ผู้ว่าโคราช นำกำลังจิตอาสา ลงพื้นที่พัฒนาฟื้นฟูลำตะคองครั้งที่ 4

โคราชจัดกิจกรรมจิตอาสา พัฒนาฟื้นฟูลำตะคองครั้งที่ 4


วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2562 เวลา 09.00 น. จังหวัดนครราชสีมา จัดกิจกรรมจิตอาสา พัฒนาฟื้นฟูลำตะคองครั้งที่ 4 ณ บริเวณสะพานข้ามลำตะคอง โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาโดยมี นาย วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติเป็นประธาน ในการจัดงานพร้อมด้วย เทศบาลนครนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่ามีผู้ร่วมกิจกรรมพร้อมกันที่บริเวณหน้าเวทีเพื่อซักซ้อมการปฏิบัติต่อจากนั้นประธานในพิธีเดินทางมาถึงบริเวณจัดงานกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาฟื้นฟูลำตะคองทักทายผู้เข้าร่วมกิจกรรมและพักผ่อนตามอัธยาศัยพิธีกรเชิญประธานในพิธีขึ้นสู่เวทีถวายคำนับพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรเปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายสักการะพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประธานเข้าประจำแท่นกาวแล้วทำความเคารพกล่าวเปิดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาฟื้นฟูลำตะคองลงจากเวทีต่อจากนั้นผู้เข้าร่วมพิธีให้นั่งลงโดยคุกเข่าทั้งสองข้างยกตัวสูงขึ้นแล้วกำมือขวาแนบหน้าอกข้างซ้ายจากคำว่าเราทำความดีพร้อมกันจากนั้นยกมือขวากำมือขึ้นแล้วกับคำว่าหัวใจพร้อมกันทำทั้งหมด 3 ครั้งเมื่อกล่าวจบ 3 ครั้งแล้วก็กล่าวคำว่าเฮ้*พร้อมกันโดยมือขวายังคงค้างไว้เพื่อถ่ายรูปร่วมกันหัวหน้าส่วนราชการจิตอาสาประชาชนร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาฟื้นฟูลำตะคองโรงเรียนกำจัดวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำปรับแต่งภูมิทัศน์บริเวณสองฝั่งลำตะคองบริเวณด้านข้าง 2 ฝั่งสะพานตัดแต่งกิ่งไม้เก็บขยะบริเวณด้านข้าง มีผู้เข้าร่วมจำนวน500คน

ขอเชิญร่วมกิจกรรม “วิ่ง-ปั่นสู้…เพื่อกู้ภัย” หารายได้จัดซื้ออุปกรณ์กู้ชีพ -กู้ภัย

ขอเชิญร่วมกิจกรรม “วิ่ง-ปั่นสู้…เพื่อกู้ภัย” หารายได้จัดซื้ออุปกรณ์กู้ชีพ -กู้ภัย

 

ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน “วิ่ง-ปั่นสู้…เพื่อกู้ภัย” เพื่อหารายได้จัดซื้ออุปกรณ์กู้ชีพ – กู้ภัย ในวันอาทิตย์ที่  23 มิถุนายน 2562 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น  ประเภทวิ่ง ระยะทาง 5 km., 10.5 km. และรุ่น VIP ไม่กำหนดระยะทาง  และประเภทปั่นจักรยาน ระยะทาง 10.5 km., 40 km. และรุ่น VIP ไม่จำกัดระยะทาง โดยมีรายละเอียดการสมัคร  ดังนี้

ประเภทวิ่ง
• 5 km. ค่าสมัคร 450 บาท
• 10.5 km. ค่าสมัคร 600 บาท
• VIP วิ่งระยะใดก็ได้ ค่าสมัคร 1,000 บาท (ได้รับเสื้อโปโลเพิ่ม 1 ตัว)

*** สิ่งที่นักวิ่งจะได้รับ :เสื้อที่ระลึก+เหรียญ (เหรียญจะได้รับเมื่อเข้าเส้นชัย
ตามเวลาที่กำหนด)

ประเภทปั่นจักรยาน (มีประกันอุบัติเหตุ)

  • 10.5 km. และ • 40 km.
    • ไม่รับเสื้อ ค่าสมัคร 300 บาท
    • รับเสื้อ ค่าสมัคร 500 บาท
    • VIP ปั่นระยะใดก็ได้ ค่าสมัคร 1,000 บาท (ได้รับเสื้อโปโลเพิ่ม 1 ตัว)

*** สิ่งที่นักปั่น ที่สมัคร 500 บาท จะได้รับ : เสื้อที่ระลึก+เหรียญ
(เหรียญจะได้รับ เมื่อเข้าเส้นชัย ตามเวลาที่กำหนด)
*** สิ่งที่นักปั่น ที่สมัคร 300 บาทจะได้รับ : เหรียญ (เมื่อเข้าเส้นชัยตามเวลาที่กำหนด)

#รางวัลที่จะได้รับ

รางวัลการแข่งขันวิ่ง OVER ALL
ระยะทาง 5 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัล จำนวน 6 รางวัล ได้แก่
• ชนะเลิศ ชาย
• รองชนะเลิศ อันดับ 1 ชาย
• รองชนะเลิศ อันดับ 2 ชาย
• ชนะเลิศ หญิง
• รองชนะเลิศ อันดับ 1 หญิง
• รองชนะเลิศ อันดับ 2 หญิง
ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัล จำนวน 6 รางวัล ได้แก่
• ชนะเลิศ ชาย
• รองชนะเลิศ อันดับ 1 ชาย
• รองชนะเลิศ อันดับ 2 ชาย
• ชนะเลิศ หญิง
• รองชนะเลิศ อันดับ 1 หญิง
• รองชนะเลิศ อันดับ 2 หญิง
การแข่งขันปั่นจักรยาน จะได้รับถ้วยรางวัล แบ่งประเภทรางวัล ดังนี้
• ทีมที่เข้าร่วมจำนวนมากสุด
• นักปั่นแฟนตาซี
• นักปั่นอายุน้อยที่สุด
• นักปั่นอายุมากที่สุด
• นักปั่นขวัญใจกู้ภัย
• นักปั่นมาไกล

#การบริการ
1. บริการน้ำดื่ม ทุกระยะ ตลอดเส้นทาง
2. มีรถพยาบาลและเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก
3. บริการอาหารและเครื่องดื่มในช่วงเช้าและหลัง วิ่ง-ปั่น เสร็จ

#กติกา
ยึดถือตามกติกาสากลและคำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด

ติดตามการสมัครทางออนไลน์ได้ที่
#สมัครออนไลน์

https://www.runlah.com/events/c/rbc19…

https://www.facebook.com/Runlah/

https://www.runlah.com/

เปิดรับสมัคร 26 เมษายนนี้ เวลา 12.00 น.
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดตามได้ที่ Runlah See First

#การชำระเงิน
ผ่าน ธ.ไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี มูลนิธิพุทธธรรม31 นครราชสีมา (กู้ภัย)
เลขที่บัญชี 503-2-72767-8

หรือชำระเงินสด ได้ที่ สำนักงานมูลนิธิฯ เลขที่ 19 หมู่ 2 บ้านกรีน ถนนบายพาส(ปักธงชัย – จอหอ ) ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ติดต่อสอบถาม สำนักงานมูลนิธิฯ โทร. 044-307298-99 088-715 8208
E-mail : hook31.official@gmail.com

 

ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมทำประชาคม ต.พุดซา รื้อ แหล่งโบราณสถานอารยธรรมขอม

ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมทำประชาคม ต.พุดซา รื้อ แหล่งโบราณสถานอารยธรรมขอม

ที่ผ่านมา  ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง  ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ไปยังที่ทำการเทศบาลตำบลพุดซา  เพื่อหารือและขอมติการรื้อฟื้นตำนานเมืองโบราณของตำบลพุดซา  อำเภอเมือง  จังหวัดนครราชสีมา

นายเกรียงศักดิ์  นาคหฤทัย  นายกเทศบาลตำบลพุดซา  พร้อมด้วยนายประเสริฐ  เชยพุดซา  กำนันตำบลพุดซา  พร้อมคณะผู้นำท้องถิ่น และประชาชนได้ให้การต้อนรับ ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  และนายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยคณะผู้สื่อข่าวจากหลายสำนัก  เพื่อร่วมรับฟังการทำประชามคมเพื่อหารือ และขอความคิดเห็นจากคนในท้องที่ เรื่อง การยกแหล่งโบราณอารยธรรมขอม ที่มีอายุยืนยาว เป็นสถานที่ให้พี่น้องประชาชน ได้เข้ามากราบสักการะ และเพื่อให้สถานที่แห่งนี้ เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป  รวมทั้งยังสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ทางโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา

ปัจจุบัน  บ้านพุดซา  อยู่ในพื้นที่การรับผิดชอบ ของเทศบาลตำบลพุดซา  อำเภอเมือง  จังหวัดนครราชสีมา  ทั้งที่ความจริงบ้านพุดซาแห่งนี้มีเรื่องราว  ตำนานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง เป็นโบราณสถานที่ค้นพบสถาปัตยกรรมในสมัยเกาะแกร์  ที่ผสมผสานมาถึงยุค นครวัต – บายน หรือตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 ลงมาถึง 18 โดยมีอายุโบราณทางด้านวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ก่อนยุคปราสาทหินพิมาย

นอกจากหลักฐานทางโบราณคดีแล้ว  ยังมีบึงขนาดใหญ่ที่คาดว่ามีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า  2,500 ไร่ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า  “บึงพุดซา”  ที่เล่าขานกันว่าเป็นบึงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก  และส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่  ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ต้องจมอยู่ใต้บาดาลจนกระทั่งต้องสร้างพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรขึ้นเป็นจำนวนมาก  เพื่อหวังจะให้หมู่บ้านแห่งนี้พ้นจากภัยพิบัติน้ำท่วม

เมื่อราวปี 2478 กรมศิลปากรได้เดินทางมาสำรวจบริเวณบ้านพุดซาบ้างแล้ว   พร้อมได้ขึ้นทะเบียนและปักปันอาณาเขตโบราณสถานไว้ด้วย  จากอดีตจนถึงปัจจุบันโบราณสถานแห่งนี้ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแม้แต่น้อย  เนินดินที่กลบซากปรักหักพังอยู่อย่างไร  ก็ยังอยู่อย่างนั้น องค์พระพุทธรูปที่ถูกเก็บ กระจายอยู่ยังวัดต่าง ๆ และบ้างก็ว่ากันว่าสูญหายกันไปมิใช่น้อย

บ้านพุดซา บริเวณที่ตั้งของวัดปรางค์ทองในปัจจุบัน  สันนิษฐานกันว่า  อดีตเคยเป็นปราสาทของพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้ายโศวรมัน แห่งอาณาจักรขอม เมื่อราวพุทธศตวรรษที่  15  ตัวปราสาทเป็นศิลปะแบบขอม  ก่อสร้างด้วยอิฐ  มีการบันทึกไว้ว่า  สภาพของปราสาทเมื่อปี 2521 ยังคงเห็นส่วนฐานปราสาทที่ก่อสร้างด้วยหินทรายแดงสลักเป็นฐานบัวรองรับปราสาทหลังทิศใต้ (เดิมกรมศิลปากรขุดแต่งพบฐานบัวรองรับปราสาทอิฐ 3 หลัง เรียงตัวในแกนทิศเหนือ – ใต้  สำหรับปราสาทประธาน(หลังกลา)และปราสาทหลังทิศเหนือพังเสียหายหมดแล้ว) ปัจจุบันได้ถมดินรอบปราสาทเหนือระดับฐานบัว  อย่างไรก็ตาม ปราสาทดังกล่าวได้แบ่งออกเป็น  3  ส่วน  คือ ส่วนฐาน  ส่วนเรือนธาตุ และส่วนยอด

ในบริเวณวัดปรางค์ทอง  ยังได้พบชิ้นส่วนของโบราณสถานประเภทหินทรายแดง  หินทรายขาว สลักเป็นหน้าทับหลัง  เสาประดับกรอบประตู ลูกกรงหน้าต่าง ฐานประติมากรรม  กระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมากภายในวัด  อาทิ  ทับหลัง ซึ่งวางอยู่ด้านหน้าปราสาทบริวาร มีภาพที่ลบเลือนมาก และดินถมขึ้นเกือบครึ่งแผ่น  ที่กึ่งกลางภาพมีรูปบุคคลนั่งชันเข่า เหนือสัตว์พาหนะ (อาจเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอรวัณ) มีท่องพวงมาลัยออกมาจากกึ่งกลางทับหลัง  เป็นวงโค้งเล็กน้อยเหมือนถูกกดไว้ด้วยน้ำหนักคล้ายกับทับหลังที่จัดแสดงที่สำนักงานอุทยานปราสาทพนมรุ้ง  ศิลปะขอมแบบเกาะแกร์  อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 15

ทับหลังรูปพระวิษณุทรงครุฑ  ซึ่งเก็บไว้บนศาลาวัด  ที่กึ่งกลางภาพสลักภาพพระวิษณุ (พระนารายณ์) ทรงครุฑนั้น ก็ยุคนาคสองตัวที่ทอดยาวตลอดทั้งสองข้างของทับหลัง  ทำนองเดียวกับลายท่องพวงมาลัย ปลายท่องพวงมาลัยเป็นนาคสามเศียรซึ่งหันหน้าออกมาเบื้องหน้า และนาคแต่ละเศียรมีมงกุฎลายใบไม้เป็นเครื่องประดับเหนือท่อนพวงมาลัยสลักเป็นรูปใบไม้ม้วนห้อยตกลงมาจนถึงแนวล่างสุด  สลักเป็นแนวกลับบัวเช่นกัน  ลวดลายดังกล่าวเหมือนกับทับหลังซึ่งที่ปราสาทพนมวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ทั้งนี้  สถานที่แห่งนี้ ยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่สำคัญ ที่ชาวบ้านให้ขนานนามว่า  เป็นเมืองบาดาล หรือเมืองพญานาค  จึงเป็นที่มาของการจัดทำประชาคมในครั้งนี้  โดย ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครราชสีมา  ที่พร้อมจะช่วยผลักดันให้สถานที่แห่งนี้  เป็นเมืองของการท่องเที่ยวเชิงอารยธรรม อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมาต่อไป

 

ชมภาพบรรยากาศการประชาคม

 

ม..เทคโนฯโคราช จับมือกับเครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย เปิดโอกาสให้ทางสภาแพทย์แผนไทยร่วมวิจัย”กัญชาเป็นยา”

ม..เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา จับมือกับเครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย เปิดโอกาสให้ทางสภาแพทย์แผนไทยร่วมวิจัย”กัญชาเป็นยา”


วันที่ 23 เมษายน 2562 ที่ห้องประชุมคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ชาคริต นวลฉิมพลี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา หัวหน้าโครงการวิจัยกัญชาเป็นยา สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตรและสิ่งแวดล้อม และ คณะอาจารย์ฝ่ายวิจัยของคณะฯ ได้ร่วมประชุมปรึกษาหากับ ดร.องอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ไทย พ.ท.ดร.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่ออออนไลน์ภาคอีสาน ในฐานะรองประธานเครือข่ายฯ นายกฤตนัน พันธุ์อุดม กรรมการสภาแพทย์แผนไทย อุปนายกสมาคมชะมดไทย รองประธานเครือข่ายฯ นายประดิษฐ์ บุญเชิด ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูกกัญชาไทย เลขานุการเครือข่ายฯ นางวดี พันธุ์อุดม แพทย์แผนไทยผดุงครรภ์ไทย กรรมการเครือข่ายฯ ผศ.ดร.อานนท์ แสนน่าน ผอ.ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ไทย นายสมชัย แสงทอง รอง ผอ.ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ไทย ภาคเหนือ นางนิตยา นาโล รอง ผอ.ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ไทย ภาคอีสาน นายศักดิ์ชาย พรหมโท ประธานผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.) นางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนภาคอีสาน และ ตัวแทนประธานวิสาหกิจชุมชนภาคเหนือและอีสาน 29 จังหวัด เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อวางกรอบนโยบายในการวิจัยกัญชามาเป็นยาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ แพทย์แผนไทย และ หมอชาวบ้าน ตาม พ.ร.บ.กัญชา
จากการที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ประกาศชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับผู้มีสิทธิ์ขออนุญาตผลิต นำเข้า และส่งออก “กัญชา” ซึ่งกฎหมายอนุญาตไว้ 7 กลุ่ม ดังนี้ 1. หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือจัดการเรียนการสอนทางการแพทย์ เภสัชกรรม วิทยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด สภากาชาด 2. ผู้ประกอบการวิชาชีพเวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม สัตวแพทย์ หรือแพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้าน ตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำหนด 3. สถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย และจัดการเรียนการสอนด้านการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์ 4. เกษตรกรที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์การเกษตรซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายและร่วมกันดำเนินการกับหน่วยงานรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา 5. ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ 6. ผู้ป่วยเดินทางระหว่างประเทศที่มีความจำเป็นต้องพกพาติดตัวเพื่อใช้รักษาโรค 7. ผู้ขออนุญาตอื่นๆ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ ผู้ขออนุญาตที่ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ เป็นบุคคลธรรมดาต้องมีสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย กรณีเป็นนิติบุคคลต้องจดทะเบียนตามกฎหมายไทย และกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 ใน 3 ต้องมีสัญชาติไทยและมีสำนักงานในประเทศไทย


ด้วยเหตุนี้เองทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สภาแพทย์แผนไทย องค์กรภาคประชาชนกลุ่มต่าง ๆ จึงได้รวมตัวกันจัดตั้ง “เครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์แผนไทย” ที่ผ่านมาประสานงานดำเนินงานตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.กัญชา ที่จะสามารถทำให้ “กลุ่มเกษตรกรปลูกกัญชา”ได้และ “แพทย์แผนไทยทำตำรับยา” ได้อย่างถูกต้องไม่ผิดกฎหมาย ตามประกาศ พ.ร.บ.กัญชาในข้อ 4.ว่า “เกษตรกรที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์การเกษตรซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายและร่วมกันดำเนินการกับหน่วยงานรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา” ทาง “เครือข่ายวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย จึงขอความร่วมมือและร่วมประสานงานกับทาง “คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานนคราชสีมา” ได้เปิดดำเนินการจัดสรรงบประมาณวิจัย “กัญชาเป็นยาตามตำรับแพทย์แผนไทย”
ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา หัวหน้าโครงการวิจัยกัญชาเป็นยา สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตรและสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ได้กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ทางภาคประชาชนตื่นตัวกับการนำเอากัญชามาเป็นยา เพื่อรักษาตัวเองและผู้อื่น ทางเราก็พร้อมและยินดีที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่จึงได้เข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือพร้อมกับเชิญ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ และอาจารย์ฝ่ายวิจัยเรื่องนี้มาร่วมประชุมด้วย เพราะที่ผ่านมาตนเองได้เดินทางหาความรู้ไปตามจุดต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนทราบว่า กัญชา”เป็นพืชในตระกูล Cannabis ที่สามารถจำแนกออกมาได้อีก 3 ชนิด ได้แก่ 1.Cannabis Indica : มีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย สูงไม่เกิน 2 เมตร ใบมีสีเขียวเข้ม มีลักษณะสั้นและกว้าง เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น หรือการปลูกในร่ม นิยมปลูกเพื่อนำดอกมาใช้สกัดเป็นน้ำมันทางด้านการแพทย์ และนำมาใช้เพื่อการผ่อนคลาย 2.Cannabis Sativa : ลำต้นใหญ่ หนา และแข็งแรง อาจสูงได้มากถึง 6 เมตร ใบมีลักษณะเรียวยาว สีเขียวอ่อน เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน นิยมปลูกเพื่อเอาใยมาใช้ทางด้านอุตสาหกรรม และนำเมล็ดมาสกัดน้ำมัน และ 3.Cannabis Ruderalis : ต้นเล็กคล้ายวัชพืช ใบมีลักษณะกว้างและเล็กผสมกัน เติบโตได้ดีทั้งในอากาศร้อนและเย็น พบได้มากในทวีปยุโรป ในอนาคตในการวิจัยเราจะต้องนำเอา “ต้นกัญชาทั้งต้น” มาทำการวิจัยว่าส่วนไหนเป็นยาด้านไหนบ้างตามตำรับแพทย์ปัจจุบันและแพทย์แผนไทย เราจึงอยากจะเชิญคณะแพทย์จากสภาแพทย์แผนไทยเข้าร่วมการวิจัยในครั้งนี้ด้วย


ขณะที่ทาง อาจารย์ ดร.ชาคริต นวลฉิมพลี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ได้กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีทางภาคประชาชนได้ขอเสนอให้ทางคณะฯ ได้เป็นตัวแทนในการวิจัยความเป็นไปได้ของการนำเอากัญชามาเป็นยา อย่างถูกกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.กัญชา และ ทางเราพร้อมสนับสนุนโดยจะมอบหมายให้ทาง ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา ได้เป็นหัวหน้าคณะวิจัยและศึกษาข้อกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา เพราะถือได้ว่าเป็นเรื่องดีและละเอียดอ่อนพร้อมกับทำข้อมูลนำเสนอไปทางท่านอธิการฯ และ สภามหาวิทยาลัยฯ ต่อไป
ทางด้าน ดร.องอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ไทย ได้กล่าวว่า วันนี้ถือได้ว่าพวกเราได้รับข่าวดีที่ทาง “คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา” พร้อมทำวิจัยกัญชาให้กับทางเครือข่ายฯ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และที่สำคัญ “เพื่อประโยชน์ของประชาชน” และยังเปิดโอกาสให้ทางคณะแพทย์แผนไทยเข้าร่วมวิจัยกัญชาตามตำรับยาแพทย์แผนไทยอีกด้วย ในส่วนของภาคประชาชนตนเองก็จะได้ประสานงานไปยัง “สหกรณ์” และ “วิสาหกิจชุมชน” ที่อยู่ภายใต้เครือข่ายเตรียมความพร้อมและแจ้งไปยังประชาชนที่ต้องการจะเข้าร่วมโครงการรีบดำเนินการจัดตั้งกลุ่มไปขออนุญาตจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนกับทางสำนักงานเกษตรแต่ละอำเภอให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 2562 23 มีนาคม – 3 เมษายน

ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 2562 23 มีนาคม – 3 เมษายน

เที่ยวงานใหญ่เมืองโคราช กับ งานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี หรือ งานย่าโม ประจำปี 2562 จัดเต็มความสนุก 12 วัน 12 คืน ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2562 ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

งานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี หรือ “งานย่าโม” ถือเป็นงานประจำของจังหวัดนครราชสีมา ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในทุกปี เพื่อสักการะและรำลึกถึงวีรกรรมของคุณหญิงโม สตรีแกร่งแห่งโคราช

ด้วยรูปแบบการจัดงานที่น่าสนใจ อาทิ การจุดพลุเฉลิมฉลองทั้ง 4 ประตูเมืองโคราช, การรำบวงสรวงสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี, นิทรรศการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน, การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสมประวัติของคุณหญิงโม, การประกวดนางสาวนครราชสีมา, การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง, การแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง  ชมฟรีตลอด 12 วัน 12 คืน  โดยมีรายละเอียดดังนี้

Cr.ภาพจาก facebook ที่นี่นครราชสีมา

อำเภอคง โคราช จัดงานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 2562 จับฉลากแจกกระบือและโค รวม 3 ตัว มูลค่า 1 แสน

อำเภอคงโคราช จับฉลากแจกกระบือและโค รวม 3 ตัว มูลค่า 1 แสน ให้นำไปเลี้ยงในช่วงแล้งในงานวันฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพัลลภ สิงห์ทอง นายอำเภอคง เป็นประธาน พร้อมด้วยนายอนัน โกนสันเทียะ สาธารณสุขอำเภอคง นายพศวีร์ สมใจ ปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกันจัดงานเลี้ยงวันฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี (ของดีเมืองคง บุญกุ้มข้าวใหญ่ ) เพื่อให้ประชาชนได้ระลึกถึงความกล้าหาญของย่าโมที่ปกปักรักษาบ้านเมืองไว้ให้ลูกหลาน ซึ่งงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-22 มีนาคม 62 ของทุกปี โดยมีประชาชนจาก 10 ตำบล 156 หมู่บ้าน เข้าร่วมงานตลอด 7 วัน 7 คืนเป็นจำนวนมาก

โดยภายในงานได้มีการจับฉลากแจกกระบือ 2 ตัวและโค 1 ตัวรวมทั้งหมด 3 ตัวมูลค่ากว่า 1 แสนกว่าบาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ประชาชนได้นำไปเลี้ยงในช่วงภัยแล้งนี้ เนื่องจากว่าอำเภอคง เป็นพื้นที่แล้งซ้ำซาก หากปลูกพืชหรือผลผลิตทางการเกษตรอาจจะเสียหายได้เนื่องจากว่าไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยง จึงอยากส่งเสริมให้เลี้ยงสัตว์แทนในช่วงแล้งนี้ นอกจากนี้ยังมีการประกวดหางเครื่องคาวบอยไนท์ ทั้งชายและหญิง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้นำชุมชนมาเข้าประกวด ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้านและภรรยา สารวัตรกำนัน มาสร้างสีสันให้กับงานในค่ำคืน โดยในระหว่างที่ประกวดนั้น จุดไฮไลท์ไม่ได้อยู่บนเวที แต่จะอยู่ที่ข้างเวที ซึ่งจะมีกลุ่ม แม่บ้าน พ่อบ้าน จะคอยเป็นพี่เลี้ยงในการส่งสัญญาณแต่ละท่า สร้างความสนุกสนานให้กับผู้ที่เข้าร่วมชมงานเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ นายพัลลภ สิงห์ทอง นายอำเภอคง ยังขอบคุณพี่น้องประชาชน จาก 10 ตำบล 156 หมู่บ้าน ที่ร่วมกันสร้างกองทุนวิ่งเดินการกุศล วันมหัศจรรย์ พันวันแรกแห่งชีวิต วิ่งสร้างคน คนสร้างชาติ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทุกภาคส่วนเป็นจำนวนเงินกว่า 1.3 ล้านบาท โดยงบประมาณทั้งหมดจะนำไปดูแลสตรีที่ตั้งครรภ์ในพื้นที่อำเภอคง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แลส่งเสริมให้เด็กเป็นกำลังในการพัฒนาชาติต่อไป

พื้นที่ไฟล์แนบ

ชมคลิป>>>>>

มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี เตรียมจัดงานหาทุนยื้อชีวิตผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี

มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี เตรียมจัดงานหาทุนยื้อชีวิตผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี

มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จัดประชุมสามัญประจำปี 2561 แถลงผลงานผ่าตัดผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี 148 ราย ใช้เงินเกือบ 4 ล้านบาท เตรียมจัดกิจกรรมระดมทุนหารายได้ยืดอายุผู้ป่วย เล็งเชิญเซเลบมาเป็นพรีเซนเตอร์รณรงค์โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2562 มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จัดการประชุมสามัญประจำปี 2561 ที่ห้องประชุม 5102 อาคารเวชวิชชาคาร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี ศ.ดร.พวงรัตน์ ยงวณิชย์ ประธานมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี เป็นประธานการประชุม และ รศ.นพ.ณรงค์ ขันตีแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี ในฐานะรองประธานมูลนิธิฯ พร้อมคณะกรรมการ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ศ.ดร.พวงรัตน์ ยงวณิชย์ ประธานมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ได้แจ้งต่อที่ประชุมฯ ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ในปีงบประมาณ 2561 อาทิ โครงการการส่งเสริมการเข้าถึงบริการผ่าตัดมะเร็งท่อน้ำดีของประชาชนเพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช พร้อมทั้งถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา การจัดงานวันมะเร็งท่อน้ำดีโลก World CCA Day 2018 เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงภัยร้ายของพยาธิใบไม้ตับ และโรคมะเร็งท่อน้ำดีที่คุกคามชีวิต และมีอุบัติการณ์การเกิดโรคนี้ในระดับสากลที่เพิ่มขึ้น

มหกรรมรณรงค์กำจัดพยาธิใบไม้ตับต้านภัยมะเร็งท่อน้ำดีสัญจร โดยการตรวจคัดกรองให้กับกลุ่มเสี่ยงด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ ในโรงพยาบาลเครือข่ายพื้นที่ 20 จังหวัดในภาคอีสาน รวมทั้งขยายเพิ่มเติมอีก 8 จังหวัดของภาคเหนือ และ 1 จังหวัดของภาคตะวันออก รวมเป็น 29 จังหวัด นอกจากนี้ยังได้มอบเงินช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี และสนับสนุนเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ ให้แก่ในโรงพยาบาลเครือข่าย ปีละ 2 โรงพยาบาลๆ ละ 100,000 บาท

โครงการการส่งเสริมการเข้าถึงบริการผ่าตัดมะเร็งท่อน้ำดี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช พร้อมทั้งถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา โดยการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการผ่าตัด ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีเพื่อหวังผลหายขาด และประคับประคองเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยได้มีโอกาสเข้าถึงการผ่าตัดมากขึ้น มีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการ 4 แห่ง คือ โรงพยาบาลศรีนครินทร์  โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โรงพยาบาลร้อยเอ็ด และโรงพยาบาลสกลนคร ได้ทำการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี หวังผลหายขาด 43 ราย และประคับประคอง 105 ราย รวม 148 ราย ใช้เงินทั้งสิ้น 3,857,070 บาท

นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงสถานะการเงิน แผนการดำเนินงานและการขออนุมัติงบประมาณ ประจำปี 2562 รวมถึงการนำเสนอช่องทางประชาสัมพันธ์มูลนิธิฯ ให้แก่ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งคณะกรรมการมูลนิธิฯ ยังได้ร่วมกันเสนอแนะแนวทาง และข้อคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินงานของมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดีในปี 2562 ในการระดมทุนหารายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี โดยการจัดกอล์ฟการกุศล ณ สนามกอล์ฟเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ภายในเดือนธันวาคม 2562 และจัดกิจกรรมเดินวิ่งการกุศล รวมทั้งเชิญดารา นักร้อง บุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ณเดชน์ คูกิมิยะ, ไมค์ ภิรมย์พร และ บัวขาว บัญชาเมฆ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ร่วมรณรงค์โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี

ทั้งนี้ผู้ประสงค์ที่จะช่วยเหลือกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิมะเร็งท่อนำดี ด้วยการซื้อสินค้าที่ระลึก อาทิ เสื้อคอโปโล เสื้อยืด พวงกุญแจ หรือสามารถร่วมบริจาคเงินผ่านทางตู้ ATM ของธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา ทั่วประเทศ และบริจาคผ่านเคาเตอร์เซอร์วิส 7-11 ทุกสาขา สอบถามรายละเอียดได้ที่ 043-203769 มูลนิธิมะเร็งท่อนำดี ชั้น 3 อาคารเวชวิชชาคาร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น “ทุกบาทที่ท่านอุทิศ ช่วยยืดชีวิตผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี”

 

นายกเหล่ากาชาด จังหวัดนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าว เปิดตัวผู้ประกวดหลานสาวย่าโม  ประจำปี  2562

นายกเหล่ากาชาด จังหวัดนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าว เปิดตัวผู้ประกวดหลานสาวย่าโม  ประจำปี  2562

วันที่  18 มีนาคม 2562 ที่ห้อง อรพิมบอลรูม โรงแรมสีมาธานี  จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับกาชาดจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดให้มีการแถลงข่าวงานแสดงแบบผ้าไทยการกุศล  “อัตลักษณ์ผ้าไทยล้ำค่า งามตระการตาผ้าไหมโคราช” พร้อมเปิดตัวสาวงามผู้เข้าประกวด “หลานสาวย่าโม ประจำปี 2562” โดยได้รับเกียรติจาก  นางปิยะฉัตร  อินสว่าง  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา พร้อมคณะผู้ดำเนินการจัดงาน ร่วมกันแถลงข่าวอย่างพร้อมเพียง  ทั้งนี้ ยังได้เผยโฉม ผู้เข้าร่วมประกวด หลานสาวย่าโม ประจำปี 2562  โดยมีสาวงามจากทั้ง 32 อำเภอเข้าร่วมประกวด กว่า 52 คน  นอกจากนี้ ในงานแถลงข่าว ยังได้รับเกียรติจาก พลเอก ดร.มารุต ลิ้มเจริญ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติมาร่วมงาน และร่วมเดินแสดงแบบ ในวันที่ 30 มีนาคม 2562 อีกด้วย รวมทั้งผู้สนับสนุนในการจัดกิจกรรมดังกล่าว

ทั้งนี้ ภายในงาน ยังได้รับความอนุเคราะห์ จาก คลับลิตเติ้นคิส ไทยแลนด์ ที่ได้นำน้อง ๆ หนู ๆ มาโชว์แสดงเดินแบบผ้าไหมไทย  เพื่อเป็นการสร้างสีสัน ให้กับงานอีกด้วย

สาวบิ๊กไซส์ประชันความสวยแบบบิ๊กเบิ้มกับการประกวดธิดาช้างเมืองย่า 2019

สาวบิ๊กไซส์ประชันความสวยแบบบิ๊กเบิ้มกับการประกวดธิดาช้างเมืองย่า 2019

 

ในวันเสาร์ ที่ 16 มีนาคม 2562 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช จัดการประกวด “ธิดาช้างเมืองย่า 2019” โดยได้รับเกียรติจาก คุณปัญญา วงศ์ศรีแก้ว ปลัดจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย คุณจิตราวดี ชุติมันตรานนท์ ประธานกองประกวดธิดาช้างเมืองย่าไทยแลนด์ ผู้สนับสนุนงานและคุณชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมาจำกัด ร่วมงาน

 
ภายในงานแถลงข่าวได้มีการเปิดตัวผู้เข้าประกวดทั้งสาวแท้และสาวประเภทสองบิ๊กไซส์ได้เดินทางมาจากทั่วประเทศ และไฮไลท์คือการให้สาวๆผู้เข้าประกวดทั้งหมดโพสท่ารับประทานกล้วยและอ้อยให้โดนใจกรรมการที่สุด เรียกรอยยิ้มจากผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก พร้อมประมูลภาพวาดจาก พังอรทัย ช้างสุรินทร์ เพื่อนำรายได้จากการประมูลไปช่วยเหลือช้างไทยต่อไป
แนวคิดการประกวดธิดาช้างเมืองย่า2019 ครั้งนี้จัดขึ้นขึ้นเพื่อส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมาให้มีสีสัน และถือเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสาวแท้ และสาวเทียม ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินปกติได้มีโอกาสแสดงศักยภาพ และความสามารถของตัวเอง พร้อมทั้งทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป
สำหรับผู้ที่คว้าตำแหน่งธิดาช้าง ประจำปี 2562 ได้รับมงกุฎ สายสะพาย และเงินรางวัล ได้แก่ นางสาวสิฏฐีญา ฤทธิ์เดช หรือ เต้ยเต้ย อายุ 34 ปี จากจังหวัดกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันประกอบอาชีพ นักแสดงอิสระ และตำแหน่งธิดาช้างควีนประจำปี 2562 ได้แก่ นายธนศักดิ์ เกษมฤทธิ์ จากจังหวัดนครราชสีมา และผู้เข้าประกวดที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือ นายธิเบศ เตยดอน จากจังหวัดนครราชสีมา กับน้ำหนัก 152 กก.

 

รพ.สต.ครบุรีชวนวิ่ง ช่วยผู้ป่วยติดเตียง ยอดบริจาคกระฉูดทะลุล้าน!!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา นำเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ( รพ.สต.ชวนวิ่ง) ทั้ง 17 แห่ง และประชาชนในพื้นที่อำเภอครบุรี ร่วมกันทำกิจกรรมโครงการ “รพ.สต. ชวนวิ่ง” เพื่อรับบริจาคเงินนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่อำเภอครบุรี ซึ่งมีอยู่กว่า 400 คน

ซึ่งในกิจกรรมครั้งนี้ได้เริ่มออกวิ่งตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะวิ่งในวันนี้อีก 1 วัน โดยใช้เส้นทางวิ่งผ่านทุกตำบลในพื้นที่อำเภอครบุรี รวม 12 ตำบล เพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่ได้มีส่วนร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงที่ยังขาดแคลนอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ในการรักษาและใช้ในชีวิตประจำวัน โดยในขณะที่ขบวนวิ่งรับบริจาคผ่านไปยังตำบลต่างๆ ก็จะมีการจัดกิจกรรมต้อนรับคณะทีมวิ่งอย่างอบอุ่นและสนุกสนาน

ทั้งนี้จากการวิ่งทั้ง 2 วัน ในโครงการ “รพ.สต.ชวนวิ่ง” ของอำเภอครบุรี มียอดเงินบริจาครวมถึงยอดจากการจำหน่ายเสื้อที่ใช้ในการใส่วิ่งแล้วกว่า 1 ล้าน 2 แสนบาท ซึ่งถือเป็นการมีส่วนร่วมในการให้ครั้งยิ่งใหญ่ของชาวอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมาที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง

นายประสิทธิ์ จอมกระโทก สาธารณสุขอำเภอครบุรี เปิดเผยว่า กิจกรรมในโครงการ “รพ.สต. ชวนวิ่ง”  นั้น จัดขึ้นเพื่อหารายได้ร่วมสมทบทุนช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานสาธารณสุขอำเภอครบุรี ทั้ง 12 ตำบล ในพื้นที่อำเภอครบุรี ซึ่งปัจจุบันมีผู้ป่วยติดเตียงซึ่งต้องได้รับการรักษาพยาบาลกระจายอยู่ในพื้นที่กว่า 400 คน ซึ่งขณะนี้ทางหน่วยงานในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอครบุรี รวมไปถึง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทั้ง 17 แห่ง ยังขาดแคลนบุคลากรและอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่จะใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย  จึงมีแนวคิดร่วมกันกับทางหน่วยงานราชการต่างๆในพื้นที่ และภาคเอกชน จะจัดกิจกรรม “รพ.สต. ชวนวิ่ง”ขึ้น เพื่อหารายได้มาช่วยเหลือจัดหาสิ่งที่ยังขาดแคลน เพื่อให้ผู้ป่วยติดเตียงได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น  อีกทั้งยังเป็นการช่วยรณรงค์กระตุ้นในประชาชนในพื้นที่อำเภอครบุรี หันมาออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพกันมากขึ้นด้วย