อพท. ต่อยอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม นำร่องเปิดตัว 10 กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ใน 3 จังหวัดแดนอีสานใต้

อพท. ต่อยอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม นำร่องเปิดตัว 10 กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ใน 3 จังหวัดแดนอีสานใต้

วันที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่ โรงแรมสีมาธานี จังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดตัวกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์จากฐานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยมี ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ  รักษาการแทนผู้อำนวยการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมด้วย นายพลากร บุปผาธนากร ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และรักษาการผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 2 อพท. ให้การต้อนรับ โดยมีกลุ่มภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอีสานใต้ร่วมออกบูทและแสดงผลงานกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์อีกด้วย

ทั้งนี้  ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รักษาการแทนผู้อำนวยการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษฯ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายที่มอบหมายให้ สำนักงานพื้นที่พิเศษ 2 ไปดำเนินการสำรวจศักยภาพและความโดดเด่นทางวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่ เพื่อนำมายกระดับเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่เน้นการมีส่วนร่วม 

ทางด้าน นายพลากร บุปผาธนากร ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์ (อพท.2) ได้กล่าวถึงกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ที่จัดขึ้นในพื้นที่ อีสานใต้ 3 จังหวัดแรก ประกอบด้วย  นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยที 10 กิจกรรม คือ 1.) เพลงโคราช 2.) รำโทนพันปี 3.)เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน 4.)ผ้าภูอัคนี 5.)ผ้าไหมหางกระรองคู่ตีนแดง 6.)นวดไทยคลายเส้น 7.)วิถีคนเลี้ยงช้าง 8.)เรียนรู้วัฒนธรรมชาวกูย 9.)ศิลปะการแสดงกะโน้บติงตอง 10.)การแสดงกันตรึม

โดยกิจกรรมทั้งหมดนี้ จะถูกคัดเลือกเพื่อมาต่อยอดเข้าสู่กระบวนการของโครงการต่อไป

“ศรัทธาสร้างบารมีหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน”เพื่อมอบทุนช่วยเด็กและเยาชน


พระครูนิวิฐ ปุญญากร (หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม) วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2465 ที่บ้านสระทะเล เป็นบุตรของพ่อพุด แม่แก้ว ก้อนจันทร์เทศ มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน โดยหลวงพ่อพัฒน์เป็นบุตรคนที่ 2 และมีศักดิ์เป็นหลานหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล
เมื่ออายุได้ 9 ขวบ หลวงพ่อพัฒน์ได้ติดตามบิดา ไปช่วยหลวงพ่อเดิมสร้างวัดหนองหลวง อยู่จนอายุ 13 ขวบ ได้กลับมาอยู่วัดสระทะเลกับหลวงลุงหมึก ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติหลวงพ่ออีกองค์ ในระหว่างที่อยู่วัดหนองหลวงและวัดสระทะเล ท่านได้ร่ำเรียนวิชาจากหลวงพ่อเดิมและหลวงพ่อเทศน์วัดสระทะเล เมื่อครั้งได้เกณฑ์ทหาร หลวงพ่อได้เป็นทหารช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา เมื่อพ้นการเกณฑ์ทหาร หลวงพ่อได้บวชเมื่อปี พ.ศ.2488 ที่วัดสระทะเล โดยมีพระอุปัชฌาย์ พระธรรไตรโลกาจารย์ (เจ้าคุณยอด วัดเขาแก้ว) พระคู่สวดหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว และอธิการชั้ววัดสระทะเล ในช่วงเวลานี้หลวงพ่อก็ได้ไปกราบขอคำชี้แนะจากหลวงพ่อเดิมเสมอเพราะไม่ไกลกัน เมื่อบวชได้ 5 พรรษา หลวงพ่อได้เดินทางไปหาหลวงพ่อซวงวัดชีปะขาว จังหวัดสิงห์บุรี และได้ไปเรียนทางธรรมบางพลีเพิ่มเติมที่วัดพระบาททุ่งยั้ง จังหวัดอุตรดิตถ์ หลวงพ่อได้ใฝ่เรียนรู้วิชา และได้มาอยู่ที่วัดห้วยด้วน เมื่อปี พ.ศ.2510 โดยการนิมนต์ของกำนันผล ซึ่งเป็นกำนันในสมัยนั้น และได้อยู่ที่วัดจนถึงทุกวันนี้ เป็นมิ่งขวัญของชาวหนองบัว และพื้นที่ใกล้เคียง


ด้วยดำริของหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม ให้จัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อนำรายได้มาช่วยเหลือสังคม เด็ก และเยาวชน ดังนั้น คณะศิษย์ กรรมการวัด นำโดย ส.อ.คิมหันต์ ตลับนาค ได้รับการปรึกษาและร่วมกับ นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา และรองประธานสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา เพื่อความต้องการ การสนับสนุนสงเคราะห์เด็กขาดโอกาสทางการศึกษาและเปิดโอกาสทางสังคม จึงมีแนวทางจัดสร้างวัตถุมงคล เรียกว่า “รุ่นสร้างบารมี” หรือที่หลายคนเรียกว่าพระขุนแผน (พระพุทธในซุ้มเรือนแก้ว) เป็นพระขุนแผนน้ำหมากที่มีคราบน้ำหมากแท้ ๆ ของหลวงพ่อทาที่หน้าพระทุกองค์ ซึ่งคำหมากของหลวงพ่อ เป็นที่ต้องการของประชาชนมาก บางท่านเข้าไม่ถึง บางท่านไม่มีโอกาสแม้กระทั้งจะได้คำหมากของหลวงพ่อ และให้การจัดสร้างครั้งนี้ เราใช้มวลสารที่เป็นธรรมชาติ เพื่อให้รู้ว่าหลวงพ่อคือพระธรรมดา แต่ท่านมีเจตนาที่จะทำให้สังคมดีขึ้น อยากช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะเรื่องทุนการศึกษา”
โดยการจัดสร้างวัตถุมงคล “รุ่นสร้างบารมี” นี้ มีวัตถุประสงค์

  1. เพื่อมอบเงินทุนฝึกอาชีพและพัฒนาการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนภายในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาชนเขต 3 ( นครราชสีมา – บุรีรัมย์ – สุรินทร์ – ชัยภูมิ – สระบุรี)
  2. เพื่อมอบทุนการศึกษาให้เด็กและเยาวชนภายในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา
  3. เพื่อจัดหารายได้ส่วนหนึ่งถวายแด่หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม เพื่อทำนุบำรุงวัดธารทหาร (ห้วยด้วน) จังหวัดนครสวรรค์
    ทั้งนี้ นายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา ได้กล่าวว่า “ปัจจุบันปัญหาเด็กและเยาชน ไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของสังคม และชุมชน ฉะนั้นจึงอยากเรียนเชิญผู้ที่มีจิตใจที่เป็นกุศลมาช่วยเหลือกันเพียงคนละเล็กคนละน้อย เพื่อหางบประมาณส่วนนี้มาแก้ไข บำบัด ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่อยู่ภายในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมาแห่งนี้
    โดยในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 ได้รับเมตตาจากสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (เจ้าคุณธงชัย)เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ประธานพิธีพุทธาภิเษกร่วมกับหลวงพ่อพัฒน์ และคณะเกจิรวม 21 รูป พุทธาภิเษกพระขุนแผน “รุ่นสร้างบารมี”พิมพ์นำฤกษ์ และวัตถุมงคลผ้ายันต์ รอยมือ และผ้าหมื่นยันต์ร่วมมหาพิธีมงคลพุทธาภิเษกที่ผ่านมา และพระขุนแผนพุทธาภิเษกอีกวาระในวันที่ 15 ธันวาคม 2563
    โดยรูปแบบการดำเนินการ
  • จัดกองทุนผ้าป่าการศึกษาจัดสร้างวัตถุมงคล
    ** “พระขุนแผน รุ่น สร้างบารมี” หลวงพ่อพัฒน์ (เนื้อผงทาน้ำหมาก + แปะจีวร ,ชาญ
    หมากหลวงปู่ บูชาทั่วไป องค์ละ 100 บาท) จำนวน 9,999 องค์
    ** ชุดกรรมการสร้าง 199 ชุด ชุดละ 999 บาท (ลงยา + แปะทองคำแท้ + ฝังตะกรุดทอง)
  • ผ้าหมื่นยันต์ “รุ่น พรหลวงพ่อพัฒน์” (ผ้าแคนวาสและกระดาษ) จำนวน 999 ผืน
  • ผ้ายันต์รอยมือหลวงพ่อพัฒน์ จำนวน 9,999 ผืน

จัดสร้างตามดำริหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) จังหวัดนครสวรรค์ โดยคณะศิษย์วัดจัดสร้าง เพื่อสร้างบารมีหลวงพ่อพัฒน์ โดยกำหนดพระขุนแผน จัดออกให้บูชา วันที่ 15 ธันวาคม 2563 นี้ เปิดจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0863604625 และ 0947849877

วิ่งการกุศล “สานสัมพันธ์ RUN แล้วรวย” KORAT SME LUCKY RUN @วังน้ำเขียว โคราช

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดนครราชสีมา จัดแถลงข่าวกิจกรรมเดิน – วิ่งการกุศล “สานสัมพันธ์ RUN แล้วรวย” KORAT SME LUCKY RUN

        ที่บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ เอสเอฟเอ็กซ์ ซิเนม่า ชั้น 4 เซยฃ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา ได้จัดให้มีการแถลงข่าวกิจกรรมเดิน – วิ่ง การกุศล “สานสัมพันธ์ RUN แล้วรวย”  โดยได้รับเกียรติจาก นายวิสูตร  ชัชวาลวงษ์ ปลัดจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการแถลง ร่วมกับ คุณสุรีวัลย์ จันทร์ประทักษ์ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดนครราชสีมา และ นายธนะชัย อินทรศร ผู้อำนวยการหมวดบำรุงทางหลวงชนบท วังน้ำเขียว  

       โครงการ “สานสัมพันธ์ RUN แล้วรวย”  เป็นโครงการที่จัดโดยสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดนครราชสีมาได้ร่วมกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาครัฐ และเอกชน  เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่9) โดยนำรายได้ถวายวัดป่าทรัพย์ทวีธรรมมาราม(หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม) และสมทบจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โรงพยาบาลวังน้ำเขียว และโรงเรียนสอนคนตาบอดมกุฏคีรีวัน (เขาใหญ่) อ.ปากช่อง   จ.นครราชสีมา และเพื่อเป็นการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย

        โครงการ “สานสัมพันธ์ RUN แล้วรวย” นี้ จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2563 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ หมวดบำรุงทางหลวงชนบท อ. วังน้ำเขียว   จ.นครราชสีมา โดยมีระยะทางแบ่งออกเป็น  10 กิโลเมตร  6 กิโลเมตร 4 กิโลเมตร และประเภท VIP  บัตรราคา 850 , 650 , 550 และ 1,000 บาท ตามลำดับ และผู้ที่สมัครจะได้รับเสื้อพร้อมเหรียญที่ระลึกทุกท่าน

สนใจ สอบถามรายละเอียดได้ที่ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดนครราชสีมา โทร 084-0188408 , 064-9598792 และ 0855738327

องคมนตรีผู้แทนพระองค์ ลงพื้นที่มอบสิ่งของพระราชทาน อ.ปักธงชัย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทาน จำนวน 1,370 ชุด  มอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา   ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรปักธงชัย ชั้น 3 และบ้านกกน้ำอ้อม ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรีและคณะ ได้ลงพื้นที่มอบสิ่งของพระราชทานด้วยตัวเองให้กับพี่น้องประชาชนอีกด้วย

อิ้วเก้งโคราช…แห่เทพเจ้าประทับทรงรอบเมือง

วันที่ 20 ตุลาคม 2563  ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี  นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีอัญเชิญเทพเจ้าประทับทรงแห่รอบเมือง (อิ้วเก้ง) งานเทศกาลถือศีลกินเจ 9 วัน เมืองโคราช 2563 ครั้งที่ 15 โดยมีนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายประเสริฐ บุญชัยสุข  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม   นายวัชรพล  โตมรศักดิ์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา เขต 2 พรรคชาติพัฒนา นายสหพล กาญจนเวนิช รองนายกเทศมนตรีนคร นครราชสีมา นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนมาร่วมพิธีจำนวนมาก

โดยนายภิญโญ วัจนศิริเสถียร ประธานชมรมไทย-จีนถือศีลกินเจโคราชในฐานะประธานจัดงานฯ ร่วมกับศาลเจ้า 26 ตำหนัก นำขบวนม้าทรงแสดงอภินิหารใช้เหล็กแหลมและของมีคมแทงทิ่มตามร่างกายอย่างน่าหวาดเสียว เพื่อทรมานและรับเคราะห์แทนผู้ร่วมประเพณีถือศีลกินผักเดินแห่ไปตามเส้นทางในเขต ทน.นครราชสีมา เป็นระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร เพื่อให้คนไทยเชื้อสายจีนและประชาชนที่ศรัทธาในองค์เทพเจ้าตั้งโต๊ะผลไม้ น้ำชา และจุดประทัดรับพระ เพื่อขอพรเสริมสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัวมีความสุข ความเจริญในอาชีพการงาน ท่ามกลางนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ทั้งนี้  ด้านนายภิญโญ ฯ ประธานชมรมคนไทยเชื้อสายจีนที่ประกอบอาชีพในเมืองโคราช เปิดเผยว่า เป็นประจำทุกปีที่หน่วยงานภาครัฐ องค์กรการกุศลและศาลเจ้าในจังหวัดนครราชสีมาได้ร่วมจัดประเพณีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้  ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 17-25 ต.ค. และในวันที่ 22 ต.ค. เวลา 18.00 น. นี้ มีพิธีม้าทรงเดินลุยแก้วและเดินข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์ (โกยห่าน) ที่ลานย่าโม

 9 วัน 9 คืน แห่งบุญบารมี ทุกศาลเจ้าได้จัดบริการอาหารเจฟรีบางแห่งบริการให้นำกลับไปรับประทานที่บ้าน เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามและส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองโคราชรวมทั้งสร้างแรงกระตุ้น จูงใจให้ประชาชนมากินเจมากขึ้น เพื่อหนึ่งมื้อกินเจ หมื่นชีวิตรอดตาย

อ.ปักธงชัย อ่วม น้ำเข้าท่วมถนน ตลาด และหมู่บ้าน ส่งผลให้พ่อเมืองโคราชออกประกาศแจ้งเตือน

อ.ปักธงชัย อ่วม น้ำเข้าท่วมถนน ตลาด และหมู่บ้าน ส่งผลให้พ่อเมืองโคราชออกประกาศแจ้งเตือน

จากสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำพระเพลิงได้เพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องทำให้น้ำเข้าท่วมในหลายพื้นที่ ของอำเภอปักธงชัย โดยหลังจากที่อ่างเก็บน้ำหินตาโง่ บ้านลำประโคน ตำบลลำนางแก้ว อำเภอปักธงชัย พื้นดินทรุดตัวพังเสียหาย น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร และบ้านเรือนของราษฎร ในพื้นที่ตำบลลำนางแก้ว ได้รับความเสียหาย กว่า 60 หลังคาเรือน ปริมาณน้ำที่ทะลักออกมาจะไหลลงไปรวมกับน้ำในคลองลำพระเพลิง โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนให้ชาวบ้านเฝ้าระวัง และเก็บสิ่งของขึ้นบนที่สูงเพื่อความปลอดภัยแล้ว ซึ่งขณะนี้มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วม 2 หมู่บ้านคือ บ้านลำประโคนเหนือ หมู่ 5 และบ้านลำประโคน หมู่ 3 บ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 60 หลังคาเรือน

และขณะนี้ มวลน้ำได้ไหลเข้าท่วมในเขตพื้นที่ ต.เมืองปัก  ทำให้ทั้งตลาด และถนนเส้น 304 บริเวณหน้าโรงเรียนเมืองปักสามัคคี มีปริมาณน้ำท่วมขัง

โรงเรียนเมืองปักสามัคคี ได้ทำการหยุดการเรียนการสอน โดย ผู้อำนวยการโรงเรียนได้เรียกประชุมคณะครู เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับมวลน้ำที่เพิ่มขึ้น

โดยทางโรงเรียนได้มีการประกาศหยุดการเรียนการสอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ทางเข้าหมู่บ้านหัน  ตะคุ สุขัง ยังมีประมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกประกาศด่วน ให้พี่น้องในพื้นที่เตรียม และตั้งรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ ได้นำความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อนทันที

เทศกาลงานบุญ ถือศีลกินเจ ประจำปี 2563 เริ่มแล้ว!!

แถลงข่าว เทศกาลถือศีลกินเจ ประจำปี 2563

 วันนี้ ที่บริเวณลานพระอาทิตย์ เดอะมอลล์โคราช ได้จัดให้มีการแถลงข่าวเทศกาลถือศีลกินเจ ประจำปี 2563 จัดโดยชมรมไทยจีน ถือศีลกินเจโคราช  และได้รับเกียรติจาก นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวร่วมกับ นายสันติ เกิดโมฬี รองปลัดเทศบาลนครนครราชสีมา นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.ททท.สำนักงานนครราชสีมา นายอัฐพล สัมพันธวงศ์ รองประธานหอการค้า จังหวัดนครราชสีมา นายชินาพัฒน์  พิมพ์สีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์โคราช  นายฐิติรัตน์  พงษพุทธรักษ์ นายกสมาคนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา  นายปิยเมษฐ ประณีตพลกรัง ผู้บริหาร DNTV และ นายภิญโญ วัจนศิริเสถียร ประธานชมรมไทยจีน ถือศีลกินเจโคราช  ได้ร่วมกันแถลงข่าว การเริ่มต้นเทศกาลกินเจ ระหว่างวันที่ 17 – 25 ตุลาคม พ.ศ. 2563 รวม 9 วัน 9 คืน  เพื่อความเป็นสิริมงคล

ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานในการมอบส้มมงคล ให้กับผู้ร่วมแถลง

และได้ทำการเทียบเชิญเทพเจ้าแบบโบราณกับศาลเจ้ากว่า 20 แห่งในโคราช เพื่อเข้าร่วมในเทศกาลนี้

และในวันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2553 มีอัญเชิญเทพเจ้าประทับทรงแห่รอบเมืองโคราช (อิ้วเก้ง) จึงขอเรียนเชิญทุกท่านตั้งโต๊ะไหว้เทพเจ้าตามเส้นทางตั้งแต่เวลา 08.39 น. เป็นต้นไป

กำหนดการเทศกาลถือศีลกินเจ 9 วัน 9 คืน เริ่มวันที่ 17 – 25 ต.ค. พ.ศ. 2563มีพิธีสวดมนต์ – เดินธูป ทุกวัน มีอาหารเจบริการฟรีทุกวัน ผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านสามารถไปร่วมพิธีถือศีลกินเจได้ตามศาลเจ้าต่างๆ ตามอัธยาศัย ตามศรัทธา ตามความสะดวกวันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2563พิธีอัญเชิญเทพเจ้าประทับทรงแห่รอบเมืองโคราช (อิ๋งเก้ง) ขบวนศาลเจ้าต่าง ๆ ตั้งขบวนที่ลานอนุสาวรีย์ท่านท้าวสุรนารี (ลานย่าโม)  ตั้งแต่เวลา 07.00 น.เป็นต้นไป

และในวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2553  พิธีเดินข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์ (โกยห่าน)  ณ.ลานย่าโม เวลา19.19 น.เป็นต้นไปค  ณะกรรมการศาลเจ้าต่างๆ พร้อมกันที่ลานอนุสาวรีย์ท่านท้าวสุรนารี (ย่าโม) โดยจะเริ่มพิธีสวดมนต์ – เดินธูปและข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์ 12 ราศี (โกยห่าน) ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป

พ่อเมืองโคราชนำประชาชนใส่บาตรเช้า พร้อมด้วยนำจิตอาสาพัฒนาคูคลอง ถวายเป็นพระราชกุศล

พ่อเมืองโคราชนำประชาชนกว่า 1,000 คนใส่เสื้อเหลือง ทำบุญตักบาตร ท่ามกลางสายฝน​ เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศล อุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปร มินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร 13 ตลาคม 2563

วันที่ 13 ตลาคม 2563 เวลา 07.00 น ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ประชาชนทุก หมู่เหล่าในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยมีนยวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็น ประธาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า และประชชน กว่า 1,000 คน ที่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง
ร่วมกันประกอบพิธีอย่างพร้อมเพรียง โดยได้นิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ และ
ทอดผ้ามหาบังสุกุล หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้นำประชชนทุกหมู่เหล่า ร่วมกัน
ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงฆ์จำนวน 89 รูป เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศล อุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปร
มินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาตลอดพิธี

และช่วงสาย ที่บริเวณ บึงหัวทะเล ม.1 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาคู คลอง เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และส่งเสริมให้ประชาชนร่วมกันพัฒนาสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยมีข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ภาคีเครือข่ายภาคเอกชน และประชาชนจิตอาสา ร่วมพัฒนาคู คลอง กว่า 500 คน โดยได้เก็บวัชพืช ผักตบชวา ขยะ ที่กีดขวางทางน้ำ ออกจากคูคลอง และร่วมกันตัดแต่งกิ่งไม้ตัดหญ้า พื้นที่รอบคูคลองเพื่อความสวยงาม สำหรับ บึงหัวทะเล เป็นบึงสำคัญเนื่องจากเป็นที่ใช้ในการระบายน้ำ เพื่อป้องกันอุทกภัยบริเวณสี่แยกหัวทะเลและชุมชนเขตเทศบาลนครนครราชสีมา

พิธีเคลื่อนสรีระหลวงพ่อใหญ่ วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา

เคลื่อนสรีระร่างหลวงพ่อใหญ่พระสาสนโสภณ สู่ศาลาการเปรียญรอน้ำหลวงสรงศพเวลา16.30น.ณ.วัดสุทธจินดา​ อ.เมืองนครราชสีมา​ โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัตประธานในพิธี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ สุกำ พร้อมด้วยเครื่องเกียรติยศ โกศแปดเหลี่ยม ฉัตรเบญจาตั้งประดับประกอบศพ ปี่ กลองชนะ ประโคมเวลาพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมเวลากลางคืน กำหนด 3 คืน แด่พระสาสนโสภณ (โกศล สิรินธโร) อดีตที่ปรึกษาจ้าคณะภาค ๘ (ธรรมยุต) และอดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา วรวิหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ สุกำ พร้อมด้วยเครื่องเกียรติยศโกศแปดเหลี่ยม ฉัตรเบญจาตั้งประดับประกอบศพ ปี่ กลองชนะ ประโคมเวลาพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมเวลากลางคืน กำหนด 3 คืน แด่พระสาสนโสภณ (โกศล สิรินธโร) อดีตที่ปรึกษาจ้าคณะภาค ๘ (ธรรมยุต) และอดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา วรวิหาร วันนี้ (12 ต.ค. 2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ศาลาการเปรียญ วัดสุทธจินดา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

มีการประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ และสวดพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมศพ พระสาสนโสภณ (โกศล สิรินธโร) อดีตที่ปรึกษาจ้าคณะภาค ๘ (ธรรมยุต) และอดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา ที่มรณภาพ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เวลา 11.49 น. ณ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี กลุ่มอำนวยการพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานที่ 11 นครราชสีมา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา กระทรวงวัฒนธรรม อัญเชิญเครื่องเกียรติยศประกอบศพของพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ คือ โกศแปดเหลี่ยม-ฉัตรเบญจา ตั้งแต่ง ณ ศาลาการเปรียญ วัดสุทธจินดา วรวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เวลา 10.30 น. คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์เคลื่อนร่างพระสาสนโสภณ (โกศล สิรินธโร) อดีตที่ปรึกษาจ้าคณะภาค ๘ (ธรรมยุต) และอดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา จากกุฏิสองเมือง มายังศาลาการเปรียญ วัดสุทธจินดา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการะ สรงน้ำศพ เวลา 11.30-15.30 น. โดยมีเจ้าหน้าที่ พิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน จากกลุ่มอำนวยการพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานที่ 11 นครราชสีมา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา กระทรวงวัฒนธรรม อำนวยความสะดวก เวลา 16.00 น.

มีการประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ โดย สมเด็จพระวันรัต กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธี เจ้าหน้าที่กลุ่มอำนวยการพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานที่ 11 นครราชสีมา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา กระทรวงวัฒนธรรมประโคมปี่ กลองชนะ เวลาพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระสาสนโสภณ (โกศล สิรินธโร) อดีตที่ปรึกษาจ้าคณะภาค ๘ (ธรรมยุต) และอดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา ในเวลา 16.30 น.เริ่มสวดพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมศพ โดยพระพิธีธรรม จำนวน 4 รูป จากวัดบวรนิเวศ โดยมีสมเด็จพระวันรัต กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะสงฆ์ ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน และศิษยานุศิษย์จำนวนมากร่วมพิธี ณ ศาลาการเปรียญ วัดสุทธจินดา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา คืนที่ 2-3 (วันที่ 13-14 ต.ค.2563) พระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมศพ เวลา 19.00 น. การแต่งกาย ข้าราชการ ชุดปกติขาวไว้ทุกข์ ประชาชนทั่วไปชุดสุภาพไว้ทุกข์ (งดรับหรีดเคารพศพ)

ขอบคุณที่มา : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา

“อานนท์ แสนน่าน” ผนึกอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง “อีสาน-ล้านนา” รวมพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

“อานนท์ แสนน่าน” เดินหน้าปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผนึกอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง “อีสาน-ล้านนา” พร้อมแต่งตั้งยกฐานะมาเป็นประธานหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนเรารักประเทศไทยแต่ละจังหวัด


วันที่ 8 ตุลาคม 2563 ณ ศูนย์เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่น เรารักประเทศไทย ชุมชนพรสวรรค์ ทต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ได้ประสานงาน นายนิตยา นาโล อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อดงภาคอีสาน นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ นางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งประเทศไทย นายองอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นไทย ได้ร่วมประชุมกันเพื่อให้สมาชิกหมู่บ้านเสื้อแดง ทั้ง 14 จังหวัดภาคเหนือ และ 20 จังหวัดภาคอีสาน ออกมารณรงค์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จากพวกจาบจ้วงและกำลังจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย


ก่อนหน้านั้น อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงและสมาชิกได้ออกมาแจ้งแล้วว่า “ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์ไทย คงไม่มีแผ่นดินให้ คนรุ่นใหม่ได้ยืนในวันนี้ได้หรอกคงเป็นทาสของต่างชาติ หรือไม่ก็จะไม่มีชาติให้ภาคภูมิใจเหมือนเช่นทุกวันนี้ เพราะการที่พวกเรา “ยุบและสลายหมู่บ้านเสื้อแดง” เข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเป็นเครือข่าย “รวมไทยสร้างชาติ เรารักประเทศไทย” ก็ต้องการที่จะทำงานด้วยจิตอาสาเพื่อชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ เพราะที่ผ่านมาพวกเราเป็นคนเสื้อแดง และแยกออกมาเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ก็จะใช้สโลแกนที่ว่า “หมู่บ้านเสื้อแดง เพื่อประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เพราะพวกเราซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์
นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า พวกเราอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง ได้เชิญอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ และภาคอีสาน เพื่อผนึกกำลัง “อีสาน-ล้านนา มาแต่งตั้งเป็น “ประธานหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทย ประจำจังหวัด” เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์” จากพวกจาบจ้วงและหวังจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เพื่อให้สมาชิกออกไปรณรงค์ให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงกับประธานหมู่บ้านและสมาชิกหมู่บ้านเสื้อแดงแต่ละหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และ จังหวัดต่าง ๆ ว่า การที่มีการเข้าไปชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นว่าจะไปล้มรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จริงๆ แล้วไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของกลุ่มดังกล่าว แท้ที่จริงแล้วเป็นกลุ่มที่ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ต้องการจะแก้ไขการปกครองไม่ให้มี “ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
พวกเราชาวอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงในแต่ละจังหวัดจำเป็นต้องออกมาปกป้องสถาบันและให้ข้อมูลที่แท้จริงกับ เด็ก เยาวชน นักเรียน และ นักศึกษา ว่า “ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศตลอดมา พระมหากษัตริย์ของไทยได้ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ได้ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ได้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญมั่นคงก้าวหน้าในด้านต่างๆ บางพระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติด้วยความกล้าหาญและเสียสละ อาทิ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บางพระองค์ได้ทรงดำเนินวิเทโศบายที่ชาญฉลาดทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้จนทุกวันนี้ เช่นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ชาติไทยของเรามีการวิวัฒนาการมาตั้งแต่เริ่มรวมชาติรวมแผ่นเดิน ก่อร่างสร้างเมืองตั้งแต่ อดีต จนมาเป็นประเทศชาติทุกวันนี้ก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์สถาบันพระมหากษัตริย์ยังเป็นสถาบันที่อยู่ในหัวใจของประชาชน เป็นสถาบันที่เคารพ สักการะเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของปวงชนชาวไทยทุกๆ คน ผู้ใดหรือใครจะมาล่วงเกินพระราชอำนาจไม่ได้ ในสมัยสุโขทัยสถาบันพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนพ่อของประชาชนฐานะของพระองค์ เป็นพ่อขุน มีความใกล้ชิดประชาชน พอเข้าสมัยกรุงศรีอยุธยาฐานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นสมมุติเทพหรือเป็นเทวดาโดยสมมุติและทรงมีพระราชอำนาจในการปกครองทรง เป็นองค์อธิปัตย์สูงสุดในการปกครองบ้านเมือง ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยหลักธรรมะโดยมีทศพิธราชธรรม และธรรมะหลักสำคัญต่างๆ ในการปกครองจนทำให้ไพร่ฟ้าประชาราษฏ์อยู่เย็นเป็นสุข ทรงครองราชย์ป้องเมือง ทำนุบำรุงบ้านเมือง ศาสนา และสังคมมาจนถึงทุกวันนี้
แม้ว่าประเทศไทยจะมีรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย พระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ก็มิทรงเสื่อมถอย แต่สถาบันพระมหากษัตริย์กลับเป็นที่เคารพสักการะจากประชาชนมากเช่นเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง “…แม้แต่สมัยเป็นเด็กผมได้เงินไปโรงเรียนทีละ 5 – 10 บาท เวลาเงินตกลงพื้นแม่หรือพ่อผมจะต้องให้ลงกราบไหว้ไม่ให้เหยียบเงินแต่อย่างใด เพราะในเงินนั้นมีรูปในหลวงที่เป็นยึดเหนียวใจของประชาชน คอยปกปักรักษาให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข” นายอานนท์ กล่าว