ซีพีเอฟโคราชส่งมอบอาหารบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้านต่อเนื่อง ขณะที่ภาครัฐชื่นชม วางมาตรการดูแล พนง.และชุมชนได้ดี

ซีพีเอฟโคราชส่งมอบอาหารบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้านต่อเนื่อง
ขณะที่ภาครัฐชื่นชม วางมาตรการดูแล พนง.และชุมชนได้ดี

(นครราชสีมา) ซีพีเอฟ นครราชสีมายืนหยัดการส่งมอบความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชุมชนรอบโรงงาน ล่าสุด ได้สนับสนุนเนื้อไก่สด ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ตามนโยบายเครือซีพี ให้กับผู้นำชุมชนหมู่บ้านโซนกอโจด-ไทรย้อย ต.ท่าเยี่ยม จ.นครราชสีมา รวม 4 หมู่ 37 ครอบครัว เพื่อให้ชุมชนนำไปทำข้าวมันไก่ แจกให้ผู้ที่กักตัวอยู่ที่บ้าน โดยมีสาธารณสุขจังหวัด และ อสม. ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิดด้วย นอกจากนี้ ยังมอบเนื้อไก่-เนื้อหมูอีกกว่า 300 กก. ผ่านท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อสนับสนุนโรงครัวสภากาชาดไทย นำไปปรุงอาหารให้ประชาชน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ได้ลงพื้นที่ มอบถุงยังชีพและหน้ากากอนามัย ในพื้นที่ตำบลสารภี อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากการบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องในชุมชนต่างๆแล้วโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ซีพีเอฟนครราชสีมา ได้ดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเข้มข้น ด้วยการจัดทำมาตรการบับเบิลแอนด์ซีล เพื่อปกป้องทั้งพนักงานและชุมชน ตามแนวทางที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.กำหนด เพื่อควบคุมโรคและจำกัดพื้นที่การระบาด เน้นย้ำการจัดกลุ่ม คุมได้ไว ลดการแพร่กระจาย โดยแยกผู้ติดเชื้อออกไปรักษา ส่วนกลุ่มเสี่ยงได้จัดที่พักกักตัวอยู่ภายในโรงงานและสถานที่พักที่กำหนด พร้อมจัดรถรับส่ง โดยไม่มีพนักงานคนใดออกนอกสถานที่พักหรือนอกเส้นทางระหว่างที่พักกับโรงงานได้

นพ.ชาญชัย บุญอยู่ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้กล่าวชื่นชมซีพีเอฟที่ให้ความร่วมมือ ดำเนินมาตรการต่างๆอย่างเคร่งครัด สอดคล้องกับ นางสาวทิพวรรณ ศรีทรมาศ นักระบาดวิทยา ซึ่งได้กล่าวชมว่าการทำบับเบิลแอนด์ซีลของซีพีเอฟนครราชสีมามีการทำเป็นระบบมีการแยกพนักงานที่มีความเสี่ยงออกจากพนักงานปกติอย่างเด็ดขาดชัดเจนก่อนนำเข้าระบบบับเบิลแอนด์ซีล ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากทำให้ไม่พบพนักงานป่วย หรือมีอาการหนักเพิ่มเติม

นอกจากนี้ พนักงานในโรงงานยังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 กันแล้วเกือบ 100% ทำให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันที่ดี เมื่อผนวกกับมาตรการบับเบิลแอนด์ซีลที่เข้มข้น ทำให้โรงงานแห่งนี้จัดเป็นต้นแบบโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดการระบบป้องกันโควิด-19 ได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของนครราชสีมา./

#แจกฟรีทุกคนที่ฉีดครบ2เข็ม

สำหรับผู้ที่รับวัคซีนครบ 2 เข็ม โดยไม่จำกัดยี่ห้อวัคซีน สถานที่ฉีด และภูมิลำเนา สามารถติดต่อรับได้ฟรีทุกคน ที่เซ็นทรัลโคราช ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป บริเวณด้านหน้า Korat Hall ชั้น 4 เวลา 09.00-16.30 น. โดยแสดงหลักฐานการรับวัคซีนกับเจ้าหน้าที่

สำหรับแคมเปญริสแบนด์ I Got Vaccinated เป็นโครงการโดยภาคเอกชน กลุ่มพลังใจโคราช และ HackVax Korat เป็นผู้จัดทำริสแบนด์มาแจกให้ฟรี โดยร่วมมือกับกลุ่มห้่ง ร้าน และธุรกิจต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา มอบเป็นส่วนลดและสิทธิพิเศษ ให้กับผู้ที่สวมริสแบนด์ มีร้านต่างๆ ในจังหวัดเข้าร่วมแคมเปญมากมาย เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจในจังหวัดสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้โดยเร็วที่สุด

#ชน3คันรวด #แหกระจาย (วันที่ 30 สิงหาคม 2564)

เวลา 06.30 น.เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์กระบะและรถเก๋ง ที่หน้าปั้มน้ำมัน ปตท.บ้านโคกคอนอินทร์
ตำบลมะเริง อำเภอเมือง
จังหวัดนครราชสีมา
ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 2 ราย ทั้ง 2 รายมีแผลถลอกตามร่างกาย รู้สึกตัวดี
กู้ภัยฮุก31 นำผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่1 คนขับรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ100สีดำ-เทา กลน 404 จันทบุรี ทำให้แหที่เก็บไว้ใต้เบาะกระจายออกมา ส่งโรงพยาบาลมหาราช และรายที่2 คนขับรถยนต์กระบะมาสด้า สีขาว 8977 นครราชสีมาส่งโรงพยาบาลป.แพทย์ 2
ผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่1ชื่อนายลิขิต เข็มสุวรรณ์ อายุ 44 ปีที่อยู่ 13/1 หมู่ 2 ตำบลมะเริง
อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
ผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่2ชื่อนายวทัญญู รัตนา อายุ 29 ปี ที่อยู่ 679 ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ส่วนรถคันที่3 โตโยต้า โคโรล่า อัลติส สีขาว 6ภค916 กรุงเทพมหานคร ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

Cr.แจ้งข่าวสารโคราชบ้านเอง

หลวง​ปู่​ไม​ อินฺทสิริ​ ละสังขาร​แล้วด้วย​อาการ​สงบ​ ณ​ โรง​พ​ยา​บ​า​ลรามาธิบดี​ กรุงเทพ​มหานคร

หลวง​ปู่​ไม​ อินฺทสิริ​ ละสังขาร​แล้วด้วย​อาการ​สงบ​ ณ​ โรง​พ​ยา​บ​า​ลรามาธิบดี​ กรุงเทพ​มหานคร​ เมื่อเวลา​ ๐๑.๑๒​ น.​ ตรงกับวัน​ศุกร์​ที่​ ๒๗ สิงหาคม​ ๒๕๖๔​ สิริอายุ​ ๗๓​ ปี​ ๗​ เดือน​ ๒ วัน​ ๕๔​ พรรษา​

ชีวประวัติและปฏิปทาหลวงปู่ไม_อินฺทสิริ

วัดป่าเขาภูหลวง ต.ระเริง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา​

ชีวิตครอบครัววัยเด็ก

หลวง​ปู่​ไม​ อินทสิริ​ ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์​ที่​ ๒๕​ มกราคม​ ๒๔๙๑​ ตรงกับวันพระขึ้น​ ๑๕​ ค่ำ​ เดือน​ ๒​ ปีชวด​ เกิดในสกุล​ “จันทร์​เหล็ก” บิดาชื่อ​ “นายด้วง” มารดาชื่อ​”นางจันทร์ศรี” เกิด​บ้านเลขที่​ ๒๐​ หมู่​ ๗​ ตำบลคอนสาย​ อำเภอกู่แก้ว​ จังหวัด​อุดรธานี

ท่านเป็นคนที่มีนิสัย รักพ่อรักแม่ รักญาติพี่น้อง เคารพนับถือญาติทุกคน ดี ไม่ดี ก็เคารพ ไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมา ถึงแม้บางครั้งจะน้อยใจอยู่บ้าง ท่านอยากบวชตั้งแต่เรียนอยู่ประถมปีที่ ๔ ขอพ่อ พ่อก็ไม่ให้ พ่อขอให้ช่วยงานบ้าน ช่วยแม่เลี้ยงน้อง เพราะน้องยังเล็ก ต้องอาศัยท่านช่วยงานบ้าน ตักน้ำ ตำข้าว ท่านมีพี่น้องทั้งหมด ๗ คน ชาย ๖ คน หญิง ๑ คน คุณพ่อขอให้น้อง ๆ โตก่อนค่อยบวช

ตอนอายุประมาณ ๑๐ – ๑๑ ปี ไปอยู่หนองบัวลำภู เช้าท่านจะนำควายไปเลี้ยงตามทุ่งนา ท่านชอบนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ ” ใต้ต้นค้อ” ท่านชอบนั่งหลับตาเป็นนิสัย แต่ไม่ได้ภาวนา ท่านมักจะเห็นสวรรค์เป็นหอปราสาท และเห็นสักกเทวราช (พระอินทร์) ใส่โจงกระเบน เหาะลงมาสอนท่านสวดมนต์คาถา จนท่านท่องจำได้ จนอายุ ๑๖ – ๑๗ ปี ก็ยังเห็นท่านอยู่ ท่านจะสอนธรรมะ คาถาป้องกันตัว อยู่ยงคงกระพัน คาถาเจ็บไข้ได้ป่วย เวลาท่านสักกเทวราชจะกลับ ท่านจะสั่งว่า เวลามีเรื่องอะไร ให้นึกถึงพ่อ ท่านเรียกตัวเองว่า พ่อ ท่านจะลงมาช่วย พระอาจารย์ท่านไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนอกจากคุณพ่อ คุณพ่อท่านให้เขียนคาถาเอาไปท่อง เพราะเหตุนี้ เวลามีคนเจ็บไข้ได้ป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ มาหาพระอาจารย์ไม ท่านเป่าให้ บอกหาย คนนั้นก็หาย

อายุ ๑๒ – ๑๓ ปี ท่านทำงานบ้านทุกอย่าง ช่วยแม่ตำข้าว ตักน้ำ ทำอาหาร และรับจ้างทุกอย่าง จนเก็บเงินซื้อควายได้ ๒ ตัว ตอนอายุ ๑๓ ปี ( เปรียบเทียบกับคนอายุ ๖๐ บางคนยังซื้อควายไม่ได้เลย ) ท่านเป็นคนที่ไม่กระตือรือร้นในการแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ได้ ไม่ชอบเที่ยว ดูหนัง ร้องรำทำเพลง แต่รำกลอนเป็นเพราะพ่อสอนให้ พ่อเคยเป็นหมอลำเรียกโจทย์แจ้ ตอบปัญหาทางด้านประวัติศาสตร์ ธรรมะ ภาษาไทย บาลี มคธ พ่อสอนเก่งมาก พ่อสอนให้รำ เพราะว่าเป็นประวัติศาสตร์คำสอนในทางศาสนา

อายุ ๑๔ ปี คุณพ่อเสีย ก่อนเสียพ่อป่วยอยู่เป็นปี วันนั้นเฝ้าพ่ออยู่คนเดียวประมาณบ่าย ๓ โมง พ่อสั่งว่าอีก ๓ วันพ่อจะตายให้เลี้ยงน้องให้โตก่อน แล้วบวชให้พ่อด้วย มีคำหนึ่งที่พ่อสั่งไว้ว่า ถ้าพ่อตายแล้วแม่คิดจะมีสามีใหม่ อย่าไปห้ามแม่นะ แต่อย่าให้สามีใหม่มารังแกน้อง อยู่มาอีกปีเศษ มีคนมาชอบแม่ ขอแต่งงาน แม่ถามว่าจะให้แม่แต่งงานหรือไม่ ก็ถามแม่ว่าจะแต่งทำไม แม่ว่าจะได้มาเลี้ยงน้อง ดูแลงานบ้าน พ่อเลี้ยงเป็นนักเลง เล่นการพนัน ชอบขโมยของมาเล่นการพนัน อยู่มาวันหนึ่ง น้องชายคนติดกัน กลับมาจากโรงเรียน แม่บอกให้ไปไล่ควายจากทุ่งนากลับเข้าบ้าน แต่น้องชายไม่รีบไป แม่ก็บ่น พ่อเลี้ยงเสริมว่า ไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ จะฆ่ามันตาย จับไม้ค้อนขว้างถูกใส่ส้นเท้าเป็นแผล น้องชายร้องไห้ ตอนนั้นพระอาจารย์ไมอายุ ๑๕ ปี เห็นพ่อเลี้ยงทำอย่างนั้นเสียใจมาก กลางคืนท่านฝนมีดยาว ๑๕ เซนติเมตร อยู่ ๓ วัน ๓ คืน คิดจะฆ่าพ่อเลี้ยง จะแทงตอนเขานอน แต่ก็คิดอีกว่า ฆ่าเขาแล้ว จะหนีอย่างไร เพราะตอนนั้นย้ายบ้านไปอยู่หนองบัวลำภู บ้านไกลจากบ้านเก่าที่ จ.อุดร ก็กลัวจะมีโทษ กลัวโดนจับ กลัวไม่ได้ดูน้อง ผ่านไป ๒ – ๓ วัน จนยับยั้งสติอารมณ์ไว้ได้ เป็นจิตที่รักน้องมากที่สุด ไม่อยากให้ใครมารังแก

ต่อมา ญาติพี่น้องทางบ้านเก่าที่อุดรพากันไปรับมาที่บ้านเกิด บ้านเก่า ซื้อไร่ ซื้อนาใหม่ พ่อเลี้ยงก็ตามมาอีก ก็ยังเล่นการพนันเหมือนเดิม ช่วงนั้นเดือนมีนาคม ชาวอีสานแต่ละบ้านจะจัดงาน มีงาบุญ มีเทศน์ผะเหวต กลางคืนมีมหรสพ หมอลำ ตอนเช้าตื่นสาย แม่ปลุกว่าไม่ไปไร่หรือ เพราะปกติต้องไปขุดไร่ ไถไร่ พวกเราตื่นสายประมาณโมงเศษ ๆ พอแม่บ่น พ่อเลี้ยงก็บ่น ทั้ง ๆ ที่พ่อเลี้ยงไม่เคยช่วยงานอะไรเลย พี่ชายคนที่ติดกัน ดึงปืน พระอาจารย์ก็ชักมีด พี่ชายคนโตก็มาห้าม พ่อเลี้ยงก็หนีไปตั้งแต่บัดนั้น ไม่กลับมาอีก ชีวิตคนมีพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงก็แบบนี้แหละ

อายุ ๑๗ ปี ไปช่วยงานญาติพี่น้อง ลุง น้า บ้าง ปลูกอ้อย ข้าวโพด ถั่วลิสง ปลูกผักขาย ส่วนมากเป็นน้าของแม่ ซึ่งท่านเรียกพ่อใหญ่ เพราะเขามีลูกเล็กช่วยงานยังไม่ได้

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

อยู่มาอายุ ๑๘ ย่าง ๑๙ ปี ลุงอยากให้มาบวช เพราะที่วัดไม่มีพระเณรมาบวช อีกอย่างเห็นสาวๆ มาคุยเล่นด้วย แต่พระอาจารย์มีจิตใจไม่คิดจะมีลูกเมีย ท่านชอบพูดเล่นกับผู้หญิงสาวๆ ไม่คิดจะแต่งงาน แต่นิสัยจะรังเกียจผู้หญิงที่มาพูดให้ทางผู้ชาย แต่มีความคิดในใจว่า จะแต่งงานกับผู้หญิง ที่มีความรักจริงซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์สุจริต บริสุทธิ์ต่อเรา เราจะไม่ยุ่งเด็ดขาด ผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับพระอาจารย์ ถ้าไม่ได้แต่งงานถูกต้องตามกฎหมาย จะไม่แตะต้องผู้หญิงคนนั้น ท่านมีความคิดเช่นนี้ ก็เลยมีความมั่นใจตนเองว่า จะไม่ล่วงเกินผู้หญิงคนใดทั้งสิ้น

แต่ลุงไม่เชื่อว่า จะมีคนคิดแบบพระอาจารย์ ลุงขอร้องให้บวช กลัวจะมีเมียก่อน ลุงเคี่ยวเข็ญทุกวัน สุดท้ายจึงตกลงใจบวช ตกลงไปเข้านาค ก่อนเข้านาคสัญญากับลุงว่า ถ้าหลานไปบวชออกพรรษาเมื่อไร ก็สึกเมื่อนั้น อย่าห้าม ก็เลยไปเข้านาค ๑ เดือน บรรพชาเป็นสามเณรไม เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๙ ที่วัดศิริวัฒนา จ.อุดรธานี บวชเป็นเณรอยู่ ๒ พรรษา ( ๑ ปี ๘ เดือน ๑๙ วัน)

ระยะเวลาเป็นเณร อยู่อุปัฎฐากครูบาอาจารย์ อาหารไม่ค่อยมี ไปตัดยอดหวาย หน่อไม้ ตอนเช้าไปทำอาหาร เช่น แกงขี้เหล็ก เลี้ยงถวายครูบาอาจารย์ ถ้าพระ เณรไม่มา พระอาจารย์ตอนเป็นเณร กิจวัตรประจำวัน ตักน้ำจากบ่อเป็นน้ำสรงครูบาอาจารย์ ทุ่มหนึ่งทำวัตรเย็น ๒ ทุ่ม เดินจงกรม ๒ ทุ่มครึ่งนั่งสมาธิ ท่านมีความตั้งใจปฎิบัติ เข้มงวดกวดขัน

สัจจธรรม

ท่านพระอาจารย์ปฎิบัติธรรมได้ตั้งแต่เป็นเณร อายุ ๑๘ ปี จิตของท่านจะน้อมถึงอดีต ท่านคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมาเสียเวลาไปมาก สร้างบาปมาเยอะตั้ง ๑๘ ปี กลัวจะกลับไปเป็น ฆราวาสทำบาปอีก ท่านเคยตั้งสัจจะไว้หลายภพ หลายชาติ เริ่มตั้งสัจจะตั้งแต่เป็นหนุ่ม คนธรรมดาจะคิดเรื่องมีครอบครัวว่าถ้าบวชสึกออกมาอายุ ๒๐ ปี จะต้องมีครอบครัว หาเงินหาทองไว้ก่อนเพื่อให้มีอยู่มีกิน จะแต่งงานกับผู้หญิงมีความบริสุทธิ์ ถ้าผู้หญิงไม่บริสุทธิ์ จะไม่แตะต้องคนนั้นเลย แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์ เรายังไม่ได้ขอแต่งงานก่อน เราจะไม่ถูกเนื้อต้องตัวเลย คิดอยู่เช่นนี้ ปีหนึ่งผ่านไป ผู้หญิงก็หนีไปแต่งงานหมด ไม่มีคนบริสุทธิ์เลย ท่านเลยผ่านพ้นมาได้ ไม่หลงในภพในชาติมากเหมือนคนอื่น

ตอนที่ปฏิบัติใหม่ ๆ เราเพิ่งจะฝึกปฏิบัติธรรม ตอนเดินจงกรมไม่เท่าไหร่​ แต่พอไปนั่งสมาธิ มันเห็นทุกข์ เห็นทุกข์ทันทีเลย พอนั่งไป ๒๐-๓๐ นาที นี่มันรู้เลย ทุกข์มันเกิดขึ้น เหน็บมันไม่รู้มาจากที่ไหน พอเรานั่งไปถึง ๒๐-๓๐ นาที มันจะขึ้นเลย ขึ้นที่เท้าเราเสียก่อน แล้วขึ้นมาตามขา จนขึ้นตามสันหลัง ขึ้นไปบนศีรษะ​ ทำให้จิตใจท้อแท้ไปหลายครั้งหลายหน

นี่สู้ด้วยตนเองมา ตอนบวชเข้ามาใหม่​ๆ ยังไม่รู้เดียงสาอะไร การศึกษาก็ยังไม่มี เพราะว่าเราเพิ่งบวชใหม่ โอกาสที่จะได้ไปศึกษาธรรมะก็ยังไม่มี แต่วันไหนว่างๆ ก็พอได้อ่านประวัติพระพุทธเจ้า อ่านหนังสือพุทธประวัติเล่มหนึ่ง แต่ทำอย่างอื่นนั้นยังไม่รู้ แต่ครูบาอาจารย์สอนให้เรานั่งสมาธิ นั่งสมาธินั่งแบบไหน เดินจงกรมเดินแบบไหน ท่านบอกเรา เวลาเดินก็กำหนดเอาต้นไม้ที่ห่างจากกัน ๒๐-๓๐ เมตร แล้วเดินจากต้นไม้ต้นนั้น ไปต้นไม้ต้นนั้น มีจุดหมายปลายทางเดินแล้วก็มานั่ง ตอนนั่งมันจะเป็นทุกข์ได้ง่ายกว่าเดิน

เพราะอิริยาบถนั่งจะเป็นการนั่งอยู่ท่าเดียว ถ้าเรายังไม่เกิดความเคยชิน เราจะนั่งไม่ได้นาน อันนี้เป็นครั้งแรกที่เราเริ่มปฏิบัติธรรม มองทางสุขไม่มีเลย มีแต่ทุกข์อย่างเดียว การปฏิบัติธรรมอันดับแรกมองเห็นแต่ทุกข์อย่างเดียว ไม่มีสุขเพราะมันเจ็บปวด มันทรมาน ทั้งที่เราอยากรู้อยากเห็นอยากได้ธรรมะ อยากให้จิตสงบเป็นสมาธิ แต่สิ่งที่รบกวนก็ดลบันดาลอยู่อย่างนั้น ทำให้จิตใจของเราท้อถอยอยู่ตลอดเวลา

นั่งแต่ละวันได้ ๒๐-๓๐ นาที ก็ลุกขึ้นแล้ว
ไปเดินแล้วเปลี่ยนอิริยาบถใหม่แล้ว เดินไปเป็นชั่วโมง มานั่งอีก ๒๐-๓๐ นาทีก็ไปอีกแล้ว พยายามอยู่อย่างนี้ก็แพ้อยู่อย่างนี้ ทำเป็นเดือนก็อยู่อย่างนี้ ทีนี้ทำยังไงถึงได้ตัดสินใจ การตัดสินใจคือตัดสินใจด้วยการได้ยินได้ฟัง จากครูบาอาจารย์ท่าอบรมสั่งสอนเรา ครูบาอาจารย์ท่านแสดงอภินิหารให้เราเห็น แสดงอภินิหารแบบไหน ท่านมีความรู้พิเศษ ท่านสอนเราให้ปฏิบัติแล้วเราทำไม่ได้ ท่านค่อยมาเตือนเราทีหลังพอเราเจอทุกข์ ทีนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จูงใจ ให้เราปฏิบัติกล้าตัดสินใจต่อสู้ จริงๆ จังๆ แล้วนั่น คือ

พระอาจารย์ของเราท่านบอกว่า วันนี้ มีพระท่านกำลังเดินทางมา ระยะทางนั่น ๗-๘ กิโลเมตรจากวัดเราไปหาวัดท่าน

ฉันเช้าเสร็จท่านบอกว่า ไปล้างบาตรแล้วเอาบาตรเราไปส่งกุฏิ อย่าเพิ่งไปนะ ท่านพูดอย่างนี้ ทีนี้อาตมาก็เลยเอาบาตรล้างบาตรเสร็จเรียบร้อยก็เอาบาตรไปไว้ที่กุฏิ
ก็นั่งคอยท่านอยู่ ซักพักท่านก็ขึ้นกุฏิไป

พอท่านขึ้นกุฏิไป ท่านบอกว่า ตอนนี้มีพระท่านกำลังเดินทางมา พระองค์นั้นชื่อ อาจารย์บุญเกิด ท่านอยู่วัดป่าศรีคุณาราม บ้านจีบ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ส่วนอาตมาอยู่วัดป่าศิริวัฒนา บ้านโนนถั่วดิน

ท่านอาจารย์องค์ที่เป็นอาจารย์ของอาตมา ชื่อพระอาจารย์ศรี อุจโย ท่านบอกว่าพระอาจารย์บุญเกิดกำลังเดินทางมา ท่านจะไปบ้านเลาใหญ่ ไปขอไม้ไผ่กับท่านอาจารย์สาลี วัดป่ามัจฉิมวงศ์ ที่อ.กุมภวาปี มาทำซี่กลด เพราะว่าไม้ไผ่ในสมัยนั้น วัดป่ามัจฉิมวงศ์เป็นวัดเก่าแก่
ไม้มันแก่ดี เอามาทำซี่กลดได้มอดมันไม่กิน แต่ส่วนวัดพวกเราเป็นวัดใหม่ ไม้ไผ่ยังไม่มี

ท่านก็เลยบอกว่าท่านกำลังเดินทางมา มีพระองค์หนึ่งใส่แว่นตาดำเดินตามหลังมา มีเด็กวัด ตัวเล็กๆ สะพายย่ามเดินอยู่กลาง ท่านว่าอย่างนี้ แล้วท่านก็บอกให้เอาเสื่อมาปู เอากา

กองทัพภาค2ที่รวมน้ำใจช่วยเด็กดียากจน

:เมื่อวันที่ 24 ส.ค.64 พลตรี บุญสิน พาดกลาง ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3

  • ได้เข้าช่วยเหลือครอบครัวของ น.ส.รุ่งทิวา เดินกลาง นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนศรีสุขวิทยา ต.ดอนชมพู อ.โนนสูง จว.น.ม. ที่เรียนดีมีฐานะยากจนในพื้นที่บ้านโนนโพธิ์ ต.ธารละหลอด อ.พิมาย จว.น.ม. โดยได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับครอบครัวดังกล่าว เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน โดยมีรายการ ดังนี้
    1) ไก่พันธุ์ไข่ จำนวน 20 ตัว พร้อมอาหาร 2 กระสอบ
    2) ปลานิลจิตรลดา จำนวน 1000 ตัว พร้อมอาหาร 2 กระสอบ
    3) มอบทุนเรียนภาษาอังกฤษครูนะ ออนไลน์ จำนวน 2ทุน ทุนละ8,000 บาท
    4) ถังเก็บน้ำ ขนาด 1,500 ลิตร จำนวน 2 ถัง
    5) ผ้ามุ้งไนล่อนสีฟ้า กว้าง 1.5 เมตร ยาว 150 เมตร
    6) ทุนการศึกษา จำนวน 5,000 บาท

ทหารรวมน้ำใจ..ช่วยเด็กดีเรียนดีฐานะยากไร้ ครูไปเยี่ยมบ้าน เด็กไม่สามารถเรียนออนไลน์ได้ เด็กดี เด็กเรียนดี ครูต้องผงะ ในสภาพ บ้านไม่มีไฟใช้และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง แต่ต้องเเรียนร่วมกันน้องผ่านออนไลน ออนไลน์

#ไม่สน พรก.ฉุกเฉิน จนท.ปกครองโคราช บุกจับวัยรุ่นรวมกลุ่มตั้งวงเหล้า

เมื่อเวลา 22.30 น คืนวันที่ 21 สค.64 ที่ผ่านมา นายณรงชนนฐ์ ดีปู่ ปลัดอาวุโส อ.เมืองนครราชสีมา ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เมืองนครราชสีมา และกำลัง เจ้าหน้าที่ อส.อ.เมือง เดินทางไปตรวจสอบที่หมู่บ้าน เทคโนวิลเลจ ซอย 30 กันยา อ.เมือง หลังได้รับแจ้งว่า มีผู้กระทำผิด ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในลักษณะจับกลุ่มมั่วสุม มีการรวมกลุ่ม ดื่มสุรา และส่งเสียงดังยามวิกาล ภายในหมู่บ้านดังกล่าว จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เจ้าไปตรวจสอบ พบมีกลุ่มวัยรุ่น ชายและหญิง กลุ่มใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา จำนวน 23 คน กำลังนั่งล้อมวงดื่มสุรา เปิดเพลง พูดคุยกัน ส่งเสียงดัง ไม่มีการสวมใส่หน้ากากอนามัย และไม่มีการรักษาระยะห่างเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-10 จึงได้สั่งให้หยุดกิจกรรมทั้งหมด พร้อมสอบสวนกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวด้านนายณรงชนนฐ์ ดีปู่ ปลัดอาวุโส อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าบริเวณบ้านหลังดังกล่าว มักจะมีกลุ่มวัยรุ่น เข้ามาจับกลุ่มล้อมดื่มสุรากันเป็นประจำถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่มีคำสั่งห้าม ก็ตาม จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดและได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครราชสีมา ที่ 7368/2564 เรื่องมาตรการ ในการเฝ้าระวัง ฯ ห้ามมิให้มีการมั่วสุม ในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น การตั้งวงสังสรรค์ ดื่มสุรา ประกอบมาตรา 34(6) แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดย จากการสอบสวนผู้กระทำความผิด ทั้ง 23 ราย รับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง และจากการตรวจหาสารเสพติดกลุ่มมวัยรุ่นทั้งหมดไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ฉลอง 65 ปีพุทธสมาคม เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาชาวโคราช

โคราช จัดพิธีทำบุญครบรอบ 65 ปี วันก่อตั้งพุทธสมาคม จ.นครราชสีมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 17 สิงหาคม 64 ที่สำนักงานพุทธสมาคมจังหวัดนครราชสีมา พระอุดมธีรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาวรวิหาร เจ้าคณะอำเภอปากช่อง ( ธรรมยุติ) พ.อ.นเรศ พิลาวรรณ นายกพุทธสมาคมจังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งสมาชิก พุทธศาสนิกชน เจ้าหน้าที่ รวมทั้งผู้ทีมีส่วนเกี่ยวข้อง ได้จัดพิธีทำบุญครบรอบ 65 ปี วันก่อตั้ง พุทธสมาคม จ.นครราชสีมา โดยภายในพิธีได้มีพระสงฆ์ 5 รูป สวดพระพุทธมนต์ พิธีถวายสังฆทาน และรดน้ามนต์ให้พรแก่ผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ โดยมี เจ้าหน้าที่ ฯ ได้มาดำเนินการจัดการเน้นความสำคัญของการมาตรการทางสังคม Social distancing ทิ้งระยะห่าง-ทางสังคมอย่างน้อย 2 เมตร

มีการปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่จังหวัดได้กำหนดมาตรการไว้ ให้กับผู้ที่เข้าร่วมในครั้งนี้
พระอุดมธีรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาวรวิหาร เจ้าคณะอำเภอปากช่อง ( ธรรมยุติ) กล่าวว่า วันนี้ทาง พุทธสมาคม จ.นครราชสีมา ได้มีการทำบุญครบรอบ 65 ปี วันก่อตั้งพุทธสมาคม จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นความร่วมมือของทาง นายกสมาคม ฯคณะกรรมการบริหาร และพุทธศาสนิกชนทั่วไป มาร่วมกันบำเพ็ญกุศล ซึ่งมรการจัดทำเป็นประจำทุกปี ในวันที่ 17 สิงหาคม โดยองค์กรพุทธสมาคม จ.นครราชสีมา แห่งนี้ ถือว่าเป็นองค์กรที่เป็นจิตอาสา เป็นองค์กรของชาวพุทธ ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยงานด้านพระพุทธศาสนา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าช่วยงานวัด เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร เป็นองค์กรที่เอาบุญเป็นกำไร ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของทางสมาคม ฯ นอกจากงานช่วยพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นการช่วยทำนุบำรุง ศิลปะ วัฒนธรรม ของพระพุทธศาสนาอีกด้วย

พ.อ.นเรศ พิลาวรรณ นายกพุทธสมาคมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า พุทธสมาคม จ.นครราชสีมา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2499 นับถึงวันนี้ 65 ปีพอดี ตั้งอยู่ภายในวัดสุทธจินดาวรวิหาร เป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์ ไม่หวังผลตอบแทน สนองงานด้านพระพุทธศาสนา และสนับสนุนกิจการของพระสงฆ์ จ.นครราชสีมา อาทิ การจัดงานบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ร่วมกับวัดสุทธจินดาวรวิหารเป็นประจำทุกปี การจัดถวายทุนการศึกษาแก่พระสงฆ์ สามเณร ที่สอบเปรียญธรรมได้ทุกปี การจัดอบรมอาสาพิทักษ์สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตรย์ ร่วมกับพุทธสมาคมอำเภอเป็นประจำทุกปี การจัดการแข่งขันตอบปัญหาศีลธรรมนักเรียนในจังหวัดนครราชสีมา การจัดปฏิบัติธรรมบำเพ็ญจิตภาวนาในวันสำคัญ ทางพระพุทธศาสนา มีการจัดอบรมสมาธิเบื้อต้นให้กับนักเรียน ที่ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว อ.สูงเนิน ปีละ 1-2 รุ่น นอกจากนี้พุทธสมาคม จ.นครราชสีมา ยังเป็นหน่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยในเร็วๆ นี้ จะมีการนำถุงยังชีพออกไปแจกจ่าย ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ด้วย

ร่วมใจ สู้โควิด19ศูนย์สมุนไพรเครือข่ายหนองสมอ ติดอาวุธทางปัญญาฝึกอาชีพพร้อมมอบพืชสมุนไพร สร้างภูมิเยาวชนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา

วันที่12 สิงหาคม พ.ศ.2564 เวลา 13.00น. ณ ศูนย์เรียนรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพ บ้านหนองสมอ หมู่ที่ 14″ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”บ้านหนองสมอ หมู่ที่ 14 ตำบลเมืองคง อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมานำโดยนางวรัสดา ปักการะถาประธาน เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรรุ่นใหม่โคราชและวิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรหนองสมออำเภอคง นายองอาจ สุขคุ้ม ปลัดอำเภอคง และบุคลากรเกษตรอำเภอคง ต้อนรับ
ด้าน นางวรัสดา ปักการะถา สาธิตวิธีการปลูกฟ้าทะลายโจรและวิธีการผลิตโดยนำใบฟ้าทะลายโจรอบแห้งบรรจุหลอดรวมถึง แนะนำแนวทางกระบวนการ เพาะปลูกต้นกล้าจนถึง การเก็บเกี่ยวและแปรรูปทางคณะ ดร.รัตนะ วรบุณฑิต ผู้อำนวยการ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต3 นายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์. รองประธานสงเคราะห์สถานพินิจฯ ศึกษาดูงานวิธีการปลูกฟ้าทะลายโจรและวิธีการผลิต และรับมอบ พันธุ์พืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ,กระชายขาว,ข่า ตะไคร้ และเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจร จำนวนหนึ่ง ในการดำเนินโครงการ ปลูกพืชสมุนไพร ในศูนย์
สมุนไพรพื้นบ้านที่เป็นประโยชน์ ฟ้าทะลายโจร มีสรรพคุณสามารถลดความรุนแรงของโรคในผู้ป่วย โรคโควิด 19 ที่มีอาการไม่หนักได้ ซึ่งในขณะนี้ฟ้าทะลายโจรขาดตลาดอย่างมาก

เพราะประชาชนเริ่มให้ความสนใจสมุนไพรไทยมากขึ้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มีนโยบายส่งเสริมและพัฒนาแหล่งปลูกพืชสมุนไพรภายในสถานที่ควบคุม เพื่อใช้ในการป้องกันและดูแลสุขภาพ ของประชาชนและเพื่ออนุรักษ์พืชสมุนไพร
รวมถึงการผลิตเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้า เพื่อแจกจ่ายให้กับชุมชนในอนาคต จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมและพัฒนาการปลูกพืชสมุนไพรสำหรับเด็ก และเยาวชนภายในสถานที่ควบคุม เพื่อยกระดับพื้นที่เกษตรกรรมของสถานที่ควบคุมให้เป็นแหล่งเรียนรู้ สร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนในการปลูกพืชสมุนไพรของหน่วยงานและของชุมชนต่อไป

#โครงการปลูกป่าต้นโพธิ์ 9,999 ต้น “วันแม่แห่งชาติ”

วันที่9 สิงหาคม 2564 #โครงการปลูกป่าต้นโพธิ์ 9,999 ต้น “วันแม่แห่งชาติ” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระธรรมวรนายก ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 เจ้าอาวาสวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมคณะสงฆ์ 10 รูป สวดพระปริตรพร้อม ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานพิธี พร้อมด้วย, นางสายชล บุญอรณะ นายกเหล่ากาชาด, นายสุพจน์ แสนมี นายอำเภอวังน้ำเขียว, นายพรชัย อำนวยทรัพย์ ส.ส.เขต 10 จ.นครราชสีมา, ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ,นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ส.อบจ.อ.วังน้ำเขียว, นางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา และคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ,นายยงยุทธ ศิริชัยคีรีโกศล นายกเทศมนตรีศาลเจ้าพ่อ และข้าราชการส่วนต่างๆ ที่ วัดพระธรรม​วรนายกป่าโพธิ์ อ.วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

ยุทธการ “ พิฆาตทรชน คนค้ายาอีสานใต้ ”

แถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ
จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 5 คน ของกลางยาบ้า 402,000 เม็ด
ตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ พ.ศ. ๒๕๓๔
รถยนต์ จำนวน ๕ คัน และอาวุธปืน จำนวน 4 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. (ปป) , พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป ๖) ได้นำนโยบายรัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปราม ยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติทุกพื้นที่
ตำรวจภูธรภาค ๓ โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.ปส), พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.3 (ผช.ปส ๑), พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ รอง ผบช.ภ.3 (ผช.ปส ๒) และ นายณรงค์ วรหาญ ผอ.สำนักงาน ปปส.ภาค ๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ระดมกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ การทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ

การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนและพื้นที่ชั้นใน และดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น ยาเสพติดตาม ยุทธการ “ พิฆาตทรชน คนค้ายาอีสานใต้ ”
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.๓ ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.อุบลราชธานี ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา ๒ คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน ๒,๐๐๐ เม็ด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยขะยุง อ.วารินชำราบ จว.อุบลราชธานี ต่อจากนั้นได้สืบสวนขยายผลทำการตรวจยึดยาบ้าจำนวน ๓๓๔,๐๐๐ เม็ด ที่บริเวณถนนซอยแยกจากถนนหลัก ถนนท่าบ่อ-หนองแก ต.แจระแม อ.เมืองอุบลราชธานี จว.อุบลราชธานี พร้อมด้วยของกลางรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า จำนวน ๑ คัน นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.๓, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.๓ , พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.๓ , พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ รอง ผบช.ภ.๓ , พล.ต.ต.ภาณุ บุรณะศิริ รอง ผบช.ภ.๓ , พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.๓ , พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทาย ผบก.ภ.จว. ศรีสะเกษ , พล.ต.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผบ.กกล.สุรนารี , พ.ต.อ.ประสงค์ เรืองเดช รอง ผบก.สส.ภ.๓ , พ.ต.อ.ศุภชัย ศักรินพานิชกุล รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ,พ.ต.อ.หัสพงศ์ เติมศิริตังคโณบล รอง ผบก.ภ.จว. ศรีสะเกษ, พ.อ.ไมตรี สุวไกร รอง ผบ.ทก.กกล.สุรนารี,พ.อ.ภาคภูมิ นภากาศ รอง ผบ.ฉก ๒ กกล.สุรนารี, พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ รอดนวล ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.สิทธิชัย ธัญญาบาล ผกก.สืบสวน ๒ บก.สส.ภ.๓ , พ.ต.อ.นิลกาฬ พรศักดิ์ ผกก.สภ.กันทรารมย์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.๓ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรารมย์ จว.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ทหาร กกล.สุรนารี ร่วมกันสืบสวนขยายผลเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่าเป็นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน จะลักลอบนำยาบ้าเข้ามาจำหน่ายให้กับผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3 หลายจังหวัด

จากการสืบสวนขยายผลต่อมา วันที่ 24 ก.ค. 64 ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายนพิพัฒน์ หรือบุ๊ก หรือเบิก กิ่งแก้ว อายุ ๓๓ ปี ที่อยู่ ๖๓/๑ หมู่ที่ ๑๐ ต.ดูน อ.กันทรารมย์ จว.ศรีสะเกษ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกับพวกที่หลบหนีมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย , ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมด้วยของกลาง
๑.อาวุธปืน AK47 (อาร์ก้า) จำนวน 3 กระบอก ประกอบด้วย
-กระบอกที่ ๑ อาวุธปืน AK47 มีหมายเลขประจำปืน ๑๙๗๓๔๗๐๓๒๔ จำนวน ๑ กระบอก

  • กระบอกที่ ๒ อาวุธปืน AK47 (พานท้ายแยกยังไม่ได้ประกอบ) จำนวน ๑ กระบอก
  • กระบอกที่ ๓ อาวุธปืน AK47 จำนวน 1 กระบอก
    ๒.อาวุธปืนลูกซองสั้น (ไทยประดิษฐ์) จำนวน ๑ กระบอก
    ๓.เครื่องกระสุนปืน AK47 ขนาด ๗.๖๒ จำนวน 20 นัด
    ๔.เครื่องกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ ๑๒ จำนวน ๑๔ นัด
    ๕.เครื่องกระสุนปืนขนาด .357 MAGNUM จำนวน ๒๙ นัด
    ๖.เครื่องกระสุนปืนขนาด ๙ มม. จำนวน ๑๕ นัด
    ๗.แมกกาซีน AK47 จำนวน ๓ อัน
    สถานที่ตรวจยึด/จับกุม บริเวณห้องพักเลขที่ ๗๗/๕ หมู่ ๑๐ ชุมชนโนนเปื่อย ต.ดูน อ.กันทรารมย์ จว.ศรีสะเกษ
    บก.สส.ภ.๓
    จากผลการจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดของกลางคดียาเสพติด เมื่อวันที่ 16 ก.ค.64 ชุดจับกุมได้ สืบสวนติดตามเครือข่ายนี้อย่างต่อเนื่อง และต่อมาทางการสืบสวนเชื่อว่าเป็นเครือข่ายของนายนพิพัฒน์ หรือเบิก กิ่งแก้ว ซึ่งเป็นเครือข่ายใหญ่จะรับยาบ้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทางด้าน อ.โพนพิสัย จว. หนองคาย และลำเลียงมาส่งพื้นที่ตอนในในเขต ภ.3 และ ภ.4 ครั้งละหลายล้านเม็ดโดยใช้รถยนต์ 3 คัน เป็นขบวนลำเลียงยาเสพติดและมีอาวุธสงครามคุ้มกัน ต่อมาวันที่ 24 ก.ค.64 ชุดจับกุมสามารถควบคุมตัวนายนพิพัฒน์ หรือเบิก กิ่งแก้ว ได้และให้การรับว่ากระทำผิดจริง โดยได้ลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านตรงข้าม อ.โพนพิสัย จว.หนองคาย เข้ามาส่งให้เครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน ในเขต ภ.3 และ ภ.4 หลายครั้ง ๆ ละหลายล้านเม็ดโดยส่งตามจุดต่าง ๆ ครั้งละ 100-200 มัด ในเขต จว.ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี โดยมีผู้กระทำผิดร่วมจำนวน 4 คน สำหรับค่าจ้างในการลำเลียงจะได้รับเป็นยาบ้าตามมูลค่าของค่าจ้างที่ได้รับครั้งหนึ่งประมาณ 200,000 – 250,000 บาท และรับว่ายังมีอาวุธปืนอาร์ก้า ซุกซ่อนอยู่บนเพดานในห้องเช่าใกล้บ้านเขต อ. กันทรารมย์ จว. ศรีสะเกษ ชุดจับกุมจึงได้ไปตรวจสอบและทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากการสืบสวนขยายผลต่อมาได้ทำการติดตามตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้กระทำผิด เป็นรถยนต์เก๋ง 2 คัน รถยนต์กระบะ 2 คัน รวม 4 คัน ซึ่งใช้ในการลำเลียงยาเสพติด จึงได้ควบคุมตัวนายนพิพัฒน์ หรือเบิกฯ พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.กันทรารมย์ จว. ศรีสะเกษ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และชุดจับกุมอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
    ผลการสืบสวนจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 200,000 เม็ด ของ สภ.กันทรารมย์ จว.ศรีสะเกษ โดย พ.ต.อ.สุกาญจน์ นิลอ่อน ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3. , พ.ต.ท.วรวรรธน์ ขันเครือ รอง ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 สามารถสืบสวนขยายผลจับกุมคดียาเสพติดได้ เพิ่มเติม จำนวน 2 ราย ผู้ต้อง 2 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า จำนวน 66,000 เม็ด ดังนี้
    วันที่ 25 ก.ค.64 เวลาประมาณ 18.00 น. ชุดจับกุมตรวจยึดยาบ้า จำนวน 16 มัด จำนวน 32,000 เม็ด สถานที่ตรวจยึด ริมถนนในไร่อ้อยทางด้านทิศใต้บ้านกระเดื่อง ม.12 ต.สองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ต่อเนื่องเวลา 21.00 น. จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 คน พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 17 มัด จำนวน 34,000 เม็ด โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
    สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 ได้จับกุม นายเชาวลิช หรือหนุ่ม คอแก้ว พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 200,000 เม็ด จากการสืบสวนขยายผลทราบว่ามีการส่งยาบ้ามาจำหน่ายให้ลูกค้าในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีชายชาวลาว ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ใช้การติดต่อสื่อสารผ่านเฟซบุ๊ก และใช้โทรศัพท์เบอร์ประเทศ สปป. ลาว เป็นนักค้ายาเสพติด ผู้มีพฤติกรรมจำหน่ายยาบ้าในลูกค้าในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต่อมาวันที่ 24 ก.ค.64 ชุดจับกุมได้วางแผนจับกุมเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว ต่อมาคนลาวได้ติดต่อมายังสายลับแจ้งว่า ทีมรับจ้างส่งยาเสพติดได้นำยาบ้า จำนวน 16 มัด มาวางไว้กองใบอ้อยที่ริมถนนในไร่อ้อยทางด้านทิศใต้บ้านกระเดื่อง ม.12 ต.สองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบและตรวจยึดยาบ้าดังกล่าว และได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อมา เวลาประมาณ 21.00 น. สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือนายศุภกิจหรือก้อง พรามนิล อายุ 16 ปี ที่อยู่ 127 ม.9 ต.โนนสุวรรณ อ.โนนสุวรรณ จว.บุรีรัมย์ และนายอดิเทพหรือกาน กิจประเสริฐ อายุ 20 ปี ที่อยู่ 23 ม.15 ต.โนนสุวรรณ อ.โนนสุวรรณ จว.บุรีรัมย์ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 6 มัด จำนวน 12,000 เม็ด จากการซักถามขยายผล นายอดิเทพหรือกานฯ รับว่ายังมียาบ้าอีกจำนวนหนึ่งอยู่ที่บ้านพัก วันที่ 26 ก.ค.64 เวลาประมาณ 08.00 น. ชุดจับกุมจึงได้ไปทำการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 11 มัด จำนวน 22,000 เม็ด ที่บ้านเลขที่ 23 ม.15 ต.โนนสุวรรณ อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ รวมของกลางยาบ้าทั้งหมด 34,000 เม็ด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.โนนสุวรรณ จว.บุรีรัมย์ โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย