งานแถลงข่าวเศรษฐกิจอีสานสัญจร ณ จ.นครราชสีมา ปี 2567

      วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมโคราช 2 โรงแรมเซ็นทารา จังหวัดนครราชสีมา ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) ได้จัดงานแถลงข่าวเศรษฐกิจภาคอีสาน ประจำไตรมาส 1 ปี 2567 หัวข้อ เหลียวหลัง…แลหน้า…เศรษฐกิจการเงินอีสาน

โดยเป็นการแถลงข่าวสัญจรครั้งแรก สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ บทบาทหน้าที่ของ ธปท. ภาคอีสาน ได้แก่

1) จับชีพจรเศรษฐกิจการเงินในพื้นที่ รับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 

2) สร้างองค์ความรู้วิชาการเพื่อตอบโจทย์ในพื้นที่

3) ผลักดันนโยบาย ธปท. ให้กับพื้นที่

4) เป็นตัวกลางความร่วมมือกับทุกภาคส่วน

5) สนับสนุนให้คนอีสานมีความรู้ทางด้านการเงินและเท่าทันภัยการเงิน โครงสร้างเศรษฐกิจภาคอีสาน

 

1) ภาคเกษตรเป็นเส้นเลือดหลักของคนอีสาน มีแรงงานในภาคนี้ถึงร้อยละ 53 ของผู้มีงานทำในภาคอีสาน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีแรงงานเพียงร้อยละ 7

2) ภาคเกษตรส่วนใหญ่พึ่งฟ้าพึ่งฝน และความสามารถในการทำเกษตรลดลง 

3) รายได้ไม่เพียงพอรายจ่ายในภาคครัวเรือน นำไปสู่ปัญหาหนี้ จากโครงสร้างดังกล่าวจึงทำให้เศรษฐกิจภาคอีสานต่างจากประเทศ 

 

         ปี 2566 เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวจากการบริโภคและท่องเที่ยว ขณะที่เศรษฐกิจภาคอีสานหดตัว ตามการบริโภคจากรายได้ที่ลดลงทั้งในและนอกภาคเกษตร หมดมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ และค่าครองชีพยังอยู่ในระดับสูง แม้การท่องเที่ยวฟื้นตัวแต่ช่วยสนับสนุนได้น้อยเพราะมีเพียงไม่เกินร้อยละ 3 ของเศรษฐกิจ เศรษฐกิจภาคอีสาน โดยภาพรวมเศรษฐกิจ ไตรมาส 1 ปี 2567 อ่อนแรงต่อเนื่องจากปี 2566 จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐลดลง ค่าครองชีพในสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคยังอยู่ในระดับสูง และตลาดแรงงานอ่อนแอลงจากผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรลดลง 

         นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณเปราะบางต่อเนื่องจากปี 2566 และกำลังซื้อมีความเปราะบางมากขึ้น ในหมวดสินค้าคงทนโดยเฉพาะรถกระบะหดตัวสูง และยอดขายบ้านในระดับกลางและล่างลดลงต่อเนื่อง จากรายได้ที่ลดลง รวมทั้งความระมัดระวังในการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี มีปัจจัยช่วยพยุงการบริโภคได้บ้างจากผลของราคาผลผลิตเกษตรที่ดี และการท่องเที่ยวที่มีผู้เยี่ยมเยือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2566

         ระยะถัดไป เศรษฐกิจภาคอีสานคาดว่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว จากงบประมาณภาครัฐปี 2567 ที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้หลังไตรมาส 2 ทำให้ภาคการค้า การก่อสร้างตามการลงทุนของรัฐเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 รายได้เกษตรกระจายตัวมากขึ้นจากผลดีของภัยแล้งที่คลี่คลายในช่วงหลังของปี 2567 คาดว่าจะส่งผลดีต่อผลผลิตข้าว การผลิตเพื่อการส่งออกในหมวดอาหารแปรรูปและเครื่องแต่งกายมีแนวโน้มฟื้นตัวดี และการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหม่ ๆ เข้ามากระจายหลายจังหวัดเพิ่มมากขึ้น

พิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างการรับรู้เรื่องพิษภัยของกระท่อม ในเขตเทศบาลนครบครราชสีมา

พิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างการรับรู้เรื่องพิษภัยของกระท่อมในเขตเทศบาลนครบครราชสีมา

วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗ ณ โรงแรมโคราชโฮเต็ล โดย นายประเสริฐ บุญขัยสุข นายกเทศมนตรีนครบครราชสีมา 

เรียน ท่านเทวัญ ลิปดพัลลก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และผู้มีเกียรติทุกท่าน ในนามผู้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการสร้างการรับรู้เรื่องพิษภัยของกระท่อม ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา กระผมขอขอบพระคุณท่านที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นอย่างสูงที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมฯ ในวันนี้

    จากพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายยาเสพติดที่ได้มีการยกเลิกการกำหนดให้พืชกระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่  โดยสามารถนำมาเป็นพืชเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลนั้น ทำให้มีการประกอบการด้านพืชกระท่อมอย่างแพร่หลาย กอปรกับปัจจุบันการเข้าถึงกระท่อมของเด็ก เยาวชน และประชาชนมีแนโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะมีการใช้น้ำต้มใบกระท่อมที่ไม่เหมาะสม มีการผสมสารต่างๆ เข้าไป ทำให้เกิดอาการหลอนทางจิตประสาท เกิดปัญหาต่างๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางสุขภาพ ปัญทาทางสังคม สาเหตุหนึ่งเกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องพืชกระท่อม เช่น กรณีน้ำต้มใบกระท่อมสามารถต้มดื่มทานเองที่บ้านได้แค่ห้ามจำหน่ายจ่ายแจกให้กับบุคคลอื่น และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร หรือการใช้น้ำต้มใบกระท่อม/ใบกระท่อมที่ไม่ถูกวิธี คือ การไม่เอาก้านออกแล้วนำไปต้มในอัตราส่วนที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิดพิษภัยจากกระท่อมตามมา

สำหรับเทศบาลนครนครราชสีมาได้ร่วมกับทีมบูรณาการของจังหวัดนครราชสีมาออกตรวจสถานประกอบจำหน่ายน้ำต้มใบกระท่อม เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ประกอบการให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และในวันนี้สำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครนครราชสีมา ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องให้แก่แกนนำชุมชน และประชาชน จึงจัดการอบรมฯ ครั้งนี้ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แกนนำด้านสุขภาพได้รับรู้และเข้าใจถึง พ.ร.บ.พืซกระท่อม รวมทั้งโทษพิษภัยจากการใช้กระท่อมที่ไม่เหมาะสม เพื่อที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเฝ้าระวังและจัดการสุขภาพภาคประชาชนในชุมชนต่อไป

โคราชเปิดตัวเศรษฐกิจเวลเนสภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง

โคราชเปิดตัวนวัตกรรมเพื่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวโคราช ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเวลเนส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (Korat Wellness Corridor) ทั้ง 5 ด้านอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2565 โรงแรมเดอะเปียโน รีสอร์ท เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมาพลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี มาเป็นประธานเปิดตัวนวัตกรรมเพื่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา โดยมีประธานกฎบัตรสุขภาพ, เลขานุการกฎบัตรไทยและนายกสมาคมการผังเมืองไทย ตลอดจน ภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา อาทิ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดฯ, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดฯ, ททท.สำนักงานจังหวัดนครราชสีมา ตลอดจน ส่วนราชการ, ภาคการศึกษา, 10 องค์กรภาคเอกชน เข้าร่วมในงาน

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า Wellness หรือที่เรียกทั่วไปว่า Anti-Aging เป็นเวชศาสตร์ป้องกันแขนงหนึ่งของการแพทย์คู่กับการรักษาพยาบาล ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันการเจ็บป่วยที่ต้นเหตุ ซึ่งในปัจจุบัน การแพทย์มีวิวัฒนาการเจริญก้าวหน้าขึ้น ส่งผลให้ผู้คนเริ่มหันมาดูแลรักษาสุขภาพร่างกายในขณะที่ยังไม่เจ็บป่วยมากขึ้นด้วย มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีผลต่อการดูแลสุขภาพมาใช้มากขึ้น และเทรนด์ในอนาคต จะมีเรื่อง Wellness รวมอยู่ด้วย เพื่อให้เป็นสังคมที่ประชาชนมีสุขภาพดี ซึ่งในส่วนของจังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีความพร้อมทั้งด้านภูมิศาสตร์ สภาพภูมิอากาศ ด้านอาหาร และภาคส่วนต่าง ๆ ก็มีศักยภาพและมีความพร้อมขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเวลเนส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (Korat Wellness Corridor) ทั้ง 5 ด้านอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ทั้งด้าน Holistic Wellness, ด้าน Functional and personalized Healthcare ,ด้าน Real estate and Workplace Wellness, ด้าน Aesthetic and Anti-Aging และด้าน Digital Wellness and Innovation จึงได้จัดงานเปิดตัวนวัตกรรมเพื่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมาขึ้น

ด้าน ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ. นครราชสีมา กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมา ได้ประสานกับหลายๆ องค์กรจากทุกภาคส่วน ร่วมกันทำเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ค้นหาเอกลักษณ์-อัตลักษณ์ของแต่ละอำเภอ ยกขึ้นมาเป็นจุดเด่น พัฒนาให้เป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม โดยมี สสปน.สำนักงาน ส่งเสริม การ จัด ประชุม และ นิทรรศการ (องค์การ มหาชน) เข้ามาดูแลจัดประกวดเพื่อยกระดับสินค้า และมี ททท.เข้ามาช่วยส่งเสริมด้านการตลาด นำเอเจนซี่เข้ามา เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์สินค้า ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ ส่วนเรื่องการดูแลสุขภาพ ก็เป็นเทรนด์ที่มาแรงมากในช่วงโควิดระบาด ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา มีความพร้อมที่จะเปิดตัวเป็น “เมืองสุขภาพ” และทุกภาคส่วนในจังหวัด ก็พร้อมเข้ามามีส่วนร่วมเดินหน้ากันอย่างเต็มที่

แถลงข่าวเปิดตัวเดอะมอลล์โคราชมาราธอน 2022

แถลงข่าวเดอะมอลล์โคราชมาราธอน 2022 เปิดตัวเส้นทางสร้างมาตรฐาน

จังหวัดนครราชสีมา ผนึกกำลังร่วมกับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป-กองทัพบก-กองทัพอากาศ เตรียมจัดงานวิ่งครั้งยิ่งใหญ่ “เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2022” เชิญชวนนักวิ่งร่วมสัมผัสความประทับใจ ผ่านเส้นทางแลนด์มาร์คประวัติศาสตร์ บนสนามวิ่งมาตรฐานสากลที่ดีที่สุดในถิ่นอีสาน

พิเศษเหรียญรางวัลได้รับแรงบันดาลใจในการดีไซน์เหรียญจาก ลายเฉียงสไบอาภรณ์ของวีรสตรี และลวดลายผ้าไหมโคราช พร้อมเส้นทางวิ่งที่ผ่านแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองโคราช งานจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 6 พ.ย. ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จ.นครราชสีมา

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ที่เดอะมอลล์ โคราช นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พันเอกฉัตรชัย มีชั้นช่วง รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 , นาวาอากาศเอก พีรภัทร เกศวยุธรองผู้บังคับการกองบิน 1 , คุณวรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป และ นายอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพเวิร์ค จำกัด และ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน ร่วมแถลงข่าวจัดการแข่งขันวิ่ง “ เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2022 ” ( THE MALL KORAT MARATHON 2022 ) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ THE MEMORABLE MARATHON ” หรือ “ มาราธอนแห่งความประทับใจ” งานจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2565 ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา

นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับนักวิ่งจากทั่วประเทศไทยที่เดินทางมาร่วมงานวิ่งเดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2022 ในครั้งนี้ โดยทางจังหวัดได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อเตรียมการจัดงานครั้งนี้ให้ออกมาดีที่สุด ตามคอนเซ็ปต์ “THE MEMORABLE MARATHON” หรือ มาราธอนแห่งความประทับใจ ที่นักวิ่งทุกคนจะได้รับความสุขและความทรงจำที่ดีกลับไป ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐานการจัดงาน การปิดถนนเส้นทางวิ่ง รวมถึงยังได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กองทัพบก กองทัพอากาศ และหน่วยแพทย์พยาบาลในจังหวัด ที่จะเข้ามาช่วยคอยดูแลอำนวยความสะดวกอย่างให้นักวิ่งอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าจะมีนักวิ่งจากทั่วประเทศเข้าร่วมมากถึง 6,000 คน ตลอดจนครอบครัว และผู้ติดตามอีกรวมแล้วนับหมื่นคน ทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของผู้คนในจังหวัดตั้งแต่ระดับรากหญ้า และเชื่อว่าจะช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนได้กว่า 36 ล้านบาท

พันเอกฉัตรชัย มีชั้นช่วง รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพกองทัพภาคที่ 2 ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด เราได้ให้การสนับสนุนการจัดงานวิ่ง เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2022 อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในด้านสถานที่ เส้นทางทางการแข่งขัน และเรื่องความปลอดภัยของผู้ที่มาร่วมงาน ตลอดจนอาสาสมัครที่จะคอยดูแลช่วยเหลือตลอดเส้นทางวิ่ง จึงมั่นใจได้เลยว่านักวิ่งทุกคนที่มาร่วมงานจะได้รับความประทับใจกลับไปแน่นอน ทางกองทัพบกหวังว่างานวิ่งครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมการออกกำลังกายของประชาชนและเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ในการดูแลสุขภาพ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้เป็นอย่างดี

คุณวรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมจัดการแข่งขัน เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2022 ซึ่งจะเป็นสนามแข่งขันวิ่งมาราธอนที่ได้มาตรฐานสากลที่ครบเครื่องที่สุดในถิ่นอีสานอีกหนึ่งแห่ง โดยเรายังได้ดึงเอกลักษณ์ และวัฒนธรรมอันโดดเด่นของจังหวัดมาผสมผสาน ทั้งเส้นทางวิ่งที่ผ่านแลนด์มาร์คสำคัญๆที่สวยงาม และมีมนต์เสน่ห์ของเมืองโคราช รวมถึงการออกแบบเสื้อที่ระลึก และเหรียญรางวัลที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลายเฉียงของสไบอาภรณ์ของเหล่าวีรสตรี และลวดลายของผ้าไหมโคราช ที่แสดงถึงความกล้าหาญอันงดงาม ทั้งหมดนี้จะสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจให้กับนักวิ่งทุกคน และจะช่วยส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงกีฬาเพื่อแสดงให้เห็นว่าจังหวัดนครราชสีมาพร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งดำเนินธุรกิจด้าน RETAIL ก็พร้อมเคียงข้างชาวโคราชที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานวิ่งครั้งยิ่งใหญ่นี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นพลิกฟื้นเศรษฐกิจของเมืองโคราชของเราให้กลับคืนมา และนอกจากนั้นในการจัดงานในครั้งนี้เราจะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดงานมอบให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอีกด้วย

นาวาอากาศเอกพีรภัทร เกศวยุธ รองผู้บังคับการกองบิน 1 กล่าวว่า กองทัพอากาศได้ให้ความสำคัญเรื่องการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกายของประชาชนมาโดยตลอด จึงได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในจังหวัดสนับสนุนให้เกิดงานวิ่งเดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2022 ในครั้งนี้ขึ้นมา โดยนอกจากประชาชนจะได้ร่วมออกกำลังกายแล้ว ยังนำมาซึ่งประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งการเผยแพร่ภาพลักษณ์ และสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามของโคราช รวมถึงยังช่วยสร้างงานสร้างรายได้แก่ผู้คนในพื้นที่ ตั้งแต่พ่อค้าแม่ค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก และให้บริการขนส่งด้านต่าง ๆ

นายอลงกรณ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เรซอัพ เวิร์ค จำกัด และผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ได้รับการวัดระยะของเส้นทางการแข่งขันจากสมาคมกรีฑาโลก (World Athletic) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของจังหวัดนครราชสีมา และการรับรองการจัดการแข่งขันจากสมาคมกรีฑาแห่งเอเชียและสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ใพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเป้าหมายในการยกระดับสนามวิ่งแห่งนี้ไปสู่งานวิ่งมาตรฐานในระดับ World Athletics Road Race Label ในปี 2025 ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้จะปล่อยตัวแบบ POINT TO POINT ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และเข้าเส้นชัยที่สวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โดยมีทั้งหมด 4 ระยะทาง คือ มาราธอน 42.195 กม., ฮาล์ฟ มาราธอน 21.097 กม., มินิ มาราธอน 10.55 กม. และไมโคร มาราธอน 5 กม.

ผู้สนใจร่วมแข่งขัน สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2565 หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน ดูรายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.facebook.com/themallkoratmarathon

สานฝันคนรุ่นใหม่สู่บาเร็ตต้ามืออาชีพโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน

ติดอาวุธทางปัญญาสานฝันคนรุ่นใหม่สู่บาริสต้ามืออาชีพ โดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค ๕
ได้รับเกียรติจากนายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานพิธีเปิดฝึกอบรมฝึกอาชีพเสริม หลักสูตรบาริสต้ามืออาชีพ (๓๐ ชั่วโมง)
วันจันทร์ที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๑.๐๐ น.
ณ. ห้อง Cenza Strider ชั้น ๑ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช

นายไพฑูรย์ ถิ่นสูง รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการพัฒนาฝีมือแรงงาน ๕
นครราชสีมา ในนามของการฝึกฝึกอบรม กล่าวรายงาน การฝึก
อาชีพเสริม หลักสูตรบาริสต้ามืออาชีพ ในวันนี้
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มีภารกิจในการฝึกทักษะอาชีพ พัฒนาศักยภาพแรงงาน
ของคนทุกกลุ่มให้มีทักษะในการทำงาน หรือการประกอบอาชีพอิสระ โดยมีหน่วยงานปฏิบัติในพื้นที่
ได้แก่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ ดำเนินการสนับสนุน
ส่งเสริมพร้อมทั้งเปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายเข้ารับการฝึกอาชีพสาขาต่าง ๆ ซึ่งการเปิดฝึกอบรมใน
วันนี้ เป็นโครงการฝึกอบรมแรงงานกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ
ประกอบด้วยแรงงานนอกระบบ ผู้ว่างงานและผู้สนใจประกอบอาชีพอิสระ โดยมีวัตถุประสงค์
เพื่อฝึกอาชีพเพิ่มทักษะให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะฝีมือแรงงาน
เพื่อสร้างความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ สามารถพึ่งพาตนเองได้ จึงกำหนดจัดฝึกอบรมหลักสูตร
การฝึกอาชีพเสริม สาขา บาริสต้ามืออาชีพ ระยะเวลา ๓ㅇ ชั่วโมง โดยทำการอบรมระหว่างวันที่
๒๕ – ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ รวม ๕ วัน จำนวน ๒๕ คน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา
นครราชสีมา ซึ่งผลที่คาดว่าจะได้รับ ผู้ผ่านการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ ทักษะที่ได้รับไปสร้าง
โอกาสในการประกอบอาชีพ มีงานทำในระบบการจ้างงาน และการประกอบอาชีพอิสระ แบ่งเบา
ภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว สร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเอง
สร้างเศรษฐกิจภายในครอบครัว เข้มแข็งต่อไป

อบจ.โคราช แถลงข่าวการจัดมหกรรมการจัดการศึกษา 65 พร้อมเสวนาร่วมภาคีด้านการศึกษา เจาะประเด็น “อนาคตทางการศึกษาโรงเรียนสังกัด อปท.”

วันที่ 20 มิถุนายน 2565 เวลา 14.00 น. องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จัดงานแถลงข่าวจัดมหกรรมการจัดการศึกษาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และ เสวนา “ขับเคลื่อนอนาคตทางการศึกษาของโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” โดย นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. นครราชสีมา ผศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นายพงษ์พิมล คำลอย ผอ.สำนักการศึกษาฯ และ ตัวแทนนักเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมเสวนา ณ ห้อง Strider Bike ชั้น 1 เซ็นทรัล โคราช


มหกรรมการจัดการศึกษาฯ เน้นการจัดนิทรรศการแสดงผลงานทางการศึกษาและจัดการแข่งขันทักษะทางวิชาการ กว่า 100 กิจกรรม ที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถของระบบการจัดการศึกษาท้องถิ่นที่ดี มีมาตรฐานนำไปสู่การยกระดับการศึกษาที่พัฒนาความรู้ ความสามารถของนักเรียน อย่างรอบด้าน ทั้งสติปัญญา คุณธรรม จริยธรรม พร้อมส่งเสริมความเป็นเลิศเฉพาะด้าน เพื่อให้นักเรียนได้เติบโตขึ้นมีอนาคตที่ดี ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้โรงเรียนในสังกัดฯ เห็นความสำคัญของการจัดการศึกษามากขึ้น นำไปสู่การพัฒนากระบวนการจัดการศึกษาเพื่อเกิดประโยชน์ ต่อ ผู้เรียนต่อไป

โดยการจัดกิจกรรมดังกล่าวฯ เน้นการแข่งขันทักษะทางวิชาการของครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนในสังกัด อบจ.นครราชสีมา ส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการ ศิลปะ ดนตรี กีฬา นันทนาการ โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ และการจัดกิจกรรมการแสดงบนเวที ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้

จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัด อบจ. ครบทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เพื่อให้ครูและนักเรียนแสดงออกถึงศักยภาพและความสามารถอย่างเต็มที่ เพราะตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นโดยหลังจากจบงานมหกรรมการศึกษาภายในของ อบจ. นักเรียนที่ชนะเลิศในกิจกรรมต่างๆ จะได้รับโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมการศึกษาในระดับจังหวัด ไปจนถึงระดับประเทศ ซึ่งงานมหกรรมการจัดการศึกษาฯ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 23 มิถุนายน 2555 ณ ห้องโคราชฮอลล์ 1 – 2 ชั้น 4 และสถานที่ในบริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

“อบจ.นครราชสีมา ได้ขับเคลื่อนด้านการบริหารจัดการการศึกษาโรงเรียนในสังกัดทั้ง 58 แห่ง เพื่อให้เกิดแนวทางพัฒนาการศึกษาของ อบจ.นครราชสีมา ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้ทันยุค ทันสมัย อีกทั้งได้นำระบบเทคโนโลยีด้านการศึกษาเข้ามายังโรงเรียน มีระบบข้อมูลแบบ BIG DATA มี โครงการอบรมหลักสูตรด้านการศึกษาใหม่ๆ ให้กับบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และอีกหลาย โครงการที่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น ฉะนั้น การเสวนาครั้งนี้ ให้ดียิ่งขึ้น ฉะนั้น การเสวนาครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้มาพูดคุยผ่านการเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ ก็จะทำให้สามารถมอง ภาพได้ชัดเจนว่าหลังจากนี้จะเพิ่มเติมจุดไหนอย่างไร เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้เรียนเป็นสำคัญ เรา ต้องการที่จะเห็นการศึกษาของท้องถิ่นมีการพัฒนาที่ก้าวหน้าและมั่นคงไม่แพ้ที่ใด อบจ.จึงมุ่งมั่นที่จะให้มี การพัฒนาหลักสูตรต่างๆ ที่จำเป็น เราอยากเห็น “การเรียนเพื่อให้เกิดการสร้างคนคุณภาพ” เราอยากเห็น “การเรียนเพื่อให้เกิดการสร้างอาชีพที่มั่นคง” ที่ผ่านมา อบจ.บูรณาการร่วมกับ มหาวิทยาลัย ทั้ง 4 แห่งของ จังหวัดนครราชสีมา รวมถึง วิทยาลัยการอาชีพ เพื่อต่อยอดด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาและสายอาชีพ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นตามทิศทางและเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ให้ ประสบความสำเร็จและเต็มศักยภาพ”

พิธีเปิดงานโครงการขับเคลื่อน “วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง

พิธีเปิดงานโครงการขับเคลื่อน “วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง (มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ) รักเตรียมพร้อมเพื่อครอบครัวคุณภาพ ชีวิตสมดุล ครอบครัวคุณภาพ และเด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก” ในวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ณ วาไรตี้ ฮอลล์ (หน้า MCC HALL) ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงานโครงการขับเคลื่อน “วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง (มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ) รักเตรียมพร้อมเพื่อครอบครัวคุณภาพ ชีวิตสมดุล ครอบครัวคุณภาพ และเด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก”

นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงานว่า “จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าอัตราการเพิ่มประชากรของประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปี 2536 – 2564 มีเด็กเกิดใหม่ลดลงจาก 900,000 คนถึง 1,000,000 คน ลดลงเหลือ 544,000 คน ในปี 2564 และปี 2556-2557 หญิงวัยเจริญพันธุ์มีภาวะโลหิตจาง ร้อยละ 22.7 เกินเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้มีผลต่อสุขภาพ เช่น เวียนศีรษะ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ติดเชื้อง่ายขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ยังส่งผลต่อการตั้งครรภ์ในอนาคต ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อย ความพิการแต่กำเนิด หากมีภาวะโลหิตจางอย่างรุนแรงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของมารดาและทารกได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมอบนโยบายวิวาห์สร้างชาติ เพื่อพัฒนาคุณภาพประชากร

นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวเปิดงานว่า “
จากคำกล่าวรายงานของนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา การขับเคลื่อน การดำเนินงาน วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง (มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ) เพื่อส่งเสริมให้หญิงวัยเจริญพันธุ์ จังหวัดนครราชสีมา ที่มีความพร้อมในการมีบุตร มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ โดยการส่งเสริมให้มีโภชนาการที่ดี และเสริมด้วยวิตามินธาตุเหล็กและโฟลิก อันจะส่งผลดีต่อการเพิ่มจำนวนการเกิดเพื่อทดแทนจำนวนประชากร และการเกิดทุกรายมีความพร้อม มีการวางแผน และทารกเกิดแข็งแรง พร้อมเติบโตอย่างมีคุณภาพ ลดความพิการแต่กำเนิด เด็กมีพัฒนาการสมวัย สามารถเจริญเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป และการประชุมครั้งนี้จะได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายให้เกิดขึ้นจริงในจังหวัดนครราชสีมาจากทุกภาคส่วน ตามนโยบายส่งเสริมการเกิดและการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อยด้อยคุณภาพ ตามนโยบายรัฐบาลต่อไป ผมขอแสดงความชื่นชม ที่ได้เห็นทุกภาคส่วน ได้ร่วมแรงร่วมใจในการจัดงานและร่วมประชุมเพื่อพัฒนาการดำเนินงานร่วมกัน และขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ร่วมมือกันเป็นอย่างดียิ่ง”

ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ประชุมที่ปรึกษา คณะกรรมการสภาวัฒนธรรม จ.นครราชสีมาและเครือข่าย…..

วันที่ ๑๑ กุมกาพันธ์ ๒๕๖๕ เวลา ๑๓ 00-๑๕.00 น.ณ ห้องประชุม สนง.การท่องเทียวและกีฬาจังหวัดนครราชสิมา โดยนางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและผู้เข้าร่วมงาน ก่อนหน้านั้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้เดินทางมาถึง และในการต้อนรับโดย คณะกรรมการสภาวัฒนธรรม ได้ทำการมอบดอกกุหลาบสีแดง ให้คนละ 1ดอก เนื่องจากที่อีกไม่กี่วันจะถึง14กุมภาวาเลนไทน์
ต่อจากนั้นด้านนางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา มอบประกาศยกย่องเชิดซูเกียรติผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม และเรียนเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา มอบเข็มเชิญซูเกียรติแก่ผู้มีผลงานดีเด่น จากหน่วยงานต่างๆในระดับประเทศและกล่าวมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม แก่คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมชุดใหม่ มอบของที่ระลึก และบันทึกภาพกิจกรรมร่วมกันกับนายวิเชียร จันทรโณทัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้เดินทางมาถึง และในการต้อนรับโดย คณะกรรมการสภาวัฒนธรรม ได้ทำการมอบดอกกุหลาบสีแดง ให้คนละ 1ดอก เนื่องจากที่อีกไม่กี่วันจะถึง14กุมภาวาเลนไทน์
ต่อจากนั้นด้านนางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา มอบประกาศยกย่องเชิดซูเกียรติผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม และเรียนเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา มอบเข็มเชิญซูเกียรติแก่ผู้มีผลงานดีเด่น จากหน่วยงานต่างๆในระดับประเทศและกล่าวมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม แก่คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมชุดใหม่ มอบของที่ระลึก และบันทึกภาพกิจกรรมร่วมกันกับนายวิเชียร จันทรโณทัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาในการเปิดประชุมวาระ1/2565 โดยมีรายละเอียดดังนี้
ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ


๑.๑ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ นายวิเชียรจันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและผู้เข้าร่วมประชุม
๑.๒ ชมวีดีทัศน์ สรุปผลการดาเนินงานของสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาปี ๒๕๕๙ – ๒๕๖๘
๑.๓ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม และเรียนเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
มอบเข็มเชิญชูเกียรติแก่ผู้มีผลงานดีเด่น จากหน่วยงานต่างๆในระดับประเทศ
กล่าวมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม แก่คณะกรรมการสภา
วัฒนธรรมชุดใหม่
มอบของที่ระลึก และบันทึกภาพกิจกรรมร่วมกันกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
ระเบียบวาระที่ ๒ รับรองรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว
ไม่มี
ระเบียบวาระที่ ๓ เรื่องเพื่อทราบ
๓.๑ ด้วยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้อนุมัติโครงการเพื่อขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมของจังหวัดนครราชสีมา ปีงบประมาณ ๒๕๖๔ จานวน ๓ โครงการ ได้แก่
โครงการผลิตสื่อออนไลน์ เพื่อการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชบ้านเอง จานวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท
โครงการเล่าขายประวัติศาสตร์นครราชสีมา ผ่านนามสกุลคนโคราชจำนวนเงิน ๒๑๐,๐๐๐ บาท
โครงการหมู่บ้านพืชผักสวนครัวเกษตรอินทรีย์ ๕ ดี วิถีคนโคราชจำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท
ซึ่งสภาวัฒนธรรมได้ดาเนินการไปแล้วทั้ง ๓ โครงการ พร้อมทั้งรายงานผลการดาเนินงานโครงการไปยังกรมส่งเสริมวัฒนธรรมทั้ง ๓ โครงการ และในปีงบประมาณ ๒๕๖๕ กรมส่งเสริมได้อนุมัติโครงการให้สภาวัฒนธรรม
ดำเนินโครงการ ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการ จัดทาชุดองค์ความรู้วิถีคนโคราช “กิ๋นเป็นยา” เพื่ออนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น (นำเสนอโดยเลขาสภาวัฒนธรรม)
ระเบียบวาระที่ ๔ เรื่องเพื่อพิจารณา
๔.๑ การแต่งตั้งที่ปรึกษาสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ปี ๒๕๖๕-๒๕๖๘
๔.๒ การแต่งตั้งประธานกลุ่มอาเภอ โดยสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา
แบ่งเป็น ๖ กลุ่มอาเภอ ดังนี้
กลุ่มที่ ๑. ๖ อาเภอ ได้แก่ เมืองนครราชสีมา, สีคิ้ว,สูงเนิน,ปากช่อง,เฉลิมพระเกียรติ,ขามทะเลสอ
กลุ่มที่ ๒. ๕ อาเภอ ได้แก่ โชคชัย,ปักธงชัย,วังน้าเขียว,ครบุรี,เสิงสาง
กลุ่มที่ ๓. ๖ อาเภอ ได้แก่ พิมาย,ชุมพวง,โนนแดง,ประทาย,ลาทะเมนชัย,เมืองยาง
กลุ่มที่ ๔. ๕ อาเภอ ได้แก่ โนนสูง,จักราช,ห้วยแถลง,หนองบุญมาก,โนนไทย
กลุ่มที่ ๕. ๔ อาเภอ ได้แก่ ด่านขุนทด,เทพารักษ์,พระทองคา,ขามสะแกแสง
กลุ่มที่ ๖. ๖ อาเภอ ได้แก่ บัวใหญ่,บัวลาย,สีดา,แก้งสนามนาง,คง,บ้านเหลื่อม
๔.๓ การมอบหมายคณะทางานตามโครงสร้างสภาวัฒนธรรม ปี ๒๕๖๕
๔.๔ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาตามบทบาท
หน้าที่และภาระงานของสภาวัฒนธรรม
๔.๕ พิจารณาข้อบังคับของสภาวัฒนธรรม ปี ๒๕๖๕-๒๕๖๘

PEA เดินหน้าวางระบบไฟฟ้าลงดิน 1 จังหวัด 1 ถนนเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นรูปแบบประชาพิจารณ์ เพื่อเดินหน้าโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน 1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

วันที่ 17 ธันวาคม 2554 เวลา 13.00 น. ที่วัดพระนารายณ์มหาราช จังหวัดนครราชสีมา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา เทศบาลนครนครราชสีมา จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในรูปแบบประชาพิจารณ์ โครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน 1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ในพื้นที่เทศบาล นครนครราชสีมา เส้นถนนจอมพล ตั้งแต่บริเวณสี่แยกศาลหลักเมือง ถึง สี่แยกตัดประตูพลล้าน ระยะทางประมาณ 800 เมตร งบประมาณ 45,618,000 บาท

เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ ตามมติคณะกรรมการ กฟภ. ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 เห็นชอบให้ กระทรวงมหาดไทยและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จัดทำโครงการปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นระบบไฟฟ้าใต้ดิน 1 จังหวัด 1 ถนน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ

เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ซึ่งในส่วนของจังหวัดนครราชสีมา ได้เลือกพื้นที่ดำเนินการบนถนนจอมพล ช่วงบริเวณสี่แยกศาลหลักเมือง ถึง สี่แยกตัดประตูพลล้าน โดยคาดหวังให้ภูมิทัศน์ของเทศบาลนครนครราชสีมาของเรา มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามและช่วยส่งเสริม ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมา

นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ถึงกล่าวถึงผลกระทบและมาตรการป้องกันผลกระทบในเรื่องของ การจราจร (เนื่องจากแนวท่อร้อยสายไฟฟ้าและบ่อพักสายจะอยู่บริเวณถนน จึงจำเป็นจะต้องปิดการจราจรถนน 1 ช่องทางเป็นบางช่วง) จะมีเสียงรบกวนจากการก่อสร้าง ซึ่งระดับความดังของเสียงจะอยู่ในระดับที่กฎหมายกำหนด ในด้านฝุ่นละออง (จะมีฝุ่นละอองที่เกิดจากการก่อสร้าง ซึ่งจะควบคุมให้อยู่ในระดับที่กฎหมาย กำหนด) ส่วนร้านค้าแผงลอยบนทางเท้า (การก่อสร้างบางส่วนจะอยู่บริเวณทางเท้า มีความจำเป็นที่ต้องเปิดทางเท้า เมื่อแล้วเสร็จจะคืนสภาพผิวให้เหมือนเดิม)

ทั้งนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ประสานงานร่วมกับเทศบาลนครนครราชสีมาและจังหวัดนครราชสีมา กำชับผู้รับจ้างให้ใช้ความระมัดระวังในการขนส่งวัสดุก่อสร้าง และติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ เพื่อให้ประชาชน หลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง และอาจรวมถึงให้ช่วยทำความสะอาดพื้นถนน เพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่เกิดขึ้น

นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภายในระยะเวลา 365 วัน หลังจากที่เริ่มโครงการ เมื่อสายไฟฟ้าลงสู่ใต้ดินแล้ว ระบบจำหน่ายไฟฟ้าจะมีความมั่นคงด้วยระบบสายไฟฟ้าใต้ดิน ช่วยเสริมสร้างความมั่นคง ปลอดภัย ของระบบไฟฟ้า ลดปัญหาไฟฟ้าตกหรือไฟฟ้าดับจากภัยธรรมชาติและอุบัติภัยต่างๆ รวมถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก เช่น อุบัติเหตุจากรถชนเสาไฟฟ้า ฝนตกลมแรง ซึ่งอาจพัดกิ่งไม้ หรือป้ายโฆษณามาเกี่ยวสายไฟฟ้า ทำให้เกิดความเสียหายและความอันตรายได้ อีกทั้ง รองรับการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ด้วยระบบสายไฟฟ้าใต้ดิน มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบสายไฟฟ้าอากาศ จึงสามารถรองรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสังคมเมือง และนับวันการใช้ไฟฟ้า ยิ่งมีบทบาทกับเรามากขึ้น และช่วยทำให้ ทัศนียภาพสวยงามด้วยประเทศไทยเป็นประเทศท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นสิ่งสำคัญ PEA จึงเร่งนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน เพื่อทัศนียภาพที่สวยงาม อีกทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีสู่สายตา ชาวต่างชาติ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมา ในนาม PEA ขอขอบคุณ จังหวัดนครราชสีมา ขอบคุณเทศมนตรีนครนครราชสีมา ขอบคุณตำรวจภูธร และทุกภาคส่วน รวมถึงสื่อมวลชน ประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมาทุกท่านที่ให้การความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงานของ PEA และที่ขาดไปไม่ได้ ขอบคุณ ผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมที่มีแผนนำสายสื่อสารลงสู่ใต้ดิน ให้แล้วเสร็จในช่วงระยะเวลาดำเนินการของ PEA”

โคราช พร้อม รับนักท่องเที่ยวตามมาตรฐาน SHA+

THAILAND

Amazing

วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

โคราช พร้อม รับนักท่องเที่ยวตามมาตรฐาน SHA+

ตามนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล ครม เห็นชอบการเตรียมพร้อมสำหรับเปิดรับนักท่องเที่ยว

ต่างชาติผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาต เช่น มาจากประเทศที่ได้รับการอนุญาตหรือมีหนังสือ

รับรอง และหลักฐานการลงทะเบียนการเดินทางที่ชัดเจน มีการตรวจยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อโควิด หลักฐานแสดงว่า

ครบ การชำระที่พัก รวมทั้งมีหลักฐานแสดงว่ามีกรมธรรม์หรือประกันภัยสุขภาพ ตามที่ ศบค

เปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว/ไม่จำกัดพื้นที่ ยึดหลักคนไทยปลอดภัยต่างชาติมั่นใจ ซึ่งจังหวัดนครราชสีมามี

ไทม์ไลน์ ที่จะเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ นี้ มีการกำหนดพื้นที่นำร่องเปิดเมืองก่อนใน

๖ อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากช่อง อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอพิมาย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอสีคิ้ว และ

อำเภอวังน้ำเขียว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการจัดเตรียม

มาตรการต่างๆ รวมถึงนำมาตรฐาน SHA และ SHA Plus มาใช้ในสถานประกอบการท่องเที่ยว เพื่อให้ชาวโคราชมี

ความปลอดภัยและนักท่องเที่ยวปลอดภัย

นางภาวนา ประจิตต์ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน

นครราชสีมา กล่าวว่า โคราชพร้อมเปิดเมือง ต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐาน sha+ เพื่อเป็นการการประกาศ

ความพร้อมสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ภายหลังจาก ศบค.มี

มติให้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีการผ่อนคลายมาตรการ กิจกรรมต่างๆ โดยให้ร้านอาหารในพื้นที่

ท่องเที่ยว สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่จะต้องได้รับตราสัญลักษณ์ตามโครงการมาตรฐานความปลอดภัย

ด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety and Health Administration (SHA) เพื่อสร้างความเชื่อมั่น

และมั่นใจให้กับผู้ที่มาใช้สินค้าและบริการดังกล่าว สำหรับโครงการ SHA ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ จาก

ผลกระทบจากโรคโควิต-๑๙ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ดำเนินโครงการโดยการ

ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรม

ท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อม และดำเนินการปรับปรุง

สถานประกอบการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ (New normal) เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ควบคู่กับมาตรการด้านสุขอนามัย

SHA คือ ตราสัญลักษณ์ที่ผู้จัดทำโครงการตั้งใจให้เปรียบเสมือนได้ถึงความมั่นใจในความ

ปลอดภัยด้านสุขอนามัย จากสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทไทย โดยเป็นโครงการที่ได้รับการ

ร่วมมือจากหลายๆ ภาคส่วน นั่นก็คือ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุน

บริการสุขภาพ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงาน

ภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งคำว่า SHA ย่อมาจากคำว่า Amazing Thailand Safety and

Health Administration มีจุดมุ่งหมายของโครงการคือ เพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการ และกิจกรรมต่างๆ ได้

พัฒนาตัวเอง เตรียมความพร้อมสู่วิถีชีวิต New Normat และนำไปสู่การ ลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่

ระบาดของโรคไวรัส Covid-19 และยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย ส่วน SHA+

คือตราสัญลักษณ์ใหม่จากโครงการโดยได้เริ่มต้นตั้งแต่ ต กรกฎาคม ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา ซึ่งมีการนำร่องที่จังหวัด

ภูเก็ต โดยมีเงื่อนไขคือ สถานประกอบการนั้นๆ ต้องได้รับเครื่องหมายมาตนฐาน SHA และบุคลากรในสถาน

ประกอบการอย่างน้อย ๗๐% ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ b เข็ม จึงจะได้รับ SHA Plus