เมืองโคราชผุดโครงการ “รถรางเพื่อน้อง” บริการฟรี! หวังแก้ปัญหารถติดชั่วโมงเร่งด่วนบนถนนมิตรภาพ

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ  “รถรางเพื่อน้อง” โดยมีตัวแทนจากตำรวจภูธรภาค 3 เทศบาลนครนครราชสีมาและบริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ร่วมเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ณ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช

พันตำรวจโท โกสินทร์ สะอาดวงศ์ รองผู้กำกับการจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เผยว่า “จากแนวคิดของ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ร่วมกับ เทศบาลนครนครราชสีมา จัดทำโครงการ “รถรางเพื่อน้อง” หวังแก้ปัญหาการจราจรบนถนนมิตรภาพในช่วงเวลา 07.00-08.00 น. โดยเส้นทางนี้มีสถานศึกษาขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณดังกล่าวถึง 4 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา,โรงเรียนเมืองนครราชสีมา, โรงเรียนสุรนารีวิทยา และวิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา ซึ่งมีนักเรียน นักศึกษา รวมกันทั้ง 4 แห่งกว่า 20,000 คน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้ปกครองต้องเดินทางไปส่งนักเรียน นักศึกษา ส่งผลให้มีปริมาณรถบนท้องถนนมากและทำให้รถติด โดยเฉพาะเส้นทางสี่แยกตลาดประปาไปจนถึงบริเวณสามแยกถนนสุรนารายณ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา จากการดำเนินโครงการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มีสถิตินักเรียนใช้บริการนับตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2561 ถึง5 กันยายน 2561 จำนวนทั้งสิ้น 10,542 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 4,180 คน และช่วงเย็น 6,362 คน ทำให้ปริมาณนักเรียนที่ใช้บริการรถรางเฉลี่ยอยู่ที่ 211 คน/วัน โดยกระแสตอบรับจากนักเรียนและผู้ปกครองเป็นไปในทิศทางที่ดี และต้องการให้ขยายโครงการเพิ่มเติม

นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมากล่าวเสริมว่า “แรกเริ่มโครงการได้จัดรถราง จำนวน 3 คันและภายหลังได้รับการสนับสนุนรถรางจากห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราชอีก 2 คัน ทำให้ปัจจุบันมีรถรางไว้บริการรับ-ส่ง ไปยังสถานศึกษาทั้ง 4 แห่ง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นจำนวน 5 คัน ซึ่งรองรับนักเรียน นักศึกษาได้ 220 คน/ครั้ง ให้บริการรับ-ส่ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ แบ่งเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบเช้า เวลา 07.20 น. และรอบเย็น เวลา16.40 น. ใช้เวลาเดินทางเฉลี่ย 5-7 นาที/ครั้ง เดินทางไป-กลับ ระหว่างจุดจอดบริเวณหน้าเดอะมอลล์โคราชและจุดจอดโรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนบริเวณหน้าสถานศึกษาให้ยานพาหนะที่สัญจรผ่านบริเวณหน้าโรงเรียนสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวก ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปส่งบุตรหลานและเป็นการช่วยลดการใช้พลังงาน ลดมลภาวะจากควันรถ อีกทั้งเพื่อเปิดทางให้รถพยาบาล รถกู้ภัย หรือรถของประชาชนในการลำเลียงผู้ป่วยสามารถใช้เส้นทางนี้ไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้อย่างสะดวกและรวดเร็วอีกด้วย”

ด้านนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด เผยว่า “รถรางเพื่อน้องเป็นโครงการที่ดี สามารถลดปัญหาการจราจรติดขัดได้จริง โดยเดอะมอลล์โคราชให้การสนับสนุนรถ shuttle bus จำนวน 2 คัน และพื้นที่ในการรับ-ส่ง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดเส้นทางอย่างเต็มที่ อีกทั้งผู้ปกครองสามารถวางใจได้เพราะทุกที่นั่งได้ทำประกันชีวิตกับไทยประกันชีวิตโดยมีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2561- 28 มิถุนายน 2562 คิดเป็นเงินคุ้มครองจำนวน 10 ล้านบาท และด้วยสถานที่อันเป็นศูนย์กลางของผู้ปกครอง มีความสะดวกสบายที่เดอะมอลล์โคราชจะสามารถมอบให้ได้ เป็นการสร้างความปลอดภัย ความตรงต่อเวลาและประหยัดเวลาในการรับส่งบุตรหลานของพี่น้องชาวโคราช ทางเดอะมอลล์โคราชก็ยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนครับ”

พบแล้ว ‘ครูโตโต้’ มือโพสต์ด่าเด็กร้อยมาลัยไม่สวย ไหว้ขอโทษสังคมทำไปเพราะอยากให้ผลงานออกมาดี ด้านผู้ปกครองให้อภัย

พบแล้ว ‘ครูโตโต้’ มือโพสต์ด่าเด็กร้อยมาลัยไม่สวย ไหว้ขอโทษสังคมทำไปเพราะอยากให้ผลงานออกมาดี  ด้านผู้ปกครองให้อภัย มี ผอ.และผู้นำชุมชน ร่วมรับฟัง>>> มีคลิ๊ป<<<

            สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ‘เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ return’ ได้แคปข้อความและรูปภาพจากโพสต์ของชายที่เป็นข้าราชการครูคนหนึ่ง ได้โพสต์รูปภาพเด็กนักเรียนยืนถือพวงมาลัยกร พร้อมระบุข้อความว่า “ร้อยได้เหี้ยมากนักเรียน วันนี้ร้อยไม่ผ่าน พวกมึงนั่งร้อยอยู่นี่แหละ จนกว่าจะถึง 2 ทุ่ม” เป็นการโพสต์ภาพนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 จำนวน 3 คน และพิมพ์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย

หลังจากเรื่องดังกล่าวเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียล ทำให้ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของบุคคลที่เป็นข้าราชการครูรายนี้เป็นอย่างมาก จนถึงขั้นมีการตามเข้าไปคอมเม้นต์ด่าถึงในเฟซบุ๊กส่วนตัว อีกทั้งเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return เอ่ยไว้ว่าหากไม่มีการสอบวินัยผู้โพสต์จะตามไปแฉไปจนถึงเมืองโคราชจนกว่าจะนำตัวไปสอบให้ได้ อย่างไรก็ตาม โพสต์ต้นฉบับนั้นได้ถูกลบออกไปแล้ว ต่อมาทางครูคนดังกล่าวก็ได้โพสต์ข้อความความข้อโทษต่อสังคมถึงการกระทำที่ได้โพสต์ข้อความไม่เหมาะสมลงไป

ล่าสุด วันที่ 5 กันยายน 2561 ที่ โรงเรียนชาติวิทยา หมู่ที่ 9 บ้านหนองซาด ตำบลหนองขาม อำเภอจักราช จังหวัดนคราชสีมา เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 นายสมเกียรติ  พึ่งจันดา ผู้อำนวยการโรงเรียนชาติวิทยา พร้อมด้วย ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองเด็กนักเรียนทั้งสามคน และ นายมงคล โคตรชัง หรือ ครูโตโต้ ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย สอนวิชาภาษาอังกฤษ ครูผู้ที่โพสต์ข้อความไม่เหมาะสมร่วมชี้แจง โดยฝ่ายผู้ปกครองนักเรียนไม่ติดใจเอาความพร้อมให้อภัยครูถือว่าเป็นบทเรียน อาจทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากครูโตโต้เป็นคนทำงานดี สอนดี และจริงจังกับงาน และมีฝีมือในงานร้อยมาลัยงานฝีมือจึงได้ให้ช่วยดูเรื่องดังกล่าว ซึ่งเรื่องที่โพสต์ไปอาจเครียดกดดัน เพราะอยากให้งานร้อยมาลัยนักเรียนออกมาดี เนื่องจากสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เด็กนักเรียนทั้งสามคนต้องไปแข่งประกวดศิลปหัตถกรรมระดับจังหวัด จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้จับมือกันและไหว้เป็นการขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น

นายสมเกียรติ  พึ่งจันดา  ผู้อำนวยการโรงเรียนชาติวิทยา กล่าวว่า  เมื่อช่วงเช้าทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่มาสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ทางครูมงคลก็ยอมรับว่าโพสต์ไปด้วยอารมณ์ แต่ไม่มีเจตนาจะว่ากล่าวนักเรียนเลย จากนั้นทางศึกษาธิการจังหวัดจึงได้สรุปแนวทาง โดยให้ผู้อำนวยการลงโทษครูมงคลโดยว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อจะได้ไม่ให้ครูมงคลกระทำความผิดซ้ำอีก และครูมงคลเองก็สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก และทางฝ่ายผู้ปกครองและนักเรียนเองก็ให้อภัยสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากครูมงคลเป็นคนตั้งใจทำงานและอาจจะพลั้งเผลอผิดไปในครั้งนี้ และทางฝ่ายผู้นำชุมชนและคณะกรรมการสถานศึกษาก็เห็นใจครูที่มีความมุ่งมั่นที่จะพานักเรียนแข่งขันในการประกวดศิลปหัตถกรรมร้อยมาลัยระดับจังหวัด แต่ก็ได้ตักเตือนให้ผู้อำนวยการดูแลบุคลากรด้านความประพฤติ เพราะครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กและสังคม

ทางด้าน นายมงคล โคตชัง หรือ ครูโตโต้ ผู้โพสต์ข้อความไม่เหมาะสม ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย สอนวิชาภาษาอังกฤษ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมาก เพราะว่าแค่เวลา 3-4 นาทีที่โพสต์ข้อความไปในเฟสบุ๊ก ไม่คิดว่าจะทำให้ข่าวแพร่กระจายมากขนาดนี้ ตนเองรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมากในการใช้โซเชียลอย่างขาดสติ และรู้สึกเสียใจแทนผู้ปกครองและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ รวมถึงวงการการศึกษาที่ตนเองทำให้วงการครูต้องเสียชื่อเสียง ก็อยากขอโทษสังคมอยากให้สังคมให้อภัย สิ่งที่ผมทำลงไปเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อ และขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้กับตนเองและกับผู้ที่จะใช้โซเชียลให้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนโพสต์เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาแบบตนเอง

             

ประชาชนโคราช!!แห่ฟังและเสนอแบบสถานีไม่สะใจวัยรุ่นในการจัดเวทีเสวนาแนะนำโครงการ และรับฟังข้อเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย

ประชาชนโคราช!!แห่ฟังและเสนอแบบสถานีไม่สะใจวัยรุ่นในการจัดเวทีเสวนาแนะนำโครงการ และรับฟังข้อเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย

วันที่ 5 กันยายน 2561 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดโครงการ  การศึกษาผลกระทบทางสังคมจากการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย กิจกรรม : การจัดเวทีเสวนาแนะนำโครงการ และรับฟังข้อเสนอแนะ ณ หอประชุมอนุสรณ์ 70 ปี โดยได้รับเกียรติจาก

นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดี กล่าว พลโทจเรศักณิ์ อานุภาพ สมาชิกสภานิติบัณฑิตแห่งชาติ และ ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม

โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย โดย นายธนพล จรัลวณิชวงศ์ พร้อมด้วย นายพณา ศุภฐิติพงศ์ สำนักงานโครงการพัฒนาระบบราง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อาจารย์ทศวรรณ นิจพาณิชย์ นายเจษฎา นาวาสิทธิ์ ที่ปรึกษาการรถไฟแห่งประเทศไทย และ นายปราการ ภูมิผล วิศวกรโครงการ

การจัดโครงการการศึกษาผลกระทบทางสังคมฯ ครั้งนี้ สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบาย

ดำเนินโครงการภายใต้ความร่วมมือพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย ระยะทาง 837 กิโลเมตร ที่เป็นการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งโครงการดังกล่าวอาจะส่งผลกระทบเชิงบวกและลบ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่าน บริเวณสถานีรถไฟ จังหวัด และอำเภอที่สถานีรถไฟตั้งอยู่

ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จึงร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น สนับสนุนโดย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ทำการศึกษา

วิจัยผลกระทบจากการดำเนินโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ-หนองคาย 5 ประเด็นหลัก คือ  สถานภาพปัจจุบัน (Existing Condition) ของพื้นที่ที่รถไฟวิ่งผ่าน และบริเวณโดยรอบสถานี

ผลกระทบด้านการก่อสร้างและบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป  ผลกระทบด้านการค้าการลงทุน  ผลกระทบด้านการท่องเที่ยวและบริการ และ ผลกระทบด้านการเคลื่อนย้ายประชากร โดยจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในจังหวัดและอำเภอตลอดเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่านและบริเวณที่สถานีรถไฟตั้งอยู่ ทั้งการสอบถาม สัมภาษณ์ จัดกิจกรรมสนทนากลุ่ม (Focus Group) รวมทั้งการจัดเวทีเสวนารับฟังความคิดเห็น เพื่อประมวลผลข้อมูลในภาพรวม พร้อมจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับรัฐบาล หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผน และจัดเตรียมมาตรการรับรองผลกระทบที่เกิดขึ้นในอนาคต ปิดท้ายด้วยการเปิดเวทีเสวนาซักถามและรับฟังข้อเสนอแนะการดำเนินโครงการ

แม่ร้องสื่อ อ้างลูกชายโดนตำรวจรุมทำร้ายปางตาย!!!!

แม่ร้องสื่อ อ้างลูกชายโดนตำรวจรุมทำร้ายปางตาย  เบื้องต้นแพทย์บอกญาติทำใจ คนเจ็บอาจเป็นอัมพาตตลอดชีวิต>>>มีคลิป<<<

                วันที่ 2 กันยายน 2561 จากกรณี นางฉวีวรรณ ประตูชัย ชาวบ้านส่วย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เข้าร้องต่อสื่อ กรณี เรื่อง ลูกชายชื่อ นายสยาม โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา จำนวน 2 นาย รุมทำร้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561ที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไร นางฉวีวรรณยังเผยอีกว่าขณะที่ทางด้านแพทย์ผู้รักษา นายสยาม บุตรชาย ได้บอกกับทางตนว่าให้ทำใจ เพราะบุตรชายที่โดนทำร้ายนั้นอาการรุนแรงโดยเฉพาะที่บริเวณต้นคอ โดยจากผลเอ็กซเรย์กระดูกต้นคอแตกและทับเส้นประสาททำให้ ซีกบนของร่างกายอาจจะขยับไม่ได้ตลอดชีวิต

ขณะนี้ทางผู้บาดเจ็บได้นอนรอผลเพื่อรับการผ่าตัดภายในห้องไอซียู โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และภายใน 2-3 วันนี้ ตนจะได้เดินทางเข้าร้องเรียนที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอพิมาย ต้นสังกัดของตำรวจที่ได้รุมทำร้ายลูกชาย เพื่อให้ลูกชายได้รับความเป็นธรรม

นางฉวีวรรณ ประตูชัย กล่าวว่า ทางตนเองอยากจะขอความเป็นธรรมให้ลูกชายผ่านทางสื่อท้องถิ่น  เนื่องจากว่าลูกชายโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจ(คาดว่าเป็นตำรวจสายตรวจ) จำนวน 2 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ประกบรถจักรยานยนต์ของลูกชายล้มและจากนั้นได้ตรงมาทำร้ายร่างกาย ซึ่งจากการสอบถามลูกชายผู้บาดเจ็บได้ความว่า ‘ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดทำร้ายด้วย โดยผู้บาดเจ็บยังได้กล่าวถ้อยคำว่า ‘ผมเจ็บแล้ว เจ็บกระดูกแล้ว’ แต่ทางตำรวจก็ไม่หยุดทำร้าย (ทำร้ายโดยการกระทืบ) สาเหตุคาดว่าน่าจะขอตรวจค้นบางอย่าง แต่ลูกชายก็ไม่กล้าจอดกลัวเป็นพวกมิจฉาชีพเพราะเส้นทางนั้นมันมืดและเปลี่ยวมากประกอบกับมืดแล้ว หลังจากที่โดนทำร้ายนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย คาดว่าทางตำรวจที่ทำร้ายคงได้เรียกรถพยาบาลพิมายมารับตัวไปรักษา แต่ผู้บาดเจ็บมารู้สึกตัวก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลอำเภอพิมายตรวจเบื้องต้นพบว่า ผู้บาดเจ็บอาการหนักมาก จึงประสานไปทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเพื่อรักษาต่อไป

นางฉวีวรรณ ประตูชัย กล่าวอีกว่า ทางด้านแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาผู้รักษา นายสยาม บุตรชายที่โดนทำร้าย ได้บอกกับทางตนว่าให้ทำใจ แต่สภาพแรกที่เห็นลูกชายโดนทำร้ายอยู่ในห้องไอซียู ต้องใส่ที่ดามคอเยอะไปหมดถึงกับรับสภาพลูกชายไม่ได้ เพราะบุตรชายที่โดนทำร้ายนั้นอาการรุนแรงมาก โดยเฉพาะที่บริเวณต้นคอโดยจากผลเอ็กซเรย์พบว่า กระดูกต้นคอแตกและทับเส้นประสาททำให้ ซีกบนของร่างกายอาจจะขยับไม่ได้ตลอดชีวิต แต่ทั้งนี้ก็รอการผ่าตัดเผื่ออาจจะมีปาฏิหาริย์กับลูกชายให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง เพราะลูกชายตนเองทำมาหากินเป็นเสาหลักคนหนึ่งให้กับครอบครัว ปัจจุบันตนเองก็มีโรคประจำตัวทั้งโรคประสาทและโรคหัวใจตอนนี้เครียดมากกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนเรื่องคดีก็คงจะต้องเดินทางไปที่ สภ.พิมายภายใน 2-3 วันนี้ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพิมายให้ดำเนินคดีกับ 2 ตำรวจที่ทำร้ายลูกชายตนเองให้ได้รับความเป็นธรรมถึงที่สุด เพราะตำรวจ 2 นายนี้ทำเกินกว่าเหตุจริงๆทำให้ลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัสและอาจพิการตลอดชีวิต ส่วนความคืบหน้าอย่างไรทางทีมข่าวจะรายงานให้ทราบในคราวต่อไป

Cr.โคราชอินไซด์

ชาวบ้านถ่ายคลิปกลุ่มคนร้ายแอบขโมยมะพร้าวในสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว คาดก่อเหตุประจำไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ชาวบ้านถ่ายคลิปกลุ่มคนร้ายแอบขโมยมะพร้าวในสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว คาดก่อเหตุประจำไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า สามารถถ่ายคลิปภาพ กลุ่มคนใช้รถจักรยาน และรถจักรยานยนต์ คาดว่า รวมตัวกันเป็นแอบขโมยของออกจาก สวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (บุ่งตาหลั่ว) สวนสาธารณะที่สำคัญใน จ.นครราชสีมา ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทัพภาคที่ 2 คาดว่าน่าจะเป็นการขโมยมะพร้าว หรืออาจจะเป็นปลา เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และมีต้นมะพร้าวจำนวนมากรอบริมฝั่ง คาดก่อเหตุเป็นประจำทำลักษณะเหมือนไม่กลัวโดนจับ

คลิปแรกเป็นกลุ่มคน 4-5 คน พร้อมระจักรยาน 2-3 คัน ช่วยกันนำถุงออกจากรั่วกั้นสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว ลักษณะเป็นถุงสีขาวคล้ายมีของหนักอยู่ข้างในคาดว่าจะเป็นมะพร้าว หรืออาจจะเป็นปลาที่แอบเข้าไปหาในอ่างที่อยู่ด้านใน โดยบางส่วนแบกขึ้นบ่าเดินหนี ขณะที่บางคนนำขึ้นท้ายรถจักรยาน ก่อนที่จะนำออกมาและปั่นจักรยานหนีหายเข้าไปใสซอยซึ่งอยู่ตรงข้าโดยในระหว่างขนย้ายถุงดังกล่าว ได้ยินเสียคุยกันเหมือนไม่ใช่คนไทยเกิดเหตุเมื่อกลางดึกคืนวันเสาร์ที่ 18ส.ค. ผ่านมา ขณะที่อีกกลุ่มถ่ายได้ในคืนวันอาทิตย์ที่ 19 ส.ค.  ซึ่งถ่ายจุดเดียวกันที่อาคารสูงบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เป็นชายคาดเป็นวัยรุ่น 4-5 คน ใช้รถจักรยายนต์ 2 คัน บรรทุกถุงที่นำออกมาจากสวนน้ำดังกล่าว คาดว่าเป็นมะพร้าว โดยคลิปหลังนี้ สามารถบันทึกภาพให้เฉพาะในช่วงที่นำถุงขึ้นท้ายรถขี่ออกไป คาดว่า เป็นคนละกลุ่มกันเนื่องจากใช้ญาณพาหนะไม่เหมือนกัน แต่เชื่อว่า ทั้งสองกลุ่ม น่าจะแอบเข้าไปขโมยของซึ่งคาดว่าเป็นมะพร้าวที่อยู่ภายในสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว ไม่แน่ใจว่า นำออกไปกิน หรืออาจจะนำไปขายเนื่องจากแอบขโมยไปเป็นจำนวนมาก

สำหรับ สวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หรือสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ กองทัพภาคที่ 2 ข้างในสวนมีคาดวามีปลาซึ่งอยู่ในอ่างน้ำเป็นจำนวนมาก และมีต้นมะพร้าวรอบอ่าง คาดว่าน่าจะมีคนแอบขโมยบ่อยครั้ง โดยบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นเขตรอยต่อกับถนนซึ่งติดรอยต่อระหว่างค่ายทหารขับเขตเมือง ซึ่งทางกองทัพได้ทำรั่วกั้นแล้วแต่ก็ปรากฏว่ายังมีคนแอบมาขโมยโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายดังกล่าว จึงอยากวอนเจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบด้วยว่าเป็นการขโมยของจากสวนสาธารณะหรือไม่และช่วยป้องกันไมให้เกิดขึ้นอีก

การแข่งขันเอแม็ท ชิงแชมป์ประเทศไทยและนานาชาติ ครั้งที่ 13ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

การแข่งขันเอแม็ท ชิงแชมป์ประเทศไทยและนานาชาติ ครั้งที่ 13ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ์บดินทรเทพยวรางกูล

 อาจารย์นำนักเรียนตลอดจนผู้ปกครอง ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันเอแม็ท ครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 10.00น.การแข่งขันเอแม็ท ชิงแชมป์ประเทศไทยและนานาชาติ ครั้งที่ 13ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ์บดินทรเทพยวรางกูลที่ MCC Hall  ชั้น 3 เดอะมอลล์นครราชสีมาโดยได้รับเกียรติจาก คุณปัญญา วงศ์ศรีแก้ว ปลัดจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานในพิธี คุณวิโรจน์ ถาวรวัตนยงค์ นายกสมาคมฯกล่าวต้อนรับ คุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฎิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัดร่วมงาน

 ผมรู้สึกดีใจที่ได้เห็นอาจารย์นักเรียนตลอดจนผู้ปกครอง ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เป็นจำนวนมากรวมทั้งในปีที่ยังมีนักกีฬาจากต่างชาติสนใจเข้าร่วมการแข่งขันซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าและการขยายตัวสู่สากลอย่างชัดเจนเกมกีฬาเหล่านี้นอกจากจะส่งเสริมการกีฬาแล้วยังมีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในด้านการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทยโดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์อีกทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆได้นำกิจกรรมแข่งขันนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมการเรียนอันจะทำให้เยาวชนไทยเราได้ความรู้จากความสนุกสนานควบคู่กันไปและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ตลอดจนทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้นนอกจากนี้นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีและปลื้มปิติต่อทุกท่านในวงการที่การแข่งขันครั้งนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขัน a Math Gameในรุ่นโอเพ่นตามที่ท่านประธานจัดการแข่งขันได้กล่าวถึงความคืบหน้าและความสำเร็จของการแข่งขันนี้ผมขอแสดงความยินดีและชื่นชมต่อคณะกรรมการการจัดการแข่งขันผู้สนับสนุนการแข่งขันทุกๆท่านและคณะครูอาจารย์ที่ได้ช่วยกันเสริมสร้างคุณประโยชน์ต่อการกีฬาและการศึกษาของเยาวชนในภูมิภาคนี้และสังคมไทย (คุณวิโรจน์ ถาวรวัตนยงค์ นายกสมาคมฯกล่าว)

พบการแข่งขันพัฒนาทักษะความรู้ อาทิ เอแม็ท เกมต่อเลขคำนวณ, ครอสเวิร์ดเกม เกมต่อคำภาษาอังกฤษคำคม เกมต่อศัพท์ภาษาไทย, ซูโดกุ เกมถอดรหัสตัวเลขไอคิวเวิร์ดอัพ ตอบคำถามภาษาอังกฤษและความรู้ทั่วไปภาษาไทยครอสเวิร์ดพัซเซิล ปริศนาอักษรไขว้ภาษาอังกฤษและปริศนาอักษรไขว้ภาษาไทยไฮไลท์! ชมการถ่ายทอดสด การแข่งขันรุ่นโอเพ่นได้จากทั่วทุกมุมโลกผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ภายในงาน

 

 

โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบก(Dry Port) พ่อเมืองโคราช !!ฟันธง มั่นใจสู้ในหลักเกณฑ์ตัดสินกับขอนแก่นได้

โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบก(Dry Port) พ่อเมืองโคราช !!ฟันธง มั่นใจสู้ในหลักเกณฑ์ตัดสินกับขอนแก่นได้

วันที่ 29 สิงหาคมพศ 2561 ณ ห้องประชุมสุรนารีปีโรงแรมดิอิมพีเรียลโฮเต็ลแอนด์คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์โคราช จังหวัดนครราชสีมากำหนดการประชุมกลุ่มเป้าหมาย(Focus Group )เพื่อรับฟังความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวข้องครั้งที่ 1งานศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบกDry Port เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาประธานการประชุม นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรกล่าวรายงาน ดร.สมพงษ์ รักษาสุวรรณ ผู้จัดการโครงการนำเสนอการพัฒนาท่าเรือบกและคณะ ู้แทนหน่วยงานรัฐภาคเอกชนและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน

ความจำเป็นจะต้องมีท่าเรือบกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็มีการพิจารณาพื้นที่ไว้ก็คือจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดขอนแก่นแล้วก็มีหลักเกณฑ์ตัดสินผมคิดว่าปริมาณสินค้าที่จะใช้บริการท่าเรือบกซึ่งวันนี้วิทยากรซึ่งวันนี้วิทยากรพูดว่าใช้บริการท่าเรือบกประมาณปีละ 700,000 ตันหรือ 70,000 ตู้ต่อปี ซึ่งก็จะต้องมาดูว่าจังหวัดนครราชสีมาหรือจังหวัดขอนแก่น สามารถรวบรวมปริมาตรสินค้าได้เท่าไหร่จากการหาข้อมูลในเบื้องต้นของจังหวัดนครราชสีมาเราคิดว่าเรามีตัวเลขเฉพาะในจังหวัดอาจจะไม่ถึงจะอาจจะไม่ถึง 70,000 ตู้ต่อปีดีแต่ก็ไม่ห่างมากเฉพาะจังหวัดนครราชสีมาไม่รวมถึงจังหวัดข้างเคียงไม่ว่าจะเป็นชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์หรือจังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี ตามข้อมูลตามศักยภาพในเรื่องของปริมาณสินค้าในส่วนของสถานที่ตั้งในเรื่องของการขยายตัวในหลายอย่างอีกต่อไป (ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าว)
โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบก(Dry Port)เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคในวันนี้ภายใต้แผนการพัฒนาประเทศที่สำคัญได้แก่ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12(พศ. 2560-2564)ที่มุ่งเน้นให้ประเทศไทยยกระดับโลจิสติกส์ของประเทศไปสู่ศูนย์กลางการค้าบริการและการลงทุนในภูมิภาคปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังถือว่าเป็นประตูการค้าหลักของประเทศมีปริมาตรตู้สินค้าผ่านเข้าออกท่าเรือเป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงทางปริมาตรการจราจรบริเวณโดยรอบท่าเรือแหลมฉบังและโครงข่ายเชื่อมโยงสถานีปัจจุบันและแยกสินค้ากล่องหรือICDลาดกระบังให้บริการอยู่แล้วแต่ปริมาตรตู้สินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มความจุดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการกำหนดแนวทางการพัฒนาและกำหนดพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาท่าเรือบกให้ชัดเจนรวมทั้งจัดทำแผนแม่บทพัฒนาระบบเพื่อตอบสนองต่อปริมาตรการขนส่งสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต (นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร)

ประชาชนชาวโคราชแฮปปี้โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)พร้อมต้อนรับการท่องเที่ยวฯ

ประชาชนชาวโคราชแฮปปี้โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)พร้อมต้อนรับการท่องเที่ยวฯ
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 08.00 น. – 12.00 น.การประชุมใหญ่การมีส่วนร่วมของประชาชน
งานปรับแบบรายละเอียดในโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)ณ ห้องประชุมโรงแรมสีมาธานี ถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม กล่าวรายงาน
หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนจากภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ผู้นำชุมชน สื่อมวลชน พี่น้องประชาชนและผู้มีเกียรติทุกท่าน
มื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ณ กรุงเทพมหานคร รัฐบาลไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558 – 2569 เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน เส้นทางกรุงเทพฯ – นครราชสีมา – หนองคาย และเส้นทางแก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทางรวมประมาณ 867 กิโลเมตร ซึ่งฝ่ายรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยตกลงให้รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมโครงการ ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของโครงการ และดำเนินการก่อสร้างงานโยธา


การประชุมในวันนี้มีสาระสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการที่จะได้รับทราบข้อมูลความเป็นมาของโครงการ เหตุผลความจำเป็นของโครงการและความจำเป็นในการปรับแบบของโครงการ รูปแบบรายละเอียดของโครงการ และองค์ประกอบของโครงการ ตลอดจนแนวทางและขั้นตอนการศึกษาkที่สำคัญแก่กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ศึกษาโครงการรวมถึงได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะที่จะช่วยให้การพัฒนาเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของทุกภาคส่วนยิ่งขึ้นผมจึงขอเชิญชวนท่านผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงการและนำข่าวสารการประชุมในวันนี้ไปเผยแพร่ต่อชุมชนและหน่วยงานของท่านอย่างทั่วถึงต่อไป


ความร่วมมือข้างต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟสอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมการลงทุนในโครงการที่สำคัญของประเทศ ทั้งโครงการต่อเนื่องและโครงการใหม่ที่มีความพร้อม การศึกษาโครงการระบบรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร ช่วงบ้านภาชี-แก่งคอย-นครราชสีมา จึงเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรางที่กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งและเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศ


เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประเทศไทยได้หารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ เมืองไหหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ประชุมสรุปการลงทุนโครงการ ฝ่ายไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยกำหนดนโยบายเริ่มก่อสร้างเส้นทาง กรุงเทพฯ – นครราชสีมา และส่วนต่อขยายเมื่อมีความพร้อม
การประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 10 ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการเริ่มต้นก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา เป็นลำดับแรก
ในการนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการจ้างและสั่งจ้างบริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดการออกแบบของฝ่ายจีน ออกแบบเพิ่มเติมในส่วนที่ฝ่ายจีนไม่ได้ดำเนินการ สำรวจรายละเอียดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเวนคืน และการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม โครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงบ้านภาชี-แก่งคอย-นครราชสีมา
สำหรับการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นกิจกรรมที่มีความมุ่งหมายที่สำคัญเพื่อเผยแพร่ข้อมูลและการดำเนินงาน ที่ฝ่ายจีนเป็นผู้ออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างและควบคุมการก่อสร้าง ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องปรับปรุงจากรูปแบบเดิมจากที่ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งการจราจร (สนข.) ได้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ – นครราชสีมา (ช่วงชุมทางบ้านภาชี – นครราชสีมา) และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้วในการประชุมครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 และเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปพิจารณาประกอบการสำรวจออกแบบรายละเอียดตามนโยบายของรัฐบาลที่เร่งรัดให้ดำเนินการโดยเร่งด่วนรวมทั้งทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการจากที่ได้รับความเห็นชอบ และการจัดทำมาตรการป้องกันแก้ไข และบรรเทาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีความรอบคอบ รัดกุม และมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับรูปแบบการพัฒนาโครงการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการต่อไป

ชาวบ้าน อ.สีคิ้ว จับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์ เป็นอาชีพเสริม

ชาวบ้าน อ.สีคิ้ว จับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์ เป็นอาชีพเสริม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครราชสีมา พบชาวบ้านจับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์เป็นอาชีพเสริม ลดต้อนทุนการผลิต ถือเป็นอีกอาชีพเสริมที่น่าสนใจ โดยนายสาคร อินทนัย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/85 บ้านทับหก หมู่ 18 ต.หนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งปกติมีอาชีพตัดหินปูพื้นขายอยู่แล้วได้อาศัยชั่วเวลาที่พอเหลือ ริเริ่มทำฟาร์มเลี้ยงหนูขาย โดยใช้วิธีหาหนูป่ามาเพาะเลี้ยงผสมพันธุ์เองเพื่อขยายพันธุ์ลดต้นทุนการผลิต

นายสาคร บอกว่า ตนมีอาชีพตัดหินปูพื้นส่งขาย แต่ด้วยที่บ้าน มีที่ว่าง จึงศึกษาหาอาชีพเสริมทางเนต จึงเห็นว่าการทำฟาร์มเลี้ยงหนู เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ จึงทำการศึกษาวิธีการเลี้ยงจากยูทูบ ทั้งการผสมพันธุ์การเลี้ยงดู ซึ่งพบว่า เราสามารถนำหนูป่ามาเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ได้ จึงนำกรงไปดักหนูที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มาเลี้ยงไว้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งปัจจุบันมีพ่อพันธ์แม่พันธ์อยู่สองชนิด คือ หนูแผง กับหนูพุก ซึ่งเป็นหนูป่าขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดเลี้ยงไว้ขยายพันธุ์ แต่การเลี้ยงหนูป่าต้องใช้เวลาสร้างความเคยชินประมาณ 2-3 เดือน เพื่อให้หนูปรับสภาพ ซึ่งไม่ต้องปิดมิดชิดมากนัก แต่ต้องเปิดดูทุกวันให้หนูเห็นหน้าจะได้คุ้นชิน จากนั้นก็จะพร้อมผสมพันธุ์ โดยนำตัวผู้หนึ่งตัว สามารถผสมพันธุ์ตัวเมียได้ 2-3 ตัว เมื่อปล่อยให้ผสมพันธุ์จนตัวเมียตั้งท้องแล้วต้องแยกออกไป จากกลุ่มเพื่อความปลอดภัย หากคลอดออกมาแล้วจะได้ไม่ถูกแม่หนูตัวอื่นทำร้ายเอา ส่วนตัวที่ท้องจะสังเกตได้ง่าย ตัวที่ตั้งท้องจะดุมากไม่ให้ตัวอื่นเข้าใกล้ หลังจากที่ตั้งท้องถึงคลอดใช้เวลาประมาณ สองเดือนครึ่ง คลอดออกมา 7-10 ตัว หลังจากที่คลอดแล้วปล่อยให้แม่เลี้ยงลูกไปประมาณ เดือนเศษ ก็สามารถแยกแม่ไปผสมพันธุ์อีกได้ ดังนั้นแม่หนึ่งตัวสามารถให้ลูกได้ 3-4 รอบต่อปี

ขณะที่ราคาขายตามท้องตลาด พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ขายคู่ล่ะ 800 บาท ขณะที่หนูเนื้อขายกิโลกรัมละ 150 บาท ซึ่งช่วงนี้ทั้งพ่อพันธุ์ หรือหนูเนื้อแทบไม่พอขายเนื่องจากเป็นที่ต้องการเป็นจำนวนมาก

Cr. ภาพ/ข่าว  ประสิทธิ์  วนะชกิจ

 

โคราช !!จัดลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)

โคราช -!!จัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)ทำความดีด้วยหัวใจ  ลดภัยสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญกับปัญหาขยะที่เกิดขึ้น

วันที่ 23 สิงหาคม2561ณศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราชจังหวัดนครราชสีมาการเปิดตัวโครงการและลงนามบันทึกตกลงข้อความร่วมมือ MOUทำความดีด้วยหัวใจลดภัยสิ่งแวดล้อมกิจกรรมลดรับลดให้ลดใช้ถุงพลาสติกโฟมและพลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม(cap seal)และการดำเนินงานตามมาตรการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐ การจัดงานเปิดตัวโครงการและลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOUทำความดีด้วยหัวใจ  ลดภัยสิ่งแวดล้อมในวันนี้เป็นกิจกรรมที่จังหวัดนครราชสีมา โดยนายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายสุเมธ อำภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมากล่าวรายงาน

ได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลซึ่งได้ให้ความสำคัญกับปัญหาขยะที่เกิดขึ้นโดยได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยเป็นวาระแห่งชาติเนื่องจากในช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมามีการนำพลาสติกและโฟมมาใช้มากขึ้นในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ของต่างๆมากขึ้นโดยจากสถิติพบว่าประเทศไทยมีการบริโภคถุงพลาสติกหูหิ้ว45000 ล้านใบต่อปีและจากข้อมูลของการควบคุมมลพิษพบว่าปัจจุบันใน 1 ปีตลาดสดในเมืองไทยมีการใช้ถุงพลาสติกมากถึงร้อยละ 50ของปริมาณการใช้ถุงพลาสติกทั้งหมดหรือประมาณ108 พันล้านใบในห้างสรรพสินค้า13500 ล้านนาร้านขายของชำ13500 ล้านบาทนอกจากนั้นแล้วยังมีการใช้โฟมบรรจุอาหาร6,758 ล้านบาทต่อปีแก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว9750 ล้านบาทต่อปีและพลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม2,600 ล้านชิ้นต่อปีซึ่งพลาสติกและโฟมเหล่านี้เป็นวัสดุที่ย่อยสลายยากเมื่อไม่ได้รับการจัดการที่ถูกต้องภายหลังการบริโภคซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางบกและทางทะเลและมีแนวโน้มในการเกิดรั่วไหลของสารปรุงแต่งและสารประกอบที่ใช้ในการผลิตพลาสติกและโฟมที่ใช้บรรจุอาหารซึ่งอาจเป็นพิษและส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมาได้เห็นความสำคัญปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากขยะพลาสติกและผมจึงจัดทำโครงการทำความดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นการบูรณาการระหว่างภาครัฐเอกชนและประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกและโฟมของประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลอย่างรูปประธรรมพร้อมนำมาตรการลดการคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐซึ่งเป็น 1 ใน 5 กิจกรรมภายใต้โครงการทำความดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่17 กรกฎาคม 2561 ให้ทุกหน่วยงานภาครัฐมีการดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริมสกุลการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานและให้สำนักงานก.พ.ร.กำหนดให้ผลการดำเนินงานลด และคัดแยกขยะมูลฝอยเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพหน่วยงานภาครัฐโดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562มาถ่ายทอดสู่การปฏิบัติในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาด้วยเพื่อให้เกิดผลการลดการใช้ถุงพลาสติกโฟมและcap seal อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน เพื่อดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลที่มีเป้าหมายที่ลดการใช้ถุงพลาสติกหรือถุงหูหิ้วพลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มรวมถึงลดการใช้กล่องโฟมบรรจุอาหารให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี 2562 นี้โดยเมื่อวันที่8 สิงหาคม2561ที่ผ่านมาสำนักงานได้จัดกิจกรรมทำความดีด้วยหัวใจ ลดรับลดให้ ถุงพลาสติก โฟม และพลาสติก หุ้มฝาขวดน้ำดื่มไปครั้งหนึ่งแล้วที่ตลาดย่าโมไปแล้ว วันนี้มีผู้ร่วมกิจกรรมในวันนี้ประมาณ 300 คนประกอบด้วยส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์น้ำดื่มบรรจุขวดผู้ค้าในตลาดสดในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมาและกิจกรรมภายในงานชมวีดีทัศน์กิจกรรมการดำเนินงานตามมาตรการลดการคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐบรรยายหัวข้อทำความดีด้วยหัวใจลดภัยสิ่งแวดล้อมกิจกรรมการดำเนินงานตามมาตรการลด  และคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐ ชมวีดีทัศน์มอบนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และการรณรงค์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมทำความดีด้วยหัวใจลดรับ ลดให้ ลดใช้ถุงพลาสติกโฟมเรือพลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่มในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช