สุดทน ร้องสื่อ…ชาวบ้าน 2 อำเภอโคราช ร้องสื่อถนนพังยุบตัวยาว 2 กิโลเมตรรถสัญจรไม่ได้ นาน 3 ปี – ไร้หน่วยงานเหลียวแล

ชาวบ้าน 2 อำเภอโคราช สุดทนร้องสื่อ!ถนนพังยุบตัวยาว 2 กิโลเมตรรถสัญจรไม่ได้ นาน 3 ปี – ไร้หน่วยงานเหลียวแล


ผู้นำชุมชน 2 อำเภอ และชาวบ้านโคราช รวมตัวกัน ร้องช่อง 8 ถนนเส้นหลักที่ใช้สัญจรพังเสียหาย ถนนยุบตัวความยาวกว่า 2 กิโลเมตร รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ สัญจรไม่ได้ ปล่อยให้ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 3 ปี ไร้หน่วยงานเหลียวแล ไปส่งเรื่องศูนย์ดำรงธรรมก็ไม่มีความคืบหน้า จำทนต้องใช้ถนนสายอื่นไกลกว่า 10 กิโลเมตร ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อน อาทิ ไปทำงานสาย ไปเรียนสาย หรือเมื่อยามเจ็บป่วยรถพยาบาลก็ไม่สามารถเข้ามารับได้จะไปไหนมาไหนแต่ละทีก็ลำบากตรากตรำ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยชาวบ้านด้วย


ที่ ถนนเส้นทางบ้านเขว้า หมู่ที่ 11 เชื่อมต่อระหว่างตำบลพุดซา อำเภอเมือง และ ตำบลกำปัง อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ผู้นำชุมชนทั้ง 2 อำเภอ คือ ตำบลพุดซา อำเภอเมือง และ ตำบลกำปัง อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกอบต.พร้อมทั้งชาวบ้านทั้ง 2 ตำบลกว่า 35 คน เข้าร้องเรียนกับช่อง 8 ถึงความเดือดร้อนเรื่อง ถนนเส้นหลักที่ใช้สัญจรไปมาทุกวันพังเสียหาย เกิดการยุบตัวความยาวกกว่า 2 กิโลเมตร รถทุกประเภทสัญจรไม่ได้ เดือดร้อนแบบนี้มากว่า 3 ปี ไร้หน่วยงานเหลียวแล ทำหนังสื่อร้องขอความช่วยเหลือไปหลายที่ไม่มีความคืบหน้า วันนี้สุดทนจึงมาร้องช่อง 8 หวังเป็นกระบอกเสียงให้ผู้มีอำนาจเห็นความเดือดร้อนประชาชนและลงมาช่วยแก้ไขปัญหา ปัจจุบันจะเดินทางไปไหนมาไหนแต่ละทีก็ลำบากตรากตรำ ต้องไปใช้เส้นทางอื่นอ้อมไกลกว่า 10 กิโลเมตร
นายประเสริฐ เชยพุดซา กำนันตำบลบ้านพุดซา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตัวแทนผู้เดือดร้อน กล่าวว่า ตนเองเป็นกำนันตำบลพุดซา ดูแลกว่า 18 หมู่บ้านในตำบล วันนี้เดือดร้อนถนนที่ใช้สัญจรไปมายุบตัวพังเสียหาย ถนนนี้เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ร่วมกัน ทำถนนนี้เพื่อให้ประชาชนสัญจรไปมาได้สะดวก เพราะเป็นเส้นทางที่ทั้งต้องใช้ขนพืชผลทางการเกษตรมาดูแลสวนไร่นาต่างๆ และใช้ในชีวิตประจำวัน
นายประเสริฐ เชยพุดซา กล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุตรงนี้ เกิดจากสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา มาทำโครงการผันน้ำระบายน้ำเพื่อการกักเก็บ จากบึงพุดซาพื้นที่ 3 พันไร่ เพื่อระบายน้ำมากักเก็บยังในบึงบ้านเขว้าพื้นที่ 200 ไร่ จึงได้ทำการประชาคมและมีมติให้ทำท่อส่งน้ำ โดยขุดพื้นที่ถนนสาธารณะประโยชน์ที่เราใช้สัญจรไปมานี่แหละ เพื่อวางท่อส่งน้ำ แต่หลังจากนั้นก็เกิดปัญหาอย่างที่เห็นก็คือ ตอนแรกถนนเริ่มพังเป็นหลุมบ่อ นานๆไปกลับกลายเป็นว่า ยิ่งพังหนักกว่าเดิม ถนนเกิดการทรุดและยุบตัว ความลึกกว่า 2 เมตร พังจนท่อน้ำโผล่ขึ้นมากลางถนนเลย ความยาวกว่า 2 กิโลเมตร รถสัญจรไปมาไม่ได้เลย ขนาดจะเดินก็ยังไม่กล้า

ครั้งหนึ่ง ทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ได้ทำหนังสือร้องไปที่ศูนย์ดำรงธรรม เขาก็ส่งเจ้าหน้าที่โยธามาซ่อมแซมเพียงแค่มาทำถนนหินคลุก ตนเองมองว่า ถนนมันพังขนาดนี้ มาทำแค่ถนนหินคลุก ถ้าเอางบประมาณมาทำแค่หินคลุกมันเป็นการสูญเสียภาษีของประชาชนโดยเปล่าประโยชน์ ยิ่งซ่อมยิ่งพังตนเองก็งงว่ามาซ่อมแบบไหนกัน ถ้าจะทำทั้งที ก็ทำให้ดีให้มั่นคงไปเลย เพราะหน่วยงานของท่านต่างก็มีวิศวกรผู้ชำนาญงานอยู่แล้ว วอนเถอะครับชาวบ้านและพวกผมเดือดร้อนมากว่า 3 ปีแล้ว ตนเองเป็นกำนันเห็นสภาพถนนเป็นแบบนี้ประชาชนที่เราดูเดือดร้อนเรารู้สึกเสียใจมากที่หน่วยงานที่เราขอความช่วยเหลือเขาเมินเฉย นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน อาทิ ไปทำงานสาย ไปเรียนสาย หรือเมื่อยามเจ็บป่วยรถพยาบาลก็ไม่สามารถเข้ามารับได้จะไปไหนมาไหนแต่ละทีก็ลำบาก ต้องไปใช้เส้นทางอื่นอ้อมไกลกว่า 10 กิโลเมตร วอนผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องเมื่อทราบข่าวแล้วช่วยแก้ไขให้ประชาชนที่เดือดร้อนด้วยครับ

พระครูสถิตสีลาภิวัฒน์ (พระประหยัด)   เจ้าอาวาสวัดปรางค์ทอง เผยมณฑปจำลอง ให้ ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมพี่น้องประชาชนได้ชม  หวังหาทุนสร้างเพื่อเป็นที่แสดงมรดกอันล้ำค่า ที่อยู่ภายในวัด

พระครูสถิตสีลาภิวัฒน์ (พระประหยัด)       เจ้าอาวาสวัดปรางค์ทอง เผยมณฑปจำลอง ให้ ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมพี่น้องประชาชนได้ชม  หวังหาทุนสร้างเพื่อเป็นที่แสดงมรดกอันล้ำค่า ที่อยู่ภายในวัด

            เมื่อวันที่  1  มิถุนายน 2562  ที่วัดปรางค์ทอง  ต.พุดซา  อ.เมือง จ.นครราชสีมา  ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง  ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องประชาชนในพื้นที่  ได้ไปที่วัดปรางค์ทอง  ต.พุดซา หลังจากที่ได้มีการประชาคมพี่น้องประชาชน  รวมทั้งผู้นำชุมชนไปแล้วนั้น จึงได้ทำการลงพื้นที่เพื่อสำรวจว่า หมู่บ้านแห่งนี้ มีมกดรอันล้ำค่าอยู่มากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้พระครูธรรมาธรประหยัด ฐิติสีโล  เจ้าอาวาสวัดปรางค์ทอง ก็ได้เปิดเผยว่า ทางวัดก็ได้มีการหารือกับหน่วยงานหลายพากส่วน  ในการจัดทำศาลา  หรือ สถานที่ในการจัดเก็บมรดกอันล้ำค่า  ที่อยู่ภายในวันมาเป็นหลายพันปี  อาทิ ทับหลังโบราณอันล้ำค่า 2 ชิ้น ประเมินค่าไม่ได้ ,เทพนพเคราะห์ภาพสลักที่ล้ำค่า , รอยพระบาทและปางห้ามสมุทร รวมทั้ง ที่วัดแห่งนี้ ยังเป็นที่ตั้งของ ปรางค์ปราสาท อโรคยาศาล อันเก่าแก่อีกด้วย

ทางด้าน  ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา และคณะ ได้หารือ บุคคล และหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อผลักดัน ให้สถานที่แห่งนี้  ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางอารยธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา

 

 

 

 

ผอ ท่องเที่ยวลงพื้นที่บ้านพุดซา ประชาคม ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณ

ผอ ท่องเที่ยวลงพื้นที่บ้านพุดซา ประชาคม ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณ

 

เมื่อวันที่  27 พฤษภาคม  2562  ที่ห้องประชุมสภา เทศบาลตำบลพุดซา  ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา  ลงพื้นที่เทศบาลตำบลพุดซา  เพื่อร่วมรับฟังการทำประชามคมเพื่อหารือ และขอความคิดเห็นจากคนในท้องที่ เรื่อง การยกแหล่งโบราณอารยธรรมขอม ที่มีอายุยืนยาว เป็นสถานที่ให้พี่น้องประชาชน ได้เข้ามากราบสักการะ และเพื่อให้สถานที่แห่งนี้ เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป โดยมี นายเกรียงศักดิ์  นาคหฤทัย  นายกเทศบาลตำบลพุดซา  นายประเสริฐ  เชยพุดซา  กำนันตำบลพุดซา  พ.ต.ท.เผด็จศักดิ์  รัตนาพันธุ์ รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.พลกรัง และ นายบุญกฤษฐิพัฒน์  หาญขุนทด  พร้อมคณะผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมรับฟัง

ขอเชิญร่วมกิจกรรม “วิ่ง-ปั่นสู้…เพื่อกู้ภัย” หารายได้จัดซื้ออุปกรณ์กู้ชีพ -กู้ภัย

ขอเชิญร่วมกิจกรรม “วิ่ง-ปั่นสู้…เพื่อกู้ภัย” หารายได้จัดซื้ออุปกรณ์กู้ชีพ -กู้ภัย

 

ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน “วิ่ง-ปั่นสู้…เพื่อกู้ภัย” เพื่อหารายได้จัดซื้ออุปกรณ์กู้ชีพ – กู้ภัย ในวันอาทิตย์ที่  23 มิถุนายน 2562 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น  ประเภทวิ่ง ระยะทาง 5 km., 10.5 km. และรุ่น VIP ไม่กำหนดระยะทาง  และประเภทปั่นจักรยาน ระยะทาง 10.5 km., 40 km. และรุ่น VIP ไม่จำกัดระยะทาง โดยมีรายละเอียดการสมัคร  ดังนี้

ประเภทวิ่ง
• 5 km. ค่าสมัคร 450 บาท
• 10.5 km. ค่าสมัคร 600 บาท
• VIP วิ่งระยะใดก็ได้ ค่าสมัคร 1,000 บาท (ได้รับเสื้อโปโลเพิ่ม 1 ตัว)

*** สิ่งที่นักวิ่งจะได้รับ :เสื้อที่ระลึก+เหรียญ (เหรียญจะได้รับเมื่อเข้าเส้นชัย
ตามเวลาที่กำหนด)

ประเภทปั่นจักรยาน (มีประกันอุบัติเหตุ)

  • 10.5 km. และ • 40 km.
    • ไม่รับเสื้อ ค่าสมัคร 300 บาท
    • รับเสื้อ ค่าสมัคร 500 บาท
    • VIP ปั่นระยะใดก็ได้ ค่าสมัคร 1,000 บาท (ได้รับเสื้อโปโลเพิ่ม 1 ตัว)

*** สิ่งที่นักปั่น ที่สมัคร 500 บาท จะได้รับ : เสื้อที่ระลึก+เหรียญ
(เหรียญจะได้รับ เมื่อเข้าเส้นชัย ตามเวลาที่กำหนด)
*** สิ่งที่นักปั่น ที่สมัคร 300 บาทจะได้รับ : เหรียญ (เมื่อเข้าเส้นชัยตามเวลาที่กำหนด)

#รางวัลที่จะได้รับ

รางวัลการแข่งขันวิ่ง OVER ALL
ระยะทาง 5 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัล จำนวน 6 รางวัล ได้แก่
• ชนะเลิศ ชาย
• รองชนะเลิศ อันดับ 1 ชาย
• รองชนะเลิศ อันดับ 2 ชาย
• ชนะเลิศ หญิง
• รองชนะเลิศ อันดับ 1 หญิง
• รองชนะเลิศ อันดับ 2 หญิง
ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัล จำนวน 6 รางวัล ได้แก่
• ชนะเลิศ ชาย
• รองชนะเลิศ อันดับ 1 ชาย
• รองชนะเลิศ อันดับ 2 ชาย
• ชนะเลิศ หญิง
• รองชนะเลิศ อันดับ 1 หญิง
• รองชนะเลิศ อันดับ 2 หญิง
การแข่งขันปั่นจักรยาน จะได้รับถ้วยรางวัล แบ่งประเภทรางวัล ดังนี้
• ทีมที่เข้าร่วมจำนวนมากสุด
• นักปั่นแฟนตาซี
• นักปั่นอายุน้อยที่สุด
• นักปั่นอายุมากที่สุด
• นักปั่นขวัญใจกู้ภัย
• นักปั่นมาไกล

#การบริการ
1. บริการน้ำดื่ม ทุกระยะ ตลอดเส้นทาง
2. มีรถพยาบาลและเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก
3. บริการอาหารและเครื่องดื่มในช่วงเช้าและหลัง วิ่ง-ปั่น เสร็จ

#กติกา
ยึดถือตามกติกาสากลและคำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด

ติดตามการสมัครทางออนไลน์ได้ที่
#สมัครออนไลน์

https://www.runlah.com/events/c/rbc19…

https://www.facebook.com/Runlah/

https://www.runlah.com/

เปิดรับสมัคร 26 เมษายนนี้ เวลา 12.00 น.
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดตามได้ที่ Runlah See First

#การชำระเงิน
ผ่าน ธ.ไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี มูลนิธิพุทธธรรม31 นครราชสีมา (กู้ภัย)
เลขที่บัญชี 503-2-72767-8

หรือชำระเงินสด ได้ที่ สำนักงานมูลนิธิฯ เลขที่ 19 หมู่ 2 บ้านกรีน ถนนบายพาส(ปักธงชัย – จอหอ ) ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ติดต่อสอบถาม สำนักงานมูลนิธิฯ โทร. 044-307298-99 088-715 8208
E-mail : hook31.official@gmail.com

 

ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมทำประชาคม ต.พุดซา รื้อ แหล่งโบราณสถานอารยธรรมขอม

ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมทำประชาคม ต.พุดซา รื้อ แหล่งโบราณสถานอารยธรรมขอม

ที่ผ่านมา  ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง  ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ไปยังที่ทำการเทศบาลตำบลพุดซา  เพื่อหารือและขอมติการรื้อฟื้นตำนานเมืองโบราณของตำบลพุดซา  อำเภอเมือง  จังหวัดนครราชสีมา

นายเกรียงศักดิ์  นาคหฤทัย  นายกเทศบาลตำบลพุดซา  พร้อมด้วยนายประเสริฐ  เชยพุดซา  กำนันตำบลพุดซา  พร้อมคณะผู้นำท้องถิ่น และประชาชนได้ให้การต้อนรับ ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  และนายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยคณะผู้สื่อข่าวจากหลายสำนัก  เพื่อร่วมรับฟังการทำประชามคมเพื่อหารือ และขอความคิดเห็นจากคนในท้องที่ เรื่อง การยกแหล่งโบราณอารยธรรมขอม ที่มีอายุยืนยาว เป็นสถานที่ให้พี่น้องประชาชน ได้เข้ามากราบสักการะ และเพื่อให้สถานที่แห่งนี้ เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป  รวมทั้งยังสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ทางโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา

ปัจจุบัน  บ้านพุดซา  อยู่ในพื้นที่การรับผิดชอบ ของเทศบาลตำบลพุดซา  อำเภอเมือง  จังหวัดนครราชสีมา  ทั้งที่ความจริงบ้านพุดซาแห่งนี้มีเรื่องราว  ตำนานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง เป็นโบราณสถานที่ค้นพบสถาปัตยกรรมในสมัยเกาะแกร์  ที่ผสมผสานมาถึงยุค นครวัต – บายน หรือตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 ลงมาถึง 18 โดยมีอายุโบราณทางด้านวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ก่อนยุคปราสาทหินพิมาย

นอกจากหลักฐานทางโบราณคดีแล้ว  ยังมีบึงขนาดใหญ่ที่คาดว่ามีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า  2,500 ไร่ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า  “บึงพุดซา”  ที่เล่าขานกันว่าเป็นบึงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก  และส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่  ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ต้องจมอยู่ใต้บาดาลจนกระทั่งต้องสร้างพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรขึ้นเป็นจำนวนมาก  เพื่อหวังจะให้หมู่บ้านแห่งนี้พ้นจากภัยพิบัติน้ำท่วม

เมื่อราวปี 2478 กรมศิลปากรได้เดินทางมาสำรวจบริเวณบ้านพุดซาบ้างแล้ว   พร้อมได้ขึ้นทะเบียนและปักปันอาณาเขตโบราณสถานไว้ด้วย  จากอดีตจนถึงปัจจุบันโบราณสถานแห่งนี้ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแม้แต่น้อย  เนินดินที่กลบซากปรักหักพังอยู่อย่างไร  ก็ยังอยู่อย่างนั้น องค์พระพุทธรูปที่ถูกเก็บ กระจายอยู่ยังวัดต่าง ๆ และบ้างก็ว่ากันว่าสูญหายกันไปมิใช่น้อย

บ้านพุดซา บริเวณที่ตั้งของวัดปรางค์ทองในปัจจุบัน  สันนิษฐานกันว่า  อดีตเคยเป็นปราสาทของพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้ายโศวรมัน แห่งอาณาจักรขอม เมื่อราวพุทธศตวรรษที่  15  ตัวปราสาทเป็นศิลปะแบบขอม  ก่อสร้างด้วยอิฐ  มีการบันทึกไว้ว่า  สภาพของปราสาทเมื่อปี 2521 ยังคงเห็นส่วนฐานปราสาทที่ก่อสร้างด้วยหินทรายแดงสลักเป็นฐานบัวรองรับปราสาทหลังทิศใต้ (เดิมกรมศิลปากรขุดแต่งพบฐานบัวรองรับปราสาทอิฐ 3 หลัง เรียงตัวในแกนทิศเหนือ – ใต้  สำหรับปราสาทประธาน(หลังกลา)และปราสาทหลังทิศเหนือพังเสียหายหมดแล้ว) ปัจจุบันได้ถมดินรอบปราสาทเหนือระดับฐานบัว  อย่างไรก็ตาม ปราสาทดังกล่าวได้แบ่งออกเป็น  3  ส่วน  คือ ส่วนฐาน  ส่วนเรือนธาตุ และส่วนยอด

ในบริเวณวัดปรางค์ทอง  ยังได้พบชิ้นส่วนของโบราณสถานประเภทหินทรายแดง  หินทรายขาว สลักเป็นหน้าทับหลัง  เสาประดับกรอบประตู ลูกกรงหน้าต่าง ฐานประติมากรรม  กระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมากภายในวัด  อาทิ  ทับหลัง ซึ่งวางอยู่ด้านหน้าปราสาทบริวาร มีภาพที่ลบเลือนมาก และดินถมขึ้นเกือบครึ่งแผ่น  ที่กึ่งกลางภาพมีรูปบุคคลนั่งชันเข่า เหนือสัตว์พาหนะ (อาจเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอรวัณ) มีท่องพวงมาลัยออกมาจากกึ่งกลางทับหลัง  เป็นวงโค้งเล็กน้อยเหมือนถูกกดไว้ด้วยน้ำหนักคล้ายกับทับหลังที่จัดแสดงที่สำนักงานอุทยานปราสาทพนมรุ้ง  ศิลปะขอมแบบเกาะแกร์  อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 15

ทับหลังรูปพระวิษณุทรงครุฑ  ซึ่งเก็บไว้บนศาลาวัด  ที่กึ่งกลางภาพสลักภาพพระวิษณุ (พระนารายณ์) ทรงครุฑนั้น ก็ยุคนาคสองตัวที่ทอดยาวตลอดทั้งสองข้างของทับหลัง  ทำนองเดียวกับลายท่องพวงมาลัย ปลายท่องพวงมาลัยเป็นนาคสามเศียรซึ่งหันหน้าออกมาเบื้องหน้า และนาคแต่ละเศียรมีมงกุฎลายใบไม้เป็นเครื่องประดับเหนือท่อนพวงมาลัยสลักเป็นรูปใบไม้ม้วนห้อยตกลงมาจนถึงแนวล่างสุด  สลักเป็นแนวกลับบัวเช่นกัน  ลวดลายดังกล่าวเหมือนกับทับหลังซึ่งที่ปราสาทพนมวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ทั้งนี้  สถานที่แห่งนี้ ยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่สำคัญ ที่ชาวบ้านให้ขนานนามว่า  เป็นเมืองบาดาล หรือเมืองพญานาค  จึงเป็นที่มาของการจัดทำประชาคมในครั้งนี้  โดย ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครราชสีมา  ที่พร้อมจะช่วยผลักดันให้สถานที่แห่งนี้  เป็นเมืองของการท่องเที่ยวเชิงอารยธรรม อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมาต่อไป

 

ชมภาพบรรยากาศการประชาคม

 

โคราช…ต้อนรับแม่ทัพภาค 2 คนใหม่ โดยมีพิธี ส่ง และมอบตำแหน่งอย่างสมเกียรติ


‘ร.10’ มีพระราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ ‘พลโท ธัญญา เกียรติสาร’ เข้ารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ขณะที่ ‘พลเอกธรากร ธรรมวินทร’ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้ารับตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิของกองทัพบก บรรดาข้าราชการทหารต่างร่วมแสดงความยินดีและจัดพิธีส่งและมอบยิ่งใหญ่สมเกียรติ
วันที่ 3 เมษายน 2562 เวลา 11.09 น. ที่ ลานหน้าสโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ พลโทธัญญา เกียรติสาร เข้าดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป ขณะที่ พลเอกธรากร ธรรมวินทร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้ารับตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิประจำกองทัพบก ข้าราชการทหารต่างร่วมแสดงความยินดีและจัดพิธีส่งและมอบยิ่งใหญ่สมเกียรติ
พลเอกธรากร ธรรมวินทร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ตามที่ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลโทธัญญา เกียรติสาร เข้าดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ตนเองรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจและขอแสดงความยินดีมา ณ โอกาสนี้ นับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของวิชาชีพ ที่มีโอกาสได้รับใช้ชาติ รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท และประชาชน และขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังและความสามารถ เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยของเราเพื่อสถาบันอันเป็นที่เทิดทูลและประชาชนทุกคน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตภายใต้จิตสำนึกและอุดมการณ์ของชายชาติทหารสืบไป


ทางด้าน พลโทธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวเสริมว่า รู้สึกภูมิใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ภายใต้จิตสำนึกและอุดมการณ์ของชายชาติทหาร รับใช้ชาติ รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท และรับใช้ประชาชนตลอดจนบ้านเมืองให้ผาสุกร่มเย็น
ขณะที่ พลเอกธรากร ธรรมวินทร เมื่อครั้งท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ท่านก็ได้ปกครองบังคับบัญชาบริหารงานราชการอย่างดียิ่งทำให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นหน่วยที่มีประสิทธิภาพสูงหน่วยหนึ่งของประเทศไทย ได้รับคำยกย่องชมเชยและเชื่อมั่นอย่างมากมายของผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น และผมจะปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรติและสำคัญยิ่งนี้นี้ให้ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติเพื่อบ้านเมืองเพื่อสถาบันและเพื่อประชาชนทุกคนสืบไป

บริษัท บุญนภาพัฒนาการเกษตร จำกัดส่งเสริมการเกษตรสู่ปุ๋ยมาตราฐานประเทศ

บริษัท บุญนภาพัฒนาการเกษตร จำกัดส่งเสริมการเกษตรสู่ปุ๋ยมาตราฐานประเทศ


บุญนภา 60-1 ก่อตั้งปี 2544 จำหน่ายสารปรับปรุงดิน ตราช้าง ให้กับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
บุญนภา 2555 ก่อตั้งปี 2555 ผลิตและจำหน่าย ปุ๋ยเคมี ตราช้าง โดยมีบริษัทบุญนภา เคมีคอลเป็นผู้ผลิต จัดจำหน่ายร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ทั่วประเทศ
บุญนภา พัฒนาการเกษตร ก่อตั้งปี 2559 จำหน่ายสารปรับปรุงดิน ตราหมี ได้ทำโครงการ 3 โครงการ ซึ่งยังไม่มี ภาคธุระกิจการเกษตรใดๆ ในตลาดที่จะส่งเสริมเกษตรกร ในการ เตรียมการเพาะปลูก ให้เหมาะสมกับพืชเศรษฐกิจที่ตนเองปลูกให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ในการเพาะปลูก เพื่อลดต้นทุน และได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
1. โครงการตรวจดินฟรี
2. โครงการปรับปรุงดินหลังการเก็บเกี่ยว
3. โครงการปุ๋ยดีราคาถูก
1. บุญนภาพัฒนาการเกษตร ได้ทำโครงการตรวจดินฟรี ร่วมกับ ธกส. สกต.และหน่ายงานราชการเช่น เกษตรอำเภอ เพื่อรณงรงค์ให้เกษตรกร ตรวจดิน ก่อนการเพาะปลูกโดยไม่มีค่าบริการ เพื่อให้ทราบสภาพดินในพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรเอง ว่าเป็นอย่างไร และนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องอย่างยั่งยืน โดยบริษัทจะมีทีมงานมืออาชีพลงแปลงเกษตรกร ทำการวัดค่าดินด้วยเครื่องมือตรวจวัดดินที่ทันสมัย สามารถอ่านค่าการตรวจวัดดินและแปรผลออกมา ได้ถูกต้องแม่นยำ เมื่อได้ค่าหลังการตรวจวัดดินเรียบร้อยแล้ว เช่น ค่าPh 4.5 แสดงว่า ดินมีความเป็นกรดจัด ควรต้องมีการปรับสภาพดินแล้วไถกลบ ก่อนการเพาะปลูก
ปัจจุบันบริหารงานโดย ผู้จัดการประจำอำเภอ มีระบบServey สำหรับบริการตรวจดินฟรี เพื่อให้สามารถบริการเกษตรกรได้อย่างเพียงพอ โดยปัจจุบัน มีผู้จัดการประจำอำเภอ รวม 35 คนในพื้นที่ดูแล ประมาณ 80 อำเภอ ใน 11 จังหวัดซึ่งได้รับการตอบรับจากเกษตรกร และหน่ายงานราชการได้ให้การตอบรับเป็นอย่างดี
2.โครงการปรับปรุงดินเพื่อการเก็บเกี่ยว ได้ใช้นวัตกรรม การบริหารจัดการจากประเทศออสเตเรีย โดยใช้ ”เครื่องโรยสารปรับสภาพดิน” ซึ่งเป็นระบบการจัดการแปลงใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ สูงที่สุดในโลก โดยบริษัท จะทำการปรับปรุงดินหลังการตรวจดิน ซึ่งเป็นการบริหารจัดการที่ทำให้ได้ผลผลิตสูง โดยการใช้สารปรับปรุงดินตราหมี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสารปรับปรุงดิน แหล่งกันกับกรมพัฒนาที่ดินใช้และนำมาส่งเสริมเกษตรกรในปัจจุบัน ที่มีคุณภาพสูง ในการปรับสภาพดิน จึงทำให้มั่นใจและสามารถใช้ได้ผลจริง โดยบริษัทได้ทำการ ร่วมพัฒนาโครงการปรับปรุงดิน ร่วมกับภาคเอกชน มาเป็นระยะเวลา 5 ปี จำนวนพื้นที่มากกว่า 50,000ไร่ ในระหว่างดำเนินโครงการ บริษัทได้ให้บริการ,ติดตามและประเมินผลของสารปรับปรุงดินตราหมี จนบริษัทเชื่อมั่นยินดีรับประกันคุณภาพ สารปรับปรุงดินตราหมี ใช้ไม่ได้ผล ยินดีคืนเงิน 100%
โดยปัจจุบันมีผู้รับเหมา 194 รายซึ่งยังไม่เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อ ข้อมูลผู้รับเหมาที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ Line@ บริษัท
โดยบริษัทตั้งเป้าหมาย สร้างเครือข่ายผู้รับเหมา อยู่ที่ 1,000 เครื่องในปีแรก โดยบริษัทมีมูลค่าการลงทุนในโครงการผู้รับเหมา 100-150 ล้านบาท ในปีที่ 1 ณ ปัจจุบัน มีผู้รับเหมาที่สมัครลงทะเบียน รอการพิจารณาจากบริษัทเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเกษตรกรสนใจโครงการ เนื่องจากบริษัท เป็นบริษัทเดียวที่นำนวัตกรรมการปรับปรุงดินแบบเบ็ดเสร็จ ครบวงจร และสามารถพิสูจน์ และได้รับการรับรองจาก กรมพัฒนาที่ดิน และกรมวิชาการเกษตร
3.โครงการปุ๋ยดี ราคาถูก เป็นโครงการ ขายปุ๋ยผ่านตัวแทนจำหน่าย ในระดับหมู่บ้าน โดยเน้นต้นทุนต่ำ และการใช้เทคโนโลยีระบบไลน์สร้างเครือข่าย สั่งสินค้า และระบบบริหารจัดการ Logistic ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกษตรกรได้รับ ผลประโยชน์สูงสุด โดยมีบริการสั่งซื้อ 20 กระสอบ ส่งฟรีถึงหมู่บ้าน ปัจจุบัน มีตัวแทนจำหน่าย ระดับหมู่บ้านดังนี้
1. ตัวแทน กองทุนหมู่บ้านที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 538 ราย
2. นายหน้ารถไถรับจ้าง จำนวน 1,044 ราย
ตัวแทนจำหน่าย ณ ปัจจุบัน 1,521 ราย ซึ่งเป้าหมายบริษัท คาดว่าต้องมีตัวแทนจำหน่าย 8,000 – 10,000 ราย ปัจจุบันโดยบริษัทได้จัดมีการสร้างระบบการสั่งซื้อผ่านและการประชาสัมพันธ์ผ่านLine เพื่อความสะดวกของลูกค้า โดยได้ทำแผนพัฒนาการซื้อขายผ่านระบบ Online,Application,Websit: WWW.ปรับปรุงดิน.com /Line@ id: @me0610211188
และระบบปฏิบัติการครบวงจร สั่งซื้อผ่านมือถือ ระบบการทำงาน ระบบการจัดการตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะเสร็จสิ้นและเริ่มใช้ระบบ ไตรมาส3 ของปีนี้

สุดท้ายนี้ บริษัทบุญนภาพัฒนาการเกษตร ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ในการเข้าโครงการปรับปรุงดินหลังการเก็บเกี่ยวและโครงการปุ๋ยดีราคาถูก ที่เป็นภาคบริการในการส่งเสริมเกษตรกร จะได้รับการบริการ สินค้าและสินเชื่อจากสหกรณ์การเกษตรเพื่อลูกค้าธกส.(สกต)
บริษัทของเราเป็นบริษัทที่มีความมั่นคง มีโรงงานผลิตเองได้รับมาตรฐานจาก กรมวิชาการเกษตรสามารถตรวจสอบได้ และมีการบริการที่เข้าถึงเกษตรกร โดยมีรับเหมาประจำตำบล ตัวแทน กทบ.ประจำหมู่บ้าน นายหน้าประจำหมู่บ้านที่เข้าร่วมโครงการ และเกษตรกรที่สนใจ ขอให้เชื่อมั่นในสินค้าและบริการของบริษัท และมั่นใจว่าบริษัทจะพัฒนาสินค้าและบริการที่ดีที่สุด ให้กับวงการเกษตรไทย ฝากช่วยประชาสัมพันธ์โครงการดีๆ

บริษัท บุญนภาพัฒนาการเกษตร จำกัด
345 หมู่1 ถ.ราชสีมา-โชคชัย ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
เบอร์ติดต่อ 061 021 1188

อำเภอคง โคราช จัดงานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 2562 จับฉลากแจกกระบือและโค รวม 3 ตัว มูลค่า 1 แสน

อำเภอคงโคราช จับฉลากแจกกระบือและโค รวม 3 ตัว มูลค่า 1 แสน ให้นำไปเลี้ยงในช่วงแล้งในงานวันฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพัลลภ สิงห์ทอง นายอำเภอคง เป็นประธาน พร้อมด้วยนายอนัน โกนสันเทียะ สาธารณสุขอำเภอคง นายพศวีร์ สมใจ ปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกันจัดงานเลี้ยงวันฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี (ของดีเมืองคง บุญกุ้มข้าวใหญ่ ) เพื่อให้ประชาชนได้ระลึกถึงความกล้าหาญของย่าโมที่ปกปักรักษาบ้านเมืองไว้ให้ลูกหลาน ซึ่งงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-22 มีนาคม 62 ของทุกปี โดยมีประชาชนจาก 10 ตำบล 156 หมู่บ้าน เข้าร่วมงานตลอด 7 วัน 7 คืนเป็นจำนวนมาก

โดยภายในงานได้มีการจับฉลากแจกกระบือ 2 ตัวและโค 1 ตัวรวมทั้งหมด 3 ตัวมูลค่ากว่า 1 แสนกว่าบาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ประชาชนได้นำไปเลี้ยงในช่วงภัยแล้งนี้ เนื่องจากว่าอำเภอคง เป็นพื้นที่แล้งซ้ำซาก หากปลูกพืชหรือผลผลิตทางการเกษตรอาจจะเสียหายได้เนื่องจากว่าไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยง จึงอยากส่งเสริมให้เลี้ยงสัตว์แทนในช่วงแล้งนี้ นอกจากนี้ยังมีการประกวดหางเครื่องคาวบอยไนท์ ทั้งชายและหญิง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้นำชุมชนมาเข้าประกวด ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้านและภรรยา สารวัตรกำนัน มาสร้างสีสันให้กับงานในค่ำคืน โดยในระหว่างที่ประกวดนั้น จุดไฮไลท์ไม่ได้อยู่บนเวที แต่จะอยู่ที่ข้างเวที ซึ่งจะมีกลุ่ม แม่บ้าน พ่อบ้าน จะคอยเป็นพี่เลี้ยงในการส่งสัญญาณแต่ละท่า สร้างความสนุกสนานให้กับผู้ที่เข้าร่วมชมงานเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ นายพัลลภ สิงห์ทอง นายอำเภอคง ยังขอบคุณพี่น้องประชาชน จาก 10 ตำบล 156 หมู่บ้าน ที่ร่วมกันสร้างกองทุนวิ่งเดินการกุศล วันมหัศจรรย์ พันวันแรกแห่งชีวิต วิ่งสร้างคน คนสร้างชาติ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทุกภาคส่วนเป็นจำนวนเงินกว่า 1.3 ล้านบาท โดยงบประมาณทั้งหมดจะนำไปดูแลสตรีที่ตั้งครรภ์ในพื้นที่อำเภอคง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แลส่งเสริมให้เด็กเป็นกำลังในการพัฒนาชาติต่อไป

พื้นที่ไฟล์แนบ

ชมคลิป>>>>>

ชาวบ้าน อำเภอชุมพวงโคราช เดือดร้อนหนัก ไม่มีน้ำใช้ แหล่งน้ำดิบแห้งขอด วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพแห้งแล้งและร้อนอบอ้าวอยู่ในขณะนี้ ส่งผลให้ประชาชน จำนวน 13 หมู่บ้าน ในตำบลโนนตูม อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา เดือนร้อนอย่างหนัก ไม่มีน้ำดิบที่สามารถผลิตน้ำประปาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านได้ ซึ่งในบ่อน้ำสาธารณะได้แห้งขอด เห็นผิวดินแตกระแหง จนมีนกบินออกมาหาอาหาร อาทิ ปู ปลา หอย ในหนองน้ำกินเป็นจำนวนมาก

