ผ้าป่าการศึกษาพี่ช่วยน้อง. สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา

#ผ้าป่าการศึกษาพี่ช่วยน้อง. #สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา 10:00 น .งานบุญเพื่อช่วยเหลือ สร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็ก และเยาวชนในการดูแลสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 เริ่มตั้งแต่ขบวนแห่กองผ้าป่า 9.00 น .นำขบวนโดยคณะขบวนกลองยาว นำโดยดร. รัตนวรบัณฑิต ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกเด็กและเยาวชนเขต3 พร้อมนายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์รองประธานสงเคราะห์เด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา ประธานทอดผ้าป่าการศึกษาและนายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาพร้อมคณะเจ้าหน้าที่นางรำแห่ขบวนกองผ้าป่าการศึกษา เคลื่อนขบวนจากศูนย์ฝึกเด็กและเยาวชนฯมาตั้งกองผ้าป่าที่บริเวณสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา

*** เวลา 10.00 น พระอธิการณัฐวุฒิ สิริปญโญเจ้าอาวาสวัดคลองส่งน้ำเมตตาเป็นประธานพิธีสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์ 9 รูป ทำพิธีทอดผ้าป่าการศึกษา เจริญพระพุทธมนต์ ได้รับเกียรติจาก ท่านเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด จุดเทียน ธูปบูชาพระรัตนตรัย และคฯะดร.รัตนะ วรบัณฑิตผู้อำนวยการศูนย์ฝึกเด็กและเยาวชนเขต3 และนายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาร่วมพิธี

***เวลา 11.00 น.นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์รองประธานสงเคราะห์เด็กและเยาวชน ถวายกองผ้าป่าสามัคคี ยอดบุญ 188,239บาทแด่ประธานฝ่ายสงฆ์พร้อมคณะผู้ร่วมงานกว่า 100 ท่าน จากคณะภาคีเครือข่ายภาคการศึกษา และเครือข่ายภาคเอกชน จากนั้นแขกผู้มีเกียรติทุกท่านได้ร่วมถวายภัตตาหารเพลแด่คณะพระภิกษุสงฆ์รับผ้าป่าฯ และเมื่อพระสงฆ์รับแล้ว พระภิกษุสงฆ์ได้ให้พรและพรมน้ำมนต์ เพื่อสิริมงคลให้แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานทุกท่านทั่วกัน พร้อมกันนี้คณะทำงานการดำเนินการดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกัน covid-19 ตามนโยบายสาธารณสุขโดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดร่วมสังเกตการณ์ด้วย

ท้ายนี้ ฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ ประธานงานกล่าวขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผู้ใหญ่ใจดีที่ร่วมงานพิธีในครั้งนี้ ท่านเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด ,นายรักชาติ กิริวัฒนศักดิ์ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ,นายสุดชาย บุตรแสนดีผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา, คุณชินพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปเดอะมอลล์โคราช และเครือข่ายทางการศึกษาเพื่อเด็กที่ด้อยโอกาสทุกท่าน ในโอกาสพืธีนี้ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลายในสากลโลกทั้วหลาย ได้โปรดดลบันดาลให้ท่านและคอบครัวประสบแด่ความสุข ความเจริญ ด้วยอายุ วรรณะ สุขะพละ ด้วยเทอญ

เปิดโครงการแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติดในรูปแบบค่ายศูนย์ขวัญแผ่นดิน รุ่นที่1

#เปิดโครงการแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติดในรูปแบบค่ายศูนย์ขวัญแผ่นดิน รุ่นที่1

วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๙.๐๐ น.

#ณโรงแรมโกลเต้นแลน์ดรีสอร์ท ตำบลไชยมงคล อำเภอเมืองนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมา นายณรงค์ วรหาญ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและ

ปราบปรามยาเสพติดภาค ๓ เป็นประธานพิธี

เปิดพร้อมนางสาวฐิติพร เต็มบุญประเสริฐสุข

พนักงานคุมประพฤติชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครราชสีมากล่าวรายงาน โครงการแก้ไขปัญหา ผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดในรูปแบบค่ายศูนย์ขวัญแผ่นดินจังหวัดนครราชสีมา รุ่นที่ ๑ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ในวันนี้

ตามนโยบายรัฐบาล/ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีใด้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติที่องค์กรทุกภาคส่วน ต้องเข้ามามีบทบาท/และส่วนร่วมในการขับเคลื่อน/ให้ปัญหาลดน้อยลงไม่ส่งผลกระทบ/ต่อการดำเนินชีวิตและความเดือดร้อนในสังคมของประชาชนโดยรวม

กระทรวงยุติธรรม โดยท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงมีนโยบายให้กรมคุมประพฤติ

โครงการแก้ไขปัญหาผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด ในรูปแบบค่ายศูนย์ขวัญแผ่นดินในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๒ รุ่น ในปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๕ ซึ่งการจัดโครงการครั้ง เป็นครั้งที่ ๑ โดยการบูรณาการร่วมกับ สำนักงาน ปปส.ภาค ๓ กรมการปกครอง กอ.รมน.จังหวัดนครราชสีมา/จัดหางานจังหวัดนครราชสีมา/สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา/วิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา/สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา/ภาคประชาสังคม

และภาคีเครือข่ายต่างๆ ประกอบกับจังหวัดนครราชสีมาได้ตระหนักในปัญหาดังกล่าว จึงได้กำหนดให้เป็นวาระของจังหวัดโดยให้ทุกภาคส่วน

ขับเคลื่อนไปด้วยกันและมีการบูรณาการทำงานอย่างจริงจังโดยการนำผู้เสพ/ผู้ติด ที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัด

นครราชสีมา เข้ารับการอบรม จำนวน ๕0 คน

การดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหา/ผู้เสพยาเสพติดโดยใช้

ระบบค่ายศูนย์ขวัญแผ่นดินจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการโดยวิทยากร

แกนนำศูนย์ขวัญแผ่นดินที่ผ่านการอบรมพัฒนาศักยภาพวิทยากรแกนนำ

และขยายผลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในรูปแบบค่ายศูนย์ขวัญแผ่นดิน

โดยเน้นให้ได้รับการดูแลทั้งด้านสุขภาพ จิตใจ  และสร้างแรงจูงใจให้เกิดการยอมรับ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเชิงลบ สร้างพฤติกรรมเชิงบวก

การควบคุมตนเอง ให้มีทักษะการปรับตัวเข้ากับสังคมและสภาพแวดล้อมอย่างเหมาะสมอันเป็นการคืนศักดิ์ศรี ของความเป็นมนุษย์และไม่ให้กลับไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก

แถลงข่าวเปิดตัว จัดงานฟอสซิลเฟสติวัลครั้งที่6 100 ปีแห่ง อนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินและช้างไทย

ม.ราชภัฏโคราชนำทัพเปิดโลกดึกดำบรรพ์ จัดงานฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 6  100 ปีแห่งการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินและช้างไทยจากสมัยรัชกาลที่ 6

 วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน 2564 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ องค์การมหาชน (สสปน.) องค์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครราชสีมา วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา และภาคีเครือข่าย จัดงานแถลงข่าว งานฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 6 : 100 ปีแห่งการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินและช้างไทยจากสมัยรัชกาลที่ 6 Fossil Festival VI : 100 Years of petrified Wood and Elephant Conservation from the Reign of King Rama VI ณ ห้องประชุมลำตะคอง 1 โรงแรมแคนทารี โคราช โดยได้รับเกียรติจาก นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายสมเกียรติ ตันดิลกตระกูล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นางสาววัชรี ชูรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน องค์การมหาชน (อพท.),

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐฐินี ทองดี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ เป็นผู้ให้ถ้อยแถลงในการจัดงาน พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดการเสวนาเพื่อสร้างความตระหนักเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นและการจัดการอย่างยั่งยืน ซึ่งมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประเทือง จินตสกุล ผู้อำนวยการอุทยานธรณีโคราชและที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดงาน, ดร.อัปสร สอาดสุด ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี, นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ ดร.อลงกต ชูแก้ว ผู้อำนวยการกองทุนวิจัยและอนุรักษ์ช้างไทย เขาใหญ่ ดำเนินรายการโดย อ.นิรวิทย์ เพียราษฎร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาแหล่งเรียนรู้และเสริมสมรรถะมนุษย์

 งานฟอสซิลเฟสติวัล เป็นงานที่สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ ดำเนินการจัดมาเป็นประจำทุก 2 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2554 จนถึงปัจจุบัน โดยมีจุดประสงค์หลัก คือ สร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักในคุณค่า รวมทั้งร่วมกันอนุรักษ์มรดกฟอสซิลหรือซากดึกดำบรรพ์ของจังหวัดนครราชสีมา ให้คงอยู่และเกิดประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ในปีนี้ ทางสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ ได้จัดงานภายใต้แนวคิด “100 ปี แห่งการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินและช้างไทยจากสมัยรัชกาลที่ 6”

 ด้วยแนวคิดการอนุรักษ์ฟอสซิลในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะฟอสซิลไม้กลายเป็นหิน มีปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อรัชกาลที่ 6 หรือพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ เสด็จมาตรวจการก่อสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมา – อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2464 ณ บริเวณ สะพานดำ ซึ่งเป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำมูล ในบริเวณบ้านะกุดขอน ตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา พระยารำไพพงศ์บริพัตร วิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างทางรถไฟสายนี้พร้อมกับชาวบ้านได้นำฟอสซิลจากไม้กลายเป็นหินจากท้องร่องแม่น้ำมูล น้อมเกล้าฯ ถวายแด่ ร.6 แต่พระองค์ท่านกลับแนะนำให้เก็บรักษาไว้ในท้องที่ พระยารำไพพงศ์บริพัตรจึงได้สร้างอนุสรณ์สถานการเสด็จมาตรวจการก่อสร้างทางรถไฟของ ร.6 ในบริเวณหัวสะพาน แล้วนำไม้กลายเป็นหินท่อนดังกล่าวฝังตรึงไว้บนยอดอนุสรณ์สถาน ซึ่งยังคงปรากฏให้เห็นเป็นสภาพเดิมตราบกระทั่งปัจจุบัน อนุสรณ์สถานไม้กลายเป็นหิน ร.6 นี้จึงเป็นอนุสรณ์การอนุรักษ์ฟอสซิลหรือไม้กลายเป็นหินที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์และชุมชนชาวท่าช้างมาครบ 100 ปี ในวันที่ 4 ธันวาคม 2564 นี้ และอาจกล่าวได้ว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทยและเอชียตะวันออกเฉียงใต้

 การจัดงานฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 6 กำหนดจัดในระหว่างวันที่ 4 – 10 ธันวาคม 2564 ณ สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ในรูปแบบ Hybrid โดยมีกิจกรรมทั้งรูปแบบของ Onsite ณ สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ และระบบ Online โดยมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ

 1. การแถลงข่าวการจัดงานฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 6 และการเสวนาการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นกับการพัฒนาที่ยั่งยืน วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 ในรูปแบบ Hybrid (Onsite and Online)

 2. พิธีเปิดงาน ฟอสซิลเฟสติวัล ครั้งที่ 6 พร้อมชมนิทรรศการชุด “โคราช : มหานครแห่งบรรพชีวินโลก World Paleontopolis” , “จีโอพาร์ค” โดยกรมทรัพยากรธรณี, และ นิทรรศการ “ไม้กลายเป็นหินแปลก”

 3. งานสัมมนาทางวิชาการ บรรพชีวิน “100 ปี อนุรักษ์และวิจัยฟอสซิลในโคราช”

 การเสวนาทงวิชาการหัวข้อ “ฟอสซิลแห่งสยามกับการอนุรักษ์”, “ฟอสซิลแห่งสยามกับการอนุรักษ์และโคราชมหานครแห่งบรรพชีวินโลก (World Paleontopolis)”

 การนำเสนอผลงานทางวิชาการ “ร่วมเรียนรู้สิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์กับนักวิจัย” และ “พิพิธภัณฑ์ฟอสซิลเพื่อการนันทนาการและการเรียนรู้” วันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2564 ในรูปแบบ Hybrid

 4. พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางด้านการอนุรักษ์ซากดึกดำบรรพ์ สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ ร่วมกัย กรมทรัพยากรธรณีและภาคีเครือข่าย วันที่ 8 ธันวาคม 2564 ณ สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ ในรูปแบบ Hybrid (Onsite and Online)

 นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “ทัวร์เที่ยวทิพย์ท่องเที่ยวมหานครแห่งบรรพชีวิน”, “กิจกรรมท่องเที่ยวไปในพิพิธภัณฑ์ฯ กิจกรรม DIY By Khorat Fossil Museum พบกับเรื่องราวที่น่าสนใจตามแต่ละวัน เช่น ตอน ไดโนเสาร์สิรินธรน่าโคราชเอนซิส และสยามแรปเตอร์ สุวัจน์ติ, “เติมสีสันให้ช้าง” และงานแสดงสินค้าชุมชนและผลผลิตทางการเกษตร “ไม้หิน กรีน มาร์เก็ต” พร้อมชมผลานทางศิลปะ โดยงาน Thailand Art Biennale 2021

 การจัดงานในครั้งนี้จึงนับเป็นก้าวสำคัญของจังหวัดนครราชสีมาที่ได้ดำเนินการค้นพบและอนุรักษ์ซากดุกดำบรรพ์ และในปี พ.ศ.2564 ครบรอบ 100 ปี จึงเป็นโอกาสดีที่สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ และภาคีในจังหวัดนครราชสีมาจะได้จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการสร้างความเข้าใจเรื่องซากดึกดำบรรพ์ ตลอดจนการกระตุ้นให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนคนทั่วไปได้ตระหนักในความสำคัญของซากดุกดำบรรพ์ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สามารถนำมาต่อยอดในเรื่องของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายของการจัดงานที่สำคัญ คือ การสร้างความตระหนักในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรณีและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเชื่อมโยงกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลก หรือ SDGs

โคราช พร้อม รับนักท่องเที่ยวตามมาตรฐาน SHA+

THAILAND

Amazing

วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

โคราช พร้อม รับนักท่องเที่ยวตามมาตรฐาน SHA+

ตามนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล ครม เห็นชอบการเตรียมพร้อมสำหรับเปิดรับนักท่องเที่ยว

ต่างชาติผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาต เช่น มาจากประเทศที่ได้รับการอนุญาตหรือมีหนังสือ

รับรอง และหลักฐานการลงทะเบียนการเดินทางที่ชัดเจน มีการตรวจยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อโควิด หลักฐานแสดงว่า

ครบ การชำระที่พัก รวมทั้งมีหลักฐานแสดงว่ามีกรมธรรม์หรือประกันภัยสุขภาพ ตามที่ ศบค

เปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว/ไม่จำกัดพื้นที่ ยึดหลักคนไทยปลอดภัยต่างชาติมั่นใจ ซึ่งจังหวัดนครราชสีมามี

ไทม์ไลน์ ที่จะเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ นี้ มีการกำหนดพื้นที่นำร่องเปิดเมืองก่อนใน

๖ อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากช่อง อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอพิมาย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอสีคิ้ว และ

อำเภอวังน้ำเขียว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการจัดเตรียม

มาตรการต่างๆ รวมถึงนำมาตรฐาน SHA และ SHA Plus มาใช้ในสถานประกอบการท่องเที่ยว เพื่อให้ชาวโคราชมี

ความปลอดภัยและนักท่องเที่ยวปลอดภัย

นางภาวนา ประจิตต์ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน

นครราชสีมา กล่าวว่า โคราชพร้อมเปิดเมือง ต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐาน sha+ เพื่อเป็นการการประกาศ

ความพร้อมสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ภายหลังจาก ศบค.มี

มติให้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีการผ่อนคลายมาตรการ กิจกรรมต่างๆ โดยให้ร้านอาหารในพื้นที่

ท่องเที่ยว สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่จะต้องได้รับตราสัญลักษณ์ตามโครงการมาตรฐานความปลอดภัย

ด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety and Health Administration (SHA) เพื่อสร้างความเชื่อมั่น

และมั่นใจให้กับผู้ที่มาใช้สินค้าและบริการดังกล่าว สำหรับโครงการ SHA ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ จาก

ผลกระทบจากโรคโควิต-๑๙ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ดำเนินโครงการโดยการ

ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรม

ท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อม และดำเนินการปรับปรุง

สถานประกอบการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ (New normal) เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ควบคู่กับมาตรการด้านสุขอนามัย

SHA คือ ตราสัญลักษณ์ที่ผู้จัดทำโครงการตั้งใจให้เปรียบเสมือนได้ถึงความมั่นใจในความ

ปลอดภัยด้านสุขอนามัย จากสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทไทย โดยเป็นโครงการที่ได้รับการ

ร่วมมือจากหลายๆ ภาคส่วน นั่นก็คือ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุน

บริการสุขภาพ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงาน

ภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งคำว่า SHA ย่อมาจากคำว่า Amazing Thailand Safety and

Health Administration มีจุดมุ่งหมายของโครงการคือ เพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการ และกิจกรรมต่างๆ ได้

พัฒนาตัวเอง เตรียมความพร้อมสู่วิถีชีวิต New Normat และนำไปสู่การ ลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่

ระบาดของโรคไวรัส Covid-19 และยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย ส่วน SHA+

คือตราสัญลักษณ์ใหม่จากโครงการโดยได้เริ่มต้นตั้งแต่ ต กรกฎาคม ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา ซึ่งมีการนำร่องที่จังหวัด

ภูเก็ต โดยมีเงื่อนไขคือ สถานประกอบการนั้นๆ ต้องได้รับเครื่องหมายมาตนฐาน SHA และบุคลากรในสถาน

ประกอบการอย่างน้อย ๗๐% ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ b เข็ม จึงจะได้รับ SHA Plus

สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา จัดประกวดและมอบรางวัลคลิปวีดีโอวัฒนธรรมโคราช

กรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมกับสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาจัดโครงการประชาสัมพันธ์ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ผ้าและอาหารประกาศผลชิงรางวัลโล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
วันที่ 15 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. ณ สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ดร. ยลดาหวังศุภกิจ โกศล นายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาพร้อมนาง เอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา นาย ไชยนันท์ แสงทองวัฒนธรรมจังหวัดและ คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติร่วมพิธีประกาศผลรางวัลโครงการผลิตสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ผ้าและอาหาร การส่งเสริมต่อยอดสร้างสรรค์ ด้านภูมิปัญญาวัฒนธรรมดำเนินการโดยสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม พัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลลัยราชภัฎนครราชสีมา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ ม.วงษ์ชวลิตกุลโดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชรูปแบบออนไลน์ให้แก่เยาวชนและประชาชนของจังหวัดนครราชสีมา โดยจัดอมรมเมื่อวันที่ 16 ต.ค 2564 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎจังหวัดนครราชสีมา

  1. เพื่อฝึกอบรมผลิตสื่อสารสนเทศรูปแบบออนไลน์ โดยการมีส่วนร่วมของเยาวชนและประชาชนให้ได้มีผู้เข้าร่วม สามารถผลิตสื่อด้านวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราช อย่างสร้างสรรค์และมีเวลาแสดงความรู้ความสามารถด้านการตัดต่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมแก่นักศึกษาและประชาชน
  2. เพื่อพิจารณาคัดเลือกสื่อสารสนเทศดีเด่นเกี่ยวกับวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชที่เยาวชนและประชาชนได้ผลิต เผยแพร่ และมอบรางวัล
    การดำเนินกิจกรรมโครงการนี้แบ่ง 2 ลักษณะ
  3. การอบรมเสริมสร้างความรู้ด้านวัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชบ้านเองและความรู้การเขียนเนื้อหาประกอบบทวีดีทัศน์ ระยะเวลา 1 วัน ผ่านระบบ Zoom online
  4. จัดทำวีดีทัศน์การประกวดขนาดความยาว 3 – 5 นาที / เรื่อง เพื่อชิงโล่รางวัล ท่านอิทธิพล คุณปลื้มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและประธานสภาตามลำดับ
    แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ด้านผ้าและอาหารโคราชมีโล่และเงินรางวัลชนะเลิศจากท่าน อิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและเงินรางวัลรวมกว่า 50000 บาท จากโครงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ผ้าและอาหารได้มีทีมร่วมประกวดจำนวน 29 ทีม จำนวนผู้รว่มการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 87 ท่าน ผ่านรอบแรกบทวีดีทัศน์ประเภทผ้า 13 ทีมและประเภทอาหาร 15 ทีม และรอบสุดท้ายส่งบทวีดีโอได้มีการมอบรางวัลประเภทผ้า 5 รางวัล ได้แก่
  5. ทีม กิตติธัญกุล รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 10000 บาท
    กลุ่มทอผ้าไหมบ้านทับทับสวาย – ผ้าไหมมัดหมี่ลายปูน อ. ห้วยแถลง
  6. ทีม 9644FILM รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 8000 บาท
    กลุ่มทอผ้าเทศบาลตำบลสูงเนิน – ผ้าเงี่ยงนางดำ อ. สูงเนิน
  7. ทีมวัตถาภรณ์ นครโคราช รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 5000 บาท
    วิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านโนนกุ่ม – ผ้ายวน อ. สีคิ้ว
  8. ทีม อารยโชว์ โรงเรียนจระเข้หินสังฆกิจ ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
    สหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรคึมมะอุสวนหม่อม – ผ้าขาวม้าไหมลายโน้ตดนตรี อ.บัวลอย
  9. ทีม Donpharm cup ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
    วิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านถนนคต 9101 ผ้ายวน อ. สีคิ้ว
    และประเภทอาหาร 5 ทีม ที่ได้รับรางวัล ได้แก่
  10. ทีม วัตถาภรณ์ นครโคราช รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 10000 บาท
  1. และประเภทอาหาร 5 ทีม ที่ได้รับรางวัล ได้แก่
    1. ทีม วัตถาภรณ์ นครโคราช รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 10000 บาท
    หมู่บ้านวัตวิถีบ้านน้ำฉ่า – หมี่อ่อนสอดใส้ อ. ขามทะเลสอทีม
  2. 9644 FILM รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 8000 บาท
    ร้านพจน์เป็ดย่างพิมาย – เป็ดย่าง อ. พิมาย

3..ทีม อาหารโคราชรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 8000 บาท
บ้านขนมไทยโคราช – ขนมไทย อ. เมือง

4..ทีม นาย บฤงกฤษฎ์ พิทยาวิวัฒน์กุล ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
กระยาสารทแม่ปราณี – กระยาสารท อ. พิมาย

5.ทีม หนุ่มหน้ามน ได้รับรางวัลชมเชย ได้รับเงิน 3000 บาท
ร้านตำไทบ้าน – ผัดหมี่โคราชอ.เมือง


จากการส่งเสริมผลิตสื่อประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมผ้าและอาหารถือเป็นกิจกรรมส่งเสริมต่อยอดภูมิปัญญาเผยแพร่สู่สาธรณะชนกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนรู้จักผ้าและอาหารโคราชตามมาตรฐานสากลต่อไป

ผู้สมัครนายก… “กล้าคิดกล้าทำ กล้านำพัฒนา “ขวัญใจมวลชน

นาย อุดม สร้อยแสงพันธุ์ ผู้สมัครนายก… “กล้าคิดกล้าทำ กล้านำพัฒนา “ขวัญใจมวลชน อบต.พันชนะเปิดตัวทีมงานเบอร์ 3 เปิดตัวทีมงานบริหารทีมใหม่.  แสดงวิสัยทัศน์ พัฒนาท้องถิ่น นำเสนอผลงานที่ผ่านมา ลงชุมชนทุกหมู่บ้าน 11 หมู่ และชุมชนในพื้นที่อย่างเข้มแข็งกลุ่มพัฒนาก้าวหน้า เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ ในการเปลี่ยนแปลงพัฒนา ขอเสียงสนับสนุนเลือก

 นาย อุดม สร้อยแสงพันธุ์ จากผลงานอดีตประธานสภาอบต.พันชนะ และอดีตคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดนครราชสีมา ขอโอกาสพี่น้องตำบลพันชนะ คนรุ่นใหม่อาสาเป็นนักพัฒนารับใช้ พ่อแม่พี่น้องเสนอนโยบาย กลุ่มพัฒนาก้าวหน้า กล้าคิด กล้าทำกล้า นำพัฒนาขอเป็นนักอาสาเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้ชุมชน ชาวตำบลพันชนะเลือกเบอร์ 3 เพื่อเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพันชนะ ขอพ่อแม่พี่น้องชาวตำบลพันชนะ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ไปเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพันชนะ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 เวลา 8:00 น ถึงเวลา 17.00 น

ผลิตสื่อทางอิเลคโทรนิคโดย…168 นิวส์ออนไลน์ นายโสภณวิชญ์ สงแจ้งเพจ168 นิวออนไลน์

จับกุมเครือข่าย ขบวนการดาวน์รถแลกเงินส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

จับกุมเครือข่ายขบวนการดาวน์รถแลกเงิน ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

ตามบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มายัง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปจร.ตร. และ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตำรวจ ภูธรภาค 3 ปราบปรามจับกุมการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะเรื่องการนำรถไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน

ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภ.3/ผอ.ศปจร.ภ.3 พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.ฯ ปรก.รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา

ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.พรเทพ ทุ้ยแป รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.มณฑล หงษ์กลาง รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.วิชานนท์ บ่อพิมาย สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ต.ชัยพล คงขุนทด สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ต.เกรียงศักดิ์ สุดจิตจูล สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ต.ณัฐพล เฉลิมนพกุล สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา สืบสวนจับกุมคดีดังกล่าว

คดีนี้สืบเนื่องจาก นโยบายของสำนักงานงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปราบปรามจับกุมการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และนโยบายของ พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ให้กวดขันจับกุม รถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นประจำทุกเดือนนั้น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนแสนสุข จ.นครราชสีมา ได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 6 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถจักรยานยนต์ใหม่ ได้ที่ริมถนนท้ายหมู่บ้านปรางค์ครบุรี ต.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ไว้ทำการตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่าเป็นรถที่ถูกลำเลียงมาจาก จ.ชลบุรี จากการสืบสวนขยายผลร่วมกับ กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา สามารถตรวจยึดรถจักรยานยนต์ได้เพิ่มเติมในพื้นที่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ 4 คัน และ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว 4 คัน รวม 14 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นรถที่กำลังลำเลียงจะนำไปส่งยังประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณชายแดน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว

กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ตำรวจภูธรภาค 3

จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบและทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเรื่อยมาจนกระทั่งนำไปสู่การขออนุมัติศาลออกหมายจับ และเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 6 ราย ดังต่อไปนี้

1. นายเสกสรรค์ พันธ์ดี อายุ 39 ปี 13 ม.5 ต.คลองดำหรุ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี (ตัวแทนนายทุนต่างชาติ)

2. น.ส.สรยา โต๊ะยีหวัง อายุ 34 ปี 29/2 ม.14 ต.ดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา (นายหน้า)

3. น.ส.ลำไพร มั่นคง อายุ 45 ปี 344 ม.9 ต.บ้านฝาง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น (ผู้เช่าซื้อ)

4. น.ส.ศุภิสรา สอนเจริญ อายุ 26 ปี 178 ม.12 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว (ว่าจ้าง/จัดหาทีมขน)

5. นายสุทัศน์ สร้อยดั้น อายุ 18 ปี 178 ม.12 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว (หัวหน้าทีมขน)

6. นายพงศ์พัทธ์ ศรีมาตร อายุ 25 ปี 14 ม.8 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว (ทีมขน)

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, สมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดๆซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด อันเป็นความผิดฐานซ่องโจร, หรือร่วมกันรับของโจร”

โดยพบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะของขบวนการดาวน์รถแลกเงิน ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันทำดังนี้ (1) นายทุนต่างชาติ(ประเทศเพื่อนบ้าน) แจ้งยี่ห้อ/รุ่น รถจักรยานยนต์ที่ต้องการ (2) ตัวแทนนายทุนต่างชาติประกาศในสื่อสังคมออนไลน์ รับซื้อ/ดาวน์รถจักรยานยนต์มาแลกเงิน (3) กลุ่มนายหน้าติดต่อกับผู้ที่ต้องการเงินให้มาดาวน์รถฯ (เช่าซื้อ) เพื่อแลกเงิน (4) ผู้เช่าซื้อนำรถฯ ส่งมอบให้กับนายหน้าเพื่อแลกกับเงินที่ต้องการ (5)นายหน้ารวบรวบรถส่งให้กับตัวแทนนายทุนต่างชาติ (6) นายทุนต่างชาติ (ประเทศเพื่อนบ้าน) สั่งการให้ทีมขนดำเนินการนำรถที่รวบรวมมาได้ไปส่งมอบ ณ จุดนัดหมายเพื่อนำข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่าขบวนดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 100 ล้านบาท

จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังอย่าหลงผิดเป็นเหยื่อของขบวนการดังกล่าว โดยไปดาวน์รถให้ผู้อื่นเพื่อแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย แล้วมาแจ้งความว่ารถหายเพื่อเอาประกัน นอกจากจะถูกดำเนินคดีในฐานะผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิดแล้ว ท่านจะต้องถูกดำเนินคดี ข้อหาแจ้งความเท็จฯ อีกด้วย สำหรับบริษัทประกันภัย หรือผู้ให้บริการสินเชื่อ (ลิสซิ่ง/ไฟแนนซ์) หากพบว่าได้รับความเสียหายในลักษณะดังกล่าว ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้ จับกุมยาเสพติด 119,037 เม็ด

ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงผลการจับกุมยาเสพติด 119,037 เม็ด พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินไว้ดำเนินคดี มลูค่า 1,871,000 บาท
.
การจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ตามยุทธการ “พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้” ทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 2 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด จำนวน 12 คดี ผู้ต้องหา 22 คน ของกลางยาบ้า จำนวน 119,037 เม็ด อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน 59 นัด ตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ พ.ศ. 2534 รถยนต์ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 14 คัน รวมมูลค่า 1,871,000 บาท โดยการจับกุมครั้งนี้อยู่ในเขตความรับผิดชอบของพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
.
พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 และ พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดทุกแห่ง ได้ระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วน ระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม สร้างความ สงบสุขให้พี่น้องประชาชน

มทร.อีสาน จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพายัพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา


.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2564 ไปถวายแด่พระสงฆ์ซึ่งจำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดพายัพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 เวลา 14.00 น. โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ มทร.อีสาน เป็นประธานในพิธี
.
พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ อุปนายกสภา มทร.อีสาน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง อดีตอธิการบดี มทร.อีสาน และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา มทร.อีสาน รวมถึงแขกผู้มีเกียรติจาก มทร.อีสาน ทุกวิทยาเขต หน่วยงานราชการในจังหวัดนครราชสีมา และประชาชนในพื้นที่ให้เกียรติร่วมในพิธี โดยมี พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทั้งนี้มีผู้มีจิตกุศลร่วมทำบุญกฐินพระราชทาน ประจำปี 2564 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,281,084.89 บาท
.
สำหรับวัดพายัพเป็นพระอารมหลวงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2220 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งสร้างขึ้นพร้อม ๆ กับเมืองนครราชสีมา โดยวัดตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมือง ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเสาหลักเมือง จึงได้ชื่อว่า ‘วัดพายัพ’ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 วัดที่เก่าแก่ของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้หลังจากที่ได้มีการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ภายในวัด เพื่อเป็นเกียรติแก่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จึงมีพระบรมรูปสมเด็จพระนารายณ์ฯ ในท่าประทับยืนประดิษฐานอยู่ในศาลาทรงไทยอยู่บริเวณด้านหน้าอุโบสถ นอกจากนี้ภายในวัดได้มีการสร้างถ้ำหินงอกหินย้อย ซึ่งมีการรวบรวมพระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองที่มีอายุกว่า 300 ปี ให้ประชาชนได้กราบไหว้ และชมความงามภายในถ้ำด้วย

บุญกฐินสามัคคี วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี

บุญกฐินสามัคคี วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี วันที่ 6 พย.2564 พระครูปลัดภูมิปัญญาญาณสัมปันโนเจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี นิมนต์พระราชภาวนาวชิรคุณ(หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต) วัดเขาตาเงาะ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระครูปลัดภูมิ ปัญญา ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสีและคณะสงฆ์ ร่วมทอดผ้ากฐินได้รับเกียรติประธานสายบุญ พล.อ.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม รองเสนาธิการทหารบก(อดีตแม่ทัพภาค 2 )ประธานฆราวาส ร่วมกับคณะ ศิษย์ยานุศิษย์ วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี ที่มาร่วมงานจำนวนมาก ได้ปฏิบัติตามมาตรกา ป้องกันโควิด 19 กฐินสามัคคี รวมยอดบุญรวมถวายวัด 671,345.50 บาท ในโอกาสบุญนี้ ท่านเจ้าอาวาสได้ให้พรและขอให้ผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ได้รับพรจากพระคุณพระศรีรัตนตรัยอำนวยอวยพร ผู้จิตศรัทธาและครอบครัว มีความสุขความเจริญด้วยอายุวรรณะธนสารสมบัติ สืบไป