รมว.กก.ตรวจและร่วมทดสอบสนามกีฬา นครราชสีมา เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬา IWAS WORLD GAMES 2020

รมว.กก.ตรวจและร่วมทดสอบสนามกีฬา นครราชสีมา เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬา IWAS WORLD GAMES 2020

ณ  ห้องประชุมอาคารที่พักนักกีฬา 200 เตียง สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ  80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา  ได้มีการประชุมโดยมีระเบียบวาระ คือ การสำรวจความพร้อมของจังหวัดนครราชสีมา ในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬา  IWAS WORLD GAMES 2020 และสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวภายในจังหวัดนครราชสีมา และด้วยจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับเกียรติจากสหพันธ์กีฬาคนพิการทางร่างกายและการเคลื่อนไหวนานาชาติ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา ดังกล่าวขึ้น ระหว่างวันที่  20-28 กุมภาพันธ์ 2563

ในการนี้  ได้รับเกียรติจาก  นายวีระศักดิ์  โควสุรัตน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมตรวจและร่วมทดสอบสนามกีฬา นครราชสีมา เพื่อเตรียมทำแผนปรับปรุงสนามให้ทันรองรับการเป็นเจ้าภาพแข่งขันฟุตบอลฟีฟ่าระดับคัดเลือกไปบอลโลกอายุไม่เกิน23ปี และการปรับสภาพสนามกีฬาให้พร้อมรับการแข่งขันกีฬาคนพิการทางกายโลก

 

ทั้งนี้  จากการร่วมกันสำรวจสถานที่  สรุปเบื้องต้นให้มีการปรับปรุงทำพื้นยางลู่วิ่งใหม่แทนของเดิมที่ใช้มานาน  13ปี  ที่กรอบและกร่อนแล้ว  เพิ่มลู่วิ่งอีกลู่เข้าไป  ซ่อมป้ายสกอร์บอรด์   ใส่แสงสว่างไฟส่องสนามเพิ่ม  เติมทางลาดหลายจุด   ปรับห้องน้ำวีลแชร์  เป็นต้น

>ชมภาพ<<

ชาวอำเภอครบุรีร่วมทำบุญทักษิณานุปะทาน หลวงพ่อคูณปริสุทโธ

 ชาวอำเภอครบุรีร่วมทำบุญทักษิณานุปะทาน หลวงพ่อคูณปริสุทโธ ผู้อุ้มบาตรรับบริจาคเงินสร้างพระอุโบสถให้วัดหนองโคพรหมนิมิต

           ที่วัดหนองโคพรหมนิมิต ต.ตะแบกบาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พันโทนายแพทย์ภาคย์  โลหารชุน ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 เป็นประธานฝ่ายฆราวาสนำชาวบ้านอำเภอครบุรี ประกอบพิธีทำบุญทักษิณานุปะทาน  โดยมีท่านเจ้าคุณพระสุขุม ธรรมวาที เจ้าคณะอำเภอครบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เพื่อน้อมถวายเป็นกุศลพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ โดยมีศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อคูน มาร่วมในพิธีจำนวนมาก

ทั้งนี้เนื่องจากทางหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมากมาย  เช่นเดียวกันกับวัดหนองโคพรหมนิมิต ก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่หลวงพ่อคูณ ได้มาอุ้มบาตรรับบริจาคเงินในการก่อสร้างพระอุโบสถของวัด โดยได้เงินในการเริ่มต้นก่อสร้างพระอุโบสถ จำนวน 100,000 บาท และเป็นผู้วางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2539 เพื่อให้ตำบลตะแบกบานมีพระอุโบสถเพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

>ชมภาพบรรยากาศ<<

โคราชจัดงาน Field Day เตรียมพร้อมเกษตรกรเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก หวังพัฒนาศักยภาพสินค้าทางการเกษตรให้ได้คุณภาพมากขึ้น

โคราชจัดงาน Field Day เตรียมพร้อมเกษตรกรเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก หวังพัฒนาศักยภาพสินค้าทางการเกษตรให้ได้คุณภาพมากขึ้น

ที่ทำการชาวไร่ บ้านหนองรัง หมู่ที่ 2 ต.แชะ  อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา นายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอครบุรี   เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) และบริการเกษตรกรเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ปี 2562 ซึ่งทางสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดขึ้น เพื่อสานต่อนโยบายรัฐบาลในการเตรียมพร้อมเกษตรกรเข้าสู่ฤดูกาลผลิตสินค้าเกษตร ปี 2562/2563 กระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิตโดยใช้เทคโนโลยี และภูมิปัญญาที่เหมาะสมต่อพื้นที่ในการวางแผนการผลิต การเข้าถึงปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ การลดความเสี่ยงของผลผลิต การเชื่อมโยงเครือข่าย และการบริหารจัดการการผลิตให้มีประสิทธิภาพ

โดยภายในงานวันนี้  มีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิต เพิ่มมูลค่าผลผลิต และการตลาด มีการจัดสถานีถ่ายทอดความรู้เรื่องวิธีการเตรียมดินและการปรับปรุงบำรุงดินเพื่อการเพะปลูกที่ถูกต้อง  การคัดสรรพันธุ์พืชที่มีคุณภาพ  การทำการเกษตรพอเพียง การเกษตรแบบผสมผสาน การใช้เครื่องจักรกลสมัยใหม่เพื่อพัฒนาผลผลิต การบริหารจัดการน้ำ และ การกำจัดแมลงศัตรูพืชด้วยวิธีการทางธรรมชาติ  เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอองค์ความรู้ และบริการการเกษตรอื่นๆ จากหน่ายงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การสาธิตนวัตกรรมและเครื่องจักรเพื่อการเกษตรสมัยใหม่  การประชาสัมพันธ์องค์ความรู้ในการจัดการและแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง  การจำหน่ายผลผลิต และผลิตภัณฑ์เกษตร จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และกลุ่มอาชีพต่างๆ ด้วย

>ชมภาพบรรยากาศ<<

 

พัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา จัดอบรมโครงการสร้างเสริมวัฒนธรรมองค์กร ฯ ต่อต้านทุจริต

     พัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา จัดอบรมโครงการสร้างเสริมวัฒนธรรมองค์กร ฯ ต่อต้านทุจริต

นายสุเมธ โศจิพลกุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา เป็นประธานเปิดฝึกอบรมโครงการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อสร้างทัศนคติและจิตสำนึกด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ

โดยได้รับเกียรติจาก นายมงคล สาริสุต ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปช.ประจำจังหวัดนครราชสีมา เป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ กฎหมายป้องกันและปราบปรามทุจริต ผลประโยชน์ทับซ้อน การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม โดยมีวัตถุประสงค์สร้างจิตสำนึกให้บริการประชาชนอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตมีคุณธรรมและจริยธรรม กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์ในการปฏิบัติงาน ให้แก่เจ้าหน้าที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา จำนวน 40 คน

แปลกแต่จริง คนตายนานเป็นปี เจอค่าน้ำเดือนเดียว เกือบหมื่น วอนประปาเข้าตรวจสอบ

           แปลกแต่จริง คนตายนานเป็นปี เจอค่าน้ำเดือนเดียว เกือบหมื่น วอนประปาเข้าตรวจสอบ

   ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา   ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ทางสำนักการประปาส่วนภูมิภาค สาขานครราชสีมา ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้ส่งจดหมายแจ้งหนี้เรียกเก็บเงินนายประสิทธิ์ แพนเกาะ อายุ 56 ปี เจ้าของบ้าน ที่เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 1ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยเรียกเก็บเงินเป็นจำนวนเกือบหมื่นบาท สร้างความตกใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว พบนางทิพย์สุคนธ์ หรือน้อย แพนเกาะ อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้ตาย อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านฉัตรมงคล ตำบลหมื่นไวย ได้พาเดินดูรอบๆบ้านหลังที่มีปัญหาซึ่งถูกปิดล็อกด้วยกุญแจ ส่วนบริเวณรอบบ้านนั้นมีเพียงแต่ต้นไม้ปกคลุมทั่วบริเวณดังกล่าว

            นางทิพย์สุคนธ์ หรือน้อย พี่สาวผู้ตาย เล่าว่า บ้านหลังที่มีปัญหา เป็นบ้านเลขที่ 241 หมู่ 3 ถนนมิตรภาพ ตำบลหมื่นไวย อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านน้องชายได้อาศัยอยู่ คนเดียวไม่มีครอบครัว และได้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 1ธันวาคม 60 หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ไปอยู่แทน แต่จะมีตนเองเข้ามาเปิดน้ำทำความสะอาดบ้านและรถน้ำต้นไม้ หลังจากนั้นก็ปิดมิเตอร์น้ำ พอในแต่ละเดือนจะมียอดแจ้งหนี้เดือนละประมาณ 60 บาท เกือบทุกเดือน พอมาถึงเดือนพฤศจิกายน 61 ได้มีบิลชำระค่าน้ำมาปกติเหมือนทุกครั้ง แต่งวดนี้ไม่มีใบแจ้งยอดตนคิดว่าคงไม่ต้องจ่ายเพราะยอดใช้น้ำไม่ถึง หลังจากนั้นไม่นานก็มี จดหมายแจ้งหนี้เรียกเก็บเงินจำนวนการใช้น้ำ 336 หน่วย รวมเป็นเงิน 7,607.70 บาท พอเห็นแล้วถึงกับตกใจทำไรไม่ถูก ต่อมาในเดือนธันวาคม 61 ก็มีบิลแจ้งหนี้ จำนวน 878.68 บาท และในเดือนมกราคม 62 มีบิลแจ้งหนี้ จำนวน 192 บาท ตนจึงคิดว่าน่าจะเกิดความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งว่าน่าจะมีน้ำรั่ว แต่ตนมองว่าถ้ามีน้ำรั่ว ยอดการใช้น้ำทำไม่มันถึงห่างกันขนาดนี้ ซึ่งด้วยความตกใจตนจึงได้ชำระค่าน้ำจำนวน 7,607.70 บาท ไปก่อน ซึ่งกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะมา ยกมิเตอร์ไปเวลาให้มาติดตั้งมันจะยุ่งยากกว่าเดิม จึงอยากได้เงินจำนวนดังกล่าวคืนมาใช้จ่ายภายในครอบครัว

            อย่างไรก็ตาม ฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เข้ามาตรวจสอบความผิดปกติตรงนี้ ว่าเจ้าหน้าที่จดเลขมิเตอร์ผิด หรือมีการผิดพลาดตรงจุดไหน เพราะว่าเงินจำนวนดังกล่าวค่อนข้างสูง อีกทั้งบ้านหลังดังกล่าวก็ไม่มีคนอาศัยอยู่นานแล้ว

>ชมคลิปและเสียงสัมภาษณ์<<

ชาวบ้านโคราช แห่ขอหวย กล้วยแปลก ออกปลีคู่ยาวเหมือนขาคน

เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาให้โชคคนในหมู่บ้าน

 

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในที่ดินของนางประคอง พิทักษ์อรพิมพ์ หรือยายน้อย เจ้าของพื้นที่ ซึ่งเป็นทุ่งนาติดกับคลองน้อยทางทิศตะวันตก อยู่บริเวณบ้านนาราก หมู่ที่ 3 ตำบลอรพิมพ์ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมาพบชาวบ้านจำนวนหนึ่งนำธูป เทียน น้ำแดง มากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ พร้อมทั้งนำแป้งมาทา เพื่อขอหวยกันไปตามประสา ซึ่งต้นกล้วยที่ให้ผลแปลกนั้น มีลักษณะประหลาดอยู่ 1 ต้น สูงประมาณ 4 เมตร มีปลี งอกออกจากยอดลำต้น 2 ปลี พร้อมกันในต้นเดียว โดยปลีคู่ดังกล่าว งอกออกจากเครือกล้วยอันเดียวก่อนแยกออกจากกันทางส่วนปลาย ซึ่งมีความยาวประมาณ 40-50 เซนติเมตร เหมือนกับขาคน ส่วนตรงกลางก้านได้ให้ผลเป็นหวี เหมือนปกติ

            นางหมวย ลาภกระโทก อายุ 63 ปี ชาวบ้านที่พบเห็นเล่าว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นต้นกล้วยออกผลและแยกเป็น 2 ปลีเลย ซึ่งจากที่มองเห็นนั้น เหมือนกับลำตัวคนที่มีขายาว ห่อยลงมา ซึ่งเชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมาให้โชคคนในหมู่บ้าน จึงได้เดินทางธูปเทียนมากราบไหว้เพื่อขอพร ให้ถูกหวย โดยตนเองนั้นได้ตีเลขว่า ต้นกล้วยให้ตีเป็นเลข 9 ส่วนปลีของกล้วยนั้น ให้ตีเป็นเลข 8 นอกจากนี้ยังมี 2 ปลี จึงคิดว่างวดนี้จะซื้อเลข 982 ตามที่ตัวเองท้ายไว้

            ด้านนางประคอง พิทักษ์อรพิมพ์ เจ้าของต้นกล้วยประหลาด เล่าว่า ตนปลูกต้นกล้วยไว้หลายสายพันธุ์จำนวนหลายร้อยต้น ใกล้กับทุ่งนาซึ่งติดกับคลองน้อย ภายในหมู่บ้าน ในระหว่างที่มาหว่านข้าวนั้น ได้เดินดูเพื่อที่จะเก็บกล้วยไปกินนั้น พบว่ามี 1 ต้นมีการออกปลีที่ผิดปกติ แต่ไม่แน่ใจว่าแปลก จึงชวนเพื่อนบ้านมาดูด้วยกันและทุกคนต่างลงเสียงเดียวกันว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเห็นกล้วยออกปลีแบบนี้ หลังจากนี้คงจะปล่อยไว้แบบนี้และจะไม่คิดจะตัดผลมากิน เนื่องจากมีความเชื่อว่าเทวดามาให้โชคลาภคนในหมู่บ้าน จึงได้กราบขอพรเพื่อขอเลขเด็ดในงวดนี้ ต่อไป

>ชมภาพ<<

 

จิตอาสาฯนำผ้าห่มกันหนาวมอบอาสาสมัครป้องกันไฟป่า หลังอากาศเย็นลงต่อเนื่อง

         

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีควบคุมไฟป่าบ้านหนองโบสถ์ หมู่ที่ 16 ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา นายนพชัย กลิ่นสูงเนิน หัวหน้าหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่านครราชสีมา รับมอบผ้าห่มกันหนาวจำนวน 100 ผืน จากประชาชนจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจอำเภอครบุรี ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ รวมถึงกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อยเคลื่อนที่เร็วกองทัพภาคที่ 2 ก่อนที่จะนำไปแจกจ่ายให้กับกำลังอาสาสมัครเครือข่ายควบคุมไฟป่าในพื้นที่อำเภอครบุรี เพื่อที่จะได้นำไปใช้ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในการเฝ้าระวังและควบคุมไฟป่า เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงที่สภาพอากาศหนาวเย็น และพื้นที่เสี่ยงการเกิดไฟป่าในพื้นที่อำเภอครบุรีส่วนใหญ่ จะอยู่บนภูเขาสูงชัน ห่างไกลจากชุมชนเมือง ผ้าห่มกันหนาวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทางเครือข่ายรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจำเป็นต้องใช้และยังขาดแคลนอยู่

          สำหรับสถานการณ์ไฟป่าในพื้นจังหวัดนครราชสีมา เริ่มเกิดปัญหาขึ้นแล้วในบางพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพื้นที่ที่เคยเกิดขึ้นเป็นประจำ อาทิในพื้นที่ป่าหนองเต็ง ป่าจักราช อ.เฉลิมพระเกียรติ และพื้นที่อำเภอครบุรี ซึ่งขณะนี้ทางหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าก็ได้มีการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่าเพิ่มเติมขึ้น โดยใช้งบประมาณจากทางกรมป่าไม้มาดำเนินการเพื่อให้เป็นส่วนร่วมในการจัดการปัญหา  สำหรับในปีนี้มีการเพิ่มเครือข่ายความร่วมมือในพื้นที่อำเภอครบุรีเพิ่มเติมจาก 2 เครือข่าย เป็น 6 เครือข่ายแล้ว

           โดยสาเหตุของการเกิดไฟป่าส่วนใหญ่ เกิดจากการจุดไฟเผาป่าเพื่อล่าสัตว์ และหาของป่า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติของไทยถูกทำลายอย่างมาก รวมถึงเป็นสาเหตุสำคัญในเกิดปัญหาหมอกควันสร้างมลพิษ

>ชมคลิป<<

ผู้นำ 10 ตำบล หวาดระแวงหลังมีชายอ้างตัวเป็นทหารเข้ามาข่มขู่พื้นที่ ด้านว่าที่ผู้สมัคร ยื่นหนังสือให้กองทัพภาคที่ 2 ให้ช่วยตรวจสอบพร้อมนำตัวมาลงโทษ

ผู้นำ 10 ตำบล หวาดระแวงหลังมีชายอ้างตัวเป็นทหารเข้ามาข่มขู่พื้นที่ ด้านว่าที่ผู้สมัคร ยื่นหนังสือให้กองทัพภาคที่ 2 ให้ช่วยตรวจสอบพร้อมนำตัวมาลงโทษ

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 22 มกราคม 62 นายอภิชา เลิศพชรกมล ว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เขต 9 จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยทีมงาน ได้เข้ายื่นหนังสือให้กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานความมั่นคง ศปม.กอ.รมน.ภาค 2 ค่ายสุรนารี ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา และยื่นหนังสือต่อให้กับเจ้าหน้าที่ กองบัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 ให้ช่วยตรวจสอบ หลังจากมีเจ้าหน้าที่อ้างตัวเป็นทหาร จำนวน 2 คน และพลเรือน 1 คนเข้าไปพูดจาข่มขู่ ผู้นำหมู่บ้านจำนวน 10 ตำบลในพื้นที่อำเภอโชคชัย

นายอภิชา เลิศพชรกมล ว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เขต 9 จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 62 เป็นต้นมา ได้มีชายอ้างตัวเป็นทหาร ไม่ทราบสังกัดที่ชัดเจน ได้เข้าพื้นที่อำเภอโชคชัย โดยใช้โตโยต้า รถฟอร์จูเนอร์ สีดำ สลับกับ รถโตโยต้า วีโก้ สีบร์อน โดยใช้ทะเบียนปลอมเข้ามาในพื้นที่ และตระเวรเข้าพบผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อดีตนายก อบต.พร้อมอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารจากส่วนกลางเข้ามาสังเกตการณ์ โดยไม่มีการแต่งเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ทหารแต่อย่างใด เพียงแต่ใส่หมวกที่มีตราสัญลักษณ์ทหาร ป้ายแหวนคอกองทัพบก และได้เข้ามาพูดคุยสอบถามเรื่องการเมือง และให้วางตัวเป็นกลาง อย่าไปเข้าข้างใคร ก่อนจะกลับยังบอกอีกว่า อย่าลืมเลือกพรรคฝั่งรัฐบาล จึงเกิดการสับสนและหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารจริงหรือไม่ แต่ทางผู้นำก็ได้มีการถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

อย่างไรก็ตาม ฝากถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ให้ช่วยสอดส่องดูแลเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งตนเชื่อว่าบุคคลที่อ้างว่าเป็นทหารทั้ง 2 นายและพลเรือนอีก 1 นายนั้น น่าจะออกมารับจ้างส่วนตัวไม่เกี่ยวกับหน่วยงานของรัฐแต่มาแอบอ้างว่ามาจากหน่วยงานของรัฐโดยรับจ้างมาจากผู้สมัครรายหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตนักการเมืองในพื้นที่ ที่นิยมใช้รูปแบบการหาเสียงเช่นนี้อยู่บ่อยๆเพื่อความสุจริต ยุติธรรม และลดความสับสนหวาดกลัวอยากให้ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้เข้าตรวจสอบเอาบุคคลที่มาแอบอ้างมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว

>ชมคลิป<<

    สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา  จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ  เรื่องปฏิบัติการ  เรื่อง การทบทวนและจัดทำแผนพัฒนากำลังคน ระดับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา 

     สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา  จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ  เรื่องปฏิบัติการ  เรื่อง การทบทวนและจัดทำแผนพัฒนากำลังคน ระดับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา 

ที่ห้องห้องทวีทรัพย์ ชั้น 2 โรงแรมโคราชโฮเต็ล ต.ในเมือง  อ.เมือง  จ.นครราชสีมา  ว่าที่ร้อยตรีนิรันดร์  ดุจจานุทัศน์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ  เรื่อง การทบทวนและตัดทำแผนพัฒนากำลังคน ระดับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา  ประจำปีงบประมาณ 2562  จัดโดย สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ซึ่งมีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ ความเข้าใจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกี่ยวกับการจัดการทำแผนการพัฒนากำลังคน จังหวัดนครราชสีมา  ซึ่งต้องใช้ระบบเชื่อมโยงข้อมูล ข้อมูลที่มีความทันสมัยเป็นปัจจุบัน  ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนากำลังคนของจังหวัด       และ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนากำลังคนระดับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาร่วมทบทวนแผนพัฒนากำลังคน ร่วมจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนากำลังคนของจังหวัดนครราชสีมา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562

ผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย  คณะอนุกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพจังหวัด (กพร.ปจ.)  คณะทำงานบูรณาการและส่งเสริมเครือข่ายเพื่อจัดทำแผนพัฒนากำลังแรงงานในจังหวัดนครราชสีมา  คณะทำงานจัดทำแผนพัฒนากำลังคนประจำจังหวัดนครราชสีมา รายภาคอุตสาหกรรมทั้ง 3 คณะภายใต้ กพร.ปจ. ผู้แทนสถานประกอบกิจการเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงานแยกรายกลุ่มอุตสาหกรรม 3 กลุ่ม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นเจ้าหน้าที่ บุคลากร       ที่รับผิดชอบจัดทำแผนงานด้านการพัฒนากำลังคน รวมทั้งสิ้น  40  คน

การสัมมนาในครั้งนี้มีระยะเวลา 1 วัน ช่วงเช้าเป็นการบรรยายโดย  ดร.ธีรยุทธ เกียรติพิริยะวงศ์ ที่ปรึกษาด้านการจัดแผนพัฒนากำลังคนของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน  และในช่วงบ่ายเป็นการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำแผน ปัญหา อุปสรรค ในการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติในพื้นที่จากผู้เข้าร่วมสัมมนา

 

 

มหากาพย์…โจรขโมยข้าวเปลือก 102 กระสอบ ด้านผู้การโคราชเร่งจับตัวคนร้าย คาด!!คนในพื้นที่

ชาวนาโคราช น้ำตาตกใน โดนโจรชั่วขโมยข้าวเปลือก 102 กระสอบมูลค่าแสนกว่า ลอยนวล

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางมัลลิกา ทำเสร็จ อายุ 57 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ที่ 1 บ้านหนองม่วง ตำบลงิ้ว อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้ก่อเหตุขโมยข้าวเปลือกในยุ้งฉาง ซึ่งห่างจากบ้านพักเพียง 10 เมตรไปจำนวน 102 กระสอบ มูลค่ากว่า 1 แสนกว่าบาท สร้างความเดือนร้อนเป็นอย่าง โดยมีประชาชนเดินทางเข้ามาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบเพียงเศษข้าวเปลือกตกอยู่กระจัดกระจาย อยู่ภายในยุ้งฉาง โดยมีการปิดเหมือนเดิมจนทำให้เจ้าของไม่ได้สั่งเกตุและรู้ว่าหายในเวลาต่อมา

นางมัลลิกา ทำเสร็จ เจ้าของข้าว เล่าทั้งน้ำตาว่า ปีนี้ประสบปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตข้าวลดลงได้เพียง 102 กระสอบ และเก็บไว้ในยุ้งข้าวเพื่อรอราคา และนำไปขาย เพื่อใช้หนี้ ธกส.ส่วนหนึ่งเก็บไว้บริโภคและทำพันธุ์ในฤดูกาลต่อไป แต่กลับมาถูกคนร้ายลักขโมยซ้ำเติมอีก ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะลงมือก่อเหตุขโมยข้าวเปลือกในยุ้งช่วงกลางดึก เนื่องจากว่ามีพี่สาวเฝ้าบ้านเพียงคนเดียว ส่วนตนและครอบครัวได้ไปทำงานอยู่ในตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งตนได้เปิดดูข้าวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 61 ก็ยังพบเห็นเต็มยุ้งฉางอยู่ หลังจากนั้นมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 2 มกราคม 62 ปรากฏว่า ข้าวทั้งหมดได้หายไป จึงได้เข้าแจ้งความไว้กับตำรวจ สภ.ห้วยแถลง แต่เรื่องคดีก็เงียบหายไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตนก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในบ้านตนเอง

อย่างไรก็ตาม ฝากถึงคนร้ายให้เห็นใจสงสารนำข้าวเปลือกกลับมาคืนก็จะไม่ติดใจเอาเรื่องหรือหาเงินมาใช้หนี แต่หากไม่นำมาคืนก็อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ไม่ใช่ปล่อยเงียบแบบนี้

คืบหน้าตำรวจโคราช จับโจรขโมยข้าว 102 กระสอบไม่ได้นานนับเดือน ผู้ใหญ่บ้านเกรงเหตุซ้ำประกาศเสียงตามสายจัดเวรยามเฝ้าระวังเหตุซ้ำในพื้นที่

จากกรณีนางมัลลิกา ทำเสร็จ อายุ 57 ปี เจ้าของข้าว ได้ร้องผ่านสื่อว่า ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ก่อเหตุขโมยข้าวเปลือกในยุ้งฉาง ซึ่งห่างจากบ้านพักเพียง 10 เมตรไปจำนวน 102 กระสอบ มูลค่ากว่า 1 แสนกว่าบาท สร้างความเดือนร้อนเป็นอย่างมาก เพราะต้องนำไปใช้หนี้ ธกส นอกจากนี้ยังส่งผลให้ชาวบ้านอยู่แบบหวาดระแวงกลัวคนเข้าจะเข้ามาในพื้นที่อีกครั้งเพราะยังจับคนร้ายไม่ได้

ด้านนายบุญเลิศ อรบุตร อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านหนองม่วงใหญ่ เล่าว่า หลังจากเกิดเหตุมีโจรเข้ามาพื้นที่ หมู่ที่ 1 บ้านหนองม่วง ตำบลงิ้ว อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา และได้มีขโมยข้าวเปลือกไป 102 กระสอบ มูลค่า 1 แสนกว่าบาทนั้น ตนได้ช่วยเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทางทหาร ฝ่ายปกครอง ในการสืบหาคนร้ายและช่องทางที่คนร้ายจะหลบหนี รวมไปถึงสอบถามประชาชนว่ามีการพบเห็นการขนข้าวเปลือกจำนวนมากออกนอกพื้นที่หรือไม่ โดยส่วนใหญ่ไม่มีการพบเห็นดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งตนคิดว่าน่าจะมีการทยอยขนในช่วงกลางดึก คาดว่าน่าจะมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน และไม่น่าจะขนเพียงแค่คืนเดียว เพราะเจ้าของบ้านไม่อยู่บ้าน อยู่เพียงพี่สาว นอกจากนี้น่าจะมีคนในหมู่บ้านเป็นสายให้ และให้คนนอกหมู่บ้านมาขนข้าวออกจากยุ้งฉางข้าวเพื่อนำไปขายให้กับโรงสีในพื้นที่ข้างเคียงหรือนอกพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ตนได้ประกาศตามเสียงตามสาย ให้ลูกบ้านที่มีข้าวอยู่ในยุ้งฉางภายในบ้านตนเอง ให้เฝ้าระวังคนนอกพื้นที่ ช่วยกันสอดส่องดูแลทรัพย์สินตนเอง เพราะกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ส่วนตนได้ประสานลูกบ้านผู้ชายให้สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกตรวจตราภายในหมู่บ้านเพื่อเป็นการป้องกันเหตุซ้ำอีกครั้ง

ผู้การโคราช ระดมตำรวจตามล่าตัวคนร้ายขโมยข้าวเปลือก 102 ถุง สั่งตรวจกล้อวงจรปิดทุกจุด พร้อมสอบพยานไปแล้ว 7 ปาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนางมัลลิกา ทำเสร็จ อายุ 57 ปี เจ้าของข้าว อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ที่ 1 บ้านหนองม่วง ตำบลงิ้ว อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ได้ร้องผ่านสื่อช่อง 8 ว่า ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ก่อเหตุขโมยข้าวเปลือกในยุ้งฉาง ซึ่งห่างจากบ้านพักเพียง 10 เมตรไปจำนวน 102 ถุงนั้นและยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้นั้น

ด้าน พลตำรวจตรีวัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งทางตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพยานที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งส่วนบุคคลที่กระทำความผิดยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เจ้าหน้าที่กำลังติดตามและไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมทั้งได้มีการเน้นย้ำให้ผู้กำกับการ สภ.ห้วยแถลง เร่งดำเนินการคดีนี้อย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งส่งชุดสืบสวนสอบสวน ลงไปในพื้นที่เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งขนาดนี้ได้สอบปากคำชาวบ้านไปแล้ว 7 ปาก เนื่องจากว่าข้าวที่หายจำนวน 102 ถุง เป็นของผู้เสียหายที่ได้ฝากพี่สาวเอาไว้ ส่วนตัวเจ้าของข้าวไม่ได้อยู่ประจำพื้นที่ ซึ่งตนคิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในละแวกดังกล่าว อีกทั้งบ้านผู้เสียหายก็ติดกับบ้านหลังอื่นๆไม่ได้อยู่หลังเดียว เพราะเวลาใครเข้าออกต้องมีคนเห็น โดยเฉพาะคนต่างพื้นที่ ในส่วนของกล้องวงจรปิดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดูทุกตัวที่คิดว่าคนร้ายจะใช้เส้นทางดังกล่าวผ่าน

อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่บ้านจะต้องช่วยในการสอดส่องดูแลลูกบ้าน เพราะจะรู้ดีว่าใครเข้าออกในหมู่บ้าน หากพบผิดสั่งเกตุให้ถ่ายรูป ไว้ก่อนเพื่อการตรวจสอบย้อนหลัง เพราะมีประโยชน์มาก ซึ่งขนาดนี้ตนได้มีการสั่งการให้ตำรวจทุกโรงพัก ให้เฝ้าระวังเหตุการณ์จะเกิดขึ้นซ้ำรอย โดยเฉพาะรถเกี่ยวข้าวในเวลากลางคืน เพื่อเป็นการป้องปราม เพราะเคยมีข่าวลักลอบเกี่ยวข้าวของชาวบ้านเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ฝากถึงประชาชนที่อยู่ในหมู่บ้านหากใครมีข้อมูลให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ต้องกลัวและจะเก็บไว้เป็นความลับ เพราะเป็นประโยชน์ในรูปคดีอย่างมาก

>>ชมคลิปและอ่านข่าวเพิ่มเติม<<