ฝนตกไม่ทั่วฟ้า โคราชจ่อเจอวิกฤตภัยแล้ง 7 อำเภอ 24 ตำบล 93 หมู่บ้าน

ฝนตกไม่ทั่วฟ้า โคราชจ่อเจอวิกฤตภัยแล้ง 7 อำเภอ 24 ตำบล 93 หมู่บ้าน ขาดน้ำประปาอุปโภค บริโภค

 นายวิเชียร  จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ฤดูฝนที่ผ่านมามีฝนตกเฉลี่ย 800 มิลลิเมตร น้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ 1,081 มิลลิเมตร แต่โชคดีที่ปริมาณน้ำดิบในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทั้ง 5 แห่ง มีความจุเกินร้อยละ 70 จึงมีน้ำใช้เพียงพอ อย่างไรก็ตามพื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณฝนตกน้อยมาก ทำให้แหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ 17 อำเภอ 118 ตำบล 1,343 หมู่บ้าน  ได้แก่ อ.โนนแดง ,ประทาย ,ด่านขุนทด ,ขามทะเลสอ ,ลำทะเมนชัย ,คง ,บัวใหญ่ ,สูงเนิน , เมือง นครราชสีมา,เมืองยาง ,ห้วยแถลง ,พระทองคำ ,สีดา ,บ้านเหลื่อม ,ขามสะแกแสง ,บัวลาย และ สีคิ้ว เริ่มเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชลประทานและเกษตรอำเภอรวมทั้งฝ่ายปกครองได้สำรวจพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีและเตรียมประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ง โดยมีนาข้าว 687,153.20ไร่ และพืชไร่ 218,815 ไร่ เพื่อพิจารณาจ่ายค่าชดเชยความเสียหายตามสภาพความจริง ส่วนประปาเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา ซึ่งใช้น้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีน้ำอุปโภค บริโภคอย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้ง แต่ กปภ.ทั้ง 10 สาขา ต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะ กปภ.อ.คง ซึ่งใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตะคร้อ จากพื้นที่ความจุ 7 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้เหลือเพียง 8 แสน ลบ.ม. ถือว่าน้อยมาก จึงแก้ไขโดยสูบน้ำจากลำน้ำชีเข้ามาเพิ่มเติมให้เพียงพอและอ่างเก็บน้ำหนองตะไก้ อ.ห้วยแถลง ก็ต้องสูบน้ำเข้ามาเติมอย่างต่อเนื่องด้วย

            ล่าสุดได้รับรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก 7 อำเภอ 24  ตำบล 93 หมู่บ้าน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีความห่วงใยและให้ความสำคัญในเยียวยาปัญหา ตนได้สั่งการให้นายอำเภอเฝ้าระวังเป็นพิเศษกับปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล สถานีอนามัย โรงเรียน และวัด ต้องตรวจสอบข้อมูลประเมินปัญหาอย่างต่อเนื่องแบบเดือนต่อเดือน จังหวัดพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จนถึงช่วงฤดูฝนในเดือนมิถุนายน 62 หากปรากฏความเดือดร้อนของราษฎรเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนน้ำตามสื่อต่างๆ ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของนายอำเภอ ซึ่งต้องติดตามและเร่งแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคให้ผ่านพ้นวิกฤตให้ได้

กสทช.เสริมสร้างความรู้บูรณาการข่ายสื่อสารในภัยพิบัติและเหตุฉุกเฉิน

กสทช.ภาค2 จัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
วันที่ 18-19 ตุลาคม 2561 รร.สตาร์เวลล์บาหลีรีสอร์ทจังหวัดนครราชสีมาสำนักงานกสทช.ภาค 2 และสำนักงานกสทช.เขต 23 จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างองค์ความรู้เครือข่ายและบูรณาการข่ายสื่อสารในสถานการณ์ภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินโดย

นายอัศวิน มุ่งคำชาว ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ผอ.กสทช.) ภาค 2 ประธาน พร้อมด้วยนายมงคล ฉัตรเวทิน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เขต 23 จังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับและคณะการจัดงาน กู้ภัยอื่นๆหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปภ.เขต5 เทศบาล ร่วมปฎิบัติการฝึกอบรมครั้งนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างองค์ความรู้เครือข่ายและบูรณาการข่ายสื่อสารในสถานการณ์ภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินโดย

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในหลักการและทิศทางในการจัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรวมทั้งเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้จบการตรงจากผู้ที่มีประสบการณ์รวมถึงได้พัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงาน และความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องวิทยุคมนาคมแบบสังเคราะห์ความถี่ (XYNTHESIZER)กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการใช้วิทยุคมนาคมและมอบใบประกาศนียบัตรแก่ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรม150คน วันที่สองของการประชุมมีการฝึกซ้อมข่ายสื่อสารโดยใช้นวัตกรรมโดยนักวิทยุสมัครเล่นหรือผู้แทนพร้อมทีมงาน ต่อมาได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการในรูปแบบการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะและสำหรับผู้ปฏิบัติงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกรณีที่เกิดเหตุภัยพิบัติ(การศึกษากรณีตัวอย่างทำเขานางนอน)

สมาคมเจ้าของคอกม้าแข่งจังหวัดนครราชสีมาแจ้งปัญหา!!สุนทรขี้ม้าขาวช่วยด่วน

สมาคมเจ้าของคอกม้าแข่งจังหวัดนครราชสีมาแจ้งปัญหา!!สุนทรขี้ม้าขาวช่วยด่วน

วันที่ 20 ตุลาคม 2561 ที่สมาคมเจ้าของคอกม้าแข่งจังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาโดยนายทองหล่อ เอี่ยมวงศ์ นายกสมาคมเจ้าของคอกม้าแข่งจังหวัดนครราชสีมา กรรมการสมาคมฯ และสมาชิกสมาคมฯได้มีการแถลงรายรับรายจ่ายในรอบปี2560-61ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้แจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายของสมาคมฯร่วมถึงการอยู่รอดของสมาคมฯมาทางด้านนายสุนทร  แพ่งไพรี ได้ขึ้นกล่าว  ปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้สมาคมยังไม่มีเงินเพราะอะไรย้อนกลับนิดนึงเมื่อก่อนจอกกี้ไม่เคยมีเงิน ผมลงทุน 800,000บาท วันนี้จอกกี้ยืนได้และมีความรู้ผมภูมิใจและได้ดำเนินการแต่กลับผมโด่นไล่ออกเทรนเนอร์ มีปัญหาผมเข้ามาแก้จนวันนี้มีเงิน 800,000 บาท วันนี้สมาคมมีปัญหาเพราะอะไรเฉพาะค่าไฟค่าพนักงานค่าลูกน้องก็หมดแล้วแลกตัวนี้อีก 4 คอกแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาบริหารผมว่าวันนี้เราต้องคิดไปข้างหน้าต้องเริ่มใหม่เรา

ต่อมาที่ประชุมนายกสมาคมกล่าวเกี่ยวกับเรื่องมารยาทการเข้าสนามม้าแข่งการใส่รองเท้าแตะกางเกงขาสั้นจะต้องโดนทำโทษรับเงินจำนวน 100 บาทต่อครั้งที่ไม่ปฏิบัติกฎกติกาและอื่นๆ  ส่วนการเลือกตั้งกรรมการผู้แทนเจ้าของคอกจำปี 2562 -2563สมาชิกได้เสนอชื่อกรรมการ  เลื่อกตั้งจำนวนห้าคนส่วนการเลื่อก นายกสมาคมเจ้าของม้าแข่งจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่นายทองหล่อ เอี่ยมวงษ์ เป็นนายกสมาคมฯอีกสมัย    นายทองหล่อ ซึ่งเป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่น กล่าวว่า ส่วนตัวเคยทำธุรกิจคอกม้า เคยมีม้าสูงสุดถึง 40-50 ตัว แต่ตอนหลังแบกรับต้นทุนไม่ไหว เพราะม้าตัวหนึ่งต้องมีคนดูแล 1 คน มีต้นทุนดูแลตัวละประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน ส่วนสมาคมฯ ปัจจุบันมีสมาชิกคอกม้าอยู่ประมาณ 100 คอก คอกละประมาณ 4-5 ตัว หรือ 10 ตัวบ้างก็มี นับว่าเป็นจังหวัดที่มีคอกม้ามากที่สุดแล้ว ที่ผ่านมา ม้าเหล่านี้จะไปแข่งหลายสนาม ไม่ว่าจะเป็นสนามที่จังหวัดนครราชสีมาถึงจังหวัดใกล้เคียง และในกรุงเทพฯ อีกด้วย

!!เป็นเรื่องใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมาร่วมภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุในการจราจรอันนำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิต

!!เป็นเรื่องใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมาร่วมภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุในการจราจรอันนำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิต

วันที่12 ตุลาคม 2561 เวลา 08:30 น. ณ โรงแรมดิอิมพีเรียลโฮเต็ลแอนด์คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์โคราช อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้มีการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการการติดตามผลการบริหารข้อมูลเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืนครั้งที่ 4 โดยนางปิยะฉัตร     อินสว่างรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาประชุมเชิงปฏิบัติการกล่าวรายงานโดย นางสมศรี  ค้า  ทันเจริญ ผู้จัดการสาขาบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจำกัด  สาขานครราชสีมานางณัฐธยาน์  ทองย้อย  ผู้จัดการภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างผู้จัดการบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด        เป็นผู้จัดงานในครั้งนี้ ร่วมถึงหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน

ปัญหาด้านความปลอดภัยทางถนนนับว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีที่ได้แถลงนโยบายของรัฐมนตรีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุในการจราจรอันนำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิตโดยความร่วมมือระหว่างฝ่ายต่างๆในการตรวจจับเพื่อป้องกันการรายงานและการดูแลผู้บาดเจ็บกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนโดยมีเป้าหมายที่จะลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่ำกว่า 10 คนต่อประชากร หนึ่ง แสนคนภายในปีพศ. 2563 ตามแนวทาง 5 เสาหลักของครอบครัวแห่งความปลอดภัยทางถนนอย่างเข้มข้นจริงจังไม่เฉพาะแต่ในช่วงเทศกาลสำคัญคือเทศกาลปีใหม่เทศกาลสงกรานต์เท่านั้นแต่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

(นางปิยะฉัตร อินสว่างรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา)การประชุมสัมมนาติดตามผลปฏิบัติการในครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่งที่ทุกท่านจะได้ร่วมกันนำเสนอผลการปฏิบัติการและระดมความคิดเห็นวิเคราะห์สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและปัจจัยเสี่ยงต่างๆและพื้นที่เพื่อกำหนดตัวชี้วัดมาตรการและแผนงานในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่รวมถึงรวมถึงสามารถขับเคลื่อนการรายงานข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่อย่างเป็นระบบถูกต้องและสมบูรณ์และที่สำคัญจะนำไปสู่การมีแผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัดเพื่อบูรณาการหน่วยงานกับทุกภาคส่วนในพื้นที่และการขับเคลื่อนดำเนินงานป้องกันและการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนทั้งในระยะสั้นระยะกลางและระยะยาวต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 10.00 น.ได้มีการแถลงข่าวสรุปผลการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดโดยนางปิยะฉัตร อินสว่างรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและภาคีเครือข่ายและต่อมาช่วงเวลาบ่ายโมงได้จัดทำ workshop จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดนครราชสีมาประจำปีงบประมาณ 2562 โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 การเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน กลุ่มที่ 2 ประเทศไทยขนส่งทางถนนปลอดภัย 4.0 ถูกที่ 3 ประชารัฐเพื่อถนนปลอดภัย และนำผลworkshopจากทั้ง3กลุ่มยุทธศาสตร์มาเสนอที่ประชุมกันต่อจากนั้นได้งานสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการโดยบริษัทคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจำกัดสาขานครราชสีมา ในการประชุมครั้งนี้มีจำนวนบุคลกรร่วมประชุม50คน

จากข้อมูลการเสียชีวิตและบาดเจ็บในปี 2560 ที่ผ่านมาของจังหวัดนครราชสีมามีจำนวนผู้เสียชีวิต 854 คนบาดเจ็บ 4,260 คนมีการขับเคลื่อนนโยบายในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนโดยใช้กลไกศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนครราชสีมามาแบบบูรณาการที่ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมโดยใช้ข้อมูล 3 ฐานมากำหนดแนวทางการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงพัฒนาระบบงานสนับสนุนให้มีความเข้มแข็งโดยเฉพาะการนำแผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับจังหวัดอำเภอและท้องถิ่นไปปฏิบัติเกิดความชัดเจนเป็นรูปประธรรมและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในพื้นที่ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินการป้องกันและการแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นระบบดังนั้นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจำกัดจึงเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายแห่งพรบคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถทำหน้าที่จ่ายค่าสินไหมทดแทนผู้ประสบภัยจากรถกรณีบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจึงได้จัดทำโครงการติดตามผลการบริหารข้อมูลเพื่อลดอุบัติเหตุอย่างยั่งยืนครั้งที่ 4 MIS FOU SUSTAINABLE  ROAD SAFETY(เวทีถนนปลอดภัย)

ชาวโคราชแห่ต้อนรับเทศกาลกินเจอย่างอิ่มบุญ อิ่มใจ8-17ต.ค.61

งานประเพณีเทศกาลถือศีลกินเจซึ่งจากความเชื่อว่าในช่วงตั้งแต่วันแรม 14 ค่ำเดือน 10 ปีจอตามจันทรคติตรงกับวันที่ 8 ตุลาคมถึง 17 ตุลาคม 2561 เทพเจ้าประจำดาวเคราะห์องค์ต่างๆ 9 พระองค์คือพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธพฤหัส พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู พระเกตุ จะส่งผลัดเปลี่ยนกันเสด็จลงมาตรวจโลกมนุษย์ทั้งกลางวันและกลางคืนส่งคอยสอดส่องดูแลและควบคุมทุกข์สุขของสัตว์โลกจากความเชื่อนี้หากบุคคลใดต้องการความรุ่งเรืองผาสุขในชีวิตก็ควรจะลดละอกุศลกรรมและพยายามสะสมแต่สิ่งที่ดีงามเพื่อจะได้รับพรจากเทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์

เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2561 เทศบาลเมืองนครราชสีมา ร่วมกับมูลนิธิพุทธรรม 31 (ฮุก 31)  จ.นครราชสีมา ศาลเจ้าพ่อเสือ จ.นครราชสีมา มูลนิธิสว่างเมตตาธรรม ฯลฯ ทำพิธีแห่องค์เทพเจ้ารอบเมืองโคราช เนื่องในงานเทศกาลถือศีลกินผัก (เทศกาลกินเจ) ประจำปี 2561ณ.ลานอนุเสาวรีย์คุณย่าโม จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 8 – 17 ตุลาคม 2561โดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย  นายกเหล่ากาชาด จังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา นายชัชวาล วงศ์จร ประธาน หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และคณะกรรมการมูลนิธิอื่นฯลฯพร้อมทั้งประชาชนชาวโคราชร่วมเปิดงานเทศกาลกินเจ   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการตั้งขบวนเดินรอบเมืองและรถแห่เทพเจ้าไปตามตัวเมืองนครราชสีมาเข้าสู่มูลนิธิฮุก31และเมตตาธรรมฯจากนั้นก็ทำพืธืต้อนรับเทพเจ้าที่จะลงมาประทับร่างทรงม้า มีการแสดงมังกรโชว์กายกรรมซึ่งเป็นการ แสดงเป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง   การกินเจครั้งนี้มีประชาชนได้แห่กันไปร่วมกินเจและบริจาคเงินคนละ10-100 บาทหรือตามกำลัง ที่จะบริจาคโดยทางมูลนิธิต่างๆก็จะตั้งตู้บริจาคไว้ในสถานที่กินเจ ต่อมา  ที่มูลนิธิเมตตาธรรมสถานฯช่วงเย็นมีการแข่งขันเชฟกะทะเหล็กมีทีมเดอะมอลล์  ทีมมูลนิธิเมตตา และทีมประชาชนที่เข้าแข่งขันในครั้งนี้ด้วย

สวนสัตว์โคราช รับสัตว์เลื้อยคลาน 260 ตัว จากสวนสัตว์ดุสิต โชว์ดาวเด่น เต่าหกดำอายุ 75 ปี ตะพาบเผือก จระเข้เคย์แมน

ที่ส่วนแสดงสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สวนสัตว์นครราชสีมา นายเทวินทร์  รัตนะวงศะวัต ผู้อำนวยการสวนสัตว์นครราชสีมา พร้อมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่บำรุงสัตว์ ร่วมรับมอบสัตว์เลื้อยคลานจากสวนสัตว์ดุสิต (เขาดินวนา) จำนวน 260 ตัว ได้แก่เต่าสายพันธุ์ต่างๆ โดยมีดาวเด่นเป็นเต่าหกดำเพศเมีย อายุ 75 ปี ตะพาบ ,กิ้งก่า ชนิดต่างๆ กิ้งก่าหางลิง ,ตะกวด ตะกวดแม่น้ำไนล์ ,มังกี้เทล และจระเข้เคย์แมน โดยมีการลำเลียงลงจากรถบรรทุกเพื่อจำแนก และตรวจสอบสุขภาพสัตว์ไปยังจุดจัดแสดงและคอกเลี้ยงต่างๆที่ได้มีการปรับปรุงก่อสร้างใหม่เพิ่มเติม อย่างระมัดระวัง

นายเทวินทร์ ฯ ผอ.สวนสัตว์นครราชสีมา เปิดเผยว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย หลังจากที่สวนสัตว์นครราชสีมา ได้มีการปรับปรุงและสร้างคอกส่วนแสดงใหม่ ใช้งบประมาณ 8 แสนบาท เพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายสัตว์จากสวนสัตว์ดุสิต (เขาดินวนา) จำนวน 413ตัว 112 ชนิด แบ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 23 ชนิด 56 ตัว สัตว์เลื้อยคลาน 76 ชนิด 317 ตัว สัตว์ปีก 8 ชนิด 34 ตัว สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง 5ชนิด 6 ตัว กำหนดแผนเคลื่อนย้ายให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน

พรรคชาติพัฒนา เดินเครื่องโมดิฟลายเปลี่ยนจากเดิมมาเป็นเครื่องหมายใหม่ โดยมีอักษร “ช” เป็นสีแดงขาวน้ำเงิน ในการเปิดประชุมใหญ่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง

พรรคชาติพัฒนา เดินเครื่องโมดิฟลายเปลี่ยนจากเดิมมาเป็นเครื่องหมายใหม่ โดยมีอักษร “ช” เป็นสีแดงขาวน้ำเงิน ในการเปิดประชุมใหญ่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง

วันที่5ตุลาคม2561เวลา09.30น.ณ.โรงแรมซิตี้พาร์ค ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จังหวัดนครราชสีมา. นพ.วรรณรัตน์” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เดินเครื่องโมดิฟลายจากเดิมมาเป็นเครื่องหมายใหม่ โดยมีอักษร “ช” เป็นองค์ประกอบขององค์ประชุมใหญ่สามัญพรรคชาติพัฒนาประกอบด้วย  กรรมการบริหารชาติพัฒนาจำนวน12   คน  ผู้แทนชาติพัฒนา จำนวน6 คน และ ตัวแทนสมาชิกพรรคชาติพัฒนาที่รับเชิญจากกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนาจำนวน223คน ในการเปิดประชุมใหญ่ เรียกสมาชิกแก้ไขข้อบังคับพรรคให้สอดรับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 60

สำหรับพรรคชาติพัฒนา ถือว่าจังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองหลวงของพรรค ที่มีสมาชิกนับแสนคน แต่การประชุมในครั้งนี้ตามระเบียบได้กำหนดไว้ให้สมาชิกเข้าร่วมประชุม 241 คน ซึ่งก็การประชุมที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติเหมือนกับทุกพรรคการเมืองที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามการประชุมในครั้งนี้ นอกจากจะมีการแก้ไขระเบียบข้อบังคับแล้ว ก็ยังจะมีเรื่องของการเปลี่ยนแปลงโลโก้เครื่องหมายของพรรคฯ

ผู้สื่อข่าวรายการว่า สำหรับพรรคชาติพัฒนา โดยการนำของ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรค เป็นประธานนายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการพรรค และ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา โฆษกพรรค ในที่ประชุม โดยบรรยากาศในช่วงเช้าเต็มไปด้วยคึกคัก เนื่องจากพรรคชาติพัฒนา ถือว่าเป็นพรรคการเมืองของคนโคราช ซึ่งก็มีพิธีการเปิดตัวผู้สมัครส่วนหนึ่งที่อยู่ในสังกัดพรรคชาติพัฒนาหลายคนและพร้อมเซอร์ไพล์เปิดตัว “น้องวิว”เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2004 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในกรุงเทพฯ
ส่งนักธุรกิจใหญ่ดร.บุญมา อิ่มวิเศษ ผู้บริหารเครือสตาร์เวลล์ เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปาตี้ลิสต์ “ในทีมพรรคชาติพัฒน์”ประกาศพร้อมสู้ศึกส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงครบทั้ง 14 เขตในโคราช มั่นใจ 3 เขตอำเภอเมือง

นอกจากนั้นได้มีหนังสือเชิญให้สมาชิกของพรรคพร้อมตัวแทนสาขาพรรคทั้ง 4 ภาค พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนา เข้าร่วมเข้าร่วมประชุม โดยวาระสำคัญก็คือการแก้ไขข้อบังคับพรรคให้สอดคล้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 รวมทั้งประกาศของคณะกรรมการเลือกตั้งที่มีข้อกำหนดให้พรรคการเมืองดำเนินการกิจกรรมทางการเมืองให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งก็เหมือนกับพรรคการเมืองเก่าๆ ที่จดทะเบียนเดิมอยู่แล้ว ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างถูกต้องตามกติกาที่กฎหมายได้กำหนด ซึ่งรายงานล่าสุดแจ้งว่าของกรรมการบริหารพรรคแจ้งว่านายสุวัจน์ ลิปตภัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและเป็นอดีตหัวหน้าชาติพรรคพัฒนาจะหวนกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง โดยจะมีการเลือกตั้งในการประชุมครั้งต่อไป

กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมา

กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมา

วันที่ 27 กันยายนพ. ศ. 2561 เวลา 10.00 น. ณ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่านครราชสีมาพีธีเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมา โดย  นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี นายอนันต์  ดนตรี  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมากล่าวรายงาน

การที่สำนักงานพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมาได้ดำเนินการส่งเสริมสินค้าและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป้าหมายพิเศษทางสังคมซึ่งได้แก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการให้มารวมตัวกัน

จัดงานเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมาในวันนี้เป็นการมุ่งเน้นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้รวมไปถึงยกระดับเศรษฐกิจฐานรากซึ่งจะทำให้กลุ่มเป้าหมายพิเศษทางสังคมดังกล่าวมีรายได้เพิ่มขึ้นสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้และยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการตลาดและการพัฒนากลุ่มอาชีพให้สามารถแข่งขันกับตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ในยุคปัจจุบันได้รวมไปถึงการส่งเสริมศักยภาพในกลุ่มเป้าหมายพิเศษได้มีแหล่งจำหน่ายพันธุ์ให้คุณค่าและพัฒนาตนเองพึ่งตนเองได้เป็นการแปลงภาระให้เป็นพลังของสังคมได้อย่างมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนต่อไปด้านในอนาคต (นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าว) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการ ได้ทำการแสดงเต้นท่าบาสโลบ และการเดินแบบของเด็กพิเศษ และเต้นบีบอย ต่อจากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้ไปทักทายเด็กกลุ่มพิเศษเหล่านั้นอย่างเป็นกันเอง โดยไม่ถือตัวเองเลย และนำเด็กๆไปตัดริบบิ้นเปิดร้านทอฝันด้วยตนเองนับว่าเป็นการให้โอกาสเด็กพิเศษเหล่านั้นได้แสดงความสามารถที่มีอยู่และให้กำลังใจการพัฒนาแนวความคิดของเด็กได้ต่อการพัฒนาขึ้นๆไปจนพวกเขาจะอยู่กับสังคมเหมีอนคนปรกติทั่วไปได้เสมอ

https://youtu.be/kH3ALJg5zv8

ชาวบ้าน ต.จระเข้หิน โคราช แห่หาเห็ดผึ้งขมขายสร้างรายได้เสริม กิโลกรัมละ 50 บาท

ชาวบ้านแห่หาเห็ดผึ้งขมขายสร้างรายได้เสริม ชูเมนูลาบเคี้ยวหนึบหนับ ขมหน่อยๆอย่างน้อยต้องลองชิมสักครั้งในชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันต่อเนื่องช่วงนี้ ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านตลิ่งชัน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เกิดมีเห็ดผึ้งขมงอกโผล่พื้นดินเป็นจำนวนมาก  ชาวบ้านหลากหลายพื้นที่รวมถึงชาวบ้านบ้านตลิ่งชันเอง พากันออกไปหาเก็บเห็นเพื่อนำมารับประทานเป็นอาหาร รวมถึงนำมาจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็ก ที่จะใช้โอกาสช่วงวันหยุดติดตามผู้ปกครองออกไปด้วย ถึงแม้ว่าเห็ดผึ้งขมจะไม่เป็นที่รู้จักและนิยมรับประทานเท่ากับเห็ดป่าชนิดอื่นอย่างเช่นเห็ดระโงก นางหงส์ หรือเห็ดโคน ก็ตาม

โดยเห็ดผึ้งขมนั้น เป็นเห็ดที่มีรูปร่างคล้ายกับเห็ดหอม และเห็ดตับเต่า ช่วงอ่อนดอกตูมจะมีสีม่วงเข้ม แต่หากแก่ดอกบานจะมีสีน้ำตาล มีรสชาติค่อนข้างขม แต่เป็นที่นิยมเพราะชาวบ้านเชื่อว่ามีสรรพคุณเป็นยา รักษาอาการปวดเมื่อย ลดอาการของโรคเบาหวาน  โดยราคาขายหากเป็นเห็ดสดราคาจะอยู่ที่ 40 บาท ต่อกิโลกรัม แต่หากต้มแล้วราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท โดยวันหนึ่งๆชาวบ้านจะหาเก็บเห็ดได้คนละ 3 – 5 กิโลกรัม ซึ่งถือถือเป็นรายได้เสริมอย่างดีของชาวบ้าน อย่างเช่นนางวิเชียร กลมกลาง อายุ 59 ปี และ นางแม้น ผลบุญ อายุ 66 ปี ชาวบ้านบ้านตลิ่งชันที่พากันออกมาหาเห็ด บอกว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกต่อเนื่อง อากาศร้อนอบอ้าว เห็ดผึ้งขมจึงออกดอกมากเป็นพิเศษ  ชาวบ้านนิยมที่จะนำไปต้ม แกง รวมถึงนำไปลาบ รสชาติก็จะออกขมเล็กน้อย แต่มีดีที่เห็ดมีความหนึบและเชื่อกันว่ามีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคเบาหวาน

โดยวิธีการทำลาบเห็ดผึ้งขมนั้น ต้องนำเห็ดมาทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือ จากนั้นนำไปลวกกับน้ำเดือดใสใบฝรั่งลงไป เพราะจะช่วยทำให้เห็ดผึ้งขมคลายความขมออกส่วนหนึ่ง เพราะหากไม่ใส่ใบฝรั่งรสชาติเห็ดจะขมมากเกินไป ลวกสัก 2 – 3 น้ำ   จากนั้นก็นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่เครื่องลาบ อาทิข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา ผักชีฝรั่ง หัวหอม ต้นหอม มะนาว ใบสาระแหน่ เป็นต้น คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติปรุงเพิ่มตามพอใจ ตักเสิร์ฟพร้อมกับผักเครื่องเคียง กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติจะออกขมนิดๆ เคี้ยวหนึบหนับ ถูกใจชาวไทยอีสาน  อย่างนี้ต้องลองชิมดูถึงจะรู้เอง

“อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน”สสส.โครงการต้นแบบโรงเรียนชุมชนวัดบ้านรวง

นครราชสีมา- โรงเรียนชุมชนวัดรวง โรงเรียนต้นแบบ“อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน”
เปิดแผน Fit พิชิตอ้วน@ชุมชนวัดรวง รณรงค์สุขภาพดีในโรงเรียน

(วันที่ 21 กันยายน 2561) โรงเรียนชุมชนวัดรวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา โรงเรียนต้นแบบ 1 ใน 25 โรงเรียนของโครงการสื่อสร้างสรรค์และกิจกรรมเพื่อรณรงค์โภชนาการสมวัย “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน” (ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักและผลไม้) ปีที่3 ในภูมิภาค จัดนิทรรศการโครงการแผน Fit พิชิตอ้วน @ชุมชนวัดรวง ภายใต้การสนับสนุนจากแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำงานร่วมกับสำนักโภชนาการสมวัย สำนักงานบริหารแผนงานอาหารและโภชนาการ เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน เครือข่ายคนไทยไร้พุง และชมรมโภชนาการเด็กแห่งประเทศไทย หวังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กในโรงเรียนให้ เข้าใจและเท่าทันโรคอ้วน
โดยดร.ประภาส นวลเนตร ผู้ทรงคุณวุฒิแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า โครงการสร้างสรรค์สื่อเพื่อการรณรงค์ลดน้ำหนักในเด็กระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน (ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก และผลไม้)” มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคในกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการใช้สื่อและกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย มุ่งใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ด้านสุขภาวะ มีการถ่ายทอดให้เกิดแรงบันดาลใจเพื่อการสื่อสารสุขภาวะ ในหัวข้อ “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน” โดยให้ความสำคัญกับครูผู้สอน เด็กนักเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชน ในการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (participatory learning)กลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ ได้แก่ นักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ในโรงเรียนสังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
“ทั้งนี้ผลการดำเนินงานโครงการ “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน (ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก และผลไม้)” ปี 2 พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอายุ ส่วนสูง และน้ำหนักของนักเรียนจากโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ มีการเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ หลังดำเนินโครงการฯ ความสัมพันธ์ระหว่างอายุ ส่วนสูง และน้ำหนักของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (สมส่วน) เพิ่มขึ้น ท้วมหรืออ้วนสูงลดลงเล็กน้อย ส่วนกลุ่มที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (ผอม) ยังคงมีเท่าเดิม ซึ่งโดยภาพรวมการดำเนินงานเป็นที่น่าพึงพอใจของทุกฝ่าย แต่ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานที่มีอยู่บ้าง คือ ผู้รับผิดชอบโครงการจำนวนหนึ่งยังไม่เข้าใจในตัวโครงการฯ อย่างชัดเจน เช่น วัตถุประสงค์ในการดำเนินโครงการฯ วิธีการดำเนินโครงการฯ ผลลัพธ์ที่เกิดจากการดำเนินโครงการฯ จึงส่งผลให้การจัดทำกิจกรรม สื่อหรือนวัตกรรม ไม่สอดคล้อง ไม่น่าสนใจ ไม่มีเอกลักษณ์ตามบริบทและภูมิสังคมของพื้นที่ รวมทั้งไม่ตอบโจทย์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ประการต่อมา ระยะเวลาในการดำเนินโครงการฯ มีอยู่อย่างจำกัด การขอความร่วมมือจากร้านค้าในพื้นที่ ในชุมชน และบริเวณโดยรอบโรงเรียน ยังทำได้ไม่ดีพอ ส่งผลให้เด็กนักเรียนยังมีช่องทางในการซื้ออาหาร ขนม และเครื่องดื่ม ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมาบริโภค ส่วนคณะทำงานมีไม่เพียงพอ แต่ละคนมีภารกิจมากเกินไป สุดท้าย คือ ผู้ปกครองและชุมชนไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่” ดร.ประภาส นวลเนตร กล่าว
เมื่อเป็นเช่นนี้ดร.ประภาส นวลเนตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปีนี้ได้มีการต่อยยอดและขยายผลไปยังโรงเรียนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 แห่ง จาก 22 จังหวัด ใน 4 ภูมิภาค ครอบคลุมนักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา ประมาณ 1,800 คน ทั้งนี้เราจะพาไปดูกันว่าโรงเรียนที่เป็นต้นแบบใน 25 โรงเรียนนี้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กในโรงเรียนให้ เข้าใจและเท่าทันโรคอ้วน โรงเรียนชุมชนวัดรวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา ก็เป็น 1 ในโรงเรียนต้นแบบครั้งนี้
ด้านนายประสงค์ ชูใจ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดรวง กล่าวว่า ในนิทรรศการโครงการแผน Fit พิชิตอ้วน @ชุมชนวัดรวง ครั้งนี้ทางโรงเรียนได้นำความเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนครราชสีมาเข้ามาปรับใช้เริ่มตั้งแต่การจัดให้มีตัวแทนนักเรียนแต่งชุดย่าโมออกศึก พาคณะกรรมการเดินเข้าประตูเมืองโคราช “วันประกาศชัยฟิต พิชิตอ้วน” ที่มีการจำลองให้เกิดขึ้นในโรงเรียน พร้อมทั้งมีการแสดงรำโทน โคราช และจัดนิทรรศการด่านต่างๆ ขึ้นมา อาทิ ด่านที่ 1 กลยุทธ์ชุดออกศึก, ด่านที่ 2 กลยุทธ์ชุดโภชนาการ และด่านที่ 3 กลยุทธ์เร่งฟิตพิชิตอ้วน พร้อมกับมีการแสดงรหัสการปรบมือ แผน Fit พิชิตอ้วน @ชุมชนวัดรวง เพื่อแสดงพลังและประกาศชัยชนะ ฟิตพิชิตอ้วน พร้อมกันทั้งโรงเรียนด้วย เพื่อหวังปลูกฝังการเรียนรู้ ความเข้าใจในเรื่องลดอ้วนอย่างถูกวิธี ถูกต้องตามหลังโภชนาการและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน เชื่อว่าไม่นานเด็กๆ ที่โรงเรียนชุมชนวัดรวง นี้จะมีสุขภาพที่ดีไม่อ้วน และไม่ผอมเกินไปอย่างแน่นอน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นางสาวฤทัยรัตน์ ไกรรอด โทรศัพท์ 082-596-9296