พิธีเปิดงานโครงการขับเคลื่อน “วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง

พิธีเปิดงานโครงการขับเคลื่อน “วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง (มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ) รักเตรียมพร้อมเพื่อครอบครัวคุณภาพ ชีวิตสมดุล ครอบครัวคุณภาพ และเด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก” ในวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ณ วาไรตี้ ฮอลล์ (หน้า MCC HALL) ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงานโครงการขับเคลื่อน “วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง (มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ) รักเตรียมพร้อมเพื่อครอบครัวคุณภาพ ชีวิตสมดุล ครอบครัวคุณภาพ และเด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก”

นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงานว่า “จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าอัตราการเพิ่มประชากรของประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปี 2536 – 2564 มีเด็กเกิดใหม่ลดลงจาก 900,000 คนถึง 1,000,000 คน ลดลงเหลือ 544,000 คน ในปี 2564 และปี 2556-2557 หญิงวัยเจริญพันธุ์มีภาวะโลหิตจาง ร้อยละ 22.7 เกินเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้มีผลต่อสุขภาพ เช่น เวียนศีรษะ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ติดเชื้อง่ายขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ยังส่งผลต่อการตั้งครรภ์ในอนาคต ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อย ความพิการแต่กำเนิด หากมีภาวะโลหิตจางอย่างรุนแรงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของมารดาและทารกได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมอบนโยบายวิวาห์สร้างชาติ เพื่อพัฒนาคุณภาพประชากร

นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวเปิดงานว่า “
จากคำกล่าวรายงานของนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา การขับเคลื่อน การดำเนินงาน วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง (มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ) เพื่อส่งเสริมให้หญิงวัยเจริญพันธุ์ จังหวัดนครราชสีมา ที่มีความพร้อมในการมีบุตร มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ โดยการส่งเสริมให้มีโภชนาการที่ดี และเสริมด้วยวิตามินธาตุเหล็กและโฟลิก อันจะส่งผลดีต่อการเพิ่มจำนวนการเกิดเพื่อทดแทนจำนวนประชากร และการเกิดทุกรายมีความพร้อม มีการวางแผน และทารกเกิดแข็งแรง พร้อมเติบโตอย่างมีคุณภาพ ลดความพิการแต่กำเนิด เด็กมีพัฒนาการสมวัย สามารถเจริญเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป และการประชุมครั้งนี้จะได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายให้เกิดขึ้นจริงในจังหวัดนครราชสีมาจากทุกภาคส่วน ตามนโยบายส่งเสริมการเกิดและการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อยด้อยคุณภาพ ตามนโยบายรัฐบาลต่อไป ผมขอแสดงความชื่นชม ที่ได้เห็นทุกภาคส่วน ได้ร่วมแรงร่วมใจในการจัดงานและร่วมประชุมเพื่อพัฒนาการดำเนินงานร่วมกัน และขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ร่วมมือกันเป็นอย่างดียิ่ง”

โครงการการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท

การประชุมเชิงวิชาการ  “โครงการการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท ปี ๒๕๖๕”

วันศุกร์ ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕  เวลา ๐๙:๐๐ – ๑๖:๓๐ น. กำหนดการประชุมเชิงวิชาการ  “โครงการการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท ปี ๒๕๖๕”ณ ห้องประชุมชั้น ๘ อาคาร ๓๑ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบทปีงบประมาณ 2565ภาตะวันออกเฉียงเหนือ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)เป้าหมาย 200 ตำบล/เมืองโดยสรุปภาพรวมการดำเนินงานของขบวนองค์กรชุมชนในปี ๒๕๖๔โดย ผศ.ดร.ทวี

วัชรเกียรติศักดิ์  เป็นประธานเปิดการอบรมพร้อมด้วย นายสมพงษ์  แสงศิริ  ประธานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครราชสีมาชี้แจงวัตถุประสงค์ ที่มา ความสำคัญและเป้าหมายของโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดย ตัวแทนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)  จำนวน20อำเภอนครราชสีมาที่มาร่วมฟังการนี้

โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท เป็นการสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่รูปธรรม “ตำบล/เมือง” ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้มีแผนพัฒนาการแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท ระยะ 3 ปี 5 ปี แผนพัฒนาที่จะเคลื่อนงานชัดเจน และสอดคล้องกับทิศทางการเคลื่อนงานของจังหวัด แผนพัฒนาเชื่อมโยงทุกประเด็นงานพัฒนาและครอบคลุมทุกมิติ และสามารถบูรณาการแผนงานและงบประมาณ ระบบฐานข้อมูล กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษาและหน่วยงานภาคีต่าง ๆ ตาบล/เมืองมีระบบช่วยเหลือทางสังคมในการดูแลสมาชิกในชุมชนและกลุ่มผู้ด้อยโอกาสสู่การจัดการและพึ่งพาตนเองที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมในด้านต่างๆ

กิจกรรมภายในงานการเสริมพลังกลุ่มคนเปราะบางสู่สังคมชุมชนไม่ทอดทิ้งกัน โดย นางทัศกมณฑจ์  เกิดผล  นักพัฒนาสังคมชำนาญการสำนักงานพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา แนวทางการพัฒนาเพื่อสร้างวิสาหกิจให้เข็มแข็ง และสร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายโดย นักพัฒนาธุรกิจชุมชน บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีนครราชสีมา (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัดการทำ Workshop โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบทโดย วิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมาภาคีและคณะทำงานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครราชสีมา     การทำ Workshop โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบทโดย วิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา  ภาคีและคณะทำงานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครราชสีมาการทำ Workshop โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบทโดย วิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา ภาคีและคณะทำงานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครราชสีมาออกแบบจังหวะก้าวร่วมกัน และสรุปผลการทำ Workshopโดย ตัวแทนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)อีกด้วย

พิธีวางศิลาฤกษ์ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช

โคราชประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์ ชูเป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวแห่งใหม่

เมื่อเวลา 09.19 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา พระธรรมเจดีย์ เจ้าคณะภาค ๑๑ เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ กรุงเทพมหานคร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างพระบรมราชานุสารีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยมี หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมประกอบพิธีบวงสรวง วางศิลาฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์

ชวนคู่รัก “จดทะเบียนสมรส” ในวันแห่งความรัก

“เบญจมาศบานในม่านหมอก” ครั้งที่ 20

ชวนคู่รัก “จดทะเบียนสมรส” ในวันแห่งความรัก

ห้ามพลาด! ฤดูกาลแห่งรักที่วังน้ำเขียว “เบญจมาศบานในม่านหมอก” ครั้งที่ 20 เข้าชมฟรีพร้อมเชิญชวนคู่รัก “จดทะเบียนสมรส” ในวันแห่งความรัก หรือ “วันวาเลนไทน์” 14 ก.พ.นี้

นายประกอบ สิริวงศ์เทาสะอาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 11-20 กุมภาพันธ์ 2565 จะมีการจัดงาน “เบญจมาศบานในม่านหมอก” ครั้งที่ 20   บริเวณแปลงปลูกเบญจมาศ บริเวณ ด้านข้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นการเข้าชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

งานดังกล่าวจัดเป็นประจำทุกปี โดย อบต.ไทยสามัคคี และกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกเบญจมาศ ซึ่งมาร่วมกันปลูกต้นเบญจมาศจำนวนกว่า 20,000 ต้น บนแปลงในพื้นที่กว่า 5 ไร่ ขณะนี้เริ่มออกดอกอย่างสวยงามรับเทศกาลวาเลนไทน์ที่ใกล้จะมาถึงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบายและโรแมนติก ที่ได้รับการขนานนามว่า “โอโซนวังน้ำเขียว” 

และไฮไลต์สำคัญ ขอเชิญ คู่รัก ร่วมจดทะเบียนสมรส ในงานเบญจมาศบานในม่านหมอก ครั้งที่ 20 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์  2565  ซึ่งตรงกับเทศกาลวันแห่งความรัก เราจะจัดทั้งสถานที่ และห้องพักให้กับคู่ที่มาจดทะเบียนสมรสในวันดังกล่าวฟรี คู่ใดสนใจสามาติดต่อสอบถามโทร 094 – 5313663

ส่วนเรื่องความปลอดภัย คณะผู้จัดงานได้ใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้เข้าชมงาน อาทิ ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็ม พร้อมแสดงผลตรวจ ATK เป็นลบ ซึ่งหมายถึงการไม่ติดเชื้อในช่วงก่อนเข้าชมงานเป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมง

สำหรับพิธีเปิดงานจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 12 ก.พ. 2565  เวลา 17.00 น.

พิธีมอบเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัว และเตาผลิตถ่านชีวภาพ

โครงการดีๆเกษตรอินทรีย์ 5 ดีวิถีคนโคราช พิธีมอบเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัว และ เตาผลิตถ่านชีวภาพ สำนักงานกษตรจังหวัดนครราชสีมาร่วมกับ สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ช่วยเหลือพี่น้องชาวเกษตรกร

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 09.00น. ณ สำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา:นายคณกร ทองสุขนอก เกษตรจังหวัด, นายวรกร เปรื่องค้า หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช เชิญดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา พร้อม นางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาและคณะกรรมการสภาวัฒนธรรม ร่วมพิธีเปิด และมอบเมล็ดพันธุ์พืชผักสวนครัวและมอบเตาผลิตทางชีวภาพแก่ตัวแทนเกษตรกร ประจำอำเภอ ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ โดยมีรายละเอียด กิจกรรมดังต่อไปนี้

1. การมอบเมล็ดพันธุ์พืชผัก โครงการหมู่บ้านพืชผักสวนครัวเกษตรอินทรีย์ 5 ดี วิถีคนโคราช

สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ดำเนินโครงการหมู่บ้านพืชผัก

สวนครัวเกษตรอินทรีย์ 5 ดี วิถีคนโคราช เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนปลูกพืชผักสวนครัวอินทรีย์ และให้แหล่งอาหารที่ปราศจาก

สารเคมีไว้บริโภคในครัวเรือน ทั้งนี้เพื่อการดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ จึงขอมอบเมล็ดพันธุ์

พืชผัก กิจกรรมฝึกปฏิบัติการปลูกพืชผักสวนครัวเกษตรอินทรีย์ 5 ดี วิถีคนโคราช ในครัวเรือน พื้นที่ต้นแบบ 9 อำเภอ

เชิญนางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา มอบเมล็ดพันธุ์พืชผักให้กับ

สำนักงานเกษตรอำเภอที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ 1) อำเภอโนนไทย 2) อำเภอด่านขุนทด 3 อำเภอเมืองนครราชสีมา

4) อำเภอปักธงชัย และ 5) อำเภอบัวใหญ่

 ขอเรียนเชิญนายคณกร ทองสุขนอก เกษตรจังหวัดนครราชสีมา มอบเมล็ดพันธุ์ผักให้กับสำนักงานเกษตร

อำเภอที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ บัวลาย สีดา พิมาย และอำเภอจักราช

2. การมอบเตาผลิตถ่านชีวภาพ โครงการศึกษาการจัดการดิน ปุ๊ย และน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ได้รับมอบหมายจากกรมส่งเสริมการเกษตร ให้ดำเนินงานโครงการศึกษาการ

จัดการดิน ปุ๋ย และน้ำอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับรับงบอุดหนุน ประเภทงบ

วิจัย ปี 2564 จากสำนักงานคณะกรรมการส่งสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สกสว. ซึ่งโครงการดังกล่าวมุ่งเน้นให้

เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรได้ตระหนักถึงความสำคัญของดิน นำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการอย่างเหมาะสม และนำเศษวัสดุเหลือ

ใช้จากภาคการเกษตร  นำกลับมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบของการผลิตถ่านชีวภาพ (Biochar) เพื่อใช้ในการจัดการดิน ปุ้ย และน้ำ

อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการการผลิตพืชในสภาวะที่ต้องเผชิญกับภัยแล้ง ทำให้เกษตรกรสามารถ

ลดต้นทุนการผลิต ผลิตสินค้าได้ปริมาณและคุณภาพ เพิ่มรายได้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนในโอกาสนี้นายคณกร ทองสุขนอก เกษตรจังหวัดนครราชสีมา มอบเตาผลิตถ่านชีวภาพ ให้กับสำนักงาน

เกษตรอำเภอต้นแบบ จำนวน 8 อำเภอ ดังนี้ 1) อำเภอเฉลิมพระเกียรติ 2) อำเภอครบุรี 3) อำเภอจักราช 4) อำเภอประทาย 5)

อำเภอบ้านเหลื่อม 6) อำเภอขามสะแกแสง 7) อำเภอโนนไทย และ

นายคณกร ทองสุขนอก เกษตรจังหวัดนครราชสีมา พบปะเกษตรอำเภอหรือผู้แทน32อำเภอทางประชุมออนไลน์

งานทอดผ้าป่าสามัคคีตำรวจภูธรภาค ๓ สมทบทุนบูรณะสถานพระนารายณ์และศาสนสถาน

ทอดผ้าป่าสมทบทุนบูรณะ สถานพระนารายณ์และศาสนสถาน

 วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร

วันเสาร์ที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๕เวลา๑๐.๐๙น.

งานทอดผ้าป่าสามัคคี ตำรวจภูธรภาค ๓ สมทบทุนบูรณะ สถานพระนารายณ์และศาสนสถาน

โดยมีพระธรรมวรนายก  เจ้าอาวาสวัด พระนารายณ์มหาราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานฝ่ายฆราวาส และหน่วยงานราชการในจังหวัดนครราชสีมาเข้าร่วมพิธี ณ.พระวิหารวัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร จังหวัดนครราชสีมาได้ปัจจัย ๘,๔๘๕,๗๑๗ บาท อนุโมทนาบุญร่วมกันสาธุ

“ตรุษจีนโคราช” จอมพลถนนหัวมังกร 107 ปี

วันที่ 28 มกราคม 2565 เวลา เวลา 17.30 น. ที่ลานโอเปร่า อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี #นางยลดา  หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมแถลงข่าวการจัดงานตรุษจีนโคราชจอมพลถนนหัวมังกร 107 ปี ถนนแห่ง

วัฒนธรรรม ปี 2565

โดยได้รับเกียรติจาก นายสมเกียรติ  วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนคร นายสทิศ สิทธิมณีวรรณ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด นายศักดิ์ชาย  ผลพานิชย์ ประธานหอการค้าจังหวัด และ นายธนาคม  วิมลวัตรเวที รักษาการรองกรรมการถนนจอมพลหัวมังกร ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน “ตรุษจีนโคราชจอมพลถนนหัวมังกร 107ปี แห่งถนนสายวัฒนธรรม ปี 2565 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 3 กุมภาพันธ์ 2565 ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และ ถนนจอมพล

การจัดงานในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกันของภาครัฐ ภาคเอกชน ชาวไทยเชื้อสายจีน ในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้ อบจ.นครราชสีมา พร้อมที่จะให้การสนับสนุนและช่วยประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยว ประชาชน ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด เดินทางมาเที่ยวงาน อะนเป็นเอกลักษณ์ที่ควรอนุรักษ์ไว้ เพราะทำให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวไทย ชาวจีน ชาวไทยเชื้อสายจีน

“เราต้องร่วมกันฟื้นฟูการท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์การจัดงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับชาวจังหวัดนครราชสีมาต่อไป”

“ตรุษจีนโคราช” จอมพลถนนหัวมังกร 107 ปี

วันที่ 28 มกราคม 2565 เวลา เวลา 17.30 น. ที่ลานโอเปร่า อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี #นางยลดา  หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมแถลงข่าวการจัดงานตรุษจีนโคราชจอมพลถนนหัวมังกร 107 ปี ถนนแห่ง

วัฒนธรรรม ปี 2565

โดยได้รับเกียรติจาก นายสมเกียรติ  วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนคร นายสทิศ สิทธิมณีวรรณ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด นายศักดิ์ชาย  ผลพานิชย์ ประธานหอการค้าจังหวัด และ นายธนาคม  วิมลวัตรเวที รักษาการรองกรรมการถนนจอมพลหัวมังกร ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน “ตรุษจีนโคราชจอมพลถนนหัวมังกร 107ปี แห่งถนนสายวัฒนธรรม ปี 2565 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 3 กุมภาพันธ์ 2565 ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และ ถนนจอมพล

การจัดงานในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกันของภาครัฐ ภาคเอกชน ชาวไทยเชื้อสายจีน ในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้ อบจ.นครราชสีมา พร้อมที่จะให้การสนับสนุนและช่วยประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยว ประชาชน ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด เดินทางมาเที่ยวงาน อะนเป็นเอกลักษณ์ที่ควรอนุรักษ์ไว้ เพราะทำให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวไทย ชาวจีน ชาวไทยเชื้อสายจีน

“เราต้องร่วมกันฟื้นฟูการท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์การจัดงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับชาวจังหวัดนครราชสีมาต่อไป”

พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้แก่ ภาคีเครือข่ายและหน่วยงานในสังกัด

พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้แก่ ภาคีเครือข่ายและหน่วยงานในสังกัด ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในห้วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2565 ของตำรวจภูธรภาค 3

ตำรวจภูธรภาค 3 ได้มีการจัดการประชุมบริหาร ภ.3 ประจำเดือน มกราคม 2565 ในวันที่ 25 มกราคม 2565 ซึ่งได้มีการจัดให้มีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้แก่ภาคีเครือข่ายและหน่วยงาน ในสังกัดที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในห้วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2565 ของตำรวจภูธรภาค 3 ขึ้น โดยมี พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 เป็นประธานมอบโล่ประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้

โดยมีความเป็นมาและวัตถุประสงค์ในการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้แก่ หน่วยงานภาคี เครือข่าย ที่ร่วมปฏิบัติงานในห้วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2565 และหน่วยงานในสังกัด ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ทางถนน ในห้วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2565 ของตำรวจภูธรภาค 3

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประกาศ ผลการดำเนินการด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุในทางถนน ในห้วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2565 ในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านมาพบว่า ตำรวจภูธรภาค 3 มีผลการปฏิบัติ ที่ทำให้จำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตลดลง จนได้รับรางวัลอันดับที่ 2 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในระดับกองบัญชาการ โดยสามารถลดสถิติ การเกิดอุบัติเหตุร้อยละ 40.71 ลดสถิติผู้บาดเจ็บได้ร้อยละ 41.44 และลดอัตราการเสียชีวิต ได้ร้อยละ 35.23 จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้เข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้ว เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา

จากผลการปฏิบัติดังกล่าว ย่อมสะท้อนถึงความเอาจริงเอาจัง เอาใจใส่ และความร่วมมือ ร่วมใจของผู้ปฏิบัติงาน ที่ทุ่มเท เสียสละ ในการปฏิบัติ บริหารจัดการในด้านต่างๆ จนบังเกิดผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ตำรวจภูธรภาค 3 ได้จัดพิธีมอบโล่และประกาศ เกียรติคุณให้แก่หน่วยงานภาคีเครือข่าย ที่ร่วมปฏิบัติงานในห้วงควบคุมเข้มข้น และหน่วยงานในสังกัดที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในห้วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2565 ของตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 14 รางวัล ดังนี้

1. รางวัลหน่วยที่ร่วมปฏิบัติงาน ให้การสนับสนุน และความร่วมมืออันดียิ่ง ในการอำนวยความสะดวกการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2565 จำนวน 10 รางวัล ได้แก่

1.1 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา

1.2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา

1.3 สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา

1.4 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา

1.5 แขวงทางหลวงนครราชสีมา ที่ 1

1.6 แขวงทางหลวงนครราชสีมา ที่ 2

1.7 แขวงทางหลวงนครราชสีมา ที่ 3

1.8 มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา

1.9 มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถาน นครราชสีมา

1.10 สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง

2. รางวัลการอำนวยความสะดวกการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ดีเด่น จำนวน 3 รางวัล ดังนี้

2.1 หน่วยที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น อันดับ 1 ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์

2.2 หน่วยที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น อันดับ 2 ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์

2.3 หน่วยที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น อันดับ 3 ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ

3. และยังมีรางวัลที่มอบให้แก่ ภ.จว.นครราชสีมา ที่ร่วมอำนวยความสะดวก ด้านการจราจร เส้นทางถนนมิตรภาพ ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรหลักของพี่น้องประชาชน ในการเดินทาง สู่ภาคอีสาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท เสียสละ จนทำให้พี่น้องประชาชน เดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ผบช.ภ.3 จึงได้จัดทำโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัด นครราชสีมา เป็นหน่วยที่ปฏิบัติงานดีเด่น ด้านการอำนวยความสะดวกการจราจร และบังคับใช้ กฎหมายดีเด่น จำนวน 1 รางวัล

ขอขอบคุณข่าวจากฝ่ายอำนวยการ 3 กองบังคับการตำรวจภูธรภาค3

สัมมนาเชิงปฏิบัติการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจยุด New Normal




วันอังคารที่ 25 มกราคม 2565พิธีเปิดงาน “สัมมนาเชิงปฏิบัติการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจยุด New Normal”ณโรงแรมไอซาน่า อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาโดยนางรวีพรรณ ช้างเย็นฉ่ำ รองอธิบตีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานและกรรมการเครีอข่ายธุรกิจ Biz ClubThailand และประธานหรือผู้แทนเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club จังหวัดทุกท่าน และสื่อมวลชนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน

ด้านนายกุณฑล ปูรณวัฒนกุล ประธานกรรมการเครือข่ายธุรกิจBiz Club ประเทศไทย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านให้เกียรติเป็น ประธานในพิธีเปิด สัมมนาเชิงปฏิบัติการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจยุค New Normal ในวันนี้ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของประธานเครือข่าย Moc Bizclubจังหวัดทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ และสำหรับการประชุมใหญ่สามัญประจำปีสัญจรนครราชสีมา ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีสัญจรครั้งแรก นับจากมีการก่อตั้งBizclub ประเทศไทย เนื่องจากศักยภาพความพร้อมของพื้นที่และคณะกรรมการจัดงาน ทางBizclub ประเทศจึงได้ลงความเห็นให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่ง

การจัดงานครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ

1.ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564

2.เพื่อจัดกิจกรรมเพิ่มศักยภาพผู้นำของประธานจังหวัดทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ

3.สร้างความเข้าใจและสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างประธานทั้ง 77 จังหวัดประเทศเชื่อมโยงต่อยอดและขยายตลาดเพื่อประโยชน์ของสมาชิก Bizclub ประเทศซึ่งมีสมาชิกรวมกันกว่า 12,000 คนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานระหว่างหน่วยงาน องค์กรในพื้นที่ ระดับภูมิภาค และระดับประเทศเพื่อประโยชน์ของสมาชิกBizClub ประเทศไทย

ด้านรองอธิบดี (นางรวีพรรณ ข้างเย็นฉ่ำ)กล่าวต้อนรับ ดิฉันมีความยินดี และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจยุค New Normal ในวันนี้การกิจกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกลุ่มเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Clubกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจและบทบาทโดยตรงต่อผู้ประกอบการทั้งหลาย ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่การจดทะเบียน การกำกับดูแลให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล ตลอดจนการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจให้มีความเข้มแข็งแข่งขันได้ในเวที่การค้าทุกระดับกรมฯ มุ่งให้ความสำคัญของการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจ และการรวมกลุ่มธุรกิจ

เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง จึงได้จัดตั้งกลุ่มเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ประจำจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ และสามารถดำเนินการจัดตั้งเครือข่ายฯ ครบ๗๗ จังหวัด เมื่อปี ๒๕๕๙ เพื่อเป็นศูนย์รวมของกลุ่มเครือข่ายธุรกิจทุกระดับ ที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เชื่อมโยงการค้าระหว่างกัน และสร้างพันธมิตรเพื่อต่อยอดโอกาสธุรกิจทั้งระดับจังหวัด ภูมิภาค และประเทศ รวมทั้งเป็นเวทีเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับท้องถิ่นเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการและหน่วยงานของภาครัฐ อันเป็นกลไกสำคัญให้ภาคธุรกิจของไทยมีความเข้มแข็งโดยปัจจุบันมีสมาชิกเครือข่ายฯ ทั่วประเทศ ประมาณ ๑๒,๐๐๐ ราย

ผลกระทบโควิดคนไทยหันมาเที่ยว แบบกางเต็นท์แทนการพักโรงแรม

ประเทศไทย – ผลกระทบโควิด คนไทยหันมาเที่ยวแบบกางเต็นท์แทนการพักโรงแรม

ประเทศไทยมีการประกาศล็อกดาวน์ไปแล้วทั้งสิ้น 11 เดือน ทำให้ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวพุ่งสูง ขณะที่เดียวกัน นักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสนใจกับการพักแรมแบบกางเต็นท์มากขึ้น จนทำให้มีลานกางเต็นท์แห่งใหม่ผุดขึ้นกว่า 500 แห่ง ในรัศมี 150 กิโลเมตร รอบกรุงเทพฯ ภายในปีเดียว เจ้าของลานกางเต็นท์ อิงกะปิง จ.กำแพงเพชรระบุว่า ลานกางเต็นท์กลายมาเป็นที่นิยมอย่างมากหลังจากสถานการณ์โควิด ขณะที่ บรรดานักท่องเที่ยวเผยว่า การเที่ยวแบบกางเต็นท์สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากการพักตามห้องพักของโรงแรม และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับตนที่ไม่มีโอกาสได้เที่ยวนับตั้งแต่โควิดเริ่มระบาด

ธวัชชัย ทวิติยกุล – นักท่องเที่ยว บอกว่า “เราอยู่กับเมืองป่าคอนกรีตมากๆ ไม่ไหว มันเครียดมาก เราก็ออกบ้าง เอาชีวิตธรรมชาติบ้าง มันสดชื่นดี เจอสถานที่ดีๆ เราก็ไปพักที่นั่น เวลานั่นเราก็ซื้อกับข้าวไปทำกินเองไปอะไร ก็ครอบครัวเราก็อยู่อิสระ”

ณัฐชน คูณรักษา – นักท่องเที่ยว บอกนักข่าวA24ว่า
“ชอบบรรยากาศครับผม ช่วงหน้าหนาวนี่บรรยากาศจะดี ลมเย็น แล้วก็อุณหภูมิลดต่ำ เหมาะแก่การกางเต็นท์เพราะว่าไม่ร้อนเวลานอนครับ แล้วก็ได้ชมสัตว์ป่าด้วย พาลูกครอบครัวมาเที่ยวครับ ยิ่งช่วงหน้าหนาวนี่เดือนนึงประมาณ 4 5 ครั้งครับ ยิ่งช่วงปีใหม่ด้วย ไม่ไปเที่ยวไหนเลย กางเต็นท์”

สุพรรษา พวงมณี – นักท่องเที่ยว บอกว่า “เพราะมันเป็นหน้าหนาวค่ะ เป็นอากาศดี เรามากางเต็นท์มันได้อีกฟีลนึงที่ต่างจากที่เราไปพักห้องพักมันพักที่ไหนก็ได้ค่ะ สำหรับหนูมันคือการรีแลกซ์ เพราะว่าหนูเพิ่งจบมาใช่มั้ย เราก็เหมือนกับเพิ่งได้เที่ยวตอนที่ใกล้จะจบ แล้วก็โควิด ก็เลยไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไหร่”

ชาญบูรณ์ แดงศิริ – เจ้าของลานกางเต็นท์ อิงกะปิง โฮมสเตย์ Chanboon Daengsiri บอกว่า “ก็ตอนนี้เนี่ย คือต้องบอกว่าด้วยบรรยากาศและก็ช่วงเวลาเนี่ย มันทำให้ทุกคนมีความต้องการที่อยากจะออกมาท่องเที่ยว ก็โควิดนี่แหละที่มันทำให้ทุกคนวิ่งหาธรรมชาติ จริงๆ ตอนนี้นะครับ พอเราทำลาน พอให้เขาเหมาลานได้ด้วยเนี่ย ก็กลายเป็นว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้วิธีการจอง เหมาลานเลย”

ที่มา A24 News Ageny