เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่..บ้านเทวาลัยเทพตะเคียนทอง อ.ปากช่อง โคราช

เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่..บ้านเทวาลัยเทพตะเคียนทอง อ.ปากช่อง โคราช
เทวาลัยเทพตะเคียนทอง
บ้านโนนป่าติ้ว ต.หนองสาหร่าย
อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่  บ้านเทวาลัยเทพตะเคียนทอง  อ.ปากช่อง  จ.นครราชสีมา   มหาเทพ พลังศรัธา เทพแห่งความสำเร็จ  พระพิฆเนศ ปาง 5 เศียร  น้ำหนัก  20 ตัน  ความสูงขนาด  11.5 เมตร แกะสลักด้วยไม้ตะเคียนทอง

ต้นปี2563นี้ สล่าล้านนาฝีมือขั้นเทพ6คน แห่งอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่  นำโดย สล่าวงศ์ทอง ประสงค์ทรัพย์  จะบรรลุผลงานระดับโลกชิ้นสำคัญนั่นก็คือ”พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ”ที่แกะสลักด้วยโคตรไม้ตะเคียนทองอายุนับพันปี

ขนาดของพญาช้างเอราวัณ(สามเศียร)ยาว11.5 เมตร กว้าง5เมตร สูง7.5เมตรเมื่อพระอินทร์ประทับบนหลังช้างจะเป็นความสูงรวม11.5เมตร น้ำหนักราว75ตันเฉพาะงวงยาว3.5เมตร งายาว2.65เมตรโคนงาเส้นผ่านศูนย์กลาง 11นิ้ว ทั้งเศียร งวงและงา เพียงเศียรเดียวรวมกันหนักราว5-6ตัน  ฝ่าเท้าช้างเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบหนึ่งเมตร  เส้นรอบวงฝ่าเท้าช้างยาว 280ซม. เศียรแรกแกะสลักเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แบบแล้ว  อีกสองเศียรจะเสร็จภายในปีนี้ขณะนี้ทีมช่างกำลังบรรจงแกะแต่งริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังพญาช้างให้เหมือนจริงที่สุด
ดุจพญาช้างดึกดำบรรพ์ที่มีอายุนับพันปี  มีสัญญาณบอกเหตุว่า  ปฏิมากรรมแกะสลัก”พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ”ชิ้นนี้  จะประทับที่ใจกลางกรุงเทพมหานครฯ  เพื่อเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง และเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินผู้ใดมีส่วนร่วมสร้าง
หรือแม้แต่กำลังใจที่ส่งไปให้  ขอจงได้รับผลานิสงส์ผลบุญให้ท่านได้มีความสุข ได้รับผลสำเร็จในทุกมิติของชีวิต   มีสรีระร่างกายที่สง่างาม มีบารมี มีสุขภาพแข็งแรง   อายุยืนดุจพญาช้างเอราวัณด้วยเทอญ

 

Cr: ภาพ  เข้ม มฤคพิทักษ์

‘Dusit D2 Khao Yai’ โรงแรมหรู ล้อมรอบด้วยมนต์เสน่ห์ขุนเขา จัดโปรโมชั่นต้อนรับเดือน พ.ค. สุดพิเศษ

สัมผัสวิวสวย Dusit D2 Khao Yai’  โรงแรมหรู ล้อมรอบด้วยมนต์เสน่ห์ขุนเขา

                ‘โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่’ หรูหรา เงียบสงบ ล้อมรอบด้วยขุนเขา พร้อมด้วยกิจกรรม activity ครบรสด้วยอาหารชั้นเลิศทั้งไทยและยุโรป สุดพิเศษจองห้องพักกับโปรโมชั่นห้องพักแบบดีลักซ์ในราคาสุดพิเศษเพียง 2,700 บาท พร้อมเครื่องดื่ม mocktail จำนวน 2 แก้ว ตั้งแต่วันนี้- 30 พฤษภาคม 2562  

วันนี้ ‘โคราชอินไซด์’ จะมารีวิว ‘โรงแรม Dusit D2 Khao Yai’ (ดุสิตดีทู เขาใหญ่) ที่ได้มาพักช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ของจริงไม่ต้องพูดเยอะมาดูกันเลยดีกว่า เข้ามาส่วนแรกก็เป็นโซน Lobby มาเช็คอินกันก่อนเลย ที่นี่จะตกแต่งโดยใช้โทนเข้มนิดๆ เน้นลายหินอ่อนที่โต๊ะเช็คอินรวมๆแล้วถือว่าสบายตาเลยที่เดียว Lobby ที่นี่ไม่ได้ใช้แอร์ แต่ใช้ลมธรรมชาติโบกสะบัดได้รับอากาศธรรมชาติบริสุทธิ์ ด้านข้างของ Lobby ก็มีสระว่ายน้ำซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ เป็นสระว่ายน้ำที่มองเห็นเขาใหญ่ประมาณ 180 องศา ระหว่างรอพนักงานก็มีน้ำอัญชันเย็นๆมาเสิร์ฟให้ดื่มเพิ่มความสดชื่นอีกด้วย โดยรวมพื้นที่ของโรงแรมมีขนาดใหญ่พอที่จะเห็นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้เต็ม 2 ตา โรงแรมแห่งนี้วิวแบบนี้ช่างอลังการสุดๆ มองวิวงามตาพาฝันจินตนาการได้อย่างมีความสุข

ห้องพักโมเดิร์นเรียบหรู

ห้องพักที่นี่มีทั้งหมด 3 ประเภท 1. ห้องดีลักซ์ จัดเตรียมให้แก่แขกผู้มาพักเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจและเพื่อการพักผ่อน ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านที่หรูหราและอบอุ่น ประกอบด้วย เตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ หรือเตียงคู่ไว้ให้เลือก พร้อมกับทีวีแอลซีดี อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการชงชา/กาแฟ และอ่างอาบน้ำขนาดห้อง 36 ตารางเมตร 2. ห้องดีลักซ์ พลัส จัดเตรียมให้แก่แขกผู้มาพักเพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจและเพื่อการพักผ่อน ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านที่หรูหราและอบอุ่น ประกอบด้วย เตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ หรือเตียงคู่ไว้ให้เลือก พร้อมกับทีวีแอลซีดี เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการชงชา/กาแฟ และอ่างอาบน้ำ รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องน้ำ (เครื่องเป่าผม เสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะสวมภายในห้อง และชุดเครื่องอาบน้ำต่างๆ ) ขนาดห้อง 36 ตารางเมตร 3.ห้องสวีท D’Corner ความโดดเด่นของห้องสวีท D’Corner คือทิวทัศน์ แบบพาโนรามา ของเทือกเขาใหญ่จากหน้าต่างแบบพื้นจรดเพดาน ซึ่งยาวสุดขอบของห้องพัก ห้องสวีทขนาด 1 ห้องนอนเหล่านี้ จะประกอบด้วย ห้องนอนขนาดใหญ่ มีหมอนบุด้วยขนนก ผ้าปูที่นอนลินินเนื้อดี ผ้านวมเนื้อนุ่ม ทีวีจอแอลซีดี ในส่วนของห้องนั่งเล่นที่สะดวกสบาย ประกอบด้วย โซฟา โต๊ะกาแฟ เก้าอี้และโต๊ะทำงาน พร้อมห้องแต่งตัว คุณจะได้รื่นรมย์กับทิวทัศน์ของเทือกเขาได้จากอ่างอาบน้ำที่เป็นการเพิ่มระดับความผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ ขนาดห้อง 72 ตารางเมตร

(และพิเศษ) ห้องสวีท Duplex ที่น่าตื่นตาตื่นใจ แยกพื้นที่สำหรับการพักผ่อนและการผ่อนคลายออกจากกัน โดยชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ในส่วนของห้องนั่งเล่นซึ่งถูกตกแต่งเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย อาทิเช่น โซฟา โต๊ะกาแฟ โต๊ะทำงานและทีวีจอแอลซีดี แต่เมื่อขึ้นบันไดไปอีกชั้นหนึ่งจะกลายเป็นห้องนอนที่สะดวกสบายอีกห้องหนึ่ง ที่มีหมอนบุด้วยขนนก ผ้าปูที่นอนลินินเนื้อดี ผ้านวมเนื้อนุ่ม และหน้าต่างที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาของเทือกเขาใหญ่ ห้องสวีท Duplex จะมีห้องน้ำ 2 ห้อง โดยห้องน้ำชั้นบนจะมีอ่างอาบน้ำที่จะสามารถช่วยให้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ขนาดห้อง 69 ตารางเมตร

5 เมนูA La Carte – จุใจบุฟเฟ่ต์มื้อเช้า

                ทางด้าน คุณเพชรรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปห้องอาหารมูสิ กริล โรงแรม Dusit D2 Khao Yai’ ดุสิตดีทู เขาใหญ่ เผยว่า นอกจากที่พักและบรรยากาศที่ดีแล้วที่นี่เรายังมีบริการอาหารมื้อเย็นโดยเฉพาะเมนู A La Carte dinner ที่ทุกคนมาแล้วต้องมาลองมี 5 เมนูแนะนำ คือ 1. ผัดไทยเส้นจันท์กุ้งสด รสเข้มข้นถึงเครื่องผัดไทยโบราณหอมอ่อนๆกลิ่นกระทะ  2. สเต็กหมูพร์อคช็อพ เนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำ 3.ซีซ่าสลัด รสกลมกล่อม 4.ชุดหมูสะเตะและของทอดพร้อมเครื่องจิ้ม 4 รส  5.พิซซ่าอิตาเลียน แป้งบางกรอบ ทานคู่กับซอสพริกหรือซอสมะเขือเทศเข้ากันได้ดี  ถือเป็นเมนูเด็ดที่ลูกค้ามาแล้วต้องมาลิ้มชิมรส  นอกจากนี้ทางโรงแรมของเรายังมีบริการห้องร้องคาราโอเกะให้ได้ผ่อนคลายและสนุกสนานอีกด้วย ขณะที่ในช่วงเช้าทางห้องอาหารยังมีบริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าให้แก่ลูกค้าทุกท่านที่มาพักให้เลือกรับประทานมากมายหลากหลายตั้งแต่เวลา 06.00 – 10.30 น.

ลูกค้าจองแน่นทั้งปี   

คุณครองยศ พิริยพฤทธิ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่ ให้สัมภาษณ์ว่า โรงแรมดุสิต ดีทู เขาใหญ่ มีห้องพักตั้งแต่ขนาดมาตรฐานไปจนถึงห้องสวีทที่กว้างขวาง ตกแต่งแบบทันสมัยทั้งหมด 79 ห้อง มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งพร้อมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ปัจจุบันโรงแรมดุสิตดีทูเขาใหญ่ เปิดบริการมาได้กว่า 2 ปีแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว ชอบธรรมชาติ ความเงียบสงบและการพักผ่อนอย่างแท้จริง ระยะหลังๆก็จะได้กลุ่มลูกค้าที่เป็น ชาวสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และจีนที่เริ่มมาใช้บริการเยอะเช่นเดียวกัน ตั้งแต่เปิดบริการมาลูกค้าจองแน่นตลอด คือลูกค้าจะโทรจองวันไว้ล่วงหน้าก่อนเลยคือแน่นทั้งปี ถือเป็นความประสบความสำเร็จของเราที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจในการให้บริการ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่ติดใจเนื่องจากโรงแรมเราติดกับเขาและธรรมชาติไม่มีสิ่งรบกวนทั้งทางด้านเสียงและมลภาวะ ถึงการเดินทางจะเข้ามาไกลหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้มาพักผ่อนอย่างเต็มที่จริงๆ

แนะนำกิจกรรมใน 1 วัน และสิ่งอำนวยความสะดวก

ในโรงแรมมีกิจกรรมไว้คอยบริการอยู่เสมอไม่ขาด ทั้งระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงทั้งแบบไร้สายทั้งในห้องพัก / พื้นที่ส่วนรวม สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องออกกำลังกายและห้องสุขภาพ บริการอาหารภายในห้องพัก (08.00 น. – 23.00 น.) บริการรักษาพยาบาล บริการรถยนต์ขนาดใหญ่ / บริการรับ-ส่ง / บริการรถเช่า บริการซักรีด / บริการซักแห้งบริการพี่เลี้ยงเด็ก บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ห้องเชื่อมต่อกันตามการร้องขอ ทั้งกิจกรรมภายในโรงแรมหรือบริเวณใกล้เคียง ไม่ว่าคุณจะต้องการผ่อนคลายในสระว่ายน้ำ หรือการเดินป่าบนภูเขา มีทางเลือกให้คุณอยู่เสมอ ฟาร์ม อัลปาก้า การปั่นจักรยาน การพายเรือแคนู การเดินป่า / การขึ้นเขา และ การปีนเขา กิจกรรมชมไร่องุ่นกราน มอนเต้ ที่ปลูกอยู่บนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่แห่งนี้ เป็นองุ่นที่ปลูกเพื่อนำไปผลิตไวน์เกือบ 100% ได้รับความนิยม ทั้งในด้านรสชาติของไวน์ และความงามของไร่องุ่น นอกจากนี้ยังมีองุ่นหลายสายพันธุ์ที่ทำไวน์ ที่เด่นคือ องุ่นสายพันธุ์ชีราช, เทมปรานิลโย, และการแบร์เนต์ โซวีนยอง ซึ่งเป็นองุ่นที่ ผลิตไวน์แดง และยังมีองุ่นพันธุ์เชอแนง บลอง สำหรับทำไวน์ขาว พิเศษกิจกรรมเชฟพาสอนทำอาหาร พ่วงกิจกรรมส่องดูสัตว์ยามในยามค่ำคืนบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ปิดทริปอย่างสวยงามอีกด้วย หากลูกค้าสนใจลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่หน้าเคาท์เตอร์

ทั้งนี้ ขอเชิญนักท่องเที่ยวและลูกค้าทุกท่านมาใช้บริการและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติขุนเขาได้ที่ โรงแรม Dusit D2 Khao Yai (ดุสิตดีทู เขาใหญ่) ที่อยู่ 678 หมู่ 18 ตำบลหมูสี อำเภอ ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์ 044 – 003000  พิเศษโปรโมชั่นเดือนนี้ สำหรับห้องพักแบบดีลักซ์ในราคาสุดพิเศษเพียงคืนละ 2,700 บาท พร้อมเครื่องดื่ม mocktail จำนวน 2 แก้ว ตั้งแต่วันนี้- 30 พฤษภาคม 2562 อนึ่ง (โปรโมชั่นนี้ใช้ได้สำหรับการเข้าพักในวันอาทิตย์ ถึงวันพฤหัสบดีเท่านั้น จำนวนห้องพักมีจำนวนจำกัดและไม่สามารถใช้ได้สำหรับวันศุกร์ เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนไม่ควรพลาด

ศิลปะขอมอีกแห่ง ของคนโคราช “ปรางค์พระโค” แห่งเมืองกระโทก อ.โชคชัย

ศิลปะขอมอีกแห่ง ของคนโคราช “ปรางค์พระโค” แห่งเมืองกระโทก อ.โชคชัย

 ปราสาทหินบ้านพะโค หรือ ปราสาทปะโค ตั้งอยู่ในเขตตำบลบ้านกระโทก อำเภอโชคชัย จังหวัดนครนครราชสีมา ถิ่นน้าชาติ บ้านคุณสุวัจน์และเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ในปลายปีไงครับ

        หากเดินทางจากตัวจังหวัด ตามถนนหลวงหมายเลข 224 ผ่านแหล่งเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนอันเลื่องชื่อของเมืองโคราช ประมาณ 30 กิโลเมตรก็จะมาถึงตัวอำเภอโชคชัย เดินทางต่อจากตัวเมืองโชคชัยไปทางอำเภอครบุรี ด้วยทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2071 อีกประมาณ 3 – 4 กิโลเมตร ก็จะพบปราสาทองค์เล็ก ๆ ทางด้านขวามือ

         ซึ่งหากเดินทางโดยไม่ได้เจาะจงสนใจมากนัก ก็จะผ่านเลย “ปราสาทพะโค” ไปได้โดยง่าย

ด้วยเพราะปราสาทหินพะโคเป็นปราสาท”ขนาดเล็ก” ไม่ได้ตั้งอยู่ในเส้นทางโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองโคราช เช่นเดียวกับ ปราสาทหินใหญ่ ๆ อย่างปราสาทหินพิมาย ปราสาทพนมวัน ปราสาทเมืองแขก เมืองเสมา ฯลฯ จึงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหลงทางแวะมาชมกันมากนัก เรียกได้ว่าถ้าจะมาก็ต้องตั้งใจมากันจริง ๆ แล้วค่อยตัดเดินทางไปตามเส้นทางลัดสาย สูงเนิน  – โชคชัย เดินทางลัดไปจังหวัดบุรีรัมย์

        เฉพาะที่อำเภอปักธงชัย ใกล้เคียงกับปราสาทพะโคก็มีปราสาทขนาดเล็กที่สร้างเพื่อเป็นปราสาท สรุก” หรือเทวาลัยประจำชุมชนโบราณ ถึง 8 หลัง เช่น ปราสาทบ้านนาแค ปราสาทบึงคำ ปราสาทสระหิน ปราสาทบ้านปรางค์ ฯ ในอำเภอโชคชัยก็มีอยู่ 3 ปราสาทและมีปราสาทหินน้อยใหญ่รวม 34 แห่ง ทั่วเขตจังหวัดนครราชสีมา บางแห่งก็บูรณะแล้ว บางแห่งก็ยังมีสภาพรกร้างเดิม ๆ ดิบอยู่

         ปราสาทหินตามชุมชนโบราณขนาดเล็กทั้งหลายนี้ ส่วนใหญ่จะมีสภาพพังทลายไม่สมบูรณ์เพราะต้องผจญกาลเวลามายาวนานกว่าพันปีบ้าง เกือบพันปีบ้าง ปราสาทหินจึงมี “ความไม่สมบูรณ์” ที่หลากหลาย ทั้งแบบที่ยังสร้างไม่เสร็จก็หยุดสร้าง เพิ่งเริ่มสร้างยังไม่ทันแกะสลักลายก็หยุดสร้าง หรือถูกทำลายจากภัยธรรมชาติเช่นแผ่นดินไหว บ้างก็มีต้นไม้ ป่ารกขึ้นปกคลุมแทนเพราะไม่มีชุมชนมาใช้ประโยชน์หรือมาคอยดูแลรักษา

        บางปราสาท ฐานล่างต้องรับทั้งน้ำฝน ความชื้นและความร้อน ก็ล้วนแต่จะช่วยทำให้หินทรายเกิดปฏิกิริยาพองและกรอบ จึงรับน้ำหนักด้านบนที่กดทับลงมาไม่ไหวก็แตกกร่อนพาให้ด้านบนพังทลายลงมา

        บางปราสาทก็อาจถูกผู้คนในยุคหลังเข้ามารื้อทำลาย ทั้งเพื่อนำหินไปสร้างปราสาทหรือศาสนสถานตามคติความเชื่อที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งการค้นหาทรัพย์สมบัติและโลหะที่มีค่าไปใช้ประโยชน์

        ปราสาทหินและโบราณสถานหลายแห่งล้วนเสื่อมสภาพและพังทลายตามเงื่อนไขที่กล่าวมาทั้งสิ้น บางปราสาทหินก็อาจจะเจอสองเด้งทั้งภัยธรรมชาติและจากน้ำมือของมนุษย์

        

คำว่า “พะโค” มาจากคำว่า “ปะโค” ซึ่งเป็นชื่อเมืองเก่าแก่ในนิทานภาคอีสาน เรื่องหอนางอุษาหรืออุสา-บารส หรืออาจจะมาจากคำเขมรว่า เปรียะโค” แปลว่า “พระโค(วัว)” ชาวบ้านในพื้นที่ปัจจุบันน่าจะเคลื่อนย้ายมาจากทางอีสานเหนือเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว จึงนำชื่อเรียกใหม่สวมทับปราสาทในภายหลังครับ

         สภาพก่อนการบูรณะนั้น ปราสาทมีสภาพเป็นโคกเนินดินทับถมขนาดใหญ่ มีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นรกรุงรัง มีกองหิน อิฐและเศษรูปสลักกระจัดกระจายอยู่บนเนิน มีร่องรอยการขุดหาของเก่าหลายหลุม บางโรงเรียนโดยรอบปราสาทได้มานำทับหลังและรูปสลักหินไปเก็บไว้ บางทีก็เป็นบ้านคนมาเก็บไป บางทีก็เป็นวัดมาเก็บ มีการลักลอบนำลายแกะสลักหินที่แตกหักออกจากปราสาทไปบ่อยครั้ง

       ปราสาทพะโคในสายตาในเวลานั้นอยู่ในสภาวะเสื่อมสภาพอย่างรุนแรง ตามความเห็นและข้อสันนิษฐานของผม ปราสาทหินองค์นี้ เป็นปราสาทที่สวยงามและอลังการที่สุดในบรรดาปราสาททางทิศใต้ของเขตเมืองโคราช อายุของปราสาทอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 15 -16 ฝีมือช่างแกะสลักระดับช่างหลวงคลาสลิค แบบแผนศิลปะเทียบเคียงได้กับศิลปะเกลียงหรือคลังในประเทศกัมพูชา

      นอกจากนี้  บริเวณโดยรอบยังมีสระน้ำ ล้อมรอบ และมีดอกบัวจำนวนมากอีกด้วย

ขอบคุณที่มา  :

วรณัย พงศาชลากร
เรื่องราวทางมานุษยวิทยา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี สหวิทยาการและมุม Gossip
Permalink : http://oknation.nationtv.tv/blog/voranai

โคราชเชิญชวนประชาชน ร่วมประเพณีอัญเชิญพระคันธารราษฎร์ แห่ลอดประตูชุมพล ในวันสงกรานต์

โคราชเชิญชวนประชาชน ร่วมประเพณีอัญเชิญพระคันธารราษฎร์ แห่ลอดประตูชุมพล ในวันสงกรานต์จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร เทศบาลนครนครราชสีมา  ได้ฟื้นประเพณีอัญเชิญพระคันธารราษฎร์ แห่ลอดประตูชุมพล ในวันสงกรานต์ หลังจากประเพณีนี้ได้ห่างหายไปตั้งแต่ปี 2522 หรือ 40  ปีก่อน หลังจากเมื่อวันสงกรานต์ปี 2560 ที่ผ่านมาได้รื้อฟื้นประเพณีอัญเชิญพระคันธารราษฎร์ แห่ลอดประตูชุมพล เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้ และสรงน้ำพระ และในวันสงกรานต์ 13 เมษายน 2562 ที่จะถึงนี้ วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร ได้เตรียมอัญเชิญพระคันธารราษฎร์ แห่ลอดประตูชุมพล อีกครั้ง ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป โดยขบวนจะเริ่มจากวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร แห่องค์พระไปยังลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ผ่านถนนจอมพล ถนนประจักษ์ ถนนมหาดไทย และถนนราชดำเนิน เพื่อประกอบพิธีลอดซุ้มประตูชุมพล ก่อนขบวนองค์พระคันธารราษฎร์ จะวกกลับไปยังวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร

โดยมีกำหนดการตั้งแต่ช่วงเช้า เวลา 06.30 น.  มีพิธีตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง  ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี   และเวลา 15.00 น. อัญเชิญพระคันธารราฐ หรือ พระปางขอฝน เป็นพระพุทธรูปสำคัญจากวัดพระนารายณ์ ขึ้นสู่ราชรถจัดขบวนแห่ให้ผู้ร่วมงานเดินตาม รอบเมืองตามเส้นทางที่กำหนดลอดซุ้มประตูเมืองให้ประชาชน และนักท่องเที่ยว ได้ถวายสรงน้ำ กราบไหว้สักการะ บูชา โดยจะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้จับชายผ้าพระ เดินตามขบวนกลับไปยังวัด จากนั้นจะมีการประกอบพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป พระสงฆ์ และผู้สูงอายุ มีการก่อเจดีย์ทราย ซึ่งถือเป็นประเพณีสงกรานต์ดั่งเดิม ที่ประชาชนจังหวัดนครราชสีมา ควรสืบสานและอนุรักษ์ไว้

ทุ่งกังหันลมห้วยบง แหล่งท่องเที่ยวพลังงานลม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทุ่งกังหันลมห้วยบง แหล่งท่องเที่ยวพลังงานลม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นายอริกะ กายขุนทด ที่ปรึกษาชมรมรักษ์ห้วยบง เปิดเผยว่า ทุ่งกังหันลมไฟฟ้า ห้วยบง ตั้งอยู่ที่ อำเภอด่านขุนทด และอำเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม “เวสต์ ห้วยบง 2” และ “เวสต์ ห้วยบง 3” ขนาดใหญ่แห่งแรกของประเทศไทย มีกังหันลมทั้งหมด 500 กว่าต้น ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นกำลังการผลิตพลังงานลมสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ในปัจจุบันทุ่งกังหันลมห้วยบง ได้ถูกพัฒนาส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดนครราชสีมา สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม พักผ่อนสูดอากาศได้อย่างสม่ำเสมอ ในช่วงปลายปีทุ่งกังหันลมห้วยบง จะมีอากาศเย็นสบายเหมาะสำหรับมาพักผ่อนเป็นอย่างมาก สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถมองเห็นทุ่งกังหันลมได้จาก ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2256
ซึ่งชมรมรักษ์ห้วยบง พยายามผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับวัยรุ่นและครอบครัว อีกทั้งยังส่งเสริมร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม ให้มีเงินหมุนเวียนเข้ามาในชุมชน ซึ่งทุ่งกังหันลมห้วยบง รอบล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดเป็นอย่างมาก

ชมคลิป>>>

แก่งวังเต่าโคราชเริ่มคึกคัก หลังเทศกาล ปีใหม่ ยังคงมีนักท่องเที่ยว แห่ล่องแพ ชมความงาม อย่างต่อเนื่อง

นครราชสีมา – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเริ่มต้นวันหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา  ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเริ่มมีนักท่องเที่ยวพาครอบครัว เพื่อนและคนที่รักเดินทางไปท่องเที่ยวกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ

อย่างเช่นที่ท่าเรือบ้านมาบกราด ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นจุดให้บริการนำนักท่องเที่ยวเดินทางข้ามเขื่อนลำแชะ เพื่อไปเที่ยวชมแก่งวังเต่า ซึ่งเป็นแก่งหินที่มีความสวยงามและมีป่าไม้ล้อมรอบสุดจะเป็นธรรมชาติ ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาใช้บริการมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ ซึ่งผู้ประกอบการส่วนทั้งในส่วนของเรือรับส่งหรือแพ ต่างก็บอกว่าตอนนี้มีการจองใช้บริการกันข้ามปีเลยทีเดียว

แต่หลังจากที่เทศบาลปีใหม่ผ่านพ้นไปแล้ว  ยังคงมีพี่น้องประชาชน ที่ได้ทราบข่าวว่า  ที่อ.ครบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย  จึงยังคงมีนักท่องเที่ยวที่ค้างจากเทศกาล ทั้งจากที่หยุดยาวจากการลาพักร้อน  หรือการสลับวันลาหยุดก็ตาม  ยังคงหลั้งไหล เช่าแพ และเรือเล็ก ชมความงามของน้ำตกวังเต่าในช่วงฤดูหนาว

ขณะที่บรรยากาศที่แก่งวังเต่า ขณะนี้ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านแก่งหินนั้นค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังคงความสวยงาม เหมาะสำหรับพาครอบครัว เพื่อนฝูงหรือคนที่รักไปพักผ่อนหย่อนใจหลังที่ต้องทำงานหนักกันมาตลอดทั้งปี   ทั้งนี้แก่วังเต่าเป็นหนึ่งในชุมชนท่องเที่ยวในโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ที่สำคัญแห่งหนึ่งของอำเภอครบุรีด้วย

>ชมภาพบรรยากาศ<<

ลมหนาวมาวังน้ำเขียวโคราชบูมนักท่องเที่ยวแห่ชมธรรมชาติ ผารักษ์สลัดได ผาเก็บตะวัน สวนดอกไม้คึกคักทั้งวัน

ลมหนาวมาวังน้ำเขียวโคราชบูมนักท่องเที่ยวแห่ชมธรรมชาติ ผารักษ์สลัดได ผาเก็บตะวัน สวนดอกไม้คึกคักทั้งวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่อากาศเริ่มเย็น พบว่าบรรยากาศในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เริ่มคึกคัก ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดเข้าเที่ยวชมจำนวนมาก

โดยที่บริเวณผารักษ์สลัดได จุดชุมวิวที่สูงที่สุด ใน อ.วังน้ำเขียว พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปยืนชมวิวถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ถึงบริเวณดังกล่าวถึงแม้จะไม่ได้มีสถานที่จำหน่ายอาหารหรือร้านค้าขายของฝากแต่ด้วยที่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามพบว่ามีประชาชนเดินทางขึ้นไปชมวิวถ่ายภาพเป็นที่ระลึกไม่ขาดสาย

ขณะเดียวกันที่บริเวณผาเก็บตะวัน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม พบว่า มีประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวกันตลอดทั้งวัน เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นอีกจุดเช็คอินที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาวังน้ำเขียวแล้วจะไม่พลาดที่จะเดินทางมาเช็คอินในสถานที่แห่งนี้จึงทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวันที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ผลจากที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าวังน้ำเขียวเยอะขึ้น ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่จัดสวนดอกไม้ถามเส้นทางหลักในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น มีนักท่องเที่ยวแวะชมสวนถ่ายภาพที่ระลึกบันทึกความทรงจำกันเป็นจำนวนมากทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน คาดวาจากนี้ไปจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปวังนำเขียวมากขึ้นเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงไฮท์ซีชั่น จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาขึ้นในช่วงวันหยุด จึงขอฝากถึงนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาวังน้ำเขียว ควรประสานหาที่พักล่วงหน้าเพราะหาจองล่าช้าอาจะไม่ได้ที่พักที่ถูกใจตามที่ต้องการได้.

ชมภาพบรรยากาศ

 

โคราช…สำรวจแก่งวังไทร เชื่อมท่องเที่ยวนวัตวิถี พากินปลาต้นน้ำมูล

สำรวจแก่งวังไทร เชื่อมท่องเที่ยวนวัตวิถี พากินปลาต้นน้ำมูล เมนูพิเศษรสเด็ด “ปลาหลาม”

 

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา  รายงานว่า นายจำเนียน ดายครบุรี ผู้ใหญ่บ้านใหม่จอมทอง ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ออกสำรวจลำมูลซึ่งอยู่ท้ายชุมชนบ้านใหม่จอมทอง – ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนมูลบน เพื่อเตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แห่งใหม่ของอำเภอครบุรี และจังหวัดนครราชสีมา  โดยจากการสำรวจในเบื้องต้นระยะทางห่างจากชุมชนประมาณ 3 – 5 กิโลเมตร ภายในลำน้ำมีแก่งหินที่น้ำไหลผ่านก้อนหินตกเป็นชั้นๆกระจายอยู่หลายจุด ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจที่ชาวบ้านเรียกกันว่าแก่งวังไทร ที่มีน้ำใสไหลผ่านชั้นหินกลายเป็นน้ำตกขนาดย่อม สวยงามและร่มรื่นเนื่องจากแวดล้อมด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างมาก

 

นอกจากแก่งวังไทรแล้ว ภายในลำมูล ยังมีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของพันธุ์ปลาน้ำจืดนานาชนิด ที่ชาวบ้านจะยังคงประกอบวิถีชีวิตพื้นบ้านด้วยการจับปลาไปประกอบอาหารและสร้างรายได้เสริม ซึ่งทางคณะสำรวจได้ทำการจำลองวิถีชีวิตชาวบ้านด้วยการตกปลา ทอดแห ซึ่งก็ได้ปลาธรรมชาติขึ้นมาหลากหลายชนิด อาทิ ปลากด ปลาน้ำพอง ปลาตะเพียน ปลาตะโกก ปลาคลั่ง เป็นต้น  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งต้นน้ำได้เป็นอย่างดี

และในวันนี้ทางคณะสำรวจมีเมนูพิเศษจากการเดินทางมาฝาก คือ เมนู “ปลาหลาม” ซึ่งเป็นการต้มปลาด้วยกระบอกไม้ไผ่ จำลองวิถีชีวิตชาวบ้านที่ใช้ไม้ไผ่มาเป็นภาชนะในการประกอบอาหาร เนื่องจากเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่และไม่ต้องขนข้าวของจำนวนมากในการเดินทางไปหาปลาห่างจากแหล่งชุมชน

ซึ่งวิธีการเตรียมการหลังจากจับปลาได้ สิ่งที่ต้องเตรียมก็คือการตัดเอากระบอกไม้ไผ่อ่อน ซึ่งมีขนาดประมาณลำแข้ง มาเจาะกระบอกเพื่อใส่น้ำ เตรียมเครื่องปรุงอาทิ พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะขามเปียก ใส่ลงไป ตั้งบนกองไฟให้น้ำเดือด จากนั้นใส่ปลา ลงไปต้มให้สุกแล้วปรุงรสจนได้ที่ ก็สามารถนำมารับประทานได้คล้ายกับการต้มปลาแบบปกติ แต่จะได้กลิ่นหอมของกระบอกไม้ไผ่อ่อนๆ ให้รสชาติดีกว่าการต้มปลาทั่วไป  ยิ่งหากได้ปลากด หรือปลาน้ำพอง ซึ่งเป็นปลาเนื้ออ่อนแล้วจะให้รสชาติดียิ่งขึ้นไปอีก  นอกจากนี้ก็ยังมีปลาย่างไม้ไผ่ เป็นที่ย่างกันสดๆมาเป็นเครื่องเคียงกินกับปลาปลามแทนข้าวด้วย

โดยหลังจากนี้ทางคณะสำรวจจะนำข้อมูลที่ได้ไปเสนอกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณาและประสานงานหน่วยงานต่างๆ ให้มาผลักดันลำมูลให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และเชิงอนุรักษ์  เพื่อเชื่อมต่อโครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ของอำเภอครบุรีต่อไป

 

โคราช!!! สร้างลูกนิมิตยักษ์ ใหญ่สุดในประเทศ

พระโคราช สร้างลูกนิมิตยักษ์ใหญ่สุดในประเทศ หวังแลนด์มาร์ค จุดเช็คอิน ให้ประชาชนเข้าวัดมากขึ้น เพื่อฉลองอุโบสถหลังใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบพระสงฆ์และประชาชน ที่อยู่ในวัดหนองบัว ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้ช่วยกันเตรียมงานบุญปิดทองฝังลูกนิมิต เพื่อฉลองอุโบสถหลังใหม่ ซึ่งใช้งบประมาณ 18 ล้านบาท แทนที่หลังเก่าซึ่งชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา โดยมีการจัดงานในวันที่ 28 ธันวาคม 61 ถึง 6 มกราคม 62 ทั้ง 10 วัน 9 คืน ซึ่งภายในงานจะมีการจัดงานมหรสพสมโภชตลอดงาน

ทั้งนี้ วัดหนองบัว ยังสร้างสีสัน เรียกเสียงฮือฮาให้กับชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัด โดยทำลูกนิมิตยักษ์ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เมตร สูง 4 เมตร ซึ่งชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่ได้ลองไปล้อมวงโอบร่วมนับ 10 คน ถือว่าเป็นลูกนิมิตยักษ์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศก็ว่าได้ หวังเพียงสร้างจุดสนใจ จุดดึงดูดให้คนเข้าวัดมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน และวัยรุ่น เพราะเป็นวัยที่ชอบถ่ายภาพ ชอบเซลฟี่ ซึ่งหลังจากวัดสร้างลูกนิมิตใหญ่ยักษ์ขึ้นคาดว่าจะมีประชาชนเข้าวัดเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้รอบๆภายในวัดยังมีการสร้างแลนด์มาร์ค จุดเช็คอิน สวนดอกไม้พร้อมทั้งการตกแต่งภายในวัดในสวยงามตามยุค 4.0 ให้ทันต่อโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย

ด้าน พระณรงค์ฤทธิ์ มหาปรกฺกโม เลขานุการวัดหนองบัว พร้อมด้วย พระมหาอาทิตย์ อภิวจโน หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์วัด เปิดเผยว่า การทำลูกนิมิตยักษ์ เพื่อต้องการให้เป็นสัญลักษณ์ และเอกลักษณ์วัด บอกความหมายผ่านภาพ ผ่านสิ่งที่เห็น ซึ่งเป็นพระเอกของงานนี้ บ่งบอกถึงความร่วมไม้ร่วมมือ ความสามัคคี เพราะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ จึงคิดทำลูกนิมิตยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมา โดยได้รับความร่วมมือจากวิทยาลัยเทคโนโลยีพนมวันท์ (เอเทค) ชาวบ้าน พระภิกษุสามเณร ได้ร่วมกันทำขึ้นมา ซึ่งมีความสูง กว้าง 4 เมตร สูง 4 เมตร ด้านในจะเป็นโครงเหล็กบุด้วยกระดาษอย่างดี ทาสีลงรักปิดทอง โดยจะมีงานปิดทองฝังลูกนิมิต ผูกพัทธสีมา ทั้ง 9 ลูก ในวันที่ 28 ธันวาคม 61 ถึง 6 มกราคม 62 จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมสร้างมหากุศลบุญครั้งยิ่งใหญ่ด้วยกัน

ชมคลิปเพิ่ม

ชาวบ้านครบุรี โคราช ซึ้งใจ โครงการ OTOP นวัตวิถี สร้างชีวิตใหม่ให้ชุมชนเกษตรหนองผักไร

ชาวบ้านครบุรี ซึ้งใจ โครงการ OTOP นวัตวิถี สร้างชีวิตใหม่ให้ชุมชนเกษตรหนองผักไร

นครราชสีมา –  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านหนองผักไร หมู่ที่ 2 ต.ตะแบกบาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ต่างรู้สึกดีใจที่โครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้นำงบประมาณเข้ามาสู่หมู่บ้าน เพื่อสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาชุมชนให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชาวบ้านในพื้นที่  ซึ่งก่อนหน้านี้หมู่บ้านหนองผักไร ไม่ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย รู้กันเพียงว่าเป็นหมู่บ้านที่ทำการเกษตรปลูกมันสำปะหลังเป็นหลัก แต่เมื่อโครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เกิดขึ้น ก็มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆเข้ามาส่งเสริม นำจุดเด่นของหมู่บ้าน ซึ่งอยู่บนที่ราบสูงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและความหลากหลายทางการเกษตร มาเป็นจุดขายจนทำให้ขณะนี้หมู่บ้านหนองผักไรเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอย่างมาก

 

ล่าสุดเจ้าหน้าที่พัฒนากรชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันสร้างหอคอยไม้ไผ่ต่างระดับ 3 หลัง พร้อมมีสะพานไม้ไผ่ลดหลั่นต่างระดับกัน ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของพื้นที่ตำบลตะแบกบานและตำบลใกล้เคียง ซึ่งสามารถมองเป็นเนินเขาที่เขียวขจีไปด้วยพืชผลทางการเกษตรต่างๆ  โดยเฉพาะในช่วงเย็นตอนตะวันตกดิน  นักท่องเที่ยวจะได้เป็นความสวยงามของเนินเขาที่กลายเป็นทะเลสีเขียวสด ด้วยต้นมันสำปะหลัง ข้าวโพด ดาวเรือง และผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ตัดกับสีทองผ่องอำไพของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ซึ่งถือเป็นภาพที่สุดแสนจะสวยงามอย่างมาก นักท่องเที่ยวที่ชื่นชมการถ่ายภาพควรจะต้องลงไปลั่นชัตเตอร์ดูสักครั้ง

นายสำราญ ทนไทย รองประธานชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านหนองผักไร เปิดใจว่า ต้องขอขอบคุณรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ริเริ่มให้เกิดโครงการนี้ขึ้นมา เพราะชาวบ้านในชุมชนไม่เคยคิดมาก่อนว่า พื้นที่การเกษตรแห่งนี้จะสามารถพัฒนาและกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวยงามและได้รับความนิยมเช่นนี้ได้ ซึ่งทางชุมชนเองจะพยายามพัฒนาและต่อยอดโครงการนี้ต่อไปอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะให้ชุมชนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและสร้างรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับชาวบ้านในชุมชนอย่างยั่งยืน