ติวเข้มสื่อภาคอีสาน พัฒนาศักยภาพเชิงปฏิบัติการ การใช้มือถือ อย่างมืออาชีพ ในยุค 4.0

ติวเข้มสื่อภาคอีสาน พัฒนาศักยภาพเชิงปฏิบัติการ  การใช้มือถือ อย่างมืออาชีพ ในยุค 4.0

ที่ผ่านมา  นายณรงค์ ไตรกิจวัฒนกุล ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าน้ำพอง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพสื่อมวลชนภาคอีสาน ครั้งที่ 1/2561     การอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “นักข่าวมือถือ มืออาชีพ ยุค 4.0” และบรรยายพิเศษเรื่อง “กฟผ.4.0” จัดโดย สมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน ระหว่างวันที่ 17-19 สิงหาคม 2561 ณ โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเต็ล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จ.นครราชสีมา


โดยมี นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ และ นพ.ธีรวัฒน์ ร่มไทรทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธีรวัฒน์ จ.กาฬสินธุ์ บรรยายพิเศษเรื่อง “ฟ้าสวย ตาใส” นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นายเพชรเหล็ก ทองภูธร ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ภาค 5 นครราชสีมา เป็นประธานปิดการอบรมและมอบวุฒิบัตรให้กับผู้เข้ารับการอบรม โดยมีสื่อมวลชนสาขา นสพ., วิทยุ, เคเบิ้ลทีวี และสื่อออนไลน์ จากจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน เข้าร่วมอบรมกว่า 50 คน


พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน กล่าวว่า ปัจจุบันทุกคนสามารถเป็นนักข่าวได้ ผู้ที่มีมือถือสมาร์ทโฟน เมื่ออยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ สามารถที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตข่าว และรายงานข่าวได้ด้วยตัวเอง เป็นการรายงานเหตุการณ์สด ได้รวดเร็ว อย่างไรก็ตามอาชีพคนทำข่าว หรือนักหนังสือพิมพ์ก็ไม่ได้สูญหายไปไหน แต่ต้องมีการปรับตัวมากขึ้น นักข่าวจะต้องเปลี่ยนบทบาทตัวเอง ไม่ใช่แค่การเขียนลงหนังสือพิมพ์ วิ่งไปทำข่าวในที่เกิดเหตุ แล้วกลับมารายงานข่าวผ่านสื่อที่ตนรับผิดชอบ แต่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำข่าว เปลี่ยนเป็นการรายงานผ่านสื่อออนไลน์ การทำ LIVE เหล่านี้คือบทบาทของนักข่าวที่จำเป็นต้องเปลี่ยนอย่างแน่นอน


ดังนั้น สมาคมเครือข่าย หนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน ได้เล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิตอลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงจัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาศักยภาพสื่อมวลชนภาคอีสาน ประจำปี 2561 เรื่อง “นักข่าวมือถือ มืออาชีพ ยุค 4.0” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้เข้าใจและเรียนรู้การผลิตข่าวด้วยมือถือ โดยให้กลุ่มเป้าหมายเป็นศูนย์กลาง วิธีการนำเสนอ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และให้เข้าถึง โดนใจผู้บริโภคในยุคดิจิตอลนี้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปใช้ได้จริงในการทำงานและชีวิตประจำวัน
ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการ ที่จัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพสื่อมวลชนภาคอีสาน ได้เพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี กระบวนการผลิตข่าวผ่านสื่อออนไลน์ มีทักษะทางด้านการรายงานข่าวด้วยมือถือ อันจะนำไปสู่ความเป็นนักข่าวมืออาชีพ สามารถทำหน้าที่ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป นำไปปรับใช้กับองค์กร และนำไปต่อยอดใช้ให้เกิดประโยชน์ในอาชีพสื่อสารมวลชนต่อไป


การอบรม “เล่าเรื่องยุคดิจิทัลด้วยมือถือ” โดยวิทยากร ประกอบด้วย อ.กุลพัฒน์ จันทร์ไกรลาส (อ.ต่อง), อ.จำรัส จันทนาวิวัฒน์ (อ.หมิ่น) และ อ.วนาภรณ์ ตลอดไธสง (อ.กิ๊ก) บรรยายในหัวข้อ การทำข่าวในยุค สื่อออนไลน์, หลักคิดเรื่อง วารสารศาสตร์มือถือ (Mobile Journalism), การนำไปใช้ในการผลิตเนื้อหาสำหรับสื่อออนไลน์ประเภทต่างๆ, รู้จักมือถือ ทำอะไรได้บ้างในยุคสื่อออนไลน์ 4.0, มารู้จักแอพพลิเคชั่นดี ๆ สำหรับการใช้มือถือทำงานผลิตเนื้อหาข่าว, หลักการถ่ายภาพด้วยมือถือ และการแต่งภาพเพื่อนำไปใช้งาน, แนะนำการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ขาตั้ง ตัวประคองโทรศัพท์มือถือ และไมโครโฟน, เข้าใจการทำงานผลิตวีดีโอเพื่ิอการเล่าเรื่อง การวางแผน การถ่ายทำ และการตัดต่อ การพากย์และการลงเสียงให้น่าฟัง การเปิดหน้าพูดกับกล้อง การสัมภาษณ์ เป็นต้น
ผู้เข้าอบรมได้รับความรู้ทั้งภาคทฤษฎี และได้ฝึกปฏิบัติจริง ทั้งการวางแผน การเล่าเรื่อง การถ่ายทำ การตัดต่อ การทำกราฟฟิค และการลงเสียงบรรยาย จากนั้นทั้ง 7 กลุ่ม ได้นำเสนอผลงาน โดยคณะวิทยากรได้ให้คำแนะนำ ชี้แนะ เพื่อปรับปรุงแก้ไขผลงานให้สมบูรณ์ โดยทุกขั้นตอนการผลิตใช้เพียงโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ซึ่งผลงานทั้ง 7 กลุ่ม คณะวิทยากรได้พิจารณาคัดเลือกให้ได้รับรางวัล ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ เรื่อง ท่องเที่ยว วัดในประวัติศาสตร์ นครราชสีมา รองชนะเลิศอันดับ 1 รายการทีวีแขมร์ พาเที่ยววัดศาลาลอย และรองชนะเลิศอันดับ 2 เรื่อง เที่ยว ปราสาทพนมวัน
“สมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน จะจัดโครงการพัฒนาศักยภาพสื่อมวลชนภาคอีสาน ครั้งที่ 2/2561 ภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเป็นการต่อยอดและขยายผล เพื่อให้สื่อมวลชนภาคอีสาน ได้เกิดทักษะ และเพิ่มศักยภาพในการผลิตข่าวเชิงคุณภาพที่ดีๆ ให้กับสังคม และเป็นการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์สื่อใหม่ รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่พลาดการอบรมในครั้งที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมฯ โดยรายละเอียดต่างๆ จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป และขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนการจัดโครงการฯ ในครั้งนี้ทุกท่าน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความอนุเคราะห์จากท่านในครั้งต่อๆ ไป”

!!ด่วนเลขาธิการกลุ่มเครือข่ายพลังขับเคลื่อนภาคประชาชน ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ยุติการเคลื่อนไหวหวั่นสร้างความแตกแยกของประชาชน (คัดค้านจังหวัดบัวใหญ่)

วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายศุภฤกษ์ อริยปรัชญา เลขาธิการกลุ่มเครือข่ายพลังขับเคลื่อนภาคประชาชน จังหวัดนครราชสีมา (คัดค้านจังหวัดบัวใหญ่) ร.ต.พงศ์ภัค ภูริสิทธิพล ที่ปรึกษา เลขาธิการกลุ่มเครือข่ายพลังขับเคลื่อนภาคประชาชน จังหวัดนครราชสีมา และนายวันชัย ช่วงเมืองปักษ์ ตัวแทนกลุ่มผู้คัดค้านจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนางสาวปัณฑารีย์  โชรัมย์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมฯ เป็นตัวแทนรับเรื่องที่กลุ่มเครือข่ายพลังขับเคลื่อนภาคประชาชน จังหวัดนครราชสีมา ยื่นขอให้ทางจังหวัดทำประชาพิจารณ์ใน ๘ อำเภอ เรื่องการจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ และยื่นเรื่องขอให้กลุ่มสามมิตรยุติการเคลื่อนไหวหวั่นสร้างความแตกแยกของประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา    นายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำข้อร้องเรียนเสนอ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสถานการณ์และติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างครบถ้วนและครอบคลุมมากที่สุด นายศุภฤกษ์ อริยปรัชญา เลขาธิการกลุ่มเครือข่ายพลังขับเคลื่อนภาคประชาชน จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ในนามของกลุ่มเครือข่ายพลังขับเคลื่อนภาคประชาชน จังหวัดนครราชสีมา (คัดค้านจังหวัดบัวใหญ่) มุ่งเน้นถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ภายใต้กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน และให้ประชาชนทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น โดยเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อการตัดสินใจและลดปัญหาความขัดแย้งอันอาจจะเกิดขึ้นได้ ทางกลุ่มเครือข่ายพลังขับเคลื่อนภาคประชาชน จังหวัดนครราชสีมา (คัดค้านจังหวัดบัวใหญ่) จึงขอเสนอให้หน่วยงานของจังหวัด และหน่วยงานส่วนกลางของรัฐบาล จัดให้มีการทำประชาพิจารณ์ขึ้นในพื้นที่ทั้ง ๘ อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอคง, โนนแดง, ประทาย, สีดา, แก้งสนามนาง, บัวใหญ่ และบัวลาย เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วม ในการตัดสินใจอนาคตของเขาเอง อีกทั้งยังเป็นการรับฟังเสียงส่วนใหญ่ว่า เห็นด้วยกับการ แยก-ไม่แยก จังหวัดหรือไม่

นอกจากนี้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมืองในพื้นที่ และมองเห็นถึงความสำคัญของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ของห้วงเวลาที่จะมีการเลือกตั้งในปี ๒๕๖๒ ซึ่งมีกลุ่มการเมือง “สามมิตร” เป็นตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่อำเภอบัวใหญ่ เพื่อเข้าพูดคุยกับผู้ชุมนุมของกลุ่มบุคคลผู้ผลักดันขอแยกจังหวัดบัวใหญ่ ๑ ในนั้นคือนายคำพัน บุญยืด แกนนำกลุ่มผู้ผลักดันแยกจังหวัดบัวใหญ่ และมวลชนในอำเภอบัวใหญ่ จำนวน ๑ พันคน ได้แสดงความคิดเห็นเสนอต่อตัวแทนกลุ่มสามมิตร โดยข้อเสนอของกลุ่มนายคำพัน คือ การยกฐานะของ ๘ อำเภอ ตั้งเป็นจังหวัดบัวใหญ่ ซึ่งกลุ่มสามมิตรตอบตกลงว่า จะนำข้อมูลที่กลุ่มเสนอเรียกร้องมานั้น จำไปพูดคุยกับทางรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย พอเริ่มมีกระแสเรื่องราวดังกล่าวออกมา ทำให้เกิดเสียงกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา และคงยังไม่มีความเหมาะสมในการลงพื้นที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการหาเสียงช่วงเวลานี้ จะส่งผลขัดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญ และขัดต่อกฏหมายการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นได้จนนำไปสู่ความเสียหายของพรรคพลังประชารัฐ และส่วนสำคัญที่สุดคือ การสร้างความแตกแยกของคนในพื้นที่ทั้ง ๘ อำเภอ และคนทั้งจังหวัด หวั่นนำไปสู่ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งทางกลุ่มเครือข่ายพลังขับเคลื่อนภาคประชาชน จังหวัดนครราชสีมา (คัดค้านจังหวัดบัวใหญ่) จึงขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับจังหวัดและส่วนกลางของรัฐบาล สั่งการไปให้กลุ่มสามมิตรและกลุ่มบุคคลผู้ผลักดันขอแยกจังหวัด หยุดการกระทำที่จะส่งผลสร้างความแตกแยกทางความคิดในหมู่พี่น้องประชาขน อย่างไรก็ตามหากกลุ่มจัดตั้ง จังหวัดบัวใหญ่ เรียกร้องรัฐบาลใช้มาตรา ๔๔ จัดตั้ง จังหวัดบัวใหญ่ เราก็พร้อมเรียกร้องขอให้รัฐบาลใช้ มาตรา ๔๔ ไม่ให้จัดตั้ง จังหวัดบัวใหญ่ เช่นกัน” นายศุภฤกษ์ กล่าว

พิธีพุทธาภิเษก ธง ครบรอบ ชัยชนะ 191 ปี วีรสตรีเมืองหญิงกล้าแม่ย่าโม

วันจันทร์ขึ้น 9 ค่ำเดือน 9 ปีจอ !!จัดไป พิธีพุทธาภิเษก ธง ครบรอบ ชัยชนะ 191 ปี วีรสตรีเมืองหญิงกล้าแม่ย่าโม

 

 

วันที่ 20 สิงหาคม 2561 ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมา จัดพิธีพุทธาภิเษกธงครบรอบชัยชนะ 191 ปี วีรสตรีเมืองหญิงกล้าแม่ย่าโม โดยพลโทธรากร ธรรมวินทรธรแม่ทัพภาคที่ 2 ประธานสงฆ์ นายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราสีมา ประธานฝ่ายฆราวาส นางเอมอร ศรีกงพานประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนางศศิฑอณร์  สุวรรณมณี วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา และคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ร่วมพิธี

 

 

ด้วยสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาสภาวัฒนธรรมอำเภอและสภาวัฒนธรรมตำบลได้รวมกันจัดสร้างธงครบรอบชัยชนะ 191 ปีของท่านท้าวสุรนารีวีรสตรีเมืองหญิงกล้าแม่ย่าโมขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้เพื่อยกย่องและรำลึกถึงความกล้าหาญความเสียสละของท้าวสุรนารีเพื่อเป็นทองมงคลให้ประชาชนได้นำไปบูชาเพื่อจัดหารายได้สภาวัฒนธรรมทั้ง 32 อำเภอ 287 ตำบลของจังหวัดนครราชสีมาไปเป็นทุนในการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมและสาธารณประโยชน์ในการจัดสร้างธงได้ทำพิธีบวงสรวงขอมวลสารมงคลจากทุ่งสัมฤทธิ์ อำเภอพิมายและมวลสารมงคลจากวัดศาลาลอยอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมาซึ่งเป็นที่บรรจุอัฐิของท่านท้าวสุรนารีในปัจจุบันและได้ให้พระเถราจารย์ทั้ง 32 อำเภอทำพิธีอธิษฐานจิตและได้กำหนดจัดพิธีพุทธาภิเษกธงมงคลขึ้นซึ่งตรงกับวันจันทร์ขึ้น 9 ค่ำเดือน 9 ปีจอ ณ ลานอนุสาวรีย์ท่านท้าวสุรนารี การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความเมตตาและความอนุเคราะห์

  1. พระปลัดเอกรินทร์ธัมมะสังลี สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาและสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมาดูแลด้านพิธีการ แม่ทัพภาคที่ 2 ส่งกำลังพลช่วยดูแลการจัดสถานที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยและการจราจรคุณเข็มทองเรืองกฤตยาคุณสุวัฒน์ จึงวิวัฒนาภรณ์ คุณยลดา     หวังศุภกิจโกศล และคุณณภัทร นันทคุณาธิป มอบทุนตั้งต้นสำหรับจัดทำธงมงคลท่านละ 500,000 บาทสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา หน้าศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 น้ำดื่มและอาหารว่างห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์นครราชสีมาคุณทรงสมรรถ จันทร์เทพ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอสีคิ้วแป้งมันเอี่ยมเฮงสับสนุนโรงทาน และเครือข่ายสภาวัฒนธรรมทุกระดับร่วมด้วยช่วยกันเครื่องประกอบพิธีสถานที่และดูแลผสานความเป็นระเบียบเรียบร้อยของงานในวันนี้

ตำรวจภูธรภาค 3 !!มอบโฉนดที่ดินคืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม3,083 ไร่ 3งาน27 ตารางวา

ตำรวจภูธรภาค 3 !!มอบโฉนดที่ดินคืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม

วันพฤหัสบดีที่16สิงหาคม2561 พิธีมอบคืนโฉนดที่ดินคืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
ณ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ตามนโยบายของรัฐบาล นำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดปัญหาหนึ่งของประเทศ และถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไข โดยเน้นย้ำให้มีการบริหารจัดการปัญหาด้านลูกหนี้ ควบคู่กันไป อย่างเป็นระบบ มีความต่อเนื่อง อีกทั้งยังให้ดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งลดภาระหนี้นอกระบบ ด้วยการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ซึ่งได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกัน ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และดำเนินการปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง โดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้กำหนดให้จัดพิธีมอบคืนโฉนดที่ดิน คืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ในวันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม2561 พร้อมกันทั่วประเทศ

โดยพลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3 เป็นประธาน พร้อมด้วยหน่วยงานฝ่ายปกครอง ทหาร อัยการ ที่ดิน สรรพากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง8 จังหวัด อาทิเช่น นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนคราราชสีมา ,นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ,พล.ต.ณัฐชนก ศิริทีปตานนท์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 ,พล.ต.เภา โพธิ์เงิน ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดชัยภูมิ ,นายพรพจน์ บัณฑิตยานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ,นายศุภากร ชวมณีนันท์ อัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดนครราชสีมา ,นางฐาณภัค สวงโท อัยการคุ้มครองสิทธิจังหวัดชัยภุมิ ,นายจักรกฤษณ์ ศรีเมฆ อัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดยโสธร ,นายพิชาญ ลักขษร อัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดสุรินทร์ ,นางอุไรวรรณ อภัยพงษ์ สรรพากรภาค ๙ ,นายจักรกฤษณ์ พันธุรักษ์ สรรพากรพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ,นายบวรรัตน์ สาราญรมย์ สรรพากรจังหวัดชัยภูมิ ,นายกำพล วิทยาอนุมาส สรรพากรจังหวัดนครราชสีมา ,นางเสาวคนธ์ วัฒนะรัตน์ สรรพากรจังหวัดยโสธร ,นายบุญล้อม เหลาคม สรรพากรจังหวัดสุรินทร์ ,น.ส.ณัฏฐิรา แท่นวิทยานนท์ สรรพากรจังหวัดอำนาจเจริญ ,นายณรงค์ชัย หอมศรีประเสริฐ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา,นางเสาวคนธ์ วัฒนะรัตน์ สรรพากรจังหวัดยโสธร ,นายบุญล้อม เหลาคม สรรพากรจังหวัดสุรินทร์ ,น.ส.ณัฏฐิรา แท่นวิทยานนท์ สรรพากรจังหวัดอำนาจเจริญ ,นายณรงค์ชัย หอมศรีประเสริฐ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา,นายปิยะพงษ์ ชูวงศ์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชัยภูมิ ,นายชัยวัฒน์ ตุนทกิจ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดยโสธร ,นายพินิจ วรจักร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี ได้ร่วมกันทำพิธีมอบคืนโฉนดที่ดิน คืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ซึ่งมีประชาชนเดินทางมาร่วมในพิธีในครั้งนี้ประมาณ 5,000คน

ผมในนามหัวหน้าคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามและการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนตำรวจภูธรภาค 3 และหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีมอบคืนโฉนดที่ดินคืนความสุขให้กับประชาชนลดความเหลื่อมล้ำของสังคมจากปัญหาหนี้นอกระบบในวันนี้จัดการกล่าวรายงานของเลขาศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนตำรวจภูธรภาค 3 จะเห็นได้ว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้นอกระบบและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะต้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมายโดยใช้วิธีการไกล่เกลี่ยประนีประนอมหนี้อย่างเป็นระบบและเกิดความเป็นธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากโดยรับข้อมูลร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกี่ยวกับพฤติกรรมของกลุ่มนายทุนที่มีพฤติกรรมในการปล่อยเงินกู้ให้แก่ประชาชนโดยผิดกฎหมายด้วยวิธีทำสัญญาที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมมีการเรียกดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าที่กำหนดกฎหมายกำหนดรวมถึงบางรายได้ใช้ข้อกฎหมายในการฟ้องขับไล่ประชาชนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่ดินทำกินหรือไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมากซึ่งที่ผ่านมาประชาชนที่ตกเป็นโรคนี้ได้พยายามใช้ช่องทางในการร้องทุกข์เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยพูดคุยกับนายทุนที่เป็นเจ้าหนี้แต่ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควรและไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ตำรวจภูธรภาค 3ได้รับนโยบายจากรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนตั้งแต่ 27 กรกฎาคม2561จนถึงปัจจุบันโดยรวมปฏิบัติการกับหน่วยงานต่างๆได้แก่ฝ่ายปกครองทหารอัยการที่ดินสรรพากรในการสืบสวนสอบสวนและตรวจค้นกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบดำเนินการแก้ไขปัญหาการเกลี่ยประนอมหนี้ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งจากสรุปผลรวมของการดำเนินการของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนตำรวจภูธรภาค 3สามารถบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดจึงประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปประธรรมและถูกต้องตามกฎหมายหน้าอกอาจนี้ผมขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับคืนโฉนดที่ดินทุกท่านในวันนี้และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือร่วมใจในการขับเคลื่อนและสนองนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มกำลังความสามารถในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในครั้งนี้ (พลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3 เป็นประธาน กล่าว)

 

ตำรวจภูธรภาค 3ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน ตั้งแต่ 27กรกฎาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานต่างๆได้แก่ ฝ่ายปกครอง ทหาร อัยการ ที่ดิน สรรพากร ในการสืบสวนสอบสวนและตรวจค้น กลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบ ดำเนินการแก้ไขปัญหาไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับเจ้าหนี้และลูกหนี้ จนประสบความความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม และถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจากผลการดำเนินการดังกล่าว สามารถดำเนินการคืนโฉนดที่ดินให้กับประชาชนผู้เสียหาย พอสรุปได้ดังต่อไปนี้
ดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยได้ จำนวน919ราย ดำเนินการคืนโฉนดให้กับประชาชน จำนวน909 ฉบับ ยอดรวมเนื้อที่ในโฉนดที่ดินทั้งหมด จำนวน 3083 ไร่ 3งาน27 ตารางวา ยอดรวมรถยนต์ที่คืนให้กับประชาชน จำนวน 31 คัน ยอดรวมรถจักรยานยนต์ที่คืนให้กับประชาชน จำนวน17คัน
รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 891,189,124บาท (แปดร้อยเก้าสิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้าบาทถ้วน)
และอยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยอีก 705 ราย ซึ่งยังคงดำเนินการต่อเนื่องต่อไป

โคราชจัดกิจกรรมเทิดประเกียรติดำวันแม่เกี่ยววันพ่อ นำแหนแดงหวานในนาข้าวแทนปุ๋ยเคยมี ลดต้นทุน

 โคราชจัดกิจกรรมเทิดประเกียรติดำวันแม่เกี่ยววันพ่อ นำแหนแดงหวานในนาข้าวแทนปุ๋ยเคยมี ลดต้นทุน

              ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมารายงานว่า ที่ แปลงนาข้าว ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา  สำนักวิจัย และพัฒนาการเกษตร เขต 4 กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นายจิระ อะสุรินทร์  ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กว่า 20 คน จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณ และลงนามถวายพระพร จากนั้นร่วมกันปักดำกล้าข้าวในกิจกรรมปักดำวันแม่เก็บเกี่ยววันพ่อ และพัฒนาปรับแต่งภูมิทัศน์สวนพรรณไม้ในบริเวณศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรฯ

โดยกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นติดต่อกันมาหลายปี เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยมีเจ้าหน้าที่พนักงานร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพียง โดยการปักดำข้าวดังกล่าว เป็นการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งในโอกาสที่ปักดำเสร็จแล้ว ได้นำแหนแดง ว่านในนาข้าวด้วย ทั้งนี้เป็นการเปิดธาตุอาหารตัว N คือไนโตรเจน ในนาข้าวด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคยมี

สำหรับแหนแดง หากใช้เป็นปุ๋ยพืชสดในนาข้าวทดแทนปุ๋ยเคมีไนโตรเจน โดยที่ในโพรงใบแหนแดง สามารถดึงเอาไนโตรเจนจากอากาศมาใช้สำหรับการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ แหนแดงมีอัตราส่วนระหว่างคาร์บอนต่อไนโตรเจน (C : N) อยู่ระหว่าง 8 – 13 หลังถูกไถกลบ จะย่อยสลายและปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาในระยะเวลาที่สั้นประมาณ 8 สัปดาห์ ทำให้พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งใครต้องการศึกษาเกี่ยวกับการใช้แหนแดงเป็นปุ๋ยในนาข้าว สามารถสอบถามได้ที่  ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา  ตามเวลาราชการ

 

ชาวบ้านอำเภอวังน้ำเขียวร่วมใจกันปลูกป่าโพธิ์ 9,999 ต้น เฉลิมพระเกียรติ 86 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

ชาวบ้านอำเภอวังน้ำเขียวร่วมใจกันปลูกป่าโพธิ์ 9,999 ต้น เฉลิมพระเกียรติ 86 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

วันที่ 9 สิงหาคม 2561 เวลา ที่บ้านคลองบ่งพัฒนา ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ‘วังน้ำเขียวร่วมใจกันปลูกป่าโพธิ์ 9,999 ต้นเฉลิมพระเกียรติ 86 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9’ พร้อมทั้งชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น ข้าราชการ และนักเรียน ได้ร่วมใจกันปลูกป่าโพธิ์จำนวน 9,999 ต้น เฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา 12 สิงหาคม 2561 เพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมุ่งมั่นและมีพระวิริยะอุตสาหะอย่างยิ่ง ในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ นานัปการ เป็นคุณประโยชน์แก่พสกนิกร ด้วยน้ำพระราชหฤทัยเปี่ยมล้นด้วยพระคุณธรรม และพระเมตตาธรรม นำความเจริญมาสู่บ้านเมืองในทุกด้าน

นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขตอำเภอวังน้ำเขียว กล่าวว่า  โครงการปลูกป่าโพธิ์เริ่มจากแนวความคิดที่ว่าคนไทยพุทธที่เคารพและศรัทธาใน พระพุทธเจ้ามีความเชื่อว่าโพธิ์เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เมื่อเติบโตที่ไหนก็ จะไม่มีใครกล้าตัดหรือทำลาย หากมีการปลูกป่าโพธิ์เชื่อว่าจะเป็นการปลูกป่าถาวรได้ อีกทั้งยังจะสร้างป่าแห่งนี้ให้เป็น “ศูนย์ปฏิบัติธรรม” ให้นักเรียนไปนั่งสมาธิ จึงอยากเชิญชวนผู้ที่ต้องการทำบุญมาร่วมกันปลูกป่าโพธิ์ เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงประเทศอินเดียเพื่อดูต้นโพธิ์ตามรอย พระพุทธเจ้า

การปลูกป่าโพธิ์ ที่ ‘วังน้ำเขียว’ แห่งนี้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หากใครที่มีต้นโพธิ์ขึ้นที่บ้านอยู่แล้วก็สามารถนำไปร่วมปลูกป่าโพธิ์ที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้เป็นแหล่งปฏิบัติธรรมที่ยั่งยืนได้ นอกจากนี้ยังจัดให้มีโรงทานเพื่อจัดเลี้ยงอาหารเครื่องดื่มบริการให้แก่ประชาชนนักเรียนนักศึกษาที่เข้าร่วมงานฟรีอีกด้วย

 

 

 

ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา และบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดโครงการ “ขุนพันธ์ 2 Blood Hero สละเลือดเพื่อชาติ 1 ล้านซีซี”

5 ส.ค.61 ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา สภากาชาดไทย และบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขอขอบคุณผู้บริจาคโลหิต ในโครงการ “ขุนพันธ์ 2 Blood Hero สละเลือดเพื่อชาติ 1 ล้านซีซี” ณ บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์โคราชซินิเพล็กซ์ เดอะมอลล์นครราชสีมา ผู้บริจาคโลหิตรับเสื้อยืดเป็นที่ระลึกโอกาสนี้นักแสดงจากภาพยนตร์ขุนพันธ์ 2 ก็ได้มาพบปะและให้กำลังใจผู้บริจาคโลหิตด้วย อาทิ อนันดา เอเวอริงแฮม, ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ, แม็กกี้ อาภา ภาวิไล โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก

 

 

“จันทรุปราคา” พิธีพุทธาเทวาภิเษกจัดหารายได้หาอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลโตนด จังหวัดนครราชสีมา

“จันทรุปราคา” พิธีพุทธาเทวาภิเษกจัดหารายได้หาอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลโตนด จังหวัดนครราชสีมา


วันที่ 28 สิงหาคม 2561 เวลา 02.00 น. อาศรมสวนพุทธศาสตร์ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ วันฤกษ์ดีของงานพิธี พุทธาภิเษก วัตถุมงคล รุ่น “จันทรุปราคา” ราหูอมจันทร์ ยาวนานที่สุดรอบ 50 ปี เพื่อจัดหารายได้สนับสนุนโรงพยาบาลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา โดยพิธีเทวาภิเษกได้ท่านมหาราชครู พราหณ์วามมุณี(สุพจน์-ฤทรา) เจ้าพิธีบรวงสรวงเทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประกอบพิธีสร้างวัตถุมงคลรูปหล่อ เทพบูชาองค์พระนารายณ์ และเทพจำแลงภมรพิมพ์ราชาโชค, เทพศักดิ์ ต่อด้วยพิธีพุทธาภิเษกพระครูสังฆรักษ์สุรเดช อินทวัณโณ(ครูบากฤษณะ) อินทวัณโณ เจ้าพิธี ร่วมเกจิดังในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา 4 รูป หลวงพ่อคูณ วรปัญโญ วัดบัลลังก์ ,พระครูสิริภัทรประยุทธ วัดสว่างบูรพาราม , พระครูโสภิต ธรรมวัตร (ครูบาไพวัลย์) วัดบ้านไร่โคกสูง , พระอาจาร์ยสุเมียส (อาจาร์ยทองดี) จากประเทศกัมพูชาและพระคู่สวดมหานาค 4 รูป ทำพิธีสวดตลอดพิธี

ระหว่างพิธีสวดพระพุทธมนต์ ท้องฟ้าปิดเกิดฝนตกลงมาจนเสร็จพิธีงานสร้างความมหัศจรรย์แก่ผู้ร่วมงานและคณะศิษย์เฝ้าพิธีได้รับการตอบรับจากผู้นิยมพระเครื่องจำนวนมาก ตอบรับวัตถุมงคลรุ่นนี้ ครั้งนี้พิธีเวลา 02.00 – 04.00 น.แล้วได้รับความเมตตาจากท่านมหาราชครูพราหม์วามมุณี ปิดทองเจิมทอง เจิมหน้าผากผู้ร่วมงานทุกท่านและเชิญผู้มีจิตรศรัทราร่วมพิธีบวงสรวงตามพิธีทุกขั้นตอน เป็นสิริมงคลยิ่งผู้ร่วมงานครั้งนี้หากท่านได้ร่วมทำบุญ ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ ติดต่อร่วมบูชาวัตถุมงคล ร่วมทำบุญจัดหาอุปกรณ์การแพทย์โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา โดยนายยงยุทธ เกลื่อนกลาง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโตนด(กล่าว)

โคราชเตรียมปล่อยขบวนรถบรรทุก ช่วยเหลือ สปป.ลาว

นครราชสีมา – โคราชเตรียมปล่อยขบวนรถบรรทุก จากลานย่าโม มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี  เพื่อส่งต่อไปยัง สปป.ลาว

วันนี้( 30/7/61 )เวลา 10.00 น. ณ หน้าลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ขอเชิญทุกท่านร่วมปล่อยขบวนรถบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยสปป.ลาวโดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการปล่อยขบวนรถบริจาคฯ เพื่อนำไปมอบที่ จ.อุบลราชธานี

แห่เทียนโคราชสุดยิ่งใหญ่ ผลกระประกวดต้นเทียนพรรษา…ตามคาด

จังหวัดนครราชสีมาจัดงานแห่เทียนพรรษา ประจำปี

#ผลการประกวดเทียนพรรษานครราชสีมา ประจำปี 2561

#ประเภทก.
1.วัดใหม่สระประทุม อ.โชคชัย
2.วัดเดิม อ.พิมาย
3.วัดนอก อ.โชคชัย
4.วัดใน อ.โชคชัย

#ประเภทข.
1.วัดบูรพาพิมล อ.พิมาย
2.วัดสระเพลง อ.พิมาย
3.วัดใหม่ประตูชัย อ.พิมาย
4.วัดเก่าประตูชัย อ.พิมาย