จังหวัดนครราชสีมาจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ 2020 ครั้งที่ 1 International Tourism Festival 2020

เทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ2020 ครั้งที่ 1  International Tourism Festival 2020

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2563   เวลา 18.00 น. ณ ลานปารีส Terminal 21 Korat นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ2020 ครั้งที่ 1  International Tourism Festival 2020 พร้อมด้วย นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล และคณะ ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา มาเป็นผู้กล่าวต้อนรับคณะนักแสดงจาก 10  ประเทศ

การจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ2020 ครั้งที่ 1 International Tourism Festival 2020   เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวในพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมระดับนานาชาติ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา จึงมีแนวความคิดที่จะจัดกิจกรรมเพื่อต้อนรับนักแสดงนานาชาติ และตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว เผยแผ่อารยะธรรมระดับนานาชาติ เพื่อช่วยกระตุ้นจิตสำนึกรัก หวงแหนอารยะธรรมไทย และกระตุ้นเศรษฐกิจให้เม็ดเงินหมุนเวียนภายในชุมชนสร้างความยั่งยืนให้แก่การท่องเที่ยว

โดยที่ผ่านมา นายกรกฤต วรวงศ์ นายกสมาคมหลักการธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.ททท.จังหวัดนครราชสีมา นายศารุมต์ โหม่งสูงเนิน พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 นครราชสีมา ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ที่ให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และโรงแรมจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ซึ่งสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการ ที่พัก โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จึงมีแนวคิดจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว และเผยแผ่วัฒนธรรมระดับนานาชาติ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และจังหวัดนครราชสีมาสำหรับวันงานจะมีการการแสดงโชว์มวยไทย และต่าง ๆ จากผู้ประกอบการในพื้นที่ ร่วมสร้างสีสันให้มีบรรยากาศหลากหลายรูปแบบ โดยใช้ชื่อ งานเทศกาลท่องเที่ยวนานาชาติ 2020 ครั้งที่ 1 ” 1st International Tourism Festival ( ชื่อย่อ ITF )โดยโครงการดังกล่าว จะจัดขึ้นในวันที่ 28 มกราคม ถึง วันที่ 2 กุมภาพันธุ์ 2563 เวลา 10.00-22.00

ขอเชิญร่วมงาน เดินวิ่งการกุศล  BWS RUNNING  2020 ณ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครราชสีมา

ขอเชิญร่วมงาน เดินวิ่งการกุศล  BWS RUNNING  2020 ณ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครราชสีมา

ขอเชิญร่วมงาน เดินวิ่งการกุศล  BWS RUNNING  2020 ในวันอาทิตย์ที่  16 กุมพาพันธ์ 2563 เวลา 05.00 น. ณ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  โดยมีประเภทของการแข่งขันแบ่งออกเป็น  ประเภท  นักเรียน  ประชาชนทั่วไป  และ VIP

อัตราค่าสมัคร  นักเรียน           ระยะทาง  10  กม.  350  บาท

ระยะทาง    6  กม.  250  บาท

บุคคลทั่วไป     ระยะทาง  10  กม.  450  บาท

ระยะทาง    6  กม.  300  บาท

VIP                1,000  บาท

*หมายเหตุ  นักวิ่งที่ที่เข้าเส้นชัย จะได้รับเหรียญทุกคน

การแข่งขัน  มินิมาราธอน  ระยะ  10  กม. แบ่งตามอายุ  ชาย/ หญิง

(ลำดับที่  1-5 รับถ้วยรางวัล )

รุ่นอายุต่ำกว่า  15  ปี

รุ่นอายุ             16-30 ปี

รุ่นอายุ             31-40 ปี

รุ่นอายุ             41-50 ปี

รุ่นอายุ             50 ปีขึ้นไป

การแข่งขัน  Fun run ระยะ  6  กม. แบ่งตามอายุ  ชาย/ หญิง

(ลำดับที่  1-5 รับเกียรติบัตร )

รุ่นอายุต่ำกว่า  12  ปี

รุ่นอายุ             13-20 ปี

รุ่นอายุ             21-35 ปี

รุ่นอายุ             36-50 ปี

รุ่นอายุ             50 ปีขึ้นไป

เส้นทางการแข่งขัน   ระยะทาง  6  กม. เริ่มต้นที่  โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  ผ่านแยกถนนมิตรภาพบายพาส และกลับตัวที่บริเวณ บ.สตาร์เวลล์  เพื่อเข้าเส้นชัยที่ จุดเริ่มต้น

ระยะทาง  10  กม. โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  ผ่านแยกถนนมิตรภาพบายพาส ผ่าน บ.สตาร์เวลล์  ผ่านโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 3   กลับตัวที่บริเวณเทศบาลตำบลจอหา  เพื่อเข้าเส้นชัยที่ จุดเริ่มต้น

ทั้งนี้  ทางคณะจัดงาน ได้เตรียมจุดบริการน้ำดื่ม เครื่องดื่มเกลือแร่ และรถพยาบาล หน่วยกู้ชีพ ไว้บริการทุกท่านที่เข้าร่วมการแข่งขัน

ท่านที่สนใจ  สามารถ สมัครและสอบถามรายละเอียดได้ที่  โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  044 – 000825

 

สมัชชาสุขภาพขอนแก่น ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแนวทางแก้ไขปัญหาชุมชน ชูภาคประชาชน เป็นผู้นำองค์กรคนใหม่

สมัชชาสุขภาพขอนแก่น ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแนวทางแก้ไขปัญหาชุมชน ชูภาคประชาชน เป็นผู้นำองค์กรคนใหม่


คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น (คจ.สจ.) รุกทำแผนยุทธศาสตร์และแนวทางแก้ไขปัญหาชุมชน 3 ประเด็นหลัก เป็นแนวทางการทำงานในปี 63 “ผู้ใหญ่บ้านบ้านหัวถนน” รับเลือกเป็นประธานฯคนใหม่ แทนคนเก่าที่ครบวาระ    เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 ที่ห้องประชุม โรงแรมไอโฮเทล จ.ขอนแก่น นายวิรัช มั่นในบุญธรรม ประธานคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น (คจ.สจ.) ครั้งที่ 1/2563 โดยมี ที่ปรึกษา,คณะทำงานประเด็นหลัก และตัวแทนภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมประชุม เพื่อสรุปผลการดำเนินงานของสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น ในปีที่ผ่านมา (ปี 2562) ภาพรวมการขับเคลื่อนสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น ปี2562 การจัดงานสมัชชาสิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น และการจัดงานสมัชชาพลเมืองจังหวัดขอนแก่น ให้คณะทำงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบและได้กำหนดแนวทางการทำงานในปี 2563 ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) การจัดระบบและโครงสร้างเพื่อส่งเสริมการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้จังหวัดขอนแก่น มีบรรยากาศเอื้อต่อการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน การใช้จักรยานเพื่อการท่องเที่ยว และการใช้เพื่อการออกกำลังกาย และให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันจัดการแบบบูรณาการ สร้างและให้ความรู้ รณรงค์สร้างความตระหนักตื่นตัว ส่งเสริมให้มีระบบและโครงสร้างที่ส่งเสริมการใช้จักรยานอย่างจริงจัง เพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่
2) ชุมชนร่วมใจ ใส่ใจทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อสุขภาวะของคนขอนแก่น มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาศักยภาพภาคพลเมืองในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเกิดการการบูรณาการแผนความร่วมมือของหน่วยงาน องค์กรต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น และ 3) การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเปราะบาง มีเป้าหมายเพื่อ “พัฒนาคุณภาพชีวิต สิทธิเท่าเทียม เปราะบางสู่สังคมไม่ทอดทิ้งกัน” โดยเน้นใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการรับรู้และเข้าถึงสิทธิ การเข้าถึงสิทธิด้านการศึกษา และการเข้าถึงสิทธิด้านการมีงานทำ


จากนั้น เป็นการสรรหาประธานคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น แทนชุดเดิมที่มี นายวิรัช มั่นในบุญธรรม เป็นประธาน ดร.สุพัฒน์ จำปาหวาย และนายกฤตภาส ปรุงศรีปัญญา (ผู้ใหญ่บ้านบ้านหัวถนน) เป็นรองประธาน ได้ครบวาระ ซึ่งประธานและรองประธานชุดใหม่ ได้แก่ นายกฤตภาส ปรุงศรีปัญญา ผู้ใหญ่บ้านบ้านหัวถนน เป็นประธาน พันโท ดร.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน และ ดร.สายัณต์ แก้วบุญเรือง อาจารย์ประจำวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรขอนแก่น เป็น รองประธาน

 

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ณ อำเภอโชคชัยและอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ณ อำเภอโชคชัยและอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

วันนี้ (13 ม.ค. 63) เวลา 9.00 น. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ณ อำเภอโชคชัยและอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายธงชัย ลืออดุลย์ เลขานุการรัฐมนตรี , นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขต 13, นายอภิชา เลิศพชรกมล ส.ส. จังหวัดนครราชสีมา เขต 9, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา เขต 2 และ นายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมคณะติดตาม นางปียะฉัตร อินสว่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าวต้อนรับพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการท่านนายอำเภอโชคซัย ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่อำเภอโชคชัย


รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ รัฐบาลได้เตรียมให้การช่วยเหลือประชาชนหลายด้าน อาทิ จัดหารถแรงดันน้ำ ขุดบ่อบาดาลเพิ่ม โดยรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณกลาง จำนวน 3,000 ล้านบาท และมอบหมายให้ สทนช. ดำเนินการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนต่อไป ในส่วนของงบประมาณปกติของรัฐบาล 3.2 ล้านล้านที่เพิ่งผ่านสภา คาดว่าสามารถใช้ได้เดือน มี.ค. และอาจจะมีสนับสนุนช่วยเหลือ แก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง


นางปียะฉัตร อินสว่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าวสรุปสถานการณ์ภัยแล้งปื 2563 นื่องจากในปี 2563 ที่ผ่นมา จังหวัดนคราชสีมา มีฝนตกในพื้นที่ รวม ๖๕๐ มิลลิมตร ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 421มิลลิมตร (ค่าเฉลี่ย 30ปี 1,071มิลลืมตร)จึงส่งผลให้เกิดสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 4แห่ง ได้แก่อ่างเก็บน้ำลำตะคลอง ปริมาณน้ำ คงเหลือ 48 % อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ปริมาณน้ำ คงเหลือ 14% อ่างเก็บน้ำมูลบน ปริมาณน้ำ คงเหลือ34 %และอ่างเก็บน้ำลำแชะ ปริมาณน้ำ คงเหลือ 30%ทั้งนี้ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาณใช้งานได้ 21.0ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งได้วางแผน การบริหารจัดการน้ำร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ แบ่งการใช้น้ำ 4กิจกรรม ได้แก่ อุปโภค บริโภคอุตสาหกรรม รักษาระบบนิเวศ และการรั่วซึม โดยวางแผนการส่งน้ำช่วงฤดูแล้งเดือนมกราคม- เมษายน 2563 ใช้น้ำ 9 ล้นลูกบาศก็มตร และแผนการส่งน้ำช่วงก่อนฤดูฝน เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2563ใช้น้ำ4 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพียงพอในพื้นที่
สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ อ.โชคชัย จากพื้นที่ทั้งหมด 10 ตำบล ปัจจุบันเกิดปัญหาภัยแล้งใน 2 ตำบล คือ ต.พลับพลา และ ต.ท่าอ่าง ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากสระน้ำที่ใช้ทำน้ำประปาหมู่บ้านเกิดความแห้งแล้ง และพบว่าบางพื้นที่การประปาส่วนภูมิภาคเข้าไม่ถึง ประชาชนใช้น้ำจากบ่อบาดาลซึ่งเป็นบ่อขนาดเล็ก ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีน้ำอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอต่อการใช้
และ อ.ปักธงชัย ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำไม่พอใช้อุปโภคบริโภค ซึ่งได้รายงานต่อจังหวัด เพื่อประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2562 จำนวน 16 ตำบล 180 หมู่บ้าน ในขณะนี้มีหมู่บ้านที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จำนวน 10 หมู่บ้าน ในพื้นที่ ต.ธงชัยเหนือ ต.ตะขบ และ ต.โคกไทย
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ภัยแล้งของทั้ง 2 อำเภอ มีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คือ การเจาะบ่อบาดาล การสูบน้ำและแจกจ่ายน้ำ การรณรงค์ชาวบ้านไม่ทำข้าวนาปรัง และการใช้น้ำอย่างประหยัด ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว มีการปรับปรุงวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำใต้ดิน การจัดหาถังน้ำกลาง และรณรงค์การเพิ่มพื้นที่ป่าไม้

