“จับกุมแก๊ง ตำรวจปลอม ตระเวนชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ”

“จับกุมแก๊ง ตำรวจปลอม ตระเวนชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ”
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน มีเหตุประทุษร้ายเกี่ยวกับทรัพย์ ในพื้นที่ ภ.3 เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มีหลายคดีเป็นการประกอบเหตุ โดยคนร้ายได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข่มขู่ จะทำร้ายผู้เสียหายก่อน เอาทรัพย์สิน แล้วหลบหนีไป
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 ได้กำชับให้ทุก ภ.จว.หามาตรการในการระวังป้องกัน และเร่งรัดสืบสวนจับกุมคนร้ายที่ประกอบเหตุให้ได้โดยเร็ว โดยมอบหมาย พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3 ควบคุมการปฏิบัติ
ต่อมาวันที่ 6 กันยายน 2564 อำนวยการโดย พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา , พ.ต.อ.สมบัติ หงษ์ทอง, พ.ต.อ.ประสงค์ เรืองเดช พ.ต.อ.ชลาสินธุ์ ชลาลัย, พ.ต.อ.เดชพล เปรมศิริ รอง ผบก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ รอดนวล ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.3 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.3
จับกุมตัว นายเจษฎา ชิตประเสริฐ อายุ 31 ปี หมายจับของศาลจังหวัดสีคิ้ว ที่ 81/2564 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2564

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์(ลักทรัพย์ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์นั้นไป) โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน”
พร้อมด้วยของกลาง ประกอบด้วย
1.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า 2 สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน
2.ทะเบียนรถยนต์ กฉ 2435 สุรินทร์ จำนวน 2 แผ่น
3.เสื้อผ้าที่ใช้ในการก่อเหตุ จำนวน 1 ชุด
จากการซักถาม นายเจษฎา ชิตประเสริฐ รับว่า ตนพร้อมพวกที่หลบหนี เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดย ครั้งที่ 1 ชิงทรัพย์ในพื้นที่ สภ.จอหอ ได้ทรัพย์สินไปประมาณ 20,000 บาท ครั้งที่ 2 ชิงทรัพย์ในพื้นที่ สภ.หนองสาหร่าย ได้ทรัพย์สินไปประมาณ 108,000 บาท และครั้งที่ 3 บุกรุกเข้าไปในบ้านเพื่อชิงทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.จอหอ แต่ไม่ได้ทรัพย์สินไป โดยวิธีการของคนร้าย จะสะกดรอยติดตามเหยื่อ ที่ดูภูมิฐาน มีฐานะ มีการเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิง หรือผู้ชายตัวเล็ก เมื่อสบโอกาส ก็จะแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ เรียกรถยนต์ให้จอด หรือขับรถยนต์ปาดหน้าให้จอด ทำท่าทีตรวจสอบความผิด และใช้อาวุธข่มขู่ เอาทรัพย์สิน จากนั้นใช้ยานพาหนะติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอมหลบหนีไป
เหตุเกิดที่ หมู่บ้านบ่อทอง ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๐.๐๐ น.

จับกุมตัวได้ที่ บริเวณบ้านเลขที่ 110 ม.6 ต.ทุ่งสว่าง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา
จากการสืบสวน เชื่อว่าคนร้ายกลุ่มนี้ นอกจากที่รับสารภาพแล้ว น่าจะเคยกระทำผิดหลายครั้ง ในหลายพื้นที่ หากประชาชนท่านใด ได้รับความเสียหาย ถูกคนร้ายกลุ่มนี้ชิงทรัพย์ สามารถร้องทุกข์เพิ่มเติม โดยประสานข้อมูลได้ที่ พ.ต.ต.อิทธิพล เพ็ญเดิมพันธ์ สว.ฯ โทร.093-4647453 (ชุดจับกุม) และ ร.ต.อ.ปรีชา มีผิว พงส.สภ.หนองสาหร่าย โทร.089-8617967 และ (044)938794 – 5

ตามมานาน !! ตำรวจภาค3 จับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงเงินจากผู้เสียหายไป ๒,๔๒๘,๐๐๐ บาท

ตามมานานตำรวจภาค3 จับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงเงินจากผู้เสียหายไป ๒,๔๒๘,๐๐๐ บาท
ภายใต้กำรอำนวยกำรของ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.๓ พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.๓ พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.ฯ รรท.รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ได้สั่งการให้ กองกากับการสืบสวนตารวจ ภูธรจังหวัดนครราชสีมา นาโดย พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.พรเทพ ทุ้ยแป พ.ต.ท.มณฑล หงษ์กลาง รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.วิชานนท์ บ่อพิมาย สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา
พฤติกำรณ์ สืบเนื่องจาก ในห้วงปี พ.ศ.๒๕๕๔ ต่อเนื่องจนถึง พ.ศ.๒๕๕๖ ได้มีเหตุคดีสาคัญเกิดขึ้นและคนร้าย ได้ก่อเหตุในลักษณะเป็นขบวนการ โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันทาการหลอกลวงผู้เสียหายว่า สามารถจัดหางานเพื่อให้คนงานไปทางานที่ประเทศเกาหลีได้ โดยในคดีนี้ มีผู้เสียหาย หลงเชื่อและจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ เป็นจานวนหลายราย และ มีการแจ้งความดาเนินคดีกับผู้ต้องหากลุ่มนี้ ในท้องที่เกิดเหตุทั้งหมด ๗ สภ. แบ่งเป็น จ.นครราชสีมา ๕ สภ. ได้แก่ สภ.จักราช,สภ.ประทาย,สภ.ห้วยแถลง,สภ.เมืองพลับพลา,สภ.ชุมพวง และ จ.บุรีรัมย์ ๒ สภ. ได้แก่ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ และสภ.ลาปลายมาศ โดยผู้เสียหายได้แจ้งความดาเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันจัดหางานเพื่อให้คนหางานไปทางานยังต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน

หลอกลวงคนหางานว่าสามารถจัดหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้และจากการหลอกลวงดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของผู้ถูกหลอกลวง” ซึ่งในขบวนการนี้ มีผู้ร่วมกระทาผิด ด้วยกันทั้งหมด ๖ คน ซึ่งผู้ต้องหาจานวน ๔ คน ถูกจับกุมและดาเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ยังคงเหลือ ผู้ต้องหา ๒ สามีภรรยา ซึ่งเป็นตัวการสาคัญในคดีนี้ยังหลบหนีมานาน กว่า ๑๐ ปี คือ นายสมบุญ ดวงเกตุ และ นางบุญ ดวงเกตุ สามีภรรยา ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูล ผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ มีหมายจับคนละ ๑๑ หมายจับ รวม ๒๒ หมายจับ มูลค่าความเสียหายที่หลอกลวงเงินจากผู้เสียหายไป รวม ๒,๔๒๘,๐๐๐ บาท
เนื่องจากคดีนี้ เป็นคดีสาคัญที่มีลักษณะการก่อเหตุ ที่เป็นขบวนการ มีเหตุเกิดต่อเนื่องหลายท้องที่ มีผู้เสียหายจานวนมาก และยังมีมูลค่าความเสียหายกว่า ๒.๔ ล้านบาท พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สส.ภ.จว.นครราชสีมา เร่งรัดติดตามสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้มาดาเนินการตามกฎหมายโดยเร็ว
พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.วิชานนท์ บ่อพิมาย หัวหน้าชุด ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พร้อมทีมสืบสวน ดาเนินสืบสวนจนทราบว่าในห้วงที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนทราบว่า กาลังจะถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าว ปรากฏว่า ผู้ต้องหาทั้งสอง ได้มีการไปทาหนังสือเดินทางไทย เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ และ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ผู้ต้องหาทั้ง ๒ คน ได้เดินทางข้ามไปยังประเทศกัมพูชา บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และได้เดินทางกลับเข้ามายังราชอาณาจักรไทย ในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ต่อมาในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๑๕๕๔ ผู้ต้องหา ได้เดินทางออกนอกประเทศ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปลายทางที่ประเทศเกาหลี

ชุดสืบสวน จึงได้ดาเนินการสืบสวนทางสื่อโซเชียลต่างๆ จนทราบว่า ผู้ต้องหาสองสามีภรรยานี้ ได้ไปทางานอยู่ที่ Cheongbuk-myeon, Pyeongtaek-si, Gyeonggi-do, Korea ประเทศเกาหลี จึงได้ทำหนังสือ จำก กก.สืบสวน ภ.จว.นครรำชสีมำ ถึง กองกำรต่ำงประเทศ สำนักงำนตำรวจแห่งชำติ แจ้งเรื่อง ขอควำมอนุเครำะห์ ติดตำมผู้ต้องหำหลบหนีต่ำงแดน จากนั้นประสานตารวจของเกาหลี ดาเนินการช่วยตรวจสอบข้อมูล จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ เจ้าหน้าที่สืบสวนตารวจเกาหลีได้ทาการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองไว้ได้ในข้อหา “อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตหมดอายุ” และทางการเกาหลีจะต้องทาการสอบสวนความผิด และดาเนินการผลักดันกลับมายังประเทศไทย ต่อมาจึงได้ทาการประสานเจ้าหน้าที่ตารวจ กองการต่างประเทศ เพื่อประสานงานในการรับตัว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ ชุดสืบสวนได้รับแจ้งว่าผู้ต้องหาทั้ง ๒ คน ได้ถูกพลักดันจากประเทศเกาหลีและเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ด้วยเอกสารการเดินทางชั่วคราว และจะถึงประเทศไทยช่วงกลางคืน จึงได้ประสานกับตารวจตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและตารวจท่องเที่ยว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดาเนินการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครราชสีมา เพื่อดาเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผอ.ชป.8 สั่งการ จนท. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง)

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเกรียงไกร ภาคพิเศษ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 กรมชลประทาน สั่งการให้นายพิศิษฐศักดิ์ โชตะมังสะ รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 พร้อมด้วยนายวชิรพงษ์ เพ็งแก้ว หัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการน้ำ และ คณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำของอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ( ตอนล่าง ) ตำบลบัลลังก์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับนายชนก ขุนเพชรวรรณ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 และ นายอนุศิษฏ์ วางขุนทด หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 5 ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ จำนวน 26.66 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 96.25 ของความจุอ่างเก็บน้ำ มีน้ำท่าไหลลงอ่างเก็บน้ำ จำนวน 2.685 ล้านลูกบาศก์เมตร และ ระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ จำนวน 16.946 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ทั้งนี้โครงการชลประทานนครราชสีมา สำนักงานชลประทานที่ 8 ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนการระบายน้ำ ให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จังหวัดนครราชสีมา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) และ ประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับทราบสถานการณ์และแผนบริหารจัดการน้ำ อีกทั้งเตรียมความพร้อมเครื่องจักร-เครื่องมือ เพื่อเตรียมรับมือและป้องกันน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ชุมชน ตามมาตราการป้องกันเหตุที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย ได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์

#แจกฟรีทุกคนที่ฉีดครบ2เข็ม

สำหรับผู้ที่รับวัคซีนครบ 2 เข็ม โดยไม่จำกัดยี่ห้อวัคซีน สถานที่ฉีด และภูมิลำเนา สามารถติดต่อรับได้ฟรีทุกคน ที่เซ็นทรัลโคราช ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป บริเวณด้านหน้า Korat Hall ชั้น 4 เวลา 09.00-16.30 น. โดยแสดงหลักฐานการรับวัคซีนกับเจ้าหน้าที่

สำหรับแคมเปญริสแบนด์ I Got Vaccinated เป็นโครงการโดยภาคเอกชน กลุ่มพลังใจโคราช และ HackVax Korat เป็นผู้จัดทำริสแบนด์มาแจกให้ฟรี โดยร่วมมือกับกลุ่มห้่ง ร้าน และธุรกิจต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา มอบเป็นส่วนลดและสิทธิพิเศษ ให้กับผู้ที่สวมริสแบนด์ มีร้านต่างๆ ในจังหวัดเข้าร่วมแคมเปญมากมาย เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจในจังหวัดสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้โดยเร็วที่สุด

#ชน3คันรวด #แหกระจาย (วันที่ 30 สิงหาคม 2564)

เวลา 06.30 น.เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์กระบะและรถเก๋ง ที่หน้าปั้มน้ำมัน ปตท.บ้านโคกคอนอินทร์
ตำบลมะเริง อำเภอเมือง
จังหวัดนครราชสีมา
ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 2 ราย ทั้ง 2 รายมีแผลถลอกตามร่างกาย รู้สึกตัวดี
กู้ภัยฮุก31 นำผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่1 คนขับรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ100สีดำ-เทา กลน 404 จันทบุรี ทำให้แหที่เก็บไว้ใต้เบาะกระจายออกมา ส่งโรงพยาบาลมหาราช และรายที่2 คนขับรถยนต์กระบะมาสด้า สีขาว 8977 นครราชสีมาส่งโรงพยาบาลป.แพทย์ 2
ผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่1ชื่อนายลิขิต เข็มสุวรรณ์ อายุ 44 ปีที่อยู่ 13/1 หมู่ 2 ตำบลมะเริง
อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
ผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่2ชื่อนายวทัญญู รัตนา อายุ 29 ปี ที่อยู่ 679 ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ส่วนรถคันที่3 โตโยต้า โคโรล่า อัลติส สีขาว 6ภค916 กรุงเทพมหานคร ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

Cr.แจ้งข่าวสารโคราชบ้านเอง

หลวง​ปู่​ไม​ อินฺทสิริ​ ละสังขาร​แล้วด้วย​อาการ​สงบ​ ณ​ โรง​พ​ยา​บ​า​ลรามาธิบดี​ กรุงเทพ​มหานคร

หลวง​ปู่​ไม​ อินฺทสิริ​ ละสังขาร​แล้วด้วย​อาการ​สงบ​ ณ​ โรง​พ​ยา​บ​า​ลรามาธิบดี​ กรุงเทพ​มหานคร​ เมื่อเวลา​ ๐๑.๑๒​ น.​ ตรงกับวัน​ศุกร์​ที่​ ๒๗ สิงหาคม​ ๒๕๖๔​ สิริอายุ​ ๗๓​ ปี​ ๗​ เดือน​ ๒ วัน​ ๕๔​ พรรษา​

ชีวประวัติและปฏิปทาหลวงปู่ไม_อินฺทสิริ

วัดป่าเขาภูหลวง ต.ระเริง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา​

ชีวิตครอบครัววัยเด็ก

หลวง​ปู่​ไม​ อินทสิริ​ ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์​ที่​ ๒๕​ มกราคม​ ๒๔๙๑​ ตรงกับวันพระขึ้น​ ๑๕​ ค่ำ​ เดือน​ ๒​ ปีชวด​ เกิดในสกุล​ “จันทร์​เหล็ก” บิดาชื่อ​ “นายด้วง” มารดาชื่อ​”นางจันทร์ศรี” เกิด​บ้านเลขที่​ ๒๐​ หมู่​ ๗​ ตำบลคอนสาย​ อำเภอกู่แก้ว​ จังหวัด​อุดรธานี

ท่านเป็นคนที่มีนิสัย รักพ่อรักแม่ รักญาติพี่น้อง เคารพนับถือญาติทุกคน ดี ไม่ดี ก็เคารพ ไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมา ถึงแม้บางครั้งจะน้อยใจอยู่บ้าง ท่านอยากบวชตั้งแต่เรียนอยู่ประถมปีที่ ๔ ขอพ่อ พ่อก็ไม่ให้ พ่อขอให้ช่วยงานบ้าน ช่วยแม่เลี้ยงน้อง เพราะน้องยังเล็ก ต้องอาศัยท่านช่วยงานบ้าน ตักน้ำ ตำข้าว ท่านมีพี่น้องทั้งหมด ๗ คน ชาย ๖ คน หญิง ๑ คน คุณพ่อขอให้น้อง ๆ โตก่อนค่อยบวช

ตอนอายุประมาณ ๑๐ – ๑๑ ปี ไปอยู่หนองบัวลำภู เช้าท่านจะนำควายไปเลี้ยงตามทุ่งนา ท่านชอบนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ ” ใต้ต้นค้อ” ท่านชอบนั่งหลับตาเป็นนิสัย แต่ไม่ได้ภาวนา ท่านมักจะเห็นสวรรค์เป็นหอปราสาท และเห็นสักกเทวราช (พระอินทร์) ใส่โจงกระเบน เหาะลงมาสอนท่านสวดมนต์คาถา จนท่านท่องจำได้ จนอายุ ๑๖ – ๑๗ ปี ก็ยังเห็นท่านอยู่ ท่านจะสอนธรรมะ คาถาป้องกันตัว อยู่ยงคงกระพัน คาถาเจ็บไข้ได้ป่วย เวลาท่านสักกเทวราชจะกลับ ท่านจะสั่งว่า เวลามีเรื่องอะไร ให้นึกถึงพ่อ ท่านเรียกตัวเองว่า พ่อ ท่านจะลงมาช่วย พระอาจารย์ท่านไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนอกจากคุณพ่อ คุณพ่อท่านให้เขียนคาถาเอาไปท่อง เพราะเหตุนี้ เวลามีคนเจ็บไข้ได้ป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ มาหาพระอาจารย์ไม ท่านเป่าให้ บอกหาย คนนั้นก็หาย

อายุ ๑๒ – ๑๓ ปี ท่านทำงานบ้านทุกอย่าง ช่วยแม่ตำข้าว ตักน้ำ ทำอาหาร และรับจ้างทุกอย่าง จนเก็บเงินซื้อควายได้ ๒ ตัว ตอนอายุ ๑๓ ปี ( เปรียบเทียบกับคนอายุ ๖๐ บางคนยังซื้อควายไม่ได้เลย ) ท่านเป็นคนที่ไม่กระตือรือร้นในการแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ได้ ไม่ชอบเที่ยว ดูหนัง ร้องรำทำเพลง แต่รำกลอนเป็นเพราะพ่อสอนให้ พ่อเคยเป็นหมอลำเรียกโจทย์แจ้ ตอบปัญหาทางด้านประวัติศาสตร์ ธรรมะ ภาษาไทย บาลี มคธ พ่อสอนเก่งมาก พ่อสอนให้รำ เพราะว่าเป็นประวัติศาสตร์คำสอนในทางศาสนา

อายุ ๑๔ ปี คุณพ่อเสีย ก่อนเสียพ่อป่วยอยู่เป็นปี วันนั้นเฝ้าพ่ออยู่คนเดียวประมาณบ่าย ๓ โมง พ่อสั่งว่าอีก ๓ วันพ่อจะตายให้เลี้ยงน้องให้โตก่อน แล้วบวชให้พ่อด้วย มีคำหนึ่งที่พ่อสั่งไว้ว่า ถ้าพ่อตายแล้วแม่คิดจะมีสามีใหม่ อย่าไปห้ามแม่นะ แต่อย่าให้สามีใหม่มารังแกน้อง อยู่มาอีกปีเศษ มีคนมาชอบแม่ ขอแต่งงาน แม่ถามว่าจะให้แม่แต่งงานหรือไม่ ก็ถามแม่ว่าจะแต่งทำไม แม่ว่าจะได้มาเลี้ยงน้อง ดูแลงานบ้าน พ่อเลี้ยงเป็นนักเลง เล่นการพนัน ชอบขโมยของมาเล่นการพนัน อยู่มาวันหนึ่ง น้องชายคนติดกัน กลับมาจากโรงเรียน แม่บอกให้ไปไล่ควายจากทุ่งนากลับเข้าบ้าน แต่น้องชายไม่รีบไป แม่ก็บ่น พ่อเลี้ยงเสริมว่า ไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ จะฆ่ามันตาย จับไม้ค้อนขว้างถูกใส่ส้นเท้าเป็นแผล น้องชายร้องไห้ ตอนนั้นพระอาจารย์ไมอายุ ๑๕ ปี เห็นพ่อเลี้ยงทำอย่างนั้นเสียใจมาก กลางคืนท่านฝนมีดยาว ๑๕ เซนติเมตร อยู่ ๓ วัน ๓ คืน คิดจะฆ่าพ่อเลี้ยง จะแทงตอนเขานอน แต่ก็คิดอีกว่า ฆ่าเขาแล้ว จะหนีอย่างไร เพราะตอนนั้นย้ายบ้านไปอยู่หนองบัวลำภู บ้านไกลจากบ้านเก่าที่ จ.อุดร ก็กลัวจะมีโทษ กลัวโดนจับ กลัวไม่ได้ดูน้อง ผ่านไป ๒ – ๓ วัน จนยับยั้งสติอารมณ์ไว้ได้ เป็นจิตที่รักน้องมากที่สุด ไม่อยากให้ใครมารังแก

ต่อมา ญาติพี่น้องทางบ้านเก่าที่อุดรพากันไปรับมาที่บ้านเกิด บ้านเก่า ซื้อไร่ ซื้อนาใหม่ พ่อเลี้ยงก็ตามมาอีก ก็ยังเล่นการพนันเหมือนเดิม ช่วงนั้นเดือนมีนาคม ชาวอีสานแต่ละบ้านจะจัดงาน มีงาบุญ มีเทศน์ผะเหวต กลางคืนมีมหรสพ หมอลำ ตอนเช้าตื่นสาย แม่ปลุกว่าไม่ไปไร่หรือ เพราะปกติต้องไปขุดไร่ ไถไร่ พวกเราตื่นสายประมาณโมงเศษ ๆ พอแม่บ่น พ่อเลี้ยงก็บ่น ทั้ง ๆ ที่พ่อเลี้ยงไม่เคยช่วยงานอะไรเลย พี่ชายคนที่ติดกัน ดึงปืน พระอาจารย์ก็ชักมีด พี่ชายคนโตก็มาห้าม พ่อเลี้ยงก็หนีไปตั้งแต่บัดนั้น ไม่กลับมาอีก ชีวิตคนมีพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงก็แบบนี้แหละ

อายุ ๑๗ ปี ไปช่วยงานญาติพี่น้อง ลุง น้า บ้าง ปลูกอ้อย ข้าวโพด ถั่วลิสง ปลูกผักขาย ส่วนมากเป็นน้าของแม่ ซึ่งท่านเรียกพ่อใหญ่ เพราะเขามีลูกเล็กช่วยงานยังไม่ได้

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

อยู่มาอายุ ๑๘ ย่าง ๑๙ ปี ลุงอยากให้มาบวช เพราะที่วัดไม่มีพระเณรมาบวช อีกอย่างเห็นสาวๆ มาคุยเล่นด้วย แต่พระอาจารย์มีจิตใจไม่คิดจะมีลูกเมีย ท่านชอบพูดเล่นกับผู้หญิงสาวๆ ไม่คิดจะแต่งงาน แต่นิสัยจะรังเกียจผู้หญิงที่มาพูดให้ทางผู้ชาย แต่มีความคิดในใจว่า จะแต่งงานกับผู้หญิง ที่มีความรักจริงซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์สุจริต บริสุทธิ์ต่อเรา เราจะไม่ยุ่งเด็ดขาด ผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับพระอาจารย์ ถ้าไม่ได้แต่งงานถูกต้องตามกฎหมาย จะไม่แตะต้องผู้หญิงคนนั้น ท่านมีความคิดเช่นนี้ ก็เลยมีความมั่นใจตนเองว่า จะไม่ล่วงเกินผู้หญิงคนใดทั้งสิ้น

แต่ลุงไม่เชื่อว่า จะมีคนคิดแบบพระอาจารย์ ลุงขอร้องให้บวช กลัวจะมีเมียก่อน ลุงเคี่ยวเข็ญทุกวัน สุดท้ายจึงตกลงใจบวช ตกลงไปเข้านาค ก่อนเข้านาคสัญญากับลุงว่า ถ้าหลานไปบวชออกพรรษาเมื่อไร ก็สึกเมื่อนั้น อย่าห้าม ก็เลยไปเข้านาค ๑ เดือน บรรพชาเป็นสามเณรไม เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๙ ที่วัดศิริวัฒนา จ.อุดรธานี บวชเป็นเณรอยู่ ๒ พรรษา ( ๑ ปี ๘ เดือน ๑๙ วัน)

ระยะเวลาเป็นเณร อยู่อุปัฎฐากครูบาอาจารย์ อาหารไม่ค่อยมี ไปตัดยอดหวาย หน่อไม้ ตอนเช้าไปทำอาหาร เช่น แกงขี้เหล็ก เลี้ยงถวายครูบาอาจารย์ ถ้าพระ เณรไม่มา พระอาจารย์ตอนเป็นเณร กิจวัตรประจำวัน ตักน้ำจากบ่อเป็นน้ำสรงครูบาอาจารย์ ทุ่มหนึ่งทำวัตรเย็น ๒ ทุ่ม เดินจงกรม ๒ ทุ่มครึ่งนั่งสมาธิ ท่านมีความตั้งใจปฎิบัติ เข้มงวดกวดขัน

สัจจธรรม

ท่านพระอาจารย์ปฎิบัติธรรมได้ตั้งแต่เป็นเณร อายุ ๑๘ ปี จิตของท่านจะน้อมถึงอดีต ท่านคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมาเสียเวลาไปมาก สร้างบาปมาเยอะตั้ง ๑๘ ปี กลัวจะกลับไปเป็น ฆราวาสทำบาปอีก ท่านเคยตั้งสัจจะไว้หลายภพ หลายชาติ เริ่มตั้งสัจจะตั้งแต่เป็นหนุ่ม คนธรรมดาจะคิดเรื่องมีครอบครัวว่าถ้าบวชสึกออกมาอายุ ๒๐ ปี จะต้องมีครอบครัว หาเงินหาทองไว้ก่อนเพื่อให้มีอยู่มีกิน จะแต่งงานกับผู้หญิงมีความบริสุทธิ์ ถ้าผู้หญิงไม่บริสุทธิ์ จะไม่แตะต้องคนนั้นเลย แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์ เรายังไม่ได้ขอแต่งงานก่อน เราจะไม่ถูกเนื้อต้องตัวเลย คิดอยู่เช่นนี้ ปีหนึ่งผ่านไป ผู้หญิงก็หนีไปแต่งงานหมด ไม่มีคนบริสุทธิ์เลย ท่านเลยผ่านพ้นมาได้ ไม่หลงในภพในชาติมากเหมือนคนอื่น

ตอนที่ปฏิบัติใหม่ ๆ เราเพิ่งจะฝึกปฏิบัติธรรม ตอนเดินจงกรมไม่เท่าไหร่​ แต่พอไปนั่งสมาธิ มันเห็นทุกข์ เห็นทุกข์ทันทีเลย พอนั่งไป ๒๐-๓๐ นาที นี่มันรู้เลย ทุกข์มันเกิดขึ้น เหน็บมันไม่รู้มาจากที่ไหน พอเรานั่งไปถึง ๒๐-๓๐ นาที มันจะขึ้นเลย ขึ้นที่เท้าเราเสียก่อน แล้วขึ้นมาตามขา จนขึ้นตามสันหลัง ขึ้นไปบนศีรษะ​ ทำให้จิตใจท้อแท้ไปหลายครั้งหลายหน

นี่สู้ด้วยตนเองมา ตอนบวชเข้ามาใหม่​ๆ ยังไม่รู้เดียงสาอะไร การศึกษาก็ยังไม่มี เพราะว่าเราเพิ่งบวชใหม่ โอกาสที่จะได้ไปศึกษาธรรมะก็ยังไม่มี แต่วันไหนว่างๆ ก็พอได้อ่านประวัติพระพุทธเจ้า อ่านหนังสือพุทธประวัติเล่มหนึ่ง แต่ทำอย่างอื่นนั้นยังไม่รู้ แต่ครูบาอาจารย์สอนให้เรานั่งสมาธิ นั่งสมาธินั่งแบบไหน เดินจงกรมเดินแบบไหน ท่านบอกเรา เวลาเดินก็กำหนดเอาต้นไม้ที่ห่างจากกัน ๒๐-๓๐ เมตร แล้วเดินจากต้นไม้ต้นนั้น ไปต้นไม้ต้นนั้น มีจุดหมายปลายทางเดินแล้วก็มานั่ง ตอนนั่งมันจะเป็นทุกข์ได้ง่ายกว่าเดิน

เพราะอิริยาบถนั่งจะเป็นการนั่งอยู่ท่าเดียว ถ้าเรายังไม่เกิดความเคยชิน เราจะนั่งไม่ได้นาน อันนี้เป็นครั้งแรกที่เราเริ่มปฏิบัติธรรม มองทางสุขไม่มีเลย มีแต่ทุกข์อย่างเดียว การปฏิบัติธรรมอันดับแรกมองเห็นแต่ทุกข์อย่างเดียว ไม่มีสุขเพราะมันเจ็บปวด มันทรมาน ทั้งที่เราอยากรู้อยากเห็นอยากได้ธรรมะ อยากให้จิตสงบเป็นสมาธิ แต่สิ่งที่รบกวนก็ดลบันดาลอยู่อย่างนั้น ทำให้จิตใจของเราท้อถอยอยู่ตลอดเวลา

นั่งแต่ละวันได้ ๒๐-๓๐ นาที ก็ลุกขึ้นแล้ว
ไปเดินแล้วเปลี่ยนอิริยาบถใหม่แล้ว เดินไปเป็นชั่วโมง มานั่งอีก ๒๐-๓๐ นาทีก็ไปอีกแล้ว พยายามอยู่อย่างนี้ก็แพ้อยู่อย่างนี้ ทำเป็นเดือนก็อยู่อย่างนี้ ทีนี้ทำยังไงถึงได้ตัดสินใจ การตัดสินใจคือตัดสินใจด้วยการได้ยินได้ฟัง จากครูบาอาจารย์ท่าอบรมสั่งสอนเรา ครูบาอาจารย์ท่านแสดงอภินิหารให้เราเห็น แสดงอภินิหารแบบไหน ท่านมีความรู้พิเศษ ท่านสอนเราให้ปฏิบัติแล้วเราทำไม่ได้ ท่านค่อยมาเตือนเราทีหลังพอเราเจอทุกข์ ทีนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จูงใจ ให้เราปฏิบัติกล้าตัดสินใจต่อสู้ จริงๆ จังๆ แล้วนั่น คือ

พระอาจารย์ของเราท่านบอกว่า วันนี้ มีพระท่านกำลังเดินทางมา ระยะทางนั่น ๗-๘ กิโลเมตรจากวัดเราไปหาวัดท่าน

ฉันเช้าเสร็จท่านบอกว่า ไปล้างบาตรแล้วเอาบาตรเราไปส่งกุฏิ อย่าเพิ่งไปนะ ท่านพูดอย่างนี้ ทีนี้อาตมาก็เลยเอาบาตรล้างบาตรเสร็จเรียบร้อยก็เอาบาตรไปไว้ที่กุฏิ
ก็นั่งคอยท่านอยู่ ซักพักท่านก็ขึ้นกุฏิไป

พอท่านขึ้นกุฏิไป ท่านบอกว่า ตอนนี้มีพระท่านกำลังเดินทางมา พระองค์นั้นชื่อ อาจารย์บุญเกิด ท่านอยู่วัดป่าศรีคุณาราม บ้านจีบ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ส่วนอาตมาอยู่วัดป่าศิริวัฒนา บ้านโนนถั่วดิน

ท่านอาจารย์องค์ที่เป็นอาจารย์ของอาตมา ชื่อพระอาจารย์ศรี อุจโย ท่านบอกว่าพระอาจารย์บุญเกิดกำลังเดินทางมา ท่านจะไปบ้านเลาใหญ่ ไปขอไม้ไผ่กับท่านอาจารย์สาลี วัดป่ามัจฉิมวงศ์ ที่อ.กุมภวาปี มาทำซี่กลด เพราะว่าไม้ไผ่ในสมัยนั้น วัดป่ามัจฉิมวงศ์เป็นวัดเก่าแก่
ไม้มันแก่ดี เอามาทำซี่กลดได้มอดมันไม่กิน แต่ส่วนวัดพวกเราเป็นวัดใหม่ ไม้ไผ่ยังไม่มี

ท่านก็เลยบอกว่าท่านกำลังเดินทางมา มีพระองค์หนึ่งใส่แว่นตาดำเดินตามหลังมา มีเด็กวัด ตัวเล็กๆ สะพายย่ามเดินอยู่กลาง ท่านว่าอย่างนี้ แล้วท่านก็บอกให้เอาเสื่อมาปู เอากา

#ไม่สน พรก.ฉุกเฉิน จนท.ปกครองโคราช บุกจับวัยรุ่นรวมกลุ่มตั้งวงเหล้า

เมื่อเวลา 22.30 น คืนวันที่ 21 สค.64 ที่ผ่านมา นายณรงชนนฐ์ ดีปู่ ปลัดอาวุโส อ.เมืองนครราชสีมา ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เมืองนครราชสีมา และกำลัง เจ้าหน้าที่ อส.อ.เมือง เดินทางไปตรวจสอบที่หมู่บ้าน เทคโนวิลเลจ ซอย 30 กันยา อ.เมือง หลังได้รับแจ้งว่า มีผู้กระทำผิด ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในลักษณะจับกลุ่มมั่วสุม มีการรวมกลุ่ม ดื่มสุรา และส่งเสียงดังยามวิกาล ภายในหมู่บ้านดังกล่าว จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เจ้าไปตรวจสอบ พบมีกลุ่มวัยรุ่น ชายและหญิง กลุ่มใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา จำนวน 23 คน กำลังนั่งล้อมวงดื่มสุรา เปิดเพลง พูดคุยกัน ส่งเสียงดัง ไม่มีการสวมใส่หน้ากากอนามัย และไม่มีการรักษาระยะห่างเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-10 จึงได้สั่งให้หยุดกิจกรรมทั้งหมด พร้อมสอบสวนกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวด้านนายณรงชนนฐ์ ดีปู่ ปลัดอาวุโส อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าบริเวณบ้านหลังดังกล่าว มักจะมีกลุ่มวัยรุ่น เข้ามาจับกลุ่มล้อมดื่มสุรากันเป็นประจำถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่มีคำสั่งห้าม ก็ตาม จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดและได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครราชสีมา ที่ 7368/2564 เรื่องมาตรการ ในการเฝ้าระวัง ฯ ห้ามมิให้มีการมั่วสุม ในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น การตั้งวงสังสรรค์ ดื่มสุรา ประกอบมาตรา 34(6) แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดย จากการสอบสวนผู้กระทำความผิด ทั้ง 23 ราย รับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง และจากการตรวจหาสารเสพติดกลุ่มมวัยรุ่นทั้งหมดไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมใจ สู้โควิด19ศูนย์สมุนไพรเครือข่ายหนองสมอ ติดอาวุธทางปัญญาฝึกอาชีพพร้อมมอบพืชสมุนไพร สร้างภูมิเยาวชนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา

วันที่12 สิงหาคม พ.ศ.2564 เวลา 13.00น. ณ ศูนย์เรียนรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพ บ้านหนองสมอ หมู่ที่ 14″ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”บ้านหนองสมอ หมู่ที่ 14 ตำบลเมืองคง อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมานำโดยนางวรัสดา ปักการะถาประธาน เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรรุ่นใหม่โคราชและวิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรหนองสมออำเภอคง นายองอาจ สุขคุ้ม ปลัดอำเภอคง และบุคลากรเกษตรอำเภอคง ต้อนรับ
ด้าน นางวรัสดา ปักการะถา สาธิตวิธีการปลูกฟ้าทะลายโจรและวิธีการผลิตโดยนำใบฟ้าทะลายโจรอบแห้งบรรจุหลอดรวมถึง แนะนำแนวทางกระบวนการ เพาะปลูกต้นกล้าจนถึง การเก็บเกี่ยวและแปรรูปทางคณะ ดร.รัตนะ วรบุณฑิต ผู้อำนวยการ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต3 นายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์. รองประธานสงเคราะห์สถานพินิจฯ ศึกษาดูงานวิธีการปลูกฟ้าทะลายโจรและวิธีการผลิต และรับมอบ พันธุ์พืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ,กระชายขาว,ข่า ตะไคร้ และเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจร จำนวนหนึ่ง ในการดำเนินโครงการ ปลูกพืชสมุนไพร ในศูนย์
สมุนไพรพื้นบ้านที่เป็นประโยชน์ ฟ้าทะลายโจร มีสรรพคุณสามารถลดความรุนแรงของโรคในผู้ป่วย โรคโควิด 19 ที่มีอาการไม่หนักได้ ซึ่งในขณะนี้ฟ้าทะลายโจรขาดตลาดอย่างมาก

เพราะประชาชนเริ่มให้ความสนใจสมุนไพรไทยมากขึ้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มีนโยบายส่งเสริมและพัฒนาแหล่งปลูกพืชสมุนไพรภายในสถานที่ควบคุม เพื่อใช้ในการป้องกันและดูแลสุขภาพ ของประชาชนและเพื่ออนุรักษ์พืชสมุนไพร
รวมถึงการผลิตเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้า เพื่อแจกจ่ายให้กับชุมชนในอนาคต จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมและพัฒนาการปลูกพืชสมุนไพรสำหรับเด็ก และเยาวชนภายในสถานที่ควบคุม เพื่อยกระดับพื้นที่เกษตรกรรมของสถานที่ควบคุมให้เป็นแหล่งเรียนรู้ สร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนในการปลูกพืชสมุนไพรของหน่วยงานและของชุมชนต่อไป

#โครงการปลูกป่าต้นโพธิ์ 9,999 ต้น “วันแม่แห่งชาติ”

วันที่9 สิงหาคม 2564 #โครงการปลูกป่าต้นโพธิ์ 9,999 ต้น “วันแม่แห่งชาติ” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระธรรมวรนายก ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 เจ้าอาวาสวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมคณะสงฆ์ 10 รูป สวดพระปริตรพร้อม ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานพิธี พร้อมด้วย, นางสายชล บุญอรณะ นายกเหล่ากาชาด, นายสุพจน์ แสนมี นายอำเภอวังน้ำเขียว, นายพรชัย อำนวยทรัพย์ ส.ส.เขต 10 จ.นครราชสีมา, ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ,นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ส.อบจ.อ.วังน้ำเขียว, นางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา และคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ,นายยงยุทธ ศิริชัยคีรีโกศล นายกเทศมนตรีศาลเจ้าพ่อ และข้าราชการส่วนต่างๆ ที่ วัดพระธรรม​วรนายกป่าโพธิ์ อ.วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

มอบเครื่องช่วยหายใจ โดยมูลนิธิเพื่อน(ภาฯ)พายามยาก สภากาชาดไทย

วันที่23ก.ค.2564เวลา 11.00น.ณ ห้องประชุมสายไหม อาคารผู้ป่วยนอกและอำนวยการ ชั้น 7โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา พิธีรับมอบเครื่องช่วยหายใจจากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาขาดไทยโดยนายกรกต ธำรงวงศ์สวัสดิ์รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานในพิธีเดินทางมาถึงบริเวณพิธีพร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้มีเกียรติพร้อมกันบริเวณพิธี เข้าประจำจุดบริเวณพิธี

  • ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีกรมหมี่นสุทธนารีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา โดยพร้อมเพรียงกัน เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะ
    พระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้ารวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา- ประธานในพิธีรับมอบเครื่องช่วยหายใจ High Flow รุ่u Inspired O2FLOจำนวน 2 เครื่องโดยมีหนังสือมาจากมูลนิชิฮาสาเพื่อนพึ่ง (กาฯ) ยามยาก

สภากาชาดไทยมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาขาดไทย๔๔ อาคารศรีจุลทรัพย์ ขั้น ๑๖ ถนนพระราม ๑แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ๑0๓๐๐
๒ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔เรื่อง มอบเครื่องช่วยหายใจเรียน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ องค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
องค์ประธานกรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ทรงมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒0๑๙ (โควิด-๑๙) และทรงตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของเชื้อไรรัสดังกล่าวในขณะนี้การนี้ มูลนิธิฯ ขอมอบเครื่องช่วยหายใจ High Flow รุ่น Inspired O2FLO จำนวน 2 เครื่อง
ซึ่งได้รับการบริจาคจาก บริษัท เอเอเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (สำนักงานใหญ่) แก่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ในสังกัดของโรงพยาบาลในการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชน