มทร.อีสาน โคราช จัดประกวด E-Sport -DRONE RACING ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท ระหว่างวันที่ 23 – 25 พฤศจิกายน 61

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) จัดงานใหญ่แห่งปี ‘ESAN Smart Expo 2018’ ระหว่างวันที่ 23 – 25 พฤศจิกายน 2561 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 20.00 น. ณ หอประชุมวทัญญู ณ ถลาง  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และชมการแสดง FPV  DRONE RACING พร้อมทั้งกิจกรรมการแข่งขัน E-Sport การเสวนา Smart U สู่ Smart City, การสัมมนาอาชีพพารวย, สินค้าไอทีลดกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ลุ้นรางวัลใหญ่รวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค HP จำนวน 2 เครื่อง

กิจกรรมมีทั้งหมด 3 วัน เริ่มที่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. กิจกรรมความร่วมมือในบันทึกข้อตกลง Smart University พร้อมโชว์นวัตกรรมสู่มหาวิทยาลัยอัจฉริยะ การเสวนา Smart University วันที่ 24พฤศจิกายน 2561 เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. ชมการแสดง FPV  DRONE RACING (บริเวณสนามฟุตบอล) และถ่ายทอดสดมายังห้องประชุมวทัญญู เวลา 13.30 น. ชมการแข่งขัน E-Sport และวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. กิจกรรม นักการตลาดการเงินยุคใหม่ โดยนักการตลาดมือหนึ่ง ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมแห่งชาติ IIC และชมการแข่งขัน E-Sport  รอบตัดสิน ชิงคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค HP จำนวน 2 เครื่อง และรางวัลอื่นๆรวมกว่า 1 แสนบาท

ติดตามรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) 744 ถนนสุรนารายณ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา หรือทางเว็บไซต์ www.rmuti.ac.th และเบอร์โทรศัพท์ 044-233000 โทรสาร : 044-233052 อีเมล์ :  info@rmuti.ac.th

ควายมืออาชีพออกโรงรับจ้างไถรุ่นมันทำเงินให้เจ้าของ วันละ 1000-1500 บาท

หมดฝนเข้าหน้าหนาวได้เวลาควายมืออาชีพออกโรงรับจ้างไถรุ่นมันทำเงินให้เจ้าของ ไม่ต้องลงทุนซื้อน้ำมันมาเติม ใช้เพียงหญ้าเป็นค่าแรงให้ควาย อาชีพรายได้ดีที่หาดูยาก

ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ บ้านหนองแวง ต.ดอนเมือง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา พบครอบครัวลุงสุภาพ เดือยจันทึก อายุ 66 ปี เกษตรที่ยังเลี้ยงควายไว้ใช้งาน ซึ่งได้เวลาออกรับจ้างไถรุ่นมันสร้างรายได้ โดยในช่วงนี้เป็นช่วงที่เกษตรที่ปลูกมันช่วงปลายฝนมันสำปะหลังกำลังงอก หญ้าก็กำลังขึ้น จึงได้เวลาที่เจ้าของไร่มันฯที่ปลูกไว้มาติดต่อว่าจ้างให้ช่วยไถ่รุ่นมันกำจัดวัชพืช ส่งผลให้มีรายได้มากกว่าวันล่ะกว่า 1 พันบาท

ลุงสุภาพ บอกว่า ปัจจุบันนี้คนที่เลี้ยงควายไว้ใช้งานจริง ๆ เหลือน้อยมากแถวนี้น่าจะมีเฉพาะครอบครัวของตนที่ยังใช้ความเทียมเกวียนและใช้ไถ่รุ่นมันอยู่ โดยในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาทองของตนเนื่องจากมีผู้มาว่าจ้างให้ไปไถรุ่นมันเป็นจำนวนมาก ตนจึงนำควายที่เลี้ยงไว้ 3 จากทั้งหมด 4ตัวออกมารับจ้างไถ โดยมีลูกเขยอีก 2 คนมาช่วยกันคนล่ะตัว

ทุกวันต้องออกจากบ้านแต่เช้าตรูเพื่อรีบเร่งไถให้แล้วเสร็จโดยจะเลือกทำงานในช่วงเช้าที่อากาศยังไม่ร้อนสายมาก็หยุดพักเพื่อไม่ให้ควายเหนื่อยมาก ช่วงบ่ายก็ค่อยมาไถ่ต่อ ในแต่ละวันควายสามารถไถ่รุ่นได้ตัวล่ะประมาณ 3- 5 ไร่ รวม 3 ตัวไถ่ได้ 10-15 ไร่ ได้ค่าจ้างไร่ล่ะ 110 บาท ทำให้มีรายได้วันล่ะ 1,000-1,500 บาท ถือว่าเป็นรายได้ที่น่าพอใจที่หาได้ในช่วงนี้

ลุงสุภาพ บอกอีกว่า การใช้ควายไถรุ่นไม่ต้องลงทุนซื้อน้ำมันเหมือนรถไถใช้เพียงหญ้าเป็นค่าแรงให้ควายซึ่งหาได้ตามธรรมชาติ หรือบริเวณใกล้เคียงที่รับจ้างไถซึ่งมีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องลงทุนอะไร ที่สำคัญการใช้ควายไถ่รุนมัน สร้างความเสียหายให้กับต้นมันที่กำลังงอกน้อยกว่าใช้รถไถ จึงได้รับความนิยมจากเกษตรว่าจ้างเป็นจำนวนมากในช่วงนี้ส่งผลให้มีรายได้แทบทุกวัน

(หมายเหตุ การไถ่รุนมัน คือการไถกลบหญ้าหรือวัชพืชที่ขึ้นอยู่ระหว่างร่องมันซึ่งช่วยกำจัดได้ส่วนหนึ่ง เมื่อว่าจ้างคนมาถากรุ่นก็จะทำได้ง่ายขึ้นหรืออาจจะไม่ต้องว่าจ้างคนทำอีก โดยสามารถใช้รถไถเดินตาม หรือควายไถก็ได้  แต่รถไถอาจจะถูกล้อเหยียบต้นมัน ส่วนควายซึ่งสามารถเดินกลางร่องได้จึงเสียหายน้อยกว่า)

!!ชาวบ้านโวยแห่ลงนามประท้วงเจ้าของบ้านที่เลี้ยงสุนัขทั้งเห่าทั้งหอนแถมยังกัดผู้คนในชุมชนจนหวาดกลัว

เมื่อ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 เวลา 10:00 น. ที่หมู่บ้านชัดมงคลหมู่. 3 ตำบลหมื่นไวย. อำเภอเมือง. จังหวัดนครราชสีมา. นายวัชรินทร์. พัดเกาะ. นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย. ได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่3 ตำบลหมื่นไวย. อำเภอเมือง. จังหวัดนครราชสีมา. ที่ได้มาหยื่นหนังสือต่อองค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย. เพื่อเร่งแก้ปัญหาให้กับชุมชนโดยด่วนเร่ง. นายวัชรินทร์. พัดเกาะ. นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย

หลังจากได้รับหนังสือจากชาวบ้านก็ได้สั่งการประสานงานไปยังนิติกรประจำ อบต. รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุขขององค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย. เพื่อกำชับให้ลงพื้นที่เยังบ้านเลขที่ 260 / 73 หมู่ 3 ซอย 2 ตำบลหมื่นไวยอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่มายังบ้านเลขที่ 260 / 73 ก็ได้พบกับเจ้าของสุนัขคือนางพรและลูกสาวของนางพรได้ออกมาให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ว่าตนไม่ยอมรับว่าสุนัขของตนเห่าหอนและกัดคนแต่อย่างใดและยังยืนยันกับทาง เจ้าหน้าที่ว่าตนเลี้ยงสุนัขมานานแล้วไม่เคยสร้างปัญหาเดือดร้อนให้กับชุมชนเพียงแต่ว่ามีคนบางคนเท่านั้นที่ไม่พอใจในครอบครัวของตนเลยมีการกลั่นแกล้ง เลยแจ้งเจ้าหน้าที่ อบต. เพื่อมาสร้างความรำคาญใจให้กับครอบครัวของตนเท่านั้นทั้งทั้งที่ตนก็เคยทะเลาะวิวาทกับบ้านใกล้เรือนเคียงอยู่บ่อยครั้งไม่เคยทะเลาะเรื่องสุนัขของตนแต่ทะเลาะเรื่องอื่นทางครอบครัวตนพร้อมที่จะต่อสู้และพิสูจน์หาข้อเท็จจริงอีกด้วย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อบต. สมชายสมาย. กลั่นวิลัย สมาชิก อบต. หมู่. 3 ได้ออกมายืนยันกับทางเจ้าหน้าที่ว่าสุนัขของนางพรซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 260 / 73ได้ก่อความรำคาญจริงทั้งเห่าหอนเสียงดังบางวันก็ไล่กัดคนในชุมชนจนทำให้คนในชุมชนหวัดระแวงและเกรงกลัวว่าจะโดนกัด. ตนเคยตักเตือนอยู่บ่อยครั้งแต่นางพร ไม่ใส่ใจแถมยังพูดจาด่าทอผู้คนในชุมชนมาโดยตลอดจนไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่ง วันนี้ตนกับลูกบ้านประมาณ 16 หลังคาเรือนได้รวมตัวกันยื่นหนังสือต่ออบต. เพื่อลงพื้นที่แก้ปัญหาให้กับชุมชนต่อไป

แม่ค้าออนไลน์โคราช ถูกค้นร้ายปลอมเป็นเพื่อนส่งข้อความยืมเงิน ก่อนหลงเชื่อสูญเงิน 23,000 บาท

แม่ค้าออนไลน์โคราช ถูกค้นร้ายปลอมเป็นเพื่อนส่งข้อความยืมเงิน ก่อนหลงเชื่อสูญเงิน 23,000 บาท

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ น.ส.ณิชกานต์ รักไทย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1841/20 ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา แม่ค้าขายออนไลน์หลังถูกคนร้ายแฮกเฟสบุ๊ค เพื่อนแล้วส่งข้อความมาขอยืมเงิน ก่อนจะรู้ตัวว่าเป็นคนร้ายก็หลงเชื่อโอนเงินให้ 23,000 บาท

จากการสอบถามน.ส.ณิชกานต์ เล่าว่า ที่ผ่านมา มีเพื่อนในเฟสบุ๊คและทำงานขายสินค้าออนไลน์ ด้วยกันส่งข้อความมาขอยืมเงินจำนวน 23,000 บาท โดยอ้างว่าจะโอนเงินไปจ่ายค่าสินค้าเพราะบัญชีธนาคารของตนมีปัญหาไม่สามารถโอนเงินออกได้ จึงอยากให้ช่วยโอนแทนและจะเอาเงินสดมาคืนให้ โดยให้โอนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อ น.ส.วิณุรา กลิ่นสุคนธ์ บัญชีเลขที่ 724-2-457803 ซึ่งตนก็หลงเชื่อยอมโอนเงินไป 23,000 บาท เพราะคนที่ส่งข้อความมารู้จักชื่อเล่น รู้ว่าทำงานอะไรและรู้ด้วยว่าตนกับเจ้าของเฟสบุ๊คตัวจริง พึ่งไปทานอาหารกันมาไม่กี่ชั่วโมง แต่ก่อนที่ตนจะเอะใจผิดสังเกตุคือคนร้ายส่งข้อความมาขอยืมเงินอีก 3,000 บาท ตนจึงแกล้งถามไปว่าใช่ตัวจริงหรือเปล่าและลองโทรผ่านเฟสบุ๊คไปหาแต่คนร้ายก็ไม่รับสายตน จึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อนเจ้าของเฟสบุ๊คว่าได้ส่งข้อความมายืมเงินหรือเปล่าซึ่งเพื่อนก็บอกว่าไม่ได้ส่งข้อความมายืมเงินตนจึงมั่นใจว่ามีคนร้ายแฮกเฟสบุ๊คเพื่อนแล้วส่งข้อความมามาหลอกยืมเงินดังกล่าว

อย่างไรก็ตามผู้เสียหายได้ทำการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.โพธิ์กลาง และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวคนร้ายและเจ้าของบัญชีธนาคารดำเนินคดีดังกล่าวต่อไป  และอยากฝากแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ใช้เฟสบุ๊คทุกท่านว่าให้ระมัดระวังมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าว  หากมีการส่งข้อความยืมเงิน ก็ขอให้ตรวจสอบให้ดีๆ ว่าใช่ตัวตนที่แท้จริงของผู้ยืมเงินหรือไม่และทางที่ดีไม่ควรให้ใครยืมเงินจะดีกว่า

ฝนตกไม่ทั่วฟ้า โคราชจ่อเจอวิกฤตภัยแล้ง 7 อำเภอ 24 ตำบล 93 หมู่บ้าน ขาดน้ำประปาอุปโภค บริโภค

      นายวิเชียร  จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ฤดูฝนที่ผ่านมามีฝนตกเฉลี่ย 800 มิลลิเมตร น้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ 1,081 มิลลิเมตร แต่โชคดีที่ปริมาณน้ำดิบในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทั้ง 5 แห่ง มีความจุเกินร้อยละ 70 จึงมีน้ำใช้เพียงพอ อย่างไรก็ตามพื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณฝนตกน้อยมาก ทำให้แหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ 17 อำเภอ 118 ตำบล 1,343 หมู่บ้าน  ได้แก่ อ.โนนแดง ,ประทาย ,ด่านขุนทด ,ขามทะเลสอ ,ลำทะเมนชัย ,คง ,บัวใหญ่ ,สูงเนิน , เมือง นครราชสีมา,เมืองยาง ,ห้วยแถลง ,พระทองคำ ,สีดา ,บ้านเหลื่อม ,ขามสะแกแสง ,บัวลาย และ สีคิ้ว เริ่มเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชลประทานและเกษตรอำเภอรวมทั้งฝ่ายปกครองได้สำรวจพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีและเตรียมประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ง โดยมีนาข้าว 687,153.20ไร่ และพืชไร่ 218,815 ไร่ เพื่อพิจารณาจ่ายค่าชดเชยความเสียหายตามสภาพความจริง ส่วนประปาเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา ซึ่งใช้น้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีน้ำอุปโภค บริโภคอย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้ง แต่ กปภ.ทั้ง 10 สาขา ต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะ กปภ.อ.คง ซึ่งใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตะคร้อ จากพื้นที่ความจุ 7 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้เหลือเพียง 8 แสน ลบ.ม. ถือว่าน้อยมาก จึงแก้ไขโดยสูบน้ำจากลำน้ำชีเข้ามาเพิ่มเติมให้เพียงพอและอ่างเก็บน้ำหนองตะไก้ อ.ห้วยแถลง ก็ต้องสูบน้ำเข้ามาเติมอย่างต่อเนื่องด้วย

ล่าสุดได้รับรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก 7 อำเภอ 24  ตำบล 93 หมู่บ้าน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีความห่วงใยและให้ความสำคัญในเยียวยาปัญหา ตนได้สั่งการให้นายอำเภอเฝ้าระวังเป็นพิเศษกับปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล สถานีอนามัย โรงเรียน และวัด ต้องตรวจสอบข้อมูลประเมินปัญหาอย่างต่อเนื่องแบบเดือนต่อเดือน จังหวัดพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จนถึงช่วงฤดูฝนในเดือนมิถุนายน 62 หากปรากฏความเดือดร้อนของราษฎรเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนน้ำตามสื่อต่างๆ ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของนายอำเภอ ซึ่งต้องติดตามและเร่งแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคให้ผ่านพ้นวิกฤตให้ได้

 

ประเทศไทยมีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ภาคีเครือข่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จัดสัมนา “ก้าวหน้าสู่จังหวัดที่ปลอดภัย ห่างไกลการบาดเจ็บจากจราจรทางบก อย่างยั่งยืน”

ประเทศไทยมีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ภาคีเครือข่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จัดสัมนา “ก้าวหน้าสู่จังหวัดที่ปลอดภัย ห่างไกลการบาดเจ็บจากจราจรทางบก อย่างยั่งยืน”

 

วันที่ 29-30 ตุลาคม 2561 ณ โรงแรม ดิ อิมพีเรียล ​โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช  อ.เมือง จ.นครราชสีมาในการสัมมนาวิชาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง“ก้าวหน้าสู่จังหวัดที่ปลอดภัย ห่างไกลการบาดเจ็บจากจราจรทางบก อย่างยั่งยืนโดยมีนพ.วีระพันธ์  สุพรรณไชยมาตย์ รองประธาน สสส. คนที่ 2ประธาน เปิดงาน นายปัญญา วงศ์ศรีแก้วปลัดจังหวัดกล่าวต้อนรับ  พล .ต.ต  ธีรพงศ์  วงษ์สมาน รอง ผบช  ตร ภาค 3  ร่วมมอบโล่ ท่านวิทยากร แขกผู้มีเกียรติ และผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่าน

รัฐบาลกำหนดให้อุบัติเหตุทางถนนเป็น “วาระแห่งชาติ” โดยดำเนินงานผ่านโครงสร้างศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ได้มีนโยบายและมาตรการต่างๆ เช่น ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีที่เน้นการทำงาน “ต่อเนื่อง ตลอดทั้งปี”  นำกลไก “ประชารัฐ” เป็นหลักบูรณาการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหา แต่ในการดำเนินงานส่วนใหญ่ยังอยู่คงเป็นการดำเนินงานในระบบสั่งการหรือแนวดิ่ง สอจร. โดย สสส. เป็นภาคีที่เข้ามาเสริมการทำงานในแนวราบ และในปี 2561 นี้ ได้เลือกจังหวัดนครราชสีมาเป็นเวทีจัดการสัมมนาวิชาการที่ดำเนินงานมาตลอดปีที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สอจร.อีสานล่าง โดย สอจร.(กลาง) ภายใต้การสนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นภาคีที่เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคีที่ทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในแนบราบมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2547                 ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทุกระดับ จึงจัดให้มีการสัมมนาวิชาการภาค ตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง “ก้าวหน้าสู่จังหวัดที่ปลอดภัย ห่างไกลการบาดเจ็บจากจราจรทางบก อย่างยั่งยืน” ขึ้นมาในวันที่ 29 – 30 ตุลาคม 2561 นี้  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีให้ผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พบปะ แลกเปลี่ยนแนวคิด ผลการดำเนินงาน รวมไปถึงงานวิจัยต่างๆ โดยมีรูปแบบของเวทีมีทั้ง การเสวนาพิเศษ  การทอล์กโชว์ การนำเสนอผลงานแบบ Oral Presentation /โปสเตอร์  นอกจากนี้ยังจัดให้มีการมอบรางวัลแก่บุคลดีเด่นและในดีเด่นในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนซึ่งผ่านการคัดเลือกจากภาคีในจังหวัด ในพื้นที่ของ 10 จังหวัด สอจร.อีสานล่าง  เวทีวันนี้มีผู้ร่วมงานจำนวน 150 คนเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกแล้วในตอนนี้  จากข้อมูลผู้เสียชีวิตที่บูรณาการจากข้อมูล 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พบว่า มีอัตราการตายเท่ากับ 36.2 คนต่อประชากร 1 แสนคน (ประมาณ 22,281 คนต่อปี) และยังมีผู้บาดเจ็บเฉลี่ยอีกประมาณ 107,542 คนต่อปี  และ ภาคที่สถิติสูงคือภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย

ตม.โคราช ปิดล้อมตรวจค้น จับ 3 ชาวอินเดียผิดกฎหมาย พร้อมเอาผิดคนไทยให้ที่พักอาศัย

ตม.โคราช ปิดล้อมตรวจค้น จับ 3 ชาวอินเดียผิดกฎหมาย พร้อมเอาผิดคนไทยให้ที่พักอาศัย

                ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนครราชสีมา ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พ.ต.ท.สุรชาติ ร่มสายหยุด รอง.ผกก.ตม.จว.นครราชสีมา เป็นประธาน พร้อมด้วย พ.ต.ท.บรรชิด หวังแววกลาง สว.ตม.จว.นครราชสีมา ปล่อยแถวระดมกวาดล้างแรงงานต่างด้าวทำผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันอาชญากรรมตามนโยบาย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม โดยมีตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าร่วมในครั้งนี้

              ต่อมาได้มีการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ซึ่งเป็น สัญชาติ อินเดียทั้งหมด ฐานความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ก่อนผลักดันออกนอกประเทศต่อไป และเปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านซึ่งเป็นคนไทย อาศัยตาม ม.37 ฐานความผิดฐาน ” เป็นเจ้าบ้าน รับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยโดยมิได้แจ้งการเข้าพักอาศัยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง ฯ ”  และเปรียบเทียบปรับจำนวน 1,600 บาท ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

              ด้าน พ.ต.ท.สุรชาติ ร่มสายหยุด รอง.ผกก.ตม.จว.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.กฤษฎากรณ์ กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จว.นครราชสีมา ให้ปฏิบัติตามนโยบายผู้บังคับบัญชา โดยปฏิบัติภารกิจ 0peration X-ray out law foreigner ปิดล้อมตรวจค้นแรงงานต่างด้าวแหล่งต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้งมา โดยจังหวัดนครราชสีมามีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 32อำเภอ ทำให้มีแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก และก็ยังพบมีการหลบหนีทำงานในเมืองไทย โดยการใช้พาสปอร์ตนักท่องเที่ยว และอยู่เกินเวลาตามกฎหมายกำหนด ซึ่งทาง ตม.และเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายมีการปราบปราม ป้องกันอย่างจริงจัง หากประชาชนพบเห็นสามารถแจ้งได้ที่ เบอร์สายตรง 1178

โคราชลือผีแม่ม่าย แห่นำเสื้อแดงแขวนหน้าบ้านพร้อมเขียนข้อความบอกว่า บ้านนี้ไม่มีผู้ชาย เพื่อป้องกันตายไม่ทราบสาเหตุ

โคราชลือผีแม่ม่าย นำเสื้อแดงแขวนหน้าบ้านแก้เคล็ด เขียนข้อความบอกบ้านนี้ไม่มีผู้ชาย ป้องกันตายไม่ทราบสาเหตุ >>มีคลิป<<

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหนองบึง หมู่ 15 ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ชาวบ้านหลายหลังคาเรือนที่มีผู้ชายอยู่ในบ้านกลัวผีแม่ม่ายเอาไปอยู่ด้วย นำเสื้อแดง มาแขวนและห้อยไว้ที่หน้าบ้านแก้เคล็ดหลังมีกระแสข่าวลือ มีชายนอนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ

โดยจากการสำรวจภายในหมู่บ้านพบหลายหลังคาเรือนนำเสื้อสีแดงมีแขวนไว้หน้าประตูบ้าน หรือตามต้นไม้หน้าบ้าน บางคนทำมาพาดไว้ที่ริมรั้วตามความเชื่อที่ว่าหากไม่ทำอาจจะมีผีแม่ม่ายมาเอาไปอยู่ด้วย คืออาจจะเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่บางราย มีข้อความเขียนไว้ด้วยว่าบ้านนี้ไม่มีผู้ชาย มีแต่ผู้หญิงเพื่อเป็นการแก้เคล็ดไม่ให้ผีแม่ม่ายเอาไปอยู่ด้วย

จากการสอบถาม นางสั่น เย็นดี อายุ 58 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้าน ที่นำเสื้อแดงมาแขวนและเขียนข้อความ บ้านนี้ไม่มีผู้ชายมีแต่ผู้หญิง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีข่าวลือว่าคนนอนตายไม่ทราบสาเหตุในหมู่บ้านอื่น ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นฝีมือของผีแม่ม่าย หากบ้านหลังไหนมีผู้ชายต้องเอาเสื้อแดงมาแขวนจะทำให้ผีแม่ม่ายเข้าใจว่าบ้านหลังนี้ไม่มีผู้ชาย จะทำให้ไม่เกิดเหตุลักษณะดังกล่าวขึ้น โดยตนซึ่งอยู่กับสามี จึงได้นำเสื้อมาแขวนไว้และเขียนข้อความไว้ด้วย โดยส่วนตัวเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้ยุ่งยากอะไร จึงนำเสื้อแดงมาแขวนไว้และเขียนข้อความบ้านนี้ไม่มีผู้ชายลงไปด้วยเพื่อความสบายใจ

โคราชเปิดให้ชมนิทรรศกาล ปฏิบัติการถ้ำหลวง 23-31 ตุลาคมนี้

ปฏิบัติการถ้ำหลวง วาระแห่งโลก

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครราชสีมาร่วมเป็นประธานเปิดงานการแสดงนิทรรศการและการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อถอดบทเรียนในมิติ เรื่อง ปฏิบัติการถ้ำหลวง
วันที่ 23 – 31 ตุลาคม2561
1. กรุงเทพ. จัดไปแล้ว
2. โคราช 23 – 31 ตุลาคม 2561
3. หาดใหญ่. 6 – 14 พฤศจิกายน 2561
ทางกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ชวนทุกท่านตะลุยถ้ำหลวงกับปฏิบัติการ 18 วัน ภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี ชมนิทรรศการ “ ปฏิบัติการ ถ้ำหลวง: วาระแห่งโลก” ส่วนภูมิภาค เพื่อร่วมเปิดปฏิบัติการ 18 วัน ร่วมถอดบทเรียนภารกิจช่วยชีวิต 13 หมูป่า สัมผัสถึงภารกิจที่ยากลำบาก รวมถึงแสดงความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อของคนทั่วโลก นับตั้งแต่วันที่หายตัวในวันที่ 23 มิถุนายน 2561 ณ ถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 (รวม18วัน) ที่สามารถช่วยเหลือหมูป่าตัวสุดท้ายออกจากถ้ำหลวงได้สำเร็จ ร่วมชมนิทรรศการนี้ได้ระหว่างวันที่ 23-31 ตุลาคม 2561 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซานครราชสีมา และ ระหว่างวันที่ 6-14 พฤศจิกายน 2561 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลหาดใหญ่ วันที 23 ต.ค.2561

ชาวบ้านสี่เหลี่ยมประมาณ30คนร่วมตัวกันมาร้องพ่อเมืองโคราช

ชาวบ้านสี่เหลี่ยมประมาณ30คนร่วมตัวกันมาร้องพ่อเมืองโคราช

วันที่ 23ตุลาคมพ.ศ.2561ณ.หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ชาวบ้านประมาณ30คนร่วมตัวกันมาร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านฯหมู่2ต.ช่องแมว อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมาเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา มารับหนังสือแทน ตอมาเจ้าหน้าที่เชิญชาวบ้านขึ้นมายังห้องประชุมชั้น2ของศาลากลางโดยมีนายปัญญา วงศ์ศรีแก้ว ท่านปลัดจังหวัดนครราชสีมา มารับหนังสือและร่วมประชุมกับชาวบ้านแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาโดยข้อความที่เขียนเป็นลายมือมีข้อความที่ร้องเรียนดังนี้ ข้อ1.เรื่องการกินเงินรับบริจาคทำบุญของหมู่บ้านเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 จังหวัดได้รับมอบหมายให้วัดสถานที่และมีความเจริญในการจัดประชุมคณะพระสังฆาธิการจังหวัดนครราชสีมา

จึงได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 8,500 บาทแต่ผู้ใหญ่บ้านไม่ได้นำเงินบริจาคไปมอบให้วัดที่ถูกชาวบ้านขายตัวต่อมาผู้ใหญ่บ้านจึงได้นำเงินไปให้วัดจำนวน 3,169 บาทชาวบ้านทราบข้อมูลทักท้วงต่อมาผู้ใหญ่บ้านจึงให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนำจำนวน2,000บาทโดยมีเจ้าหน้าที่การเงินของวัดเป็นผู้รับไว้เมื่อชาวบ้านทวงถามผู้ใหญ่บ้านได้อ้างว่าเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายค่าเครื่องดื่มและค่าน้ำมันรถข้อ 2 เรื่องการลักลอบตัดไม้บางนาในที่สาธารณะจำนวน 2 ต้นข้อ 3 เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 ชาวบ้านได้ทราบข่าวจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านประกาศหอกระจายข่าวว่าทางเบอร์โทรมาประเมินการปฏิบัติหน้าที่ในวันและเวลา 11 นาฬิกาขอให้ชาวบ้านได้ออกมาร่วมกันประเมินทุกคนเจ้าบ้านได้ออกมารวมตัวกันที่ทำการที่บ้านผู้ใหญ่บ้านแต่พบว่ามีชาวบ้านส่วนตัวจำนวนประมาณ 20 คนได้นั่งอยู่ที่ประชุมแล้ว      ส่วนชาวบ้านจำนวน100คนไม่เข้าไปโดยแจ้งว่าจะทางอำเภอได้คนคบแล้วชาวบ้านเกิดความสงสัยกินได้สอบถามแต่ไม่ได้คำตอบที่ถูกต้องและการท้าทายได้ให้ชาวบ้านโมโห ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านแบบประเมินให้ผู้ที่นั่งอยู่ในที่ประชุมก่อนแล้วเวลาต่อมามีปลัดอำเภอมาชี้แจงจากชาวบ้านว่าเวลานัดประเมินเวลา 16.30 นจะมาถึงได้หล่อตามนั้นต่อมาได้เชิญชวนชาวบ้านทั้งหมดมารวมกันและชี้แจงให้ชาวบ้านทราบถึงการประเมินสรุปว่าการประเมินผู้ใหญ่ไม่ได้เป็นการชี้ว่าผู้ใหญ่จะผ่านหรือไม่ผ่านการประเมินผู้ใหญ่ผ่านไปแล้วเมื่อชาวบ้านถามว่าที่ภรรยาผู้ใหญ่เจ็บแบบนี้มีชาวบ้านบางส่วนออกหมายความว่าอย่างไรต่อว่า ผมอธิบายแล้วยังไม่เข้าใจผมเป็นคนรู้กฎหมายและระเบียบมากกว่าใครทำให้ชาวบ้านหรือพอใจมีการต่อว่าต่อขานกันจึงนำทีมกลับไป

ข้อ 4 เรื่องการทุจริตในการเบิกจ่ายโครงการ 9101 จากคือผู้ใหญ่บ้านจะพูดได้ทำการช่วยเหลือโดยการทำเอกสารเท็จบิดเบือนข้อมูลในการเบิกจ่ายเงินจากบ้านส่วนใหญ่ให้ร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอลำทะเมนชัยเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 และได้มีการสอบสวนอย่างไม่โปร่งใสและเงียบหายไปจากบ้านได้โทรถามต้นทางอำเภอได้รับคำตอบแบบอายเพียงว่าให้รอสิ้นเดือนจะจัดงานถวายพระเพลิงรัชกาลที่ 9 ก่อนต่อมาชาวบ้านไปดูทำขอให้ถึงสิ้นเดือนกันยายน 2561 ก่อนค่อยประเมินการประเมินการปฏิบัติงานของผู้ใหญ่บ้านได้โกหกหลอกลวงชาวบ้านไว้เพื่อเป็นการประวิงเวลาทางเพื่อมาโดยตลอด

ในส่วนโครงการ 9 101 จึงขอร้องเรียนกับท่านดังต่อไปนี้ผู้ใหญ่บ้านสี่เหลี่ยมได้จัดทำเอกสารเบิกจ่ายเป็นเท็จโดยนำชื่อนางคำผู้เป็นภรรยาของตัวเองเบิกค่าแรงโดยที่เป็นเท็จได้งามชื่อนางคำทั้งๆที่ไม่ได้ไป ชาวบ้านได้ไงหลักฐานมาพร้อมทุกเรื่องขอร้องเรียนต่อท่านเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบผู้ใหญ่บ้าน     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าด้วยเหตุการณ์ที่ปลัดได้ออกมาชี้แจงต่อชาวบ้านเรี่องผลการประเมินเป็นข้อเท็จจริงอย่างไรในที่ห้องประชุมชั้นศาลากลาง จ.น.ม.แต่ชาวบ้านก้อต่างพากันโวยวายว่าเรื่องที่ชี้แจ้งนั้นไม่เป็นอย่างที่กล่าว(มีคริป)

ผู้สื่อข่าวจะได้ติดต่อได้ขอเบอร์ผู้ใหญ่บ้านฯกับชาวบ้านแล้วก็ได้รับคำตอบจากชาวบ้านว่าไม่มีของผู้ใหญ่บ้านฯให้กับผู้สื่อข่าวผู้สื่อข่าวจะได้จึงได้ติดต่อขอเบอร์โทรผู้ใหญ่บ้านฯเพื่อทำการสัมภาษณ์เรื่องที่ชาวบ้านมายื่นหนังสือร้องเรียนเป็นอย่างข้อความที่เขียนมาเป็นข้อเท็จจริงอย่างไร สำหรับทางจังหวัดนครราชสีมานั้นแจ้งทางชาวบ้านสี่เหลี่ยม หมู่2 ขอระยะเวลาการดำเนินการ45วันจากนั้นชาวบ้านก็ได้เดินทางกลับบ้าน