            นายอ่อนสา ประธรรมมะเรือง อายุ 65 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า ปีนี้แล้งเร็วกว่าทุกปีในรอบ 20 ปี ทำให้ประชาชนและสัตว์ ไม่มีน้ำในการใช้อุปโภค บริโภค เนื่องจากแหล่งน้ำดิบของหมู่บ้านได้แห้งขอดจนไม่เหลือน้ำในการผลิตประปาในหมู่บ้าน อีกทั้งหน่ยวงานก็ยังไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง จึงต้องช่วยตนเองโดยการขุดเจาะบาดาน เพื่อนำน้ำมาใช้ แก้ปัญหาในเบื้องต้นไปก่อน ส่วนบ้านไหนไม่มีเงินเจาะบาดานก็ต้องรอการช่วยเหลือจากทางราชการต่อไป ในส่วนของภาคการเกษตรตอนนี้ชาวบ้านได้หยุดแล้ว เพราะว่าไม่มีน้ำเหลือไว้ใช้ หากลงทุนไป มีแต่ขาดทุนสถานเดียว จึงวิงวอนให้หน่อยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนเพราะชาวบ้านเดือนร้อนเป็นอย่างมาก

 

ชมภาพคลิป>>>>

‘ครูโคราชนัดแต่งชุดดำ’ คัดค้านร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติใหม่

‘ครูโคราชนัดแต่งชุดดำ’ คัดค้านร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติใหม่

                แกนนำเครือข่ายสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครูและผู้บริหารสถานศึกษา 4 อำเภอโคราช ร่วมกันแต่งกายชุดดำ เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ เนื่องจากร่างดังกล่าวมีความไม่ชัดเจนและไม่เหมาะสม อาทิ ให้ใช้ใบรับรองความเป็นครู แทน ใบประกอบวิชาชีพครู ให้นำตำแหน่งผู้บริหารในอดีตที่เรียกว่า ‘ครูใหญ่’ นำกลับมาใช้แทนคำว่า ‘ผู้อำนวยการ’ เป็นการบั่นทอนกำลังใจและไม่สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน อาจเกิดความผิดพลาดและก่อให้เกิดปัญหาต่ออนาคตของวงการการศึกษาไทยได้ จึงขอรวมตัวคัดค้านร่างดังกล่าว

 

                วันที่ 8 มีนาคม 2562 นายไพฑูรย์ อักษรครบุรี นายกเครือข่ายสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครูและผู้บริหารสถานศึกษา 4 อำเภอนครราชสีมา พร้อมด้วย นายปรีดี โสโป เลขาธิการเครือข่ายฯ พร้อมทั้งผู้แทนครูกว่า 30 คน ร่วมยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ โดยเฉพาะ 3 ข้อที่ เนื่องจากเป็นการบั่นทอนกำลังใจและไม่สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังเกิดจากที่มิใช่คนในวงการศึกษามาร่างขึ้น อาจเกิดความผิดพลาดและก่อให้เกิดปัญหาต่ออนาคตของวงการการศึกษาไทยได้ จึงขอรวมตัวคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวดังกล่าวและไม่เห็นด้วยกับกระบวนการพิจารณาการร่างกฎหมายฉบับนี้ จำนวน 4 ข้อคือ

  1. กระบวนการในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการศึกษา ฉบับนี้ ตัวแทนของครูหรือบุคลากรทางการศึกษาไม่ได้มีส่วนร่วมในการยกร่าง
  2.   พระราชบัญญัติฉบับนี้ เป็นการพิจารณาอย่างเร่งรีบย่อมขาดความละเอียดและรอบคอบ อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดในบทบัญญัติของกฎหมายเห็นควรให้รัฐบาลชุดใหม่พิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้

3.การยกเลิกใบประกอบวิชาชีพครู มาเป็นใบรับรองความเป็นครูนั้น เห็นไม่สมควร เนื่องจากใบประกอบวิชาชีพครู เป็นใบอนุญาตที่มีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับนับถือ มีศักดิ์และสิทธิ์ที่ทุกคนยกย่องว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูง การเปลี่ยนแปลงที่ให้มีใบรับรองการเป็นครูแทนใบประกอบวิชาชีพครูนั้น เป็นการลดทอนสักดิ์สรีแห่งวิชาชีพครูจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของคนในสังคม

  1. การเปลี่ยนชื่อตำแหน่งจากผู้อำนวยการสถานศึกษามาเป็นครูใหญ่ เป็นการบั่นทอนขวัญและกำลังใจและยังไม่สอดคล้องกับยุคปัจจุบันที่ผู้บริหารต้องใช้บทบาทหน้าที่ในการบริหารอย่างรอบด้าน

ดังนั้น ทางเครือข่ายสมาคมผู้ประกอบการวิชาชีพครูและผู้บริหารสถานศึกษา 4 อำเภอ (ปักธงชัย เสิงสาง ครบุรี วังน้ำเขียว) จึงขอจัดหนังสือคัดค้านและเสนอความคิดเห็นภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอเสนอต่อผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง 4 ข้อดังต่อไปนี้

1.ให้คงคำว่า ใบประกอบวิชาชีพครู แทน ใบรับรองความเป็นครู

2.ให้คงชื่อตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา แทนคำว่า ครูใหญ่ที่จะนำกลับมาใช้

3.และให้ยกเลิกตำแหน่ง ‘ผู้ช่วยครูใหญ่’ และให้คงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา

4.ให้ยุติการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาฉบับใหม่นี้ และให้นำพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาปรับปรุงแก้ไขโดยให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทางเครือข่ายเครือข่ายสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครูและผู้บริหารสถานศึกษา 4 อำเภอนครราชสีมา และองค์กรวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกองค์กรในนครราชสีมา จะร่วมมือกันเพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินี้ในทุกรูปแบบให้ถึงที่สุดเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นครูความเป็นแม่พิมพ์ของชาติต่อไป

>ชมคลิปและเสียงสัมภาษณ์<<