“มวลน้ำทะลัก 4 อำเภอ รอบนอกโคราช”

#น้ำท่วมโคราช #มวลน้ำทะลัก 4 อำเภอ รอบนอกโคราช

      วันนี้ (25 ต.ค.2564) ปภ.สาขาชุมพวง จ.นครราชสีมา รายงานสถานการณ์อุทกภัย เนื่องจากลำน้ำมาศล้นตลิ่ง

ได้แก่

    – อ.พิมาย มวลน้ำได้เอ่อล้นเข้าไร่นาและบ้านเรือนประชาชน วัด โรงเรียน

พื้นที่ ม.8 บ้านตะคร้อ

และเข้าท่วมพื้นที่นาข้าว บ้านโนนทะยอม ม.26 ต.โบสถ์

   – อ.ห้วยแถลง มวลน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมถนน บ้านเรือนประชาชน ไร่นา พื้นที่ ม.10 บ้านโนนเพ็ด ต.หลุ่งตะเคียน

   – อ.ชุมพวง มวลน้ำได้ล้นตลิ่ง เข้าท่วมไร่นา ถนน

วัด และบ้านเรือนประชาชน จำนวน 3 หลังคาเรือน พื้นที่บ้านสาหร่าย ม.1 ต.โนนตูม

   ศบก.พิมาย จ.นครราชสีมา รายงานสถานการณ์ น้ำท่วมตำบลชีวาน อำเภอพิมาย ว่า ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวานอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้

    -บริเวณบ้านดอนเขว้า หมู่ที่ 2 ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวาน ประมาณ 20 ซม.น้ำลำสะแทด เอ่อเข้าชุมชนถนนในชุมชน

     -บริเวณ ฝายบ้านดอนน้ำซับ หมู่ที่ 8 ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวาน 20 ซม. น้ำลำสะแทดเอ่อเข้าชุมชน ทางเข้าหมู่บ้านระดับน้ำสูงจากถนน 30-50 ซม.

ถนนระหว่าง ดอนน้ำซับ – คุ้มโนนทอง ระดับน้ำสูงจากถนน 40-60 ซม. ระดับใกล้เคียงกับการท่วมครั้งแรก สัญจรทางเรือและรถทางการเกษตร

     -ลำสะแทดเอ่อล้นโอบล้อมพื้นที่และดันเข้าสู่พื้นที่การเกษตร ระดับน้ำพื้นที่การเกษตรโดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

     -ระดับน้ำบริเวณ คลอง เหมือง สูงขึ้นทุกแห่ง

“แม่ทัพภาคที่2และผู้ว่าโคราช ลงติดตามสถานการณ์น้ำที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา”

…วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ช่วงค่ำที่ผ่านมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ท.สวราชย์  แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 เเละ นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณรอบโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และการเร่งระบายน้ำภายในโรงพยาบาลมหาราช

…ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามระดับน้ำภายในโรงพยาบาลและบริเวณรอบอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันน้ำท่วมโรงพยาบาลฯ

การจับกุม !!! คดีชิงทรัพย์ห้างเพชรทองเยาวราช บิ๊กซี สาขาปากช่อง

คดีชิงทรัพย์ห้างเพชรทองเยาวราช บิ๊กซี สาขาปากช่อง
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 เวลาประมาณ 17.00 น. มีคนร้าย จำนวน 1 คน สวมหมวก
โม่งสีดำ แว่นตากันแดดปิดบังอำพรางใบหน้า สวมเสื้อพนักงาน Food Panda สีชมพูแขนยาว
สวมถุงมือสีดำ ใส่กางเกงยีนส์ขายาว ขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีขาว ไม่ทราบหมายเลข
ทะเบียน เข้าไปทำการชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืนที่ร้านเพชรทองเยาวราช ภายในห้างบิ๊กชี สาขา
ปากช่อง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าของร้านทองที่เกิดเหตุ
ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงที่แขนทะลุหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในที่เกิดเหตุพบปลอก กระสุนปีน
ขนาด 9 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 1 ปลอก ทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายเป็นทองรูปพรรณ
ยังไม่ทราบจำนวนอยู่ระหว่างตรวจสอบ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา
พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก, พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา, พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์
ผกก.สภ.ปากช่อง ได้ตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง ร่วมกับเจ้าหน้าที่
จาก ศพฐ.3 ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ต่อมา วันที่ 2 ก.ย.2564 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3,
พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก..ภ.จว.นครราชสีมา, พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจน์กิจ ผบก.สส.ภ.3

พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิลัย รอง ผบก.ป. ร่วมประชุมเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย โดยมีการสนธิกำลัง
และบูรณาการร่วมกัน ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ปากช่อง, กองกำกับการสืบสวน
ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3,กองกำกับการ 3
กองบังคับการปราบปราม,กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัว
ผู้กระทำความผิด จากการสืบสวนพบว่าลักษณะรูปพรรณคนร้ายคล้ายกับ ส.ต.ท.อนุชา
บุญอารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สภ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา
จึงได้เชิญตัว ส.ต.ท.อนุชาฯ มาชักถามโตย พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว และ พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก
รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ชักถามด้วยตนเอง จากการซักถาม ส.ต.ท.อนุชาฯ ให้การยอมรับว่า
ตนเองเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากมีหนี้สินจำนวนมาก
ส.ต.ท.อนุขาฯ ได้พาไปชี้จุดชุกช่อนของกลางเป็นทองคำรูปพรรณ จำนวน 132 เส้น
อยู่ในอ่างปูนซึ่งใช้สำหรับปลูกบัวอยู่ในบริเวณ หมู่ 8 บ้านหนองตะกู ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง
จว.นครราชสีมา รวมทั้งได้นำชี้รถจักรยานยนต์ที่เป็นยานพาหนะมาประกอบเหตุ เจ้าหน้าที่
ตำรวจจึงได้ร่วมกันจับกุม ส.ต.ท.อนุขาฯ พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตาม
กฎหมายต่อไป
ตำรวจภูธภาค 3 ขอยืนยันว่า ไม่ว่าผู้กระทำความผิดจะเป็นผู้ใด หากสร้างความเดือดร้อน
กับพี่น้องประชาชนจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว

ทัศนียา เปิดตัวกลุ่มพัฒนาโฟธิ์กลาง อาสารับใช้พี่น้องประชาชน ชู”นายกหญิง จริงใจ ใฝ่พัฒนา” เบอร์ 3

ทัศนียา กองแก้ว(รองอ้วน )อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพธิ์กลางชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีเพื่อสานต่ออุดมการณ์ ของกลุ่มพัฒนาโพธิ์กลาง พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลทั้ง 2 เขต ทั้ง 12 คน

นายอำพร มณีกรรณ์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง ผู้ก่อตั้งกลุ่มพัฒนาโพธิ์กลางเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ มีเก้านายกเทศมนตรีเป็นเดิมพัน ตนและนางทัศนียา กองแก้ว ผู้ลงสมัครนายก พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลทั้ง 2 เขต พร้อมอาสารับใช้พี่น้องประชาชนเทศบาลโพธิ์กลางอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาตนได้บริหารงานอย่างเต็มที่โดยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวตำบลโพธิ์กลาง ได้พัฒนาตำบลโพธิ์จนเกิดความเจริญ เกือบทุกๆด้าน สาธุผู้จำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นถนนสายต่างๆ ไฟฟ้าส่องสว่าง ,น้ำประปา, สวนสาธารณ เบี้ยผู้สูงอายุ และผู้พิการ ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวตำบลโพธิ์กลาง ให้ได้รับความสะดวกสะบาย จึงขอฝากผ่านสื่อมวลชนไปยังพี่น้องชาวโพธิ์กลางว่า กลุ่มพัฒนาโพธิ์กลาง ทำอะไรทำจริง พัฒนาจริง จึงขออาสากลับมารับใช้พี่น้องประชาชนอีกครั้งในนามกลุ่มพัฒนาโพธิ์กลาง นายกต้อง เบอร์ 3 สมาชิกสภาเทศบาล เบอร์ 1-6 และ 13-18 นายอำพร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง กล่าวทิ้งท้าย

rpt
rpt

ด้านนาง ทัศนียา กองแก้วอดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลโพธิ์กลาง กล่าวต่อว่า ครั้งนี้ ตนได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกกลุ่มพัฒนาโพธิ์กลาง ลงสมัครตำแหน่งนายกเทศมนตรีหากตนได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรี ตนจะไม่ทำให้ชาวตำบลโพธิ์กลางผิดหวัง พร้อมเน้นย้ำ ชูอาสารับใช้ พี่น้องประชาชน ในฐานะนายกหญิงคนแรก ของเทศบาลตำบลโพธิ์กลาง

รถไฟฟ้ารางเบาLRT Korat ทุกภาคส่วนเห็นด้วยคาดว่าได้ใช้ปี 2568

L R Tรถไฟฟ้าโคราชผ่านฉลุย!!! ทุกภาคส่วนร่วมใจ ได้เห็นแน่ปี 2568 #รถไฟฟ้ารางเบาโคราช


รฟม. จัดประชุมรับฟัดวามคิดเห็นของประชาชนออก ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ)งานศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว
(ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์)

วันนี้ (26 สิงหาคม พ.ศ. 2563) เวลา 09.00 น. นายสาโรจน์ ต.สุวรรณ ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ) งานศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน -สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) โดยภายในงานมีผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา และผู้สนใจรวมถึงสื่อมวลชนเข้าร่วมการประชุมกว่า 250 คน ณ ห้องสีมาธานี แกรนด์ บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาทั้งนี้ ได้รับเกียรติจกนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาร่วมเป็นประธานพิธีเปิด

พร้อมด้วยนายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมาและคณะผู้บริหารสมาชิกสภาเทศบาลฯ โดยการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งนี้


เป็นการนำเสนอผลการศึกษาแนวเส้นทาง สถานีรูปแบบโครงกร และผลกระทบสิ่แวดล้อม รวมทั้งมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบผลการศึกษา พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆเพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงผลการศึกษาให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในลำดับต่อไปสำหรับผลการศึกษาโดยสรุปคือ โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว(ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) เป็นประเภทระบบรถรางไฟฟ้า (Tram)มีลักษณะเป็นระบบรถไฟฟ้าที่วิ่งไปตามทางวิ่งหรือรางบนถนน มีรูปแบบที่คล้ายกับรถไฟฟ้า MRT แต่มีขนาดเล็กกว่า รวมระยะทางประมาณ 11.15 กิโลเมตร มีสถานีรับ-ส่ง ผู้โดยสาร 21 สถานี ได้แก่ สถานีมิตรภาพ 1สถานีสามแยกปักธงชัย สถานีมิตรภาพ 2 สถานีองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สถานีสวนภูมิรักษ์ สถานีหัวรถไฟสถานีเทศบาลนคร สถานีศาลเจ้าวัดแจ้ง สถานีโพธิ์กลาง สถานีอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สถานีแยกประปาสถานีโรงเรียนสุรนารีวิทยา สถานีราชภัฏฯ สถานีราชมงคล สถานีบ้านเมตตา สถานีบ้านนารีสวัสดิ์สถานีชุมผลสถานีศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา สถานีไปรษณีย์จอมสุรางค์ สถานีวัดแจ้งในและสถานีดับเพลิง
ในด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นกรณีมีการพัฒนาโครงการ ได้แก่ ผลกระทบด้านคุณภาพอากาศ เสียงและความสั่นสะเทือน จกกิจกรรมในระยะก่อสร้างของโครงการ รวมทั้งปัญหาด้านการจราจรที่มีการรบกวนผิวจราจรปัจจุบัน ซึ่งโครงการได้มีการพิจารณาและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยจัดให้มีมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบอย่างเต็มที่ อาทิ ฉีดพรมน้ำในบริเวณที่อาจเกิดฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย กำหนดช่วงเวลาที่อนุญาตให้มีกิจกรมก่อสร้างที่ก่อให้เกิดเสียงดังผิดปกติเฉพาะช่วงเวลา 08.00 -17.00 น. ทั้งนี้ หากมีกิกรรมกรก่อสร้างที่ก่อให้เกิดเสียงที่มีความจำเป็นจะต้องดำเนินการนอกช่วงเวลาดังกล่าว จะต้องมีการประกาศแจ้งให้สรรณชนทราบล่วงหน้า รวมถึงควบคุม/จำกัดความเร็ว และตรวจสอบน้ำหนักบรรทุกของรถบรรทุกให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และมีการจัดเตรียมแผนการจัดการจราจรให้สอดคล้องกับแผนงานก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนฯ นำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาและเผยแพร่แผนการจัดการจราจรให้ประชาชนทั่วไปและผู้ใช้เส้นทางที่เกี่ยวข้องทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงอีกทั้งกำหนดช่วงเวลาในการขนส่งวัสดุอุปกรณ์ของโครงการ นอกช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าเย็นทั้งนี้ รฟม, ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ให้เป็นผู้ดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัด

นครราชสีมา ในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP) โดยให้ดำเนินกรก่อสร้าง ครั้งละ 1 เส้นทาง เริ่มจากสายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์ เป็นลำดับแรก ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องจากจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ) โดย รฟม, จะจัดการประชุมเพื่อทดสอบความสนใจของภาคเอกชน และ/หรือ องค์กรครองส่วนท้องถิ่น (Market Sounding) ครั้งที่ 1 ในวันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2563 เวลา 13.30 – 16.30 น. ณ ห้องสีมาธานี แกรนด์ บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมืองนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมา และครั้งที่ 2 ในวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 08.30 – 12.00 น.ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อทดสอบความสนใจจากภาคเอกชน นักลงทุน ตัวแทนผู้ผลิต/จำหน่ายรถไฟฟ้าและงานระบบที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนจกสถานทูตประเทศต่างๆ ตลอดจนหน่วยงานราชการส่วนกลาง และสถานบันการเงิน ซึ่งจะนำไปประกอบในการจัดทำแนวทางการร่วมลงทุนของโครงการต่อไป
สำหรับโครงการระบุบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว นับเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายแรกของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 4 ปี โดยเริ่มงานก่อสร้างได้ในปี พ.ศ. 2565 และสมารถเปิดให้บริการ พ.ศ. 2568 ทั้งนี้เมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐาน รวมถึงมีความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสามารถลดการใช้รถยนต์โดยรวมบนท้องถนนจึงช่วยลดปริมาณมลพิษในอากาศที่เกิดจกการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ได้อีกด้วย

ดูดินด่านเกวียน#1 กระตุ้นกระตุ้นเศรษฐกิจโคราช

กระตุ้นท่องเที่ยว”ดูดินด่านเกวียน”ภายใต้การท่องเที่ยวในวิถีแบบใหม่ New Normal #ดูดินด่านเกวียน #การท่องเที่ยว


วันเสาร์ที่15 สิงหาคม 2563ถนนสายวัฒนธรรม ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมานำโดย นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจัหวัดนครราชสีมา , นายธนิต จิตละมัย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา นางฝน คงศักดิ์ตระกูล นายกเทศมนตรี. . เทศบาลตำบลด่านเกวียนได้จัดพิธีเปิดงาน “ดูดินด่านเกวียน” ครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายวีศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมเป็นประธานเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่พร้อมด้วยนางประนอม คลังทอง ผู้ตรวจราชการกระวัฒนธรรมแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนทุกท่าน


ซึ่งภายในงานเป็นรูปแบบของถนนคนเดิน ตลอดทาง200 เมตร ตกแต่งด้วยไฟสวยงาม ทางชุมชนได้เปิดบ้านเข้าเยี่ยมชมการทำงานของศิลปินดินด่านเกวียนทั้งรูปแบบการปั้น การเผา และการลงสี ผู้ที่มาร่วมงานจะได้ทั้ง ชิมอาหารพื้นบ้านของทางตำบลด่านเกวียน และของขึ้นชื่อภายในจังหวัดนครราชสีมา ชมการแสดงพื้นบ้าน เดินเลือกซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์ดินเผาราคาพิเศษ และร่วมเวิร์คชอปปั้นดินฟรีกิจกรรมพิเศษ การแข่งขันประกวดปั้นโคมไฟแกะลายวิจิตร , การแข่งขันประกวดเข็นลวดลายบนภาชนะดินผาด่านเกวียน ในโครงการ “อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชาวดิน ถิ่นงาน หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา” รวมมูลค่ารางวัลกว่า13,000 บาท
นายวิเซียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าวว่าการจัดงานดูดินด่านเกวียน ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 1 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายใต้การท่องเที่ยวในวิถีแบบใหม่ New Normal ทำให้เกิดกิจกรรมและรายได้เข้าสู่ชุมชนเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวและสร้างความชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และผลักดันการท่องเที่ยวในวิถีชุมชน ส่งเสริมเสน่ห์และเอกลักษณ์ของชุมชนด่านเกวียนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณคำทางศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัดนครราชสีมานับเป็นความกรุณาของทนอย่างยิ่ง ทาง ตำบลด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา


ต่อมานายธนิต จิตละมัย ท่องเที่ยวและกีพาจังหวัดนครราชสีมากล่าวว่า การจัดงานทั้งหมดมีระยะเวลา 2 วัน โดยมีวัตถุประสงค์ ในการจัดงาน ดังนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวภายในจังหวัดนครราชสีมาและกลุ่มเป้าหมายของการจัดในครั้งนี้ คือประชาชนทั่วไป ทั้งในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างประเทศ โดยการจัดงานครั้งนี้ จะได้พบกับ การเปิดบ้านให้เยี่ยมชมการปั้น การลงสี การเผา ของศิลปินดินด่านเกวียน
จากนั้น นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ นับว่ามีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้ ตำบลด่านกวียน อำเภอโชคชัย ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เดินทางมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปี และยังเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เกิดศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืนซึ่งก็ต้องขอชมเชยทางจังหวัดนครราชสีมา ,สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ,สำนักงานเทศบาลด่านเกวียน, อำเภอโชคชัย และคณะผู้ร่วมจัดงานทุกท่านที่ได้ร่วมมือกันจัดงานดีๆ แบบนี้ขึ้นมา
สำหรับผู้ที่สนใจวัฒนธรรมเครื่องปั้นดินผา สามารถข้าชมงานได้ในวันเสาร์ที่15 สิงหาคม2563 และ วันเสาร์ที่ 22 สิหาคม 2563 เวลา 16.00 – 20.00 น.ณ ถนนสายวัฒนธรรม ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ นครราชสีมา

จิตอาสาทำดีด้วยหัวใจ…โคราชร่วมใจบูรณาการป้องกันภัย3โรคร้ายแรง

จังหวัดนครราชสีมาเร่งบูรณาการโรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้า ร่วมกิจกรรมสำรวจและทำลายแหล่ง เพาะพันธุ์ยุงลาย 3 แห่ง

วันนี้(5 มิ.ย.63) ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) โรคไข้เลือดออก
และโรคพิษสุนัขบ้า จังหวัดนครราชสีมา ปี 2563 พร้อมเปิดกิจกรรมจิตอาสา“เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” และนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัยนายกเทศบาลนครนครราชสีมากล่าว
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ทั่วโลกและประเทศไทย ดังนั้นเพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19ระลอก2 จังหวัดนครราชสีมา จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมความตระหนักรู้เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 โดยบูรณาการโรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้าด้วยพบว่าเป็นโรคติดต่อที่เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา กิจกรรมครั้งนี้ประกอบด้วย นิทรรศการโรคโควิด-19 โรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้า บริการทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่สุนัขและแมว โดยความร่วมมือของจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมาและเทศบาลนครนครราชสีมา ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ


ภาคเอกชนและจิตอาสาพระราชทาน 904 “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ร่วมกิจกรรมสำรวจและทำลายแหล่ง เพาะพันธุ์ยุงลาย 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณหน่วยงานรอบๆศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา, วัดสุทธจินดาวรวิหาร
และวัดบึงอารามหลวง ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ป้องกันโรคไข้เเลือดออก พร้อมโรคโควิด-19 และโรคพิษสุนัขบ้า โดยขอให้ประชาชนร่วมมือป้องกันทั้ง 3โรคและติดตามสถานการณ์จากจังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่าต่อจากนั้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาและนายสุรวุฒิ เชิดชัยนายกเทศบาลนครนครราชสีมาจึงได้ชมนิทรรศการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2519 โรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้าและชมการให้บริการทำหมัน และฉีดวัดชีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า สุนัขและแมว ประธานในพิธีร่วมกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” แบ่งกลุ่มจิตอาสา สำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย 3 จุดอีกด้วย
ทางด้าน นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่าเพื่อให้ชาวโคราชร่วมมือป้องกันการระบาดระลอก 2 ของวิกฤตโรคโควิด-19 อีกทั้งมีรายงานทางระบาดวิทยาของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-3 มิถุนายน 2563พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จำนวนทั้งสิ้น 1,118 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 42.3 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย อัตราตายต่อประชากรแสนคน เท่ากับ 0.08 อัตราป่วยตายเท่ากับร้อยละ 0.14 พบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง อัตราส่วนพศชาย ต่อ เพศหญิง เท่ากับ 1.1 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดได้แก่กลุ่มเด็กวัยเรียน คือกลุ่มอายุ 10-14 ปี 326 ราย รองลงมาคือ 5-9(265ราย ), 15-19(253ราย), 20-24(128ราย),0-4(96,ราย),25-29(86ราย),30-34(62ราย),35-39(45ราย),45-49(27ราย),40-45(22ราย), 70+,(19ราย), 50-54(18ราย), 55-59(17,ราย), 65-69(12 ราย) และ 60-64 (8 ราย)ตามลำดับ โดยขณะนี้(ณ 2 มิ.ย.63)จังหวัดนครราชสีมามีการระบาดของโรคไข้เลือดออกอยู่ในลำดับที่ 4 ของประเทศ รองจาก 1) ระยอง 2) ชัยภูมิ 3)ขอนแก่น 4)นครราชสีมา และ 5)แม่ฮ่องสอน อีกทั้งพบว่า ทั้ง 32 อำเภอที่พบอัตราป่วยสูงสุด 10 ลำดับแรก คือ 1.เฉลิมพระเกียรติ 2.โนนไทย 3.สูงเนิน 4.โชคชัย 5.บัวใหญ่ 6.ประทาย 7.ขามทะเลสอ 8.เมือง 9.พิมาย และ 10.โนนสุง ตามลำดับ ดังนั้นขอให้ทุกพื้นที่เร่งสร้างความร่วมมืออย่างเข้มข้นในการรณรงค์ให้ประชาชน ร่วมมือกับผู้นำชุมชน หมู่บ้าน องค์กรปกรองส่วนท้องถิ่น และ อสม. เพื่อชาวโคราชรวมพลังตั้งการ์ดสู้ภัยโรคไข้เลือดออก ควบคู่ไปพร้อมๆกับโควิด-19 รณรงค์สื่อสารลดความเสี่ยงโรคไข้เลือดออก รณรงค์ 3 เก็บ “เก็บบ้าน เก็บน้ำ เก็บขยะ” และปฏิบัติตาม 5 ป. 2ข. ได้แก่ ป.ปิดภาชนะน้ำกินน้ำใช้ให้มิดชิดหลังการตักน้ำใช้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ , ป.เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำทุก 7 วัน เพื่อตัดวงจรลูกน้ำยุงลายที่จะกลายเป็นยุง , ป.ปล่อยปลากินลูกน้ำ ในภาชนะใส่น้ำถาวร เช่น อ่างบัว ถังซีเมนต์เก็บน้ำขนาดใหญ่ , ป.ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ให้ปลอดโปร่ง โล่ง สะอาด ลมพัดผ่าน ไม่เป็นที่เกาะพักของยุงลาย และ ป.ปฏิบัติเป็นประจำทุกๆสัปดาห์จนเป็นนิสัย สำหรับ 2ข.ได้แก่ ข.ขัดไข่ยุงที่ขอบด้านในของภาชนะเก็บกักน้ำ และ ข.ขยะกำจัดให้เกลี้ยงไม่เลี้ยงยุงลาย ทั้งที่บ้าน วัด โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก ทำงาน ศาสนาสถาน อีกทั้งป้องกันยุงลายกัดในช่วงกลางวันโดยการนอนกางมุ้งหรือทายากันยุง รวมทั้งใช้นวัตกรรมใหม่ๆในการป้องกันควบคุมโรคเพื่อให้โคราชปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกต่อไป ทั้งนี้โรคไข้เลือดออกป้องกันได้ แต่มีอันตรายรุนแรงถึงเสียชีวิต โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค หากมีไข้สูงลอยเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารหน้าแดง ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านด่วนเพื่อป้องกันการเสียชีวิต ขณะที่โรคพิษสุนัขบ้า ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทำให้มีผู้เสียชีวิตทุกปี โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 2 มิถุนายน 2563 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่ยังพบโรคในสัตว์พาหะอย่างต่อเนื่องทุกปีโดยในปี 2563 ข้อมูลจาก website thairabies.com ของกรมปศุสัตว์ พบว่า มีตัวอย่างสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้า จำนวน 1 ตัวอย่าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีความเสี่ยงต่อการระบาด ของโรคพิษสุนัขบ้า จากการเฝ้าระวังของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้ติดตามผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าเข้ารับวัคซีน 100 % ดังนั้นการบูรณาการร่วมกันเพื่อประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างการรับรู้ ความเข้าใจเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติ และมีความตระหนักในเชิงป้องกัน โดยการเน้นย้ำว่าผู้ที่สัมผัสหรือถูกสุนัข/แมวกัด ข่วน ต้องเข้าทำการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและรับการ
รักษาอย่างถูกวิธีตามหลักสาธารณสุขหากไม่เข้าสู่กระบวนการรักษา หากป่วย“ตายอย่างเดียว” จึงขอความร่วมมือประชาชนเจ้าของสุนัข/แมว ให้มีความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูโดยนำสัตว์เลี้ยงของตนมาขึ้นทะเบียนเพื่อรับวัคซีนหรือทำหมัน และกำหนดมาตรการในการลดจำนวนสุนัข-แมวจรจัดอย่างต่อเนื่องและจริงจัง รวมทั้งส่งเสริมให้เทศบาล/องค์การบริหารส่วนตำบล/ปศุสัตว์/ผู้นำชุมชน/อาสาสมัครสาธารณสุข/อาสาสมัครพัฒนาปศุสัตว์ประจำ หมู่บ้าน ดำเนินการสำรวจจำนวนสุนัขและแมวทุกพื้นที่และให้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตนเอง โดยยึดหลัก “คาถา 5 ย” 1) อย่าแหย่ ให้สุนัขโมโห โกรธ 2) อย่าเหยียบ หาง หัว ตัว ขา หรือทำให้สุนัขหรือสัตว์ต่างๆตกใจ 3) อย่าแยก สุนัขที่กำลังกัดกัน ด้วยมือเปล่า 4) อย่าหยิบ ชามข้าวหรือเคลื่อนย้ายอาหารขณะที่สุนัขกำลังกิน 5) อย่ายุ่ง หรือเข้าใกล้กับสุนัขหรือสัตว์ต่างๆ นอกบ้านที่ไม่มีเจ้าของ หรือไม่ทราบประวัติ

ชาววังน้ำเขียวโคราช ‘ปลูกต้นแมคาเดเมีย’ สร้างรายได้ปีละ 200,000 บาท

ชาววังน้ำเขียวโคราช ‘ปลูกต้นแมคาเดเมีย’ ได้ดีไม่ต้องไปไกลถึงเชียงราย ให้ราคาสูงกิโลกรัมละ 1 พันบาท สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย อาทิ อบเกลือ เคลือบน้ำผึ้ง และรสวาซาบิ หรือทานสดก็ได้ สร้างรายได้ปีละ 2แสนบาท

 

            นายวิรัตน์ เขียนดวงจันทร์ ผู้จัดการบ้านไร่ปลายตะวันและศูนย์เพาะพันธุ์พืช กล่าวว่า ที่บ้านไร่ปลายตะวันเป็นสถานที่ปลูกพืชหลายประเภททั้งผัก ผลไม้ และดอกไม้ รวมถึงต้นไม้ต่างๆ โดยเมื่อ 3ปีก่อนได้นำพันธุ์ของแมคาเดเมียมาทดลองปลูก เพราะเห็นว่าที่อำเภอวังน้ำเขียวมีอากาศเย็นตลอดปี จึงได้นำมาทดลองปลูกจำนวน 50 ต้น ปรากฏผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ให้ผลผลิตที่ดีและยังมีรสชาติอร่อย ซึ่งที่ไร่ของเราได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ในการเพาะปลูกและดำเนินการต่างๆ  โดยเพื่ออยากให้คนโคราชได้มีแมคาเดเมียทานกันโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปซื้อถึงจังหวัดเชียงรายภาคเหนือและมีราคาที่ถูกกว่า ทุกคนจะได้รู้ว่าที่อำเภอวังน้ำเขียวมีแมคาเดเมียและสามารถปลูกให้ผลผลิตได้

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ช่วงระยะแรกในการปลูกใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี คือค่อนข้างใช้เวลาแต่คุ้มค่า เนื่องจากแมคาเดเมียมีราคาสูงในท้องตลาดเป็นที่นิยมบริโภคเพราะมีสรรพคุณและคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ประโยชน์ของแมคคาเดเมียคือ 1.ช่วยลดภาวะของโรคหัวใจทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น 2.อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 3. ช่วยลดน้ำหนัก 4.ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย 5. ช่วยบำรุงสมอง โดยต้นแมคาเดเมียอายุ 4 -5 ปีจะให้ผลผลิตประมาณ 3 – 4 กิโลกรัม อายุ  แต่ถ้าเป็นอายุ 6 – 8ปีขึ้นไปแล้ว จะให้ผลผลิตสูงถึงต้นละ 15-20 กิโลกรัมเลยทีเดียว โดยราคาขายในตลาดอยู่ที่ขีดละประมาณ 100 บาท หรือ กิโลกรัมละ 1 พันบาท แต่ถ้าขายในเขตโคราช เราก็จะกำหนดราคาถูกกว่านี้ เพื่อให้อยู่ในระดับเหมาะสมก็คงประมาณ 60-70 บาท ซึ่งปัจจุบันทางบ้านไร่ปลายตะวันก็ทำมา 5 ปีแล้ว จำนวน 50 ต้น สร้างรายได้กว่า 2 แสนบาทต่อปี ผลของแมคาเดเมียสามารถนำไปแปรรูปได้หลายอย่าง อาทิ ไอศกรีม อบเกลือ อบน้ำผึ้ง และรสวาซาบิ และกินสดได้ นอกจากนั้น เรายังส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยากจะปลูกยินดีให้ความรู้ในการปลูก ซึ่ง ณ เวลานี้ทางเรากำลังขยายพื้นที่เพิ่มเพื่อเอาพันธุ์ของต้นแมคาเดเมียจำนวนอีก 300 ต้นมาลงปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรท่านใดสนใจ สามารถมาดูได้ที่แปลงปลูกและยินดีถ่ายทอดความรู้ในการปลูก โดยให้มาที่  ศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้านไร่ปลายตะวันและศูนย์เพาะพันธุ์พืช อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ 085- 1847261 นอกจากนี้ทางบ้านไร่ปลายตะวันยังมีแปลงปลูกเมลอนแบบปลูกในน้ำและผักปลอดและพืชต่างๆอีกหลากหลายโดยใช้ระบบไฮโดรโปนิกปลอดสารพิษ 100 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย

!!ปภ.5ระดมหน่วยงานทั้งจังหวัดติวเข้มจากสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดนครราชสีมา

วันนี้9สิงหาคม 2561 เวลา09.00 น.นำโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ประธาน นายสุเทพ รื่นถวิล หัวหน้าปภ.5 กล่าวรายงาน ผู้แทนกองกำลังพลพัฒนาที่2 รองผู้บังคับการตำรวจภาค3 สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ปภ.เขต5 ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหน่วยงานองค์กรสาธารณกุศลมูลนิธิสมาคมแก่ผู้มีเกียรติสื่อมวลชนและผู้เข้าร่วมงาน

ในการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมาจำปี 2561สถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมขังและน้ำท่วมฉับพลันในรูปแบบการฝึกเฉพาะหน้าที่ในวันนี้ตามที่

กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดในการฝึกการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยทุกระดับเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนแนวทางการป้องกันและลดผลกระทบจากจากสาธารณภัยพร้อมทั้งเป็นการทดสอบประเมินความสามารถของบุคคลและบทบาทหน้าที่ในการเผชิญภัยพิบัติต่างๆโดยกำหนดสถานการณ์อุทกภัยสถานการณ์จำลองการฝึกหน้าที่นั้น  จากสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดนครราชสีมาที่ผ่านพบว่าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างเช่นอุทกภัยปี 53 คือทุกอภัยปี 60 ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชันจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดอำเภอและศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับทราบบทบาทหน้าที่ตั้งแต่ก่อนเกิดภัยขณะเกิดภัยและหลังเกิดภัยเพื่อเตรียมความพร้อมลดความสูญเสียหรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อพี่น้องประชาชนโดยต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพ. ศ. 2550 และแผนเผชิญเหตุแต่ระดับได้อย่างทันท่วงทีตามขั้นตอนรวมทั้งการเตรียมความพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์การเผชิญเหตุในพื้นที่ของตนและช่องทางการขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานสังคมต่างๆการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยครั้งนี้จึงถือเป็นนิมิตหมายอันดีแต่ละอำเภอและหน่วยงานที่มีหน้าที่ป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัย จะรับทราบแล้วซักซ้อมเตรียมการในขั้นตอนการประสานการปฏิบัติการระดมสรรพกำลังการประเมินขีดความสามารถของหน่วยงานและบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานการร้องขอการสนับสนุนการเผชิญเหตุสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นรวมทั้งในการฝึกซ้อมครั้งนี้เป็นการสร้างเครือข่ายรายการแจ้งเตือนการเกิดอุทกภัยลุ่มน้ำทั้ง 9 ลุ่ม ประสานงานระหว่างองค์กรปกครองท้องถิ่นด้วยกันอำเภอที่อยู่ข้างเคียง ณ เทอร์มินอล21 ชั้น4 นครราชสีมา

จากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี2553การแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมระบบการแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมและการติดตามสถานการณ์น้ำได้แบ่งระดับการแจ้งเตือนภัยเป็น 5 ระดับดังนี้ 1 ระดับที่ 1ถ้าเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมและเหตุการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติหรือเป็นพื้นที่บ้านเรือนประชาชนไม่รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมการเตือนภัยส่วนราชการและประชาชนเฝ้าระวังติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดกลับที่ 2 หมายถึงการเฝ้าระวังน้ำท่วมที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดน้ำท่วมและอยู่ในระหว่างสังเกตการณ์เตือนภัยระดับที่ 3 หมายถึงการเตือนภัยจะเกิดน้ำท่วมระดับที่ 4 หมายถึงเป็นน้ำท่วมรุนแรงผังการแจ้งเตือนภัยศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครราชสีมาศูนย์ราชการจังหวัดนครราชสีมาผู้ว่าจังหวัดนครราชสีมารองผู้ว่าจังหวัดรองผอกอ.รมน.นม. ชป.นม. ทน.สนง.ปภ. นม.อปทในพื้นที่ 32 อำเภอ

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อุทยานแห่งชาติทับลานโครงการชลประทานนครราชสีมาโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคองสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7สถานีอุตุนิยมวิทยานครราชสีมาอำเภอต้นน้ำเป็นต้น

!!ม.ราชภัฏโคราช นำราชภัฏทั่วประเทศ ประชุมถักทองานวิจัยท้องถิ่น ก้าวไกลสู่สากล

!!ม.ราชภัฏโคราช นำราชภัฏทั่วประเทศ ประชุมถักทองานวิจัยท้องถิ่น ก้าวไกลสู่สากล

วันที่ 7 สิงหาคม 2561 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดย สถาบันวิจัยและพัฒนาคณะวิทยาการจัดการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จัดพิธีเปิดการประชุมวิชาการและ นำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 10 (The 10th National Academic Research Conference) ภายใต้ชื่อ ถักทองานวิจัยท้องถิ่น ก้าวไกลสู่สากล (Connecting Local Research to International Perspectives) ณ ห้องประชุมสุวัจน์ ลิปตพัลลภ 2 โดยได้รับเกียรติจาก นายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดี กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมและผู้มีเกียรติ การประชุมวิชาการระดับชาติ ประจำปี 2561 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 สิงหาคม 2561

เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง 3 หน่วยงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กับ เครือข่ายสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ และภาคีเครือข่ายจังหวัดนครราชสีมา มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอด

การทำงานเชิงวิชาการในพื้นที่ ด้วยการเปิดเวทีนำเสนอผลงานวิจัยของเครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการวิจัย การเรียนการสอน การบริการวิชาการ

เพื่อสังคมชุมชนท้องถิ่น สร้างความร่วมมือกันในงานวิชาการรับใช้สังคมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิชาการรับใช้สังคมระหว่างสถาบันอุดมศึกษา กับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งยังเป็นช่องทางในการนำผลงาน

วิชาการรับใช้สังคมไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาท้องถิ่น สู่การพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถนำผลงานวิชาการรับใช้สังคมไปสู่การตีพิมพ์ในวารสารที่ได้รับการยอมรับระดับชาติต่อไปภายในงานได้จัดให้มีการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง บทบาทการวิจัยกับการพัฒนาประเทศไทยโดย ศาสตราจารย์ ดร.วรเดช จันทรศร ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่อด้วยการเสวนา เรื่อง กระทรวงอุดมศึกษาวิจัย และนวัตกรรม : ใครได้-ใครเสีย โดย ดร.สัมพันธ์ ศิลปะนาฎ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การบรรยายพิเศษ เรื่อง คนโคราชจะปรับตัวอย่างไร… เพื่อรองรับการเข้าสู่เมืองมหานครโคราช โดย ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ นอกจากนี้ยังได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านศิลปวัฒนธรรม ระหว่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กับ เครือข่ายสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เพื่อเป็นเครือข่ายความร่วมมือทางด้านข้อมูลทางวิชาการ งานวิจัย งานสร้างสรรค์ งานบริการวิชาการ การเผยแพร่และศิลปวัฒนธรรมร่วมกัน