“อานนท์ แสนน่าน” ผนึกอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง “อีสาน-ล้านนา” รวมพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

“อานนท์ แสนน่าน” เดินหน้าปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผนึกอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง “อีสาน-ล้านนา” พร้อมแต่งตั้งยกฐานะมาเป็นประธานหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนเรารักประเทศไทยแต่ละจังหวัด


วันที่ 8 ตุลาคม 2563 ณ ศูนย์เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่น เรารักประเทศไทย ชุมชนพรสวรรค์ ทต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ได้ประสานงาน นายนิตยา นาโล อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อดงภาคอีสาน นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ นางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งประเทศไทย นายองอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นไทย ได้ร่วมประชุมกันเพื่อให้สมาชิกหมู่บ้านเสื้อแดง ทั้ง 14 จังหวัดภาคเหนือ และ 20 จังหวัดภาคอีสาน ออกมารณรงค์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จากพวกจาบจ้วงและกำลังจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย


ก่อนหน้านั้น อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงและสมาชิกได้ออกมาแจ้งแล้วว่า “ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์ไทย คงไม่มีแผ่นดินให้ คนรุ่นใหม่ได้ยืนในวันนี้ได้หรอกคงเป็นทาสของต่างชาติ หรือไม่ก็จะไม่มีชาติให้ภาคภูมิใจเหมือนเช่นทุกวันนี้ เพราะการที่พวกเรา “ยุบและสลายหมู่บ้านเสื้อแดง” เข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเป็นเครือข่าย “รวมไทยสร้างชาติ เรารักประเทศไทย” ก็ต้องการที่จะทำงานด้วยจิตอาสาเพื่อชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ เพราะที่ผ่านมาพวกเราเป็นคนเสื้อแดง และแยกออกมาเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ก็จะใช้สโลแกนที่ว่า “หมู่บ้านเสื้อแดง เพื่อประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เพราะพวกเราซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์
นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า พวกเราอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง ได้เชิญอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ และภาคอีสาน เพื่อผนึกกำลัง “อีสาน-ล้านนา มาแต่งตั้งเป็น “ประธานหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทย ประจำจังหวัด” เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์” จากพวกจาบจ้วงและหวังจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เพื่อให้สมาชิกออกไปรณรงค์ให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงกับประธานหมู่บ้านและสมาชิกหมู่บ้านเสื้อแดงแต่ละหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และ จังหวัดต่าง ๆ ว่า การที่มีการเข้าไปชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นว่าจะไปล้มรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จริงๆ แล้วไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของกลุ่มดังกล่าว แท้ที่จริงแล้วเป็นกลุ่มที่ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ต้องการจะแก้ไขการปกครองไม่ให้มี “ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
พวกเราชาวอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงในแต่ละจังหวัดจำเป็นต้องออกมาปกป้องสถาบันและให้ข้อมูลที่แท้จริงกับ เด็ก เยาวชน นักเรียน และ นักศึกษา ว่า “ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศตลอดมา พระมหากษัตริย์ของไทยได้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ได้ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ได้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญมั่นคงก้าวหน้าในด้านต่างๆ บางพระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติด้วยความกล้าหาญและเสียสละ อาทิ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บางพระองค์ได้ทรงดำเนินวิเทโศบายที่ชาญฉลาดทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้จนทุกวันนี้ เช่นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ชาติไทยของเรามีการวิวัฒนาการมาตั้งแต่เริ่มรวมชาติรวมแผ่นเดิน ก่อร่างสร้างเมืองตั้งแต่ อดีต จนมาเป็นประเทศชาติทุกวันนี้ก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์สถาบันพระมหากษัตริย์ยังเป็นสถาบันที่อยู่ในหัวใจของประชาชน เป็นสถาบันที่เคารพ สักการะเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของปวงชนชาวไทยทุกๆ คน ผู้ใดหรือใครจะมาล่วงเกินพระราชอำนาจไม่ได้ ในสมัยสุโขทัยสถาบันพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนพ่อของประชาชนฐานะของพระองค์ เป็นพ่อขุน มีความใกล้ชิดประชาชน พอเข้าสมัยกรุงศรีอยุธยาฐานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นสมมุติเทพหรือเป็นเทวดาโดยสมมุติและทรงมีพระราชอำนาจในการปกครองทรง เป็นองค์อธิปัตย์สูงสุดในการปกครองบ้านเมือง ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยหลักธรรมะโดยมีทศพิธราชธรรม และธรรมะหลักสำคัญต่างๆ ในการปกครองจนทำให้ไพร่ฟ้าประชาราษฏ์อยู่เย็นเป็นสุข ทรงครองราชย์ป้องเมือง ทำนุบำรุงบ้านเมือง ศาสนา และสังคมมาจนถึงทุกวันนี้
แม้ว่าประเทศไทยจะมีรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย พระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ก็มิทรงเสื่อมถอย แต่สถาบันพระมหากษัตริย์กลับเป็นที่เคารพสักการะจากประชาชนมากเช่นเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง “…แม้แต่สมัยเป็นเด็กผมได้เงินไปโรงเรียนทีละ 5 – 10 บาท เวลาเงินตกลงพื้นแม่หรือพ่อผมจะต้องให้ลงกราบไหว้ไม่ให้เหยียบเงินแต่อย่างใด เพราะในเงินนั้นมีรูปในหลวงที่เป็นยึดเหนียวใจของประชาชน คอยปกปักรักษาให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข” นายอานนท์ กล่าว

พิธีรับ-ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2

พิธีรับ-ส่ง หน้าที่ แม่ทัพภาคที่ 2
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 เวลา 0830 น. พล.อ. ธัญญา เกียรติสาร ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก(แม่ทัพภาคที่ 2 ท่านเดิม) พร้อม คุณปาริชาติ เกียรติสาร ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา จากนั้นเวลา 1100 น. ณ ห้องประชุม(1) กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก(แม่ทัพภาคที่ 2 ท่านเดิม) ได้ลงนามในเอกสาร ส่งมอบหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ให้แก่ พล.ท. ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 (ท่านใหม่)


จากนั้น เวลา 1145 น. ได้มีพิธีรับ-ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 โดย พล.อ. ธัญญา เกียรติสาร ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก(แม่ทัพภาคที่ 2 ท่านเดิม) ได้กล่าวส่งมอบหน้าที่และการบังคับบัญชา พร้อมส่งมอบธงประจำหน่วยให้กับ พล.ท. ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2(ท่านใหม่) และกล่าวรับมอบหน้าที่การบังคับบัญชา โดยมีกองเกียรติยศหมู่ธงของหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 81 หน่วย พร้อมด้วยข้าราชการ และสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ร่วมพิธี


ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบกได้กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทหารของชาติ นับเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจสูงสุด รวมทั้งเป็นโอกาสอันสำคัญยิ่งในชีวิต ที่ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน และปฏิบัติหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตยของชาติ และสร้างสันติสุข ให้แก่ประชาชน ซึ่งตลอดระยะเวลาของการทำงานรับใช้ประเทศชาติและดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ได้มีความมุ่งมั่น ในการทำให้ กองทัพภาคที่ 2 มีความมั่นคงเข้มแข็ง มีเอกภาพ สามารถหยัดยืนอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นสถาบันหลักที่พร้อมดูแล ความมั่นคงปลอดภัยและแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ ตลอดจนเป็นที่พึ่งพาของพี่น้องประชาชนในทุกๆสถานการณ์ ซึ่งการดำเนินงานของกองทัพภาคที่ 2 ในทุกภารกิจที่ผ่านมา ประสบผลสัมฤทธิ์ ด้วยความเรียบร้อยตามความมุ่งหมาย จากการสนับสนุนเป็นอย่างดีของกำลังพลทุกระดับ และขอขอบคุณทหารทุกนาย ที่ได้เสียสละอุทิศตนและเวลา ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยดีตลอดมา และเชื่อมั่นว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ท่านใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วย ความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ที่จะนำพากองทัพภาคที่ 2 ไปสู่การพัฒนาในทุก ๆด้านและกำลังพลมีความพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เพื่อรักษาและเสริมสร้างผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนปกครองบังคับบัญชา กำกับดูแลกำลังพล ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต มีความรักสามัคคี ภายใต้จิตสำนึกและอุดมการณ์ของความเป็นทหารอาชีพ และพัฒนากองทัพภาคที่ 2 ให้มีศักยภาพในการปฏิบัติภารกิจในทุกรูปแบบ ให้ปรากฏผลสัมฤทธิ์ ในการสร้างคุณประโยชน์ต่อกองทัพบกและประเทศชาติ


แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวว่า พร้อมที่จะปฏิบัติราชการในตำแหน่งอันทรงเกียรติ และสำคัญยิ่งนี้ให้ดีที่สุดอย่างเต็มขีดความสามารถ และน้อมนำการปฏิบัติงานของท่านที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก มาเป็นแบบอย่าง พร้อมที่จะปฏิบัติงานเคียงบ่า เคียงไหล่ กับบรรดาเพื่อนทหารที่รักทุกนาย อย่างจริงจังและจริงใจ เพื่อให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นหน่วยที่มีศักยภาพ ในการปฏิบัติงานทุกรูปแบบ ให้ปรากฎผลสัมฤทธิ์ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกองทัพและประเทศชาติ สืบไป

โคราชเมืองมหานครไร้สาย

PEA เปิดจ่ายระบบไฟฟ้าใต้ดิน “โคราช มหานครไร้สาย”
เพิ่มความมั่นคงและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า

วันนี้ (วันที่ 25 กันยายน 2563 เวลา 18.00 น.) นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นประธานเปิดจ่ายระบบไฟฟ้าใต้ดิน “โคราช มหานครไร้สาย” บริเวณถนนราชดำเนิน ช่วงที่ 1 ตามโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมืองใหญ่ ระยะที่ 1 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) จังหวัดนครราชสีมา


ตลอดระยะเวลา 60 ปี ของการดำเนินงาน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้มุ่งมั่นพัฒนาระบบจำหน่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง PEA จัดทำโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมืองใหญ่ ระยะที่ 1 ก่อสร้าง ปรับปรุงระบบไฟฟ้า พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมในพื้นที่ 4 เมือง ประกอบด้วย เทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลนครนครราชสีมา เมืองพัทยา และเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยในเทศบาลนครนครราชสีมา PEA เริ่มนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินเมื่อเดือนกันยายน 2562 บนถนน 21 สายในพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา รวมระยะทาง 17.37 กิโลเมตร

ช่วงที่ 1 บริเวณถนนชุมพล ถนนราชดำเนิน (รอบอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี) ถนนสุรนารี ถนนบุรินทร์ ถนนพิบูลละเอียด ถนนจอมสุรางค์ยาตร์และถนนโพธิ์กลาง แล้วเสร็จเดือนกันยายน 2563
สำหรับงานก่อสร้างส่วนที่เหลือ PEA จะทยอยดำเนินการรื้อถอนสายไฟฟ้า สายสื่อสารโทรคมนาคม และเสาไฟฟ้า ที่อยู่เหนือพื้นดินออก ในช่วงที่ 2 (ถนนราชสีมา-โชคชัย ถนนพลแสน ถนนไชยณรงค์ ถนนราชนิกูล) และช่วงที่ 3 (บริเวณถนนจักรี ถนนมนัส ถนนยมราช ถนนอัษฎางค์ ถนนจอมพล ถนนมหาดไทย ถนนสรรพสิทธิ์ ถนนกำแหงสงคราม) ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ลดปัญหาไฟฟ้าตกหรือไฟฟ้าดับจากภัยธรรมชาติและอุบัติภัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหายและอันตราย ปรับปรุงให้มีทัศนียภาพสวยงาม เพิ่มความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีสู่สายตาชาวต่างชาติ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาอย่างยั่งยืน


การดำเนินการก่อสร้างระบบจำหน่ายไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน PEA ได้รับความร่วมมือจากจังหวัดนครราชสีมา เทศบาลนครนครราชสีมา ตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และผู้ประกอบการสายสื่อสารโทรคมนาคมในพื้นที่ เพื่อมุ่งสู่การเป็น “โคราช มหานครไร้สาย”

รถไฟฟ้ารางเบาLRT Korat ทุกภาคส่วนเห็นด้วยคาดว่าได้ใช้ปี 2568

L R Tรถไฟฟ้าโคราชผ่านฉลุย!!! ทุกภาคส่วนร่วมใจ ได้เห็นแน่ปี 2568 #รถไฟฟ้ารางเบาโคราช


รฟม. จัดประชุมรับฟัดวามคิดเห็นของประชาชนออก ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ)งานศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว
(ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์)

วันนี้ (26 สิงหาคม พ.ศ. 2563) เวลา 09.00 น. นายสาโรจน์ ต.สุวรรณ ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ) งานศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน -สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) โดยภายในงานมีผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา และผู้สนใจรวมถึงสื่อมวลชนเข้าร่วมการประชุมกว่า 250 คน ณ ห้องสีมาธานี แกรนด์ บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาทั้งนี้ ได้รับเกียรติจกนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาร่วมเป็นประธานพิธีเปิด

พร้อมด้วยนายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมาและคณะผู้บริหารสมาชิกสภาเทศบาลฯ โดยการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งนี้


เป็นการนำเสนอผลการศึกษาแนวเส้นทาง สถานีรูปแบบโครงกร และผลกระทบสิ่แวดล้อม รวมทั้งมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบผลการศึกษา พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆเพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงผลการศึกษาให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในลำดับต่อไปสำหรับผลการศึกษาโดยสรุปคือ โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว(ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) เป็นประเภทระบบรถรางไฟฟ้า (Tram)มีลักษณะเป็นระบบรถไฟฟ้าที่วิ่งไปตามทางวิ่งหรือรางบนถนน มีรูปแบบที่คล้ายกับรถไฟฟ้า MRT แต่มีขนาดเล็กกว่า รวมระยะทางประมาณ 11.15 กิโลเมตร มีสถานีรับ-ส่ง ผู้โดยสาร 21 สถานี ได้แก่ สถานีมิตรภาพ 1สถานีสามแยกปักธงชัย สถานีมิตรภาพ 2 สถานีองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สถานีสวนภูมิรักษ์ สถานีหัวรถไฟสถานีเทศบาลนคร สถานีศาลเจ้าวัดแจ้ง สถานีโพธิ์กลาง สถานีอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สถานีแยกประปาสถานีโรงเรียนสุรนารีวิทยา สถานีราชภัฏฯ สถานีราชมงคล สถานีบ้านเมตตา สถานีบ้านนารีสวัสดิ์สถานีชุมผลสถานีศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา สถานีไปรษณีย์จอมสุรางค์ สถานีวัดแจ้งในและสถานีดับเพลิง
ในด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นกรณีมีการพัฒนาโครงการ ได้แก่ ผลกระทบด้านคุณภาพอากาศ เสียงและความสั่นสะเทือน จกกิจกรรมในระยะก่อสร้างของโครงการ รวมทั้งปัญหาด้านการจราจรที่มีการรบกวนผิวจราจรปัจจุบัน ซึ่งโครงการได้มีการพิจารณาและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยจัดให้มีมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบอย่างเต็มที่ อาทิ ฉีดพรมน้ำในบริเวณที่อาจเกิดฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย กำหนดช่วงเวลาที่อนุญาตให้มีกิจกรมก่อสร้างที่ก่อให้เกิดเสียงดังผิดปกติเฉพาะช่วงเวลา 08.00 -17.00 น. ทั้งนี้ หากมีกิกรรมกรก่อสร้างที่ก่อให้เกิดเสียงที่มีความจำเป็นจะต้องดำเนินการนอกช่วงเวลาดังกล่าว จะต้องมีการประกาศแจ้งให้สรรณชนทราบล่วงหน้า รวมถึงควบคุม/จำกัดความเร็ว และตรวจสอบน้ำหนักบรรทุกของรถบรรทุกให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และมีการจัดเตรียมแผนการจัดการจราจรให้สอดคล้องกับแผนงานก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนฯ นำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาและเผยแพร่แผนการจัดการจราจรให้ประชาชนทั่วไปและผู้ใช้เส้นทางที่เกี่ยวข้องทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงอีกทั้งกำหนดช่วงเวลาในการขนส่งวัสดุอุปกรณ์ของโครงการ นอกช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าเย็นทั้งนี้ รฟม, ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ให้เป็นผู้ดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัด

นครราชสีมา ในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP) โดยให้ดำเนินกรก่อสร้าง ครั้งละ 1 เส้นทาง เริ่มจากสายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์ เป็นลำดับแรก ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องจากจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ) โดย รฟม, จะจัดการประชุมเพื่อทดสอบความสนใจของภาคเอกชน และ/หรือ องค์กรครองส่วนท้องถิ่น (Market Sounding) ครั้งที่ 1 ในวันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2563 เวลา 13.30 – 16.30 น. ณ ห้องสีมาธานี แกรนด์ บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมืองนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมา และครั้งที่ 2 ในวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 08.30 – 12.00 น.ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อทดสอบความสนใจจากภาคเอกชน นักลงทุน ตัวแทนผู้ผลิต/จำหน่ายรถไฟฟ้าและงานระบบที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนจกสถานทูตประเทศต่างๆ ตลอดจนหน่วยงานราชการส่วนกลาง และสถานบันการเงิน ซึ่งจะนำไปประกอบในการจัดทำแนวทางการร่วมลงทุนของโครงการต่อไป
สำหรับโครงการระบุบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว นับเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายแรกของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 4 ปี โดยเริ่มงานก่อสร้างได้ในปี พ.ศ. 2565 และสมารถเปิดให้บริการ พ.ศ. 2568 ทั้งนี้เมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐาน รวมถึงมีความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสามารถลดการใช้รถยนต์โดยรวมบนท้องถนนจึงช่วยลดปริมาณมลพิษในอากาศที่เกิดจกการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ได้อีกด้วย

เสริมเขี้ยวเล็บตำรวจภูธรภาค 3

ตำรวจภาค3จัดเสริมเขียวเล็บให้ทัพตำรวจด้านการสืบสวนโดยใช้เทคโนโลยี


วันที่ 23-29 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00 น.ณ โรงแรมแคนทารี โดราช อ.เมืองจังหวัด.นครราชสีมาพิธีเปิดการอบรมโครงการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรด้านการสืบสวนโดยใช้เทคโนโลยีของข้าราชการตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบช.ภ.3และผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกนาย

ตำรวจภูธรภาค 3 ได้รับอนุติงบประมาณ โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการสืบสวน โดยใช้เทคโนโลยีของข้าราชการตำรวจ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจัดฝึกอบรมให้กับข้าราชการตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสายงานสืบสวน โดยมอบหมายให้ ตำรวจภูธรภาค3 ดำเนินการฝึกอบรมตามโครงการฯ ดังกล่าว ในห้วงระหว่างวันที่ 23 – 29 สิงหาคม 2563 ณ โรงแรมแคนทารี โคราช อ.เมืองจังหวัดนครราชสมา รวมผู้เข้ารับการอบรม 150. นาย

ประกอบด้วย ข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรสืบสวน ของตำรวจภูธรจังหวัด กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ถึง ภาค 9 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 1-5กองบังคับการในสังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังตับการตำรวจท่องเที่ยว 1- กองบังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1-4 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1-4 และ ข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรผู้รับผิดชอบงานด้านยาเสพติด กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1-4ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้เทคนิค และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงามสืบสรม ให้มีความรู้ความสามารถในการนำเทคโนโลยี อุปกรณ์ที่ทันสมัย มาใช้ในการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งการพัฒนางานสืบสวน จะต้องพัฒนาบุคลากรให้มีองค์ความรู้และมีความรอบรู้ ที่ทันสมัยอยู่เสมอ อีกทั้ง ยังจำเป็นต้องพัฒนาให้เกิดทักษะ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ทันที รวมไปถึงเพื่อฝึกบทวน แลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคการสืบสวน และการทำงานเป็นทีม ทำให้สามารถติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว

ด้านพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3กล่าวจากการรายงาน ท่านทั้งหลายคงทราบแล้วว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนดำเนินการ ยกระดับขีดความสมารถในการปฏิบัติภารกิจหลัก เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลเพื่อลดความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชน โดยมีระบบกระบวนงาน ที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังต้องการพัฒนาบุคคลกรขององค์กร ให้มีความรู้ความสามารถและทักษะในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้สนับสนุนการสืบสวนและสามารถติดตามตัว จับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว/กั้งนี้ ก็เพื่อความสงบสุขของ ประชาชนชุมชน สังคม ประเทศชาติ

ชาวบ้านสุดทน รอนานกว่า 10 ปี รวมตัวกันกว่า 500 คน ประท้วงปิดถนน ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี

ชาวหนองบุญนาก “สุดทน”รวมตัวกว่า 500 คน ปิดถนน!!!ยื่นหนังสือสำนักนายกฯ หลัง อบจ.เมินซ่อมถนน


ชาวบ้านตำบลหนองบุญนาก อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา นัดรวมตัวแสดงพลังเพื่อขอเจรจากับทางจังหวัดและ อบจ.โคราชหลังยื่นหนังสือให้เรียกร้องให้มาดำเนินการซ่อมแซมถนนที่ชำรุดนานกว่า 10 ปี แต่ไร้หวี่แววการเข้ามาซ่อมแซม จึงรวมตัวชาวบ้านกว่า 500 คน ปิดถนนเรียกร้องลงมาขอยื่นหนังสือต่อตัวแทน สส.ในพื้นที่และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผลักดันถนนเส้นนี้ ให้สำเร็จเพราะชาวบ้านเดือดร้อนนานหลายสิบปี

นายสุเทพ ทันค้า ตัวแทนชาวบ้านตำบลหนองบุญนาก และอดีตรองนายก อบต. หนองบุญนาก ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าทางตนในฐานะกลุ่มแกนนำชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. และตัวแทนจากองค์การบริหารตำบลหนองบุญนาก นายก อบต. พร้อมสมาชิกสภาฯ อบต.หนองบุญนาก ได้นับรวมตัวชาวบ้านกว่า 500 คน เพื่อมาแสดงพลังในการร่วมผลักดันให้ทางจังหวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อำเภอหนองบุญมากและทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดสรรงบประมาณลงมาช่วยแก้ไขปัญหาถนนชำรุดระหว่างบ้ายชัยตะคร้อ-บ้านหัวทำนบ ซึ่งมีสภาพเป็นโคลน หลุม บ่อ จำนวนมาก ซึ่งมีระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร โดยไม่มีการแก้ไขมานานนับ 10 ปี ชาวบ้านที่สัญจรไปมาลำบากเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหน้าฝน มีน้ำขัง แถมยังเป็นหลุมบ่อตลอดเส้นทาง การขนพืชผลทางการเกษตร การสัญจรเป็นไปอย่างล่าช้า การขนคนเจ็บป่วยเวลาฉุกเฉินมีความลำบากมาก เด็กนักเรียนเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งมีความลำบากที่สุด

ซึ่งเส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางหลักในการใช้สัญจรไประหว่างอำเภอหนองบุญมากไปยังอำเภอครบุรี และอำเภอเสิงสางได้ มีการสัญจรของชาวไร่ ชาวนา และประชาชนจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับการแก้ไขทั้ง ๆ ที่ยื่นเรื่องขอแก้ไปจากทาง อบต.หนองบุญมาก หลายครั้ง รวมทั้งชาวบ้านเองก็ร้องเรียนไปยัง อบจ.นครราชสีมา หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานออกมารับผิดชอบแต่อย่างใด ทางตนและแกนนำชาวบ้านจึงได้นัดรวมตัวกัน วันที่ 27 กรกฎาคม 2563 เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อตัวแทนสำนักนายกรัฐมนตรี ให้นำเรื่องเสนอต่อนายกรัฐมนตรี นายกประยุทธ จันทร์โอชา ให้นำเรื่องความเดือดร้อนเร่งแก้ไขให้กับทางชาวบ้านตำบลหนองบุญมากต่อไป

ทางด้าน ส.ส.อภิชา เลิศพชรกมล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมาเขตอำเภอโชคชัย-หนองบุญมาก ได้รับการประสานงานของกลุ่มแกนนำชาวบ้านจึงได้ส่งตัวแทน คือ ส.ส.พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม ได้เดินทางมาพบกับกลุ่มชาวบ้านที่รวมตัวประท้วงพร้อมรับหนังสือร้องเรียนจากทางแกนนำ และได้พูดคุยกับผู้ชุมนุมว่า ตนมาในฐานะตัวแทนสำนักนายกรัฐมนตรี ตนเดินทางมาก็รู้สึกว่าถนนเส้นนี้สัญจรไปมาลำบากเป็นอย่างมาก ตนจะได้นำเรื่องไปพูดคุยกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในช่วงวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อขอดำเนินการส่งเรื่องพิจารณาเป็นกรณีเร่งด่วน ส่งถึงจังหวัดและ อบจ.นครราชสีมา ให้ลงมาแก้ไขโดยด่วน หากทางจังหวัดและ อบจ.นครราชสีมาไม่สามารถดำเนินการ ตนจะขอให้รัฐบาลดึงเงินจาก อบจ.นครราชสีมา กลับคืนสู่แผ่นดิน และเอางบลงมาดำเนินการให้พี่น้องชาวหนองบุญมากที่เดือดร้อนต่อไป และจะหารือกับท่านนายกรัฐมนตรี นายประยุทธ จันทร์โอชา เพื่อให้การช่วยเหลือโดยด่วน ต่อไป

พ่อเมืองโคราชฟันธง ช่องส่องผีต้องขอขมาตามมาตรการ 4 ข้อวันที่ 19 กรกฎาคมนี้

ผู้ว่าเมืองโคราชจัดประชุมเตรียมการรับเรื่อง สืบจากผู้ดำเนินรายการช่องส่องผีประสานมาเพื่อจะมาขอขมาท่านท้าวสุรนารีและคุณย่าบุญเหลือในวันที่ 19 กรกฎาคม 2563 #ช่องส่องผี #ขอขมาท้าวสุรนารี #ย่าโมแรงศรัทธาชาวโคราช


จากการประชุมณ.ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2563 เวลา 16.30 น. นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวันครราชสีมา เป็นประธานประชุมหารือ ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จากข่าวเหตุการณ์รายการช่องส่องผีบิดเบือนประวัติศาสตร์ของท่านท้าวสุรนารีกับย่าบุญเหลือ ส่งกระทบ “ย่าโมแรงศรัทธาชาวโคราช” ประชุมหารือ ณ ห้องประชุมมูลนิธิท้าวสุรนารี ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมืองนครราชสีมา ***ขอสรุปจากการประชุมครั้งนี้


เรียน ท่านผู้บริหาร ภาคราชการ เอกชน ประชาสังคมและพี่น้องประชาชนชาวโคราช
วันนี้ (14ก.ค.2563) เวลา 16.00 น.มีการประชุมหารือตัวแทนภาคส่วนต่างๆ เกี่ยวกับการเดินทางมาขอขมาท่านท้าวสุรนารีและคุณย่าบุญเหลือ ของผู้ดำเนินรายการช่องส่องผี

 สรุปว่า 

 1. การขอขมาฯ ดำเนินการในวันอาทิตย์ที่ 19 ก.ค.2563 เริ่มเวลาประมาณ 14.00 น.

 2. ต้องมีการจัดพิธีขอขมาฯ 2 จุดคือ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีและวัดศาลาลอย

 3 .ผู้ดำเนินรายการช่องส่องผี ต้องมาขอขมาฯให้ครบทุกคน

 4. คณะผู้ขอขมาฯต้องจัดเครื่องไหว้บวงสรวงให้สมเกียรติวีรสตรีทั้งสองท่าน

  วิเชียร จันทรโณทัย

          ผวจ.นม.

14 ก.ค. 2563 เวลา 18.30 น.

รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ลุยกระตุ้นเศรษฐกิจเปิดตลาดชุมชนโคราช Korat Green Market

รัฐมนตรีช่วย ลุยเปิดตลาดชุมชน คนโคราช Korat Green Market

“เซ็นทรัลโคราช” ผนึกกำลังหน่วยงานระดับประเทศ เปิดตลาดเพิ่มช่องทางเกษตรกร “KORAT GREEN MARKET” มหกรรมรวมผัก ผลไม้ สินค้าชุมชนสดๆจากไร่ เดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องคนไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี2563 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด ร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา กรมทรัพย์สินทางปัญญา โครงการร่วมค้าประชารัฐชุมชน จัดงาน “KORAT GREEN MARKET ตลาดชุมชนคนโคราช ครั้งที่ 1

วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ที่ ศูนย์เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา จำหน่ายสินค้าผัก ผลไม้ สดๆจากไร่ คัดเกรดราคาพิเศษ อาทิ น้อยหน่าเพชรปากช่อง เกรดส่งออก, อโวคาโด้, เมล่อน, ผักออกานิคปลอดสารพิษ ฯลฯ รวมถึงผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน แบ่งเป็น 3โซน ได้แก่ โซนคาราวานสินค้าสภาอุตสาหกรรม, โซนผลไม้ท้องถิ่น และ โซนผู้ประกอบการทั่วไป กว่า50ร้านค้า

งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ หรือ Covid-19 ได้มีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า หารายได้ให้กับครอบครัว อีกทั้งยังทำให้ประชาชนคนไทยเกิดการกระตุ้นหันมาบริโภคผลไม้ไทยที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้งานจัดขึ้นทั้งสิ้น 5 ครั้ง ณ ลานกิจกรรมชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาดังนี้

ครั้งที่ 1 วันที่ 3-5 กรกฎาคม 2563

ครั้งที่ 2 วันที่ 28-30 สิงหาคม 2563

ครั้งที่ 3 วันที่ 25-27 กันยายน 2563

ครั้งที่ 4 วันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2563

ครั้งที่ 5 วันที่ 25-27 ธันวาคม 2563

สำหรับพิธีเปิดงาน KORAT GREEN MARKET ได้รับเกียรติจาก ท่านวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยท่านอภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, คุณทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา, นางสาวนุสรา กาญจนกูล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ,นายชัยทัต สมิตินนท์ อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา , คุณศารุมภ์ โหม่งสูงเนิน พาณิชยจังหวัดนครราชสีมา, คุณรุจิเรศ นีรปัทมะ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์และสรรหาที่ดิน(สถาบัน) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และ คุณเศรษฐวุฒิ ทัตสุระ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา ร่วมงาน บริเวณ ชั้น1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา


#ตลาดชุมชนคนโคราช #โคราชกรีนมาร์เก็ต #เซ็นทรัลโคราช

ส่อเค้าวุ่นชาวบ้านไม่พอใจโรงงานน้ำตาล,สนามกอลฟ์สูบเลือด!!!ลำตะคอง

ลำตะคอง

เกือบวุ่น!! ประชาพิจารณ์ สูบน้ำลำตะคอง กลุ่มไม่เห็นด้วยยืนหนังสือคัดค้าน
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 ที่ศาลาวัดบ้านใหม่สำโรง ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา องค์การบริหารส่วนตำบลลาดบัวขาว เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการสร้างโรงสูบน้ำ และสะพานรับท่อส่งน้ำ (คลองบุ่งยาง) บ้านใหม่สำโรง หมู่ที่ 3 ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยมีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านใหม่สำโรง กว่า 200 คน เข้าร่วมรับฟัง


โดยเวทีเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ ในที่ประชุมไม่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านสอบถามถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการสูบน้ำจากลำตะคอง อ้างแต่จะเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่บ้านใหม่สำโรงเข้าไปทำงานที่โรงงาน

บรรยากาศเป็นไปด้วยความตรึงเครียด มีการโห่ร้อง แซวกันไปมาระหว่าง กลุ่มที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยผู้มีอำนาจของบริษัท โรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่ง มาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณรอบที่ประชุม แต่ไม่ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์แต่อย่างใด

ด้านกลุ่มเรารักษ์สีคิ้ว ผู้คัดค้านโครงการดังกล่าว ยื่นยันว่า กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ บ้านใหม่สำโรง กว่า 200 คน ลงชื่อไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวแล้วโดยกลุ่มเรารักษ์สีคิ้วเตรียมเข้าร้องศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดต่ออาทิตย์หน้า..

จิตอาสาทำดีด้วยหัวใจ…โคราชร่วมใจบูรณาการป้องกันภัย3โรคร้ายแรง

จังหวัดนครราชสีมาเร่งบูรณาการโรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้า ร่วมกิจกรรมสำรวจและทำลายแหล่ง เพาะพันธุ์ยุงลาย 3 แห่ง

วันนี้(5 มิ.ย.63) ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) โรคไข้เลือดออก
และโรคพิษสุนัขบ้า จังหวัดนครราชสีมา ปี 2563 พร้อมเปิดกิจกรรมจิตอาสา“เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” และนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัยนายกเทศบาลนครนครราชสีมากล่าว
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ทั่วโลกและประเทศไทย ดังนั้นเพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19ระลอก2 จังหวัดนครราชสีมา จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมความตระหนักรู้เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 โดยบูรณาการโรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้าด้วยพบว่าเป็นโรคติดต่อที่เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา กิจกรรมครั้งนี้ประกอบด้วย นิทรรศการโรคโควิด-19 โรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้า บริการทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่สุนัขและแมว โดยความร่วมมือของจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมาและเทศบาลนครนครราชสีมา ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ


ภาคเอกชนและจิตอาสาพระราชทาน 904 “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ร่วมกิจกรรมสำรวจและทำลายแหล่ง เพาะพันธุ์ยุงลาย 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณหน่วยงานรอบๆศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา, วัดสุทธจินดาวรวิหาร
และวัดบึงอารามหลวง ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ป้องกันโรคไข้เเลือดออก พร้อมโรคโควิด-19 และโรคพิษสุนัขบ้า โดยขอให้ประชาชนร่วมมือป้องกันทั้ง 3โรคและติดตามสถานการณ์จากจังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่าต่อจากนั้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาและนายสุรวุฒิ เชิดชัยนายกเทศบาลนครนครราชสีมาจึงได้ชมนิทรรศการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2519 โรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้าและชมการให้บริการทำหมัน และฉีดวัดชีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า สุนัขและแมว ประธานในพิธีร่วมกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” แบ่งกลุ่มจิตอาสา สำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย 3 จุดอีกด้วย
ทางด้าน นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่าเพื่อให้ชาวโคราชร่วมมือป้องกันการระบาดระลอก 2 ของวิกฤตโรคโควิด-19 อีกทั้งมีรายงานทางระบาดวิทยาของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-3 มิถุนายน 2563พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จำนวนทั้งสิ้น 1,118 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 42.3 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย อัตราตายต่อประชากรแสนคน เท่ากับ 0.08 อัตราป่วยตายเท่ากับร้อยละ 0.14 พบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง อัตราส่วนพศชาย ต่อ เพศหญิง เท่ากับ 1.1 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดได้แก่กลุ่มเด็กวัยเรียน คือกลุ่มอายุ 10-14 ปี 326 ราย รองลงมาคือ 5-9(265ราย ), 15-19(253ราย), 20-24(128ราย),0-4(96,ราย),25-29(86ราย),30-34(62ราย),35-39(45ราย),45-49(27ราย),40-45(22ราย), 70+,(19ราย), 50-54(18ราย), 55-59(17,ราย), 65-69(12 ราย) และ 60-64 (8 ราย)ตามลำดับ โดยขณะนี้(ณ 2 มิ.ย.63)จังหวัดนครราชสีมามีการระบาดของโรคไข้เลือดออกอยู่ในลำดับที่ 4 ของประเทศ รองจาก 1) ระยอง 2) ชัยภูมิ 3)ขอนแก่น 4)นครราชสีมา และ 5)แม่ฮ่องสอน อีกทั้งพบว่า ทั้ง 32 อำเภอที่พบอัตราป่วยสูงสุด 10 ลำดับแรก คือ 1.เฉลิมพระเกียรติ 2.โนนไทย 3.สูงเนิน 4.โชคชัย 5.บัวใหญ่ 6.ประทาย 7.ขามทะเลสอ 8.เมือง 9.พิมาย และ 10.โนนสุง ตามลำดับ ดังนั้นขอให้ทุกพื้นที่เร่งสร้างความร่วมมืออย่างเข้มข้นในการรณรงค์ให้ประชาชน ร่วมมือกับผู้นำชุมชน หมู่บ้าน องค์กรปกรองส่วนท้องถิ่น และ อสม. เพื่อชาวโคราชรวมพลังตั้งการ์ดสู้ภัยโรคไข้เลือดออก ควบคู่ไปพร้อมๆกับโควิด-19 รณรงค์สื่อสารลดความเสี่ยงโรคไข้เลือดออก รณรงค์ 3 เก็บ “เก็บบ้าน เก็บน้ำ เก็บขยะ” และปฏิบัติตาม 5 ป. 2ข. ได้แก่ ป.ปิดภาชนะน้ำกินน้ำใช้ให้มิดชิดหลังการตักน้ำใช้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ , ป.เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำทุก 7 วัน เพื่อตัดวงจรลูกน้ำยุงลายที่จะกลายเป็นยุง , ป.ปล่อยปลากินลูกน้ำ ในภาชนะใส่น้ำถาวร เช่น อ่างบัว ถังซีเมนต์เก็บน้ำขนาดใหญ่ , ป.ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ให้ปลอดโปร่ง โล่ง สะอาด ลมพัดผ่าน ไม่เป็นที่เกาะพักของยุงลาย และ ป.ปฏิบัติเป็นประจำทุกๆสัปดาห์จนเป็นนิสัย สำหรับ 2ข.ได้แก่ ข.ขัดไข่ยุงที่ขอบด้านในของภาชนะเก็บกักน้ำ และ ข.ขยะกำจัดให้เกลี้ยงไม่เลี้ยงยุงลาย ทั้งที่บ้าน วัด โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก ทำงาน ศาสนาสถาน อีกทั้งป้องกันยุงลายกัดในช่วงกลางวันโดยการนอนกางมุ้งหรือทายากันยุง รวมทั้งใช้นวัตกรรมใหม่ๆในการป้องกันควบคุมโรคเพื่อให้โคราชปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกต่อไป ทั้งนี้โรคไข้เลือดออกป้องกันได้ แต่มีอันตรายรุนแรงถึงเสียชีวิต โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค หากมีไข้สูงลอยเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารหน้าแดง ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านด่วนเพื่อป้องกันการเสียชีวิต ขณะที่โรคพิษสุนัขบ้า ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทำให้มีผู้เสียชีวิตทุกปี โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 2 มิถุนายน 2563 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่ยังพบโรคในสัตว์พาหะอย่างต่อเนื่องทุกปีโดยในปี 2563 ข้อมูลจาก website thairabies.com ของกรมปศุสัตว์ พบว่า มีตัวอย่างสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้า จำนวน 1 ตัวอย่าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีความเสี่ยงต่อการระบาด ของโรคพิษสุนัขบ้า จากการเฝ้าระวังของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้ติดตามผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าเข้ารับวัคซีน 100 % ดังนั้นการบูรณาการร่วมกันเพื่อประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างการรับรู้ ความเข้าใจเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติ และมีความตระหนักในเชิงป้องกัน โดยการเน้นย้ำว่าผู้ที่สัมผัสหรือถูกสุนัข/แมวกัด ข่วน ต้องเข้าทำการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและรับการ
รักษาอย่างถูกวิธีตามหลักสาธารณสุขหากไม่เข้าสู่กระบวนการรักษา หากป่วย“ตายอย่างเดียว” จึงขอความร่วมมือประชาชนเจ้าของสุนัข/แมว ให้มีความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูโดยนำสัตว์เลี้ยงของตนมาขึ้นทะเบียนเพื่อรับวัคซีนหรือทำหมัน และกำหนดมาตรการในการลดจำนวนสุนัข-แมวจรจัดอย่างต่อเนื่องและจริงจัง รวมทั้งส่งเสริมให้เทศบาล/องค์การบริหารส่วนตำบล/ปศุสัตว์/ผู้นำชุมชน/อาสาสมัครสาธารณสุข/อาสาสมัครพัฒนาปศุสัตว์ประจำ หมู่บ้าน ดำเนินการสำรวจจำนวนสุนัขและแมวทุกพื้นที่และให้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตนเอง โดยยึดหลัก “คาถา 5 ย” 1) อย่าแหย่ ให้สุนัขโมโห โกรธ 2) อย่าเหยียบ หาง หัว ตัว ขา หรือทำให้สุนัขหรือสัตว์ต่างๆตกใจ 3) อย่าแยก สุนัขที่กำลังกัดกัน ด้วยมือเปล่า 4) อย่าหยิบ ชามข้าวหรือเคลื่อนย้ายอาหารขณะที่สุนัขกำลังกิน 5) อย่ายุ่ง หรือเข้าใกล้กับสุนัขหรือสัตว์ต่างๆ นอกบ้านที่ไม่มีเจ้าของ หรือไม่ทราบประวัติ