สถานพินิจโคราช จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 63 เพื่อให้เด็กได้ร่วมกิจกรรมอย่างสนุกสนาน

สถานพินิจโคราช จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 63 เพื่อให้เด็กได้ร่วมกิจกรรมอย่างสนุกสนาน

             นายอภิชาติ   ติยวัฒน์   ประธานคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสำหรับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2563  พร้อมด้วย  นายธิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์   นายกสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา   และคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสำหรับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา  โดยมีนายคมกฤษณ์  แสงจันทร์  ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาได้กล่าวรายงานต่อท่านประธาน

เด็กถือว่าเป็นทรัพยากรบุคคลที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศเป็นวัยที่มีการพัฒนาการเรียนรู้ควบคู่กับการศึกษาหาความรู้ด้านต่างๆ อยู่ตลอดเวลา  ก่อนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต  การพัฒนาทักษะในการใช้ชีวิตต่างๆ  ควรได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากผู้ใหญ่  เพื่อนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง  ผู้อื่น  สังคมและประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง  ไม่เป็นปัญหาให้กับสังคมในภายภาคหน้า  ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงให้ความสำคัญต่อเด็กและเยาวชนจึงได้กำหนดให้วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม  ของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติโดยสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมามีหน้าที่ บำบัด แก้ไข ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดให้สามารถปรับตัวเป็นเด็กและเยาวชนที่ดีมีคุณภาพในการพัฒนาประเทศ  เพื่อการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลจึงได้ดำเนินการจัดโครงการวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2563 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนอบรมให้เด็กและเยาวชนให้ยึดมั่นในสถาบันชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์  รู้หน้าที่ของตนเองและอยู่ในระเบียบวินัยที่ดี  มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเป็นการส่งเสริมความกล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้องเหมาะสม  และเพื่อให้เยาวชนได้ผ่อนคลายความเครียดกับทั้งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนตลอดจนเป็นกำลังใจให้เด็กและเยาวชนผู้ต้องหาว่าประพันธ์เพชรได้ปรับตัวเป็นคนดีต่อไป  โดยคำขวัญประจำวันเด็กจากนายกรัฐมนตรี  มีดังนี้ “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา จัดฝึกอาชีพ “ผู้สูงอายุโคราชขึงขังฝึกอาชีพถักพรมป้อนตลาดชุมชน”

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา จัดฝึกอาชีพ “ผู้สูงอายุโคราชขึงขังฝึกอาชีพถักพรมป้อนตลาดชุมชน”

วันที่ 8 มกราคม 2563 สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา จัดฝึกอาชีพ “การถักพรมเช็ดเท้า” ให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุบ้านท่าอ่าง ระหว่างวันที่ 8 -10 มกราคม 2563 ณ ที่ทำการกลุ่มอาชีพผู้สูงอายุบ้านท่าอ่าง หมู่ที่ 4 ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย จ. นครราชสีมา

โดยได้รับเกียรติ จากนางฝน คงศักดิ์ตระกูล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลด่านเกวียน เป็นประธานเปิดฝึกอบรม และกล่าวว่าเทศบาล ยินดีสนับสนุนงบประมาณเพื่อต่อยอดการประกอบอาชีพของกลุ่มผู้สูงอายุ พร้อมทั้งจัดให้มีสถานที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาของเทศบาลฯ และในงามมหกรรมเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ นี้

 

ว่าที่ร้อยตรีสมศักดิ์ พรหมดำ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา กล่าวว่า “การดำเนินการฝึกอาขีพดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของ ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ที่ได้มอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน ให้ทำงานสนองตอบความต้องการประชาชน เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์รัฐบาล “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง