พรรคชาติพัฒนา เดินเครื่องโมดิฟลายเปลี่ยนจากเดิมมาเป็นเครื่องหมายใหม่ โดยมีอักษร “ช” เป็นสีแดงขาวน้ำเงิน ในการเปิดประชุมใหญ่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง

พรรคชาติพัฒนา เดินเครื่องโมดิฟลายเปลี่ยนจากเดิมมาเป็นเครื่องหมายใหม่ โดยมีอักษร “ช” เป็นสีแดงขาวน้ำเงิน ในการเปิดประชุมใหญ่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง

วันที่5ตุลาคม2561เวลา09.30น.ณ.โรงแรมซิตี้พาร์ค ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จังหวัดนครราชสีมา. นพ.วรรณรัตน์” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เดินเครื่องโมดิฟลายจากเดิมมาเป็นเครื่องหมายใหม่ โดยมีอักษร “ช” เป็นองค์ประกอบขององค์ประชุมใหญ่สามัญพรรคชาติพัฒนาประกอบด้วย  กรรมการบริหารชาติพัฒนาจำนวน12   คน  ผู้แทนชาติพัฒนา จำนวน6 คน และ ตัวแทนสมาชิกพรรคชาติพัฒนาที่รับเชิญจากกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนาจำนวน223คน ในการเปิดประชุมใหญ่ เรียกสมาชิกแก้ไขข้อบังคับพรรคให้สอดรับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 60

สำหรับพรรคชาติพัฒนา ถือว่าจังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองหลวงของพรรค ที่มีสมาชิกนับแสนคน แต่การประชุมในครั้งนี้ตามระเบียบได้กำหนดไว้ให้สมาชิกเข้าร่วมประชุม 241 คน ซึ่งก็การประชุมที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติเหมือนกับทุกพรรคการเมืองที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามการประชุมในครั้งนี้ นอกจากจะมีการแก้ไขระเบียบข้อบังคับแล้ว ก็ยังจะมีเรื่องของการเปลี่ยนแปลงโลโก้เครื่องหมายของพรรคฯ

ผู้สื่อข่าวรายการว่า สำหรับพรรคชาติพัฒนา โดยการนำของ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรค เป็นประธานนายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการพรรค และ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา โฆษกพรรค ในที่ประชุม โดยบรรยากาศในช่วงเช้าเต็มไปด้วยคึกคัก เนื่องจากพรรคชาติพัฒนา ถือว่าเป็นพรรคการเมืองของคนโคราช ซึ่งก็มีพิธีการเปิดตัวผู้สมัครส่วนหนึ่งที่อยู่ในสังกัดพรรคชาติพัฒนาหลายคนและพร้อมเซอร์ไพล์เปิดตัว “น้องวิว”เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2004 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในกรุงเทพฯ
ส่งนักธุรกิจใหญ่ดร.บุญมา อิ่มวิเศษ ผู้บริหารเครือสตาร์เวลล์ เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปาตี้ลิสต์ “ในทีมพรรคชาติพัฒน์”ประกาศพร้อมสู้ศึกส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงครบทั้ง 14 เขตในโคราช มั่นใจ 3 เขตอำเภอเมือง

นอกจากนั้นได้มีหนังสือเชิญให้สมาชิกของพรรคพร้อมตัวแทนสาขาพรรคทั้ง 4 ภาค พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนา เข้าร่วมเข้าร่วมประชุม โดยวาระสำคัญก็คือการแก้ไขข้อบังคับพรรคให้สอดคล้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 รวมทั้งประกาศของคณะกรรมการเลือกตั้งที่มีข้อกำหนดให้พรรคการเมืองดำเนินการกิจกรรมทางการเมืองให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งก็เหมือนกับพรรคการเมืองเก่าๆ ที่จดทะเบียนเดิมอยู่แล้ว ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างถูกต้องตามกติกาที่กฎหมายได้กำหนด ซึ่งรายงานล่าสุดแจ้งว่าของกรรมการบริหารพรรคแจ้งว่านายสุวัจน์ ลิปตภัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและเป็นอดีตหัวหน้าชาติพรรคพัฒนาจะหวนกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง โดยจะมีการเลือกตั้งในการประชุมครั้งต่อไป

พิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี

พิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี


วันที่ 27 กันยายน 2561 เวลา 15.00 น. ที่วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พระครูปลัดภูมิปัญญา(พ่อเสือ) ญาณสัมปันโณ ได้จัดให้มีพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ โดยได้รับเกียรติจากพลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓ เป็นประธานในพิธี


โดยในพิธียกช่อฟ้าอุโบสถนี้ มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงานเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งทางวัดได้เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้ผูกผ้าแถบสามสี ที่ตัวยอดช่อฟ้าอุโบสถก่อนที่จะมีพิธียก อย่างเป็นทางการ โดยมีเจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจ และทหาร ที่คอยดูแลความเรียบร้อย ทางด้านการเตรียบการ ทางวัดได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย ที่เป็นผู้ติดตั้งช่อฟ้าอุโบสถ มีเจ้าหน้าที่ประจำเครนในการยก โดยได้มีการซักซ้อมก่อนที่จะถึงพิธีการ


ต่อมา เวลา 16.00 น. พลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓ ได้เดินทางมาถึงยังบริเวณพิธี เมื่อถึงลานพิธีได้เข้าไปกราบสักการะพระพุทธรูปภายในอุโบสถ และเป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นก็ได้ประกอบพิธีทางศาสนา พร้อมด้วยพิธีบวงสรวงหลวงปู่ทวด เพื่อเป็นการบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้น พลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓ ประธานในพิธี ก็ได้เจิมแป้ง ติดทอง พร้อมด้วยประชาชนที่มาร่วมในงานเมื่อถึงฤกษ์ คณะสงฆ์ ประธานในพิธี และประชาชน ได้ร่วมกัน ทำพิธียกช่อฟ้าอุโบสถอย่างเป็นทางการ
สำหรับวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี สังกัดธรรมยุติ ตั้งอยู่ตำบลปรุใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา (หน้ากองบิน 1) ปกครองโดย พระครูปลัดภูมิปัญญา ญาณสัมปัณโณ จัดตั้งปี 2539 บนเนื้อที่ 39 ไร่ มีพื้นที่บริเวณโดยรอบด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ และสระน้ำจัดวางโดยธรรมชาติคล้ายวัดป่าทั่วไป จุดน่าสนใจชาวพุทธ ในศาลาปฏิบัติธรรม ประดิษฐานพระพิมพ์ปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สีขาวทั้งองค์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ได้พระราชทานจาก สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สิ่งที่น่าสนห้ามพลาด หลวงปู่ทวด ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งานศิลปะปูนปั้นสีดำทั้งองค์นั่งบนฐานบัว 2 ชั้น ความกว้างขนาด 38 เมตร สูง 45 เมตร สร้างปี พ.ศ. 2553 สมัยพลโท ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานพิธีเปิดส่วนด้านใต้ฐานหลวงปู่ทวดเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาและจัดการเรียนการสอนธรรมะของหลักสูตรต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมา

กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมา

วันที่ 27 กันยายนพ. ศ. 2561 เวลา 10.00 น. ณ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่านครราชสีมาพีธีเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมา โดย  นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี นายอนันต์  ดนตรี  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมากล่าวรายงาน

การที่สำนักงานพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมาได้ดำเนินการส่งเสริมสินค้าและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป้าหมายพิเศษทางสังคมซึ่งได้แก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการให้มารวมตัวกัน

จัดงานเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมาในวันนี้เป็นการมุ่งเน้นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้รวมไปถึงยกระดับเศรษฐกิจฐานรากซึ่งจะทำให้กลุ่มเป้าหมายพิเศษทางสังคมดังกล่าวมีรายได้เพิ่มขึ้นสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้และยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการตลาดและการพัฒนากลุ่มอาชีพให้สามารถแข่งขันกับตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ในยุคปัจจุบันได้รวมไปถึงการส่งเสริมศักยภาพในกลุ่มเป้าหมายพิเศษได้มีแหล่งจำหน่ายพันธุ์ให้คุณค่าและพัฒนาตนเองพึ่งตนเองได้เป็นการแปลงภาระให้เป็นพลังของสังคมได้อย่างมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนต่อไปด้านในอนาคต (นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าว) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการ ได้ทำการแสดงเต้นท่าบาสโลบ และการเดินแบบของเด็กพิเศษ และเต้นบีบอย ต่อจากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้ไปทักทายเด็กกลุ่มพิเศษเหล่านั้นอย่างเป็นกันเอง โดยไม่ถือตัวเองเลย และนำเด็กๆไปตัดริบบิ้นเปิดร้านทอฝันด้วยตนเองนับว่าเป็นการให้โอกาสเด็กพิเศษเหล่านั้นได้แสดงความสามารถที่มีอยู่และให้กำลังใจการพัฒนาแนวความคิดของเด็กได้ต่อการพัฒนาขึ้นๆไปจนพวกเขาจะอยู่กับสังคมเหมีอนคนปรกติทั่วไปได้เสมอ

https://youtu.be/kH3ALJg5zv8

ททท.โคราช ต้อนรับชาวคณะคาราวาน พิชิต20จังหวัดภาคอีสาน (26ก.ย.-3 ต.ค.61)

วันที่ 26 กันยายน 2561ณ.โรงแรมสีมาธานี จังหวัดนครราชสีมา เส้นทางคาราวานรถยนต์ส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวภาคอีสาน “อีสานแซบนัวครัวอีสาน Cool Isan จากวิถีถิ่นสู่วิถีเทรนด์” พิชิต20จังหวัดภาคอีสานโดยนายจรัสชัย โชคเรืองสกุลรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธาน พร้อมด้วยนายสมชาย ชมภูน้อยผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.ททท.สำนักงานนครราชสีมา กล่าวรายงาน

นายชัชวาล วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และสำนักงาน ททท. ภาคอีสาน คณะคาราวาน-สื่อมวลชน ร่วมงาน กิจกรรมแนะนำแนวทางส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวปี 2562นครราชสีมา-ชัยภูมิ           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรม งานเลี้ยงต้อนรับในครั้งนี้ให้ ใส่เสื้อลายดอก จะมีรางวัลให้ แก่คณะคาราวาน-สื่อมวลชนฯและมี วงดนตรี สร้างความสนุกสนานให้แก่คณะคาราวาน พร้อมอาหารเลิศรสเช่น ส้มตำผัดหมีโคราชด้วย ทั้งน้ำสมุนไพร รสชาติกล่มกล่อมและอิ่มอร่อยด้วยอาหารอาหารบุฟเฟ่ต์ ในการเลี้ยงต้อนรับคณะคาราวาน ในครั้งนี้   สำหรับเส้นทางท่องเที่ยว ในวันที่27กันยายน2561 นครราชสีมา ชัยภูมิหนองบัวลำภู  เลย ประมาณ 410 กิโลเมตร คณะคาราวานก็จะออกเดินทาง07.00น.

ชาวบ้าน ต.จระเข้หิน โคราช แห่หาเห็ดผึ้งขมขายสร้างรายได้เสริม กิโลกรัมละ 50 บาท

ชาวบ้านแห่หาเห็ดผึ้งขมขายสร้างรายได้เสริม ชูเมนูลาบเคี้ยวหนึบหนับ ขมหน่อยๆอย่างน้อยต้องลองชิมสักครั้งในชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันต่อเนื่องช่วงนี้ ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านตลิ่งชัน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เกิดมีเห็ดผึ้งขมงอกโผล่พื้นดินเป็นจำนวนมาก  ชาวบ้านหลากหลายพื้นที่รวมถึงชาวบ้านบ้านตลิ่งชันเอง พากันออกไปหาเก็บเห็นเพื่อนำมารับประทานเป็นอาหาร รวมถึงนำมาจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็ก ที่จะใช้โอกาสช่วงวันหยุดติดตามผู้ปกครองออกไปด้วย ถึงแม้ว่าเห็ดผึ้งขมจะไม่เป็นที่รู้จักและนิยมรับประทานเท่ากับเห็ดป่าชนิดอื่นอย่างเช่นเห็ดระโงก นางหงส์ หรือเห็ดโคน ก็ตาม

โดยเห็ดผึ้งขมนั้น เป็นเห็ดที่มีรูปร่างคล้ายกับเห็ดหอม และเห็ดตับเต่า ช่วงอ่อนดอกตูมจะมีสีม่วงเข้ม แต่หากแก่ดอกบานจะมีสีน้ำตาล มีรสชาติค่อนข้างขม แต่เป็นที่นิยมเพราะชาวบ้านเชื่อว่ามีสรรพคุณเป็นยา รักษาอาการปวดเมื่อย ลดอาการของโรคเบาหวาน  โดยราคาขายหากเป็นเห็ดสดราคาจะอยู่ที่ 40 บาท ต่อกิโลกรัม แต่หากต้มแล้วราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท โดยวันหนึ่งๆชาวบ้านจะหาเก็บเห็ดได้คนละ 3 – 5 กิโลกรัม ซึ่งถือถือเป็นรายได้เสริมอย่างดีของชาวบ้าน อย่างเช่นนางวิเชียร กลมกลาง อายุ 59 ปี และ นางแม้น ผลบุญ อายุ 66 ปี ชาวบ้านบ้านตลิ่งชันที่พากันออกมาหาเห็ด บอกว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกต่อเนื่อง อากาศร้อนอบอ้าว เห็ดผึ้งขมจึงออกดอกมากเป็นพิเศษ  ชาวบ้านนิยมที่จะนำไปต้ม แกง รวมถึงนำไปลาบ รสชาติก็จะออกขมเล็กน้อย แต่มีดีที่เห็ดมีความหนึบและเชื่อกันว่ามีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคเบาหวาน

โดยวิธีการทำลาบเห็ดผึ้งขมนั้น ต้องนำเห็ดมาทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือ จากนั้นนำไปลวกกับน้ำเดือดใสใบฝรั่งลงไป เพราะจะช่วยทำให้เห็ดผึ้งขมคลายความขมออกส่วนหนึ่ง เพราะหากไม่ใส่ใบฝรั่งรสชาติเห็ดจะขมมากเกินไป ลวกสัก 2 – 3 น้ำ   จากนั้นก็นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่เครื่องลาบ อาทิข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา ผักชีฝรั่ง หัวหอม ต้นหอม มะนาว ใบสาระแหน่ เป็นต้น คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติปรุงเพิ่มตามพอใจ ตักเสิร์ฟพร้อมกับผักเครื่องเคียง กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติจะออกขมนิดๆ เคี้ยวหนึบหนับ ถูกใจชาวไทยอีสาน  อย่างนี้ต้องลองชิมดูถึงจะรู้เอง

“อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน”สสส.โครงการต้นแบบโรงเรียนชุมชนวัดบ้านรวง

นครราชสีมา- โรงเรียนชุมชนวัดรวง โรงเรียนต้นแบบ“อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน”
เปิดแผน Fit พิชิตอ้วน@ชุมชนวัดรวง รณรงค์สุขภาพดีในโรงเรียน

(วันที่ 21 กันยายน 2561) โรงเรียนชุมชนวัดรวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา โรงเรียนต้นแบบ 1 ใน 25 โรงเรียนของโครงการสื่อสร้างสรรค์และกิจกรรมเพื่อรณรงค์โภชนาการสมวัย “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน” (ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักและผลไม้) ปีที่3 ในภูมิภาค จัดนิทรรศการโครงการแผน Fit พิชิตอ้วน @ชุมชนวัดรวง ภายใต้การสนับสนุนจากแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำงานร่วมกับสำนักโภชนาการสมวัย สำนักงานบริหารแผนงานอาหารและโภชนาการ เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน เครือข่ายคนไทยไร้พุง และชมรมโภชนาการเด็กแห่งประเทศไทย หวังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กในโรงเรียนให้ เข้าใจและเท่าทันโรคอ้วน
โดยดร.ประภาส นวลเนตร ผู้ทรงคุณวุฒิแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า โครงการสร้างสรรค์สื่อเพื่อการรณรงค์ลดน้ำหนักในเด็กระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน (ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก และผลไม้)” มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคในกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการใช้สื่อและกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย มุ่งใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ด้านสุขภาวะ มีการถ่ายทอดให้เกิดแรงบันดาลใจเพื่อการสื่อสารสุขภาวะ ในหัวข้อ “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน” โดยให้ความสำคัญกับครูผู้สอน เด็กนักเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชน ในการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (participatory learning)กลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ ได้แก่ นักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ในโรงเรียนสังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
“ทั้งนี้ผลการดำเนินงานโครงการ “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน (ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก และผลไม้)” ปี 2 พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอายุ ส่วนสูง และน้ำหนักของนักเรียนจากโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ มีการเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ หลังดำเนินโครงการฯ ความสัมพันธ์ระหว่างอายุ ส่วนสูง และน้ำหนักของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (สมส่วน) เพิ่มขึ้น ท้วมหรืออ้วนสูงลดลงเล็กน้อย ส่วนกลุ่มที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (ผอม) ยังคงมีเท่าเดิม ซึ่งโดยภาพรวมการดำเนินงานเป็นที่น่าพึงพอใจของทุกฝ่าย แต่ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานที่มีอยู่บ้าง คือ ผู้รับผิดชอบโครงการจำนวนหนึ่งยังไม่เข้าใจในตัวโครงการฯ อย่างชัดเจน เช่น วัตถุประสงค์ในการดำเนินโครงการฯ วิธีการดำเนินโครงการฯ ผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินโครงการฯ จึงส่งผลให้การจัดทำกิจกรรม สื่อหรือนวัตกรรม ไม่สอดคล้อง ไม่น่าสนใจ ไม่มีเอกลักษณ์ตามบริบทและภูมิสังคมของพื้นที่ รวมทั้งไม่ตอบโจทย์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ประการต่อมา ระยะเวลาในการดำเนินโครงการฯ มีอยู่อย่างจำกัด การขอความร่วมมือจากร้านค้าในพื้นที่ ในชุมชน และบริเวณโดยรอบโรงเรียน ยังทำได้ไม่ดีพอ ส่งผลให้เด็กนักเรียนยังมีช่องทางในการซื้ออาหาร ขนม และเครื่องดื่ม ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมาบริโภค ส่วนคณะทำงานมีไม่เพียงพอ แต่ละคนมีภารกิจมากเกินไป สุดท้าย คือ ผู้ปกครองและชุมชนไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่” ดร.ประภาส นวลเนตร กล่าว
เมื่อเป็นเช่นนี้ดร.ประภาส นวลเนตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปีนี้ได้มีการต่อยยอดและขยายผลไปยังโรงเรียนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 แห่ง จาก 22 จังหวัด ใน 4 ภูมิภาค ครอบคลุมนักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา ประมาณ 1,800 คน ทั้งนี้เราจะพาไปดูกันว่าโรงเรียนที่เป็นต้นแบบใน 25 โรงเรียนนี้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กในโรงเรียนให้ เข้าใจและเท่าทันโรคอ้วน โรงเรียนชุมชนวัดรวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา ก็เป็น 1 ในโรงเรียนต้นแบบครั้งนี้
ด้านนายประสงค์ ชูใจ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดรวง กล่าวว่า ในนิทรรศการโครงการแผน Fit พิชิตอ้วน @ชุมชนวัดรวง ครั้งนี้ทางโรงเรียนได้นำความเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนครราชสีมาเข้ามาปรับใช้เริ่มตั้งแต่การจัดให้มีตัวแทนนักเรียนแต่งชุดย่าโมออกศึก พาคณะกรรมการเดินเข้าประตูเมืองโคราช “วันประกาศชัยฟิต พิชิตอ้วน” ที่มีการจำลองให้เกิดขึ้นในโรงเรียน พร้อมทั้งมีการแสดงรำโทน โคราช และจัดนิทรรศการด่านต่างๆ ขึ้นมา อาทิ ด่านที่ 1 กลยุทธ์ชุดออกศึก, ด่านที่ 2 กลยุทธ์ชุดโภชนาการ และด่านที่ 3 กลยุทธ์เร่งฟิตพิชิตอ้วน พร้อมกับมีการแสดงรหัสการปรบมือ แผน Fit พิชิตอ้วน @ชุมชนวัดรวง เพื่อแสดงพลังและประกาศชัยชนะ ฟิตพิชิตอ้วน พร้อมกันทั้งโรงเรียนด้วย เพื่อหวังปลูกฝังการเรียนรู้ ความเข้าใจในเรื่องลดอ้วนอย่างถูกวิธี ถูกต้องตามหลังโภชนาการและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน เชื่อว่าไม่นานเด็กๆ ที่โรงเรียนชุมชนวัดรวง นี้จะมีสุขภาพที่ดีไม่อ้วน และไม่ผอมเกินไปอย่างแน่นอน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นางสาวฤทัยรัตน์ ไกรรอด โทรศัพท์ 082-596-9296

“จิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ” ร่วมแรงร่วมใจสร้างฝายกักเก็บน้ำในพื้นที่ห่างไกล

จิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ ร่วมแรงร่วมใจสร้างฝายกักเก็บน้ำในพื้นที่ห่างไกล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมเกียรติ ทองครบุรี ผู้ใหญ่บ้านคอกช้าง หมู่ที่ 11 ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี   จ.นครราชสีมา นำประชาชนจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจในพื้นที่ กว่า 50 คน ช่วยกันก่อสร้างฝายน้ำล้นเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง เนื่องจากหมู่บ้านคอกช้างไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคและ จนเกิดเป็นปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งเป็นประจำทุกปี  อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยดูแลผืนป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี และอุทยานแห่งชาติทับลาน จึงยังไม่มีระบบสาธารณูปโภคทั้งน้ำประปาและไฟฟ้า

ประกอบกับก่อนหน้านี้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดสรรงบประมาณจำนวนกว่า 4 แสนบาท เพื่อมาช่วยทำการขุดลอกคลองน้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้านไว้ให้แล้ว ทางชุมชนจึงช่วยกันระดมทุนและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆเพื่อมาสร้างฝายน้ำล้นไว้กักเก็บน้ำ โดยประชาชนจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ ได้ช่วยกันสร้างฝายน้ำล้นจำนวน 2 ตัว ให้ลดหลั่นกันไปแบบขั้นบันได ให้สามารถกักเก็บน้ำเป็นระยะๆ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูน้ำหลาก ปริมาณน้ำทั้งหมดที่ไหลลงมาจากเขาคอกช้างซึ่งอยู่ด้านบน จะไหลผ่านหมู่บ้านจนไม่มีเหลือ เพราะบริเวณหมู่บ้านเป็นที่สูงและไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าฝายที่สร้างขึ้นใหม่นี้จะสามารถกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ ไว้ให้ได้ใช้ต่อไปในอนาคต

>คลิป<<

 

สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา บูรณะโบราณสถานฉุกเฉิน ประตูชุมพล อายุกว่า 362 ปี

สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา บูรณะโบราณสถานฉุกเฉิน ประตูชุมพล อายุกว่า 362 ปี สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือ คุณย่าโม ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดนครราชสีมา ได้ทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2477 ประดิษฐานที่หน้าประตูชุมพล หรือเมื่อ 84 ปีที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนทั่วไปมีความเชื่อว่า ท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ ขอพรอะไรจะได้ตามใจหมาย จนเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ อีกทั้งท่านคือวีรสตรีผู้กอบกู้เมืองโคราช แต่เดิมนั้นประตูชุมพล เป็นประตูเมืองทางทิศตะวันตกของเขตเมืองเก่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองนครราชสีมาเป็นเมืองหน้าด่านเมื่อ ปี 2199 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์เสด็จขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา และโปรดเกล้าฯให้สร้างกำแพงประตูเมืองอย่างแข็งแรง เพื่อป้องกันการรุกรานจาก เขมร ญวน ลาว โดยเกณฑ์ช่างจากกรุงศรีอยุธยา เกณฑ์แรงงานจากเมืองโคราชและเมืองเสมาช่วยกันสร้างขึ้น ซึ่งในขณะนั้นมีนายช่างชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบและวางผังเมืองให้ ปัจจุบันได้ชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา ทางสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา จึงได้มีการบูรณะซ่อมแซมโบราณสถานฉุกเฉินเร่งด่วน

ด้าน นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ตามโครงการบูรณะโบราณสถานฉุกเฉินเร่งด่วน งบลงทุน (ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง) เพื่อใช้ซ่อมแซมประตูชุมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัด ปุราณรักษ์ เป็นคู่สัญญา เป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 256,000 บาท (สองแสนห้าหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยสัญญาเริ่มต้นวันที่         10 สิงหาคม 2561 สิ้นสุด วันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 ตามสำเนาสัญญาจ้าง เลขที่ 5/2561 ลงวันที่        15 สิงหาคม 2561

ด้านนักท่องเที่ยว เล่าว่า การที่มีการซ่อมแซมประตูชุมพล ใหม่นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากว่าเป็นประตูเก่าแก่ ที่ยังคงมีโครงสร้างเก่าหลงเหลืออยู่ สืบทอดให้คนรุ่นหลังได้ดูและศึกษาประวัติศาสตร์จากอดีตถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นหน้าตาของชาวจังหวัดนครราชสีมาอีกด้วย

>คลิป<<

คนร้ายบุกพังบ้านเสี่ยไร่มันขณะบวชเป็นพระ ได้เงินสด ทองคำ บัญชีเงินฝากรวมมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท>>มีคลิป

คนร้ายบุกพังบ้านเสี่ยไร่มันขณะบวชเป็นพระ ได้เงินสด ทองคำ บัญชีเงินฝากรวมมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากพระจักรา อู่ทอง อายุ 34 ปี   เจ้าของบ้านเลขที่ 135 หมู่ที่ 7 ต.ตะแบกบาน  อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ว่าถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกงัดบ้านพักรื้อค้นเอาทรัพย์สินที่อยู่ในบ้านรวมถึงตู้เซฟบรรจุสิ่งของมีค่า หลบหนีไป ซึ่งทางผู้เสียหายมาพบร่องรอยการงัดเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา  และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังต้องรอหน่วยพิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บหลักฐาน และรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายอีกขั้น

เบื้องต้น พระจักรา เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ตนเองนั้นเพิ่งบวชเป็นพระเมื่อเดือนกรกฎาคม 61 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนบวชนั้นได้เก็บเกี่ยวมันสำปะหลังและผลผลิตทางการเกษตรหลากหลายอย่างทั้ง ที่ดินของตนเองและที่ดินเช่าเหมารวมกับคนอื่นเกือบ 200 ไร่ ซึ่งได้เงินจากการเก็บเกี่ยวมานับล้านบาท แต่ยังไม่ทันได้นำไปฝากทั้งหมดก็ต้องบวชเสียก่อน จึงนำเงินที่เหลืออยู่ไปเก็บไว้ภายในเซฟที่อยู่ภายในบ้าน และส่วนหนึ่งก็จะเก็บไว้ลงทุนต่อ ซึ่งก่อนเกิดเหตุนั้นไม่มีใครอยู่ในบ้านเพราะภรรยาไปทำงาน แม่ยายกลับไปเยี่ยมบ้านที่อำเภอโนนสูง จ.นครราชสีมา ส่วนลูกก็ไปเรียน ตั้งแต่เช้า

สำหรับทรัพย์สินที่หายไป เป็นเงินสดที่รวบรวมไว้เพื่อเตรียมจะทอดกฐินหลังอออกพรรษาจำนวนอยู่ภายในกระเป๋าที่อยู่นอกเซฟจำนวน 200,000 บาท ส่วนในเซฟมีเงินสด 500,000 บาท ทองรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 25 บาท รวมถึงบัญชีเงินฝากธนาคารอีก 2 แห่ง รวมเงินในบัญชีประมาณ  1.5 ล้านบาท รวมทรัพย์สินที่สูญหายทั้งสิ้นประมาณ 2.5 ล้านบาทล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดชุดสายสืบลงพื้นที่ติดตามหาข่าวและเก็บข้อมูลหลักฐานต่างมาประกอบการสืบสวนคดีแล้ว และอยู่ระหว่างการรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บหลักฐานเพิ่มเติม

 

 

ตำรวจครบุรีโคราช รวบเครือข่ายยาบ้าแก๊ง “มันทุกเม็ด” พร้อมของกลางกว่า 1,200 เม็ด>>มีคลิป

ตำรวจครบุรีโคราช รวบเครือข่ายยาบ้าแก๊ง “มันทุกเม็ด” พร้อมของกลางกว่า 1,200 เม็ด

ที่ห้องงานสืบสวน สภ.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พ.ต.ท.กมล วงศ์แสนสาน สารวัตรสืบสวน สภ.ครบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมทำการสอบากคำ นายนนทพัทธ์ หรือ อ๊อฟ  นินดีสระน้อย อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 140 หมู่ที่ 16 ต.หนองบุญมาก อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา  หนึ่งในสมาชิกเครือข่ายยาบ้าแก๊ง “มันทุกเม็ด” หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนติดตามจับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1,233 เม็ด เมื่อคืนที่ผ่านมา

โดยการจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ครบุรี ทำการสืบสวนขยายผลจากผู้เสพยาบ้าในพื้นที่ จนทราบว่านายนนทพัทธ์ เป็นหนึ่งในเอเย่นที่นำยาบ้ามาจำหน่ายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่อำเภอครบุรี จึงทำทีติดต่อขอซื้อยาบ้าจากนายนนทพัทธ์ จนนายนนทพัทธ์ หลงเชื่อและนำยาบ้ามาจำหน่ายให้กับสายลับ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 110 เม็ด ซึ่งบรรจุถุงสีดำมีตรารูปแอปเปิ้ลใส่มาในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปค้นที่บ้านพักตามบัตรประชาชน ที่อำเภอหนองบุญมาก พบยาบ้าเพิ่มอีกจำนวน 1,123 เม็ด จึงนำตัวมาทำการสอบสวนขยายผล

พ.ต.ท.กมล วงศ์แสนสาน สารวัตรสืบสวน สภ.ครบุรี เปิดเผยว่า จากการสืบสวนในเบื้องต้นพบมีหลักฐานการติดต่อซื้อขายยาบ้าผ่านทางโทรศัพท์โดยผู้ต้องหาใช้เฟสบุ๊คในการติดต่อนำยาบ้ามาจากเครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ของประเทศคือ แก๊งมันทุกเม็ด และผู้ต้องหาก็ยอมรับว่าติดต่อกลับเครือข่ายดังกล่าวจริง แต่อ้างว่าถูกล่อลวงให้เข้ามาเกี่ยวพัน เนื่องจากเป็นคนที่ไม่มีงานทำ และเครือข่ายแก๊งมันทุกเม็ดก็เป็นผู้ติดต่อเสนองานมาให้ทำจึงสมัครเข้าไปลองทำดู โดยเงื่อนไขในการสมัครต้องส่งเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนและรหัสเข้าถึงเพสบุ๊คไปให้ทางเครือข่ายแก๊ง  จากนั้นก็จะได้รับการติดต่อให้ไปรับสิ่งของมาจำหน่ายโดยที่ผู้ต้องหาไม่รู้ว่าเป็นอะไร  จนเห็นของจึงรู้ว่าเป็นยาบ้า แต่จะถอนตัวก็ไม่ได้เพราะทางแก๊งมันทุกเม็ดข่มขู่ว่าจะส่งคนมาทำร้ายร่างกาย พร้อมกับส่งคลิปการณ์รุมทำร้ายคนอื่นๆมาข่มขู่ จึงจำเป็นต้องทำตามคำสั่ง  กระทั่งถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการสวบสวนขยายผลเพิ่มเติมหาเครือข่ายที่ยังเหลืออยู่มาดำเนินคดี ก่อนจะแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ครบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป