรอบ อร่อย ไม่อมน้ำมัน  นอกจากนี้ คนสนใจทางร้านยังขายแฟนไชน์ราคาไม่แพง เพื่อเปิดโอกาสให้คนหาอาชีพสร้างตัวได้ ลงทุนน้อยรายได้ดี

                คุณวัลยา เจ้าของร้าน กล้วยทอด 3 พระหน่อ ‘ไม่อร่อยให้ถีบ’ กล่าวว่า ชื่อของร้านจริงๆคือ กล้วยทอด 3 พระหน่อ มาจากลูกสามคน ส่วนอีกชื่อไม่อร่อยให้ถีบ เพราะว่ากล้วยทอดส่วนใหญ่ก็รสชาติหรือชื่อคล้ายๆกัน เราเลยตั้งชื่อให้เป็นสโลแกนจุดเด่นจุดขายของร้าน นอกจากชื่อที่เด่นแล้ว รสชาติและสูตรเด็ดก็ไม่เหมือนใคร สูตรแป้งทอดกล้วยของเราเป็นของคุณยาย อร่อย กรอบ ไม่อมน้ำมัน และพิเศษ ทางร้านเราผสม’กลอย’ ลงไปด้วย เพิ่มรสชาติและความกรุบกรอบ และสรรพคุณของกลอยยังทำให้กล้วยทอดไม่อมน้ำมันอีกด้วย ร้านเราเปิดขายทุกวัน เปลี่ยนน้ำมันทอดทุกวัน เปิดขายตั้งแต่ 09.00- 16.00 น. ตั้งแต่ขายมายังไม่มีลูกค้ามาถีบสักราย เพราะร้านเรารสชาติอร่อยจริงๆ (หัวเราะ)

คุณวัลยา เล่าอีกว่า ร้านเราใช้กล้วยน้ำว้ากำลังห่ามในการทอดวันละ 20 หวี ต่อแป้งทอดที่ผสมไว้แล้ว 7- 8 กิโลกรัมต่อวัน แต่ถ้าหากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องเพิ่มปริมาณแป้งและกล้วยเป็น 30 หวี แป้งทอดกรอบประมาณ 15 กิโลกรัม เพราะลูกค้าจะเยอะทั้งโทรสั่ง ทั้งขายหน้าร้าน และเดินขายสี่แยกไฟแดงด้วย แค่ลูกค้าบีบแตรเรียกวิ่งไปส่งถึงรถเลย ราคาขายถุงละ 20 บาท นอกจากกล้วยทอด ยังมีมันทอดด้วย สร้างรายได้วันละอย่างน้อย 1,500 บาท สูงสุด 3,000 บาท ต่อวัน ลูกค้ามาอุดหนุนแน่นเพราะว่าติดสี่แยกไฟแดงด้วย เวลารถหยุดลูกค้าจะเรียกซื้อง่ายมากเพราะร้านเด่นและชื่อแปลกดีน่าลองทาน และมีอีก 1 สาขาอยู่ข้างวัดศาลาลอย

นอกจากนี้ ทางร้านยังขายแฟนไชน์ด้วยในราคาถูกเพียง 5,900 บาท และทางเราก็จำกัดโซนขายให้ด้วยไม่ให้ขายใกล้กันจนเกินไป สิ่งที่ลูกค้าซื้อแฟนไชน์ไปและจะได้รับคือ แป้งผสมสำเร็จที่เราผสมไว้ให้ และบอกสูตร สอนการทำ การตวงปริมาณวัตถุดิบต่างๆอีกด้วย เพื่อนำไปเป็นอาชีพสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว ทั้งนี้ ลูกค้าที่อยากจะชิมอุดหนุนกล้วยทอด 3 พระหน่อ ไม่อร่อยให้ถีบไปได้ทั้ง 2 สาขา คือ สาขา 1 (ข้างวัดศาลาลอย) ติดร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง สาขา 2 (ตรงนี้) อยู่ด้านหน้า ห้างโลตัสเอ็กเพรส สาขา สี่แยกไฟแดงประตูพลล้าน- ทุ่งสว่าง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 095-9654699 และ 084-9617779 และแฟนเพจชื่อ กล้วยทอดไม่อร่อยให้ถีบ

