#ชน3คันรวด #แหกระจาย (วันที่ 30 สิงหาคม 2564)

เวลา 06.30 น.เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์กระบะและรถเก๋ง ที่หน้าปั้มน้ำมัน ปตท.บ้านโคกคอนอินทร์
ตำบลมะเริง อำเภอเมือง
จังหวัดนครราชสีมา
ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 2 ราย ทั้ง 2 รายมีแผลถลอกตามร่างกาย รู้สึกตัวดี
กู้ภัยฮุก31 นำผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่1 คนขับรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ100สีดำ-เทา กลน 404 จันทบุรี ทำให้แหที่เก็บไว้ใต้เบาะกระจายออกมา ส่งโรงพยาบาลมหาราช และรายที่2 คนขับรถยนต์กระบะมาสด้า สีขาว 8977 นครราชสีมาส่งโรงพยาบาลป.แพทย์ 2
ผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่1ชื่อนายลิขิต เข็มสุวรรณ์ อายุ 44 ปีที่อยู่ 13/1 หมู่ 2 ตำบลมะเริง
อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
ผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่2ชื่อนายวทัญญู รัตนา อายุ 29 ปี ที่อยู่ 679 ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ส่วนรถคันที่3 โตโยต้า โคโรล่า อัลติส สีขาว 6ภค916 กรุงเทพมหานคร ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

Cr.แจ้งข่าวสารโคราชบ้านเอง

ยุทธการ “ พิฆาตทรชน คนค้ายาอีสานใต้ ”

แถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ
จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 5 คน ของกลางยาบ้า 402,000 เม็ด
ตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ พ.ศ. ๒๕๓๔
รถยนต์ จำนวน ๕ คัน และอาวุธปืน จำนวน 4 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. (ปป) , พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป ๖) ได้นำนโยบายรัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปราม ยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติทุกพื้นที่
ตำรวจภูธรภาค ๓ โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.ปส), พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.3 (ผช.ปส ๑), พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ รอง ผบช.ภ.3 (ผช.ปส ๒) และ นายณรงค์ วรหาญ ผอ.สำนักงาน ปปส.ภาค ๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ระดมกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ การทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ

การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนและพื้นที่ชั้นใน และดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น ยาเสพติดตาม ยุทธการ “ พิฆาตทรชน คนค้ายาอีสานใต้ ”
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.๓ ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.อุบลราชธานี ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา ๒ คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน ๒,๐๐๐ เม็ด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยขะยุง อ.วารินชำราบ จว.อุบลราชธานี ต่อจากนั้นได้สืบสวนขยายผลทำการตรวจยึดยาบ้าจำนวน ๓๓๔,๐๐๐ เม็ด ที่บริเวณถนนซอยแยกจากถนนหลัก ถนนท่าบ่อ-หนองแก ต.แจระแม อ.เมืองอุบลราชธานี จว.อุบลราชธานี พร้อมด้วยของกลางรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า จำนวน ๑ คัน นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.๓, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.๓ , พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.๓ , พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ รอง ผบช.ภ.๓ , พล.ต.ต.ภาณุ บุรณะศิริ รอง ผบช.ภ.๓ , พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.๓ , พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทาย ผบก.ภ.จว. ศรีสะเกษ , พล.ต.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผบ.กกล.สุรนารี , พ.ต.อ.ประสงค์ เรืองเดช รอง ผบก.สส.ภ.๓ , พ.ต.อ.ศุภชัย ศักรินพานิชกุล รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ,พ.ต.อ.หัสพงศ์ เติมศิริตังคโณบล รอง ผบก.ภ.จว. ศรีสะเกษ, พ.อ.ไมตรี สุวไกร รอง ผบ.ทก.กกล.สุรนารี,พ.อ.ภาคภูมิ นภากาศ รอง ผบ.ฉก ๒ กกล.สุรนารี, พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ รอดนวล ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.สิทธิชัย ธัญญาบาล ผกก.สืบสวน ๒ บก.สส.ภ.๓ , พ.ต.อ.นิลกาฬ พรศักดิ์ ผกก.สภ.กันทรารมย์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.๓ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรารมย์ จว.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ทหาร กกล.สุรนารี ร่วมกันสืบสวนขยายผลเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่าเป็นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน จะลักลอบนำยาบ้าเข้ามาจำหน่ายให้กับผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3 หลายจังหวัด

จากการสืบสวนขยายผลต่อมา วันที่ 24 ก.ค. 64 ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายนพิพัฒน์ หรือบุ๊ก หรือเบิก กิ่งแก้ว อายุ ๓๓ ปี ที่อยู่ ๖๓/๑ หมู่ที่ ๑๐ ต.ดูน อ.กันทรารมย์ จว.ศรีสะเกษ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกับพวกที่หลบหนีมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย , ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมด้วยของกลาง
๑.อาวุธปืน AK47 (อาร์ก้า) จำนวน 3 กระบอก ประกอบด้วย
-กระบอกที่ ๑ อาวุธปืน AK47 มีหมายเลขประจำปืน ๑๙๗๓๔๗๐๓๒๔ จำนวน ๑ กระบอก

  • กระบอกที่ ๒ อาวุธปืน AK47 (พานท้ายแยกยังไม่ได้ประกอบ) จำนวน ๑ กระบอก
  • กระบอกที่ ๓ อาวุธปืน AK47 จำนวน 1 กระบอก
    ๒.อาวุธปืนลูกซองสั้น (ไทยประดิษฐ์) จำนวน ๑ กระบอก
    ๓.เครื่องกระสุนปืน AK47 ขนาด ๗.๖๒ จำนวน 20 นัด
    ๔.เครื่องกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ ๑๒ จำนวน ๑๔ นัด
    ๕.เครื่องกระสุนปืนขนาด .357 MAGNUM จำนวน ๒๙ นัด
    ๖.เครื่องกระสุนปืนขนาด ๙ มม. จำนวน ๑๕ นัด
    ๗.แมกกาซีน AK47 จำนวน ๓ อัน
    สถานที่ตรวจยึด/จับกุม บริเวณห้องพักเลขที่ ๗๗/๕ หมู่ ๑๐ ชุมชนโนนเปื่อย ต.ดูน อ.กันทรารมย์ จว.ศรีสะเกษ
    บก.สส.ภ.๓
    จากผลการจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดของกลางคดียาเสพติด เมื่อวันที่ 16 ก.ค.64 ชุดจับกุมได้ สืบสวนติดตามเครือข่ายนี้อย่างต่อเนื่อง และต่อมาทางการสืบสวนเชื่อว่าเป็นเครือข่ายของนายนพิพัฒน์ หรือเบิก กิ่งแก้ว ซึ่งเป็นเครือข่ายใหญ่จะรับยาบ้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทางด้าน อ.โพนพิสัย จว. หนองคาย และลำเลียงมาส่งพื้นที่ตอนในในเขต ภ.3 และ ภ.4 ครั้งละหลายล้านเม็ดโดยใช้รถยนต์ 3 คัน เป็นขบวนลำเลียงยาเสพติดและมีอาวุธสงครามคุ้มกัน ต่อมาวันที่ 24 ก.ค.64 ชุดจับกุมสามารถควบคุมตัวนายนพิพัฒน์ หรือเบิก กิ่งแก้ว ได้และให้การรับว่ากระทำผิดจริง โดยได้ลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านตรงข้าม อ.โพนพิสัย จว.หนองคาย เข้ามาส่งให้เครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน ในเขต ภ.3 และ ภ.4 หลายครั้ง ๆ ละหลายล้านเม็ดโดยส่งตามจุดต่าง ๆ ครั้งละ 100-200 มัด ในเขต จว.ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี โดยมีผู้กระทำผิดร่วมจำนวน 4 คน สำหรับค่าจ้างในการลำเลียงจะได้รับเป็นยาบ้าตามมูลค่าของค่าจ้างที่ได้รับครั้งหนึ่งประมาณ 200,000 – 250,000 บาท และรับว่ายังมีอาวุธปืนอาร์ก้า ซุกซ่อนอยู่บนเพดานในห้องเช่าใกล้บ้านเขต อ. กันทรารมย์ จว. ศรีสะเกษ ชุดจับกุมจึงได้ไปตรวจสอบและทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากการสืบสวนขยายผลต่อมาได้ทำการติดตามตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้กระทำผิด เป็นรถยนต์เก๋ง 2 คัน รถยนต์กระบะ 2 คัน รวม 4 คัน ซึ่งใช้ในการลำเลียงยาเสพติด จึงได้ควบคุมตัวนายนพิพัฒน์ หรือเบิกฯ พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.กันทรารมย์ จว. ศรีสะเกษ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และชุดจับกุมอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
    ผลการสืบสวนจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 200,000 เม็ด ของ สภ.กันทรารมย์ จว.ศรีสะเกษ โดย พ.ต.อ.สุกาญจน์ นิลอ่อน ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3. , พ.ต.ท.วรวรรธน์ ขันเครือ รอง ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 สามารถสืบสวนขยายผลจับกุมคดียาเสพติดได้ เพิ่มเติม จำนวน 2 ราย ผู้ต้อง 2 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า จำนวน 66,000 เม็ด ดังนี้
    วันที่ 25 ก.ค.64 เวลาประมาณ 18.00 น. ชุดจับกุมตรวจยึดยาบ้า จำนวน 16 มัด จำนวน 32,000 เม็ด สถานที่ตรวจยึด ริมถนนในไร่อ้อยทางด้านทิศใต้บ้านกระเดื่อง ม.12 ต.สองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ต่อเนื่องเวลา 21.00 น. จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 คน พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 17 มัด จำนวน 34,000 เม็ด โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
    สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 ได้จับกุม นายเชาวลิช หรือหนุ่ม คอแก้ว พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 200,000 เม็ด จากการสืบสวนขยายผลทราบว่ามีการส่งยาบ้ามาจำหน่ายให้ลูกค้าในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีชายชาวลาว ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ใช้การติดต่อสื่อสารผ่านเฟซบุ๊ก และใช้โทรศัพท์เบอร์ประเทศ สปป. ลาว เป็นนักค้ายาเสพติด ผู้มีพฤติกรรมจำหน่ายยาบ้าในลูกค้าในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต่อมาวันที่ 24 ก.ค.64 ชุดจับกุมได้วางแผนจับกุมเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว ต่อมาคนลาวได้ติดต่อมายังสายลับแจ้งว่า ทีมรับจ้างส่งยาเสพติดได้นำยาบ้า จำนวน 16 มัด มาวางไว้กองใบอ้อยที่ริมถนนในไร่อ้อยทางด้านทิศใต้บ้านกระเดื่อง ม.12 ต.สองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบและตรวจยึดยาบ้าดังกล่าว และได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อมา เวลาประมาณ 21.00 น. สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือนายศุภกิจหรือก้อง พรามนิล อายุ 16 ปี ที่อยู่ 127 ม.9 ต.โนนสุวรรณ อ.โนนสุวรรณ จว.บุรีรัมย์ และนายอดิเทพหรือกาน กิจประเสริฐ อายุ 20 ปี ที่อยู่ 23 ม.15 ต.โนนสุวรรณ อ.โนนสุวรรณ จว.บุรีรัมย์ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 6 มัด จำนวน 12,000 เม็ด จากการซักถามขยายผล นายอดิเทพหรือกานฯ รับว่ายังมียาบ้าอีกจำนวนหนึ่งอยู่ที่บ้านพัก วันที่ 26 ก.ค.64 เวลาประมาณ 08.00 น. ชุดจับกุมจึงได้ไปทำการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 11 มัด จำนวน 22,000 เม็ด ที่บ้านเลขที่ 23 ม.15 ต.โนนสุวรรณ อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ รวมของกลางยาบ้าทั้งหมด 34,000 เม็ด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.โนนสุวรรณ จว.บุรีรัมย์ โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

จับแก๊งแฮกเฟชบุ๊ก/ไลน์หลอกโอนเงิน!!!

กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 จับกุม แก๊งแฮกเฟซบุ๊ก,ไลน์ หลอกโอนเงินจ่ายค่าสินค้า
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 ,พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย, ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา, พ.ต.อ.ประสงค์ เรืองเดช ผบก.สส.ภ.3 ,พ.ต.อ.สมบัติ หงษ์ทอง รอง ผบก.สส.ภ.๓, พ.ต.อ.สุกาญจน์ นิลอ่อนผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.๓ พ.ต.ท.วรวรรธน์ ขันเครือ , พ.ต.ท.จิรัฎฐ์ อรุณลักษณ์ รอง.ผกก.สืบสวน 3ฯ , พ.ต.ต.วิชิต สันติสิทธิมนธร สว.กก.สืบสวน 3ฯ, พ.ต.ต.ธนยศ สีชาพานิจ สว.กก.สืบสวน 3ฯ, พ.ต.ต.สมพร ทองประดับ สว.กก.สืบสวน 3ฯ ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.นคราชสีมา, กก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ, สภ.โพธิ์กลาง ทำการสืบสวนจับกุมคนร้าย จำนวน 2 คน ดังนี้
ด้วยเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 น.ส.เฉลิมลักษณ์ ภูวสวัสดิ์(ผู้เสียหาย) ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใคร ได้ใช้ไลน์(เก่า)ของนายประสิทธิ์ฯที่เคยทำโทรศัพท์เคลื่อนที่หายเมื่อประมาณ 5 ปี ก่อนเกิดเหตุ แล้วแชท มาหลอกยืมเงินผู้เสียหายเพื่อจ่ายค่าสินค้า

ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารของคนร้าย รวมเป็นเงินทั้งหมด 47,900 บาท เหตุเกิดพื้นที่ สภ.โพธิ์กลาง และในวันเดียวกัน มีนางสมจิตร์ ภูวสวัสดิ์ ผู้เสียหาย ถูกคนร้ายได้ใช้ไลน์(เก่า)ของ นายประสิทธิ์ฯ หลอกยืมเงินเพื่อจ่ายค่าสินค้า จำนวน 10,500 บาท เหตุเกิด สภ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา

  1. วันที่ 13 ก.ค.2564 เวลา 09.00 น. จับกุม นายภิญโญ คงกอง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/2 ม.3 ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชรตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 167/2564 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนและร่วมกันกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถบริษัทอาร์ซีทีคอนซูมเมอร์ จำกัด 71/71 ม.8 ต.บางกะจะ อ.เมือง จันทบุรี
    พร้อมตรวจยึด โทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 1 เครื่อง, บัตร ATM จำนวน 2 ใบ ตรวจสอบยอดเงินหมุ่นเวียนในบัญชีธนาคาร 3 เดือน จำนวน 3 ล้านบาท
    2. วันที่ 14 ก.ค.2564 เวลา 15.00 น. จับกุม นายวัชรพล ศิริบุตร อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.13 ต.ก้านเหลือง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 168/2564 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นฯ สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 59 ม.13 บ้านหนองจินดาน้อย ต.ก้านเหลือง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ตรวจยึดโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 1 เครื่อง ที่ใช้ในการรับโอนเงิน
    จากการขยายผลทราบว่า นายภิญโญ คงกอง และนายวัชรพล ศิริบุตร มีหน้าที่รับจ้างโอนเงินเข้าบัญชีของคนร้าย โดยได้รับค่าตอบแทน เงินจำนวนร้อยละ 10(นายภิญโญฯ) และร้อยละ 3 (นายวัชรพลฯ) ของจำนวนเงินที่รับโอน ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลหาตัวผู้รวมการกระทำความผิดอีกต่อไป

การประเมินยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ น.ณ ห้องกรองแก้ว ชั้น ๑ โรงแรม แคนทารี โคราช จังหวัดนครราชสีมาการชี้แจงความเป็นมา และวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการ เกี่ยวกับผลการประเมินยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) พ.ศ. ๒๕๖๐ -๒๕๖๔ และจัดทำยุทธศาสตร์ด้าน AML/CFT พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๗๐ โดยผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช หัวหน้าโครงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวข้องกับการดำเนินยุทธศาสตร์ด้าน AML/CFTร่วมกับตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม/ประชาชนโดย รศ.ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว รศ.ดร.เทพรัตน์ พิมลเสถียร และรศ.ดร.กมลพร สอนศรี (ผ่านระบบออนไลน์)รศ.ดร.เทพรัตน์ พิมลเสถียร คุณธนพัฒน์ ภคชัยวิศิษฏ์คณะที่ปรึกษาเพื่อจัดทำผลการประเมินยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔และยุทธศาสตร์ด้าน AMLICFT พ.ศ. ๒๕’๖๕ – ๒๕๗o เพื่อประเมินผลการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ด้าน AMLICFT พ.ศ. ๒๕๖ㆍ – ๒๕๖๔ และจัดทำยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการด้าน AML/CFT พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๗๐

ส่วนทางด้านสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการจัดจ้างสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่ปรึกษาในโครงการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำผลการประเมินยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔ และยุทธศาสตร์ด้าน AML/CFT พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๗๐เพื่อประเมินผลการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ด้าน AML/CFT พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔ และจัดทำยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการด้าน AML/CFT พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๗ㆍ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) ที่เปลี่ยนแปลงไปสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒0 ปี และมาตรฐานสากล เช่นแบบ แบบประเด็นแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบสนทนากลุ่มผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย:หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน แบบสนทนากลุ่มผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย:ประชาชน ในการประชุมครั้งนี้ได้เชิญรตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม/ประชาชน อีกด้วย

หนุ่มขับรถเก๋งเสียหลักข้ามเกาะกลางถนนชนรถพ่วงพลิกคว่ำรอดตายปาฏิหาริย์

หนุ่มขับรถเก๋งเสียหลักข้ามเกาะกลางถนนชนรถพ่วงพลิกคว่ำรอดตายปาฏิหาริย์

วันที่ 29 มกราคม 2564 เวลา 22:20 น เกิดเหตุรถเก๋งฮอนด้า ป้ายทะเบียน กบ5923 ขอนแก่น เสียหลักข้ามเกาะกลางถนนชนต้นไม้เกาะกลางถนนขาด 2 ต้นและชนหน้ารถพ่วง ทะเบียน 70-1437 ชัยนาทที่ถนนมิตรภาพหลักกิโลเมตรที่ 123 ขาเข้ากทม.

ป้องกัน1 และอาสาสมัครกู้ภัยสว่างแสงธรรมธรรมสถานสูงเนิน รีบเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถเก๋งฮอนด้าเสียหลักชนต้นไม้เกาะกลางถนนขาด 2 ต้นชนหน้ารถพ่วงพลิกคว่ำข้ามเลนไปถนนคู่ขนาน ทราบชื่อคนขับ นายสนั่น อายุ 26 ปี คนขับรถเก๋งคานออกจากรถ ล้างมือด้านซ้ายมีแผลฉีกขาดอาสาสมัครกู้ภัยสว่างแสงธรรมปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบนำส่งรพ. สูงเนิน

ตำรวจจราจร สภ.สูงเนิน รีบเข้าเคลียร์การจราจรที่เกิดเหตุเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน

พ.ต.ท.ตระการ ศักดิ์ศรีกรม ร้อยเวร 30 สภ.สูงเนิน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุการเกิดเหตุต่อไป

จากการสอบถามคนขับรถเก๋งกำลังขับรถจากตัวอำเภอสูงเนินกำลังจะกลับบ้านพักที่การเคหะบ้านหนองบอน พอถึงที่เกิดเหตุรู้สึกรถเสียหลักแล้วรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งรถหมุนข้ามถนนพลิกคว่ำอยู่เส้นคู่ขนานตัวเองได้รับบาดเจ็บและคานออกจากตัวรถและนั่งอยู่ข้างรถจนอาสาสมัครกู้ภัยสว่างแสงธรรมธรรมสถานสูงเนินมาช่วยปฐมพยาบาลและส่งโรงพยาบาลสูงเนิน

จากการสอบถามนายนิกร อายุ 56 ปี คนขับรถพ่วง เดินทางมาจากจังหวัดกาฬสินธุ์กำลังจะไปส่งตู้ที่ท่าเรือคลองเตยพอมาถึงที่เกิดเหตุเหตุการณ์มันเร็วมากไม่ทันตั้งตัว

รถดับเพลิงอบต.นากลาง เข้าดำเนินการฉีดน้ำเพื่อป้องกันสะเก็ดไฟในการเก็บกู้รถเก๋งคว่ำเนื่องจากมีน้ำมันรั่วไหลและทำการฉีดล้างคราบน้ำมันบนพื้นถนนเพื่อป้องกันเหตุ

ภาพ/ข่าว ทีมข่าวเฉพาะกิจอำเภอสูงเนิน

หน่วยกู้ภัยสว่างแสงธรรมธรรมสถานอำเภอสูงเนิน

งานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยอบต.นากลาง

สถานีตำรวจภูธรอำเภอสูงเนิน

ชมรมข่าวเฉพาะกิจเพื่องานสาธารณภัย

นายธวัชชัย เครือบสูงเนิน (ป้องกัน1)
ข่าวเฉพาะกิจ 02 รายงาน

ฝนตก- ซ่อมทาง -รถติดยาว 3 กิโลเมตร มิตรภาพ ขาออก โปรดระวัง!!!

โปรดระวัง !!!รถติดหนัก ถนนมิตรภาพเส้นขาออก เมืองโคราช ซ่อมทาง-ฝนตก -วันหยุด #มิตรภาพรถติด #จราจรติดขัดโคราช


วันที่ 20 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงาน การจราจรเส้นถนนมิตรภาพขาออก เมืองนครราชสีมา รถติดหนักช่วงปรับปรุงซ่อมแซมถนน ผู้ใช้เส้นทาง รถยนต์ โปรดระวัง การเคลื่อนตัวของรถยนต์ เกิดการติดขัด โดยมีรถติดยาวกว่า 3 กิโลเมตร จากเหตุการณ์ การจราจรติดขัด ผู้กำกับการ สภ.สูงเนินสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรลงพื้นที่ดูแลการจราจรเพื่อป้องกันการเกิดเหตุ

สืบเนื่องมาจากถนนมิตรภาพช่วงหลักกิโลเมตรที่ 117 ถึง 120 ถนนมิตรภาพช่วงบริเวณหน้าบริษัทซีเกท อำเภอสูงเนิน ขาออกตัวเมืองนครราชสีมา ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมถนนเลนทางด่วน และให้รถวิ่งได้แค่ 2 เลนคู่ขนานส่งผลให้รถติดยาวกว่า 3 กิโลเมตร ขอแจ้งเตือนผู้ใช้เส้นทาง โปรดระมัดระวัง เนื่องจากเส้นทาง จราจรมีเพียง 2 ช่องจราจร

และในช่วงที่ฝนตก จะทำให้ ถนนลื่น ต้องระมัดระวังการขับขี่ รถยนต์ เพราะช่วงบ่ายจนถึงเย็น จะมีผู้จำนวนมาก เดินทาง ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ใช้เส้นการจราจร เส้นมิตรภาพ ขาออก ในการเดินทางหลัก โดย พ.ต.อ.วทัญญู รุ่งรัศมี ผู้กำกับการสภ.สูงเนิน ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.ธนเดช ทิพย์ขุนทด รองสวป.สภ.สูงเนิน
ร้อยเวรจราจรนำกำลังพลและเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงร่วมลงพื้นที่เพื่อระบายการจราจรและลดการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเขตก่อสร้าง เพื่อเป็นการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาในเขตอำเภอสูงเนิน

ภาพ/ข่าว นายธวัชชัย เครือบสูงเนิน (ป้องกัน1) ผู้รายงาน

ตำรวจภูธรภาค 3แถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญ “จับกุ่ม เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญและฟอกเงิน”

ตำรวจภูธรภาค 3แถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญ “จับกุ่ม เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญและฟอกเงิน”

วันที่15ตุลาคม 2562 ตำรวจภูธรภาค 3แถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญ “จับกุ่ม เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญและฟอกเงิน” นำ โดยพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3,พล.ต.ต.ศีรีศักดิ์ ตันตินะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (หัวหน้างานป้องกันปราบปรามยาเสพติด), พล.ต.ต.อัคราเดช   พิมลศรี ,พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรึวนิชย์ , พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3(ผู้ช่วยงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด) ไดสั่งการให้หน่วยในสังกัด เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในขดฟื้นที่รับผิดชอบแถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญ”จับกุม เครือช่ายยาเสพติดรายสำคัญและฟอกเงิน”ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.3ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ,กก.สส..ภ.จว.ลพบุรีศอ.ปส.ภ.1ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา คดี ฟอกเงิน เป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดลพบุรี มีการทำธุรกรรมทางเงินที่ได้จากการดยาเสพติดเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารในรอบ 7 เดือนหลาย 10ล้านบาท ประกอบธุรกิจรับเหมาและเลี้ยงไก่ชนบังหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบชภ.3, พล.ต.ต.ศีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.ปส.) พล.ต.ต.ปวริศ บุญสุทธิ ผบก.สส.ภ.3, พล.ต.ต.สมพจน์ขอมกลางผบก.ภ.จ.ชัยภูมิ, พต.อ.ชลาสินธุ์ ชลาลัย รองผบก.สสภ.3,พ.ต.อ.ณรงศ์ เสวกรอง ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ, พ.ต.อ.หัสพงศ์ เติมศิริตังคโณบล รอง ผบก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.ไพโรจน์ขุนหมื่น รอง ผบก.สสภ.3, พ.ต.อ.กิตติ กองแสงศรี รอง ผบก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.สุนทร หิมารัตน์ผกก.สืบสวน 2 บกสส.ภ.ต, พ.ต.อ.พรชัย ไขสนอง ผกก.สนง.ผบตร. ช่วยราชการ ศอ.ปส.ภ..ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.ไกรสร ศรีอำพร รอง ผกก.สืบสวน 2บก.สส.คต, พตท.นิธิศ จารุกมลกุล รอง ผกก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ, พต.ท.ธวัชชัย จิตตรีธาตุ สว.กก.สส..ภ.จว.ชัยภูมิ, พ.ต.ต.ทวินันท์ นามวิเศษ สว.กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3, ร.ต.อ.สมพรทองประดับ รอง สว.กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 ทำการสืบสวนขยายผล จับกุมเครือข่ายยาเสพติดและฟอกเงินด้วยเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ ทำการสืบสวนขยายผล จากปฏิบัติการจับกุม นายอติรัตน์ รักษาทรัพย์ ของกลาง ยาบ้า 6,.000 เม็ด จากนั้น

วันที่ 23 พ.ย.2561 ขยายผลจับกุมนายวีรเดช(อำ) ฤชา พร้อมของกลาง ยาบ้า 1,070 เม็ด ในพื้นที่ อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิต่อมาวันที่ 28 พ.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.3 ได้ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิทำการสืบสวนขยายผลจับกุมนายศรัณยู(แจ้)บุญเกิด และพวกรวม 3 คน เป็นนักค้ายาเสพติดในฟื้นที่ อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี พร้อมของกลางยาบ้าและตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดจำนวนหลายรายการ จากนั้นเมื่อวันที่ 3-4 มี.ค.2562 ได้ขยายผลจับกุม นายพิศณุ ทองสุข และนายวิทชุพงษ์ ทรงอยู่ พร้อมของกลางยาบ้าและอาวุธปืน จากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดได้ทำสืบสวนขยายผลจนพบหลักฐานความเชื่อมโยงทางการเงิน โดยมีการโอนเงินจากเครือข่ายยาเสพติด จำนวนประมาณ ๖ ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารของนายเอกราช น้อยเหน่า น.ส.กัญนิพา พวงทอง และนายอัศชัย ช่อฟ้า จึงเชื่อว่านายเอกราช”และพวก มีส่วนเกี่ยวช้องกับการค้ายาเสพติด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ขออนุมัติหมายจับจากศาล และเมื่อวันที่ 4 ต.ค.2562 ได้ทำการจับกุมนายเอกราชฯ และพวก ตามหมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งต้องหาวกระทำความผิดฐาน สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินเหมาและเลี้ยงไก่ชนบังหน้า

จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าได้เงินมาจากการเล่นการพนันและถูกหวย ได้ตรวจยึดเงินสด จำนวน 41,000บาท, สร้อยคอทองคำรูปพรรณ 10 บาท มูลค่ 20,000 บาท, อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัติโนมัติ ยี่ห้อโคลท์ รุ่นโกลด์คัพมูลค่ 90,000บาท, รถจักรยายนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า msx มูลค่ 20,000บาท, รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุรุ่น ดีแม็คปี 2005 มูลค่า 200,000บาท รวมมูลค่ทรัพย์สินที่ตรวจยึดประมาณ551,000บาทการปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในครั้งนี้ เป็นการปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 3ที่ให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดและกฎหมายฟอกเงิน มาต่ำเนินคดีกับนักค้ายาเสพติดและผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดทุกระดับ และฝากสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่คิดหวังจะร่ำรวยจากการค้ายาเสพติด หรือมีส่วนช่วยเหลือ สนับสนุนขบวนการค้ายาเสพติด เช่น เปิดบัญชีธนาคารให้นักค้ายาเพติดใช้รับโอนเงิน ครอบครองทรัพย์สินหรือได้รับผลประโยชน์จากทรัพย์สินของขบวนการค้ายาเสพติด อาจถูกดำเนินคดีฟอกงินและถูกตรวจยึดทรัพย์สินตามกฎหมายตำรวจภูธรภาค 3จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่ง ในการแจ้งเบาะแสช้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถานประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599สายด่วน 191 และ Application Police I lert U ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อดำเนินการปราบปรามจับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติด ในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและช้มขัน เพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด บัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไปผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3กล่าว

ผู้การโคราชแถลงข่าวกรณีคนใช้ลวดขึงขวางถนน เกี่ยวผู้ใช้รถได้รับบาดเจ็บ

ผู้การโคราชแถลงข่าวกรณีคนใช้ลวดขึงขวางถนน เกี่ยวผู้ใช้รถได้รับบาดเจ็บ… 

 


วันนี้ (8 พฤษภาคม 2562) เวลา 11.00 น. พลตำรวจตรีวัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พันตำรวจเอกสรวิศ เพ็ชรคำ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรมะเริง แถลงข่าวเหตุคนเอาเส้นลวดมาขึงบนถนนภายในหมู่บ้านมาบมะค่า ตำบลหนองระเวียง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 เวลาประมาณ 20.00 น. ทำให้รถจักรยานยนต์ของนายเอ(นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ที่ขับขี่ผ่านมาถูกเส้นลวดดังกล่าวเกี่ยวรถล้ม ได้รับบาดเจ็บ
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นบุตรชายของเจ้าของบ้านตรงที่มีการขึงลวดไว้ ซึ่งเป็นผู้ป่วยพิการทางสติปัญญา มีบัตรผู้พิการ และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นประจำ โดยให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว และพนักงานสอบสวนจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิด และดำเนินการทางกฎหมายต่อไป


Cr.ภาพและข้อมูล จาก เพจ ตำรวจโคราช ยินดีรับใช้ครับ

เฉลิมเกียรติโคราช!!โชว์ผลงานกวาดล้างยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 3 สกัดจับลอบขนกัญชา 500 กก. หลบด่านเข้ารีสอร์ทไม่รอด มูลค่ากว่า 10 ล้าน

เฉลิมเกียรติ โชว์ผลงานกวาดล้างยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 3 สกัดจับลอบขนกัญชา 500 กก. หลบด่านเข้ารีสอร์ทไม่รอด มูลค่ากว่า 10 ล้าน


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.พ. ที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ถนนสรรพสิทธิ์ อ.เมือง นครราชสีมา พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป.) พร้อม พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 ,พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ฯ และ พ.ต.อ.ปวริศ บุญ สุทธิ รอง ผบก.ฯ ,พ.ต.อ.ปราโมทย์ สิมหลวง ผกก.สภ.หินดาด จว.นครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ร่วมแถลงผลจับกุมนายดี หรือตี การุญ อายุ 42 ปี อยู่ บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 5 ต.โพนบก อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม และนายไพทูรย์ หรือทูน ฝอยทอง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ที่ 10 ต.บ้านผึ้ง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม พร้อมของกลางกัญชาแห้งอัดแท่งน้ำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม และ รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไททัน สีดำหมายเลขทะเบียน ฒฮ 5005 กรุงเทพมหานคร เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลให้หยุดยั้งและปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายkเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบในช่วง ระดมกวาดล้างอาชญากรรมและการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดห้วงวันที่ 1 -4 กุมภาพันธ์  2562

 

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ฯ รอง ผบ.ตร. ( ปป.) เผยพฤติการณ์ของคดีว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.ปราโมทย์ สิมหลวง ผกก.สภ.หินดาด ได้รับ คำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่รับผิดชอบ หลังสืบทราบว่า จะมีขบวนการลักลอบขนกัญชามา จาก จ.นครพนม ใช้เส้นทางผ่านพื้นที่ของ จ.นครราชสีมา จึงได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจบนถนนสาย 2256 ถนนสายชัยบาดาล-ด่าน ขุนทด บริเวณหน้าวัดเขาบารมี หมู่ที่ 10 ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งจากตำรวจที่ทำหน้าที่ตรวจการส่วนหน้าสังเกตรถที่เลี้ยวเข้าจอดก่อนถึงจุดตรวจ พบว่ามี ชายไทย 2 คน ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไททัน สีดำหมาย เข้าไป จอดและเข้าพักที่ห้องหมายเลข 10 ภายใน รีสอร์ทชมวิว หมู่ที่ 2 ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ท่าทางมีพิรุธน่าสงสัย จนท.แสดงตัวเข้าตรวจสอบ และตรวจค้นรถคันดังกล่าว พบกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 500 แท่ง น้ำหนัก 500 กิโลกรัม บรรจุอยู่ใน กระสอบปุ๋ย ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำอีกชั้นหนึ่ง จำนวน 12 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ที่กระบะด้านหลังรถยนต์


จากนั้นได้ประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.นครราชสีมา ดำเนินการขยายผลจับกุมเครือข่ายขบวนการลักลอบขนกัญชารายนี้ สามารถจับกุมนายประกรชัย หรือโก้ ไกรรัตน์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 หมู่ที่ 5 ต.ดงบัง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ทำหน้าที่เป็นคนขับรถนำหน้า และจับกุมนายฐานทัพ หรือขอน วะกะกัณฑ์ อายุ 42ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ที่ 2 ต.นามะเขือ อ.ปลา ปาก จ.นครพนม ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานทางโทรศัพท์กับรถขนกัญชา พร้อมด้วยรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้สีเทา หมายเลข ทะเบียน กร 2801 ระยอง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หินดาด เพื่อดำเนินการสืบสวนและขยายผลทำลายายเครือข่าย ขบวนการค้ายาเสพติดให้สิ้นซากต่อไป จากการสอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาอ้าง รับมาจากนายทุนชาวลาวเดินทางมาจาก จ.นครพนม นำไปส่งให้ลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ เพื่อรอขนลำเลียงส่งออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตามหากกัญชาอัดแท่งจำนวนนี้ถูกส่งออกนอกประเทศจะมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท

นอกจากยังมีผลการจับกุมผู้ค้ายาบ้า ของตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ของกลางยาบ้า จำนวน639,353 เม็ด และตำรวจภูธรจังหวัด บุรีรัมย์ ยาบ้า 101,990 เม็ด

>ชมคลิปและอ่านข่าวเพิ่มเติม<<

โคราช..พบเจ้าอาวาสเสพยาบ้ายาไอซ์ ค้นวัด 3 แห่ง พบเสพยาทั้ง 3 วัด จับสึกพระ 7 รูป

อึ้งพบเจ้าอาวาสเสพยาบ้ายาไอซ์ ค้นวัด 3 แห่ง พบเสพยาทั้ง 3 วัด จับสึกพระ 7 รูป

ปฏิบัติการจู่โจมค้นวัดโคราช อึ้งพบเจ้าอาวาสเสพยาบ้ายาไอซ์ ค้นวัด 3 แห่ง พบเสพยาทั้ง 3 วัด จับสึกพระ 7 รูป พร้อมศิษย์วัด ยึดสารไอซ์ อาวุธปืนอัดลม

จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. สูงเนินสนธิกำลัง ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทหาร  ร่วมกันตรวจค้นจุดเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการ 383 ของสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งเป็นปฏิบัติการทำลายวงจรยาเสพติด สร้างชุมชนสีขาว  โดยให้ตำรวจภูธรสังกัดภาค 3 ทั้ง 8 จังหวัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน โดยเข้าตรวจค้นที่วัด บ้านไร่โคกสูง ตั้งในเขตพื้นที่ ต.มะเกลือเก่า จับกุมพระสุข อภินันโท หรือ นายสุข กล่อมบาง อายุ 37 ปี  พระลูกวัด ได้พร้อมของกลาง ยาบ้า 36 เม็ด และอุปกรณ์การเสพ อยู่ภายในกุฏิ เบื้องต้นรับสารภาพซื้อยาบ้าจากวัยรุ่นไว้เสพ แถมพบมีพฤติกรรม แต่งเป็นฆราวาสเที่ยวตอนกกลางคืนด้วย จึงควบคุมตัวไปสึกพร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย

ล่าสุด ได้ขยายผลเข้าตรวจค้น ที่ วัดสว่างบูรพาราม ม.2 และ ที่ พักสงฆ์เขาหนองบัวธรรมสถาน หรือวัดเขาหนองบัวด้วย ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลเดียวกัน โดยที่วัดบูรพาราม ขออนุญาตตรวจปัสสาวะพระลูกวัด 8 รูป พบเป็นสีม่วง 3 รูป สารภาพว่าเสพยาบ้า 3 รูป ประกอบด้วย 1.พระสุพจน์ สตฺตคฺโณ  หรือ นายสุพจน์  ซุยสูงเนิน อายุ 44 ปี    2.พระมนตรี กิตติโก หรือนายมนตรี สุขดี อายุ 36 ปี  และ 3.พระณรงค์ นรินโท หรือ นายณรงค์ ซอสูงเนิน อายุ 45ปี ส่วนที่ พักสงฆ์เขาหนองบัวธรรมสถาน หรือวันเขาหนองบัว จับกุม ได้อีก 3 รูป และเด็กวัดอีก1 คน ประกอบด้วย พระครูสุตวัฒนานุกูล หรือ นายบุญเชน ภูมิศาสตร์ อายุ 47 ปี  ซึ่งเป็นเจ้าสำนักสงฆ์ หรือเจ้าอาวาสวัด ตรวจค้นกุฏิพบสารไอซ์ 0.61 กรัม อาวุธปืนอัดลมยาวไม่มีทะเบียน1 กระบอก สอบสวนเบื้องต้นรับสารภาพว่าเสพยาบ้า และมียาไอซ์ในครอบครองจริงจึงควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ส่วนพระลูกวัดอีก 3 รูป พบว่าเสพยาบ้า 2 รูป และเด็กวัดอีก 1 คน  ประกอบด้วย1.พระยอดชาย อิสฺสโร หรือนายยอดชาย เอี่ยมเจริญ อายุ 40 ปี  2.พระนครทอง กนตวณโณ หรือนายนครทอง แพไธสง อายุ 46 ปี และ นายแมนสันต์ แพไธสง   ไม่ทราบอายุ ซึ่งเป็นลูกศิษย์วัดที่มีหน้าที่ขับรถให้วัดดังกล่าว เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวพระทั้งหมดไปทำพิธีสึกและส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

คลิป>>