ลมหนาวมาวังน้ำเขียวโคราชบูมนักท่องเที่ยวแห่ชมธรรมชาติ ผารักษ์สลัดได ผาเก็บตะวัน สวนดอกไม้คึกคักทั้งวัน

ลมหนาวมาวังน้ำเขียวโคราชบูมนักท่องเที่ยวแห่ชมธรรมชาติ ผารักษ์สลัดได ผาเก็บตะวัน สวนดอกไม้คึกคักทั้งวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่อากาศเริ่มเย็น พบว่าบรรยากาศในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เริ่มคึกคัก ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดเข้าเที่ยวชมจำนวนมาก

โดยที่บริเวณผารักษ์สลัดได จุดชุมวิวที่สูงที่สุด ใน อ.วังน้ำเขียว พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปยืนชมวิวถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ถึงบริเวณดังกล่าวถึงแม้จะไม่ได้มีสถานที่จำหน่ายอาหารหรือร้านค้าขายของฝากแต่ด้วยที่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามพบว่ามีประชาชนเดินทางขึ้นไปชมวิวถ่ายภาพเป็นที่ระลึกไม่ขาดสาย

ขณะเดียวกันที่บริเวณผาเก็บตะวัน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม พบว่า มีประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวกันตลอดทั้งวัน เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นอีกจุดเช็คอินที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาวังน้ำเขียวแล้วจะไม่พลาดที่จะเดินทางมาเช็คอินในสถานที่แห่งนี้จึงทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวันที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ผลจากที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าวังน้ำเขียวเยอะขึ้น ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่จัดสวนดอกไม้ถามเส้นทางหลักในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น มีนักท่องเที่ยวแวะชมสวนถ่ายภาพที่ระลึกบันทึกความทรงจำกันเป็นจำนวนมากทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน คาดวาจากนี้ไปจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปวังนำเขียวมากขึ้นเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงไฮท์ซีชั่น จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาขึ้นในช่วงวันหยุด จึงขอฝากถึงนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาวังน้ำเขียว ควรประสานหาที่พักล่วงหน้าเพราะหาจองล่าช้าอาจะไม่ได้ที่พักที่ถูกใจตามที่ต้องการได้.

ชมภาพบรรยากาศ

 

โคราช…สำรวจแก่งวังไทร เชื่อมท่องเที่ยวนวัตวิถี พากินปลาต้นน้ำมูล

สำรวจแก่งวังไทร เชื่อมท่องเที่ยวนวัตวิถี พากินปลาต้นน้ำมูล เมนูพิเศษรสเด็ด “ปลาหลาม”

 

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา  รายงานว่า นายจำเนียน ดายครบุรี ผู้ใหญ่บ้านใหม่จอมทอง ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ออกสำรวจลำมูลซึ่งอยู่ท้ายชุมชนบ้านใหม่จอมทอง – ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนมูลบน เพื่อเตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แห่งใหม่ของอำเภอครบุรี และจังหวัดนครราชสีมา  โดยจากการสำรวจในเบื้องต้นระยะทางห่างจากชุมชนประมาณ 3 – 5 กิโลเมตร ภายในลำน้ำมีแก่งหินที่น้ำไหลผ่านก้อนหินตกเป็นชั้นๆกระจายอยู่หลายจุด ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจที่ชาวบ้านเรียกกันว่าแก่งวังไทร ที่มีน้ำใสไหลผ่านชั้นหินกลายเป็นน้ำตกขนาดย่อม สวยงามและร่มรื่นเนื่องจากแวดล้อมด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างมาก

 

นอกจากแก่งวังไทรแล้ว ภายในลำมูล ยังมีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของพันธุ์ปลาน้ำจืดนานาชนิด ที่ชาวบ้านจะยังคงประกอบวิถีชีวิตพื้นบ้านด้วยการจับปลาไปประกอบอาหารและสร้างรายได้เสริม ซึ่งทางคณะสำรวจได้ทำการจำลองวิถีชีวิตชาวบ้านด้วยการตกปลา ทอดแห ซึ่งก็ได้ปลาธรรมชาติขึ้นมาหลากหลายชนิด อาทิ ปลากด ปลาน้ำพอง ปลาตะเพียน ปลาตะโกก ปลาคลั่ง เป็นต้น  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งต้นน้ำได้เป็นอย่างดี

และในวันนี้ทางคณะสำรวจมีเมนูพิเศษจากการเดินทางมาฝาก คือ เมนู “ปลาหลาม” ซึ่งเป็นการต้มปลาด้วยกระบอกไม้ไผ่ จำลองวิถีชีวิตชาวบ้านที่ใช้ไม้ไผ่มาเป็นภาชนะในการประกอบอาหาร เนื่องจากเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่และไม่ต้องขนข้าวของจำนวนมากในการเดินทางไปหาปลาห่างจากแหล่งชุมชน

ซึ่งวิธีการเตรียมการหลังจากจับปลาได้ สิ่งที่ต้องเตรียมก็คือการตัดเอากระบอกไม้ไผ่อ่อน ซึ่งมีขนาดประมาณลำแข้ง มาเจาะกระบอกเพื่อใส่น้ำ เตรียมเครื่องปรุงอาทิ พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะขามเปียก ใส่ลงไป ตั้งบนกองไฟให้น้ำเดือด จากนั้นใส่ปลา ลงไปต้มให้สุกแล้วปรุงรสจนได้ที่ ก็สามารถนำมารับประทานได้คล้ายกับการต้มปลาแบบปกติ แต่จะได้กลิ่นหอมของกระบอกไม้ไผ่อ่อนๆ ให้รสชาติดีกว่าการต้มปลาทั่วไป  ยิ่งหากได้ปลากด หรือปลาน้ำพอง ซึ่งเป็นปลาเนื้ออ่อนแล้วจะให้รสชาติดียิ่งขึ้นไปอีก  นอกจากนี้ก็ยังมีปลาย่างไม้ไผ่ เป็นที่ย่างกันสดๆมาเป็นเครื่องเคียงกินกับปลาปลามแทนข้าวด้วย

โดยหลังจากนี้ทางคณะสำรวจจะนำข้อมูลที่ได้ไปเสนอกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณาและประสานงานหน่วยงานต่างๆ ให้มาผลักดันลำมูลให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และเชิงอนุรักษ์  เพื่อเชื่อมต่อโครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ของอำเภอครบุรีต่อไป

 

มิติใหม่แห่งการกิน ร้านก๊วยเตี๋ยวปากหม้อสายน้ำวน เสริฟบนสายพานน้ำ สุดคลาสสิค ร้านเดียวในโคราช

มิติใหม่แห่งการกิน ร้านก๊วยเตี๋ยวปากหม้อสายน้ำวน เสริฟบนสายพานน้ำ สุดคลาสสิค ร้านเดียวในโคราช

หนึ่งเดียวในโคราช   ร้านก๊วยเตี๋ยวปากหม้อสายน้ำวน สูตรเด็ดจาก พนมสารคาม ตั้งอยู่ที่ ตึกแถว 2 ชั้น บ้านเลขที่ 82 หมู่ 5 ถ.ครองส่งน้ำ ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งบรรยากาศภายในร้านจะพบนายปิยวัฒน์ วีระพล อายุ 21 ปี เจ้าของร้านคอยให้บริการลูกค้าอย่างเนื่องแน่น โดยทางร้านมีวิธีการนำเสนอรูปแบบใหม่ ให้ลูกค้าเลือกหยิบได้จากสายพานที่ไหลมาตามน้ำ สุดคลาสสิค ร้านเดียวในโคราช ซึ่งทำกันแบบครอบครัวช่วยกันตามหน้าที่ โดยจะมีน้ำซุปมีให้เลือก 3 แบบ เช่นน้ำใส 30 บาท ต้มยำและเย็นตาโฟ 35 บาท ซึ่งภายในถ้วยจะมี กระดูกหมู ขาไก่ เลือด ลูกชิ้นหมู หมูเด้ง ส่วนตัวปากหม้อจะมีทั้งหมด 8 ไส้ เช่น กุยช่าย หน่อไม้ ข้าวโพด เต้าหู้ วุ่นเส้น กะหล้ำปลี ไส้หวาน ถั่วงอก จะตกจานละ 5 บาท ให้รับประทานอย่างจุใจ

ด้านนายปิยวัฒน์ วีระพล เจ้าของร้าน เล่าว่า เดิมที่ครอบครัวอยู่ที่ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อในการทำก๊วยเตี๋ยวปากหม้อ และพ่อก็เป็นคนที่นั้นเลยได้สูตรมา ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่อำเภอชลบุรี และขายก๊วยเตี๋ยวปากหม้อ ภายในตลาดสด โดยแม่ค้าจะต้องอยู่ตรงกลาง ส่วนลูกค้าจะรายล้อม และก็จะมีการสั่งไส้ของก๊วยเตี๋ยวปากหม้อ ที่แตกต่างกัน ร่วมไปถึงเวลาคิดเงินก็จะสับสน จึงหยุดขายมาพักหนึ่ง ก่อนที่จะย้ายฐานครอบครัวมาที่จังหวัดนครราชสีมาอีกครั้ง จึงมองหาทำเลใกล้กับตลาดเซฟวัน ซึ่งชาวโคราชรู้จักกันดี ตนจึงคิดจะใช้ความรู้ความสามารถของครอบครัวที่มีความรู้ด้านก๊วยเตี๋ยวปากหม้อ จึงคิดเครื่องทุ่นแรง โดยการทำสายน้ำวน ใช้แรงผลักดันจากน้ำเป็นตัวหมุนของจานอาหาร ซึ่งขายได้ 2 เดือน ก็มีการแชร์กันในโลกออนไลน์มากขึ้นทำให้ลูกค้าเดินทางมารับประทานพร้อมทั้งเช็คอิน ถ่ายภาพ จึงเป็นการบอกต่อกันไปเรื่องๆ

จากการทำร้านก๊วยเตี๋ยวปากหม้อ จะมีรายรับเฉลี่ยวันละ 5,000 บาท เดือนละ 150,000 บาท ถือว่าเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี หากใครสนใจสามารถเดินทางมาร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อสายน้ำวน เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 20.00 น.

โคราช!!! สร้างลูกนิมิตยักษ์ ใหญ่สุดในประเทศ

พระโคราช สร้างลูกนิมิตยักษ์ใหญ่สุดในประเทศ หวังแลนด์มาร์ค จุดเช็คอิน ให้ประชาชนเข้าวัดมากขึ้น เพื่อฉลองอุโบสถหลังใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบพระสงฆ์และประชาชน ที่อยู่ในวัดหนองบัว ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้ช่วยกันเตรียมงานบุญปิดทองฝังลูกนิมิต เพื่อฉลองอุโบสถหลังใหม่ ซึ่งใช้งบประมาณ 18 ล้านบาท แทนที่หลังเก่าซึ่งชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา โดยมีการจัดงานในวันที่ 28 ธันวาคม 61 ถึง 6 มกราคม 62 ทั้ง 10 วัน 9 คืน ซึ่งภายในงานจะมีการจัดงานมหรสพสมโภชตลอดงาน

ทั้งนี้ วัดหนองบัว ยังสร้างสีสัน เรียกเสียงฮือฮาให้กับชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัด โดยทำลูกนิมิตยักษ์ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เมตร สูง 4 เมตร ซึ่งชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่ได้ลองไปล้อมวงโอบร่วมนับ 10 คน ถือว่าเป็นลูกนิมิตยักษ์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศก็ว่าได้ หวังเพียงสร้างจุดสนใจ จุดดึงดูดให้คนเข้าวัดมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน และวัยรุ่น เพราะเป็นวัยที่ชอบถ่ายภาพ ชอบเซลฟี่ ซึ่งหลังจากวัดสร้างลูกนิมิตใหญ่ยักษ์ขึ้นคาดว่าจะมีประชาชนเข้าวัดเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้รอบๆภายในวัดยังมีการสร้างแลนด์มาร์ค จุดเช็คอิน สวนดอกไม้พร้อมทั้งการตกแต่งภายในวัดในสวยงามตามยุค 4.0 ให้ทันต่อโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย

ด้าน พระณรงค์ฤทธิ์ มหาปรกฺกโม เลขานุการวัดหนองบัว พร้อมด้วย พระมหาอาทิตย์ อภิวจโน หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์วัด เปิดเผยว่า การทำลูกนิมิตยักษ์ เพื่อต้องการให้เป็นสัญลักษณ์ และเอกลักษณ์วัด บอกความหมายผ่านภาพ ผ่านสิ่งที่เห็น ซึ่งเป็นพระเอกของงานนี้ บ่งบอกถึงความร่วมไม้ร่วมมือ ความสามัคคี เพราะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ จึงคิดทำลูกนิมิตยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมา โดยได้รับความร่วมมือจากวิทยาลัยเทคโนโลยีพนมวันท์ (เอเทค) ชาวบ้าน พระภิกษุสามเณร ได้ร่วมกันทำขึ้นมา ซึ่งมีความสูง กว้าง 4 เมตร สูง 4 เมตร ด้านในจะเป็นโครงเหล็กบุด้วยกระดาษอย่างดี ทาสีลงรักปิดทอง โดยจะมีงานปิดทองฝังลูกนิมิต ผูกพัทธสีมา ทั้ง 9 ลูก ในวันที่ 28 ธันวาคม 61 ถึง 6 มกราคม 62 จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมสร้างมหากุศลบุญครั้งยิ่งใหญ่ด้วยกัน

ชมคลิปเพิ่ม

โคราชโชว์ว่าวจุฬาจิ๋วขนาดเล็กเท่ากล่องไม้ขีดไฟ ในงานแถลงข่าวการแข่งขันว่าวสูงเนิน

โชว์ว่าวจุฬาจิ๋วขนาดเล็กเท่ากล่องไม้ขีดไฟ ในงานแถลงข่าวการแข่งขันว่าวสูงเนิน ชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพราชสุดา สยามบรมราชกุมารี

                 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่ โรงเรียนสูงเนิน ตำบลสูงเนิน อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา นายรักชาติ กิริวัฒนศักดิ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขตอำเภอสูงเนิน ได้จัดแถลงข่าวงานสูงเนินเมืองว่าว ประจำปี 5261 ชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน การแข่งขันว่าว จากสมเด็จพระเทพราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท เพื่อเป็นการอนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านของไทย ที่มีเอกลักษณ์ มิให้สูญหาย โดยงานจะมีการแข่งขันขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม 61 ที่ สนามแข่งว่าวบึงพญานาค หมู่ที่ 8 บ้านกุดหิน ตำบลโคราช อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งกิจกรรมจะมีการแข่งขันว่าว 3 ประเภท ประกอบด้วย การแข่งขันว่าวจุฬา (ว่าวพื้นบ้าน) การแข่งขันว่าวสวยงาม (ว่าวอีรุ่ม) และการแข่งขันว่าวความคิดสร้างสรรค์

            ไฮไลท์ภายในงาน นายพนัส เทียมศิริ หรือฉายา เม่นมหาชัย นักสร้างสรรค์ผลงานว่าวชื่อดัง ได้โชว์ว่าวจุฬาจิ๋ว ขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ นำมาให้ผู้ร่วมแถลงข่าวได้ชม ซึ่งใช้เวลา 3 วันกว่าจะทำเสร็จสิ้น ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ทำว่าวขนาดปกติและขนาดใหญ่มามากแล้ว ซึ่งก็มีความอยากง่ายแตกต่างกันไป ส่วนว่าวจุฬาจิ๋ว ถือว่าต้องใช้ความอดทนค่อยข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นวัสดุอุปกรณ์ ความประณีตละเอียดอ่อน การใส่ใจเข้าไปในเนื้องาน มันต้องใช้จิตวิญาณ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถนำมาเล่นได้จริง แต่ก็มีคุณค่าทางจิตใจเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามว่าวจุฬาถือเป็นว่าวเอกลักษณ์ประจำชาติไทย มีรูปร่างเหมือนดาว 5 แฉก หรือมะเฟืองผ่าฝาน สามารถบังคับให้เคลื่อนไหวในท่าต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว และสง่างาม กีฬาว่าวพนันถือว่าว่าวจุฬาเป็นว่าวตัวผู้ ใช้เล่นตัดสินแพ้-ชนะกับว่าวปักเป้า ซึ่งถือเป็นว่าวตัวเมีย

ชาวบ้านครบุรี โคราช ซึ้งใจ โครงการ OTOP นวัตวิถี สร้างชีวิตใหม่ให้ชุมชนเกษตรหนองผักไร

ชาวบ้านครบุรี ซึ้งใจ โครงการ OTOP นวัตวิถี สร้างชีวิตใหม่ให้ชุมชนเกษตรหนองผักไร

นครราชสีมา –  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านหนองผักไร หมู่ที่ 2 ต.ตะแบกบาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ต่างรู้สึกดีใจที่โครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้นำงบประมาณเข้ามาสู่หมู่บ้าน เพื่อสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาชุมชนให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชาวบ้านในพื้นที่  ซึ่งก่อนหน้านี้หมู่บ้านหนองผักไร ไม่ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย รู้กันเพียงว่าเป็นหมู่บ้านที่ทำการเกษตรปลูกมันสำปะหลังเป็นหลัก แต่เมื่อโครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เกิดขึ้น ก็มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆเข้ามาส่งเสริม นำจุดเด่นของหมู่บ้าน ซึ่งอยู่บนที่ราบสูงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและความหลากหลายทางการเกษตร มาเป็นจุดขายจนทำให้ขณะนี้หมู่บ้านหนองผักไรเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอย่างมาก

 

ล่าสุดเจ้าหน้าที่พัฒนากรชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันสร้างหอคอยไม้ไผ่ต่างระดับ 3 หลัง พร้อมมีสะพานไม้ไผ่ลดหลั่นต่างระดับกัน ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของพื้นที่ตำบลตะแบกบานและตำบลใกล้เคียง ซึ่งสามารถมองเป็นเนินเขาที่เขียวขจีไปด้วยพืชผลทางการเกษตรต่างๆ  โดยเฉพาะในช่วงเย็นตอนตะวันตกดิน  นักท่องเที่ยวจะได้เป็นความสวยงามของเนินเขาที่กลายเป็นทะเลสีเขียวสด ด้วยต้นมันสำปะหลัง ข้าวโพด ดาวเรือง และผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ตัดกับสีทองผ่องอำไพของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ซึ่งถือเป็นภาพที่สุดแสนจะสวยงามอย่างมาก นักท่องเที่ยวที่ชื่นชมการถ่ายภาพควรจะต้องลงไปลั่นชัตเตอร์ดูสักครั้ง

นายสำราญ ทนไทย รองประธานชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านหนองผักไร เปิดใจว่า ต้องขอขอบคุณรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ริเริ่มให้เกิดโครงการนี้ขึ้นมา เพราะชาวบ้านในชุมชนไม่เคยคิดมาก่อนว่า พื้นที่การเกษตรแห่งนี้จะสามารถพัฒนาและกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวยงามและได้รับความนิยมเช่นนี้ได้ ซึ่งทางชุมชนเองจะพยายามพัฒนาและต่อยอดโครงการนี้ต่อไปอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะให้ชุมชนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและสร้างรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับชาวบ้านในชุมชนอย่างยั่งยืน

พบรีสอร์ทปลูกผักหวานป่า กว่า 2-3 พันต้น ที่อำเภอวังน้ำเขียว

พบรีสอร์ทปลูกผักหวานป่า กว่า 2-3 พันต้น  ที่อำเภอวังน้ำเขียว  จังหวัดนครราชสีมา

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา  ได้พบว่ามีรีสอร์ทที่ อำเภอวังน้ำเขียวจังหวัดนครราชสีมา ได้ปลูกและเพาะพันธุ์ผักหวานป่าจำนวนกว่า 2-3 พันต้น โดยไดพบกับ  นายวรโชติ  สุรจันทร์  หรือเฮียตี๋  เจ้าของไร่ จวนทองผักหวานป่า  อยู่ที่บ้านพุทธชาด  เลขที่ 209 หมู่ 8 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา  ทางขึ้นเขาสลักได ที่ให้บริการบ้านพัก  กางเต้น และงานสัมมนาต่าง ๆ  ซึ่งสถานที่แห่งนี้ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 440 เมตร   โดยนายสรโชติ  สุรจันทร์   หรือเฮียตี๋  ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่ารีสอร์ทไร่จวนทองผักหวานป่าแห่งนี้มีเนื้อที่ 13 ไร่กว่าและได้ปลูกต้นผักหวานป่าไว้ 2-3 พันต้น  สาเหตุที่ปลูกผักหวานป่าเนื่องจากว่าเป็นพืชที่ปลูกยากมากและเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง  หากปลูกพืช ที่ปลูกยากจะเป็นอย่างไร

นายวรโชติ สุระจันทร์กุล หรือเฮียตี๋ยังได้กล่าวต่ออีกว่าผักหวานป่า ที่ปลูกนี้ ส่วนหนึ่งก็จะนำไปขายและอีกส่วนหนึ่งก็จะนำมาประกอบอาหารให้กับลูกค้าได้รับประทานและนอกจากผักหวานป่าแล้วทางไร่ยังได้ปลูกต้นไม้ใหญ่ผลไม้ต่างๆไว้เป็นจำนวนมากเพื่อสร้างความเป็นธรรมชาติให้กับรีสอร์ทและในช่วงฤดูแห่งการท่องเที่ยวนี้   ทางด้านนายวรโชติ  สุรจันทร์  ก็ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนที่ไร่จวนทองผักหวานป่าแห่งนี้ด้วย

ทางด้านของเชฟ  เอกกฤต วงษ์วัน หรือเชฟโจ   ประธานที่ปรึกษาเชฟเขาใหญ่   นครราชสีมา   ได้กล่าวว่า ตนเองได้มาพักผ่อนที่ไร่จวนทองผักหวานป่าแห่งนี้และได้สังเกตเห็นว่ามีต้นผักหวานป่าเป็นจำนวนมาก   จึงได้มีการพูดคุยกับทางด้านเจ้าของรีสอร์ท  และได้แนะนำเมนูที่ทำจากผักหวานป่า  ที่มีอยู่ภายในไร่จวนทองผักหวานแห่งนี้   โดยเชฟโจ  ได้อธิบายถึงสรรพคุณของผักหวานป่าว่า  เป็นผักที่ชอบน้ำเล็กน้อยชอบอากาศเย็นโดยส่วนใหญ่จะมีที่อำเภอวังน้ำเขียวที่เดียวเท่านั้นรวมถึงรสชาติที่กรอบมันหักแกงแบบโบราณเช่นแกงกะทิหัวปลีใส่ผักหวานป่าก็จะมีรสชาติที่กลมกล่อมหรือจะทำเมนูต้มซุปในสไตล์ญี่ปุ่นก็ได้

ซึ่งผักหวานป่าที่ไร่จวนทองมีลักษณะพิเศษคือกรอบใบใหญ่มีรสชาติที่อร่อยมากๆต่างจากผักหวาน บ้านอย่างสิ้นเชิง  นอกจากนี้  เชฟโจ  ยังได้กล่าวอีกว่าผักหวานป่าเป็นผักที่หายากมากและจะหาคนที่ปลูกอย่างจริงจังก็ยากเช่นกันและเป็นที่โชคดีของตนที่ได้มาเที่ยวพักผ่อน  ณ  ที่แห่งนี้และได้เจอกับผู้ที่ปลูกผักหวานป่าไร่จวนทองแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

ชมคลิปและเสียงสัมภาษณ์

 สาวเชียงใหม่บุกถิ่นเมืองย่าโมสร้างสวนสตอเบอรี่เป็นจุดเชคอินให้เข้าชมเชลฟี่ฟรีหารายได้จากขายของฝากทำเงินช่วงไฮท์ซีซั่น

สาวเชียงใหม่บุกถิ่นเมืองย่าโมสร้างสวนสตอเบอรี่เป็นจุดเชคอินให้เข้าชมเชลฟี่ฟรีหารายได้จากขายของฝากทำเงินช่วงไฮท์ซีซั่น ส่งเสริมการขายด้วยวิธีการทันสมัยให้ลูกค้าเชคอินโพสภาพแถมต้นสตอเบอรี่กลับบ้านฟรี

ที่ อ.วังน้ำเขียว  จ.นครราชสีมา เมื่อเข้าฤดูหนาว พบว่ามีหลายจุดทำการจัดสร้างสวนดอกไม้ต่าง ๆ เตรียมนักท่องเที่ยว รวมทั้งสวนสตอเบอรี่ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยวถือเป็นอีกสถานที่ยอดนิยมอีกอย่างที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้ามาสร้างชื่อให้ อ.วังน้ำเขียว เนื่องจากเจ้าของสวนส่วนใหญ่เป็นชาวเชียงใหม่

สวนสตอเบอรี่ อิชิโกะ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ตั้งอยู่เขตพื้นที่ หมู่ 3 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ตั้งอยู่ติดถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-นครราชสีมา ขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมา เป็นอีกหนึ่งจุดเชคอินที่ถูกสร้างขึ้นให้เป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวได้แวะถ่ายภาพรวมทั้งทำกิจกรรมเก็บลูกสตอเบอรี่เป็นของฝากซึ่งในช่วงนี้ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวพบว่ามีนักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางแวะเที่ยวชมเก็บภาพเป็นที่ระลึกร่วมทั้งซื้อสตอเบอรี่กลับเป็นของฝากกันไม่ชาดสาย

จากการสอบถาม นางจันทิมา ธรรมชาติอุดม อายุ 27 ปี ชาวตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของสวนสตอเบอรี่ อิชิโกะ บอกว่า สตอเบอรี่ ถือเป็นผลิตผลที่ขึ้นชื่อของเชียงใหม่ ต่อมาได้มีการนำออกไปเผยแพร่ยังพื้นที่อื่นโดยเฉาะพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม รวมทั้งวังน้ำเขียว ก็เป็นจุดหนึ่งที่มีชาวเชียงใหม่ที่มีความรู้ในการปลูกสตอเบอรี่มาตั้งหลักปักฐานทำสวนให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีมีรายได้จากการขายสตอเบอรี่จากสวนและของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสตอเบอรี่จากเชียงใหม่ จำบวก น้ำสตอเบอรี่ ไวน์สตอเบอรี่ และสินค้าอื่น ๆ

วิธีการทำสวนสตอเบอรี่ ตนจะทำการต้นกล้าที่เชียงใหม่กล้าไว้ตั้งแต่ช่วยเดือนเมษายนจนถึงสิหาคมจะขนย้ายมาลงปลูกในกระถางที่วังน้ำเขียวช่วงเดือนกันยายน เพื่อให้ออกผลทันช่วงหน้าหนาว โดยลงทุนทั้งหมดทั้งเช่าที่ ที่จัดสวน ตกแต่งสวน รวมทั้งซื้อของที่เป็นของฝากไว้จำหน่ายต้องลงทุนไป 4-5 แสนบาท หากไม่มีอะไรผิดพลาดหรือยังมีนักท่องเที่ยวมามากเหมือนทุกปีจะมีกำไรจากการทำสวนสตอเบอรี่เกือบเท่าตัว โดยในช่วงนี้ก็เริ่มมีผลออกและสามารถเปิดให้เข้าเที่ยวชมฟรีได้แล้ว

โดยส่วนใหญ่จะให้เข้าถ่ายภาพฟรี และสามารถเก็บสตอเบอรี่สด ๆ จากต้นมาซื้อเป็นขอบฝากกลับบ้านได้ขีดล่ะ 60 บาท โดยในช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ มาเที่ยวที่สวนนี้เชคอินและโพสต์ในเฟสฯ จะมีต้นกล้าสตอเบอรี่ขนาดเล็กเป็นของฝากให้ฟรี ๆ ด้วย 1 ต้น

สุดทึ่ง!!!พบแกรนแคนยอนเมืองลับแลแห่งใหม่ที่โคราช ชาวบ้านเชื่อเมืองพญานาค สุดงดงามอลังการ 

สุดทึ่ง!!!พบแกรนแคนยอนเมืองลับแลแห่งใหม่ที่โคราช ชาวบ้านเชื่อเมืองพญานาค สุดงดงามอลังการ 

นายราเชนทร์ ประกอบกิจ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลท่าจะหลุง พร้อมด้วยนายเสือ รักษ์ป่า ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าหุบใหญ่  ผู้นำชุมชนและสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ป่าหุบใหญ่  นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ป่าหุบใหญ่ ซึ่งเป็นป่าชุมชนเชื่อมต่อระหว่างตำบลท่าจะหลุง อ.โชคชัย และ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา เพื่อเตรียมผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  หลังจากที่มีการสำรวจพบเส้นทางน้ำป่าไหลเซาะชั้นดินและชั้นหิน กัดกร่อนดินและหินกลายเป็นรูปร่างแปลกตามากมาย หรือที่เรียกว่าแกรนแคนยอน  จนกลายเป็นศิลปกรรมที่มีความสวยงามตระการตา รวมเนื้อที่กว่า 3 ไร่  ที่รังสรรค์ขึ้นมาจากธรรมชาติโดยมิได้มีการเติมแต่ง ประกอบกับมีเรื่องราวความเชื่อลี้ลับอีกมากมาย ที่สำคัญยังมีการสำรวจพบฟอสซิลไม้กลายเป็นหินที่คาดว่าอายุนับล้านปี กระจายอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมากด้วย

นายเสือ รักษ์ป่า ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าหุบใหญ่ ซึ่งช่วยดูแลผืนป่าหุบใหญ่มายาวนาน กล่าวว่า ป่าหุบใหญ่นั้นมีเนื้อที่รวมกว่า 1,400 ไร่  ซึ่งบริเวณที่เกิดแกรนแคนยอน นั้น เป็นพื้นที่ระหว่างบ้านงิ้ว ต.ท่าจะหลุง อ.โชคชัย และ บ้านโคกวังวน ต.หนองยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ เป็นแกรนแคนยอนที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับปราสาทหินสมัยโบราณกระจายอยู่หลายจุด  ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า ปรางค์พระนารายณ์  อีกทั้งยังมีทางน้ำไหลที่เกิดจากการไหลของมวลน้ำป่าจำนวนมหาศาล กัดเซาะดินจนกลางเป็นร่องลึกกว่า 3 เมตร จนสามารถลงไปเดินและสัมผัสกับร่องรอยการกัดเซาะชั้นดินและหินได้อย่างใกล้ชิด  นอกจากนี้ยังมีการสำรวจพบการถับถมของชั้นดินมานานนับล้านปีกระทั่งมีซากฟอสซิลไม้กลายเป็นหินกระจายอยู่ทั่วบริเวณอีกด้วย  ซึ่งทางกลุ่มอนุรักษ์ป่าหุบใหญ่  ต้องนำเชือกมากั้นบริเวณและจัดเวรยามคอยดูแลตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปทำให้ซากฟอสซิลเหล่านั้นเสียหายหรือถูกขโมยไป

นอกจากความพิเศษของแกรนแคนยอนที่ถูกธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นแล้ว  ชาวบ้านบางคนก็เชื่อว่าจุดนี้เป็นแหล่งพำนักอาศัยของพญานาค เนื่องจากมีบ่อน้ำซับไหลขึ้นมาตลอดทั้งปี  บางคนก็เชื่อว่าเป็นเมืองลับแล เนื่องจากเคยมีผู้พบมีผู้คนอาศัยอยู่ ทั้งๆที่จุดดังกล่าวเป็นป่าอนุรักษ์ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย จึงเชื่อว่าจะทำให้พื้นที่จุดนี้จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว

ล่าสุดทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าจะหลุง อ.โชคชัย และ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ เตรียมที่จะร่วมมือกันหาทางพัฒนาสถานที่ดังกล่าว พร้อมออกสำรวจพื้นที่ป่าโดยรอบ เพราะคาดว่ายังมีจุดที่มีความสวยงามอีกหลายจุด เพื่อผลักดันให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดนครราชสีมาต่อไป

สมาคมเจ้าของคอกม้าแข่งจังหวัดนครราชสีมาแจ้งปัญหา!!สุนทรขี้ม้าขาวช่วยด่วน

สมาคมเจ้าของคอกม้าแข่งจังหวัดนครราชสีมาแจ้งปัญหา!!สุนทรขี้ม้าขาวช่วยด่วน

วันที่ 20 ตุลาคม 2561 ที่สมาคมเจ้าของคอกม้าแข่งจังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาโดยนายทองหล่อ เอี่ยมวงศ์ นายกสมาคมเจ้าของคอกม้าแข่งจังหวัดนครราชสีมา กรรมการสมาคมฯ และสมาชิกสมาคมฯได้มีการแถลงรายรับรายจ่ายในรอบปี2560-61ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้แจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายของสมาคมฯร่วมถึงการอยู่รอดของสมาคมฯมาทางด้านนายสุนทร  แพ่งไพรี ได้ขึ้นกล่าว  ปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้สมาคมยังไม่มีเงินเพราะอะไรย้อนกลับนิดนึงเมื่อก่อนจอกกี้ไม่เคยมีเงิน ผมลงทุน 800,000บาท วันนี้จอกกี้ยืนได้และมีความรู้ผมภูมิใจและได้ดำเนินการแต่กลับผมโด่นไล่ออกเทรนเนอร์ มีปัญหาผมเข้ามาแก้จนวันนี้มีเงิน 800,000 บาท วันนี้สมาคมมีปัญหาเพราะอะไรเฉพาะค่าไฟค่าพนักงานค่าลูกน้องก็หมดแล้วแลกตัวนี้อีก 4 คอกแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาบริหารผมว่าวันนี้เราต้องคิดไปข้างหน้าต้องเริ่มใหม่เรา

ต่อมาที่ประชุมนายกสมาคมกล่าวเกี่ยวกับเรื่องมารยาทการเข้าสนามม้าแข่งการใส่รองเท้าแตะกางเกงขาสั้นจะต้องโดนทำโทษรับเงินจำนวน 100 บาทต่อครั้งที่ไม่ปฏิบัติกฎกติกาและอื่นๆ  ส่วนการเลือกตั้งกรรมการผู้แทนเจ้าของคอกจำปี 2562 -2563สมาชิกได้เสนอชื่อกรรมการ  เลื่อกตั้งจำนวนห้าคนส่วนการเลื่อก นายกสมาคมเจ้าของม้าแข่งจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่นายทองหล่อ เอี่ยมวงษ์ เป็นนายกสมาคมฯอีกสมัย    นายทองหล่อ ซึ่งเป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่น กล่าวว่า ส่วนตัวเคยทำธุรกิจคอกม้า เคยมีม้าสูงสุดถึง 40-50 ตัว แต่ตอนหลังแบกรับต้นทุนไม่ไหว เพราะม้าตัวหนึ่งต้องมีคนดูแล 1 คน มีต้นทุนดูแลตัวละประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน ส่วนสมาคมฯ ปัจจุบันมีสมาชิกคอกม้าอยู่ประมาณ 100 คอก คอกละประมาณ 4-5 ตัว หรือ 10 ตัวบ้างก็มี นับว่าเป็นจังหวัดที่มีคอกม้ามากที่สุดแล้ว ที่ผ่านมา ม้าเหล่านี้จะไปแข่งหลายสนาม ไม่ว่าจะเป็นสนามที่จังหวัดนครราชสีมาถึงจังหวัดใกล้เคียง และในกรุงเทพฯ อีกด้วย