 Cr. โคราชอินไซด์

แก่งท่าจักจั่นเรไร สถานที่ท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน อ.ครบุรี

แก่งท่าจักจั่นเรไร  สถานที่ท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน อ.ครบุรี

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวออระยา เหลืองกระโทก กำนันตำบลจระเข้หิน พร้อมผู้นำชุมชนและชาวบ้านร่วมกันออกสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า แก่งท่าจักจั่นเรไร – วังกระทะ ท้องที่บ้านตลิ่งชัน หมู่ที่ 11 ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อเตรียมผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถทำกิจกรรมทางน้ำอีกแห่งของอำเภอครบุรี ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม สร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น โดยแก่งท่าจักจั่นเรไร – วังกระทะ นั้น ต้องเดินทางจากตัวอำเภอครบุรี มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกประมาณ 30 กิโลเมตรจะถึงบ้านตลิ่งชัน จากนั้นต้องเดินทางจากบ้านตลิ่งชันไปยังแก่งท่าจักจั่นเรไร อีกประมาณ 6 กิโลเมตร  ก็จะถึงจุดล่องแก่ง ซึ่งเป็นลำธารซึ่งเป็นต้นน้ำที่ก่อกำเนิดสายน้ำไหลลงสู่เขื่อนมูลบน และเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำมูล มีสภาพแก่งลานหินน้ำไหลหลากผ่านแต่ไม่เชี่ยวและลึกมากนัก  เหมาะสำหรับการล่องแก่ง

โดยทีมสำรวจได้นำเอาห่วงยางและสวมเสื้อชูชีพล่องไปยังลำธารจากแก่งท่าจักจั่นเรไร ไปจนถึงแก่งวังกระทะ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที  ตลอดระยะทางของการล่องแก่ง จะมีอุปสรรคต่างๆที่นักท่องเที่ยวจะได้เผชิญทั้งโขดหิน และอุโมงค์ต้นไม้ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัยและความท้าทายอย่างมาก  ซึ่งหลังจากนี้ทางชุมชนจะได้มีการเข้าไปปรับสภาพลำธารให้มีความปลอดภัยเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปท่องเที่ยวได้โดยสะดวก

นางสาวออระยา เหลืองกระโทก กำนันตำบลจระเข้หิน กล่าวว่า แก่งท่าจักจั่นเรไร – วังกระทะ เป็นลำธารต้นกำเนิดของแม่น้ำมูล มีความสวยงามและเหมาะสมสำหรับการล่องแก่งอย่างมาก หลังจากนี้ทางชุมชนจะช่วยพัฒนาปรับพื้นที่เพื่อให้เหมาะสมกับการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวก็จะเป็นช่วงหน้าฝน เพราะปริมาณน้ำจะมีมากและไหลเชี่ยวให้พอล่องแก่งได้  ซึ่งหากนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจที่จะเดินทางมาเยี่ยมชมและร่วมล่องแก่งช่วงนี้  ขอให้ประสานทางผู้นำชุมชนในพื้นที่เพื่อที่จะได้จัดเตรียมการรักษาความปลอดภัย เพราะยังอยู่ในช่วงการเปิดตัวและพัฒนาพื้นที่   ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

ชาววังน้ำเขียวโคราช ‘ปลูกต้นแมคาเดเมีย’ สร้างรายได้ปีละ 200,000 บาท

ชาววังน้ำเขียวโคราช ‘ปลูกต้นแมคาเดเมีย’ ได้ดีไม่ต้องไปไกลถึงเชียงราย ให้ราคาสูงกิโลกรัมละ 1 พันบาท สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย อาทิ อบเกลือ เคลือบน้ำผึ้ง และรสวาซาบิ หรือทานสดก็ได้ สร้างรายได้ปีละ 2แสนบาท

 

            นายวิรัตน์ เขียนดวงจันทร์ ผู้จัดการบ้านไร่ปลายตะวันและศูนย์เพาะพันธุ์พืช กล่าวว่า ที่บ้านไร่ปลายตะวันเป็นสถานที่ปลูกพืชหลายประเภททั้งผัก ผลไม้ และดอกไม้ รวมถึงต้นไม้ต่างๆ โดยเมื่อ 3ปีก่อนได้นำพันธุ์ของแมคาเดเมียมาทดลองปลูก เพราะเห็นว่าที่อำเภอวังน้ำเขียวมีอากาศเย็นตลอดปี จึงได้นำมาทดลองปลูกจำนวน 50 ต้น ปรากฏผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ให้ผลผลิตที่ดีและยังมีรสชาติอร่อย ซึ่งที่ไร่ของเราได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ในการเพาะปลูกและดำเนินการต่างๆ  โดยเพื่ออยากให้คนโคราชได้มีแมคาเดเมียทานกันโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปซื้อถึงจังหวัดเชียงรายภาคเหนือและมีราคาที่ถูกกว่า ทุกคนจะได้รู้ว่าที่อำเภอวังน้ำเขียวมีแมคาเดเมียและสามารถปลูกให้ผลผลิตได้

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ช่วงระยะแรกในการปลูกใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี คือค่อนข้างใช้เวลาแต่คุ้มค่า เนื่องจากแมคาเดเมียมีราคาสูงในท้องตลาดเป็นที่นิยมบริโภคเพราะมีสรรพคุณและคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ประโยชน์ของแมคคาเดเมียคือ 1.ช่วยลดภาวะของโรคหัวใจทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น 2.อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 3. ช่วยลดน้ำหนัก 4.ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย 5. ช่วยบำรุงสมอง โดยต้นแมคาเดเมียอายุ 4 -5 ปีจะให้ผลผลิตประมาณ 3 – 4 กิโลกรัม อายุ  แต่ถ้าเป็นอายุ 6 – 8ปีขึ้นไปแล้ว จะให้ผลผลิตสูงถึงต้นละ 15-20 กิโลกรัมเลยทีเดียว โดยราคาขายในตลาดอยู่ที่ขีดละประมาณ 100 บาท หรือ กิโลกรัมละ 1 พันบาท แต่ถ้าขายในเขตโคราช เราก็จะกำหนดราคาถูกกว่านี้ เพื่อให้อยู่ในระดับเหมาะสมก็คงประมาณ 60-70 บาท ซึ่งปัจจุบันทางบ้านไร่ปลายตะวันก็ทำมา 5 ปีแล้ว จำนวน 50 ต้น สร้างรายได้กว่า 2 แสนบาทต่อปี ผลของแมคาเดเมียสามารถนำไปแปรรูปได้หลายอย่าง อาทิ ไอศกรีม อบเกลือ อบน้ำผึ้ง และรสวาซาบิ และกินสดได้ นอกจากนั้น เรายังส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยากจะปลูกยินดีให้ความรู้ในการปลูก ซึ่ง ณ เวลานี้ทางเรากำลังขยายพื้นที่เพิ่มเพื่อเอาพันธุ์ของต้นแมคาเดเมียจำนวนอีก 300 ต้นมาลงปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรท่านใดสนใจ สามารถมาดูได้ที่แปลงปลูกและยินดีถ่ายทอดความรู้ในการปลูก โดยให้มาที่  ศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้านไร่ปลายตะวันและศูนย์เพาะพันธุ์พืช อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ 085- 1847261 นอกจากนี้ทางบ้านไร่ปลายตะวันยังมีแปลงปลูกเมลอนแบบปลูกในน้ำและผักปลอดและพืชต่างๆอีกหลากหลายโดยใช้ระบบไฮโดรโปนิกปลอดสารพิษ 100 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย