นายกสมาคมนักข่าว จ.นครราชสีมา เป็นตัวแทนลงนาม MOU เผยแพร่วัฒนธรรมร่วมความสัมพันธ์ด้านการแสดงศิลป์วัฒนธรรมระหว่าง 10 ประเทศ

นายกสมาคมนักข่าว จ.นครราชสีมา เป็นตัวแทนลงนาม MOU เผยแพร่วัฒนธรรมร่วมความสัมพันธ์ด้านการแสดงศิลป์วัฒนธรรมระหว่าง 10 ประเทศ

ที่ผ่านจังหวัดนครราชสีมาจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ 2020 ครั้งที่ 1  International Tourism Festival 2020   โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563  โดยได้รับเกียรติจาก  นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ  อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วย นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล และคณะ ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก  นายศักดิ์สิทธิ์  สกุลลิขเรศสีมา  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  มาเป็นผู้กล่าวต้อนรับคณะนักแสดงจาก 10  ประเทศ

ทั้งนี้  เมื่อวันที่ 2 มกราคม 63เวลา 19.00น.  ปิดฉากอย่างสวยงามงานเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ 2020 ครั้งที่ 1 ” 1st International Tourism Festival ( ชื่อย่อ ITF )ร่วมลงนามข้อตกลงร่วมกันเพื่อร่วมความสัมพันธ์ด้านการแสดงศิลป์วัฒนธรรมระหว่าง 10 ประเทศ ณ โรงแรมชุนหลีแกรนด์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมาโดยนายกรกฤต วรวงศ์ นายกสมาคม ธุรกิจ การท่องเที่ยว จังหวัดนครราชสีมา นายสุรสิทธิ์ สิงห์หลง ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมานายฐิติรัตน์ พงษ์พุฒิรักษ์นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา สื่อมวลชนตัวแทนประเทศเกาหลีร่วมลงนามข้อตกลงร่วมกันเพื่อนร่วมความสัมพันธ์ด้านการแสดงศิลป์วัฒนธรรมระหว่าง10ประเทศพร้อมด้วยนางปาริศา แซ่เตียว กรรมการบริษัทชุนหลีแกรนด์ให้การต้อนรับในงานเลี้ยงส่งในครั้งนี้


โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ที่ให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และโรงแรมจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ซึ่งสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการ ที่พัก โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จึงมีแนวคิดจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว และเผยแผ่วัฒนธรรมระดับนานาชาติ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และจังหวัดนครราชสีมา และชุมชนเพื่อแนะนำแหล่งท่องเที่ยวโบราณคดีของจังหวัดนครราชสีมา และที่พักโรงแรมในรูปแบบต่าง ๆ
นางปาริศา แซ่เตียว กรรมการบริษัทชุนหลีแกรนด์กล่าวดีใจที่ให้การต้อนรับเลี้ยงส่งกับคณะนักแสดงทั้ง9ประเทศรู้สึกปราศปลื้มเป็นอย่างยิ่ง ก็ต้องขอขอบคุณท่านประธาน(นายกรกฤต วรวงศ์ นายกสมาคม ธุรกิจ การท่องเที่ยว จังหวัดนครราชสีมา) ที่ได้มีโอกาสเลือกโรงแรมชุนหลีแกรนด์ขอบคุณพระคุณอย่างสูงเลย

 

แถลงข่าวการจัดงานเทศกาลขนมจีนประโดก ครั้งที่ 12  ประจำปี 2563

แถลงข่าวการจัดงานเทศกาลขนมจีนประโดก ครั้งที่ 12  ประจำปี 2563

วันที่ 31  มกราคม  2563  ณ สวนสุขภาพชุมชนบ้านประโดก  ตำบลหมื่นไวยอำเภอเมือง   จังหวัดนครราชสีมา    นายจรัสชัย   โชคเรืองสกุล    รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา   ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลขนมจีนประโดก   โคราช   ครั้งที่ 12   ร่วมกับนายวัชรพลโตมรศักดิ์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร    ดร. สุรสิทธิ์   สิงห์หลง    ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา     นางรุ่งทิพย์    บุกขุนทดผู้  อำนวยการ   ททท.สำนักงานจังหวัดนครราชสีมา   วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา  หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา  นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา  นายวัชรินทร์   พัดเกาะ   นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย   และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งแขก VIP ได้ร่วมกันแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ

บ้านประโดก   ตำบลหมื่นไวย    อำเภอเมือง    จังหวัดนครราชสีมาเป็นถิ่นที่ตั้งเดิมของชาวอีสาน ก่อนเรียกว่าบ้านป่าโดนเพราะมีต้นกระโดนโคก  กระโดนทุ่ง   กระโดนดินหรือที่เรียกกันว่าต้นจิก   เกิดขึ้นตามทุ่งนาท่วมหมู่บ้านและเรียกเพี้ยนมาเป็น   บ้านประโดก   จนถึงทุกวันนี้   และเป็นชุมชนที่มีอายุมากกว่า 200 ปี  ตามวิถีชีวิตการดำรงอยู่ของชาวบ้านเป็นไปอย่างเรียบง่าย  ชาวบ้านมีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักอาหารการกินมีลักษณะทั่วไปแต่ที่โดดเด่นไม่แพ้ใครนั่นคือ  ขนมจีนน้ำยา  ที่พิเศษกับสูตรน้ำยาขนมจีนที่ตกทอดสู่ชนรุ่นหลังให้ได้ลิ้มลองความอร่อย  ประกอบกับเส้นขนมจีนที่เหนียวนุ่มและชุ่มลิ้น  ผสานกับรสชาติน้ำยาที่เข้มข้น  อันเป็นที่ถูกใจใครหลายคนที่พบเจอและสัมผัสความอร่อยกันมาแล้ว  น้ำยาขนมจีนมีกลิ่นหอมได้มาจากการต้มเครื่องแกง  พร้อมปลาและไม่ใช้กะทิมากนัก เป็นที่มาของสูตรลับที่ไม่ควรพลาด

ทั้งนี้องค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย  มีหน้าที่บำรุงรักษาศิลปะ  จารีตประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น  ส่งเสริมการท่องเที่ยวและปลูกฝังค่านิยมให้ประชาชนรักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์อันดีในระดับประชาชน  ระดับภูมิภาค  และระดับชาติ  ตลอดจนเพิ่มพูน มูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชน  จึงได้มีการจัดงานเทศกาลขนมจีนประโดกเป็นประจำทุกปี  ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 12  จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2563 ณ  บริเวณสวนสุขภาพชุมชนบ้านประโดก   หมู่ที่ 1 ตำบล หมื่นไวย   อำเภอเมือง     จังหวัดนครราชสีมา

ขอนแก่นจัดกิจกรรมยกระดับนักบริหารองค์กรสาธารณประโยชน์ ขับเคลื่อนการจัดสวัสดิการสังคม

พม. ยกระดับนักบริหารองค์กรสาธารณประโยชน์ ขับเคลื่อนการจัดสวัสดิการสังคม


เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ ที่สถาบันการพัฒนาความรู้ด้านการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ นายชูรินทร์ ขวัญทอง รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมนักบริหารองค์กรสาธารณประโยชน์ รุ่นที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๒๙ – ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริหารองค์กรสาธารณประโยชน์พัฒนาองค์ความรู้ในด้านการจัดสวัสดิการสังคม เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายองค์กรสาธารณประโยชน์ รวมทั้งเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการพัฒนาองค์กรและงานสวัสดิการสังคม โดยมีผู้บริหารองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ผ่านการรับรองตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. ๒๕๔๖ จากทั่วประเทศ จำนวน ๑๐๐ คน เข้าร่วมโครงการ


นายชูรินทร์ ขวัญทอง รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวว่า ตามที่พระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๐ กำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ มีหน้าที่ในการส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิชาการและการพัฒนาบุคลากรที่ปฏิบัติงานในองค์กรสาธารณประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมา กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ดำเนินการให้มีโครงการพัฒนาบุคลากรผู้ปฏิบัติงานฯ มาเป็นระยะ โดยโครงการในลักษณะนี้ ได้จัดมาแล้ว จำนวน ๓ รุ่น คือ ตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ เป็นต้นมา มีบุคลากรขององค์กร สาธารณประโยชน์เข้าร่วมโครงการไปแล้วทั้งสิ้น ๑๕๐ คน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๔
ซึ่งผลของการเข้าร่วมโครงการประการหนึ่งซึ่งเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม คือ การมีเครือข่ายในการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรสาธารณประโยชน์ รวมทั้งองค์ความรู้ที่ได้รับ หลายองค์กรนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ในการจัดสวัสดิการสังคม ตามบทบาทของแต่ละองค์กร ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบการป้องกัน การแก้ไขปัญหา และการพัฒนาสังคมในชุมชนเป้าหมาย


สำหรับการจัดโครงการในครั้งนี้ มีการให้ความรู้ในเนื้อหาต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับการจัดสวัสดิการสังคม ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับการจัดรูปแบบสวัสดิการ การสร้างเครือข่ายทางสังคม กฎหมายที่จำเป็น การรับรองมาตรฐานองค์การสวัสดิการสังคม รวมทั้งการเขียนโครงการเพื่อขอรับเงินสนับสนุนในการจัดสวัสดิการจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ซึ่งในการเข้าร่วมโครงการเชื่อได้ว่าทุกๆ ท่าน จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมระหว่างกันและก่อให้เกิดประโยชน์ในการทำงานของแต่ละองค์กรได้เป็นอย่างดี
“ในช่วงสามวันของการเข้าร่วมโครงการขอให้ทุกท่าน ได้เก็บเกี่ยวความรู้ที่ได้รับจากวิทยากร และร่วมกิจกรรมต่างๆ ให้เต็มที่ รวมทั้งสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้ คือ การสร้างมิตรภาพ การทำความรู้จักและเกิดความสัมพันธ์ของเครือข่ายในการทำงานด้านการจัดสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่จะสร้างมูลค่าในการผลักดันและขับเคลื่อนงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมในแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นการส่งเสริม สนับสนุนการปฏิบัติงานขององค์กรสาธารณประโยชน์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”

จังหวัดนครราชสีมาจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ 2020 ครั้งที่ 1 International Tourism Festival 2020

เทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ2020 ครั้งที่ 1  International Tourism Festival 2020

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2563   เวลา 18.00 น. ณ ลานปารีส Terminal 21 Korat นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ2020 ครั้งที่ 1  International Tourism Festival 2020 พร้อมด้วย นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล และคณะ ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา มาเป็นผู้กล่าวต้อนรับคณะนักแสดงจาก 10  ประเทศ

การจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ2020 ครั้งที่ 1 International Tourism Festival 2020   เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวในพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมระดับนานาชาติ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา จึงมีแนวความคิดที่จะจัดกิจกรรมเพื่อต้อนรับนักแสดงนานาชาติ และตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว เผยแผ่อารยะธรรมระดับนานาชาติ เพื่อช่วยกระตุ้นจิตสำนึกรัก หวงแหนอารยะธรรมไทย และกระตุ้นเศรษฐกิจให้เม็ดเงินหมุนเวียนภายในชุมชนสร้างความยั่งยืนให้แก่การท่องเที่ยว

โดยที่ผ่านมา นายกรกฤต วรวงศ์ นายกสมาคมหลักการธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.ททท.จังหวัดนครราชสีมา นายศารุมต์ โหม่งสูงเนิน พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 นครราชสีมา ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ที่ให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และโรงแรมจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ซึ่งสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการ ที่พัก โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จึงมีแนวคิดจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว และเผยแผ่วัฒนธรรมระดับนานาชาติ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และจังหวัดนครราชสีมาสำหรับวันงานจะมีการการแสดงโชว์มวยไทย และต่าง ๆ จากผู้ประกอบการในพื้นที่ ร่วมสร้างสีสันให้มีบรรยากาศหลากหลายรูปแบบ โดยใช้ชื่อ งานเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ 2020 ครั้งที่ 1 ” 1st International Tourism Festival ( ชื่อย่อ ITF )โดยโครงการดังกล่าว จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มกราคม ถึง วันที่ 2 กุมภาพันธุ์ 2563 เวลา 10.00-22.00

รมช.พณ.ลงพื้นที่เมืองย่าโม  ปล่อยคาราวานจัดร้าน  Smart โชวห่วย พร้อมเยี่ยมชมธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ  หวัง สร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง

รมช.พณ.ลงพื้นที่เมืองย่าโม  ปล่อยคาราวานจัดร้าน  Smart โชวห่วย พร้อมเยี่ยมชมธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ  หวัง สร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง

  

วันที่  27 มกราคม 2563  นายวีรศักดิ์  หวังศุภกิจโกศล  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา  Kick off ปล่อยคาราวานทีมพัฒนาร้าน  Smart โชวห่วย  ณ  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน  จังหวัดนครราชสีมา โดยมี นายอภินันท์  เผือกผ่อง  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยคณะเป็นผู้กล่าวต้อนรับ

โดยหลังจากที่ท่านได้เป็นประธานในการปล่อยคาราวานแล้ว ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ท่านมีความยินดีที่เห็นถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนด้านการพัฒนาร้านโชวห่วยไปสู่  Smart โชวห่วย ที่ได้กำชับให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า  โดยการปล่อยคาราวานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา โดยนำนักศึกษาที่ผ่านการอบรมทีมพัฒนาร้าน Smart โชวห่วย  มาร่วมในการ  จัดร้านและปรับภาพลักษณ์  ให้กับร้านโชวห่วยต่าง ๆ

 

สำหรับการลงพื้นที่  ณ  ร้านโชวห่วยในวันนี้  เพื่อมอบตราสัญลักษณ์ ร้าน Smart โชวห่วยสำหรับติดหน้าร้านเพื่อเป็นเครื่องหมายการันตีสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการตัดสินใจเดินเข้ามาแบบไม่ลังเล ให้กับร้านโอ๋  ตำบลหนองกระทุ่ม  อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา   ทั้งนี้  จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ  และมีประชากรมากเป็นอันดับที่  2  ของประเทศ  มีจำนวนกว่า  2.6 ล้านคน (จากข้อมูลกรมการปกครอง) สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมายังพบว่า มีร้านโชวห่วยในจังหวัดที่มีความพร้อมในการพัฒนาเป็น Smart โชวห่วย  จำนวน  4,158 ร้าน  แบ่งเป็นขนาด SS ร้อยละ 62.7  ขนาด S ร้อยละ  19.4 ขนาด M ร้อยละ 13.4 และขนาด L ร้อยละ 4.5

จากนั้น   นายวีรศักดิ์  หวังศุภกิจโกศล  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์   และคณะ จะเดินทางต่อไปเยี่ยมชมสถานดูแลผู้สูงอายุจำนวน  2  แห่ง ในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการอันจะนำไปสู่การผลักดันแนวทางการส่งเสริมธุรกิจดังกล่าวในระดับนโยบายประเทศต่อไป

โคราช!!!เปิดฉากเวทีมิสแกรนด์ 2020 เฟ้นหาสาวงามสู่เวทีระดับประเทศ

เปิดฉากเวทีมิสแกรนด์นครราชสีมา 2020  เฟ้นหาสาวงามเมืองย่าสู่เวทีนางงามระดับประเทศ

กองประกวดมิสแกรนด์นครราชสีมาผู้แทนลิขสิทธิ์โดยบริษัท ดิจิตอล เทเลวิชั่น เน็ทเวิร์ค จำกัด (DN Cable TV) จากกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ร่วมกับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จัดแถลงข่าวการประกวด “มิสแกรนด์นครราชสีมา 2020” ในวันที่ 21 มกราคม 2563 เวลา 17.00 น. ณ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช โดยได้รับเกียรติจากคุณปิยะฉัตร อินสว่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา


คุณณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา/กลุ่มที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ คุณจารุพักตร์ ปราณีตพลกรัง Provincial Director คุณชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด พร้อมด้วยกลุ่มผู้ร่วมจัดการประกวดมิสแกรนด์นครราชสีมาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้  เวที Miss Grand ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2556 โดยมีวัตถุประสงค์ ค้นหาสาวไทย ที่มีคุณสมบัติทั้งความสวย ความรู้ ไหวพริบ ปฏิภาณและความประพฤติที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมไทย นอกจากนั้นยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวไทยจึงจัดให้มีกิจกรรมการเก็บตัวในแต่ละจังหวัดทั้ง 77 จังหวัดโดยให้นางงามมีส่วนช่วยในการเผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดที่มีการเก็บตัวแบบให้เป็นอย่างเป็นรูปธรรมการประกวดมิสแกรนด์ประจำจังหวัดนครราชสีมาเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเฟ้นหาสาวงามตัวแทนจังหวัดนครราชสีมาขึ้นดำรงตำแหน่ง “มิสแกรนด์นครราชสีมา” ไปสู่การประกวดเวทีระดับประเทศ Miss Grand Thailand โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์และตอบสนองแนวนโยบายยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดในเรื่องผ้าไหม ภูมิปัญญาท้องถิ่นอันเลื่องชื่อและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นที่รู้จักแก่ประชาชนโดยทั่วไปและเพื่อให้เกิดจิตสำนึกและมีความภาคภูมิใจต่อมาตุภูมิของตนเอง


ภายในงานแถลงข่าวได้เผยถึงสถานที่ในการทำกิจกรรมเก็บตัวมิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 และแฟชั่นโชว์ชุดที่ใช้ในการประกวด อาทิ ชุดกองประกวด ชุดโอเพนนิ่ง และชุดราตรี รวมถึงเปิดตัวสายสะพายถ้วยรางวัลพร้อมมงกุฎประจำตำแหน่ง “มิสแกรนด์นครราชสีมา2020” โดยเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่  1 ธันวาคม 2562 ถึง 30 มกราคม 2563 ระบุวันประกาศผลผู้ผ่านเข้าประกวดรอบคัดเลือกในวันที่  8 กุมภาพันธ์ 2563 ระยะเวลาการเก็บตัวในวันที่ 14 กุมภาพันธ์-17 กุมภาพันธ์ 2563 และการประกวดในรอบตัดสินจะมีขึ้นในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ MCC HALL ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช
รางวัลของผู้ที่ได้รับตำแหน่งผู้ที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศมิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 จะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมมงกุฎ สายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ
รองอันดับที่ 1 มิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 จะได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ
รองอันดับที่ 2 มิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ
ตำแหน่ง Best Evening Gown ในการประกวดมิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ
ตำแหน่ง Best In Swimsuit ในการประกวดมิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ
ตำแหน่ง Miss Popular Vote ในการประกวดมิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ (สำหรับผู้ที่มียอด Like & Share สูงสุดในเพจมิสแกรนด์นครราชสีมา 1 Like เท่ากับ 1 คะแนน 1 Share เท่ากับ 3 คะแนน)  ตำแหน่งขวัญใจชาวโคราช Miss Grand Nakhon Ratchasima 2020 จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศนอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษจากผู้สนับสนุนอีกมากมาย
คุณสมบัติของผู้เข้าประกวด ดังนี้
1. มีสัญชาติไทย โดยเกิดในประเทศไทย หรือได้รับการเปลี่ยนสัญชาติเป็นสัญชาติไทยแล้ว
2. เพศหญิงโดยกำเนิด
3.ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 167 เซนติเมตร
4.อายุระหว่าง 17-27 ปี (ผู้ที่เกิดระหว่าง ปี พ.ศ.2535-2546)
5.มีบุคลิกดี กิริยาท่าทางดี เฉลียวฉลาด มีความรอบรู้ มนุษยสัมพันธ์ดี มีรูปร่างหน้าตางดงาม
6.โสด ไม่เคยผ่านการสมรสตามกฎหมายหรือขนบธรรมเนียมประเพณีหรือพิธีกรรมทางศาสนา หรือพิธีการใดๆ ทั้งในและต่างประเทศ และไม่เคยมีบุตรหรือตั้งครรภ์มาก่อนจนถึงและในระหว่างการประกวด Miss Grand Thailand รวมทั้งในระหว่างการดำรงตำแหน่งใดๆ ในการประกวด Miss Grand Thailand (กรณีได้รับตำแหน่ง)
7.ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมหรือประกอบอาชีพผิดกฎหมายหรือมีความประพฤติหรือประวัติความประพฤติอันเป็นที่รังเกียจของสังคม อาทิเช่น การถ่ายภาพนิ่ง วีดีโอ หรือการโชว์เรือนร่างในลักษณะอื่นใด อันจะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตำแหน่งใดๆ ในการประกวด Miss Grand Thailand
8.กำลังศึกษาหรือสำเร็จการศึกษา ไม่ต่ำกว่าระดับมัธยมปลายหรือเทียบเท่า
9.มีสุขภาพดี ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงหรือโรคที่สังคมรังเกียจ และหรือเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความงาม
10.มีความสามารถพิเศษ ที่โดดเด่น หรือ เห็นได้ชัด และ/หรือ มีทักษะในการสื่อสารทั้งภาษาไทยหรือภาษาต่างๆได้ดี 11. มีคุณธรรม และ จริยธรรม รวมถึงพฤติกรรมที่เหมาะสม กับการเป็นตัวอย่างให้แก่เยาวชน ที่ดี
หลักฐานในการรับสมัคร มีดังนี้ 1.ใบสมัครของทางกองประกวด กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน  2. รูปถ่ายขนาดโปสการ์ด (เห็นหน้าชัดเจน) จำนวน 2 ใบ 3.สำเนาบัตรประชาชน จำนวน 2 ฉบับ 4. สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 2 ฉบับ 5.สำเนาสูติบัตร จำนวน 2 ฉบับ 6.สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล(ถ้ามี) จำนวน 2 ฉบับ 7.หลักฐานการศึกษา/หลักฐานการสำเร็จการศึกษา/หนังสือรับรองการทำงาน จำนวน 2 ฉบับ
ผู้ที่สนใจเข้าประกวดสามารถติดต่อขอรับรายละเอียดและซื้อใบสมัครได้ที่ กองประกวดมิสแกรนด์นครราชสีมาตั้งอยู่ที่ บริษัท ดิจิตอล เทเลวิชั่น เน็ทเวิร์ค จำกัด (DN Cable TV) ตรอกสุขสันต์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000 หรือดาวน์โหลดใบสมัครและระเบียบการได้ที่ Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/missgrandnakhonratchasima พร้อมส่งหลักฐานการสมัครและหลักฐานการโอนเงินได้ที่ koratmissgrand@gmail.com หรือ เพจมิสแกรนด์นครรราชสีมา

ขอเชิญร่วมงาน เดินวิ่งการกุศล  BWS RUNNING  2020 ณ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครราชสีมา

ขอเชิญร่วมงาน เดินวิ่งการกุศล  BWS RUNNING  2020 ณ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครราชสีมา

ขอเชิญร่วมงาน เดินวิ่งการกุศล  BWS RUNNING  2020 ในวันอาทิตย์ที่  16 กุมพาพันธ์ 2563 เวลา 05.00 น. ณ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  โดยมีประเภทของการแข่งขันแบ่งออกเป็น  ประเภท  นักเรียน  ประชาชนทั่วไป  และ VIP

อัตราค่าสมัคร  นักเรียน           ระยะทาง  10  กม.  350  บาท

ระยะทาง    6  กม.  250  บาท

บุคคลทั่วไป     ระยะทาง  10  กม.  450  บาท

ระยะทาง    6  กม.  300  บาท

VIP                1,000  บาท

*หมายเหตุ  นักวิ่งที่ที่เข้าเส้นชัย จะได้รับเหรียญทุกคน

การแข่งขัน  มินิมาราธอน  ระยะ  10  กม. แบ่งตามอายุ  ชาย/ หญิง

(ลำดับที่  1-5 รับถ้วยรางวัล )

รุ่นอายุต่ำกว่า  15  ปี

รุ่นอายุ             16-30 ปี

รุ่นอายุ             31-40 ปี

รุ่นอายุ             41-50 ปี

รุ่นอายุ             50 ปีขึ้นไป

การแข่งขัน  Fun run ระยะ  6  กม. แบ่งตามอายุ  ชาย/ หญิง

(ลำดับที่  1-5 รับเกียรติบัตร )

รุ่นอายุต่ำกว่า  12  ปี

รุ่นอายุ             13-20 ปี

รุ่นอายุ             21-35 ปี

รุ่นอายุ             36-50 ปี

รุ่นอายุ             50 ปีขึ้นไป

เส้นทางการแข่งขัน   ระยะทาง  6  กม. เริ่มต้นที่  โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  ผ่านแยกถนนมิตรภาพบายพาส และกลับตัวที่บริเวณ บ.สตาร์เวลล์  เพื่อเข้าเส้นชัยที่ จุดเริ่มต้น

ระยะทาง  10  กม. โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  ผ่านแยกถนนมิตรภาพบายพาส ผ่าน บ.สตาร์เวลล์  ผ่านโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 3   กลับตัวที่บริเวณเทศบาลตำบลจอหา  เพื่อเข้าเส้นชัยที่ จุดเริ่มต้น

ทั้งนี้  ทางคณะจัดงาน ได้เตรียมจุดบริการน้ำดื่ม เครื่องดื่มเกลือแร่ และรถพยาบาล หน่วยกู้ชีพ ไว้บริการทุกท่านที่เข้าร่วมการแข่งขัน

ท่านที่สนใจ  สามารถ สมัครและสอบถามรายละเอียดได้ที่  โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  044 – 000825

 

เยียวยาภัยแล้งทันใจ รมต.เทวัญลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยภัยแล้ง ในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท

เยียวยาภัยแล้งทันใจ รมต.เทวัญลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยภัยแล้ง ในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท

 

วันนี้ (17 มกราคม 2563) เวลา 10.00 น. ณ เทศบาลตำบลพุดซา อำเภอเมืองนครราชสีมา นายเทวัญ  ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะ ประกอบไปด้วย นายธงชัย ลืออดุลย์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมาเขต 2, นายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน (ภาวะฝนแล้ง)​ ด้านพืช ปี 2562 โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ รองนายกเทศมนตรีตำบลพุดซา ให้การต้อนรับและกล่าวรายงานสรุปในการพบปะพี่น้องประชาชน

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปีนี้อาจมีภาวะฝนทิ้งช่วงเหมือนกับปีที่แล้ว และอาจประสบปัญหาน้ำแล้งที่รุนแรงกว่า จึงอยากรณรงค์ให้ชาวบ้านปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย และงดปลูกข้าวนาปรังเพื่อลดการใช้น้ำในช่วงน้ำแล้ง ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน สั่งการให้เร่งเยียวยาผู้ประสบภัยแล้งโดยด่วน และขอความร่วมมือภาคราชการและประชาชนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อที่จะฝ่าวิกฤติในปีนี้ไปให้ได้  ในส่วนของรัฐบาลได้ผลักดันงบประมาณในการแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำในปีนี้ กว่า 3,000 ล้านบาท

สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้  รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณความช่วยเหลือชดเชยความเสียหาย โดยอนุมัติค่าใช้จ่ายเงินทดรองราชการในส่วนของอำเภอเมืองนครราชสีมา ให้แก่ 20 ตำบล 133 หมู่บ้าน พื้นที่เสียหาย 45,387.25 ไร่ เกษตรกร 5,281 ราย วงเงินช่วยเหลือ 60,879,150.50 บาท นอกจากนี้รัฐบาลยังได้มีแผนปฏิบัติการฟื้นฟูเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ เพื่อให้เกษตรกรพิจารณาขอรับการช่วยเหลือ  ในส่วนของอำเภอเมืองนครราชสีมา เกษตรกรได้ขอรับการช่วยเหลือ จำนวน 2 โครงการได้แก่  โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพพันธ์ข้าว จำนวน 4,627 ครอบครัว และอาชีพด้านประมงจำนวน 190 ราย

ภายหลังพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปตรวจสอบสถานการณ์น้ำที่บริเวณบึงพุดซา ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา และพื้นที่ใกล้เคียง พบว่าปริมาณน้ำลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ ทางจังหวัดจะรวบรวมข้อมูลและนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

สมัชชาสุขภาพขอนแก่น ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแนวทางแก้ไขปัญหาชุมชน ชูภาคประชาชน เป็นผู้นำองค์กรคนใหม่

สมัชชาสุขภาพขอนแก่น ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแนวทางแก้ไขปัญหาชุมชน ชูภาคประชาชน เป็นผู้นำองค์กรคนใหม่


คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น (คจ.สจ.) รุกทำแผนยุทธศาสตร์และแนวทางแก้ไขปัญหาชุมชน 3 ประเด็นหลัก เป็นแนวทางการทำงานในปี 63 “ผู้ใหญ่บ้านบ้านหัวถนน” รับเลือกเป็นประธานฯคนใหม่ แทนคนเก่าที่ครบวาระ    เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 ที่ห้องประชุม โรงแรมไอโฮเทล จ.ขอนแก่น นายวิรัช มั่นในบุญธรรม ประธานคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น (คจ.สจ.) ครั้งที่ 1/2563 โดยมี ที่ปรึกษา,คณะทำงานประเด็นหลัก และตัวแทนภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมประชุม เพื่อสรุปผลการดำเนินงานของสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น ในปีที่ผ่านมา (ปี 2562) ภาพรวมการขับเคลื่อนสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น ปี2562 การจัดงานสมัชชาสิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น และการจัดงานสมัชชาพลเมืองจังหวัดขอนแก่น ให้คณะทำงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบและได้กำหนดแนวทางการทำงานในปี 2563 ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) การจัดระบบและโครงสร้างเพื่อส่งเสริมการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้จังหวัดขอนแก่น มีบรรยากาศเอื้อต่อการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน การใช้จักรยานเพื่อการท่องเที่ยว และการใช้เพื่อการออกกำลังกาย และให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันจัดการแบบบูรณาการ สร้างและให้ความรู้ รณรงค์สร้างความตระหนักตื่นตัว ส่งเสริมให้มีระบบและโครงสร้างที่ส่งเสริมการใช้จักรยานอย่างจริงจัง เพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่
2) ชุมชนร่วมใจ ใส่ใจทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อสุขภาวะของคนขอนแก่น มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาศักยภาพภาคพลเมืองในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเกิดการการบูรณาการแผนความร่วมมือของหน่วยงาน องค์กรต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น และ 3) การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเปราะบาง มีเป้าหมายเพื่อ “พัฒนาคุณภาพชีวิต สิทธิเท่าเทียม เปราะบางสู่สังคมไม่ทอดทิ้งกัน” โดยเน้นใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการรับรู้และเข้าถึงสิทธิ การเข้าถึงสิทธิด้านการศึกษา และการเข้าถึงสิทธิด้านการมีงานทำ


จากนั้น เป็นการสรรหาประธานคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น แทนชุดเดิมที่มี นายวิรัช มั่นในบุญธรรม เป็นประธาน ดร.สุพัฒน์ จำปาหวาย และนายกฤตภาส ปรุงศรีปัญญา (ผู้ใหญ่บ้านบ้านหัวถนน) เป็นรองประธาน ได้ครบวาระ ซึ่งประธานและรองประธานชุดใหม่ ได้แก่ นายกฤตภาส ปรุงศรีปัญญา ผู้ใหญ่บ้านบ้านหัวถนน เป็นประธาน พันโท ดร.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน และ ดร.สายัณต์ แก้วบุญเรือง อาจารย์ประจำวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรขอนแก่น เป็น รองประธาน

 

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ณ อำเภอโชคชัยและอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ณ อำเภอโชคชัยและอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

วันนี้ (13 ม.ค. 63) เวลา 9.00 น. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ณ อำเภอโชคชัยและอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายธงชัย ลืออดุลย์ เลขานุการรัฐมนตรี , นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขต 13, นายอภิชา เลิศพชรกมล ส.ส. จังหวัดนครราชสีมา เขต 9, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา เขต 2 และ นายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมคณะติดตาม นางปียะฉัตร อินสว่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าวต้อนรับพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการท่านนายอำเภอโชคซัย ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่อำเภอโชคชัย


รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ รัฐบาลได้เตรียมให้การช่วยเหลือประชาชนหลายด้าน อาทิ จัดหารถแรงดันน้ำ ขุดบ่อบาดาลเพิ่ม โดยรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณกลาง จำนวน 3,000 ล้านบาท และมอบหมายให้ สทนช. ดำเนินการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนต่อไป ในส่วนของงบประมาณปกติของรัฐบาล 3.2 ล้านล้านที่เพิ่งผ่านสภา คาดว่าสามารถใช้ได้เดือน มี.ค. และอาจจะมีสนับสนุนช่วยเหลือ แก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง


นางปียะฉัตร อินสว่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าวสรุปสถานการณ์ภัยแล้งปื 2563 นื่องจากในปี 2563 ที่ผ่นมา จังหวัดนคราชสีมา มีฝนตกในพื้นที่ รวม ๖๕๐ มิลลิมตร ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 421มิลลิมตร (ค่าเฉลี่ย 30ปี 1,071มิลลืมตร)จึงส่งผลให้เกิดสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 4แห่ง ได้แก่อ่างเก็บน้ำลำตะคลอง ปริมาณน้ำ คงเหลือ 48 % อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ปริมาณน้ำ คงเหลือ 14% อ่างเก็บน้ำมูลบน ปริมาณน้ำ คงเหลือ34 %และอ่างเก็บน้ำลำแชะ ปริมาณน้ำ คงเหลือ 30%ทั้งนี้ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาณใช้งานได้ 21.0ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งได้วางแผน การบริหารจัดการน้ำร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ แบ่งการใช้น้ำ 4กิจกรรม ได้แก่ อุปโภค บริโภคอุตสาหกรรม รักษาระบบนิเวศ และการรั่วซึม โดยวางแผนการส่งน้ำช่วงฤดูแล้งเดือนมกราคม- เมษายน 2563 ใช้น้ำ 9 ล้นลูกบาศก็มตร และแผนการส่งน้ำช่วงก่อนฤดูฝน เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2563ใช้น้ำ4 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพียงพอในพื้นที่
สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ อ.โชคชัย จากพื้นที่ทั้งหมด 10 ตำบล ปัจจุบันเกิดปัญหาภัยแล้งใน 2 ตำบล คือ ต.พลับพลา และ ต.ท่าอ่าง ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากสระน้ำที่ใช้ทำน้ำประปาหมู่บ้านเกิดความแห้งแล้ง และพบว่าบางพื้นที่การประปาส่วนภูมิภาคเข้าไม่ถึง ประชาชนใช้น้ำจากบ่อบาดาลซึ่งเป็นบ่อขนาดเล็ก ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีน้ำอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอต่อการใช้
และ อ.ปักธงชัย ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำไม่พอใช้อุปโภคบริโภค ซึ่งได้รายงานต่อจังหวัด เพื่อประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2562 จำนวน 16 ตำบล 180 หมู่บ้าน ในขณะนี้มีหมู่บ้านที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จำนวน 10 หมู่บ้าน ในพื้นที่ ต.ธงชัยเหนือ ต.ตะขบ และ ต.โคกไทย
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ภัยแล้งของทั้ง 2 อำเภอ มีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คือ การเจาะบ่อบาดาล การสูบน้ำและแจกจ่ายน้ำ การรณรงค์ชาวบ้านไม่ทำข้าวนาปรัง และการใช้น้ำอย่างประหยัด ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว มีการปรับปรุงวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำใต้ดิน การจัดหาถังน้ำกลาง และรณรงค์การเพิ่มพื้นที่ป่าไม้