กธจ.นครราชสีมาลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการ 2 แห่งในปีงบประมาณ 2563

วันนี้ 3 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น.นายวิฑูรย์ ชาติปฎิมาพงษ์ รองประธานกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ ที่ปรึกษากรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดนครราชสีมา  คุณธิดารัตน์ หวังสวัสดิ์ และนายธานี แก้วกระจ่าง กรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจกรรมการธรรมมาภิบาล จังหวัดนครราชสีมางานติดตามสอดส่องตรวจสอบโครงการถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีต แยกทางหลวงหมายเลข 224 – โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  อ.เมือง จ.นครราชสีมา งบประมาณ39,985,000  บาท

โดยมีนายไพวรรณ์  เขียวอ่อน ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการ และนายเจษฎา มังกะโรทัย นายช่างโยธาชำนาญงาน แขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมา ให้การต้อนรับพร้อมนำชมการทำงานของผู้รับเหมา และคาดว่าถนนเส้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จช่วงกลางเดือนกันยายน 2563 อย่างแน่นอน

นอกจากนี้  เวลา 13.00 น. นายวิฑูรย์ ชาติปฎิมาพงษ์ พร้อมด้วยคณะ โดยมีนายอัฐพล สัมพันธ์วงศ์ กรรมการธรรมาภิบาลมาร่วมเสริมทัพสอดส่องโครงการยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กปฐมวัยและผู้สูงอายุกลุ่มนครชัยบุรินทร์ในกิจรรมย่อยการพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัยด้วยนวตกรรมการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาการทางสมองงบประมาณ7,0000,000บาทบริหารเหลือคืนจังหวัดนครราชสีมา 1,800,000บาท ที่ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดยได้รับเกียรติจาก  รศ.ดร.สนั่น การค้า  รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนยุทธศาสตร์และวิเทศสัมพันธ์ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยคณะ เพื่อนำเรียนผลการดำเนินงาน และสรุปโครงการให้คณะดำเนินงานได้ทราบต่อไป

เสริมเขี้ยวเล็บตำรวจภูธรภาค 3

ตำรวจภาค3จัดเสริมเขียวเล็บให้ทัพตำรวจด้านการสืบสวนโดยใช้เทคโนโลยี


วันที่ 23-29 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00 น.ณ โรงแรมแคนทารี โดราช อ.เมืองจังหวัด.นครราชสีมาพิธีเปิดการอบรมโครงการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรด้านการสืบสวนโดยใช้เทคโนโลยีของข้าราชการตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบช.ภ.3และผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกนาย

ตำรวจภูธรภาค 3 ได้รับอนุติงบประมาณ โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการสืบสวน โดยใช้เทคโนโลยีของข้าราชการตำรวจ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจัดฝึกอบรมให้กับข้าราชการตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสายงานสืบสวน โดยมอบหมายให้ ตำรวจภูธรภาค3 ดำเนินการฝึกอบรมตามโครงการฯ ดังกล่าว ในห้วงระหว่างวันที่ 23 – 29 สิงหาคม 2563 ณ โรงแรมแคนทารี โคราช อ.เมืองจังหวัดนครราชสมา รวมผู้เข้ารับการอบรม 150. นาย

ประกอบด้วย ข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรสืบสวน ของตำรวจภูธรจังหวัด กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ถึง ภาค 9 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 1-5กองบังคับการในสังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังตับการตำรวจท่องเที่ยว 1- กองบังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1-4 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1-4 และ ข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรผู้รับผิดชอบงานด้านยาเสพติด กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1-4ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้เทคนิค และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงามสืบสรม ให้มีความรู้ความสามารถในการนำเทคโนโลยี อุปกรณ์ที่ทันสมัย มาใช้ในการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งการพัฒนางานสืบสวน จะต้องพัฒนาบุคลากรให้มีองค์ความรู้และมีความรอบรู้ ที่ทันสมัยอยู่เสมอ อีกทั้ง ยังจำเป็นต้องพัฒนาให้เกิดทักษะ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ทันที รวมไปถึงเพื่อฝึกบทวน แลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคการสืบสวน และการทำงานเป็นทีม ทำให้สามารถติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว

ด้านพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3กล่าวจากการรายงาน ท่านทั้งหลายคงทราบแล้วว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนดำเนินการ ยกระดับขีดความสมารถในการปฏิบัติภารกิจหลัก เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลเพื่อลดความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชน โดยมีระบบกระบวนงาน ที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังต้องการพัฒนาบุคคลกรขององค์กร ให้มีความรู้ความสามารถและทักษะในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้สนับสนุนการสืบสวนและสามารถติดตามตัว จับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว/กั้งนี้ ก็เพื่อความสงบสุขของ ประชาชนชุมชน สังคม ประเทศชาติ

ทนไม่ได้!!กลุ่ม ผอ.โรงเรียนโคราช…วอนรัฐช่วยกรณีขอความเป็นธรรมสนามฟุตซอล

ทนไม่ได้ กลุ่ม ผอ.ร.ร.วอนรัฐบาลช่วยด้วย ออกแถลงการณ์ในนามชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูจังหวัดนครราชสีมา ชมรมคนไม่ทนต่อการทุจริตฯ
วันที่13 สิงหาคม 2563 ณ หอประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดนครราชสีมา เปิดประชุมชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูจังหวัดนครราชสีมาโดยอาจารย์ ดร.ปียะพัชร์ เดชจรรยา ประธานนายปฐมฤกษ์ มณีเนตร ประธานชมรมฯ)กล่าวโฟนอิน พบกับ พลเรือเอก บรรณวิทย์ เก่งเรียน เจ้าของฉายา” นายพลคนกล้า ” สถานีโทรทัศน์ ช่อง13 สยามไทย

ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่าการเสวนาปัญหาและผลกระทบกรณี โครงการปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์งบประมาณ ปี 2555(สนามฟุตซอล ) โดยนายปฐมฤกษ์ มณีเนตร และคณะ ได้มอบเอกสารให้แก่ผู้ร่วมประชุม ในนามชมรมคนไม่ทนต่อการทุจริตเปิดโปงอย่างสร้างสรรค์ รักษาและผดุงไว้ซึ่งจริยธรรมคุณธรรมของสังคม


ต่อมาได้แสดงพิธีให้สัตย์ปฏิญานต่อแผ่นดิน โดยนายสุรัตน์ มุ่งอิงกลางได้ เชิญอาจารย์ปู่ ดร. ปียะพัชร์ เดชจรรยา และผู้มีเกียรติ ขึ้นเวทีและ ประกอบพิธีอัญเชิญปวงเทพเทวา ครูอาจารย์ ชุมนุมเทวดาอาจารย์ และผู้มีเกียรติ โปรยทรายศักดิ์สิทธิและได้เชิญอาจารย์(ดร.ปียะพัชร์ เดชจรรยา ลั่นฆ้องชัย ปี่พาทย์ ประโคม เพลงมหาฤกษ์ผู้เข้าร่วมพิธี ร่วมร้องเพลงครูในดวงใจ
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถาม ผอ.โรงเรียนแห่หนึ่งในจังหวัดนครราชสีมาซึ่งได้โดนคดีฟุตซอล ที่ได้เดินทางมาร่วมประชุมในครั้งนี้แล้วพูดด้วยน้ำตานองเต็มตาสองดวงต่อหน้าผู้ที่มาประชุม กล่าวว่าตนนั้นได้ออกจากราชการแล้ว วอนสื่อช่วยพี่ด้วย

แถลงการณ์จากชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูจังหวัดนครราชสีมาชมรมคนไม่ทนต่อการทุจริตฯ
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเสนอผ่าน ท่านวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาด้วยชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรม และสิทธิครูจังหวัดนครราชสีมาชมรมคนไม่ทนต่อการทุจริตฯ และพี่น้องประชาชนทั่วไป มีความห่วงใยประเทศชาติด้วยเกรงว่าจะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวายในสังคม ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ซึ่งสาเหตุมาจาก


ข้อที่ 1 บุคลากรทางการศึกษา คุณครูในจังหวัดนครราชสีมา ได้ถูกชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช. ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ จำนวน 7 คน และกำลังจะมีคำสั่งไล่ออกอีกจำนวน 55 ราย ในกรณีสนามฟุตซอลที่เป็นข่าวปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดี
ข้อที่ 2 บุคลากรทางการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านพิจารณาตรวจสอบพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ชี้มูลความผิดต่อบุคลากรทางการศึกษานั้นได้กระทำอย่างไม่มีพยานหลักฐานอะไรเลยมีอคติ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา215 เป็นการกระทำแบบเหมาเข่ง เหมือนทำตามความต้องการของใคร คนใดคนหนึ่ง โดยไม่เกรงกลัวกฎระเบียบข้อบังคับใด ๆ ของสังคม อันเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน อย่างสุดแสนที่จะทนได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากของสังคมไทย
ข้อที่ 3 บุคลากรทางการศึกษาที่เดือดร้อนมิได้ร้องขอสิ่งที่เกินไปกว่าสิทธิอันพึงมีของพวกขาคือ “ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย” ตอกย้ำถึงจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ว่า “มนุษย์ยอมทนได้ทุกเรื่อง ยกเว้นความอยุติธรรมจะทนไม่ได้”
ข้อที่ ๔ ทางชมรมฯ เกรงว่าเรื่องนี้จะลุกลามใหญ่โต จะเกิดความวุ่นวายในสังคมไทย จึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนผู้เสียภาษีในสังคมได้โปรดพิจารณาแก้ไขปัญหาโดยการแต่งตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกับผู้เกี่ยวข้อง เช่น นักการเมือง, ผู้รับเหมา, คุณครู และอื่นๆเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายโดยเร็ว เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริงมาลงโทษให้จงได้
ข้อที่ 5 พวกข้าพเจ้า จะขอต่อสู้เคลื่อนไหวในทุกช่องทางที่สามารถทำได้ ภายใต้กฎระเบียบ ข้อบังคับของสังคมไทย ขอกราบเรียนด้วยความเคารพว่านี่เป็นคำสั่งที่อัปยศขององค์กร ป.ป.ช. ที่มีต่อบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต
ข้อที่ 6 ตามบทบัญญัติรัฐธรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 215ไต้บัญญัติไว้ว่า องค์กรอิสระเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้น ให้มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ ให้เป็นตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย การปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจขององค์กรอิสระต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ ในประวัติศาสตร์แห่การรวมพลังต่อสู้อย่างทระนงองอาจ ในอดีตที่ผ่านมาของบุคลากรทางการศึกษาของไทย ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาแล้วอย่างมากมาย พวกข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าหากปัญหาดังกล่าวนี้ไม่ถูกแก้ไขอย่างทันการณ์ คนไทยอาจได้เห็นปรากฎการณ์เช่นนั้นอีกด้วยความเคารพปรารถนาดีจากชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูจังหวัดนครราชสีมาชมรมคนไม่ทนต่อการทุจริตฯ และพี่น้องประชาชนทั่วไป(ดร.ปียะพัชร์ เดชจรรยา) เลขาชมรมคนไม่ทนต่อการทุจริตฯ (นายปฐมฤกษ์ มณีเนตร)ประธานชมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูจังหวัดนครราชสีมา

ชาวบ้านสุดทน รอนานกว่า 10 ปี รวมตัวกันกว่า 500 คน ประท้วงปิดถนน ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี

ชาวหนองบุญนาก “สุดทน”รวมตัวกว่า 500 คน ปิดถนน!!!ยื่นหนังสือสำนักนายกฯ หลัง อบจ.เมินซ่อมถนน


ชาวบ้านตำบลหนองบุญนาก อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา นัดรวมตัวแสดงพลังเพื่อขอเจรจากับทางจังหวัดและ อบจ.โคราชหลังยื่นหนังสือให้เรียกร้องให้มาดำเนินการซ่อมแซมถนนที่ชำรุดนานกว่า 10 ปี แต่ไร้หวี่แววการเข้ามาซ่อมแซม จึงรวมตัวชาวบ้านกว่า 500 คน ปิดถนนเรียกร้องลงมาขอยื่นหนังสือต่อตัวแทน สส.ในพื้นที่และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผลักดันถนนเส้นนี้ ให้สำเร็จเพราะชาวบ้านเดือดร้อนนานหลายสิบปี

นายสุเทพ ทันค้า ตัวแทนชาวบ้านตำบลหนองบุญนาก และอดีตรองนายก อบต. หนองบุญนาก ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าทางตนในฐานะกลุ่มแกนนำชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. และตัวแทนจากองค์การบริหารตำบลหนองบุญนาก นายก อบต. พร้อมสมาชิกสภาฯ อบต.หนองบุญนาก ได้นับรวมตัวชาวบ้านกว่า 500 คน เพื่อมาแสดงพลังในการร่วมผลักดันให้ทางจังหวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อำเภอหนองบุญมากและทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดสรรงบประมาณลงมาช่วยแก้ไขปัญหาถนนชำรุดระหว่างบ้ายชัยตะคร้อ-บ้านหัวทำนบ ซึ่งมีสภาพเป็นโคลน หลุม บ่อ จำนวนมาก ซึ่งมีระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร โดยไม่มีการแก้ไขมานานนับ 10 ปี ชาวบ้านที่สัญจรไปมาลำบากเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหน้าฝน มีน้ำขัง แถมยังเป็นหลุมบ่อตลอดเส้นทาง การขนพืชผลทางการเกษตร การสัญจรเป็นไปอย่างล่าช้า การขนคนเจ็บป่วยเวลาฉุกเฉินมีความลำบากมาก เด็กนักเรียนเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งมีความลำบากที่สุด

ซึ่งเส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางหลักในการใช้สัญจรไประหว่างอำเภอหนองบุญมากไปยังอำเภอครบุรี และอำเภอเสิงสางได้ มีการสัญจรของชาวไร่ ชาวนา และประชาชนจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับการแก้ไขทั้ง ๆ ที่ยื่นเรื่องขอแก้ไปจากทาง อบต.หนองบุญมาก หลายครั้ง รวมทั้งชาวบ้านเองก็ร้องเรียนไปยัง อบจ.นครราชสีมา หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานออกมารับผิดชอบแต่อย่างใด ทางตนและแกนนำชาวบ้านจึงได้นัดรวมตัวกัน วันที่ 27 กรกฎาคม 2563 เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อตัวแทนสำนักนายกรัฐมนตรี ให้นำเรื่องเสนอต่อนายกรัฐมนตรี นายกประยุทธ จันทร์โอชา ให้นำเรื่องความเดือดร้อนเร่งแก้ไขให้กับทางชาวบ้านตำบลหนองบุญมากต่อไป

ทางด้าน ส.ส.อภิชา เลิศพชรกมล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมาเขตอำเภอโชคชัย-หนองบุญมาก ได้รับการประสานงานของกลุ่มแกนนำชาวบ้านจึงได้ส่งตัวแทน คือ ส.ส.พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม ได้เดินทางมาพบกับกลุ่มชาวบ้านที่รวมตัวประท้วงพร้อมรับหนังสือร้องเรียนจากทางแกนนำ และได้พูดคุยกับผู้ชุมนุมว่า ตนมาในฐานะตัวแทนสำนักนายกรัฐมนตรี ตนเดินทางมาก็รู้สึกว่าถนนเส้นนี้สัญจรไปมาลำบากเป็นอย่างมาก ตนจะได้นำเรื่องไปพูดคุยกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในช่วงวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อขอดำเนินการส่งเรื่องพิจารณาเป็นกรณีเร่งด่วน ส่งถึงจังหวัดและ อบจ.นครราชสีมา ให้ลงมาแก้ไขโดยด่วน หากทางจังหวัดและ อบจ.นครราชสีมาไม่สามารถดำเนินการ ตนจะขอให้รัฐบาลดึงเงินจาก อบจ.นครราชสีมา กลับคืนสู่แผ่นดิน และเอางบลงมาดำเนินการให้พี่น้องชาวหนองบุญมากที่เดือดร้อนต่อไป และจะหารือกับท่านนายกรัฐมนตรี นายประยุทธ จันทร์โอชา เพื่อให้การช่วยเหลือโดยด่วน ต่อไป

จิตอาสาทำดีด้วยหัวใจ…โคราชร่วมใจบูรณาการป้องกันภัย3โรคร้ายแรง

จังหวัดนครราชสีมาเร่งบูรณาการโรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้า ร่วมกิจกรรมสำรวจและทำลายแหล่ง เพาะพันธุ์ยุงลาย 3 แห่ง

วันนี้(5 มิ.ย.63) ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) โรคไข้เลือดออก
และโรคพิษสุนัขบ้า จังหวัดนครราชสีมา ปี 2563 พร้อมเปิดกิจกรรมจิตอาสา“เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” และนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัยนายกเทศบาลนครนครราชสีมากล่าว
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ทั่วโลกและประเทศไทย ดังนั้นเพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19ระลอก2 จังหวัดนครราชสีมา จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมความตระหนักรู้เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 โดยบูรณาการโรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้าด้วยพบว่าเป็นโรคติดต่อที่เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา กิจกรรมครั้งนี้ประกอบด้วย นิทรรศการโรคโควิด-19 โรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้า บริการทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่สุนัขและแมว โดยความร่วมมือของจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมาและเทศบาลนครนครราชสีมา ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ


ภาคเอกชนและจิตอาสาพระราชทาน 904 “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ร่วมกิจกรรมสำรวจและทำลายแหล่ง เพาะพันธุ์ยุงลาย 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณหน่วยงานรอบๆศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา, วัดสุทธจินดาวรวิหาร
และวัดบึงอารามหลวง ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ป้องกันโรคไข้เเลือดออก พร้อมโรคโควิด-19 และโรคพิษสุนัขบ้า โดยขอให้ประชาชนร่วมมือป้องกันทั้ง 3โรคและติดตามสถานการณ์จากจังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่าต่อจากนั้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาและนายสุรวุฒิ เชิดชัยนายกเทศบาลนครนครราชสีมาจึงได้ชมนิทรรศการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2519 โรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้าและชมการให้บริการทำหมัน และฉีดวัดชีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า สุนัขและแมว ประธานในพิธีร่วมกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” แบ่งกลุ่มจิตอาสา สำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย 3 จุดอีกด้วย
ทางด้าน นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่าเพื่อให้ชาวโคราชร่วมมือป้องกันการระบาดระลอก 2 ของวิกฤตโรคโควิด-19 อีกทั้งมีรายงานทางระบาดวิทยาของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-3 มิถุนายน 2563พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จำนวนทั้งสิ้น 1,118 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 42.3 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย อัตราตายต่อประชากรแสนคน เท่ากับ 0.08 อัตราป่วยตายเท่ากับร้อยละ 0.14 พบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง อัตราส่วนพศชาย ต่อ เพศหญิง เท่ากับ 1.1 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดได้แก่กลุ่มเด็กวัยเรียน คือกลุ่มอายุ 10-14 ปี 326 ราย รองลงมาคือ 5-9(265ราย ), 15-19(253ราย), 20-24(128ราย),0-4(96,ราย),25-29(86ราย),30-34(62ราย),35-39(45ราย),45-49(27ราย),40-45(22ราย), 70+,(19ราย), 50-54(18ราย), 55-59(17,ราย), 65-69(12 ราย) และ 60-64 (8 ราย)ตามลำดับ โดยขณะนี้(ณ 2 มิ.ย.63)จังหวัดนครราชสีมามีการระบาดของโรคไข้เลือดออกอยู่ในลำดับที่ 4 ของประเทศ รองจาก 1) ระยอง 2) ชัยภูมิ 3)ขอนแก่น 4)นครราชสีมา และ 5)แม่ฮ่องสอน อีกทั้งพบว่า ทั้ง 32 อำเภอที่พบอัตราป่วยสูงสุด 10 ลำดับแรก คือ 1.เฉลิมพระเกียรติ 2.โนนไทย 3.สูงเนิน 4.โชคชัย 5.บัวใหญ่ 6.ประทาย 7.ขามทะเลสอ 8.เมือง 9.พิมาย และ 10.โนนสุง ตามลำดับ ดังนั้นขอให้ทุกพื้นที่เร่งสร้างความร่วมมืออย่างเข้มข้นในการรณรงค์ให้ประชาชน ร่วมมือกับผู้นำชุมชน หมู่บ้าน องค์กรปกรองส่วนท้องถิ่น และ อสม. เพื่อชาวโคราชรวมพลังตั้งการ์ดสู้ภัยโรคไข้เลือดออก ควบคู่ไปพร้อมๆกับโควิด-19 รณรงค์สื่อสารลดความเสี่ยงโรคไข้เลือดออก รณรงค์ 3 เก็บ “เก็บบ้าน เก็บน้ำ เก็บขยะ” และปฏิบัติตาม 5 ป. 2ข. ได้แก่ ป.ปิดภาชนะน้ำกินน้ำใช้ให้มิดชิดหลังการตักน้ำใช้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ , ป.เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำทุก 7 วัน เพื่อตัดวงจรลูกน้ำยุงลายที่จะกลายเป็นยุง , ป.ปล่อยปลากินลูกน้ำ ในภาชนะใส่น้ำถาวร เช่น อ่างบัว ถังซีเมนต์เก็บน้ำขนาดใหญ่ , ป.ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ให้ปลอดโปร่ง โล่ง สะอาด ลมพัดผ่าน ไม่เป็นที่เกาะพักของยุงลาย และ ป.ปฏิบัติเป็นประจำทุกๆสัปดาห์จนเป็นนิสัย สำหรับ 2ข.ได้แก่ ข.ขัดไข่ยุงที่ขอบด้านในของภาชนะเก็บกักน้ำ และ ข.ขยะกำจัดให้เกลี้ยงไม่เลี้ยงยุงลาย ทั้งที่บ้าน วัด โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก ทำงาน ศาสนาสถาน อีกทั้งป้องกันยุงลายกัดในช่วงกลางวันโดยการนอนกางมุ้งหรือทายากันยุง รวมทั้งใช้นวัตกรรมใหม่ๆในการป้องกันควบคุมโรคเพื่อให้โคราชปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกต่อไป ทั้งนี้โรคไข้เลือดออกป้องกันได้ แต่มีอันตรายรุนแรงถึงเสียชีวิต โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค หากมีไข้สูงลอยเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารหน้าแดง ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านด่วนเพื่อป้องกันการเสียชีวิต ขณะที่โรคพิษสุนัขบ้า ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทำให้มีผู้เสียชีวิตทุกปี โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 2 มิถุนายน 2563 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่ยังพบโรคในสัตว์พาหะอย่างต่อเนื่องทุกปีโดยในปี 2563 ข้อมูลจาก website thairabies.com ของกรมปศุสัตว์ พบว่า มีตัวอย่างสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้า จำนวน 1 ตัวอย่าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีความเสี่ยงต่อการระบาด ของโรคพิษสุนัขบ้า จากการเฝ้าระวังของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้ติดตามผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าเข้ารับวัคซีน 100 % ดังนั้นการบูรณาการร่วมกันเพื่อประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างการรับรู้ ความเข้าใจเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติ และมีความตระหนักในเชิงป้องกัน โดยการเน้นย้ำว่าผู้ที่สัมผัสหรือถูกสุนัข/แมวกัด ข่วน ต้องเข้าทำการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและรับการ
รักษาอย่างถูกวิธีตามหลักสาธารณสุขหากไม่เข้าสู่กระบวนการรักษา หากป่วย“ตายอย่างเดียว” จึงขอความร่วมมือประชาชนเจ้าของสุนัข/แมว ให้มีความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูโดยนำสัตว์เลี้ยงของตนมาขึ้นทะเบียนเพื่อรับวัคซีนหรือทำหมัน และกำหนดมาตรการในการลดจำนวนสุนัข-แมวจรจัดอย่างต่อเนื่องและจริงจัง รวมทั้งส่งเสริมให้เทศบาล/องค์การบริหารส่วนตำบล/ปศุสัตว์/ผู้นำชุมชน/อาสาสมัครสาธารณสุข/อาสาสมัครพัฒนาปศุสัตว์ประจำ หมู่บ้าน ดำเนินการสำรวจจำนวนสุนัขและแมวทุกพื้นที่และให้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตนเอง โดยยึดหลัก “คาถา 5 ย” 1) อย่าแหย่ ให้สุนัขโมโห โกรธ 2) อย่าเหยียบ หาง หัว ตัว ขา หรือทำให้สุนัขหรือสัตว์ต่างๆตกใจ 3) อย่าแยก สุนัขที่กำลังกัดกัน ด้วยมือเปล่า 4) อย่าหยิบ ชามข้าวหรือเคลื่อนย้ายอาหารขณะที่สุนัขกำลังกิน 5) อย่ายุ่ง หรือเข้าใกล้กับสุนัขหรือสัตว์ต่างๆ นอกบ้านที่ไม่มีเจ้าของ หรือไม่ทราบประวัติ

2 รัฐมนตรีพาณิชย์ “จับมือลุยตรวจเยี่ยม” 2โครงการที่ประชาชนถูกใจ ทั้งพาณิชย์ ลดราคา! ช่วยประชาชน และประกันรายได้เกษตรกร

วันที่ 23 พฤษภาคม 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงพาณิชยย์ ลงพื้น ณ จังหวัดนครราชสีมา ติดตาม การดําเนินโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร5ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสําปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ํามัน ยางพารา่ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรวงเงิน 67,754 ล้านบาทดูแลและมีเกษตรกรที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการกว่า 7.3 ล้านครัวเรือน โดยปัจจุบันจ่ายเงินชดเชยพืชทั้ง 5 ชนิดไปแล้ว 51,687 ล้านบาทต่อจำนวนเกษตรกร 3.1 ล้านครัวเรือน ซึ่ง ตัวแทนเกษตรกรมีความพึ่งพอใจและเรียกร้องให้รัฐบาลประกันรายได้ให้แก่เกษตรกรทั้ง 5 ชนิด ต่อไป

สําหรับผู้ประกอบการได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเสริมสภาพคล่องและผลักดันการส่งออกเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

วันนี้นายจุรินทร์และนายวีรศักดิ์ ยังทำหน้าที่ มอบเครื่องสับมันสําปะหลังจํานวน 55 เครื่อง ให้กลุ่มเกษตรกร 24 กลุ่ม ซึ่งมีเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 3,800 ราย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแปรรูปมันสําปะหลังให้แก่เกษตรกรในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิตของตนเองอีกด้วย

กำหนดการวันนี้ ทั้งสองรัฐมนตรีจากกระทรวงพาณิชย์ ยังใช้วันหยุดตรวจเยี่ยม โครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ณ ห้าง BIG C และห้างวิชโก้ โฮลเซล ในพื้นที่อําเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งพบว่าห้างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและ ประชาชนมีความพึ่งพอใจกับโครงการดังกล่าวเนื่องจากช่วยลดภาระค่าครองชีพในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน LOT 1 ที่ได้เริ่มดําเนินการตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2563 จนถึงปัจจุบัน เป็น LOT ที่ 3 โดยมีผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิต ผู้แทนจําหน่าย ห้างค้าปลีกค้าส่งทั้งสิน 221 ราย และมีสินค้าที่เข้า ร่วมโครงการแบ่งเป็น 6 กลุ่ม จํานวน 4,845 รายการ ซึ่งโครงการนี้จะลดราคาไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ทั้งนี้ ล่าสุดได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นจากการสำรวจของซุปเปอร์โพล ตัวประชนถูกใจนโยบายลดราคาสินค้าช่วยประชาชนในภาวะวิกฤต อย่างมาก

สำหรับ ในจังหวัดนครราชสีมา นอกจากห้างโมเดิลเทรดระดับประเทศทุกรายที่เข้าร่วมโครงการแล้วยังมีห้างท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการฯ อีก 5 ราย คือ สยามวิชโก้ , วงศ์มังกร ซุปเปอร์สโตร์ , ฮกกี่ ซุปเปอร์มาร์ท , คลัง พลาซ่า และทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งคาดว่าโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน จะสามารถลดค่าครองชีพ ให้กับประชาชนมากกว่า 1,000 ล้านบาท

รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่1 โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว 

รฟม. จัดประชุมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่1 โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว ผู้ว่าโคราชย้ำผู้เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญในการเสนอข้อคิดเห็นเพื่อร่วมกันพัฒนาเมืองย่าโม

วันนี้ (28 สิงหาคม พ.ศ. 2562) เวลา 09.00 น. นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของ ประชาชน ครั้งที่ 1 (การปฐมนิเทศโครงการ) งานศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ และจัดเตรียม เอกสารประกวดราคา โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน – สถาน คุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) โดยภายในงานมีผู้นําชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ผู้แทนจาก หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา และผู้สนใจรวมถึงสื่อมวลชน เข้าร่วมการ ประชุมกว่า 250 คน ณ ห้องสีมาธานี แกรนด์บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อําเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัด นครราชสีมา ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาร่วมเป็นประธาน พิธีเปิด โดยการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งนี้เป็นการนําเสนอข้อมูลโครงการ แผนการดําเนินงาน แนวคิดการออกแบบรูปแบบโครงการ แนวทางการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ การดําเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบข้อมูลพร้อมแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อนําไปเป็นแนวทางในปรับปรุงโครงการต่อไป

สําหรับการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 (การปฐมนิเทศโครงการ) นี้เป็นส่วนหนึ่งของการดําเนินงานช่วงที่ 1 งานศึกษารายละเอียดความเหมาะสม

(Feasibility Study) ออกแบบจัดทํารายงานการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการ มีระยะเวลาดาเนินการ 1 ปี ซึ่งตามผลการศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดนครราชสีมาของสํานักงานนโยบายและแผนการ ขนส่งและจราจร (สนข.) ระบุว่า โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว

(ตลาดเซฟวันสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเบา (Light Rail Transit) รวมระยะทาง ประมาณ 11.17 กิโลเมตร มีสถานีจํานวน 20 สถานี งบประมาณ กว่า 8,000 ล้านบาท ผ่านสถานที่สําคัญ เช่น ตลาดเซฟวัน สํานักคุมประพฤติสวนภูมิรักษ์ เทศบาลนครนครราชสีมา อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โรงเรียนสุรนารีวิทยา

มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ บ้านนารีสวัสดิ์ เป็นต้น

ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า  รฟม. ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ให้เป็นผู้ ดําเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา ในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) โดยให้ดําเนินการก่อสร้างครั้งละ 1 เส้นทาง เริ่มจากสายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและ พัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) เป็นลําดับแรก ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการ เดินทางที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐาน รวมถึงมีความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัย ให้แก่ของประชาชน และนักท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสามารถลดการใช้รถยนต์โดยรวมบนท้องถนน จึงช่วยลด ปริมาณมลพิษในอากาศที่เกิดจากการใช้น้ํามันเชื้อเพลิงของรถยนต์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามอยากฝากให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในเส้นทางการก่อสร้างหรือผู้ที่มีส่วนได้หรือส่วนเสีย ให้ความสำคัญในการประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการก่อสร้างที่จะเกิดขึ้นในจังหวัดเพื่อร่วมกันเสนอความคิดเห็นต่างๆ เพื่อให้การพัฒนาจังหวัดนครราชสีมาเป็นไปด้วยความต่อเนื่อง และไม่เกิดความขัดแย้งภายหลังเหมือนที่ผ่านมา

 

นางเจษฎา นาคบำรุงศรี ประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา กล่าว่า เป็นเรื่องที่ดีที่จังหวัดนครราชสีมาจะมีระบบขนส่งมวลชนเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับประชาชน แต่ทั้งนี้การก่อสร้างโครงการดังกล่าวชาวโคราชยังมีความเป็นห่วงเรื่องขนาดถนนที่โครงการจะก่อสร้างผ่านเนื่องจากถนนมีความคับแคบเป็นอย่างมาก ซึ่งหากดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จการจราจรบริเวณดังกล่าวจะประสบปัญหา ดังนั้นจึงได้มีการเสนอปัญหาเพื่อให้ทาง รฟม.ชี้แจง และดำเนินการแก้ไข

ขอบคุณที่มา: ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  เด้งรับผลประชุม  ครม.เศรษฐกิจ  ปักหมุดนครชัยบุรินทร์ นำร่อง BCG โมเดล  4จังหวัดอีสานใต้มันใจต่อยอดการค้าใช้แดน  ดันมุระค่าการค้าขายในประเทศไทยสู่ระดับเวทีโลกแบบก้าวกระโดด

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  เด้งรับผลประชุม  ครม.เศรษฐกิจ  ปักหมุดนครชัยบุรินทร์ นำร่อง BCG โมเดล

 4จังหวัดอีสานใต้มันใจต่อยอดการค้าใช้แดน  ดันมุระค่าการค้าขายในประเทศไทยสู่ระดับเวทีโลกแบบก้าวกระโดด

 

นายชัชวาล  วงศ์จร ประธานหอการค้า และคณะ มอบดอกไม้แสดงความยินดี

นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา และคณะ มอบดอกไม้แสดงความยินดี

ภายหลังจากที่หารือร่วมกับประธานหอการค้าและประธานกลุ่ม  Biz Club กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ได้แก่จังหวัดนครราชสีมา  ชัยภูมิบุรีรัมย์   และสุรินทร์    ที่โรงแรมสีมาธานี    นายวีรศักดิ์   หวังศุภกิจโกศล   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์   ได้กล่าวว่า   กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับนครชัยบุรินทร์  4  จังหวัดอีสานตอนใต้เป็นอย่างมาก   เพราะเป็นพื้นที่   ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง  โดยได้พิจารณาคัดเลือกกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ เป็นพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาท้องถิ่นที่สร้างความเติบโตอย่างยังยืนให้แก่เศรษฐกิจพื้นฐานของภาคอีสานและประเทศไทยภายใต้ยุทธศาสตร์นครชัยบุรินทร์ประตูอีสานสู่สากล

ขณะเดียวกัน  4 จังหวัดอีสานตอนใต้  นครชัยบุรินทร์  ยังจะเป็นพื้นที่นำร่อง  BCG โมเดลตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี  ที่มีดำริให้กระทรวงต่างๆ พิจารณานำโมเดลเศรษฐกิจ BCG ไปใช้ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากด้วย ซึ่งการลงพื้นที่ในวันนี้  ก็ได้เชิญผู้บริหารของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  กรมทรัพย์สินทางปัญญา และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ  มาหารือกับผู้บริหารหอการค้าจังหวัดและคณะกรรมการบริหาร Biz Club กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์เพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจของนครชัยบุรินทร์

โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะปรับโฉมร้านค้าดั้งเดิม  ให้เป็น Smart โชห่วย อีกทั้งยังจะส่งเสริมการค้าระบบแฟรนไชส์และขยายตลาดสินค้า  OTOP Select  โดยได้สั่งการให้จัดทำเส้นทางสายไหม ในพื้นที่  4  จังหวัดเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นพร้อมอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ส่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา  จะผลักดันขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ  GI ควบคู่กับการเจรจาเปิดตลาดการค้าระหว่างประเทศ โดยได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งรัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าหรือ  JTC กับประเทศคู่ค้า เช่นกัมพูชา และสปป.ลาว เพื่อขยายมูลค่าการค้าชายแดนและการค้าของไทยในเวทีการค้าโลกซึ่งมี  3 กรมจะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ภายใต้ความร่วมมือของหอการค้าจังหวัดและ Biz Club ที่จะเป็นองค์กรเชื่อมโยงระหว่างรัฐกับเอกชนในการสร้างอาชีพ  สร้างมูลค่า  จากทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาระยะยาว  ตลอดจนสร้างเสริมเอกลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น  ให้เป็นจุดเด่นของจังหวัดเหล่านี้ต่อไปในอนาคต

ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมทำประชาคม ต.พุดซา รื้อ แหล่งโบราณสถานอารยธรรมขอม

ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมทำประชาคม ต.พุดซา รื้อ แหล่งโบราณสถานอารยธรรมขอม

ที่ผ่านมา  ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง  ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ไปยังที่ทำการเทศบาลตำบลพุดซา  เพื่อหารือและขอมติการรื้อฟื้นตำนานเมืองโบราณของตำบลพุดซา  อำเภอเมือง  จังหวัดนครราชสีมา

นายเกรียงศักดิ์  นาคหฤทัย  นายกเทศบาลตำบลพุดซา  พร้อมด้วยนายประเสริฐ  เชยพุดซา  กำนันตำบลพุดซา  พร้อมคณะผู้นำท้องถิ่น และประชาชนได้ให้การต้อนรับ ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  และนายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยคณะผู้สื่อข่าวจากหลายสำนัก  เพื่อร่วมรับฟังการทำประชามคมเพื่อหารือ และขอความคิดเห็นจากคนในท้องที่ เรื่อง การยกแหล่งโบราณอารยธรรมขอม ที่มีอายุยืนยาว เป็นสถานที่ให้พี่น้องประชาชน ได้เข้ามากราบสักการะ และเพื่อให้สถานที่แห่งนี้ เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป  รวมทั้งยังสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ทางโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา

ปัจจุบัน  บ้านพุดซา  อยู่ในพื้นที่การรับผิดชอบ ของเทศบาลตำบลพุดซา  อำเภอเมือง  จังหวัดนครราชสีมา  ทั้งที่ความจริงบ้านพุดซาแห่งนี้มีเรื่องราว  ตำนานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง เป็นโบราณสถานที่ค้นพบสถาปัตยกรรมในสมัยเกาะแกร์  ที่ผสมผสานมาถึงยุค นครวัต – บายน หรือตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 ลงมาถึง 18 โดยมีอายุโบราณทางด้านวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ก่อนยุคปราสาทหินพิมาย

นอกจากหลักฐานทางโบราณคดีแล้ว  ยังมีบึงขนาดใหญ่ที่คาดว่ามีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า  2,500 ไร่ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า  “บึงพุดซา”  ที่เล่าขานกันว่าเป็นบึงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก  และส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่  ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ต้องจมอยู่ใต้บาดาลจนกระทั่งต้องสร้างพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรขึ้นเป็นจำนวนมาก  เพื่อหวังจะให้หมู่บ้านแห่งนี้พ้นจากภัยพิบัติน้ำท่วม

เมื่อราวปี 2478 กรมศิลปากรได้เดินทางมาสำรวจบริเวณบ้านพุดซาบ้างแล้ว   พร้อมได้ขึ้นทะเบียนและปักปันอาณาเขตโบราณสถานไว้ด้วย  จากอดีตจนถึงปัจจุบันโบราณสถานแห่งนี้ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแม้แต่น้อย  เนินดินที่กลบซากปรักหักพังอยู่อย่างไร  ก็ยังอยู่อย่างนั้น องค์พระพุทธรูปที่ถูกเก็บ กระจายอยู่ยังวัดต่าง ๆ และบ้างก็ว่ากันว่าสูญหายกันไปมิใช่น้อย

บ้านพุดซา บริเวณที่ตั้งของวัดปรางค์ทองในปัจจุบัน  สันนิษฐานกันว่า  อดีตเคยเป็นปราสาทของพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้ายโศวรมัน แห่งอาณาจักรขอม เมื่อราวพุทธศตวรรษที่  15  ตัวปราสาทเป็นศิลปะแบบขอม  ก่อสร้างด้วยอิฐ  มีการบันทึกไว้ว่า  สภาพของปราสาทเมื่อปี 2521 ยังคงเห็นส่วนฐานปราสาทที่ก่อสร้างด้วยหินทรายแดงสลักเป็นฐานบัวรองรับปราสาทหลังทิศใต้ (เดิมกรมศิลปากรขุดแต่งพบฐานบัวรองรับปราสาทอิฐ 3 หลัง เรียงตัวในแกนทิศเหนือ – ใต้  สำหรับปราสาทประธาน(หลังกลา)และปราสาทหลังทิศเหนือพังเสียหายหมดแล้ว) ปัจจุบันได้ถมดินรอบปราสาทเหนือระดับฐานบัว  อย่างไรก็ตาม ปราสาทดังกล่าวได้แบ่งออกเป็น  3  ส่วน  คือ ส่วนฐาน  ส่วนเรือนธาตุ และส่วนยอด

ในบริเวณวัดปรางค์ทอง  ยังได้พบชิ้นส่วนของโบราณสถานประเภทหินทรายแดง  หินทรายขาว สลักเป็นหน้าทับหลัง  เสาประดับกรอบประตู ลูกกรงหน้าต่าง ฐานประติมากรรม  กระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมากภายในวัด  อาทิ  ทับหลัง ซึ่งวางอยู่ด้านหน้าปราสาทบริวาร มีภาพที่ลบเลือนมาก และดินถมขึ้นเกือบครึ่งแผ่น  ที่กึ่งกลางภาพมีรูปบุคคลนั่งชันเข่า เหนือสัตว์พาหนะ (อาจเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอรวัณ) มีท่องพวงมาลัยออกมาจากกึ่งกลางทับหลัง  เป็นวงโค้งเล็กน้อยเหมือนถูกกดไว้ด้วยน้ำหนักคล้ายกับทับหลังที่จัดแสดงที่สำนักงานอุทยานปราสาทพนมรุ้ง  ศิลปะขอมแบบเกาะแกร์  อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 15

ทับหลังรูปพระวิษณุทรงครุฑ  ซึ่งเก็บไว้บนศาลาวัด  ที่กึ่งกลางภาพสลักภาพพระวิษณุ (พระนารายณ์) ทรงครุฑนั้น ก็ยุคนาคสองตัวที่ทอดยาวตลอดทั้งสองข้างของทับหลัง  ทำนองเดียวกับลายท่องพวงมาลัย ปลายท่องพวงมาลัยเป็นนาคสามเศียรซึ่งหันหน้าออกมาเบื้องหน้า และนาคแต่ละเศียรมีมงกุฎลายใบไม้เป็นเครื่องประดับเหนือท่อนพวงมาลัยสลักเป็นรูปใบไม้ม้วนห้อยตกลงมาจนถึงแนวล่างสุด  สลักเป็นแนวกลับบัวเช่นกัน  ลวดลายดังกล่าวเหมือนกับทับหลังซึ่งที่ปราสาทพนมวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ทั้งนี้  สถานที่แห่งนี้ ยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่สำคัญ ที่ชาวบ้านให้ขนานนามว่า  เป็นเมืองบาดาล หรือเมืองพญานาค  จึงเป็นที่มาของการจัดทำประชาคมในครั้งนี้  โดย ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครราชสีมา  ที่พร้อมจะช่วยผลักดันให้สถานที่แห่งนี้  เป็นเมืองของการท่องเที่ยวเชิงอารยธรรม อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมาต่อไป

 

ชมภาพบรรยากาศการประชาคม

 

ลุงตู่..ลงพื้นที่โคราช ได้รับความสนใจจากชาวโคราชอย่างยิ่ง

 

นายกฯเยือนโคราชเรียกกระแสนิยมภาคอีสาน ณ.ลานอนุเสาสรีย์ท้าวสุรนารี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่โคราช ถิ่นบ้านเกิด นายกฯจัดเต็มโชว์ปั่นสามล้อถีบยุคโบราณที่เป็นเอกลักษณ์เมืองโคราช เดินทางจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ไปตามถนนจอมพลไปถึงศาลหลักเมือง ระยะทาง 2 กิโลเมตร


เมื่อนายกฯ นั่งสามล้อปั่นมาถึง ปรากฏว่า มีชาวบ้านส่วนหนึ่งเตรียมต้อนรับตั้งภายในศาลหลักเมืองและริมถนนตลอดเส้นทางมีชาวบ้านตอนรับหนาแน่น หลังนายกฯ ลงจากรถสามล้อทีบ ชาวบ้านที่รอคณะนายกฯที่มารอต้อนรับพากันมาล้อมรถสามล้อไปดูบริเวณท้ายรถสามล้อซึ่งมีหมายเลขทะเบียนติดอยู่ด้วย คือ 08960 นำโทรศัพท์มารุมถ่ายภาพกันจำนวนมาก ต่างพากัไปซื้อหวยที่งวดวันที่ 16 มี.ค.
จากการสอบถาม นายต่อม กิตติสกนธ์ ลุงเจ้าของรถสามล้อปั่น เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่มีโอกาสได้ปั่นสามล้อให้นายกรัฐมนตรีนั่งตลอดเส้นมางครั้งนี้ ซึ่งในชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ปั่นให้ผู้ใหญ่ระดับประเทศอย่างนี้ จึงรู้สึกดีใจและภูมิใจเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากที่นายกฯ ลงจากรถ มีคนมาถามเลขทะเบียนสามล้อตนติดไว้ตั้งแต่ซื้อรถคันนี้มาแล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนแห่ถ่ายภาพเพื่อเอาตัวเลขทะเบียน ซึ่งตนคิดว่าส่วนใหญ่น่าจะถ่ายเก็บไว้เพื่อนำไปซื้อหวยงวดในงวดเร็วๆนี้ ของฝากจากลุงตู่