โคราชยอดผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.43 เร่งประชาสัมพันธ์บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

โคราชยอดผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.43  เร่งประชาสัมพันธ์บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ หวังช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย

นครราชสีมา –  ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่านครราชสีมา นางไพวรรณ พลวัน อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้เป็นประธาน ในกิจกรรมคาราวาน ประชาสัมพันธ์การบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ ภายใต้แนวคิด ให้..เพื่อชีวิตที่ดีกว่า และรณรงค์การบริจาคประชาสัมพันธ์การจ่ายเบี้ยใน 4 ภาค พร้อมทั้งมอบเหรียญเชิดชูเกียรติบัตรแก่ผู้สูงอายุที่บริจาคเบี้ยเข้ากองทุนผู้สูงอายุ โดยมีนางปิยฉัตร อินสว่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้การต้อนรับในครั้งนี้

            นางไพวรรณ พลวัน อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ โดยเร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 เพื่อนำมาจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพิ่มขึ้นในการดำรงชีพ นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้มีผู้แจ้งความจำนงบริจาคเบี้ย เข้ากองทุนจำนวน 799 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,952,998,889.44 บาท

            ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 2,641,715 คนเป็นผู้สูงอายุ 441,028 คน คิดเป็นร้อยละ 16.69 ของประชากรทั้งหมด โดยในปี 2561 มีผู้สูงอายุขึ้นทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุ จำนวน 347,368 คน คิดเป็นเงิน2,763,382,800 บาท และในปี 2562 มีผู้สูงอายุขึ้นทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุ จำนวน 387,089 คน คิดเป็นเงิน 3,123,859,200 บาท คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ร้อยละ 11.43 จากสถิตดังกล่าวพบว่า มีผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากผู้สูงอายุท่านใดสนใจจะบริจาคเบี้ยยังชีพเข้ากองทุนสามารถโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 023546100 หรือสายด่วน 1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง

ชมภาพ

 

กลุ่มรถซิ่งคนทำงานเมืองย่า ระดมคนช่วยบูรณะวัดห่างไกล

น่าชื่นชมกลุ่มรถซิ่งคนทำงานเมืองย่า ระดมคนช่วยบูรณะวัดห่างไกล

ที่วัดป่าหนองใหญ่ ต.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา กลุ่มรถซิ่ง คนทำงานเมืองย่า นำคาราวานรถยนต์เกือบ 40 คัน พร้อมสมาชิกกว่า 50 ชีวิต จิตอาสาทำความดีเพื่อสังคม เดินทางไปร่วมทำกิจกรรมทำความสะอาดและบูรณะสิ่งปลูกสร้างภายในวัดร่วมกับกลุ่มจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจอำเภอครบุรี

เพื่อเป็นการร่วมทำนุบำรุงพระศาสนา และใช้เวลาว่างช่วงวันหยุดให้เกิดประโยชน์แก่สังคม ทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชบรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10

โดยนายรินทร์ เงางาม อายุ 41 ปี ประธานกลุ่มรถซิ่ง คนทำงาน เมืองย่า กล่าวว่า ทางกลุ่มได้มีการรวมตัวกันขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะร่วมกันใช้เวลาว่างจากการทำงาน เพื่อร่วมกันออกทำประโยชน์ให้กับสังคม ทั้งในส่วนของชุมชน วัด หรือโรงเรียนที่ยังต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งปัจจุบันได้รับความร่วมแรงร่วมใจด้วยดีจากสมาชิกทั้งที่ทำงานอยู่ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ที่ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกันมาแล้วหลายครั้ง  และทางกลุ่มยังคงจะเดินหน้าทำความดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะเชื่อว่ายังมีอีกหลายจุดที่ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่ในขณะนี้

ชมภาพเพิ่มเติม

 

นายอำเภอครบุรีร่วมกับทุกหน่วยงานกำหนดมาตรการจัดคิวอ้อยส่งโรงงาน แก้ปัญหารถอ้อยจอดติดคิวกินเลนถนน

นายอำเภอครบุรีร่วมกับทุกหน่วยงานกำหนดมาตรการจัดคิวอ้อยส่งโรงงาน แก้ปัญหารถอ้อยจอดติดคิวกินเลนถนน

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.61ที่ผ่านมา   ที่บริษัทน้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา นายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอครบุรี เชิญประชุมตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อย หรือฤดูกาลเปิดหีบอ้อย ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.61 ที่ผ่านมาและจะสิ้นสุดในช่วงต้นเดือนเมษายน 2562  หลังจากที่สถานการณ์ปีที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับรถบรรทุกผลผลิตอ้อยในพื้นที่อำเภอครบุรี  อีกทั้งในช่วงนี้ยังใกล้ที่จะถึงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งจะมีประชาชนใช้เส้นทางสัญจรหนาแน่นกว่าปกติ  โดยมีทางตัวแทนบริษัทน้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอครบุรี  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ครบุรี กำลังทหารกองร้อยรักษาความสงบเคลื่อนที่เร็วกองทัพภาคที่ 2 สมาคมชาวไร่อ้อยลำมูลบน และผู้นำชุมชนในพื้นที่ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง

นายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอครบุรี เปิดเผยภายว่า สถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการสัญจรของรถบรรทุกอ้อยบ่อยครั้ง ในห้วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวของปีที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงร่วมมือกันออกมาตรการมาแก้ไขปัญหานี้หลายด้าน อาทิการจัดระบบคิวในการเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรกรแต่ละราย เพื่อให้สามารถควบคุมปริมาณรถบรรทุกที่จะเดินทางนำผลผลิตมาส่งโรงงานได้ตามที่โรงงานจะรองรับได้ โดยไม่ต้องให้รถบรรทุกออกไปจอดตามไหล่ทาง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมีสถานที่ที่สามารถรองรับได้วันละประมาณ 1,900 คัน ประกอบกับการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานต่างๆที่พร้อมจะเข้ามาบูรณาการร่วมกันทันทีที่เกิดมีปัญหารถอ้อยติดคิวและส่งผลกระทบต่อสภาพการจราจรที่อาจจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ  รวมถึงการประกาศห้ามให้รถบรรทุกอ้อยใช้เส้นทางผ่านเขตชุมชนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านการจราจร  ซึ่งก็มีการดำเนินการมาแล้วตั้งแต่เริ่มฤดูกาลเปิดหีบ มาจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบมีปัญหารถอ้อยติดคิวยาวจนต้องไปจอดริมถนนจนทำให้เกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด ซึ่งก็คาดหวังว่าอุบัติเหตุจากส่วนนี้คงจะไม่มีเกิดขึ้นตลอดห้วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต

ทางด้านนายไพศาล ไชยานันท์ ผู้อำนวยการโรงงานไฟฟ้า ตัวแทนกลุ่มบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้คาดการณ์ว่าผลผลิตอ้อยจะมีปริมาณใกล้เคียงกับฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งประเมินว่าจะมีผลผลิตอ้อยเข้าสู่โรงงานผลิต ประมาณ 3.7 ล้านตัน จากปีที่ผ่านมาที่มีผลผลิตเข้าสู่โรงงานประมาณ 3.9 ล้านตัน โดยปีที่ผ่านมาเนื่องจากปริมาณอ้อยมีจำนวนมากจึงทำให้เกิดปัญหามีรถบรรทุกอ้อยติดคิวส่งผลกระทบต่อการจราจร จึงได้กำหนดมาตรการจัดคิวในการเก็บเกี่ยวและนำส่งผลผลิตให้แก่เกษตรกร พร้อมทั้งเตรียมลานจอดรถ เพื่อรองรับปริมาณรถไว้อย่างเพียงพอต่อรอบคิวที่วางไว้ ซึ่งที่ผ่านมาก็สำเร็จไปได้ด้วยดีและคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาตลอดทั้งฤดูกาล

ชมภาพ

ลมหนาวมาวังน้ำเขียวโคราชบูมนักท่องเที่ยวแห่ชมธรรมชาติ ผารักษ์สลัดได ผาเก็บตะวัน สวนดอกไม้คึกคักทั้งวัน

ลมหนาวมาวังน้ำเขียวโคราชบูมนักท่องเที่ยวแห่ชมธรรมชาติ ผารักษ์สลัดได ผาเก็บตะวัน สวนดอกไม้คึกคักทั้งวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่อากาศเริ่มเย็น พบว่าบรรยากาศในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เริ่มคึกคัก ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดเข้าเที่ยวชมจำนวนมาก

โดยที่บริเวณผารักษ์สลัดได จุดชุมวิวที่สูงที่สุด ใน อ.วังน้ำเขียว พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปยืนชมวิวถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ถึงบริเวณดังกล่าวถึงแม้จะไม่ได้มีสถานที่จำหน่ายอาหารหรือร้านค้าขายของฝากแต่ด้วยที่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามพบว่ามีประชาชนเดินทางขึ้นไปชมวิวถ่ายภาพเป็นที่ระลึกไม่ขาดสาย

ขณะเดียวกันที่บริเวณผาเก็บตะวัน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม พบว่า มีประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวกันตลอดทั้งวัน เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นอีกจุดเช็คอินที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาวังน้ำเขียวแล้วจะไม่พลาดที่จะเดินทางมาเช็คอินในสถานที่แห่งนี้จึงทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวันที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ผลจากที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าวังน้ำเขียวเยอะขึ้น ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่จัดสวนดอกไม้ถามเส้นทางหลักในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น มีนักท่องเที่ยวแวะชมสวนถ่ายภาพที่ระลึกบันทึกความทรงจำกันเป็นจำนวนมากทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน คาดวาจากนี้ไปจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปวังนำเขียวมากขึ้นเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงไฮท์ซีชั่น จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาขึ้นในช่วงวันหยุด จึงขอฝากถึงนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาวังน้ำเขียว ควรประสานหาที่พักล่วงหน้าเพราะหาจองล่าช้าอาจะไม่ได้ที่พักที่ถูกใจตามที่ต้องการได้.

ชมภาพบรรยากาศ

 

โคราช…สำรวจแก่งวังไทร เชื่อมท่องเที่ยวนวัตวิถี พากินปลาต้นน้ำมูล

สำรวจแก่งวังไทร เชื่อมท่องเที่ยวนวัตวิถี พากินปลาต้นน้ำมูล เมนูพิเศษรสเด็ด “ปลาหลาม”

 

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา  รายงานว่า นายจำเนียน ดายครบุรี ผู้ใหญ่บ้านใหม่จอมทอง ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ออกสำรวจลำมูลซึ่งอยู่ท้ายชุมชนบ้านใหม่จอมทอง – ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนมูลบน เพื่อเตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แห่งใหม่ของอำเภอครบุรี และจังหวัดนครราชสีมา  โดยจากการสำรวจในเบื้องต้นระยะทางห่างจากชุมชนประมาณ 3 – 5 กิโลเมตร ภายในลำน้ำมีแก่งหินที่น้ำไหลผ่านก้อนหินตกเป็นชั้นๆกระจายอยู่หลายจุด ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจที่ชาวบ้านเรียกกันว่าแก่งวังไทร ที่มีน้ำใสไหลผ่านชั้นหินกลายเป็นน้ำตกขนาดย่อม สวยงามและร่มรื่นเนื่องจากแวดล้อมด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างมาก

 

นอกจากแก่งวังไทรแล้ว ภายในลำมูล ยังมีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของพันธุ์ปลาน้ำจืดนานาชนิด ที่ชาวบ้านจะยังคงประกอบวิถีชีวิตพื้นบ้านด้วยการจับปลาไปประกอบอาหารและสร้างรายได้เสริม ซึ่งทางคณะสำรวจได้ทำการจำลองวิถีชีวิตชาวบ้านด้วยการตกปลา ทอดแห ซึ่งก็ได้ปลาธรรมชาติขึ้นมาหลากหลายชนิด อาทิ ปลากด ปลาน้ำพอง ปลาตะเพียน ปลาตะโกก ปลาคลั่ง เป็นต้น  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งต้นน้ำได้เป็นอย่างดี

และในวันนี้ทางคณะสำรวจมีเมนูพิเศษจากการเดินทางมาฝาก คือ เมนู “ปลาหลาม” ซึ่งเป็นการต้มปลาด้วยกระบอกไม้ไผ่ จำลองวิถีชีวิตชาวบ้านที่ใช้ไม้ไผ่มาเป็นภาชนะในการประกอบอาหาร เนื่องจากเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่และไม่ต้องขนข้าวของจำนวนมากในการเดินทางไปหาปลาห่างจากแหล่งชุมชน

ซึ่งวิธีการเตรียมการหลังจากจับปลาได้ สิ่งที่ต้องเตรียมก็คือการตัดเอากระบอกไม้ไผ่อ่อน ซึ่งมีขนาดประมาณลำแข้ง มาเจาะกระบอกเพื่อใส่น้ำ เตรียมเครื่องปรุงอาทิ พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะขามเปียก ใส่ลงไป ตั้งบนกองไฟให้น้ำเดือด จากนั้นใส่ปลา ลงไปต้มให้สุกแล้วปรุงรสจนได้ที่ ก็สามารถนำมารับประทานได้คล้ายกับการต้มปลาแบบปกติ แต่จะได้กลิ่นหอมของกระบอกไม้ไผ่อ่อนๆ ให้รสชาติดีกว่าการต้มปลาทั่วไป  ยิ่งหากได้ปลากด หรือปลาน้ำพอง ซึ่งเป็นปลาเนื้ออ่อนแล้วจะให้รสชาติดียิ่งขึ้นไปอีก  นอกจากนี้ก็ยังมีปลาย่างไม้ไผ่ เป็นที่ย่างกันสดๆมาเป็นเครื่องเคียงกินกับปลาปลามแทนข้าวด้วย

โดยหลังจากนี้ทางคณะสำรวจจะนำข้อมูลที่ได้ไปเสนอกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณาและประสานงานหน่วยงานต่างๆ ให้มาผลักดันลำมูลให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และเชิงอนุรักษ์  เพื่อเชื่อมต่อโครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ของอำเภอครบุรีต่อไป

 

จับปูนาขายหลังเก็บเกี่ยวข้าวสร้างรายได้เสริม เผยปีใหม่ มีออเดอร์สั่งเป็นของฝากเพียบ

จับปูนาขายหลังเก็บเกี่ยวข้าวสร้างรายได้เสริม เผยปีใหม่ มีออเดอร์สั่งเป็นของฝากเพียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยายจ้อย พลคำมาก อายุ 82 ปี ชาวบ้านพฤกษ์งาม หมู่ 13 ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ได้ออกจับปูนา ตามทุ่งนาหรือพื้นที่ใกล้น้ำ ขายในช่วง เวลาหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ทำให้มีรายได้จากการขายปูตกตัวละ 2-3 บาท ทุกวันเฉลี่ยวันละ 200-300 บาท โดยที่ไม่ต้องรอเบี้ยคนชราของรัฐบาลแต่อย่างเดียว

สำหรับอาหารที่เป็นที่นิยมในช่วงนี้คงจะหนีไม่พ้น อาหารที่ชาวบ้านในพื้นที่อีสานฮิตและเป็นเมนูที่หาทานยาก หนึ่งปีมีครั้งเดียว คือปูนา ซึ่งพบว่าขายดีมาก นอกจากนี้ยังสามารถ นำปูนา ไปปิ้ง ต้มทอด ย่าง ตำน้ำพริก หรือ ลาบปูนา ก็อร่อยไม่แพ้กัน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงใกล้จะปีใหม่จะมี พ่อค้าแม่ค้า มาสั่งให้หาปูนาเพื่อเป็นของฝากปีใหม่นำกลับไปบริโภค ที่ทำงาน เนื่องจากว่าเป็นเมนูที่หาทานได้ยากในช่วงนี้ ยิงปูนามีไข่ด้วยราคาก็จะสูงขั้นตามลำดับ เพราะจะมีความมัน หอม หวานในตัว ของปูนาตาม ท้องนา บ้านทุ่ง

ชมคลิป

ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมาจัดแถลงข่าวโครงการดนตรีบำบัดคืนคนดีสู่สังคมครั้งที่ 11-12

ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมาจัดแถลงข่าวโครงการดนตรีบำบัดคืนคนดีสู่สังคมครั้งที่ 11-12

ที่ผ่านมา   ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา   ร่วมกับคณะกรรมการสงเคราะห์จังหวัดนครราชสีมาได้จัดงานแถลงข่าวโครงการดนตรีบำบัดคืนคนดีสู่สังคมครั้งที่ 11-12   เพื่อเป็นการบำบัดแก้ไขฟื้นฟูเด็กและเยาวชนรวมทั้งเป็นการลดความวิตกกังวลตลอดจน  เป็นขวัญและกำลังใจในการฝึกอบรม  ซึ่งมุ่งเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม  สนุกสนานและพัฒนาทักษะด้านอารมณ์และจิตใจ

โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 ธันวาคม 2561 ณ  สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาและในวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ณ  ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมาโดยได้รับเกียรติจากศิลปิน ชื่อดังอาทิลำไย  ไหทองคำพร้อมศิลปินในค่ายไหทองคำและศิลปินวงเย็นตาโฟมาร่วมแสดงเพื่อสร้างความบันเทิงอีกด้วย ซึ่งก็สร้างเสียงกรีด และความสนุกสนานให้กับน้องเป็นอย่างมาก  โดยลำไย  ไหทองคำ ได้ร่วมร้องเพลงให้ความสุขกับน้อง ๆ ด้วยความเป็นกันเอง และได้ให้กำลังใจกับน้อง ๆ ทุกคน ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ซึ้งมาก  โดยน้อง ๆ ได้ให้คำมั่นสัญญากับ ลำไย ว่า จะเป็นคนดี และกลับคืนสู่สังคมให้พ่อแม่ชื่นใจ

หลังจากแสดงเสร็จ นายอภิชาต   ติยวัฒน์ ประธานกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาและศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 ได้กล่าวขอบคุณคณะผู้ร่วมจัดคอนเสิร์ตในโครงการดนตรีบำบัดคืนคนดีสู่สังคม และได้มีการมอบของที่ระลึกและเกียรติบัตรให้กับ ค่ายเพลงไหทองคำ และศิลปินทุกท่าน  โดยได้รับเกียรติจาก  ดร. รัตนะ  วรบัณฑิต  ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 เป็นผู้มอบ  และนายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา  ซึ่งท่านเป็นหนึ่งในคณะกนนมการสงเคราะห์ฯ และเป็นผู้ช่วยในการกระจายข่าวสารในกิจกรรมดังกล่าว  ร่วมมอบของที่ระลึกด้วยเช่นกัน

ชมภาพเพิ่มเติม

 

นักท่องเที่ยวแห่ถ่ายรูปทุ่งทานตะวัน งานเกษตร 100 ไร่ ราชภัฏโคราช  อย่างคึกคัก

นักท่องเที่ยวแห่ถ่ายรูปทุ่งทานตะวัน งานเกษตร 100 ไร่ ราชภัฏโคราช  อย่างคึกคัก

 

สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายการพัฒนาจังหวัดนครราชสีมา จัดพิธีเปิดศูนย์เรียนรู้เพื่อการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างมีความสุข “เกษตร 100 ไร่ ครั้งที่ 4” ภายใต้แนวคิด ศาสตร์แห่งพระราชบิดา สู่พระราโชบายด้านการศึกษาแห่งองค์วชิราลงกรณ ณ ศูนย์ฝึกอบรมและวิจัยทางการเกษตร (100 ไร่) ตำบลไชยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

ทั้งนี้ เกษตร 100 ไร่ ราชภัฏโคราช เปิดให้เข้าชมฟรี บนเนื้อที่มากกว่า 100 ไร่ ระหว่างวันที่ 5 ธันวาคม 2561 ถึง วันที่ 5มกราคม 2562 เวลา 09.00-18.00 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ ภายในงานได้จัดให้มีการจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติ “ศาสตร์พระราชาสู่ประชาชน” นิทรรศการ “วันดินโลก” นิทรรศการ “ตามรอย 100 ไร่” นิทรรศการองค์ความรู้ทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน แปลงสาธิตเกษตรทฤษฏีใหม่ เกษตรผสมผสาน การสาธิตทำปุ๋ยหมักสูตรพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ยังจัดให้มีการสาธิตและอบรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เที่ยวชมงานมหกรรมของกินถิ่นโคราช การท่องเที่ยว เชิงเกษตร Goat & Sheep Land ชมทุ่งคอสมอส ทุ่งทานตะวันหลังนา สวนไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ ลอดซุ้มอุโมงค์ฟักแฟงยักษ์ สะพานป่าไผ่ เห็ดเศรษฐกิจ ศูนย์การเรียนรู้การดำเนินธุรกิจโดยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจำหน่ายสินค้าวิสาหกิจชุมชมและของที่ระลึกจาก 100 ไร่

ทั้งนี้ ผู้สนใจเที่ยวชมงานสามารถศึกษารายละเอียดการจัดงานได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ : 100 ไร่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หมายเลขโทรศัพท์ 0-4400-9009 ต่อ 1322, 1323 หรือที่ 08-1975-5606, 08-1592-6658, 09-0256-6111

สังหารโหดไม่ถึงสองเดือนตาย 25 ตัว สุนัขพังเล้ากัดเป็ดไก่ชาวบ้าน

สังหารโหดไม่ถึงสองเดือนตาย 25 ตัว สุนัขพังเล้ากัดเป็ดไก่ชาวบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานได้รับทราบความเดือดร้อนของชาวบ้านรายหนึ่งในพื้นที่ตำบลครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่าได้รับความเดือดร้อนจากกรณีสุนัขพังเล้าเป็ดแล้วไปกัดเป็ดไข่ที่เลี้ยงไว้ตายไปเกือบ 10 ตัวในคืนเดียว จึงลงพื้นที่ไปสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งพบว่าที่เกิดเหตุเป็นฟาร์มขนาดเล็กตั้งอยู่กลางทุ่งนาบ้านหนองโสน (อ่านว่า หนอง – สะ – โน๋ ) หมู่ที่ 1  ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ของนายดิษฐพงษ์ ชุมกระโทก  อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นไร่นาสวนผสมปลูกข้าวและผักผลไม้นานาชนิด พร้อมกับเลี้ยงเป็ดและไก่พันธุ์ไข่ขังไว้ในเล้าอย่างดี เพื่อเก็บไข่ขายรายวัน ห่างจากแหล่งชุมชนเกือบ 1 กิโลเมตร

โดยทางนายดิษฐพงษ์ ฯ  เจ้าของฟาร์ม ได้พาผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบบริเวณเล้าเป็ดที่อยู่ข้างกระท่อมของฟาร์ม พบว่ามีร่องรอยสัตว์ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสุนัขกัดตาข่ายที่มีทั้งตาข่ายเอ็นและตาข่ายลวด จนเป็นรูโบ๋ ขนาดพอตัวสุนัขสามารถรอดเข้าไปในเล้าได้ ภายในเล้ายังมีซากเป็ดถูกกัดนอนตายอยู่ในเล้าอีก2 ตัว และยังมีซากเป็ดที่กำลังถูกถอนขนเพื่อเตรียมนำไปประกอบอาหารอีก 5 ตัว ทั้งหมดตายเพราะถูกเขี้ยวสุนัขกัด  รวมเป็ดที่ตายในวันนี้ 7 ตัว

จากการสอบถามนายดิษฐพงษ์ฯ เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่สามแล้วในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ครั้งแรกไก่พันธุ์ไข่ซื้อมาไว้ 20 ตัว ก็ถูกสุนัขบุกเข้ามากัดถึงเล้าตายไปถึง 9 ตัว แถมด้วยเป็ดอีก 1 ตัว ต่อมาไม่กี่วันไก่ก็มาถูกกัดตายไปอีกอีก 7 ตัว มาในวันนี้เป็ดก็มาถูกกัดตายอีก 7 ตัว และบาดเจ็บอาการร่อแร่อีก 2 ตัว รวมในเวลาไม่ถึง 2 เดือน เสียเป็นและไก่ไปแล้วถึง 25 ตัว รู้สึกเสียใจและเสียดายอย่างมาก เพราะตนเองก็สร้างเล้ากักขังไก่และเป็ดไว้เป็นอย่างดี แต่สุนัขก็ยังเข้ามากัดกินได้ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะจนปัญญาแล้ว

 

นายดิษฐพงษ์ ฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่สูญเสียในครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปเอาผิดกับใครได้ เพราะสุนัขที่มากัดเป็ดและไก่ตาย ก็ไม่รู้ว่าเป็นสุนัขของใคร แจะไปแจ้งความกับทางตำรวจก็กลัวว่าจะเป็นภาระเจ้าหน้าที่  จึงอยากฝากไปยังเจ้าของสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงนักล่าต่างๆ ให้ดูกรณีความสูญเสียของตนเองเป็นแบบอย่าง ว่าบ้างครั้งสัตว์ที่ตนเองเลี้ยงไว้อาจจะไปสร้างความเดือดร้อนกับบุคคลอื่นๆ อย่างกรณีของตนเองบางครั้งก็เห็นคาตาแต่ไม่กล้าที่จะลงมือทำร้าย เพราะสุนัขมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ ทำได้แค่เพียงไล่ให้ห่างเท่านั้น แต่เมื่อเวลาเผลอก็กลายเป็นเช่นนี้ ดังนั้นทุกคนควรที่จะดูแลรับผิดชอบสัตว์เลี้ยงของตนเองให้ดีและอย่าให้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นเช่นนี้

>ชมคลิป<<

 

ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ เกจิชื่อดังแห่งเมืองโคราช บริจาคเงิน 1 แสน ร่วมสร้างโรงพยาบาลโนนสูง

ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ เกจิชื่อดังแห่งเมืองโคราช บริจาคเงิน 1 แสน ร่วมสร้างโรงพยาบาลโนนสูง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ โรงพยาบาลโนนสูง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา นายอนันต์ศักดิ์ วุฒิสิงห์ชัย นายอำเภอโนนสูง ได้เป็นประธานในพิธี ทอดผ้าป่ามหากุศล เพื่อหารายได้สมทบทุนจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์อุปกรณ์ทางการแพทย์ให้มีความพร้อมในการให้บริการผู้ป่วย โดยมีครูบากฤษณะ อินทวัณโณ เกจิชื่อดังแห่งเมืองโคราช ร่วมบริจาคเงินส่วนตัวจำนวน 1 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีชาวบ้าน ภาครัฐและเอกชน ทำบุญในครั้งนี้อีกด้วย

            นายแพทย์อนุพงศ์ ชาวคอนไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโนนสูง เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาโรงพยาบาลโนนสูงได้ให้บริการผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก สถานที่ในการให้บริการค่อนข้างคับแคบ โดยเฉพาะตึกผู้ป่วยในที่ต้องรับผู้ป่วยเข้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเฉลี่ยวันละ 80 ราย ทำให้เกิดความแออัดจำนวนเตียงไม่เพียงพอต่อการให้บริการ จากปัญหาดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณจำนวน 40 ล้าน เพื่อใช้ในการสร้างตึกผู้ป่วยหลังใหม่ 3 ชั้น โดยได้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2560 ปัจจุบันได้ดำเนินการเสร็จแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากยังขาดวัสดุครุภัณฑ์อุปกรณ์ทางการแพทย์อีกจำนวนมาก ทางโรงพยาบาลจึงได้จัดกิจกรรมหารายได้ในรูปแบบต่างๆ เช่นการจำหน่ายของที่ระลึก การปั่นจักรยาน การทำวัตถุมงคลสำหรับเช่าบูชา ล่าสุดได้ทำการทอดผ้าป่ามหากุศล จำนวน 9,999 กอง กองละ 999 บาท

            อย่างไรก็ตาม หากประชาชนท่านใด ต้องการที่จะร่วมทำบุญใหญ่กับทางโรงพยาบาลโนนสูง เพื่อหาทุนซื้อวัสดุครุภัณฑ์อุปกรณ์ทางการแพทย์ สามารถติดต่อได้ที่โรงพยาบาลโนนสูงได้โดยตรง

>ชมคลิปภาพบรรยากาศ<<