สะพานไม้ร้อยปี อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ของโคราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย หยุดกระโทก กำนันตำบลโคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลโคกกระชาย และชาวบ้าน ช่วยกันทำการพัฒนาและต่อเติมจุดชมวิวและสถานที่ให้บริการนักท่องเที่ยว บริเวณสะพานไม้ร้อยปี ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกระชาย ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา  ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของอำเภอครบุรี และจังหวัดนครราชสีมา ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้

โดยชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างจุดชมวิวและถ่ายรูปบริเวณมุมต่างๆของสะพาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมได้มีมุมถ่ายรูปกับสะพานไม้ร้อยปีหลากหลากและสวยงามมากขึ้น พร้อมกับได้จัดจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ด้วย

นายสมชัย หยุดกระโทก กำนันตำบลโคกกระชาย กล่าวว่า ในช่วงนี้บรรยากาศที่สะพานไม้ร้อยปีของจังหวัดนครราชสีมา กำลังสวยงามเนื่องจากทุ่งนาข้าวของชาวบ้านที่สะพานไม้ร้อยปีระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร พาดผ่านกำลังเขียวขจีไปด้วยต้นข้าวที่เติบโตสวยงาม รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของน้ำภายในลำคลอง อากาศก็เย็นสบายเหมาะสมที่จะให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกันตลอดทั้งวัน ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาต่อเติมจุดต่างๆไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งต่อไปก็จะมีการสร้างจุดบริการต่างๆเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของห้องน้ำ และจุดบริการอาหารเครื่องดื่มเป็นต้น

เปิดกองประกวดเยาวชนวัฒนธรรมแห่งสยาม 2018

สุดยิ่งใหญ่” แห่งเวทีการประกวดเด็กระดับประเทศ Junior of Siam Chon Contest 2018 ชิงถ้วยเกียรติยศ จาก ฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีในรัชกาลที่ 9
เปิดศักราชใหม่แห่งเวทีการประกวด “Junior of Siam Chon Contest 2018” เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กไทยมีบันไดสานฝันสู่วงการบันเทิง และได้พัฒนาตัวเองแสดงออกถึงศักยภาพในการกล้าคิด กล้าทํา กล้าแสดงออก มีความรู้ความสามารถ เป็นต้นแบบ เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม เป็นขุมพลังของชาติที่อนาคตจะเติบโตเป็นกําลัง สําคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเป็นปีแรก ครั้งแรก และถือว่าเป็นมหามงคลแก่คณะผู้จัดงาน และผู้เข้าประกวดอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติอย่างสูงสุด โดย ฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีในรัชกาลที่ 9 ได้เป็นประธานการประกวด และมอบถ้วยเกียรติยศ แก่ผู้ชนะเลิศการประกวดทั้ง 2 รุ่น ในการประกวดครั้งนี้
ทางคณะผู้จัดการประกวดได้มีโอกาสเข้าพบฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ สํานักงานฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ได้ให้พรอันเป็นมงคลยิ่งแก่การทํางานและจัดงาน โดย ฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ได้ให้พรอันมีใจความสําคัญว่า “ขอบคุณทางกองประกวดที่เห็นถึงความสําคัญของข้าพเจ้า และขอให้การจัดงานในครั้งนี้สําเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์การจัดงานทุกประการ ”
ด้านนายสิทธิศักดิ์ รัตนทรงชัย ประธานกรรมการที่ปรึกษากองประกวด บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา เจ้าของ หนังสือพิมพ์สยามชน กล่าวว่า การจัดงานประกวด “Junior of Siam Chon Contest 2018” ในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้การบริหารงานของหนังสือพิมพ์สยามชน เป็นการจัดการประกวดครั้งแรก โดยทีมงานบริหาร ได้มีการจัดประชุม เตรียมพร้อมเป็นอย่างดีเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด โดยปีนี้จะใช้ธีมงานเป็นสีแดง เขียว ซึ่งสีแดง หมายถึง โกเมนแดง หรือ ทับทิมสยาม เป็นอัญมณีที่งดงามและทรงคุณค่าของชาติ แสดงถึงพลังและความ แข็งแกร่ง สีเขียว หมายถึง โกเมนเขียว อัญมณีแห่งความคิดสร้างสรรค์ และความสําเร็จ ซึ่ง 2 สีนี้ ยังเป็นสีของโลโก้หนังสือพิมพ์สยามชนอีกด้วย การจัดงานครั้งนี้ประชาชนจะได้เห็นความลงตัวอย่างสวยงามในการออกแบบฉาก เวทีและความสวยงามของชุดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เด็กๆจะใสมาโชว์ตัวในวันประกวดรอบตัดสินช่วงเดือน ตุลาคมนี้ อย่างแน่นอนต้องติดตามกันนะครับ และทางคณะบริหารงานได้เสนอแต่งตั้งอาจารย์กฤชประพันธ์ เลิศพิชญะวรกุล บรรณาธิการฝ่ายวัฒนธรรมหนังสือพิมพ์สยามชน หมอดูชื่อดังแห่งเมืองย่าโมหรือจังหวัดนครราชสีมา จะรู้จักกันดีในนาม อาจารย์กฤชประพันธ์ การันตี เป็นผู้อํานวยการกองประกวด Junior of Siam Chon Contest 2018 เพื่อให้ดูแลการจัดงานทั้งหมด
โดย อาจารย์กฤชประพันธ์ เลิศพิชญะวรกุล บรรณาธิการฝ่ายวัฒนธรรมหนังสือพิมพ์สยามชนและผู้อํานวยการกองประกวด กล่าวว่า การจัดงานประกวด Junior of Siam Chon Contest 2018 ครั้งนี้ถูกจัดขึ้นภายใต้ คอนเซ็ป “วัฒนธรรมแห่งสยาม” เป็นการร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ปลูกฝังให้เด็กรู้จัก และหวงแหนวัฒนธรรม ผ่านการสวมใส่ชุดไทยในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งการประกวด Junior of Siam Chon Contest 2018 ครั้ง นี้ จะใช้ชุดไทยเป็นชุดเปิดตัวการประกวดด้วย ประชาชนจะได้เห็นความน่ารักสดใสของหนูน้อยผู้เข้าประกวด สวมใสชุดไทยเดินโชว์ตัวบนเวที และการจัดงานในครั้งนี้จะจัดขึ้นที่ เซนทรัลพลาซา นครราชสีมา และต้องขอขอบคุณทางศูนย์การค้าเซนทรัลพลาซา ที่เห็นถึงความสําคัญการจัดกิจกรรมส่งเสริมเด็กและเยาวชนไทย ร่วมสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ การประกวดรอบตัดสินจะจัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม ที่ศูนย์การค้าเซนทรัลพลาซา นครราชสีมา ฝากติดตามและให้กําลังใจน้องผู้เข้าประกวดด้วยนะครับ ซึ่งจะเปิดรับสมัครเร็วๆนี้
ด้านคุณณัฐชาวีย์ แสนบุตร เลขาบรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามชน ยังกล่าวแสดงความยินดี ในการจัดงานประกวดในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเวทีที่สมเกียรติและยิ่งใหญ่ เป็นเวทีเด็กระดับประเทศ ที่สามารถสานต่อหรือต่อยอด ในการพัฒนาศักยภาพ เยาวชนที่กําลังเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ ที่มีคุณภาพต่อไป
ส่วนการประกวดในปีนี้ได้รับเกียรติจากผู้ใหญ่หลากหลายท่านในวงการบันเทิงและนอกวงการมาร่วมเป็นที่ปรึกษาการจัดประกวดและจะเดินทางมาร่วมเป็นเกียรติในงานรอบตัดสินอีกด้วย อาทิ พ.ท.บํารุง กุลละวณิชย์ คุณหนุ่ม นันท์ณภัทร เจิมจุติธรรม กูรูนางงานระดับประเทศเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวด คุณริต้าร์ ดิษยโสธรศิลป์ เจ้าตําหรับแห่งท่ารําบวงสรวงพญานาค ฉายาธิดานาคี คุณต้นรัก ศิลป์เศียรเกล้า เจ้าของค่ายบทเพลงบวงสรวงพญานาคที่โด่งดัง ดร.วรรณวิไล กันเพ็ชร์ นักพลังจิตบําบัดคนแรกของโลก คุณฐิติณ์ชญา เจษฎาเดช ผู้จัดการ บริษัทอุตสาหกรรมการเกษตรเขาค้อ จํากัด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ และคุณต้อม วิศนไชย นันท์พละวงษ์ National Director Mr.Eco Thailand งานนี้ถือว่าเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของคนดังในวงการและบุคคลที่เป็นที่รู้จักในสังคมก็ว่าได้ ในการประรอบตัดสินยังได้รับเกียรติจากท่านพันตํารวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช หรือ(สารวัตร แรมโบ้าผู้กํากับสืบสวนจังหวัดอํานาจเจริญ เดินทางมาร่วมเปิดงาน
นายภัทรพงศ์ พิริยพิทักษ์ ผู้จัดการกองประกวด Junior of Siam Chon Contest 2018 ได้ให้สัมภาษณ์ว่า สําหรับการ ประกวด “Junior of Siam Chon Contest 2018” เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเหมาะสม เป็นธรรม และถูกต้องผ่านการประกวดในรอบตัดสินโดยคะแนนทั้งหมดจะมาจากท่านคณะกรรมการที่จะเป็นผู้ตัดสินอย่างยุติธรรมตามหลักเกณฑ์ ด้านหน้าตา บุคลิกภาพ ความสดใส ความกล้าแสดงออก กรเดินแบบ การโพสต์ท่า ซึ่งการประกวดในครั้งนี้ร่วมชิงเงินรางวัลและของรางวัลกว่า 100,000 บาท และถ้วยเกียรติยศฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีในรัชกาลที่ 9 ซึ่งรางวัลจะถูกแบ่งเป็น 2 รุ่น คือรุ่นอายุ 4-8 ปี และรุ่นอายุ 9-14 ปี จะเริ่ม เปิดรับสมัครเด็กๆจากทั่วประเทศ ในวันที่ 1 กันยายน 2561 รอบตัดสินวันที่ 28 ตุลาคม 2561 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า นครราชสีมา เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งมีถ่ายทอดสดรู้ผลพร้อมกันทั่วประเทศ ทางช่องทางไลฟ์สดผ่าน FaceBook FanPang Junior of Siam Chon Contest 2018 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่นี้ครับ
การประกวดครั้งนี้ มาร่วมลุ้นกันว่าเด็กๆ จากจังหวัดใดจะพิชิตตําแหน่ง “Junior of Siam Chon Contest 2018” คว้าถ้วยรางวัลเกียรติยศไปครองเป็นปีแรก คนแรก ของประเทศไทย ต้องลุ้นกัน

ประชาชนชาวโคราชแฮปปี้โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)พร้อมต้อนรับการท่องเที่ยวฯ

ประชาชนชาวโคราชแฮปปี้โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)พร้อมต้อนรับการท่องเที่ยวฯ
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 08.00 น. – 12.00 น.การประชุมใหญ่การมีส่วนร่วมของประชาชน
งานปรับแบบรายละเอียดในโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)ณ ห้องประชุมโรงแรมสีมาธานี ถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม กล่าวรายงาน
หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนจากภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ผู้นำชุมชน สื่อมวลชน พี่น้องประชาชนและผู้มีเกียรติทุกท่าน
มื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ณ กรุงเทพมหานคร รัฐบาลไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558 – 2569 เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน เส้นทางกรุงเทพฯ – นครราชสีมา – หนองคาย และเส้นทางแก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทางรวมประมาณ 867 กิโลเมตร ซึ่งฝ่ายรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยตกลงให้รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมโครงการ ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของโครงการ และดำเนินการก่อสร้างงานโยธา


การประชุมในวันนี้มีสาระสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการที่จะได้รับทราบข้อมูลความเป็นมาของโครงการ เหตุผลความจำเป็นของโครงการและความจำเป็นในการปรับแบบของโครงการ รูปแบบรายละเอียดของโครงการ และองค์ประกอบของโครงการ ตลอดจนแนวทางและขั้นตอนการศึกษาkที่สำคัญแก่กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ศึกษาโครงการรวมถึงได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะที่จะช่วยให้การพัฒนาเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของทุกภาคส่วนยิ่งขึ้นผมจึงขอเชิญชวนท่านผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงการและนำข่าวสารการประชุมในวันนี้ไปเผยแพร่ต่อชุมชนและหน่วยงานของท่านอย่างทั่วถึงต่อไป


ความร่วมมือข้างต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟสอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมการลงทุนในโครงการที่สำคัญของประเทศ ทั้งโครงการต่อเนื่องและโครงการใหม่ที่มีความพร้อม การศึกษาโครงการระบบรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร ช่วงบ้านภาชี-แก่งคอย-นครราชสีมา จึงเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรางที่กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งและเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศ


เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประเทศไทยได้หารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ เมืองไหหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ประชุมสรุปการลงทุนโครงการ ฝ่ายไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยกำหนดนโยบายเริ่มก่อสร้างเส้นทาง กรุงเทพฯ – นครราชสีมา และส่วนต่อขยายเมื่อมีความพร้อม
การประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 10 ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการเริ่มต้นก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา เป็นลำดับแรก
ในการนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการจ้างและสั่งจ้างบริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดการออกแบบของฝ่ายจีน ออกแบบเพิ่มเติมในส่วนที่ฝ่ายจีนไม่ได้ดำเนินการ สำรวจรายละเอียดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเวนคืน และการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม โครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงบ้านภาชี-แก่งคอย-นครราชสีมา
สำหรับการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นกิจกรรมที่มีความมุ่งหมายที่สำคัญเพื่อเผยแพร่ข้อมูลและการดำเนินงาน ที่ฝ่ายจีนเป็นผู้ออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างและควบคุมการก่อสร้าง ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องปรับปรุงจากรูปแบบเดิมจากที่ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งการจราจร (สนข.) ได้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ – นครราชสีมา (ช่วงชุมทางบ้านภาชี – นครราชสีมา) และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้วในการประชุมครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 และเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปพิจารณาประกอบการสำรวจออกแบบรายละเอียดตามนโยบายของรัฐบาลที่เร่งรัดให้ดำเนินการโดยเร่งด่วนรวมทั้งทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการจากที่ได้รับความเห็นชอบ และการจัดทำมาตรการป้องกันแก้ไข และบรรเทาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีความรอบคอบ รัดกุม และมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับรูปแบบการพัฒนาโครงการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการต่อไป

โคราช-!!ฝึกปฏิบัติการกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ วิจัยและการเรียนรู้ ของจีโอพาร์ค นำไปสู่การศึกษา อนุรักษ์ พัฒนากิจกรรม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ

วันที่ 19 สิงหาคม 2561 สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ โดย อุทยานธรณีโคราช ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดพิธีเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “จีโอพาร์คกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ณ โรงแรมแคนทารี่ โคราช จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับเกียรติจาก นายจรัสชัย โชคเรืองสกุลรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดี กล่าวต้อนรับผู้เข้ารับการอบรม
การอบรมเชิงปฏิบัติการจีโอพาร์คกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา สมาคมภูมิศาสตร์แห่งประเทศไทย และจังหวัดนครราชสีมา สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ. 2555 จังหวัดนครราชสีมาและมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้เริ่มดำเนินการศึกษา
คุณค่าความโดดเด่นของพื้นที่เชิงธรณีวิทยา บรรพชีวินวิทยา ความหลากหลายของชีวภาพที่มีความสวยงามในจังหวัดนครราชสีมาในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นอุทยานธรณีที่มีชื่อเรียกว่า “อุทยานธรณีโคราช” ซึ่งจังหวัดนครราชสีมาได้ประกาศให้อุทยานธรณีโคราช เป็นอุทยานธรณีระดับจังหวัด ในปี พ.ศ. 2558 และขณะนี้อยู่ระหว่างการรับรองเป็นสมาชิกอุทยานธรณีประเทศไทย เพื่อที่จะร่วมกันขับเคลื่อนสู่การรับรองให้เป็น UNESCO Global Geoparkลำดับต่อไป ด้วยเหตุนี้ จึงได้ประสานความร่วมมือในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการอบรมครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้มีความรู้ความเข้าใจพร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การบริหารจัดการจีโอพาร์ค การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
ในจีโอพาร์คของประเทศอาเซียน รวมทั้งฝึกปฏิบัติการกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ วิจัยและการเรียนรู้ของจีโอพาร์ค นำไปสู่การศึกษา อนุรักษ์ พัฒนากิจกรรม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ
ของจีโอพาร์คให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางต่อไปผู้เข้าอบรม ได้แก่ กลุ่มเครือข่ายและครู-อาจารย์ผู้สอนในระดับประถมและมัธยมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา

การอบรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 สิงหาคม 2561 โดยกิจกรรมได้จัดให้มีบรรยายเกี่ยวกับการผลักดันโคราชจีโอพาร์คสู่อุทยานธรณีโลก ในหัวข้อ หลักการและแนวคิดเกี่ยวกับจีโอพาร์คของยูเนสโก (UNESCO GloblaGeopark)
การฝึกอบรมครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ 1 การบรรยายพิเศษเพื่อให้ความรู้ด้าน ยูเนสโกโกลบอลจีโอพาร์ค การท่องเที่ยวการศึกษาชุมชนในพื้นที่รวมถึงการบูรณาการด้านธรรมชาติกับการอนุรักษ์ในพื้นที่จีโอพาร์ค งานเสวนาการศึกษาแหล่งธรรมชาติและวัฒนธรรมในพื้นที่อุทยานธรณีโคราชมีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน 100 คนซึ่งเป็นคณะทำงานอุทยานธรณีทั่วประเทศ ผู้แทนจากส่วนราชการระดับจังหวัดและท้องถิ่นครูอาจารย์นักวิชาการชุมชนและประชาชนทั่วไปมีวิทยากรผู้บริหารและสมาชิกสภา UNESCO Global จีโอพาร์คผู้เชียวชาญและผู้บริหารยูเนสโกGlobal

ชาวพิมายเดือด !!!ลุกฮือหวิดวางมวยผอ.กรมศิลป์ เหตุปรับโบราณสถานพิมายโดยไม่ถามเสียงประชาชน


ชาวพิมายเดือดลุกฮือหวิดวางมวยผอ.กรมศิลป์ เหตุปรับโบราณสถานพิมายโดยไม่ถามเสียงประชาชน

                โต้เดือดกลางห้องประชุมระหว่างชาวพิมาย กับ ผอ.กรมศิลปากรที่ 10 เหตุปรับปรุงลานเมรุพรหมทัตโบราณสถานกลางเมืองพิมายโดยไม่ถามเสียงประชาชน ด้าน ผอ.กรมศิลป์แจงปรับปรุงพื้นที่ เพื่อเสริมคุณค่าความเป็นโบราณสถานของเมรุพรหมทัต ทางกรมศิลปากรวอนอย่าเชื่อข่าวลือ จากกระแสข่าว ที่กรมศิลป์จะรื้อเมรุพรหมทัตซึ่งเป็นสมบัติชาติตามที่มีการปล่อยข่าวลือเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะสมบัติชาติรื้อไม่ได้

                วันที่ 20 กรกฎาคม 2561 เวลา 15.00 น. ที่ ชั้น 2 ห้องประชุม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย ถ.ท่าสงกรานต์ ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เป็นประธานในการรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านกรณีปรับภูมิทัศน์ลานเมรุพรหมทัตโบราณสถานแห่งชาติพิมาย พร้อมด้วย นายโสวัฒน์ ดาวะศรี ปลัดอาวุโสอำเภอพิมาย, นางชุติมา จันทร์เทศ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติพิมาย, นายดนัย ตั้งเจิดจ้า นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพิมาย อีกทั้ง ดร.พรธรรม ธรรมวิมล ภูมิสถาปนิก สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร (ผู้เคยออกแบบสวนศิลป์รอบพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ) ร่วมรับฟังการประชุมครั้งนี้

นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เป็นประธานกรรมการโครงการ กล่าวว่า  โครงการพัฒนาภูมิทัศน์ลานเมรุพรหมทัต ดำเนินการโดยสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา และ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย มีจุดประสงค์ เพื่อปรับปรุงพื้นที่ เพื่อเสริมคุณค่าความเป็นโบราณสถานของเมรุพรหมทัต และพื้นที่โบราณสถานต่อเนื่องและมีสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับชุมชน ทางกรมศิลปากรไม่มีความคิดที่จะรื้อเมรุพรหมทัตซึ่งเป็นสมบัติชาติตามที่มีการปล่อยข่าวลืออย่างแน่นอน อยากให้เข้าใจหลักการทำงานด้วย เราควรคุยกันด้วยเหตุและผลอย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง จะอย่างไรก็ตามทางกรมศิลปากรก็จะปรับแบบลานภูมิทัศน์ตามที่ชาวพิมายได้เสนอแนะแนวทาง ซึ่งหากปรับแบบแล้วเสร็จอย่างไรก็จะนัดหมายให้ทราบเพื่อดูแบบที่ปรับเพื่อความพึงพอใจของชาวพิมายทุกท่านอีกครั้ง

ทางด้าน ดร.พรธรรม ธรรมวิมล ภูมิสถาปนิก สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร (ผู้เคยออกแบบสวนศิลป์รอบพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ) และเป็นผู้ออกแบบการปรับลานภูมิทัศน์และสวนหย่อมลานเมรุพรหมทัต กล่าวว่า วันนี้ได้มารับฟังการชี้แจงทั้งกับทางกรมศิลปากรและชาวพิมาย ก็จะนำสิ่งที่ชาวพิมายเสนอมาเพื่อนำไปแก้แบบให้แล้วเสร็จ เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วก็จะนำผลงานมาให้ชาวพิมายได้ชมกันอีกครั้งเพื่อความพึงพอใจ อย่างไรก็ตามกรมศิลปากรได้จัดทำการปรับปรุงลานพรหมทัตเป็นไปตามระเบียบราชการและข้อกฎหมายทุกประการ

ขณะที่ นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พรรคเพื่อแผ่นดิน เขตอำเภอพิมาย เป็นตัวแทนชาวพิมาย กล่าวกลางกรณีนี้ว่า ทางกรมศิลปากรคิดอยากจะทำอย่างไรก็ไม่ถามชาวบ้านเลยหรือ เพราะว่าอยู่ดีดีก็นำรั้วสังกะสีมาล้อมเมรุพรหมทัต ซึ่งเป็นสวนสาธารณะของประชาชนโดยไม่แจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เขาก็งงเพราะมีข่าวลือว่ากรมศิลป์จะรื้อเมรุพรหมทัตซึ่งเป็นโบราณสถานออกและเป็นเป็นอย่างอื่น ทำให้ประชาชนเขาไม่พอใจมาก เพราะไม่มีการแจ้งให้ทราบว่าคุณจะทำอะไร เขาเลยเข้าใจผิด ประกอบกับ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ก็ไม่เคยลงพื้นที่ถามความคิดเห็นชาวบ้านเลยอีกด้วย แต่วันนี้ทางกลุ่มชาวบ้านก็พอใจที่ทางกรมศิลปากรสัญญาจะแก้ไขแบบและจะนำมาให้ดูอีกครั้ง

ทั้งนี้ ยังมีภาพบรรยากาศ ระหว่างการประชุมมีวิวาทกันเนื่องจากทางกลุ่มชาวบ้านไม่พอใจที่ทางนายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ได้ทำการปรับปรุงลานเมรุพรหมทัตโดยไม่ทำประชาพิจารณ์กับชาวบ้าน เพราะสถานที่ดังกล่าวถือว่าเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ซึ่งทำให้หลายคนเข้าใจผิดตามกระแสข่าวลือที่ว่า ทางกรมศิลปากรมีคำสั่งให้รื้อลานเมรุพรหมทัตแล้วไปทำเป็นสวนหย่อม อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุมทางชาวพิมายและกรมศิลปากรรับปากจะนำแบบไปแก้ไขให้และกล่าวขออภัยที่ไม่ได้แจ้งข่าวให้ทราบ และฝากประชาชนอย่าเชื่อข่าวลือใดๆทั้งสิ้น สมบัติชาติใครก็ไม่มีสิทธิ์รื้อทั้งนั้น

 

โคราช ยกระดับการท่องเที่ยว จัดโครงการเจ้าบ้านน้อยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบครบวงจร

วันที่ 6 สิงหาคม 2561  ที่สวนวิภา ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายมนตรี ปรียางกูล ผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด นครราชสีมา พร้อมด้วยนางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว สำนักงานนครราชสีมา ร่วมเปิดอบรมเจ้าบ้านน้อยรักษ์เขาใหญ่-วังน้ำเขียว รุ่นที่ 1 พร้อมบรรยายหัวข้อ “การท่องเที่ยวกับชุมชน”โครงการเจ้าบ้านน้อยรักษ์เขาใหญ่-วังน้ำเขียวส่งเสริมเยาวชนส่งเสริมท่องเที่ยวยกระดับครบวงจร ครั้งที่1

 

ณ.สวนวิภา ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายมนตรี ปรียางกูล ผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด นครราชสีมา พร้อมด้วย

นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว สำนักงานนครราชสีมา ร่วมเปิดอบรมเจ้าบ้านน้อยรักษ์เขาใหญ่-วังน้ำเขียว รุ่นที่ 1ภายใต้โครงการยกระดับการท่องเที่ยวครบวงจร ระยะเวลา6วันระหว่างวันที่6-8 สิงหาคม,14-16สิงหาคม 2561 พร้อมบรรยายหัวข้อ “การท่องเที่ยวกับชุมชน”เพื่อส่งเสริมเยาวชนส่งเสริมการท่องเที่ยวแหล่งท่องชุมชนในพื้นที่รวมทั้งเสริมสร้างทักษะเยาวชนการเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับนักท่องเที่ยวและเสริมสร้างเยาวชนรุ่นใหม่อนุรักษ์แหล่งท่องเทียวแหล่งธรรมชาติยั่งยืน

 

ม.ราชภัฏโคราช !แถลงข่าววันแห่งการสถาปนาคณะ ฉลองครบรอบ 32 ปี

ม.ราชภัฏโคราช !แถลงข่าววันแห่งการสถาปนาคณะ ฉลองครบรอบ 32 ปี

วันที่ 6 สิงหาคม 2561 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดแถลงข่าวโตย ดร.ยุทธกร ฤทธิ์ไธสง คณบดีคณะวิทยาการจัดการ เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุธาสินี โพธิ์ชาธาร รองคณบดีฝ่ายวิชาการ ดร.จุฑาทิพย์ สุทธิเทพ รองคณบดีฝ่ายบริหาร อาจารย์อิศริย์ เดชตานนท์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและประกันคุณภาพการศึกษา อาจารย์ชิษณุพงศ์ ธนพิบูลพงศ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และ ดร.พวงพรภัสสร์ วิริยะ ผู้ช่วยคณบดี ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ร่วมการแถลงข่าว

เนื่องในโอกาสครบรอบ 32 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาการจัดการ ภายใต้ชื่อ ศาสตร์แห่งวิทยาการจัดการเพื่อรับใช้สังคม…ยุคประเทศไทย 4.0” (The Social Engagement of Management Science inThailand 4.0)” โดยการแถลงข่าวเริ่มจากการแสดงเปิดงาน ในชื่อชุด “Shake…Shake…- Welcome to FMS” งานครบรอบ 32 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาการจัดการ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 สิงหาคม 2561 เวลา 08.30-16.30 น. ณ คณะวิทยาการจัดการ บริเวณอาคาร 13 และอาคาร 22 กิจกรรมภายในงาน ได้จัดให้มีการแข่งขันตอบปัญหาทางด้าน “เศรษฐศาสตร์” ระดับมัธยมศึกษา การแข่งขันตอบปัญหา

“ศาสตร์บริหารจัดการ” การจัดอบรมเรื่อง การพัฒนาบุคลิกภาพสู่นักทรัพยากรมนุษย์มืออาชีพ เรื่อง Update ภาษีเงินได้ปี 2561 (60) เรื่อง การผสมเครื่องดื่มม๊อกเทลอย่างมืออาชีพ เรื่อง เทคนิคการถ่ายภาพบุคคลและเรื่อง เทคโนโลยีอุบัติใหม่ทางด้านการศึกษา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ Show & Share ในหัวข้อ ห้องพักนักบัญชียุค 4.0 หัวข้อ Logistics & Supply chain Open House หัวข้อ การเปิดบ้าน การจัดการ หัวข้อ Hotel Show & share หัวข้อ Tourism Show & share หัวข้อ Smart NRRU Comm.arts “เทคโนโลยีการผลิตสื่อภาพและเสียง” หัวข้อ “Work shop แนะนำบทเรียนออนไลน์” พร้อมชมผลงาน

ของนักศึกษา (ที่จอดรถอัจฉริยะ) และออกร้านจำหน่ายสินค้าจากสาขาวิชาต่าง ๆ การจัดงานแถลงข่าวครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักศึกษา ศิษย์เก่า และประชาชนที่ทราบข่าว ได้เข้าร่วมงานครบรอบ 32 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

อีกทั้งเพื่อแสดงถึงศักยภาพในงานด้านวิชาการของคณะ ภายใต้รูปแบบที่หลากหลาย ทั้งผลงานของคณาจารย์ และนักศึกษา รวมถึงเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และคณาจารย์ ได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้เพิ่มพูนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสร้างความรัก ความสามัคคีซึ่งกันและกัน ร่วมกันส่งเสริมกิจกรรมให้สอดคล้องกับการประกันคุณภาพการศึกษา ทางด้านการเรียนการสอน งานวิจัย การบริการวิชาการ การส่งเสริมกิจการนักศึกษา และการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมในโอกาสนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ขอเชิญชวนนักศึกษา ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และประชาชนทั่วไปที่ทราบข่าว เข้าร่วมงานครบรอบ 32 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาการจัดการตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม หรือ สมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ที่เว็บไซต์ www.fms.nrru.ac.th สอบถามเพิ่มเติมที่ คณะวิทยาการจัดการ อาคาร 22 ชั้น 1 หมายเลขโทรศัพท์ 0-4400-9009 ต่อ 2200

!!ฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ต้อนรับ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่เมืองย่าโม เยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย

!!ฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ต้อนรับ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่เมืองย่าโม เยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย

วันที่ 4 สิงหาคม 2661 พลตำรวจเอก อดุลย์  แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนายสุทธิสุโกศลอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวรายงาน  นายสุเมธ โศจิพลกุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา และข้าราชการสังกัดสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมาให้การต้อนรับ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อย  ที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ  เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้และความมั่นคงในชีวิต กระผมนายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในนามผู้ดำเนินการฝึกอบรมอาชีพเสริมโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพเพิ่มรายได้และความมั่นคงในชีวิตขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นอย่างสูงที่ได้ให้เกียรติมาตรวจเยี่ยมการฝึกอาชีพฉีดเสริมตามโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐในวันนี้ตามที่รัฐบาลการประเมินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกระทรวงแรงงานได้รับการจัดสรรงบประมาณรายได้เพิ่มเติมประจำปี พ. ศ. 2561 เพื่อใช้สำหรับขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐโดยการพัฒนาทักษะอาชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศจำนวน 625,000คน และจังหวัดนครราชสีมามีผู้มีรายได้น้อยที่ร่วมสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 270 000 คนและแจ้งความประสงค์จะพัฒนาทักษะอาชีพกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 จังหวัดนครราชสีมาจำนวน 2 1 3 4 5 คนและสถาบันฯได้ดำเนินการฝึกไปแล้วจำนวน 5078 คนจำแนกเป็นการฝึกอาชีพเร่งด่วนช่างเอนกประสงค์ช่างชุมชนจำนวน 121 คนผ่านการฝึก 62 คนไม่ผ่านการฝึก 18 คนและรอผลการฝึก 62 คนการฝึกอาชีพเสริมเพื่อการมีงานทำหรือการประกอบอาชีพอิสระจำนวน 4 957 คนผ่านการฝึก 4182 คน ไม่ผ่านการฝึก 139 คนและรอผลการฝึก 636 คนและในวันนี้ได้รับความอนุเคราะห์สถานที่จากท่านพระครูสุกิตติคุณเจ้าอาวาสวัดโคกตลาดเพื่อใช้ในการจัดการฝึกจำนวน3 สาขาได้แก่สาขาการประกอบอาหารไทยการทำขนมไทยและการทำศิลปะประดิษฐ์สาขาละ 1 รุ่นรุ่นละ 20 คนรวมทั้งสิ้น 60 คนฝึกอบรมระหว่างวันที่ 3-5 สิงหาคม 256

“โครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยฯ เป็นโครงการที่มุ่งเน้นให้ผู้มีรายได้น้อย  มีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต  และนำความรู้ทักษะไปประกอบอาชีพ  สร้างรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมเข้าถึงแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ และการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเน้นประชาชนที่ประสบปัญหาความยากจน เพื่อเพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ทำให้ประชาชนมีความสุข มีรายได้ที่เพียงพอในการเลี้ยงตน สามารถก้าวผ่านเส้นความยากจน ตามนโยบายของรัฐบาล”  พลตำรวจเอก อดุลย์  แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  กล่าวภายหลังการเยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา (สพร.5 นครราชสีมา ว่า จังหวัดนคราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนฝึกอาชีพสูงที่สุด โดยมีผู้แจ้งความประสงค์ฝึกอาชีพจำนวน 21,345 คน (ข้อมูลวันที่ 13 ก.ค.61)

ประกอบด้วย ช่างอเนกประสงค์หรือช่างชุมชน จำนวน 1,780 คน และฝึกอาชีพเสริมหรืออาชีพอิสระ 19,565 คน ในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยนั้น ได้มอบนโยบายให้กับทุกหน่วยงานและเจ้าหน้าที่แล้วว่า ขอให้เน้นคุณภาพ สาขาที่ดำเนินการฝึกต้องสามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริง จะได้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ภาครัฐต้องทำงานด้วยความเสียสละ และสิ่งสำคัญคือการใช้เงินประมาณต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ภายใต้กฎระเบียบ ต้องทำงานด้วยความโปร่งใสด้วย

รมว.แรงงาน กล่าวต่อไปว่า สำหรับในภาพรวมการฝึกอาชีพมีแผนดำเนินการจำนวน 390,385 คน ดำเนินการแล้ว 139,305 คน และการลงพื้นที่ในครั้งนี้ต้องการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน และรับฟังปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ด้วย ซึ่งก่อนหน้าที่ได้เดินทางไปติดตามการฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อยในจังหวัดนครพนม มุกดาหาร ยโสธรและอุบลราชธานีแล้ว ในวันนี้จึงมาติดตามการดำเนินงานของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนฝึกอาชีพสูงสุดอีกด้วย และในวันนี้ สพร. 5 นครราชสีมา มีการฝึกอาชีพ จำนวน 3 สาขา ได้แก่ สาขาการประกอบอาหารไทย สาขาการทำขนมไทย และสาขาการทำศิลปะประดิษฐ์ รวม 60 คน ณ วัดโคกตลาด ต.ตลาด  อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ท้าพิสูจน์ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟ ‘สูตรไข่ล้มยักษ์’ บรรยากาศฟินกินกลางน้ำ

              ท้าพิสูจน์ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟโบราณ สูตรไข่ล้มยักษ์และนำเสนอเมนูพิเศษเล้งรสแซ่บ บรรยากาศฟินนั่งกินริมน้ำ พร้อมของหวานชื่อดัง ‘ลอดช่องวัดเจษฎ์’ พร้อมด้วย ทับทิมกรอบ เฉาก๊วยโบราณ ขายตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. เปิดขายทุกวัน เมนูในร้านมีดังนี้ บะหมี่ไข่ยางมะตูม 35 บาท ก๋วยเตี๋ยวทะเลต้มยำไข่ยางมะตูม 69 บาท ซุปเปอร์เล้งกระดูกหมู 50 บาท และ หม้อไฟทะเลต้มยำไข่ล้มยักษ์ 149 บาท 

 

                นายเกษม เพิ่มพิพัฒน์ อายุ 30 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟโบราณ ‘สูตรไข่ล้มยักษ์’ เล่าว่า ตนเองนั้นมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง แต่ว่าเป็นคนชอบทำอาหารและชอบกินก๋วยเตี๋ยว เพราะเดินทางไปหลายที่ประกอบกับอยากได้ที่นัดพบเพื่อนฝูง จึงได้คิดและมองหาเห็นว่าละแวกบ้านมีบ่อน้ำธรรมชาติ ทำเลดี จึงคิดมาทำร้านก๋วยเตี๋ยวโดยใช้ชื่อว่า ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟโบราณ ‘สูตรไข่ล้มยักษ์’ สูตรโบราณมาจากคุณแม่ ประกอบกับอยากเอาใจลูกค้าที่ชอบความแปลกใหม่และกินจุเชื่อว่าต้องถูกใจแน่นอน พ่วงด้วยบรรยากาศของร้านตั้งอยู่ริมน้ำรายล้อมไปด้วยท้องนาและท้องน้ำ นอกจากนี้ทางร้านยังจัดมีที่นั่งกลางน้ำ สามารถนั่งห้อยขาได้ไว้บริการอีกด้วย ทำให้ลูกค้าที่มาแล้วต้องกลับมาอีกเนื่องจากรสชาติอร่อยราคาไม่แพงแถมบรรยากาศดี

นายเกษม เพิ่มพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเปิดมามาแล้ว 6 เดือน สร้างยอดขายกว่าหมื่นบาทต่อวัน และเมนูในร้านที่มีประกอบไปด้วย บะหมี่หมูแดง+ไข่ยางมะตูม 35 บาท ก๋วยเตี๋ยวทะเลต้มยำ+ไข่ยางมะตูม 69 บาท ซุปเปอร์เล้งกระดูกหมู 50 บาท และ หม้อไฟทะเลต้มยำไข่ล้มยักษ์ 149 บาท สามารถทานได้ 4 คน หรือลูกค้าที่มาแบบหมู่คณะก็สามารถสั่งแบบยกเซ็ทเลยก็ได้ ราคาเพียง 350 บาท (ประกอบไปด้วย บะหมี่หมูแดง+ไข่ยางมะตูม,ก๋วยเตี๋ยวทะเลต้มยำ+ไข่ยางมะตูม,ซุปเปอร์เล้งกระดูกหมู,เกาเหลาหม้อไฟรวม, หม้อไฟทะเลต้มยำไข่ล้มยักษ์ และของหวาน ลอดช่องวัดเจษฎ์ ทับทิมกรอบวัดเจษฏ์, สลิ่มไทยวัดเจษฎ์ และเฉาก๊วยโบราณ ) ทั้งหมดนี้ราคาเพียง 350 บาท

หากลูกค้าท่านใดสนใจอยากไปลองลิ้มชิมรสและสัมผัสบรรยากาศริมนั่งทานริมน้ำหรือกลางน้ำ สามารถจองที่นั่งติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 093-4899923 (คุณเกษม) หรือติดตามแฟนเพจเฟสบุ๊ก พิมพ์คำว่า ‘ก๋วยเตี๋ยวไข่ล้มยักษ์’ หรือสามารถเดินทางมาที่ร้าน ร้านตั้งอยู่ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา สังเกตง่ายๆร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึงวัดหนองจอก และ วัดสมานมิตรเพียง 200 เมตร

แห่เทียนโคราชสุดยิ่งใหญ่ ผลกระประกวดต้นเทียนพรรษา…ตามคาด

จังหวัดนครราชสีมาจัดงานแห่เทียนพรรษา ประจำปี

#ผลการประกวดเทียนพรรษานครราชสีมา ประจำปี 2561

#ประเภทก.
1.วัดใหม่สระประทุม อ.โชคชัย
2.วัดเดิม อ.พิมาย
3.วัดนอก อ.โชคชัย
4.วัดใน อ.โชคชัย

#ประเภทข.
1.วัดบูรพาพิมล อ.พิมาย
2.วัดสระเพลง อ.พิมาย
3.วัดใหม่ประตูชัย อ.พิมาย
4.วัดเก่าประตูชัย อ.พิมาย