เปิดตัวเป็นครั้งแรกของ “ชุดตรวจปัสสาวะสำเร็จรูปชนิดเร็วสำหรับพยาธิใบไม้ตับ” ก้าวแรกที่แค่หยดปัสสาวะก็ทราบผลตรวจได้ทันที

มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี เข้าร่วมสนับสนุนและแสดงความยินดีกับ กิจกรรมการเปิดตัวเป็นครั้งแรกของ “ชุดตรวจปัสสาวะสำเร็จรูปชนิดเร็วสำหรับพยาธิใบไม้ตับ (Rapid Diagnostic Test for Opisthorchiasis)” ที่ผลิตโดยโครงการการผลิตชุดตรวจปัสสาวะ สำเร็จรูปสำหรับตรวจวินิจฉัยโรคพยาธิใบไม้ตับในชุมชน ที่ดำเนินการโดย ศ.ไพบูลย์ สิทธิถาวรและคณะ ภายใต้แหล่งทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ณ สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี ต.โพนงาม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานสาธารณสุขอำเภอกมลาไสย อสม. และประชาชนในพื้นที่

ศ.พวงรัตน์ ยงวณิชย์ ประธานมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ได้กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของมูลนิธิฯ ที่ได้เข้าร่วมรณรงค์ต่อสู้ให้ประชาชนในภาคอีสานปลอดจากพยาธิใบไม้ตับอันเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคมะเร็งท่อน้ำดี โดยวันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ที่คณะวิจัยสามารถพัฒนาชุดตรวจการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับในปัสสาวะ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว พร้อมใช้ตรวจได้ในชุมชนที่ไม่ต้องส่งตัวอย่างปัสสาวะมาตรวจที่โรงพยาบาล

อีกทั้งยังตรวจการติดเชื้อได้แม่นยำกว่าการตรวจไข่พยาธิในอุจจาระ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นก้าวแรกของการทดลองที่ผู้ถูกตรวจไม่ต้องเสียเวลารอ เพราะจะทราบผลในทันทีที่หยดตัวอย่างปัสสาวะลงบนแผ่นแถบสีที่โครงการนี้ผลิต ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อได้รับยาถ่ายพยาธิเพื่อรักษาโรคอย่างทันการณ์ในวันนั้นเลย โครงการนี้พร้อมจะขยายวงการตรวจให้กว้างขวางในชุมชนที่อยู่ในแหล่งระบาดของโรคพยาธิใบไม้ตับในอนาคตอันใกล้นี้

จิตอาสาทำดีด้วยหัวใจ…โคราชร่วมใจบูรณาการป้องกันภัย3โรคร้ายแรง

จังหวัดนครราชสีมาเร่งบูรณาการโรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้า ร่วมกิจกรรมสำรวจและทำลายแหล่ง เพาะพันธุ์ยุงลาย 3 แห่ง

วันนี้(5 มิ.ย.63) ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) โรคไข้เลือดออก
และโรคพิษสุนัขบ้า จังหวัดนครราชสีมา ปี 2563 พร้อมเปิดกิจกรรมจิตอาสา“เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” และนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัยนายกเทศบาลนครนครราชสีมากล่าว
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ทั่วโลกและประเทศไทย ดังนั้นเพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19ระลอก2 จังหวัดนครราชสีมา จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมความตระหนักรู้เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 โดยบูรณาการโรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้าด้วยพบว่าเป็นโรคติดต่อที่เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา กิจกรรมครั้งนี้ประกอบด้วย นิทรรศการโรคโควิด-19 โรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้า บริการทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่สุนัขและแมว โดยความร่วมมือของจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมาและเทศบาลนครนครราชสีมา ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ


ภาคเอกชนและจิตอาสาพระราชทาน 904 “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ร่วมกิจกรรมสำรวจและทำลายแหล่ง เพาะพันธุ์ยุงลาย 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณหน่วยงานรอบๆศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา, วัดสุทธจินดาวรวิหาร
และวัดบึงอารามหลวง ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ป้องกันโรคไข้เเลือดออก พร้อมโรคโควิด-19 และโรคพิษสุนัขบ้า โดยขอให้ประชาชนร่วมมือป้องกันทั้ง 3โรคและติดตามสถานการณ์จากจังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่าต่อจากนั้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาและนายสุรวุฒิ เชิดชัยนายกเทศบาลนครนครราชสีมาจึงได้ชมนิทรรศการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2519 โรคไข้เลือดออกและโรคพิษสุนัขบ้าและชมการให้บริการทำหมัน และฉีดวัดชีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า สุนัขและแมว ประธานในพิธีร่วมกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” แบ่งกลุ่มจิตอาสา สำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย 3 จุดอีกด้วย
ทางด้าน นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่าเพื่อให้ชาวโคราชร่วมมือป้องกันการระบาดระลอก 2 ของวิกฤตโรคโควิด-19 อีกทั้งมีรายงานทางระบาดวิทยาของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-3 มิถุนายน 2563พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จำนวนทั้งสิ้น 1,118 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 42.3 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย อัตราตายต่อประชากรแสนคน เท่ากับ 0.08 อัตราป่วยตายเท่ากับร้อยละ 0.14 พบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง อัตราส่วนพศชาย ต่อ เพศหญิง เท่ากับ 1.1 : 1 กลุ่มอายุที่พบสูงสุดได้แก่กลุ่มเด็กวัยเรียน คือกลุ่มอายุ 10-14 ปี 326 ราย รองลงมาคือ 5-9(265ราย ), 15-19(253ราย), 20-24(128ราย),0-4(96,ราย),25-29(86ราย),30-34(62ราย),35-39(45ราย),45-49(27ราย),40-45(22ราย), 70+,(19ราย), 50-54(18ราย), 55-59(17,ราย), 65-69(12 ราย) และ 60-64 (8 ราย)ตามลำดับ โดยขณะนี้(ณ 2 มิ.ย.63)จังหวัดนครราชสีมามีการระบาดของโรคไข้เลือดออกอยู่ในลำดับที่ 4 ของประเทศ รองจาก 1) ระยอง 2) ชัยภูมิ 3)ขอนแก่น 4)นครราชสีมา และ 5)แม่ฮ่องสอน อีกทั้งพบว่า ทั้ง 32 อำเภอที่พบอัตราป่วยสูงสุด 10 ลำดับแรก คือ 1.เฉลิมพระเกียรติ 2.โนนไทย 3.สูงเนิน 4.โชคชัย 5.บัวใหญ่ 6.ประทาย 7.ขามทะเลสอ 8.เมือง 9.พิมาย และ 10.โนนสุง ตามลำดับ ดังนั้นขอให้ทุกพื้นที่เร่งสร้างความร่วมมืออย่างเข้มข้นในการรณรงค์ให้ประชาชน ร่วมมือกับผู้นำชุมชน หมู่บ้าน องค์กรปกรองส่วนท้องถิ่น และ อสม. เพื่อชาวโคราชรวมพลังตั้งการ์ดสู้ภัยโรคไข้เลือดออก ควบคู่ไปพร้อมๆกับโควิด-19 รณรงค์สื่อสารลดความเสี่ยงโรคไข้เลือดออก รณรงค์ 3 เก็บ “เก็บบ้าน เก็บน้ำ เก็บขยะ” และปฏิบัติตาม 5 ป. 2ข. ได้แก่ ป.ปิดภาชนะน้ำกินน้ำใช้ให้มิดชิดหลังการตักน้ำใช้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ , ป.เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำทุก 7 วัน เพื่อตัดวงจรลูกน้ำยุงลายที่จะกลายเป็นยุง , ป.ปล่อยปลากินลูกน้ำ ในภาชนะใส่น้ำถาวร เช่น อ่างบัว ถังซีเมนต์เก็บน้ำขนาดใหญ่ , ป.ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ให้ปลอดโปร่ง โล่ง สะอาด ลมพัดผ่าน ไม่เป็นที่เกาะพักของยุงลาย และ ป.ปฏิบัติเป็นประจำทุกๆสัปดาห์จนเป็นนิสัย สำหรับ 2ข.ได้แก่ ข.ขัดไข่ยุงที่ขอบด้านในของภาชนะเก็บกักน้ำ และ ข.ขยะกำจัดให้เกลี้ยงไม่เลี้ยงยุงลาย ทั้งที่บ้าน วัด โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก ทำงาน ศาสนาสถาน อีกทั้งป้องกันยุงลายกัดในช่วงกลางวันโดยการนอนกางมุ้งหรือทายากันยุง รวมทั้งใช้นวัตกรรมใหม่ๆในการป้องกันควบคุมโรคเพื่อให้โคราชปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกต่อไป ทั้งนี้โรคไข้เลือดออกป้องกันได้ แต่มีอันตรายรุนแรงถึงเสียชีวิต โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค หากมีไข้สูงลอยเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารหน้าแดง ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านด่วนเพื่อป้องกันการเสียชีวิต ขณะที่โรคพิษสุนัขบ้า ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทำให้มีผู้เสียชีวิตทุกปี โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 2 มิถุนายน 2563 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่ยังพบโรคในสัตว์พาหะอย่างต่อเนื่องทุกปีโดยในปี 2563 ข้อมูลจาก website thairabies.com ของกรมปศุสัตว์ พบว่า มีตัวอย่างสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้า จำนวน 1 ตัวอย่าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีความเสี่ยงต่อการระบาด ของโรคพิษสุนัขบ้า จากการเฝ้าระวังของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้ติดตามผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าเข้ารับวัคซีน 100 % ดังนั้นการบูรณาการร่วมกันเพื่อประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างการรับรู้ ความเข้าใจเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติ และมีความตระหนักในเชิงป้องกัน โดยการเน้นย้ำว่าผู้ที่สัมผัสหรือถูกสุนัข/แมวกัด ข่วน ต้องเข้าทำการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและรับการ
รักษาอย่างถูกวิธีตามหลักสาธารณสุขหากไม่เข้าสู่กระบวนการรักษา หากป่วย“ตายอย่างเดียว” จึงขอความร่วมมือประชาชนเจ้าของสุนัข/แมว ให้มีความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูโดยนำสัตว์เลี้ยงของตนมาขึ้นทะเบียนเพื่อรับวัคซีนหรือทำหมัน และกำหนดมาตรการในการลดจำนวนสุนัข-แมวจรจัดอย่างต่อเนื่องและจริงจัง รวมทั้งส่งเสริมให้เทศบาล/องค์การบริหารส่วนตำบล/ปศุสัตว์/ผู้นำชุมชน/อาสาสมัครสาธารณสุข/อาสาสมัครพัฒนาปศุสัตว์ประจำ หมู่บ้าน ดำเนินการสำรวจจำนวนสุนัขและแมวทุกพื้นที่และให้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตนเอง โดยยึดหลัก “คาถา 5 ย” 1) อย่าแหย่ ให้สุนัขโมโห โกรธ 2) อย่าเหยียบ หาง หัว ตัว ขา หรือทำให้สุนัขหรือสัตว์ต่างๆตกใจ 3) อย่าแยก สุนัขที่กำลังกัดกัน ด้วยมือเปล่า 4) อย่าหยิบ ชามข้าวหรือเคลื่อนย้ายอาหารขณะที่สุนัขกำลังกิน 5) อย่ายุ่ง หรือเข้าใกล้กับสุนัขหรือสัตว์ต่างๆ นอกบ้านที่ไม่มีเจ้าของ หรือไม่ทราบประวัติ

เปิดแล้ว..ท่องเที่ยว..วังน้ำเขียว

นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา อำเภอวังน้ำเขียว ได้ออกมาเชิญชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศหลังฝ่าวิกฤตสถานการณ์โควิด – 19

โดยนายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความมั่นคงและมั่นใจกับพี่น้องประชาชน และได้ปลดล็อกในหลายเรื่องที่จะทำให้พี่น้องอยู่ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ของอำเภอวังน้ำเขียว ที่ในขณะนี้ได้ดำเนินการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมทั้ง เตรียมปรับทัศนียภาพตามฤดูการเพื่อต้อนรับฤดูหนาวที่จะตามมา

ทั้งนี้ นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ได้ฝากถึงการความพร้อมในเรื่องของที่พัก ที่จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาว่า ได้มีการเตรียมความพร้อมทุกด้าน บวกกับอากาศที่สุดแสนจะดี มีหมอกลงในช่วงเช้าและเย็น ต้นไม้ที่ได้รับฝน ก็เขียวขจี นอกจากนี้ ยังสามารถชมกะทิอย่างใกล้ชิดได้อย่างจุตาจุใจ  เหมาะอย่างยิ่งในการพักผ่อนในช่วงผ่อนคลายจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

สำหรับสถานที่แนะนำนั้น ประกอบด้วยสถานที่จากแหล่งธรรมชาติ เช่น เขาแผงม้า  เขื่อนสันกำแพง  และทุ่งดอกไม้ที่กำลังจะจัดเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวในเร็ว ๆ นี้

ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 100ล้านต้น

วันที่ 3 มิถุนายน 2563ณ บริเวณที่สาธารณประโยชน์บึงพุดชา ตำบลพุดชา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาพิธีเปิดโครงการ “รวมใจไทย ปลูกตันไม้ เพื่อแผ่นดิน” สืบสานสู่ 100 ล้านต้น เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าๆ พระบรมราชินีและกิจกรรมปลูกต้นไม้เนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ จังหวัดนครราชสีมาประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563กิจกรรมปลูกไผ่ และไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและชุมชนโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมนายสมคิด ตั้งประเสริฐผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา ทุกภาคส่วน ทั้งภาคราชการ เอกชน พลังจิตอาสาเครือข่าย อสม. ตลอดจนพี่น้องประชาชนทุกคน ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดกิจกรรมในวันนี้ได้อย่างดียิ่ง

นายสมคิด ตั้งประเสริฐผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมากล่าวว่าในวันนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชาธิบายถึงประโยชน์ในการปลูกป่าตามพระราชดำริว่า”…การปลูกป่า 3 อย่าง แต่ให้ประโยชน์ 4 อย่าง ซึ่งได้ไม้ผล ไม้สร้างบ้าน และไม้พื้นนั้น สามารถให้ประโยชน์ได้ถึง 4 อย่าง คือ นอกจากประโยชนในตัวเองตามชื่อแล้ว ยังสามารถให้ประโยชน์อันที่ 4ซึ่งเป็นข้อสำคัญ คือ สามารถช่วยอนุรักษ์ดินแลตันน้ำลำธารด้วย…” และ “ไผ่” เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย มีความหลากหลายทางพันธุกรรมสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะในบรรดาพืชที่อยู่บนดินด้วยกันนั้น ไผ่เป็นพืชที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงที่สุด จึงมีศักยภาพสูงในการดูดซับก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ และมีบทบาทสำคัญในการกักเก็บคาร์บอน ปกติป่าไผ่ส่วนใหญ่ใช้เวลาไม่ถึง 7 ปีก็สามารถให้ปริมาตรไม้ที่เก็บกักคาร์บอนได้ในปริมาณที่เทียบเท่ากับป้าธรรมชาติที่ต้องใช้เวลาถึง40ปี หรือ 100 ปี นอกจากนี้ ไผ่ยังเป็นไม้เบิกนำที่สามารถขึ้นได้บนพื้นที่ว่างเปล่า จึงช่วยปรับปรุงสภาพของระบบนิเวศในบริเวณป่าเสื่อมโทรมได้ในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งหน่อไม้ยังเป็นอาหารที่มีสนรสชาติดี ราคาถูก การปลูกไผ่ใช้เวลาสั้นๆ เพียง 3 -5 ปี จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อย่างรวดเร็ว

ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2532 กำหนดให้วันวิสาขบูชาของทุกปี
เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติจังหวัดนครราชสีมา โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา

จึงได้ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อำเภอเมืองนครราชสีมา เทศบาลตำบลพุดซาผู้นำท้องถิ่นท้องที่ องค์กรภาคเอกชน เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (อสม) และประชาชนในพื้นที่ จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ ณ บริเวณทีสาธารณประโยชน์บึงพุดชา ตำบลพุดชา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา แห่งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อเป็นการอนุรักษ์ พื้นฟูดินและน้ำเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและชุมชน ส่งเสริมและปลูกสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป้าไม้ให้แก่ประชาชน รวมทั้งเพื่อสนองนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของจังหวัดนครราชสีมา ในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกิจกรรมประกอบด้วย 1) การปลูกไผ่ 10 ชนิด จำนวน 2,000 กล้า และปลูกไม้3 อย่าง ได้แก่ ไม้ผล ไม้ใช้สอย ไม้เศรษฐกิจ ซึ่งให้ประโยชน์ 4 อย่าง จำนวน 2,000 กล้ารวมปลูกต้นไม้ทั้งสิ้น 4,000 กล้า บนพื้นที่ 30ไร่ 2)ปลูกหญ้าแฝก จำนวน 10,000 กล้าเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน 3) ปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียนและปลายี่สก จำนวน10,000ตัว เพื่อให้เป็นแหล่งอาหารให้แก่ชุมชนในพื้นที่ และ 4) แจกกล้าไม้ให้ผู้มาร่วมกิจกรรม จำนวน 400 กล้าอีกด้วย

กองทัพบกขนส่งความสุขในทุกโอกาส…“Army Delivery” พร้อมจัดแพทย์เคลื่อนที่ตรวจสุขภาพ

 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ /ค่ายเข้มแข็ง /กองพลพัฒนาที่2 โดย ช.2พัน.201 และ พัน.สร.3 ได้จัดกำลังพล + ยุทโธปกรณ์ ปฏิบัติในโครงการ “Army Delivery”  ซึ่ง พ.ท.อนุพงศ์ วรรณสิงห์ ผบ.ช.2พัน.201 ได้บูรณาการ การขนส่งสิ่งของอุปโภค-บริโภค-รองเท้า ของทีมนักบิดทหารช่าง / พร้อมกันกับการวัดความดัน ตรวจสุขภาพของทีมทหารหมอ พัน.สร.3.. มอบให้กับ ผู้สูงอายุ + ผู้ป่วยติดเตียง + เด็กๆ ในพื้นที่รอบค่ายฯ (หมู่ 4 ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จว.น.ม.) สร้างความรักความอบอุ่น ความสัมพันธ์อันดี กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนรอบค่ายฯ 

ค่ายสุรธรรมพิทักษ์

กองพลพัฒนาที่2

กองพลทหารราบที่3

ช.2พัน.201

พัน.สร.3

กลุ่มเพื่อนดาราจิตอาสาช่วยชาววังน้ำเขียว

กลุ่มเพื่อนดารา-นักแสดง จิตอาสาเพื่อสังคม# จิตอาสากลุ่มเพื่อนดารา-นักแสดง

ได้ร่วมส่งมอบถุงยังชีพให้พ่อแม่พี่น้อง
ในเขตอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
​เป็นจำนวน 60ชุด​ กิจกรรมวันงาน
นัดร่วมตัวที่สนามหลวงเวลา07.00-08.30น ในวันที่30/05/63


1.ตั้งขบวนรถมอเตอร์ไชร์ที่จะร่วมเดินทางและรถยนต์พยาบาล-รถยนต์บันทุกสิ่งของและบันทุกคน
2.เดินทางถึงสถานีวิทยุ99.75fmวังน้ำเขียว
3.เตียมตั้งสิ่งขอบริจากที่สถานีวิทยุ99.75 fmวังน้ำเขียวชุดแรก


4.ของชุด2เดินทางต่อตำบลไทยสามัคคีแจกของ ณ บ้านอสม.ปู ที่ประสานขอถุงยังชีพในส่วนที่2
5.เดินทางกลับที่พักจังเกิลวิววังน้ำเขียวที่สนับสนุนที่พัก(บ้างท่านสามารถเดินทางกลับที่ติดธุระทางบ้าน)


6.เดินทางไปวัดบ้านไร่2ไหว้หลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ทองคำ
7.เดินทางสู่ผ่าเก็บตะวันเพื่อเก็บบรรยากาศ
8.เดินทางสู่ผ่ารักสลักได-ผาที่สวยที่สุดในอำเภอวังน้ำเขียวอธิฐานเรื่องความรัก
9.เดินทางกลับกรุงเทพ-เป็นอันจบทริปงานบุญครับสาธุๆ

มทส. ร่วมกับ กระทรวงเกษตรฯ จัดงานวันเกษตรแห่งชาติ ปี 63 ชูแนวคิด“นวัตกรรมเกษตรไทยยิ่งใหญ่ ด้วยศาสตร์พระราชา” พบความก้าวหน้าทางการเกษตร เพื่อสร้างวิสาหกิจชุมชนที่ยั่งยืน

มทส. ร่วมกับ กระทรวงเกษตรฯ จัดงานวันเกษตรแห่งชาติ ปี 63 ชูแนวคิด“นวัตกรรมเกษตรไทยยิ่งใหญ่ ด้วยศาสตร์พระราชา”พบความก้าวหน้าทางการเกษตร เพื่อสร้างวิสาหกิจชุมชนที่ยั่งยืน

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และจังหวัดนครราชสีมา จัดงานวันเกษตรแห่งชาติ ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเกษตรไทย ยิ่งใหญ่ด้วยศาสตร์พระราชา (Sustainable Thai Agriculture Innovation under The King’s Philosophy)” วันที่ 10-19 มกราคม 2563 ณ เทคโนธานี มทส. ระดมภาครัฐและเอกชนร่วมแสดงศักยภาพเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตรครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ การถ่ายทอดศาสตร์แห่งพระราชา การประกวดพืชและสัตว์ การอบรมอาชีพ พร้อมเผยแพร่ความสำเร็จของกลุ่มเกษตรกรต้นแบบหวังต่อยอดการสร้างวิสาหกิจชุมชนที่ยั่งยืน

วันนี้ (26 ธันวาคม 2562) รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดี ร่วมกับ ศาสตราจารย์ ดร.หนึ่ง เตียอำรุง คณบดีสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มทส. นางศศิธร กาหลง ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายกังสดาล สวัสดิ์ชัย เกษตรจังหวัดนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าวการจัด “งานวันเกษตรแห่งชาติ ประจําปี 2563” ณ อาคารเกษตรภิวัฒน์ มทส.
รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดี มทส. กล่าวว่า “งานวันเกษตรแห่งชาติ ประจำปี 2563 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเกษตรไทย ยิ่งใหญ่ด้วยศาสตร์พระราชา (Sustainable Thai Agriculture Innovation under The King’s Philosophy)” ระหว่างวันที่ 10 – 19 มกราคม 2563 ณ เทคโนธานี ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานภาครัฐ พันธมิตรด้านการเกษตรภาคเอกชน ได้ร่วมจัดงานแสดงเทคโนโลยีทางการเกษตรครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งมีรากฐานความมั่นคงด้านเกษตรมาช้านาน การจัดงานครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านการเกษตรของพระบรมวงศานุวงศ์แห่งราชวงศ์จักรี ให้เป็นที่ประจักษ์ รวมถึงการแสดงศักยภาพของเกษตรกรไทยที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ การแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมทางการเกษตรของ มทส. ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ นอกจากนี้ ยังเป็นปีที่ตรงกับวาระแห่งการเฉลิมฉลองการสถาปนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ครบ 30 ปี ที่จะถึงนี้ จึงถือเป็นกิจกรรมใหญ่ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวมหาวิทยาลัย และจังหวัดนครราชสีมาอีกวาระหนึ่ง
มทส. มีการจัดการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีการเกษตร มีผลงานวิจัยและนวัตกรรม การบริการวิชาการแก่ชุมชน เกษตรกร และผู้ประกอบการด้านการเกษตร ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียงเสมอมา โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมานั้นถือว่า มีพื้นที่ทางการเกษตรขนาดใหญ่ ทั้งการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น มันสำปะหลัง ข้าว และอ้อย รวมถึงการเลี้ยงปศุสัตว์ ตั้งแต่ระดับเกษตรกรรายย่อยจนถึงระดับสถานประกอบการด้านอุตสาหกรรมการเกษตร ดังนั้น ในการจัดงานครั้งนี้จึงเป็นการเผยแพร่ความรู้และความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการเกษตรของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้แก่เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และประชาชนผู้สนใจทั่วไป โดยการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างองค์กรวิจัย สถาบันการศึกษา องค์กรด้านการเกษตรของภาครัฐและภาคเอกชน ในรูปแบบบูรณาการทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง คุณภาพดิน เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร และเทคโนโลยีอาหาร มีการเผยแพร่ผลงานวิจัยด้านเทคโนโลยีการเกษตร ตลอดจนการประกวดพืช สัตว์ ผลิตผลทางการเกษตร และการจำหน่ายปัจจัยการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร จากประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสจัดงานมหกรรมใหญ่ทั้งระดับชาติ และนานาชาติของมหาวิทยาลัย มทส. พร้อมต้อนรับผู้เข้าร่วมชมงานจากทั่วทุกภูมิภาค
นอกจากนี้การจัดงานดังกล่าวยังตรงกับช่วงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติด้วย ซึ่ง มทส. จัดขึ้นภายใต้แนวคิด เส้นทางแห่งการเรียนรู้…สู่อนาคตของชาติ : STEM Career in Life Science” ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2563 เวลา 08.30 น. ณ อาคารสุรพัฒน์ 2 ซึ่งผู้มาเที่ยวชมงานก็จะได้รับทั้งความรู้ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ชมชิมช้อปสินค้าทางการเกษตร บุตรหลานได้ร่วมกิจกรรมสนุกสนานแฝงสาระความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรียกได้ว่ามาที่เดียวเที่ยวได้ทั้งครอบครัว”
ศาสตราจารย์ ดร.หนึ่ง เตียอำรุง คณบดีสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มทส. เปิดเผยว่า “งานวันเกษตรแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 10 – 19 มกราคม 2563 มหาวิทยาลัยได้จัดสรรใช้พื้นที่บริเวณเทคโนธานี กว่า 600 ไร่ เพื่อการจัดแสดงนิทรรศการภายในและภายนอกอาคาร อาทิ นิทรรศการเทิดพระเกียรติ นิทรรศการ Highlight ผลงานวิจัยและนวัตกรรรมเด่นของมหาวิทยาลัย ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เช่น ระบบน้ำอัจฉริยะ ไก่โคราช เครื่องกำจัดแมลงศัตรูพืชสำหรับเกษตรแม่นยำผ่านระบบไร้สาย ผลิตภัณฑ์ข้าวขึ้นรูปเสริมโภคชนาการ เทคโนโลยีในการแยกเพศอสุจิโคนม เครื่องกำจัดแมลงศัตรูพืชสำหรับเกษตรแม่นยำผ่านระบบสื่อสารไร้สาย เป็นต้น รวมถึงการผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีผลิตพืช สัตว์ และเทคโนโลยีอาหารของมหาวิทยาลัย
การประกวดและแข่งขัน อาทิ การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ทางด้านเทคโนโลยีการเกษตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอาชีวศึกษา การจัดประกวดแข่งขัน ทั้งด้านพืชและสัตว์ เช่น ประกวดต้นชวนชม กล้วยไม้ ประกวดโค ไก่แจ้สวยงาม เป็นต้น การอบรมทางด้านการเกษตร ที่สร้างอาชีพ เสริมรายได้ และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่น่าสนใจหลายหัวข้อ อาทิ การผลิตกัญชาเชิงคุณภาพเพื่อประโยชน์เชิงการแพทย์และเชิงธุรกิจ การแสดงบันเทิงบนเวทีกลาง ลานพลาซ่า มีศิลปิน นักร้อง วงดนตรี การแสดงพื้นถิ่นที่มีชื่อเสียงร่วมให้ความบันเทิงตลอดงาน อาทิ เบิ้ล ปทุมราช เอิร์น เดอะสตาร์ หรือ เอิร์น สุรัตน์ติกานต์ และวงดนตรีพื้นบ้านระเบียบวาทะศิลป์ และอื่นๆ อีกมากมาย
พร้อมนี้ มหาวิทยาลัยได้เปิดฟาร์ม ให้เข้าชมโดยรถราง พร้อมสนุกฝึกปฏิบัติตามฐานต่างๆ ที่ให้ความรู้ พร้อมความสนุกสนาน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพจากฟาร์มมหาวิทยาลัย ชม ชิม ช้อป ผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร สินค่าอุปโภคบาริโภคหลากหลาย
นางศศิธร กาหลง ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า “ในปีนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชูนิทรรศการศาสตร์แห่งพระราชาซึ่งถือเป็นไฮไลท์ โดยแบ่งเป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 นําเสนอนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย” และ “พระบิดาแห่งฝนหลวง” นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ได้ทรงบําเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อส่งเสริมด้านการเกษตรกรรมอันเป็นอาชีพหลักของปวงชนชาวไทยตลอดมา อันเป็นการสานต่อพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

สำหรับนิทรรศการภาควิชาการ นําเสนอความสําเร็จของกลุ่มเกษตรกร เช่น กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ ที่ชนะเลิศการแข่งขันระดับประเทศ รายการแข่งขันเกมเกษตรกร รวมถึงการนําเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในภาคเกษตร เช่น โดรนพ่นสารชีวภัณฑ์ โดรนสํารวจเพื่อทําแผนที่การบริหารจัดการน้ำ การทําอาชีพเสริมต่าง ๆ อาทิ การเพาะเลี้ยงปลานิลครบวงจร การเลี้ยงปลานิล ปลาตะเพียน และกบในนาข้าว การส่งเสริมการเลี้ยงโคนม นําไปสู่การแสดงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่สามารถ นํามาปรับใช้ในจังหวัดนครราชสีมา และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น กิจกรรมสาธิตและฝึกอบรม ให้ความรู้ควบคู่การปฏิบัติจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และซุ้มจําหน่ายสินค้าของเกษตรและผลิตภัณฑ์จากภาคต่างๆ อีกมากมาย”
นายกังสดาล สวัสดิ์ชัย เกษตรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวทิ้งท้าย “ถือเป็นโอกาสอันดีที่จังหวัดนครราชสีมาซึ่งมีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีเนื้อที่ทั้งหมด 12.8 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ถือครองเพื่อการเกษตร 8.9ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 69.53 ของพื้นที่จังหวัด ประชากรประกอบอาชีพทางการเกษตร 3 แสนกว่าครัวเรือน ผลิตภัณฑ์มวลรวมทางด้านการเกษตร กว่า 270 ล้านบาทต่อปี การจัดงานเกษตรแห่งชาติ ในปี 2563 ที่จะถึงนี้ ไม่เพียงจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านการเกษตรของพี่น้องเกษตรกรและประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาเท่านั้น ยังเป็นโอกาสให้พี่น้องเกษตรกรในจังหวัดใกล้เคียง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ร่วมงาน ได้มีโอกาสแสดงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหลักๆ วิสาหกิจชุมชน เข้ารับการอบรม เพื่อนำไปเสริมทักษะพัฒนาสายอาชีพให้ยั่งยืน ชมความก้าวหน้าทางการเกษตรที่รุดหน้า คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดในช่วงต้นปีได้อย่างดี ทั้งยังเป็นการเชื่อมประสานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการอย่างกว้างขวาง เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ นวัตกรรม และความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทางการเกษตรครบวงจร

19 ปี แห่งการให้ MHeart สายโลหิต สายใจ “หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2562”

MHeart สายโลหิต สายใจ “หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2562”  เพื่อสำรองโลหิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563

 

เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ร่วมกับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จัดงานบริจาคโลหิตและอวัยวะ ภายใต้โครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2562” 11-12 ธันวาคม พ.ศ.2562  ณ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช เชิญชวนชาวโคราชร่วมบริจาคโลหิต อวัยวะและดวงตา ตลอดเดือนธันวาคมนี้ เพื่อสำรองโลหิตให้กับสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลประจำจังหวัดใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2563

โดยได้รับเกียรติจาก นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทยเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย


นางปิยะฉัตร อินสว่าง
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ,พันตำรวจเอกสนธยา  แต่แดงเพชร  รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา,นางณัฎฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมาและนายชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ร่วมงาน ในโอกาสนี้ประธานในพิธีได้มอบโล่แก่ผู้บริจาคโลหิตจำนวน 150 ครั้งขึ้นไปและมอบโล่ขอบคุณผู้สนับสนุนโครงการฯ 30 หน่วยงานอีกด้วย

นายแผน วรรณเมธี เผยว่า “ในนามสภากาชาดไทย ผมต้องขอขอบคุณและชื่นชมในความร่วมใจจากทุกท่านที่มีจิตศรัทธาบริจาคโลหิต ส่งกำลังคน ร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสนับสนุนงาน ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นงานนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน โรงพยาบาล สถานศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา โดยสภากาชาดไทยนั้นมีหน่วยงานหลักที่ทำงานประสานกัน   คือ  1.การจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทย 2.รณรงค์เพิ่มผู้บริจาคและการประชาสัมพันธ์ 3.การจัดหาทุน  4.การฝ่ายเจาะเก็บโลหิต
5.การประสานงานหน่วยเคลื่อนที่ ซึ่งปริมาณโลหิตที่จัดหาในต่างจังหวัด  โดยเหล่ากาชาดจังหวัดร่วมกับโรงพยาบาลซึ่งมีความประสงค์ที่จะเพิ่มยอดผู้บริจาคโลหิต จึงได้จัดโครงการเพิ่มขึ้นทุกปี อีกทั้งการเปิดให้บริการห้องบริจาคโลหิตภายในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ โคราช  ซึ่งทุกคนสามารถมาบริจาคโลหิตได้ทุกวัน เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริจาคโลหิตและเป็นภาพลักษณ์แห่งความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา เป็นอย่างยิ่งครับ“

คุณศิริลักษณ์ เพียกขุนทด หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จังหวัดนครราชสีมา กล่าวเสริมว่า “เดอะมอลล์โคราชเป็นองค์กรเอกชนที่มีเครือข่ายแข็งแรงในการรับบริจาคโลหิตมาอย่างยาวนานตลอด 19 ปี ซึ่งโลหิตที่ได้จากงานนี้ถูกนำเข้าคลังโลหิตเพื่อนำไปใช้ในทุก ๆ วันตามรพ.ต่าง ๆ รวมถึงช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลอื่น ๆ ตลอดมา งาน MHeart สายโลหิต สายใจ หนึ่งคนให้หลายคนรับครั้งที่ 5 เรามีความคาดหวังที่จะสำรองโลหิตในทุกหมู่เลือดเพื่อสำรองใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2563 ช่วง 7 วันอันตรายนี้ด้วย โดยพี่น้องประชาชนสามารถบริจาคโลหิตทุกกรุ๊ปได้ตลอดเพราะยังมีความต้องการใช้อยู่อย่างต่อเนื่องค่ะ  ”

คุณณัฎฐินีภรณ์  จันทรโณทัย  เผยว่า “เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นศูนย์กลางของการประสานงานระหว่างสภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด กิ่งกาชาดอำเภอและองค์กรภายนอกให้สามารถสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย งานด้านการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบสาธารณภัยหรืองานด้านสังคมสงเคราะห์                 และส่งเสริมคุณภาพชีวิตแก่ประชาชนในจังหวัดที่ได้รับความเดือดร้อนและด้อยโอกาส อีกบทบาทสำคัญอีกประการของเหล่ากาชาดจังหวัด คือ งานรับบริจาคโลหิต ดวงตา และอวัยวะ ด้วยการกำหนดยุทธศาสตร์และรณรงค์อย่างต่อเนื่องเพื่อสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสภากาชาดไทยในการดำเนินโครงการงานบริจาคโลหิตและอวัยวะ โครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ “ หนึ่งคนให้   หลายคนรับ” เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการกำหนดการดำเนินการรับบริจาคโลหิต เพื่อให้เข้าถึงกลุ่ม ผู้มีจิตศรัทธาให้สามารถบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ คือ การออกหน่วยเพื่อรับบริจาคโลหิตไปยังสถานศึกษา,บริษัท,เขตอุตสาหกรรม,โรงพยาบาล, องค์กรภาครัฐและเอกชนมาโดยตลอดและในปีนี้ยังได้ร่วมในโครงการงานบริจาคโลหิตและอวัยวะงานบริจาคโลหิตและอวัยวะ โครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ“หนึ่งคนให้ หลายคนรับ” โดยเดอะมอลล์โคราชและผู้สนับสนุนการจัดงานเพื่อบรรเทาการใช้โลหิตของจังหวัดนครราชสีมาและจัดหาโลหิตสำรองใช้รักษาพยาบาลผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงทีต่อไป”

นายชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว  เผยว่า “สำหรับโครงการฯบริจาคโลหิต ประจำปี 2562  ได้กำหนดการรณรงค์และเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้ร่วมบริจาคโลหิต อวัยวะ และดวงตา ทั้งหมดจำนวน 5  ครั้ง  ซึ่งโครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ ” เป็นโครงการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือสังคมจัดหาโลหิตสำรอง บรรเทาการจัดหาโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ  มาอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 19 ปี  นับตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการดำเนินโครงการในแต่ละปีนั้นจะสำเร็จลุล่วงมิได้หากขาดความร่วมมือ  ร่วมใจ จากผู้มีจิตศรัทธาทุกหน่วยงาน  องค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมบันทึกให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการ “ MHeart สายโลหิต สายใจ ” รณรงค์จัดหาโลหิต  ช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนครับ”

นอกจากนี้ ภายในงานได้จัดแถลงข่าวการจัดตั้งโรงพยาบาลในห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช เพื่อหวังให้เป็นศูนย์อำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยด้วยจุดยุทธศาสตร์ทำเลที่ตั้งของห้างฯอยู่ใจกลางเมืองนครราชสีมา ให้การรักษาตรวจสุขภาพเบื้องต้นรวมถึงให้การรักษาและบริการผ่าตัดเล็ก โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ที่บริเวณชั้น 2 อาคารโอเอซิส เดอะมอลล์โคราช

**********************************************************************************

มิติใหม่ แห่งแรกในไทย ยก รพ.มาไว้ในห้างดัง กลางเมืองโคราช

เดอะมอลล์ส่งมอบความสุข สุขภาพดีส่งท้ายปีให้ชาวโคราช  นำโรงพยาบาลขึ้นห้างฯแห่งแรกในประเทศไทย

11 ธ.ค.2562 เวลา 10.00น. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราชร่วมกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จัดงานแถลงข่าว “การเปิดโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีสาขาเดอะมอลล์โคราช ”

โดยมี อาจารย์นายแพทย์ ดร.นิวัฒน์ชัย นามวิชัยศิริกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พร้อมด้วย คุณชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด และ คุณจีราวรรณ รินทะรฤก รักษาการแทนประกันสังคม จังหวัดนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าว

อาจารย์นายแพทย์ ดร.นิวัฒน์ชัย นามวิชัยศิริกุล เผยว่า “ที่มาที่ไปของการจัดตั้งโรงพยาบาลนอกสถานที่ เกิดจากที่ตั้งของรพ.มทส.มีความห่างไกลจากตัวเมืองนครราชสีมาพอสมควร และทางรพ.ฯต้องการให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรักษาโดยง่าย จึงเกิดความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราชขึ้น เนื่องด้วยทางห้างฯตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุด ใจกลางเมืองโคราช ซึ่งตอบโจทย์ในความต้องการตรงนี้มากที่สุดครับ โดยรพ.มทส.ได้ใช้งบลงทุนทั้งการตกแต่งและคุรุภัณฑ์ทางการแพทย์กว่า 10 ล้านบาท ในการจัดตั้งรพ.มทส.สาขาเดอะมอลล์โคราช


ในส่วนของการให้บริการทางการแพทย์ของรพ.มทส.สาขาเดอะมอลล์โคราชนั้น จะให้บริการในด้านของแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) บริการตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจรักษาโรคทั่วไป คลินิกเฉพาะทาง เวชปปฏิบัติทั่วไป, เวชศาสตร์ครอบครัว, จักษุ, หู ,คอ, จมูก ,ศัลยกรรมทั่วไป, กุมารเวชกรรม, สูตินรีเวชกรรม, ศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ โดยเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00น. ไม่เว้นวันหยุดราชการและนักขัตฤกษ์

โดยจะมีแพทย์ประจำสาขาวันละ 2 คน หรือในอนาคตหากมีผู้ใช้บริการมากขึ้นก็จะปรับตามอัตราที่เหมาะสม ตั้งเป้ารองรับผู้ป่วยได้สูงสูดวันละ 150 คน ซึ่งในแต่ละวันจะมีแพทย์ตรวจทั่วไปและแพทย์เฉพาะทาง แพทย์ทางด้านศัลยกรรมกระดูกมาให้คำแนะนำให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไปและการผ่าตัดเล็กก็สามารถทำได้ แต่ในส่วนของการผ่าตัดใหญ่ เราจะส่งต่อไปที่รพ.มทส.ทันที หรือหากมีเคสฉุกเฉิน ทีมแพทย์จะประเมินอาการและส่งต่อให้รพ.มทส. หรือหากฉุกเฉินมากก็จะส่งต่อรพ.ที่ใกล้เคียงที่สุด

นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้ง “คลินิกเด็กดี” ให้บริการด้านกุมารเวช ให้คำปรึกษาเรื่องโภชนาการเด็ก การพัฒนาการของเด็กและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานมารับบริการที่คลินิกนี้ได้ครับ เพราะเราตั้งเป้าให้ที่นี่เป็น Edutainment ทางการแพทย์ มาจาก Education ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และให้ความรู้ทางการแพทย์ และ Entertainment คือให้ความสุขในบรรยากาศของรพ.ในห้างฯ

คุณชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว เผยต่อว่า “เดอะมอลล์กรุ๊ป ต้องการส่งต่อความสุข ความห่วงใย มอบสุขภาพดีให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ และจะมีการเปิดตัวโรงพยาบาลขึ้นห้างฯแห่งแรกในประเทศไทยนี้ ในวันที่ 25 ธ.ค.2562 ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาสเสมือนเป็นของขวัญที่ดีเยี่ยมให้กับชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียง โดยการมอบพื้นที่ 174 ตารางเมตร บริเวณชั้น 2 ฝั่งอาคารโอเอซิส ในการให้รพ.มทส.มาจัดตั้ง รพ.มทส.สาขาเดอะมอลล์โคราช โดยเราสนับสนุนพื้นที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี เพื่อดูแลสุขภาพที่ดีให้กับชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียงได้มาใช้บริการ และเราส่งเสริมให้ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เรียนรู้ทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่ดี รวมทั้งทางรพ.มทส.ก็จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้รับบริการอีกด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องราวดีๆ

ที่เดอะมอลล์โคราชได้ตอบแทนคืนสู่สังคมครับ”

คุณจีราวรรณ รินทะรฤก กล่าวเสริมว่า “ทางสำนักงานประกันสังคมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ให้ผู้ประกันตนได้ใช้สิทธิประโยชน์เหมือนกับที่ผู้ประกันตนได้ใช้สิทธิ์ตามรพ.อื่นๆที่มีรายชื่อขึ้นกับสนง.ประกันสังคม เหมือนกันทุกประการตามเงื่อนไขการใช้สิทธิ์ที่ผู้ประกันตนได้เลือกไว้ หากจะกล่าวโดยง่ายคือ หากผู้ประกันตนอยู่ภายใต้นายจ้างตามมาตรา 33 ก็จะใช้สิทธิ์รักษาที่รพ.มทส.สาขาเดอะมอลล์โคราชได้โดยไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม ทั้งนี้ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบสิทธิประโยชน์ได้ก่อนรับการรักษา หรือโทรสายด่วนประกันสังคมที่เบอร์โทร.1506 และหากผู้ประกันตนมีความประสงค์ที่ต้องการย้ายรพ.ที่ตนเข้ารับการรักษาอยู่เดิม มาเป็นรพ.มทส.สาขาเดอะมอลล์โคราช ก็สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2562-31 ม.ค.2563

————-  ภาพบรรยากาศการแถลงข่าว——————–

มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จัดกอล์ฟการกุศล ระดมทุนช่วยค่าผ่าตัดผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี

มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จัดกอล์ฟการกุศล ระดมทุนช่วยค่าผ่าตัดผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี

มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จัดแข่งขันกอล์ฟการกุศล เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งท่อน้ำดี และขอเชิญร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด ให้หายขาดจากโรคมะเร็งท่อน้ำดี รายละ 5 หมื่นบาท

รศ.นพ.ณรงค์ ขันตีแก้ว รองประธานมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีบทบาทสำคัญในการตรวจวินิจฉัยและให้บริการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีอย่างครบวงจร และทำงานวิจัยเรื่องโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยภาคอีสานมีอัตราการติดพยาธิใบไม้ตับและเป็นมะเร็งท่อน้ำดีสูงที่สุด ในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีมากกว่า 20,000 คน ผู้ป่วยที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างทางสังคมของประเทศ

โดยผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านที่ยากจนและเข้าไม่ถึงการรักษา ซึ่งมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การดูแลสภาพความเป็นอยู่ของผู้ป่วย การให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อลดการเกิดมะเร็งท่อน้ำดี รวมทั้งสนับสนุนทุนการศึกษาพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี

รศ.นพ.ณรงค์ ขันตีแก้ว กล่าวต่อว่า เรามีผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี ปีละประมาณกว่า 2 หมื่นราย แต่ผู้ป่วยมีโอกาสเข้าถึงการผ่าตัดน้อย เนื่องจากขาดทุนทรัพย์เพื่อเดินทางเข้าสู่กระบวนการการรักษา เช่นการเดินทางไปโรงพยาบาล การเข้ารับการผ่าตัด การเดินทางไปตรวจตามนัด การเข้ารับยาเคมีบำบัด และอื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยที่มีโอกาสหายขาดจากโรคและมีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่ได้รับโอกาสเหล่านี้ มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีที่เข้ารับการผ่าตัดตับเพื่อการหายขาดจากโรคมะเร็งท่อน้ำดี รายละ 5 หมื่นบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว

ทางมูลนิธิฯ จะดำเนินการเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับเงินบริจาคอย่างทั่วถึง เป็นธรรมและให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ครอบครัวของผู้ป่วย เงินจำนวนนี้จะช่วยครอบครัวของผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน สามารถที่จะยืนหยัดเคียงคู่ เป็นกำลังใจให้ผู้ป่วย ช่วยลดความเครียดและความกังวล และสามารถผ่านพ้นการรักษาจนร่างกายแข็งแรงพอ อย่างน้อยก็สามารถพักฟื้นได้ถึง 6 เดือน มากพอที่จะค่อยๆ กลับเข้าสู่อาชีพและช่วยเหลือครอบครัวได้ในที่สุด

“ในโอกาสที่มูลนิธิฯ ได้จัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศล “มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ครั้งที่ 4” เพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ณ สนามกอล์ฟเขื่อนอุบลรัตน์ คุณสุรพล ทวีแสงสกุลไทย ประธานการจัดการแข่งขันกอล์ฟในครั้งนี้ มีจิตกุศลบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี จำนวน 200,000 บาท ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือดูแลครอบครัวผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีได้ถึง 4 ครอบครัว ต้องขออนุโมทนากับคุณสุรพล ทวีแสงสกุลไทย ที่มีจิตกุศลยิ่งในครั้งนี้” ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวในตอนท้าย

เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการดูแลรักษา และพัฒนาการดูแลรักษาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จึงขอเรียนเชิญท่านผู้มีจิตกุศลมาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี โดยร่วมการแข่งขัน “กอล์ฟการกุศล มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ครั้งที่ 4” เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งท่อน้ำดี เพื่อหารายได้สมทบทุนสนับสนุนค่าผ่าตัดให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีและเพื่อสนับสนุนกิจกรรมสำคัญต่างๆ ของมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562 Shot Gun Start เวลา 10.00 น. ณ สนามกอล์ฟเขื่อนอุบลรัตน์ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และสามารถร่วมบริจาคสมทบทุนผ่านบัญชีมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์ สาขา มหาวิทยาลัยขอนแก่น เลขที่บัญชี 551-427863-2 ธนาคารกสิกรไทย บัญชีออมทรัพย์ สาขา มหาวิทยาลัยขอนแก่น เลขที่บัญชี 549-2-13194-8