“จิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ” ร่วมแรงร่วมใจสร้างฝายกักเก็บน้ำในพื้นที่ห่างไกล

จิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ ร่วมแรงร่วมใจสร้างฝายกักเก็บน้ำในพื้นที่ห่างไกล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมเกียรติ ทองครบุรี ผู้ใหญ่บ้านคอกช้าง หมู่ที่ 11 ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี   จ.นครราชสีมา นำประชาชนจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจในพื้นที่ กว่า 50 คน ช่วยกันก่อสร้างฝายน้ำล้นเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง เนื่องจากหมู่บ้านคอกช้างไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคและ จนเกิดเป็นปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งเป็นประจำทุกปี  อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยดูแลผืนป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี และอุทยานแห่งชาติทับลาน จึงยังไม่มีระบบสาธารณูปโภคทั้งน้ำประปาและไฟฟ้า

ประกอบกับก่อนหน้านี้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดสรรงบประมาณจำนวนกว่า 4 แสนบาท เพื่อมาช่วยทำการขุดลอกคลองน้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้านไว้ให้แล้ว ทางชุมชนจึงช่วยกันระดมทุนและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆเพื่อมาสร้างฝายน้ำล้นไว้กักเก็บน้ำ โดยประชาชนจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ ได้ช่วยกันสร้างฝายน้ำล้นจำนวน 2 ตัว ให้ลดหลั่นกันไปแบบขั้นบันได ให้สามารถกักเก็บน้ำเป็นระยะๆ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูน้ำหลาก ปริมาณน้ำทั้งหมดที่ไหลลงมาจากเขาคอกช้างซึ่งอยู่ด้านบน จะไหลผ่านหมู่บ้านจนไม่มีเหลือ เพราะบริเวณหมู่บ้านเป็นที่สูงและไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าฝายที่สร้างขึ้นใหม่นี้จะสามารถกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ ไว้ให้ได้ใช้ต่อไปในอนาคต

>คลิป<<

 

สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา บูรณะโบราณสถานฉุกเฉิน ประตูชุมพล อายุกว่า 362 ปี

สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา บูรณะโบราณสถานฉุกเฉิน ประตูชุมพล อายุกว่า 362 ปี สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือ คุณย่าโม ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดนครราชสีมา ได้ทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2477 ประดิษฐานที่หน้าประตูชุมพล หรือเมื่อ 84 ปีที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนทั่วไปมีความเชื่อว่า ท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ ขอพรอะไรจะได้ตามใจหมาย จนเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ อีกทั้งท่านคือวีรสตรีผู้กอบกู้เมืองโคราช แต่เดิมนั้นประตูชุมพล เป็นประตูเมืองทางทิศตะวันตกของเขตเมืองเก่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองนครราชสีมาเป็นเมืองหน้าด่านเมื่อ ปี 2199 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์เสด็จขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา และโปรดเกล้าฯให้สร้างกำแพงประตูเมืองอย่างแข็งแรง เพื่อป้องกันการรุกรานจาก เขมร ญวน ลาว โดยเกณฑ์ช่างจากกรุงศรีอยุธยา เกณฑ์แรงงานจากเมืองโคราชและเมืองเสมาช่วยกันสร้างขึ้น ซึ่งในขณะนั้นมีนายช่างชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบและวางผังเมืองให้ ปัจจุบันได้ชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา ทางสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา จึงได้มีการบูรณะซ่อมแซมโบราณสถานฉุกเฉินเร่งด่วน

ด้าน นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ตามโครงการบูรณะโบราณสถานฉุกเฉินเร่งด่วน งบลงทุน (ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง) เพื่อใช้ซ่อมแซมประตูชุมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัด ปุราณรักษ์ เป็นคู่สัญญา เป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 256,000 บาท (สองแสนห้าหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยสัญญาเริ่มต้นวันที่         10 สิงหาคม 2561 สิ้นสุด วันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 ตามสำเนาสัญญาจ้าง เลขที่ 5/2561 ลงวันที่        15 สิงหาคม 2561

ด้านนักท่องเที่ยว เล่าว่า การที่มีการซ่อมแซมประตูชุมพล ใหม่นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากว่าเป็นประตูเก่าแก่ ที่ยังคงมีโครงสร้างเก่าหลงเหลืออยู่ สืบทอดให้คนรุ่นหลังได้ดูและศึกษาประวัติศาสตร์จากอดีตถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นหน้าตาของชาวจังหวัดนครราชสีมาอีกด้วย

>คลิป<<

พบโคตายติดกัน 3 ตัว และล้มป่วย 2 ตัว ที่ อ.บัวใหญ่ โคราช ปศุสัตว์เร่งหาสาเหตุ ป้องกันความแตกตื่น

พบโคตายติดกัน 3 ตัว และล้มป่วย 2 ตัว ที่ อ.บัวใหญ่ โคราช ปศุสัตว์เร่งหาสาเหตุ ป้องกันความแตกตื่น

            ที่บ้านเลขที่ 87 บ้านห้วยคร้อ หมู่ 5 ต.ห้วยยาง อ.บัวใหญ่ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 กันยายน นายอำนาจ  สุรินทร์ต๊ะ ปศุสัตว์อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่ปกครองได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพบโคตายจำนวน 3 ตัว โดยไม่ทราบสาเหตุ

พบนายอนุชาติ  ถมกลาง อายุ 44 ปี เจ้าของโคและเพื่อนบ้านกำลังเฝ้าดูแม่โคและลูกอ่อน ซึ่งมีอาการเชื่องซึมกินหญ้าได้น้อยกว่าปกติพร้อมจับกลุ่มพูดคุยด้วยความรู้ ความเข้าใจสันนิษฐานสาเหตุโคล้มตายรวม 3 ตัว ในระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์และป่วยอีก 2 ตัว เกิดจากโรคระบาด อาจทำให้โคของนายอนุชาติ ฯ จำนวน 10 ตัว ที่เลี้ยงรวมกับโคที่ตาย มีโอกาสติดเชื้อเพิ่มรวมทั้งขยายวงลุกลามเกิดโรคระบาดในพื้นที่ เนื่องจากในละแวกดังกล่าวมีการเลี้ยงโค-กระบือเป็นจำนวนมาก นายอำนาจ ฯ และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโคที่ที่ล้มป่วยเป็นแม่โค อายุ 7 ปี และลูกอ่อน พบอาการเป็นไข้ อ่อนเพลีย จึงให้ยาปฏิชีวนะ ยาบำรุง โดยให้รีบเคลื่อนย้ายโคป่วยไปกักบริเวณและให้เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดรวมทั้งพ่นยาฆ่าเชื้อโรคและให้นายอนุชาติ ฯ จัดการโรงเรือน (คอกเลี้ยงสัตว์) ให้เหมาะสม เน้นความสะอาดและลดความแออัด

นายอำนาจ ฯ ปศุสัตว์อำเภอบัวใหญ่ เปิดเผยว่า โคของนายอนุชาติ ซึ่งเลี้ยงไว้จำนวน 13 ตัว ทั้งหมดเป็นโคเนื้อ พันธุ์พื้นเมืองได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคครบถ้วย โดยเลี้ยงแบบชาวบ้านปล่อยให้โคเดินหากินหญ้าตามแปลงเกษตรกันเอง ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่มีฝนตกแทบทุกวัน นายอนุชาติ ฯ จึงกักโคไว้ในโรงเรือนและออกไปหาหญ้าที่ขึ้นตามไร่อ้อยและไร่มันสำปะหลังมาให้โคกิน ต่อมาโคตัวผู้อายุเฉลี่ย 8 เดือน ถึง 1 ปี รวม 3 ตัว ได้ล้มป่วยกะทันหันและทยอยตาย เบื้องต้นมีอาการอ่อนเพลียไม่กินหญ้าและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ลักษณะปอดติดเชื้อ เจ้าของได้นำซากไปฝังก่อนหน้านี้ จึงไม่สามารถชันสูตรพลิกศพตามหลักการสัตวแพทย์ได้ โรงเรือนที่ปลูกสร้างอยู่ใกล้ๆบ้านพักมีพื้นที่คับแคบ ไม่ได้กางมุ้งตามพื้นค่อนข้างสกปรก มีความชื้นแฉะทั้งน้ำฝนและมูลสัตว์จนส่งกลิ่นเหม็น การเป็นอยู่อย่างแออัด เมื่อมีฝนตกโคจะมายืนรวมกัน เพื่อหนีละอองน้ำฝนประกอบกับนายอนุชาติ ที่ต้องออกไปตระเวนหาหญ้าตามแปลงเกษตรกรรม โดยไม่สอบถามเจ้าของเกี่ยวกับได้ใช้ยาฆ่าหญ้าหรือไม่ ซึ่งหญ้าอาจมีสารพิษตกค้าง เมื่อโคกินอาจทำให้ล้มป่วยตาย ส่วนโคของชาวบ้านที่เลี้ยงในละแวกใกล้เคียง เบื้องต้นยังมีสุขภาพ แข็งแรง เนื่องจากได้จัดการโรงเรือนเหมาะสม เพื่อป้องกันโรคและไม่ให้เกิดความแตกตื่น ตนได้ชี้แจงให้ความรู้ทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชนและเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือในหมู่บ้าน เน้นการจัดการโรงเรือนให้เหมาะสมและการเฝ้าดูพฤติการณ์โค-กระบือ ส่วนสาเหตุการป่วยและตาย เบื้องต้นไม่ใช่โรคระบาดอย่างแน่นอน อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง

เมืองโคราชผุดโครงการ “รถรางเพื่อน้อง” บริการฟรี! หวังแก้ปัญหารถติดชั่วโมงเร่งด่วนบนถนนมิตรภาพ

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ  “รถรางเพื่อน้อง” โดยมีตัวแทนจากตำรวจภูธรภาค 3 เทศบาลนครนครราชสีมาและบริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ร่วมเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ณ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช

พันตำรวจโท โกสินทร์ สะอาดวงศ์ รองผู้กำกับการจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เผยว่า “จากแนวคิดของ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ร่วมกับ เทศบาลนครนครราชสีมา จัดทำโครงการ “รถรางเพื่อน้อง” หวังแก้ปัญหาการจราจรบนถนนมิตรภาพในช่วงเวลา 07.00-08.00 น. โดยเส้นทางนี้มีสถานศึกษาขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณดังกล่าวถึง 4 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา,โรงเรียนเมืองนครราชสีมา, โรงเรียนสุรนารีวิทยา และวิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา ซึ่งมีนักเรียน นักศึกษา รวมกันทั้ง 4 แห่งกว่า 20,000 คน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้ปกครองต้องเดินทางไปส่งนักเรียน นักศึกษา ส่งผลให้มีปริมาณรถบนท้องถนนมากและทำให้รถติด โดยเฉพาะเส้นทางสี่แยกตลาดประปาไปจนถึงบริเวณสามแยกถนนสุรนารายณ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา จากการดำเนินโครงการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มีสถิตินักเรียนใช้บริการนับตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2561 ถึง5 กันยายน 2561 จำนวนทั้งสิ้น 10,542 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 4,180 คน และช่วงเย็น 6,362 คน ทำให้ปริมาณนักเรียนที่ใช้บริการรถรางเฉลี่ยอยู่ที่ 211 คน/วัน โดยกระแสตอบรับจากนักเรียนและผู้ปกครองเป็นไปในทิศทางที่ดี และต้องการให้ขยายโครงการเพิ่มเติม

นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมากล่าวเสริมว่า “แรกเริ่มโครงการได้จัดรถราง จำนวน 3 คันและภายหลังได้รับการสนับสนุนรถรางจากห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราชอีก 2 คัน ทำให้ปัจจุบันมีรถรางไว้บริการรับ-ส่ง ไปยังสถานศึกษาทั้ง 4 แห่ง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นจำนวน 5 คัน ซึ่งรองรับนักเรียน นักศึกษาได้ 220 คน/ครั้ง ให้บริการรับ-ส่ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ แบ่งเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบเช้า เวลา 07.20 น. และรอบเย็น เวลา16.40 น. ใช้เวลาเดินทางเฉลี่ย 5-7 นาที/ครั้ง เดินทางไป-กลับ ระหว่างจุดจอดบริเวณหน้าเดอะมอลล์โคราชและจุดจอดโรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนบริเวณหน้าสถานศึกษาให้ยานพาหนะที่สัญจรผ่านบริเวณหน้าโรงเรียนสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวก ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปส่งบุตรหลานและเป็นการช่วยลดการใช้พลังงาน ลดมลภาวะจากควันรถ อีกทั้งเพื่อเปิดทางให้รถพยาบาล รถกู้ภัย หรือรถของประชาชนในการลำเลียงผู้ป่วยสามารถใช้เส้นทางนี้ไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้อย่างสะดวกและรวดเร็วอีกด้วย”

ด้านนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด เผยว่า “รถรางเพื่อน้องเป็นโครงการที่ดี สามารถลดปัญหาการจราจรติดขัดได้จริง โดยเดอะมอลล์โคราชให้การสนับสนุนรถ shuttle bus จำนวน 2 คัน และพื้นที่ในการรับ-ส่ง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดเส้นทางอย่างเต็มที่ อีกทั้งผู้ปกครองสามารถวางใจได้เพราะทุกที่นั่งได้ทำประกันชีวิตกับไทยประกันชีวิตโดยมีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2561- 28 มิถุนายน 2562 คิดเป็นเงินคุ้มครองจำนวน 10 ล้านบาท และด้วยสถานที่อันเป็นศูนย์กลางของผู้ปกครอง มีความสะดวกสบายที่เดอะมอลล์โคราชจะสามารถมอบให้ได้ เป็นการสร้างความปลอดภัย ความตรงต่อเวลาและประหยัดเวลาในการรับส่งบุตรหลานของพี่น้องชาวโคราช ทางเดอะมอลล์โคราชก็ยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนครับ”

พบแล้ว ‘ครูโตโต้’ มือโพสต์ด่าเด็กร้อยมาลัยไม่สวย ไหว้ขอโทษสังคมทำไปเพราะอยากให้ผลงานออกมาดี ด้านผู้ปกครองให้อภัย

พบแล้ว ‘ครูโตโต้’ มือโพสต์ด่าเด็กร้อยมาลัยไม่สวย ไหว้ขอโทษสังคมทำไปเพราะอยากให้ผลงานออกมาดี  ด้านผู้ปกครองให้อภัย มี ผอ.และผู้นำชุมชน ร่วมรับฟัง>>> มีคลิ๊ป<<<

            สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ‘เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ return’ ได้แคปข้อความและรูปภาพจากโพสต์ของชายที่เป็นข้าราชการครูคนหนึ่ง ได้โพสต์รูปภาพเด็กนักเรียนยืนถือพวงมาลัยกร พร้อมระบุข้อความว่า “ร้อยได้เหี้ยมากนักเรียน วันนี้ร้อยไม่ผ่าน พวกมึงนั่งร้อยอยู่นี่แหละ จนกว่าจะถึง 2 ทุ่ม” เป็นการโพสต์ภาพนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 จำนวน 3 คน และพิมพ์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย

หลังจากเรื่องดังกล่าวเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียล ทำให้ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของบุคคลที่เป็นข้าราชการครูรายนี้เป็นอย่างมาก จนถึงขั้นมีการตามเข้าไปคอมเม้นต์ด่าถึงในเฟซบุ๊กส่วนตัว อีกทั้งเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return เอ่ยไว้ว่าหากไม่มีการสอบวินัยผู้โพสต์จะตามไปแฉไปจนถึงเมืองโคราชจนกว่าจะนำตัวไปสอบให้ได้ อย่างไรก็ตาม โพสต์ต้นฉบับนั้นได้ถูกลบออกไปแล้ว ต่อมาทางครูคนดังกล่าวก็ได้โพสต์ข้อความความข้อโทษต่อสังคมถึงการกระทำที่ได้โพสต์ข้อความไม่เหมาะสมลงไป

ล่าสุด วันที่ 5 กันยายน 2561 ที่ โรงเรียนชาติวิทยา หมู่ที่ 9 บ้านหนองซาด ตำบลหนองขาม อำเภอจักราช จังหวัดนคราชสีมา เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 นายสมเกียรติ  พึ่งจันดา ผู้อำนวยการโรงเรียนชาติวิทยา พร้อมด้วย ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองเด็กนักเรียนทั้งสามคน และ นายมงคล โคตรชัง หรือ ครูโตโต้ ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย สอนวิชาภาษาอังกฤษ ครูผู้ที่โพสต์ข้อความไม่เหมาะสมร่วมชี้แจง โดยฝ่ายผู้ปกครองนักเรียนไม่ติดใจเอาความพร้อมให้อภัยครูถือว่าเป็นบทเรียน อาจทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากครูโตโต้เป็นคนทำงานดี สอนดี และจริงจังกับงาน และมีฝีมือในงานร้อยมาลัยงานฝีมือจึงได้ให้ช่วยดูเรื่องดังกล่าว ซึ่งเรื่องที่โพสต์ไปอาจเครียดกดดัน เพราะอยากให้งานร้อยมาลัยนักเรียนออกมาดี เนื่องจากสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เด็กนักเรียนทั้งสามคนต้องไปแข่งประกวดศิลปหัตถกรรมระดับจังหวัด จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้จับมือกันและไหว้เป็นการขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น

นายสมเกียรติ  พึ่งจันดา  ผู้อำนวยการโรงเรียนชาติวิทยา กล่าวว่า  เมื่อช่วงเช้าทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่มาสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ทางครูมงคลก็ยอมรับว่าโพสต์ไปด้วยอารมณ์ แต่ไม่มีเจตนาจะว่ากล่าวนักเรียนเลย จากนั้นทางศึกษาธิการจังหวัดจึงได้สรุปแนวทาง โดยให้ผู้อำนวยการลงโทษครูมงคลโดยว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อจะได้ไม่ให้ครูมงคลกระทำความผิดซ้ำอีก และครูมงคลเองก็สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก และทางฝ่ายผู้ปกครองและนักเรียนเองก็ให้อภัยสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากครูมงคลเป็นคนตั้งใจทำงานและอาจจะพลั้งเผลอผิดไปในครั้งนี้ และทางฝ่ายผู้นำชุมชนและคณะกรรมการสถานศึกษาก็เห็นใจครูที่มีความมุ่งมั่นที่จะพานักเรียนแข่งขันในการประกวดศิลปหัตถกรรมร้อยมาลัยระดับจังหวัด แต่ก็ได้ตักเตือนให้ผู้อำนวยการดูแลบุคลากรด้านความประพฤติ เพราะครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กและสังคม

ทางด้าน นายมงคล โคตชัง หรือ ครูโตโต้ ผู้โพสต์ข้อความไม่เหมาะสม ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย สอนวิชาภาษาอังกฤษ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมาก เพราะว่าแค่เวลา 3-4 นาทีที่โพสต์ข้อความไปในเฟสบุ๊ก ไม่คิดว่าจะทำให้ข่าวแพร่กระจายมากขนาดนี้ ตนเองรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมากในการใช้โซเชียลอย่างขาดสติ และรู้สึกเสียใจแทนผู้ปกครองและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ รวมถึงวงการการศึกษาที่ตนเองทำให้วงการครูต้องเสียชื่อเสียง ก็อยากขอโทษสังคมอยากให้สังคมให้อภัย สิ่งที่ผมทำลงไปเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อ และขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้กับตนเองและกับผู้ที่จะใช้โซเชียลให้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนโพสต์เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาแบบตนเอง

             

ประชาชนโคราช!!แห่ฟังและเสนอแบบสถานีไม่สะใจวัยรุ่นในการจัดเวทีเสวนาแนะนำโครงการ และรับฟังข้อเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย

ประชาชนโคราช!!แห่ฟังและเสนอแบบสถานีไม่สะใจวัยรุ่นในการจัดเวทีเสวนาแนะนำโครงการ และรับฟังข้อเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย

วันที่ 5 กันยายน 2561 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดโครงการ  การศึกษาผลกระทบทางสังคมจากการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย กิจกรรม : การจัดเวทีเสวนาแนะนำโครงการ และรับฟังข้อเสนอแนะ ณ หอประชุมอนุสรณ์ 70 ปี โดยได้รับเกียรติจาก

นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดี กล่าว พลโทจเรศักณิ์ อานุภาพ สมาชิกสภานิติบัณฑิตแห่งชาติ และ ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม

โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย โดย นายธนพล จรัลวณิชวงศ์ พร้อมด้วย นายพณา ศุภฐิติพงศ์ สำนักงานโครงการพัฒนาระบบราง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อาจารย์ทศวรรณ นิจพาณิชย์ นายเจษฎา นาวาสิทธิ์ ที่ปรึกษาการรถไฟแห่งประเทศไทย และ นายปราการ ภูมิผล วิศวกรโครงการ

การจัดโครงการการศึกษาผลกระทบทางสังคมฯ ครั้งนี้ สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบาย

ดำเนินโครงการภายใต้ความร่วมมือพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย ระยะทาง 837 กิโลเมตร ที่เป็นการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งโครงการดังกล่าวอาจะส่งผลกระทบเชิงบวกและลบ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่าน บริเวณสถานีรถไฟ จังหวัด และอำเภอที่สถานีรถไฟตั้งอยู่

ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จึงร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น สนับสนุนโดย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ทำการศึกษา

วิจัยผลกระทบจากการดำเนินโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ-หนองคาย 5 ประเด็นหลัก คือ  สถานภาพปัจจุบัน (Existing Condition) ของพื้นที่ที่รถไฟวิ่งผ่าน และบริเวณโดยรอบสถานี

ผลกระทบด้านการก่อสร้างและบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป  ผลกระทบด้านการค้าการลงทุน  ผลกระทบด้านการท่องเที่ยวและบริการ และ ผลกระทบด้านการเคลื่อนย้ายประชากร โดยจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในจังหวัดและอำเภอตลอดเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่านและบริเวณที่สถานีรถไฟตั้งอยู่ ทั้งการสอบถาม สัมภาษณ์ จัดกิจกรรมสนทนากลุ่ม (Focus Group) รวมทั้งการจัดเวทีเสวนารับฟังความคิดเห็น เพื่อประมวลผลข้อมูลในภาพรวม พร้อมจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับรัฐบาล หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผน และจัดเตรียมมาตรการรับรองผลกระทบที่เกิดขึ้นในอนาคต ปิดท้ายด้วยการเปิดเวทีเสวนาซักถามและรับฟังข้อเสนอแนะการดำเนินโครงการ

การแข่งขันเอแม็ท ชิงแชมป์ประเทศไทยและนานาชาติ ครั้งที่ 13ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

การแข่งขันเอแม็ท ชิงแชมป์ประเทศไทยและนานาชาติ ครั้งที่ 13ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ์บดินทรเทพยวรางกูล

 อาจารย์นำนักเรียนตลอดจนผู้ปกครอง ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันเอแม็ท ครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 10.00น.การแข่งขันเอแม็ท ชิงแชมป์ประเทศไทยและนานาชาติ ครั้งที่ 13ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ์บดินทรเทพยวรางกูลที่ MCC Hall  ชั้น 3 เดอะมอลล์นครราชสีมาโดยได้รับเกียรติจาก คุณปัญญา วงศ์ศรีแก้ว ปลัดจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานในพิธี คุณวิโรจน์ ถาวรวัตนยงค์ นายกสมาคมฯกล่าวต้อนรับ คุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฎิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัดร่วมงาน

 ผมรู้สึกดีใจที่ได้เห็นอาจารย์นักเรียนตลอดจนผู้ปกครอง ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เป็นจำนวนมากรวมทั้งในปีที่ยังมีนักกีฬาจากต่างชาติสนใจเข้าร่วมการแข่งขันซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าและการขยายตัวสู่สากลอย่างชัดเจนเกมกีฬาเหล่านี้นอกจากจะส่งเสริมการกีฬาแล้วยังมีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในด้านการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทยโดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์อีกทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆได้นำกิจกรรมแข่งขันนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมการเรียนอันจะทำให้เยาวชนไทยเราได้ความรู้จากความสนุกสนานควบคู่กันไปและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ตลอดจนทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้นนอกจากนี้นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีและปลื้มปิติต่อทุกท่านในวงการที่การแข่งขันครั้งนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขัน a Math Gameในรุ่นโอเพ่นตามที่ท่านประธานจัดการแข่งขันได้กล่าวถึงความคืบหน้าและความสำเร็จของการแข่งขันนี้ผมขอแสดงความยินดีและชื่นชมต่อคณะกรรมการการจัดการแข่งขันผู้สนับสนุนการแข่งขันทุกๆท่านและคณะครูอาจารย์ที่ได้ช่วยกันเสริมสร้างคุณประโยชน์ต่อการกีฬาและการศึกษาของเยาวชนในภูมิภาคนี้และสังคมไทย (คุณวิโรจน์ ถาวรวัตนยงค์ นายกสมาคมฯกล่าว)

พบการแข่งขันพัฒนาทักษะความรู้ อาทิ เอแม็ท เกมต่อเลขคำนวณ, ครอสเวิร์ดเกม เกมต่อคำภาษาอังกฤษคำคม เกมต่อศัพท์ภาษาไทย, ซูโดกุ เกมถอดรหัสตัวเลขไอคิวเวิร์ดอัพ ตอบคำถามภาษาอังกฤษและความรู้ทั่วไปภาษาไทยครอสเวิร์ดพัซเซิล ปริศนาอักษรไขว้ภาษาอังกฤษและปริศนาอักษรไขว้ภาษาไทยไฮไลท์! ชมการถ่ายทอดสด การแข่งขันรุ่นโอเพ่นได้จากทั่วทุกมุมโลกผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ภายในงาน

 

 

โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบก(Dry Port) พ่อเมืองโคราช !!ฟันธง มั่นใจสู้ในหลักเกณฑ์ตัดสินกับขอนแก่นได้

โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบก(Dry Port) พ่อเมืองโคราช !!ฟันธง มั่นใจสู้ในหลักเกณฑ์ตัดสินกับขอนแก่นได้

วันที่ 29 สิงหาคมพศ 2561 ณ ห้องประชุมสุรนารีปีโรงแรมดิอิมพีเรียลโฮเต็ลแอนด์คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์โคราช จังหวัดนครราชสีมากำหนดการประชุมกลุ่มเป้าหมาย(Focus Group )เพื่อรับฟังความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวข้องครั้งที่ 1งานศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบกDry Port เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาประธานการประชุม นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรกล่าวรายงาน ดร.สมพงษ์ รักษาสุวรรณ ผู้จัดการโครงการนำเสนอการพัฒนาท่าเรือบกและคณะ ู้แทนหน่วยงานรัฐภาคเอกชนและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน

ความจำเป็นจะต้องมีท่าเรือบกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็มีการพิจารณาพื้นที่ไว้ก็คือจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดขอนแก่นแล้วก็มีหลักเกณฑ์ตัดสินผมคิดว่าปริมาณสินค้าที่จะใช้บริการท่าเรือบกซึ่งวันนี้วิทยากรซึ่งวันนี้วิทยากรพูดว่าใช้บริการท่าเรือบกประมาณปีละ 700,000 ตันหรือ 70,000 ตู้ต่อปี ซึ่งก็จะต้องมาดูว่าจังหวัดนครราชสีมาหรือจังหวัดขอนแก่น สามารถรวบรวมปริมาตรสินค้าได้เท่าไหร่จากการหาข้อมูลในเบื้องต้นของจังหวัดนครราชสีมาเราคิดว่าเรามีตัวเลขเฉพาะในจังหวัดอาจจะไม่ถึงจะอาจจะไม่ถึง 70,000 ตู้ต่อปีดีแต่ก็ไม่ห่างมากเฉพาะจังหวัดนครราชสีมาไม่รวมถึงจังหวัดข้างเคียงไม่ว่าจะเป็นชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์หรือจังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี ตามข้อมูลตามศักยภาพในเรื่องของปริมาณสินค้าในส่วนของสถานที่ตั้งในเรื่องของการขยายตัวในหลายอย่างอีกต่อไป (ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าว)
โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบก(Dry Port)เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคในวันนี้ภายใต้แผนการพัฒนาประเทศที่สำคัญได้แก่ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12(พศ. 2560-2564)ที่มุ่งเน้นให้ประเทศไทยยกระดับโลจิสติกส์ของประเทศไปสู่ศูนย์กลางการค้าบริการและการลงทุนในภูมิภาคปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังถือว่าเป็นประตูการค้าหลักของประเทศมีปริมาตรตู้สินค้าผ่านเข้าออกท่าเรือเป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงทางปริมาตรการจราจรบริเวณโดยรอบท่าเรือแหลมฉบังและโครงข่ายเชื่อมโยงสถานีปัจจุบันและแยกสินค้ากล่องหรือICDลาดกระบังให้บริการอยู่แล้วแต่ปริมาตรตู้สินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มความจุดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการกำหนดแนวทางการพัฒนาและกำหนดพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาท่าเรือบกให้ชัดเจนรวมทั้งจัดทำแผนแม่บทพัฒนาระบบเพื่อตอบสนองต่อปริมาตรการขนส่งสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต (นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร)

ประชาชนชาวโคราชแฮปปี้โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)พร้อมต้อนรับการท่องเที่ยวฯ

ประชาชนชาวโคราชแฮปปี้โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)พร้อมต้อนรับการท่องเที่ยวฯ
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 08.00 น. – 12.00 น.การประชุมใหญ่การมีส่วนร่วมของประชาชน
งานปรับแบบรายละเอียดในโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)ณ ห้องประชุมโรงแรมสีมาธานี ถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม กล่าวรายงาน
หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนจากภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ผู้นำชุมชน สื่อมวลชน พี่น้องประชาชนและผู้มีเกียรติทุกท่าน
มื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ณ กรุงเทพมหานคร รัฐบาลไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558 – 2569 เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน เส้นทางกรุงเทพฯ – นครราชสีมา – หนองคาย และเส้นทางแก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทางรวมประมาณ 867 กิโลเมตร ซึ่งฝ่ายรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยตกลงให้รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมโครงการ ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของโครงการ และดำเนินการก่อสร้างงานโยธา


การประชุมในวันนี้มีสาระสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการที่จะได้รับทราบข้อมูลความเป็นมาของโครงการ เหตุผลความจำเป็นของโครงการและความจำเป็นในการปรับแบบของโครงการ รูปแบบรายละเอียดของโครงการ และองค์ประกอบของโครงการ ตลอดจนแนวทางและขั้นตอนการศึกษาkที่สำคัญแก่กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ศึกษาโครงการรวมถึงได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะที่จะช่วยให้การพัฒนาเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของทุกภาคส่วนยิ่งขึ้นผมจึงขอเชิญชวนท่านผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงการและนำข่าวสารการประชุมในวันนี้ไปเผยแพร่ต่อชุมชนและหน่วยงานของท่านอย่างทั่วถึงต่อไป


ความร่วมมือข้างต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟสอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมการลงทุนในโครงการที่สำคัญของประเทศ ทั้งโครงการต่อเนื่องและโครงการใหม่ที่มีความพร้อม การศึกษาโครงการระบบรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร ช่วงบ้านภาชี-แก่งคอย-นครราชสีมา จึงเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรางที่กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งและเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศ


เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประเทศไทยได้หารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ เมืองไหหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ประชุมสรุปการลงทุนโครงการ ฝ่ายไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยกำหนดนโยบายเริ่มก่อสร้างเส้นทาง กรุงเทพฯ – นครราชสีมา และส่วนต่อขยายเมื่อมีความพร้อม
การประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 10 ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการเริ่มต้นก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา เป็นลำดับแรก
ในการนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการจ้างและสั่งจ้างบริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดการออกแบบของฝ่ายจีน ออกแบบเพิ่มเติมในส่วนที่ฝ่ายจีนไม่ได้ดำเนินการ สำรวจรายละเอียดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเวนคืน และการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม โครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงบ้านภาชี-แก่งคอย-นครราชสีมา
สำหรับการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นกิจกรรมที่มีความมุ่งหมายที่สำคัญเพื่อเผยแพร่ข้อมูลและการดำเนินงาน ที่ฝ่ายจีนเป็นผู้ออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างและควบคุมการก่อสร้าง ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องปรับปรุงจากรูปแบบเดิมจากที่ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งการจราจร (สนข.) ได้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ – นครราชสีมา (ช่วงชุมทางบ้านภาชี – นครราชสีมา) และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้วในการประชุมครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 และเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปพิจารณาประกอบการสำรวจออกแบบรายละเอียดตามนโยบายของรัฐบาลที่เร่งรัดให้ดำเนินการโดยเร่งด่วนรวมทั้งทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการจากที่ได้รับความเห็นชอบ และการจัดทำมาตรการป้องกันแก้ไข และบรรเทาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีความรอบคอบ รัดกุม และมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับรูปแบบการพัฒนาโครงการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการต่อไป

ชาวบ้าน อ.สีคิ้ว จับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์ เป็นอาชีพเสริม

ชาวบ้าน อ.สีคิ้ว จับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์ เป็นอาชีพเสริม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครราชสีมา พบชาวบ้านจับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์เป็นอาชีพเสริม ลดต้อนทุนการผลิต ถือเป็นอีกอาชีพเสริมที่น่าสนใจ โดยนายสาคร อินทนัย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/85 บ้านทับหก หมู่ 18 ต.หนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งปกติมีอาชีพตัดหินปูพื้นขายอยู่แล้วได้อาศัยชั่วเวลาที่พอเหลือ ริเริ่มทำฟาร์มเลี้ยงหนูขาย โดยใช้วิธีหาหนูป่ามาเพาะเลี้ยงผสมพันธุ์เองเพื่อขยายพันธุ์ลดต้นทุนการผลิต

นายสาคร บอกว่า ตนมีอาชีพตัดหินปูพื้นส่งขาย แต่ด้วยที่บ้าน มีที่ว่าง จึงศึกษาหาอาชีพเสริมทางเนต จึงเห็นว่าการทำฟาร์มเลี้ยงหนู เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ จึงทำการศึกษาวิธีการเลี้ยงจากยูทูบ ทั้งการผสมพันธุ์การเลี้ยงดู ซึ่งพบว่า เราสามารถนำหนูป่ามาเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ได้ จึงนำกรงไปดักหนูที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มาเลี้ยงไว้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งปัจจุบันมีพ่อพันธ์แม่พันธ์อยู่สองชนิด คือ หนูแผง กับหนูพุก ซึ่งเป็นหนูป่าขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดเลี้ยงไว้ขยายพันธุ์ แต่การเลี้ยงหนูป่าต้องใช้เวลาสร้างความเคยชินประมาณ 2-3 เดือน เพื่อให้หนูปรับสภาพ ซึ่งไม่ต้องปิดมิดชิดมากนัก แต่ต้องเปิดดูทุกวันให้หนูเห็นหน้าจะได้คุ้นชิน จากนั้นก็จะพร้อมผสมพันธุ์ โดยนำตัวผู้หนึ่งตัว สามารถผสมพันธุ์ตัวเมียได้ 2-3 ตัว เมื่อปล่อยให้ผสมพันธุ์จนตัวเมียตั้งท้องแล้วต้องแยกออกไป จากกลุ่มเพื่อความปลอดภัย หากคลอดออกมาแล้วจะได้ไม่ถูกแม่หนูตัวอื่นทำร้ายเอา ส่วนตัวที่ท้องจะสังเกตได้ง่าย ตัวที่ตั้งท้องจะดุมากไม่ให้ตัวอื่นเข้าใกล้ หลังจากที่ตั้งท้องถึงคลอดใช้เวลาประมาณ สองเดือนครึ่ง คลอดออกมา 7-10 ตัว หลังจากที่คลอดแล้วปล่อยให้แม่เลี้ยงลูกไปประมาณ เดือนเศษ ก็สามารถแยกแม่ไปผสมพันธุ์อีกได้ ดังนั้นแม่หนึ่งตัวสามารถให้ลูกได้ 3-4 รอบต่อปี

ขณะที่ราคาขายตามท้องตลาด พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ขายคู่ล่ะ 800 บาท ขณะที่หนูเนื้อขายกิโลกรัมละ 150 บาท ซึ่งช่วงนี้ทั้งพ่อพันธุ์ หรือหนูเนื้อแทบไม่พอขายเนื่องจากเป็นที่ต้องการเป็นจำนวนมาก

Cr. ภาพ/ข่าว  ประสิทธิ์  วนะชกิจ