เริ่มแล้ว ฟุตบอลคู่เปิดสนามทีมรวมดาราพบ VIP มหกรรมกีฬาอบตสูงเนินดินแดนส้มโอหวาน

วันนี้ นายประเสริฐ จันทรทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานกีฬาตำบลสูงเนิน “ต้านยาเสพติด” ครั้งที่ 20 ประจำปี 2565 พร้อมด้วยคณะ และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา


กิจกรรมในครั้งนี้ จัดขึ้นโดย นายรัชกฤต กาจสูงเนิน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสูงเนิน ภายใต้ชื่อ การแข่งขันกีฬาตำบลสูงเนิน “ต้านยาเสพติด ” ครั้งที่ 20 ระหว่าง วันที่ 20 สิงหาคม 2565 ถึงวันที่ 4 กันยายน 2565


โดยการดำเนินการจัดแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือและได้การสนับสนุนด้านต่างๆ จากทุกภาคส่วนทั้งสถานศึกษาและผู้ประกอบการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ อบต.สูงเนิน เพื่อให้ประชาชนทุกคน ในชุมชนมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญาตลอดจนทำให้ ผู้เล่นมีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีคุณธรรม มีระเบียบ มีวินัย สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชน ดังคำกล่าวที่ว่า “กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ” และเพื่อเป็นการสนองนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลในการสนับสนุนการเล่นกีฬาต้านยาเสพติด โดยมีประชาชนภายในพื้นที่ จำนวน 15หมู่บ้าน เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ ในรูปแบบกีฬาสี ขบวนพาเหรดอย่างสวยงาม พร้อมการแสดงจาก กลุ่มแก๊งนางฟ้า และจากน้อง ๆ ภายในชุมชน และการมอบถุงยังชีพให้กับพี่น้องประชาชน และมอบทุนการศึกษา นอกจากนี้ ยังสร้างความประทับใจให้เหล่าบรรดาพี่น้องประชาชน ด้วยการแข่งขัน ฟุตบอลคู่พิเศษ ระหว่าง ทีมรวมดาราช่อง 7 และทีม VIP สร้างเสียงฮือฮาให้กับผู้ที่มาร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมาก

พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้ จับกุมยาเสพติด 119,037 เม็ด

ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงผลการจับกุมยาเสพติด 119,037 เม็ด พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินไว้ดำเนินคดี มลูค่า 1,871,000 บาท
.
การจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ตามยุทธการ “พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้” ทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 2 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด จำนวน 12 คดี ผู้ต้องหา 22 คน ของกลางยาบ้า จำนวน 119,037 เม็ด อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน 59 นัด ตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ พ.ศ. 2534 รถยนต์ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 14 คัน รวมมูลค่า 1,871,000 บาท โดยการจับกุมครั้งนี้อยู่ในเขตความรับผิดชอบของพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
.
พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 และ พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดทุกแห่ง ได้ระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วน ระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม สร้างความ สงบสุขให้พี่น้องประชาชน

ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดของกลาง ยาบ้า 2 ล้านเม็ด ไอซ์ 60 กก. อี 9,000 เม็ด

ตำรวจภูธรภาค ๓ โดย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.กม) /รับผิดชอบ ศอ.ปส.(ยาเสพติด), พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3 (หน.สส) และ นายณรงค์ วรหาญ ผอ.สำนักงาน ปปส.ภาค ๓ ,นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ระดมกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนและพื้นที่ชั้นใน และดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น และการทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ ดำเนินการสืบสวนจับกุม ขยายผล เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดให้ได้ผลอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง
เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.๓, พ.ต.อ.สมบัติ หงษ์ทอง, พ.ต.อ.ชลาสินธุ์ ชลาลัย, พ.ต.อ.เดชพล เปรมศิริ รอง ผบก.สส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ รอดนวล ผกก.สืบสวน๑ บก.สส.ภ.๓, พ.ต.ท.ภูมิ ทองโพธิ์ รอง ผกก.สืบสวน ๑ บก.อก.ภ.3 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.สืบสวน ๑ บก.สส.ภ.๓

ร่วมกันจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา 2 คน ดังนี้
๑) นางประการ หรือ เตี้ย ช่วยแสง อายุ๔๑ ปี ภูมิลำเนา อ.บ้านผือ จว.อุดรธานี
๒) ด.ช.ป้อม (นามสมมติ) อายุ ๑๔ ปี ภูมิลำเนา อ.โขงเจียม จว.อุบลราชธานี
พร้อมด้วยของกลาง
๑) ยาบ้า บรรจุใส่ถุง รวมเป็นมัด ในกระสอบพลาสติก สีขาว จำนวน ๕ กระสอบ รวมจำนวนประมาณ ๑,๙๘๐,๐๐๐ เม็ด
๒) ยาอี ( Ecstasy) ชนิดเม็ดสีส้ม ปั้มรูปอุ้งตีนหมี จำนวนประมาณ ๙,๐๐๐ เม็ด
๓) สารไอซ์ บรรจุในถุงใส่ชาสีเขียวลายผลไม้ จำนวน ๖๐ ถุง น้ำหนักรวมประมาณ ๖๐ กิโลกรัม
๔) รถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีเทา หมายเลขทะเบียน ผธ ๔๔๓๐ อุบลราชธานี จำนวน ๑ คัน
๕) โทรศัพท์มือถือ จำนวน ๒ เครื่อง

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า สารไอซ์และยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า สารไอซ์ และยาอี) โดยผิดกฎหมาย”
สถานที่เกิดเหตุ บริเวณจุดกลับรถหน้าร้านธงฟ้ายายฉาตาคิด ถนนมิตรภาพ (ขาขึ้น) ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จว.นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ เวลาประมาณ ๐๖.๒๐ น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สืบสวนทราบว่ามีเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด จะนำยาเสพติดข้ามฝั่งโขงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลำเลียงเข้าสู่กรุงเทพฯ และกระจายยาเสพติดไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยจะลำเลียงผ่านพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ในคืนวันที่ ๓ ตุลาคม 2564 จึงได้นำกำลังเฝ้าจุด และวางแผนเข้าจับกุม ต่อมาสามารถตรวจยึดยาเสพติดได้ที่บริเวณปากซอยไม่มีชื่อริมถนนมิตรภาพ (ขาล่อง) ฝั่งตรงข้ามเยื้องวัดใหม่บ้านดอน ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา จว.นครราชสีมา ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองได้ขับรถหลบหนีในขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม และสามารถติดตามจับกุมตัวได้บริเวณจุดกลับรถหน้าร้านธงฟ้ายายฉาตาคิด ถนนมิตรภาพ (ขาขึ้น) ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จว.นครราชสีมา และได้ทำการซักถามขยายผลรับว่าได้รับการว่าจ้างมาจากนายสนุ๊ก (ไม่ทราบชื่อจริง) ให้เป็นคนขับรถนำทางทีมขนยาเสพติด ในราคาเที่ยวละ ๖๐,๐๐๐ บาท โดย นางประการฯ เป็นคนขับ ส่วน ด.ช.ป้อม หลานชาย เป็นคนช่วยดูทาง และเป็นผู้ขานตัวเลขหลักกิโลเมตร เพื่อเช็คระยะห่างระหว่างรถนำกับรถที่ขนยาเสพติด ขณะขับรถนำรถขนยาเสพติด สังเกตเห็นการติดตามของเจ้าหน้าที่ จึงให้ทีมขนหลบเข้าซอยทิ้งของไว้ เพื่อขนถ่ายย้ายของเมื่อปลอดภัย เมื่อเข้าใจว่าปลอดภัยแล้วจึงขับรถเข้ามาตรวจสอบย้ายของ จึงถูกเจ้าหน้าที่ติดตามตรวจพบและจับกุมตัวได้ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และชุดจับกุมจะได้ทำการสืบสวนขยายผลถึงเครือข่ายผู้ค้าที่เกี่ยวข้องต่อไป

กองทัพภาคที่ 2 จัดพิธีรับ – ส่งหน้าที่ แม่ทัพภาคที่ 2

กองทัพภาคที่ 2 จัดพิธีรับ – ส่งหน้าที่ แม่ทัพภาคที่ 2 ระหว่าง พลเอก ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม รองเสนาธิการทหาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กับ พลโท สวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 ท่านใหม่ โดยได้ลงนามในเอกสารรับ-ส่งหน้าที่ฯ ณ ห้องประชุม 1 อาคารกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2
.
จากนั้นได้กระทำพิธีรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ณ ลานหน้าสโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่ง พลเอก ธเนศฯ ได้กล่าวมอบหน้าที่และการบังคับบัญชา ส่งมอบธงประจำหน่วยให้กับ พลโท สวราชย์ฯ โดยมีหมู่ธงเกียรติยศ จากหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 จำนวน 81 หมู่ธง และคณะข้าราชการกองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ร่วมในพิธีฯ
.
พลเอก ธเนศฯ รองเสนาธิการทหาร กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทหารของชาติ นับเป็นเกียรติ และความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิต ที่ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ตลอดระยะเวลาของการทำงานรับใช้ประเทศชาติ และดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 มีความมุ่งมั่นในการทำให้กองทัพภาคที่ 2 มีความมั่นคง เข้มแข็ง มีเอกภาพ สามารถหยัดยืนอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเป็นสถาบันหลัก ที่พร้อมดูแลความมั่นคงปลอดภัยและแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติตลอดจนเป็นที่พึ่งพาของพี่น้องประชาชน ในทุกๆ สถานการณ์ และเชื่อมั่นว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ท่านใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ ที่จะนำพากองทัพภาคที่ 2 ไปสู่การพัฒนาในทุกๆ ด้าน พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ และภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เพื่อรักษาและเสริมสร้าง รักษาผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนจะปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา กำกับดูแล กำลังพลให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต มีความรักสามัคคี ภายใต้จิตสำนึกและอุดมการณ์ของความเป็นทหารอาชีพ อย่างเต็มความสามารถ
.
พลโท สวราชย์ฯ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า พร้อมที่จะปฏิบัติราชการในตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 อย่างเต็มขีดความสามารถ และพร้อมที่จะปฏิบัติงานร่วมกับเพื่อนทหารทุกนายอย่างจริงจัง และจริงใจ เพื่อให้ กองทัพภาคที่ 2 เป็นหน่วยที่มีศักยภาพ ในการปฏิบัติภารกิจทุกรูปแบบ ให้ปรากฏผลสัมฤทธิ์ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกองทัพ และประเทศชาติต่อไป

การประชุมเสวนากำหนดแนวทางการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและการป้องกันอุบัติเหตุในการจราจร และพิธีลงความร่วมมือ (IMOU)

การประชุมเสวนากำหนดแนวทางการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและการป้องกันอุบัติเหตุในการจราจร และพิธีลงความร่วมมือ IMOU)ตาม “โครงการบูรณาการความร่วมมีอระหว่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมากับ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ในการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย Safety Zoneในจังหวัดนครราชสีมา”
วันจันทร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๓๐ น.ณ ห้องประชุมลำตะคอง ขั้น3 โรงแรมแคนทารี ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมืองอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
โดย ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศลายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ท่าน พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา สบ ๙ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3.และท่านผู้มีเกียรติ ทุกท่าน

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) ระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา /กับตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ในวันนี้จังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองใหญ่ มีศักยภาพในทุกๆ ด้าน ครบทั้งทรัพยากรทางธรรมชาติและภูมิอากาศที่เอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เป็นภารกิจหนึ่งที่ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน/ ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้เล็งเห็นความสำคัญในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งเศรษฐกิจจะพัฒนาได้ต้องเชื่อมั่นในความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
วัตถุประสงค์ของโครงการ
๑.เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล /นโยบายของจังหวัดนครราชสีมา นโยบายของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓ และนโยบายของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
๒.เพื่อบูรณาการการทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนทั่วไป / และประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา โดยถือประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นสำคัญ
๓.เพื่อสร้างความเข้มแข็งในระบบรักษาความปลอดภัย ให้มีความพร้อมสามารถป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ปัญหาทางสังคม ที่อาจจะเกิดขึ้น /ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและมีมาตรฐานในระดับสากล
๔.เพื่อสร้างความตระหนักด้านการรักษาความปลอดภัย ในองค์กรพร้อมเตรียมรับการเข้าสู่ยุคประเทศไทย ๔.๐ / โดยสามารถใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดงบประมาณ ดำเนินการ ดังนี้
ปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๔ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ครอบคลุม ๑๐ อำเภอ
นำร่อง ได้แก่

(๑) อำเภอปากช่อง

(๒) อำเภอด่านขุนทด

(๓) อำเภอสีคิ้ว
(๔) อำเภอสูงเนิน

(๕) อำเภอเมือง
(๖) อำเภอโนนสูง
(๗) อำเภอคง
(๘) อำเภอโนนแดง

(๙) อำเภอสีดา
(๑๐) อำเภอบัวลาย
ปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ จำนวน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ พ.ศ.๒๕๖๖จำนวน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ครอบคลุมพื้นที่ ๓๒ อำเภอ รวม ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ดังนั้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและมีความปลอดภัย โดยการลดโอกาส ลดปัจจัยเสี่ยง และความล่อแหลมต่อการเกิดอาชญากรรมในเขตพื้นที่ เพื่อเป็นการป้องปรามอย่างเป็นรูปธรรม/และบังเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ ตานโยบายรัฐบาล และนโยบายจังหวัดนครราชสีมา /ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จึงได้จัดทำโครงการบูรณาการความร่วมมือ/ระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กับตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เพื่อกำหนดพื้นที่ปลอดภัย(Safety Zone) ในจังหวัดนครราชสีมา โดยแบ่งภารกิจในการดำเนินงาน/ ตามความถนัดและเหมาะสมอีกด้วย

ยุติธรรมจังหวัดนครราชสีมา จัดโครงการจัดทำบันทึกความร่วมมือ MOU (memorandum of understanding)

ยุติธรรมจังหวัดนครราชสีมา จัดโครงการจัดทำบันทึกความร่วมมือ MOU (memorandum of understanding) บูรณาการหน่วยงานในการอำนวยความยุติธรรมจังหวัดนครราชสีมา และ โครงการประกวดศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นจังหวัดนครราชสีมา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
วันที่ 6 สิงหาคม 2564 ณ ห้องประชุมมูลนิธิท้าวสุรนารี ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดย นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าจังหวัดนครราชสีมา ประธานพร้อมด้วย นายวิเชียร ไชยสอน ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครราชสีมาในโครงการจัดทำบันทึกความร่วมมือ MOU (memorandum of understanding) บูรณาการหน่วยงานในการอำนวยความยุติธรรมจังหวัดนครราชสีมา และ โครงการประกวดศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นจังหวัดนครราชสีมา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 กล่าวและ ดร.ยลดล หวังศุภกิจโกศลนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จังหวัดนครราชสีมา ท้องถิ่นจังหวัดนครราชสีมา แรงงานจังหวัดนครราชสีมา ประธานมูลนิธิพุทธธรรมนครราชสีมา (ฮุก 31) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา นายกเทศมนตรี/นายกองค์การบริหารส่วนตำบล คณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชน ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทุกท่าน

นายวิเชียร ไชยสอน ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครราชสีมากล่าวในปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมนั้นยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีช่องว่าง ระหว่างคนรวยกับคนคนจน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่เราได้ยินประจำ “คุกมีไว้ขังคนจน” “คนรวยนอนบ้าน ขอทานนอนคุก” ถ้ามีปัญญาก็ไปฟ้องเอา ต่างๆเหล่านี้ล้วนสะท้อนปัญหาการเข้าไม่ถึงประบวนการยุติธรรมของประชาชนได้เป็นอย่างดี สืบเนื่องจากกระบวนการยุติธรรมเป็นระบบกล่าวหา มีกระบวนการ ขั้นตอน ตามระเบียบกฎหมาย ที่มีเงื่อนไขบังคับให้ประชาชนผู้ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการ จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย ทำให้เกิดปัญหาสำหรับคนที่ไม่มีฐานะทางการเงินที่ดี ไม่สามารเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างสะดวก จึงเกิดคำพูดอย่างที่กล่าวข้างต้น กระทรวงยุติธรรมซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาด้านบริหารจัดการกระบวนการยุติธรรม ได้เพิ่มโอกาสการเข้าถึงความยุติธรรม (Access to Justice) แก่ประชาชนด้วยการพัฒนาแนวคิด“ยุติธรรมชุมชน (Community Justice) ” ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยการสร้างเครือข่ายยุติธรรมชุมชน (คยช.) และการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชน (ศยช.) ทั่วประเทศ และจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดตั้งขึ้นจำนวน 333 ศูนย์กระจายอยู่ทุกอบต.และเทศบาล โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ ได้แก่ (1)ช่วยเหลือประชาชนในทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมและการไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาทในชุมชน (2) เสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งด้านกฎหมายและความยุติธรรมแก่ประชาชน โดยกำหนดกรอบภารกิจหลักของระบบยุติธรรมชุมชนออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่
1.การเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาอาชญากรรม การทุจริตและประพฤติมิชอบและการกระทำผิดกฎหมายต่างๆ ในชุมชน
2.การรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ปัญหาความไม่เป็นธรรมของประชาชน และรับแจ้งเบาะแสข้อมูลการกระทำความผิดกฎหมายต่างๆ ตลอดจนการช่วยเหลือ ดูแล ให้คำแนะนำ และแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นแก่ผู้ได้รับความเดือดร้อน หรือผู้ที่ต้องการคำแนะนำเบื้องต้นทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
3.การไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทหรือความขัดแย้งในชุมชนตามหลักความยุติธรรม เชิงสมานฉันท์ การเสริมสร้างความสมานฉันท์ในชุมชน และการติดตามดูแลให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้มีการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทหรือความขัดแย้งนั้น
4.การให้ความช่วยเหลือ ดูแลผู้ที่ได้รับความเสียหายหรือผลกระทบจากอาชญากรรมและประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามหน้าที่
5.ให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ และบำบัดแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดและผู้พ้นโทษให้กลับตนเป็นพลเมืองดีและไม่หวน
ด้านนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าจังหวัดนครราชสีมา

กล่าวเปิดด้วยสถานการณ์ปัญหาความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น ยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่เราได้ยินประจำ “คุกมีไว้ขังคนจน” “คนรวยนอนบ้าน ขอทานนอนคุก” ถ้ามีปัญญาก็ไปฟ้องเอา ต่างๆ เหล่านี้ล้วนสะท้อนปัญหาการเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชนได้เป็นอย่างดี สืบเนื่องจากกระบวนการยุติธรรมเป็นระบบกล่าวหา มีกระบวนการ ขั้นตอน ตามระเบียบกฎหมาย ที่มีเงื่อนไขบังคับให้ประชาชนหรือผู้ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการต้องมีค่าใช้จ่าย ทำให้เกิดปัญหาสำหรับคนที่ไม่มีฐานะหรือเงินมากพอ ที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างสะดวก และเกิดคำพูดอย่างที่กล่าว แม้หลายหน่วยงาน จะเข้ามาช่วยในการดูแลและอำนวยความยุติธรรมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการไกล่เกลี่ยหันเหคดีออกจากศาลหรือการแก้ปัญหาร้องเรียน ร้องทุกข์ เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคมให้มีความรวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้นก็ตาม แต่ปัญหาการเข้าไม่ถึงความยุติธรรมของประชาชนก็ยังไม่มีทีท่าลดลง ปัญหาสำคัญประการหนึ่ง คือกระบวนการอำนวยความยุติธรรมดังกล่าว
สรุปผลการตัดสินการประกวดศูนย์ยุติธรรมชุมชนประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ศูนย์ยุติธรรมชุมชน รางวัลอบต.หนองแวง อ.เทพารักษ์ รางวัลศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นจังหวัดนครราชสีมา ประจำ พ.ศ.๒๕๖๔
ชนะเลิศ ๒. อบต.พระพทฺธ อ.เฉลิมพระเกียรติ รางวัลศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นจังหวัดนครราชสีมา ประจำ พ.ศ.๒๕๖๔
รองชนะเลิศลำดับที่ ๑เทศบาลตำบลโพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
รางวัลศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นจังหวัดนครราชสีมา ประจำ พ.ศ.๒๕๖๔
รองชนะเลิศลำดับที่ ๒เทศบาลตำบลช่องแมว รางวัลศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นจังหวัดอ.ลำทะเมนชัย นครราชสีมา ประจำ พ.ศ.๒๕๖๔
ด้านการช่วยเหลือประชาชน ๕. อบต.เมืองพลับพลา รางวัลศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นจังหวัดอ.ห้วยแถลง นครราชสีมา ประจำ พ.ศ.๒๕๖๔
ด้านการช่วยเหลือประชาชนอบต.ตลาดไทร อ.ชุมพวง รางวัลศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นจังหวัดนครราชสีมา ประจำ พ.ศ.๒๕๖๔
ระดับดีเยี่ยม ๗. อบต.จระเข้หิน อ.ครบุรี รางวัลศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นจังหวัดนครราชสีมา ประจำ พ.ศ.๒๕๖๔
ระดับดีเยี่ยมอบต.วังโพธิ์ อ.บ้านเหลื่อม รางวัลศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นจังหวัดนครราชสีมา ประจำ พ.ศ.๒๕๖๔

ฉลอง 65 ปีพุทธสมาคม เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาชาวโคราช

โคราช จัดพิธีทำบุญครบรอบ 65 ปี วันก่อตั้งพุทธสมาคม จ.นครราชสีมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 17 สิงหาคม 64 ที่สำนักงานพุทธสมาคมจังหวัดนครราชสีมา พระอุดมธีรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาวรวิหาร เจ้าคณะอำเภอปากช่อง ( ธรรมยุติ) พ.อ.นเรศ พิลาวรรณ นายกพุทธสมาคมจังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งสมาชิก พุทธศาสนิกชน เจ้าหน้าที่ รวมทั้งผู้ทีมีส่วนเกี่ยวข้อง ได้จัดพิธีทำบุญครบรอบ 65 ปี วันก่อตั้ง พุทธสมาคม จ.นครราชสีมา โดยภายในพิธีได้มีพระสงฆ์ 5 รูป สวดพระพุทธมนต์ พิธีถวายสังฆทาน และรดน้ามนต์ให้พรแก่ผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ โดยมี เจ้าหน้าที่ ฯ ได้มาดำเนินการจัดการเน้นความสำคัญของการมาตรการทางสังคม Social distancing ทิ้งระยะห่าง-ทางสังคมอย่างน้อย 2 เมตร

มีการปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่จังหวัดได้กำหนดมาตรการไว้ ให้กับผู้ที่เข้าร่วมในครั้งนี้
พระอุดมธีรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาวรวิหาร เจ้าคณะอำเภอปากช่อง ( ธรรมยุติ) กล่าวว่า วันนี้ทาง พุทธสมาคม จ.นครราชสีมา ได้มีการทำบุญครบรอบ 65 ปี วันก่อตั้งพุทธสมาคม จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นความร่วมมือของทาง นายกสมาคม ฯคณะกรรมการบริหาร และพุทธศาสนิกชนทั่วไป มาร่วมกันบำเพ็ญกุศล ซึ่งมรการจัดทำเป็นประจำทุกปี ในวันที่ 17 สิงหาคม โดยองค์กรพุทธสมาคม จ.นครราชสีมา แห่งนี้ ถือว่าเป็นองค์กรที่เป็นจิตอาสา เป็นองค์กรของชาวพุทธ ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยงานด้านพระพุทธศาสนา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าช่วยงานวัด เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร เป็นองค์กรที่เอาบุญเป็นกำไร ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของทางสมาคม ฯ นอกจากงานช่วยพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นการช่วยทำนุบำรุง ศิลปะ วัฒนธรรม ของพระพุทธศาสนาอีกด้วย

พ.อ.นเรศ พิลาวรรณ นายกพุทธสมาคมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า พุทธสมาคม จ.นครราชสีมา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2499 นับถึงวันนี้ 65 ปีพอดี ตั้งอยู่ภายในวัดสุทธจินดาวรวิหาร เป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์ ไม่หวังผลตอบแทน สนองงานด้านพระพุทธศาสนา และสนับสนุนกิจการของพระสงฆ์ จ.นครราชสีมา อาทิ การจัดงานบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ร่วมกับวัดสุทธจินดาวรวิหารเป็นประจำทุกปี การจัดถวายทุนการศึกษาแก่พระสงฆ์ สามเณร ที่สอบเปรียญธรรมได้ทุกปี การจัดอบรมอาสาพิทักษ์สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตรย์ ร่วมกับพุทธสมาคมอำเภอเป็นประจำทุกปี การจัดการแข่งขันตอบปัญหาศีลธรรมนักเรียนในจังหวัดนครราชสีมา การจัดปฏิบัติธรรมบำเพ็ญจิตภาวนาในวันสำคัญ ทางพระพุทธศาสนา มีการจัดอบรมสมาธิเบื้อต้นให้กับนักเรียน ที่ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว อ.สูงเนิน ปีละ 1-2 รุ่น นอกจากนี้พุทธสมาคม จ.นครราชสีมา ยังเป็นหน่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยในเร็วๆ นี้ จะมีการนำถุงยังชีพออกไปแจกจ่าย ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ด้วย

ทัศนียา เปิดตัวกลุ่มพัฒนาโฟธิ์กลาง อาสารับใช้พี่น้องประชาชน ชู”นายกหญิง จริงใจ ใฝ่พัฒนา” เบอร์ 3

ทัศนียา กองแก้ว(รองอ้วน )อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพธิ์กลางชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีเพื่อสานต่ออุดมการณ์ ของกลุ่มพัฒนาโพธิ์กลาง พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลทั้ง 2 เขต ทั้ง 12 คน

นายอำพร มณีกรรณ์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง ผู้ก่อตั้งกลุ่มพัฒนาโพธิ์กลางเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ มีเก้านายกเทศมนตรีเป็นเดิมพัน ตนและนางทัศนียา กองแก้ว ผู้ลงสมัครนายก พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลทั้ง 2 เขต พร้อมอาสารับใช้พี่น้องประชาชนเทศบาลโพธิ์กลางอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาตนได้บริหารงานอย่างเต็มที่โดยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวตำบลโพธิ์กลาง ได้พัฒนาตำบลโพธิ์จนเกิดความเจริญ เกือบทุกๆด้าน สาธุผู้จำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นถนนสายต่างๆ ไฟฟ้าส่องสว่าง ,น้ำประปา, สวนสาธารณ เบี้ยผู้สูงอายุ และผู้พิการ ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวตำบลโพธิ์กลาง ให้ได้รับความสะดวกสะบาย จึงขอฝากผ่านสื่อมวลชนไปยังพี่น้องชาวโพธิ์กลางว่า กลุ่มพัฒนาโพธิ์กลาง ทำอะไรทำจริง พัฒนาจริง จึงขออาสากลับมารับใช้พี่น้องประชาชนอีกครั้งในนามกลุ่มพัฒนาโพธิ์กลาง นายกต้อง เบอร์ 3 สมาชิกสภาเทศบาล เบอร์ 1-6 และ 13-18 นายอำพร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง กล่าวทิ้งท้าย

rpt
rpt

ด้านนาง ทัศนียา กองแก้วอดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลโพธิ์กลาง กล่าวต่อว่า ครั้งนี้ ตนได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกกลุ่มพัฒนาโพธิ์กลาง ลงสมัครตำแหน่งนายกเทศมนตรีหากตนได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรี ตนจะไม่ทำให้ชาวตำบลโพธิ์กลางผิดหวัง พร้อมเน้นย้ำ ชูอาสารับใช้ พี่น้องประชาชน ในฐานะนายกหญิงคนแรก ของเทศบาลตำบลโพธิ์กลาง

สมาคมนักข่าว จ.นครราชสีมา เข้าสวัสดีปีใหม่พ่อเมืองพร้อมแสดงความยินดีกับนายก อบจ.คนใหม่

วันที่ 27 มกราคม 2564 สมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าพบพ่อเมืองโคราช นำโดย นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคม ฯ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ มนุญพงศ์พันธุ์ ผู้สื่อข่าวอวุโส พร้อมด้วยคณะกรรม เข้าพบ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัด เนื่องในโอกาศเริ่มศักราชใหม่ ปี 2564

พร้อมมอบของที่ระลึกเพื่อให้เป็นศิริมงคล จากนั้น ได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดี กับ คุณยลดา หวังศุภกิจโกศล ในโอกาสรับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาท่านใหม่

#สมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา#เคเซเว่นออนไลน์#สวัสดีปีใหม่2564

พิธีรับ-ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2

พิธีรับ-ส่ง หน้าที่ แม่ทัพภาคที่ 2
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 เวลา 0830 น. พล.อ. ธัญญา เกียรติสาร ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก(แม่ทัพภาคที่ 2 ท่านเดิม) พร้อม คุณปาริชาติ เกียรติสาร ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา จากนั้นเวลา 1100 น. ณ ห้องประชุม(1) กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก(แม่ทัพภาคที่ 2 ท่านเดิม) ได้ลงนามในเอกสาร ส่งมอบหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ให้แก่ พล.ท. ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 (ท่านใหม่)


จากนั้น เวลา 1145 น. ได้มีพิธีรับ-ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 โดย พล.อ. ธัญญา เกียรติสาร ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก(แม่ทัพภาคที่ 2 ท่านเดิม) ได้กล่าวส่งมอบหน้าที่และการบังคับบัญชา พร้อมส่งมอบธงประจำหน่วยให้กับ พล.ท. ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2(ท่านใหม่) และกล่าวรับมอบหน้าที่การบังคับบัญชา โดยมีกองเกียรติยศหมู่ธงของหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 81 หน่วย พร้อมด้วยข้าราชการ และสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ร่วมพิธี


ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบกได้กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทหารของชาติ นับเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจสูงสุด รวมทั้งเป็นโอกาสอันสำคัญยิ่งในชีวิต ที่ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน และปฏิบัติหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตยของชาติ และสร้างสันติสุข ให้แก่ประชาชน ซึ่งตลอดระยะเวลาของการทำงานรับใช้ประเทศชาติและดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ได้มีความมุ่งมั่น ในการทำให้ กองทัพภาคที่ 2 มีความมั่นคงเข้มแข็ง มีเอกภาพ สามารถหยัดยืนอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นสถาบันหลักที่พร้อมดูแล ความมั่นคงปลอดภัยและแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ ตลอดจนเป็นที่พึ่งพาของพี่น้องประชาชนในทุกๆสถานการณ์ ซึ่งการดำเนินงานของกองทัพภาคที่ 2 ในทุกภารกิจที่ผ่านมา ประสบผลสัมฤทธิ์ ด้วยความเรียบร้อยตามความมุ่งหมาย จากการสนับสนุนเป็นอย่างดีของกำลังพลทุกระดับ และขอขอบคุณทหารทุกนาย ที่ได้เสียสละอุทิศตนและเวลา ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยดีตลอดมา และเชื่อมั่นว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ท่านใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วย ความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ที่จะนำพากองทัพภาคที่ 2 ไปสู่การพัฒนาในทุก ๆด้านและกำลังพลมีความพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เพื่อรักษาและเสริมสร้างผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนปกครองบังคับบัญชา กำกับดูแลกำลังพล ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต มีความรักสามัคคี ภายใต้จิตสำนึกและอุดมการณ์ของความเป็นทหารอาชีพ และพัฒนากองทัพภาคที่ 2 ให้มีศักยภาพในการปฏิบัติภารกิจในทุกรูปแบบ ให้ปรากฏผลสัมฤทธิ์ ในการสร้างคุณประโยชน์ต่อกองทัพบกและประเทศชาติ


แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวว่า พร้อมที่จะปฏิบัติราชการในตำแหน่งอันทรงเกียรติ และสำคัญยิ่งนี้ให้ดีที่สุดอย่างเต็มขีดความสามารถ และน้อมนำการปฏิบัติงานของท่านที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก มาเป็นแบบอย่าง พร้อมที่จะปฏิบัติงานเคียงบ่า เคียงไหล่ กับบรรดาเพื่อนทหารที่รักทุกนาย อย่างจริงจังและจริงใจ เพื่อให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นหน่วยที่มีศักยภาพ ในการปฏิบัติงานทุกรูปแบบ ให้ปรากฎผลสัมฤทธิ์ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกองทัพและประเทศชาติ สืบไป