ที่เมืองคุณย่าโมศิลปินคณาจารย์ครู-ศิลปะ165ท่านได้สร้างสรรค์ผลงานภาพวาดเพื่อถวายอาลัยและรำลึกถึงแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรรัชกาลที่ 9และเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรในรัชกาลที่ 10

ที่เมืองคุณย่าโมศิลปินคณาจารย์ครู-ศิลปะ165ท่านได้สร้างสรรค์ผลงานภาพวาดเพื่อถวายอาลัยและรำลึกถึงแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรรัชกาลที่ 9และเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรในรัชกาลที่ 10

วันที่1 ตุลาคมพ.ศ. 2561 ณ เซ็นทรัลพลาซานครราชสีมา อำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมาจัดแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะใน”สองรัชกาล”ในรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 โดย นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาประธาน นายสุเมธ สิงหวรวงศ์ประธานกลุ่มครูศิลปะโคราช กล่าวรายงาน นายสุวิทย์ ใจป้อมตัวแทนศิลปินเครือข่ายและกลุ่มศิลปะรักพ่อหลวง 2 แผ่นดินและ  กลุ่มครูศิลปะโคราชศิลปินเครือข่ายหน้ากลุ่มศิลปินรักพ่อหลวง 2 แผ่นดิน

นิทรรศการแสดงผลงานครั้งนี้มีศิลปินที่เข้าร่วมโครงการประกอบด้วยมือครูศิลปะคณาจารย์ ศิลปินอิสระศิลปินแห่งชาติจากทั่วประเทศและต่างประเทศจำนวนกว่า 165 ท่านผลงานที่จัดแสดงเทศกาลศิลปะจำนวนกว่า 300 ชิ้นผลงานซึ่งการแสดงผลงานครั้งนี้เกิดจากพลังอันเป็นหนึ่งอันเดียวของเหล่าศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานของทุกๆท่านซึ่งนับเป็นพลังอันยิ่งใหญ่อีกทั้งยังเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของชาวจังหวัดนครราชสีมาและสอดคล้องตามนโยบายของจังหวัดนครราชสีมาพัฒนาให้จังหวัดนครศรีมาเป็นเมืองศิลปะโคราชเมืองแห่งศิลปะการจัดนิทรรศการครั้งนี้ได้รวบรวมเป็นจำนวนมากโดยการศึกษาจาก”ภาษาศิลป์”ด้วยความรักและความสามัคคีต่อกันและกันจึงก่อเกิดเป็นนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะในครั้งนี้ด้วยความรักจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อทั้งสองพระองค์พระเจ้าขอบพระคุณศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่านครราชสีมามาที่ให้ความอนุเคราะห์สถานที่จัดแสดงนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะใน สองรัชการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น(นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าว)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโครงการจัดนิทรรศการแสดงผลงานทางศิลปะใน 2สองรัชกาลเป็นการแสดงออกในผลงานภาพวาดของศิลปินถึงความจงรักภักดีและการเทิดพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหนาที่สุดมิได้จากต่อทั้งสองรัชกาลโดยกำหนดการจัดนิทรรศการแสดงผลงานทางศิลปะเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรในราชการที่ 9และเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพวรางกูรในรัชกาลที่ 10ต่อความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านทั้งสองพระองค์โดยศิลปินได้สร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะและถ่ายทอดผลงานออกมาเกี่ยวกับภาพวาดพระบรมสาทิสลักษณ์พระราชกรณียกิจหลักปรัชญาการดำเนินตนอย่างพอเพียงและด้านอื่นๆของทั้งสองรัชกาลอีกทั้งยังแสดงผลงานทางศิลปะให้แก่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าและประชากรชาวต่างชาติให้ได้ชื่นชมการแสดงถึงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทั้งสองรัชกาล

ศิลปินคณาจารย์ครู-ศิลปะได้สร้างสรรค์ผลงานภาพวาดเพื่อถวายอาลัยและรำลึกถึงแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรรัชกาลที่ 9และเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรในรัชกาลที่ 10 ได้แสดงผลงานที่สร้างสรรค์ให้แก่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าและประชากรชาวต่างชาติให้ได้ชื่นชมการแสดงถึงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทั้งสองราชการและเผยแพร่ผ่านระบบสื่อสาระออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทางไกลฯและ ได้แสดงผลงานที่สร้างสรรค์ทางศิลปะต่อสังคมและสืบสานศิลปวัฒนธรรมและสนับสนุนกิจกรรมทางศิลปะต่อการพัฒนาส่งเสริมจังหวัดนครราชสีมาสู่เมืองศิลปะ

Korat Car Free Day มีนักปั่นเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน

     จังหวัดนครราชสีมา  จัดกิจกรรม Korat Car Free Day มีนักปั่นในพื้นที่มาร่วมกว่า 1,000 คน

           สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครราชสีมาร่วมกับสโมสรกีฬาจักรยานจังหวัดนครราชสีมาจัดกิจกรรมรณรงค์”Korat Car Free Day “ณ.บริเวณโรงเรียนโคราชวิทยาถ.อัษฏางค์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันที่ 30 กันยายน 2561  โดยได้รับเกียรติจาก  พลเอกธงชัย ตระสินต์ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน    ร่วมกับพลเอกมารุต ลิ้มเจริญ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครราชสีมา พร้อมคณะนายชาญชัย บัวสรวง ประธานสโมสรกีฬาจักรยานนครราชสีมา,นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา ,นายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมเปิดกิจกรรม Korat Car Free Day 2018

โดยรายได้จากการจัดงานครั้งนี้มอบเงินสนับสนุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลขามทะเลสอและจัดหาทุนสนับสนุนส่งเสริมนักกีฬาจักรยานสโมสรจักรยานจังหวัดนครราชสีมาทำพิธีปล่อยขบวนจักรยานปั่นมากถึง1,000คัน นักปั่นในพื้นที่ 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา  ร่วมปั่นจักรยานไปตามเส้นทางท่องเที่ยวรอบเขตเทศบาลนครนคราชสีมา โดยเริ่มหน้าโรงเรียนโคราชวิทยาคมผ่านกราบสักการะท้าวสุรนารีย่าโม ตามเส้นทาง33กม.และพักดื่มน้ำที่มูลนิธิพุทธธรรม31( ฮุก31)ศาลเจ้าพ่งไล้จับเก้าเซียวเกาะ นครราชสีมาตลอดการปั่นจักรยานได้รับความสนใจจากนักปั่นและเชิญชวนประชาชนทั่วไปร่วมสนับสนุนกิจกรรมลดภาวะโลกร้อนด้วยการเดินทางโดยจักรยานครั้งนี้และทางสโมสรกีฬาจักรยานจังหวัดนครราชสีมาจะดำเนินการรณรงค์กิจกรรมดีๆอย่างนี้ต่อเนื่องต่อไป

ประกาศๆพิธีทำบุญวันกตัญญูบูรพาจารย์แด่พระเดชพระคุณพระเทพวิทยาคม(หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ)ในวันที่4 ต.ค.ของทุกปี!!ชาวโคราชพร้อมจัดสร้างหลวงพ่อคูณปริสุทโธองค์ใหญ่ที่สุดในโลก

ประกาศๆพิธีทำบุญวันกตัญญูบูรพาจารย์แด่พระเดชพระคุณพระเทพวิทยาคม(หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ)ในวันที่4 ต.ค.ของทุกปี!!ชาวโคราชพร้อมจัดสร้างหลวงพ่อคูณปริสุทโธองค์ใหญ่ที่สุดในโลก

 

วันที่ 30 กันยายน 2561ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซานครราชสีมา อำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมา จัดงานแถลงข่าวพิธีทำบุญวันกตัญญูบูรพาจารย์พระเทพวิทยาคมหลวงพ่อคูณปริสุทโธอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 และอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่โดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภอดีตรองนายกรัฐมนตรีอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการและประธานกรรมการที่ปรึกษากิตติมศักดิ์วัดบ้านไร่ประธาน  พลเอกณพล บุญทับอดีตรองสมุหราชองค์รักษ์ประธานที่ปรึกษาโครงการสร้างหลวงพ่อคูณปริสุทโธองค์ใหญ่ที่สุดในโลกนายไพฑูรย์ มหาชื่นใจอำเภอด่านขุนทดและคณะสงฆ์ข้าราชการผู้นำชุมชนผู้นำส่วนท้องถิ่นอุบาสกอุบาสิกา พุทธศาสนาชนและศิษย์ยานุศิษย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้กำหนดพิธีทำบุญวันกตัญญูบูรพาจารย์แด่พระเดชพระคุณพระเทพวิทยาคม(หลวงพ่อคูณปริสุทโธ)อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ในวันที่ 4 ตุลาคมของทุกปีซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของพระเทพวิทยาคมเพื่อแสดงออกถึงความเคารพกตัญญูกตเวทีถวายและสนับปีนี้คณะศิษย์ยานุศิษย์ได้กำหนดโครงการสร้างหลวงพ่อคูณปริสุทโธองค์ใหญ่หน้าตัก 19 เมตรสูง 27 เมตรโดยกำหนดพิธีเททององค์ต้นแบบในวันที่ 4 ตุลาคม 2561 เวลา 17.00 ณ มณฑลพิธีวัดบ้านไร่การนี้เพื่อให้การจัดการในวันกตัญญูบูรพาจารย์พระเทพวิทยาคม(หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ)ดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจึงได้กำหนดแถลงข่าววันจัดงานวันกตัญญูบูรพาจารย์พระเทพวิทยาคมหลวงพ่อคูณขึ้นในวันอาทิตย์ที่30 กันยายน 256 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซานครราชสีมาขึ้นนอกจากนั้นยังมีมหกรรมมวยหญิงชิงแชมป์ศึกมวยหญิงย่าโม HERO FIGHT Thailand สำหรับประชาชนที่จะร่วมทำบุญติดต่อประสานงานเลขานุการฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดบ้านไร่โทร  098- 6688- 186 และ 098 -6688 -189 ร่วมสมทบทุนธนาคารทหารไทยบัญชีเลขที่ 396- 2 -39227-4 ชื่อบัญชีวัดบ้านไร่เพื่อโครงการหลวงพ่อคูณปริสุทโธองค์ใหญ่ที่สุดในโลก

บทเพลงคิดถึง ทำให้ กู้ภัยกู้ชีพจำนวน 252 แห่ง กลั่นน้ำตาไม่ไหวในพิธีเปิด รวมพลังกู้ชีพกู้ภัย จิตอาสาไทย ใจเป็นหนึ่งเดียว ครั้งที่ 3 ที่โคราช

บทเพลงคิดถึง ทำให้ กู้ภัยกู้ชีพจำนวน 252 แห่ง กลั่นน้ำตาไม่ไหวในพิธีเปิด รวมพลังกู้ชีพกู้ภัย จิตอาสาไทย ใจเป็นหนึ่งเดียว ครั้งที่ 3   ที่โคราช

 วันที่ 29 กันยายน 2561 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา การประชุมการแพทย์ฉุกเฉินขององค์กรการกุศลที่มีบทบาทด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ที่ไม่แสวงหากำไร (มูลนิธิ/สมาคม) ระดับชาติ ครั้งที่ ๓ “รวมพลังกู้ชีพกู้ภัย จิตอำสำไทย ใจเป็นหนึ่งเดียว” โดย เรืออากาศเอก อัจฉริยะ แพงมา  เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  นายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีม นายประวิทย์ อัศวินชัย ประธานมูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา  นายสุเทพ ณัฐกานต์กนก กรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน นายนพดล สันติภากรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัย จากรถ จำกัด กรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ประธานมูลนิธิองค์กรไม่แสวงหากำไรทุกท่าน แขกผู้มีเกียรติสื่อมวลชน และผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเปิดพิธีด้านพิธีกร ได้นำพาสงบนิ่ง ต่อด้วยบทเพลงคิดถึง ของหรั่ง ร็อคเคสตาร์ ขนาดนั้นบทเพลงได้ร้องท่อนฮุก “คิดถึงเธอแทบใจจะขาด” ภาพประกอบกับดนตรีก็เป็นภาพโศกเศร้าบรรดากู้ภัยกู้ชีพ ทำให้กลั่นน้าตาแทบไม่อยู่ โดยเฉพาะพิธีกรหญิงถึงร้องไห้ตาแดงออกมาจากจิตใจ ต่อจากนั้นเวลา 09.30 น. ได้มีการกล่าวบรรยายเรื่องนโยบายและทิศทางการดำเนินงานการแพทย์ฉุกเฉิน โดย เรืออากาศเอก อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ นโยบาย และทิศทางการดำเนินงานการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดย นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นโยบายและทิศทางการสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด โดย นายนพดล สันติภากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัดต่อและเวลา10.00 น.บรรยาย เรื่อง โมเดลการแพทย์ฉุกเฉินของจังหวัดนครราชสีมา  โดย นพ.สุนทร ชินประสาทศักดิ์ โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา และเสวนา เรื่อง ทิศทางและการพัฒนาการแพทย์ฉุกเฉินไทย โดย นายพงษ์ภัฎ เรียงเครือ กรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน  นายนิพนธ์ บุญญามณี กรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน/นายก อบจ.สงขลา  นายสุเทพ ณัฐกานต์กนก กรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน นายนพดล สันติภากรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ดำเนินรายการ โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคาชัย  รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาต

การประชุมการแพทย์ฉุกเฉินขององค์กรการกุศลที่มีบทบาทด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่ไม่แสวงหาผลกำไร ครั้งที่ 3 “รวมพลังกู้ชีพกู้ภัย จิตอาสาไทย ใจเป็นหนึ่งเดียว” โดยมีเครือข่ายองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหากำไรทั่วประเทศด้านกู้ภัยกู้ชีพจำนวน 252 แห่ง รวมกว่า 3,000 คนเข้าร่วม 

 ตัวแทนเครือข่ายองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหากำไรและคณะผู้จัดการประชุม ด้วย พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551 กำหนดให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ มีบทบาทในการบริหารจัดการ ประสานการปฏิบัติงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ ฉุกเฉินร่วมกัน ทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินอย่าง ทั่วถึง เท่าเทียม มีคุณภาพมาตรฐาน โดยได้รับการช่วยเหลือและรักษาพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพ และทันต่อเหตุการณ์ ในขณะที่สถานการณ์การเจ็บป่วยฉุกเฉินและสาธารณภัยของประเทศ มีความหลากหลายและซับซ้อนมาก จึงต้องอาศัยความร่วมมือทั้งในด้านการกู้ชีพและกู้ภัยจากหลากหลายหน่วยงาน จึงจะทำให้มีการ ช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้เพื่อสร้างองค์ความรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ งานการแพทย์ฉุกเฉินและงานกู้ภัย และสร้างความเข้มแข็งและความร่วมมือของภาคี เครือข่ายองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหากาไรในการพัฒนาการกู้ชีพกู้ภัยของประเทศไทย ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนและชาวต่างชาติทั้งในภาวะปกติและภาวะภัยพิบัติ (นายประวิทย์ อัศวินชัย ประธานมูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา  กล่าว )

 เรืออากาศเอกอัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ( สพฉ.) กล่าวถึงนโยบายและทิศทางการดำเนินงานการแพทย์ฉุกเฉิน ว่า   การเกิดขึ้นของสพฉ.เพื่อคุ้มครองดูแลพี่น้องประชาชน ให้ผู้ป่วยฉุกเฉิน ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที ทั่วถึง และเท่าเทียม โดยต้องอาศัยภาคีเครือข่าย ความร่วมมือในเชิงการปฏิบัติการฉุกเฉิน แต่ไม่ได้เริ่มจากคำว่า EMS ( Emergency medical services)  ที่เป็นการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน แต่เป็นเรื่องของ SAR  ( Search Is An Emergency ) หรือ การค้นหากู้ภัย  ซึ่งกรณีเหตุการณ์ถ้ำหลวงมีความสำคัญ และทำให้ประชาชน เข้าใจถึงกระบวนการกู้ภัยว่าที่ก่อนจะช่วยชีวิตได้ ต้องมีการค้นหาก่อน ดังนั้นการค้นหา และการกู้ภัยจะมาคู่กัน จากนั้นถึงจะเข้าสู่กระบวนการ EMS  ซึ่งจะต้องมีบุคลากรระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ตั้งแต่นอกโรงพยาบาล หรือ ในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่กำลังจะเข้ามาร่วมมือกันในเรื่องนี้มากขึ้น 

 เรืออากาศเอกอัจริยะ กล่าวว่า การส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล และการปฏิบัติงานในห้องฉุกเฉินก็มีความสำคัญ จะต้องเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ถ้ากรณีโรงพยาบาลแห่งแรก ยังไม่พ้นภาวะฉุกเฉิน การส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพอื่นนั้นก็มีความจำเป็นและสำคัญเช่นเดียวกัน  ทั้งนี้ในการบริหารจัดการเรื่องสาธารณะภัย  จะมีคำใหม่ คือคำว่า Emergency Care System  (ECS)  หรือ ระบบการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน โดยคำนี้กำลังจะถูกนำไปอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ หรือ แผนปฏิรูปประเทศ ด้านสาธารณสุข ซึ่งจะเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของทั้งระบบ คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการปฏิรูป 3-4 ปี 

 ในช่วงที่ปฏิรูปอยู่นั้น พวกเราเองที่ปฏิบัติหน้าที่ คงจะต้องตระหนักเรื่องของหน้าที่ ว่าเรามาด้วยใจ ผมเองเป็นคนหนึ่งที่เป็นจิตอาสาที่อยากเข้ามาช่วยเหลือประชาชน ร่วมแรงร่วมใจกัน เมื่อเรามีความตั้งใจแล้ว เราต้องพัฒนาตนเอง เพื่อให้เราสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยด้วย จึงอยากขอให้มีการพัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง”

 เลขาธิการสพฉ. ระบุด้วยว่า ในปี 2562 สพฉ. เตรียมขับเคลื่อนการจัดให้มีหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินที่ได้มาตรฐานการตรวจประเมินคุณภาพระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทยหรือ TEMSA  จึงขอความร่วมมือให้หน่วยที่อยู่ในระบบการแพทย์ฉุกเฉินทั้งหมดทั้งประเทศ กว่า 8,700 หน่วย ทำการประเมินตนเอง ว่าอยู่ในกลุ่มที่มีมาตรฐานหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังปลอดภัยทั้งตัวเราเอง ผู้ปฏิบัติการอื่น ประชาชน และ ผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย

 นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ปัจจุบันภัยพิบัติมีความซับซ้อน และหลากหลายมากขึ้น ซึ่งเกิดได้ทุกภูมิภาคทั่วโลก ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งคือการให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการภัยพิบัติ ทั้งในด้านการกู้ชีพและกู้ภัย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการจัดการภัยพิบัติ โดยที่ผ่าน มาปภ.ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน  และหวังว่าในอนาคตจะต้องพัฒนาทั้งองค์ความรู้ ระบบการจัดการ และการฝึกทักษะต่างๆ ร่วมกัน โดยในปีหน้าปภ.จะจัดอบรมหลักสูตรนานาชาติ เพื่อผลักดันมาตรฐานทีมกู้ภัยไทย ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญจากออสเตเรียมาดำเนินการอบรมให้ (นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าว)

นายสุเทพ ณัฐกานต์กนก กรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน กล่าวว่ากราบเรียนท่านที่อยู่ทางบ้านในฐานะที่ผมเป็นคนโคราชแล้วก็เป็นคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน รู้สึกมีความดีใจ ที่มีการจัดรวมพลกู้ภัย ครั้งที่3 ณ จังหวัดนครราชสีมา
ซึ่งจังหวัดนครราชสีมาประกอบด้วยมูลนิธิ5มูลนิธิหลักที่เราร่วมกันและร่วมใจกันทำงานครั้งนี้ต้องขอขอบคุณสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินในการจัดงานและต้องขอขอบคุณบริษัทกลางสนับสนุนที่จัดงานในครั้งนี้อย่างยิ่ง ส่วนความรู้สึกส่วนต่างก็ขอกราบเรียนด้วยว่าพวกเราในฐานะองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ทำอย่างไรจะได้ช่วยสถานมูลนิธิทุกๆกลุ่มและทุกๆที่และจังหวัดที่ห่างกันและเราได้มีการปรึกษาหารือกันตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าวรายงายต่อว่า สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การนำเสนอนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ชีพกู้ภัยของสพฉ. ,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย , บริษัทกลางคุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ,การบรรยายการให้ความรู้ด้านกู้ชีพกู้ภัย , การเสวนาการแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ ,การจัดแสดงสาธิตการกู้ชีพกู้ภัย และการจัดนิทรรศการภายนอกห้องประชุม

 

พิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี

พิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี


วันที่ 27 กันยายน 2561 เวลา 15.00 น. ที่วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พระครูปลัดภูมิปัญญา(พ่อเสือ) ญาณสัมปันโณ ได้จัดให้มีพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ โดยได้รับเกียรติจากพลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓ เป็นประธานในพิธี


โดยในพิธียกช่อฟ้าอุโบสถนี้ มีพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงานเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งทางวัดได้เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้ผูกผ้าแถบสามสี ที่ตัวยอดช่อฟ้าอุโบสถก่อนที่จะมีพิธียก อย่างเป็นทางการ โดยมีเจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจ และทหาร ที่คอยดูแลความเรียบร้อย ทางด้านการเตรียบการ ทางวัดได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย ที่เป็นผู้ติดตั้งช่อฟ้าอุโบสถ มีเจ้าหน้าที่ประจำเครนในการยก โดยได้มีการซักซ้อมก่อนที่จะถึงพิธีการ


ต่อมา เวลา 16.00 น. พลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓ ได้เดินทางมาถึงยังบริเวณพิธี เมื่อถึงลานพิธีได้เข้าไปกราบสักการะพระพุทธรูปภายในอุโบสถ และเป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นก็ได้ประกอบพิธีทางศาสนา พร้อมด้วยพิธีบวงสรวงหลวงปู่ทวด เพื่อเป็นการบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้น พลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓ ประธานในพิธี ก็ได้เจิมแป้ง ติดทอง พร้อมด้วยประชาชนที่มาร่วมในงานเมื่อถึงฤกษ์ คณะสงฆ์ ประธานในพิธี และประชาชน ได้ร่วมกัน ทำพิธียกช่อฟ้าอุโบสถอย่างเป็นทางการ
สำหรับวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี สังกัดธรรมยุติ ตั้งอยู่ตำบลปรุใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา (หน้ากองบิน 1) ปกครองโดย พระครูปลัดภูมิปัญญา ญาณสัมปัณโณ จัดตั้งปี 2539 บนเนื้อที่ 39 ไร่ มีพื้นที่บริเวณโดยรอบด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ และสระน้ำจัดวางโดยธรรมชาติคล้ายวัดป่าทั่วไป จุดน่าสนใจชาวพุทธ ในศาลาปฏิบัติธรรม ประดิษฐานพระพิมพ์ปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สีขาวทั้งองค์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ได้พระราชทานจาก สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สิ่งที่น่าสนห้ามพลาด หลวงปู่ทวด ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งานศิลปะปูนปั้นสีดำทั้งองค์นั่งบนฐานบัว 2 ชั้น ความกว้างขนาด 38 เมตร สูง 45 เมตร สร้างปี พ.ศ. 2553 สมัยพลโท ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานพิธีเปิดส่วนด้านใต้ฐานหลวงปู่ทวดเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาและจัดการเรียนการสอนธรรมะของหลักสูตรต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมา

กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมา

วันที่ 27 กันยายนพ. ศ. 2561 เวลา 10.00 น. ณ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่านครราชสีมาพีธีเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมา โดย  นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี นายอนันต์  ดนตรี  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมากล่าวรายงาน

การที่สำนักงานพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมาได้ดำเนินการส่งเสริมสินค้าและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป้าหมายพิเศษทางสังคมซึ่งได้แก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการให้มารวมตัวกัน

จัดงานเปิดตัวร้านทอฝัน by พม.สาขานครราชสีมาในวันนี้เป็นการมุ่งเน้นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้รวมไปถึงยกระดับเศรษฐกิจฐานรากซึ่งจะทำให้กลุ่มเป้าหมายพิเศษทางสังคมดังกล่าวมีรายได้เพิ่มขึ้นสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้และยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการตลาดและการพัฒนากลุ่มอาชีพให้สามารถแข่งขันกับตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ในยุคปัจจุบันได้รวมไปถึงการส่งเสริมศักยภาพในกลุ่มเป้าหมายพิเศษได้มีแหล่งจำหน่ายพันธุ์ให้คุณค่าและพัฒนาตนเองพึ่งตนเองได้เป็นการแปลงภาระให้เป็นพลังของสังคมได้อย่างมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนต่อไปด้านในอนาคต (นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าว) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการ ได้ทำการแสดงเต้นท่าบาสโลบ และการเดินแบบของเด็กพิเศษ และเต้นบีบอย ต่อจากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้ไปทักทายเด็กกลุ่มพิเศษเหล่านั้นอย่างเป็นกันเอง โดยไม่ถือตัวเองเลย และนำเด็กๆไปตัดริบบิ้นเปิดร้านทอฝันด้วยตนเองนับว่าเป็นการให้โอกาสเด็กพิเศษเหล่านั้นได้แสดงความสามารถที่มีอยู่และให้กำลังใจการพัฒนาแนวความคิดของเด็กได้ต่อการพัฒนาขึ้นๆไปจนพวกเขาจะอยู่กับสังคมเหมีอนคนปรกติทั่วไปได้เสมอ

https://youtu.be/kH3ALJg5zv8

แถลงข่าว เดอะมอลล์ โคราช ระดมทุนให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

แถลงข่าว เดอะมอลล์ โคราช ระดมทุนให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาจัดงาน “เดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช ส่งต่อความรัก สร้างความสุข”

วันที่ 27กันยายน2561เวลา 13.00น.เดอะมอลล์ โคราช จัดงานแถลงข่าว “เดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช ส่งต่ความรัก สร้างความสุข” ระดมทุนให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

โดยนายมุรธาธีร์  รักชาติเจริญรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธาน นาย สมชัย อัศวสุดสาคร ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราช พลเอกมารุต ลิ้มเจริญ นายกสมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมาพันเอก ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ รองเสนาธิการ กองทัพภาคที่2 พ.ต.อ. สุจินต์ นิจพานิชย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา  นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท  นางสาว ดวงตา พงษ์วิไลย์ ผู้จัดการใหญ่การตลาด เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด  ผู้ร่วมแถลงข่าว

  “โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ปัจจุบันมีผู้ป่วยมากมายจากหลากหลายจังหวัดในภาคอีสาน ปริมาณผู้มารับบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี แม้ว่าจะมีการปรับปรุงสถานที่ให้บริการ โดยเพิ่มจำนวนห้องตรวจโรคและเตียงรับผู้ป่วย แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้ผู้รับบริการไม่สะดวกต่อการใช้บริการ เราจึงได้มีการระดมทุนสำหรับการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉินของโรงพยาบาล เพื่อเป็นการกระจายศักยภาพการรักษาสู่ระดับภูมิภาคครั้งสำคัญ ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยกลุ่มอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปีในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง ลดความแออัดของผู้มารับบริการด้านการรักษาพยาบาล เพิ่มความรวดเร็วในการรักษาหรือผ่าตัดฉุกเฉิน ทำให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์และมีโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐานอย่างเท่าเทียมและทันเวลา เพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของประชาชนในระดับภูมิภาค จึงจำเป็นต้องก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉินดังกล่าว เพื่อรองรับผู้ที่จะมาใช้บริการ รวมทั้งยังต้องการทุนทรัพย์อีกมากมายในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั้งนี้ผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมสมทบทุนให้กับโครงการ “เดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช ส่งต่อความรัก สร้างความสุข” ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป(นาย สมชัย อัศวสุดสาคร ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าว)

ส่งต่อความรักสร้างความสุข พร้อมร่วมทำบุญสมทบทุนสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2561 ที่ เดอะมอลล์ โคราช สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ FB : The Mall Korat

เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ร่วมกับ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), จังหวัดนครราชสีมา, กองทัพภาคที่2, ตำรวจภูธรภาค 3 และสมาคมศิษย์เก่า อัสสัมชัญนครราชสีมา จัดงานแถลงข่าว “เดอะมอลล์ บ้านของคนโคราช ส่งต่อความรัก สร้างความสุข” ปฏิบัติภารกิจสร้างความสุขส่งต่อชาวโคราช ฉลองครบรอบ 18 ปี เดอะมอลล์ โคราช จัดคอนเสิร์ตการกุศลกับศิลปินวัยรุ่นยุค 90’s มอส ปฏิภาณ

ททท.โคราช ต้อนรับชาวคณะคาราวาน พิชิต20จังหวัดภาคอีสาน (26ก.ย.-3 ต.ค.61)

วันที่ 26 กันยายน 2561ณ.โรงแรมสีมาธานี จังหวัดนครราชสีมา เส้นทางคาราวานรถยนต์ส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวภาคอีสาน “อีสานแซบนัวครัวอีสาน Cool Isan จากวิถีถิ่นสู่วิถีเทรนด์” พิชิต20จังหวัดภาคอีสานโดยนายจรัสชัย โชคเรืองสกุลรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธาน พร้อมด้วยนายสมชาย ชมภูน้อยผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.ททท.สำนักงานนครราชสีมา กล่าวรายงาน

นายชัชวาล วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และสำนักงาน ททท. ภาคอีสาน คณะคาราวาน-สื่อมวลชน ร่วมงาน กิจกรรมแนะนำแนวทางส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวปี 2562นครราชสีมา-ชัยภูมิ           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรม งานเลี้ยงต้อนรับในครั้งนี้ให้ ใส่เสื้อลายดอก จะมีรางวัลให้ แก่คณะคาราวาน-สื่อมวลชนฯและมี วงดนตรี สร้างความสนุกสนานให้แก่คณะคาราวาน พร้อมอาหารเลิศรสเช่น ส้มตำผัดหมีโคราชด้วย ทั้งน้ำสมุนไพร รสชาติกล่มกล่อมและอิ่มอร่อยด้วยอาหารอาหารบุฟเฟ่ต์ ในการเลี้ยงต้อนรับคณะคาราวาน ในครั้งนี้   สำหรับเส้นทางท่องเที่ยว ในวันที่27กันยายน2561 นครราชสีมา ชัยภูมิหนองบัวลำภู  เลย ประมาณ 410 กิโลเมตร คณะคาราวานก็จะออกเดินทาง07.00น.

ชาวบ้าน ต.จระเข้หิน โคราช แห่หาเห็ดผึ้งขมขายสร้างรายได้เสริม กิโลกรัมละ 50 บาท

ชาวบ้านแห่หาเห็ดผึ้งขมขายสร้างรายได้เสริม ชูเมนูลาบเคี้ยวหนึบหนับ ขมหน่อยๆอย่างน้อยต้องลองชิมสักครั้งในชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันต่อเนื่องช่วงนี้ ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านตลิ่งชัน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เกิดมีเห็ดผึ้งขมงอกโผล่พื้นดินเป็นจำนวนมาก  ชาวบ้านหลากหลายพื้นที่รวมถึงชาวบ้านบ้านตลิ่งชันเอง พากันออกไปหาเก็บเห็นเพื่อนำมารับประทานเป็นอาหาร รวมถึงนำมาจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็ก ที่จะใช้โอกาสช่วงวันหยุดติดตามผู้ปกครองออกไปด้วย ถึงแม้ว่าเห็ดผึ้งขมจะไม่เป็นที่รู้จักและนิยมรับประทานเท่ากับเห็ดป่าชนิดอื่นอย่างเช่นเห็ดระโงก นางหงส์ หรือเห็ดโคน ก็ตาม

โดยเห็ดผึ้งขมนั้น เป็นเห็ดที่มีรูปร่างคล้ายกับเห็ดหอม และเห็ดตับเต่า ช่วงอ่อนดอกตูมจะมีสีม่วงเข้ม แต่หากแก่ดอกบานจะมีสีน้ำตาล มีรสชาติค่อนข้างขม แต่เป็นที่นิยมเพราะชาวบ้านเชื่อว่ามีสรรพคุณเป็นยา รักษาอาการปวดเมื่อย ลดอาการของโรคเบาหวาน  โดยราคาขายหากเป็นเห็ดสดราคาจะอยู่ที่ 40 บาท ต่อกิโลกรัม แต่หากต้มแล้วราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท โดยวันหนึ่งๆชาวบ้านจะหาเก็บเห็ดได้คนละ 3 – 5 กิโลกรัม ซึ่งถือถือเป็นรายได้เสริมอย่างดีของชาวบ้าน อย่างเช่นนางวิเชียร กลมกลาง อายุ 59 ปี และ นางแม้น ผลบุญ อายุ 66 ปี ชาวบ้านบ้านตลิ่งชันที่พากันออกมาหาเห็ด บอกว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกต่อเนื่อง อากาศร้อนอบอ้าว เห็ดผึ้งขมจึงออกดอกมากเป็นพิเศษ  ชาวบ้านนิยมที่จะนำไปต้ม แกง รวมถึงนำไปลาบ รสชาติก็จะออกขมเล็กน้อย แต่มีดีที่เห็ดมีความหนึบและเชื่อกันว่ามีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคเบาหวาน

โดยวิธีการทำลาบเห็ดผึ้งขมนั้น ต้องนำเห็ดมาทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือ จากนั้นนำไปลวกกับน้ำเดือดใสใบฝรั่งลงไป เพราะจะช่วยทำให้เห็ดผึ้งขมคลายความขมออกส่วนหนึ่ง เพราะหากไม่ใส่ใบฝรั่งรสชาติเห็ดจะขมมากเกินไป ลวกสัก 2 – 3 น้ำ   จากนั้นก็นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่เครื่องลาบ อาทิข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา ผักชีฝรั่ง หัวหอม ต้นหอม มะนาว ใบสาระแหน่ เป็นต้น คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติปรุงเพิ่มตามพอใจ ตักเสิร์ฟพร้อมกับผักเครื่องเคียง กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติจะออกขมนิดๆ เคี้ยวหนึบหนับ ถูกใจชาวไทยอีสาน  อย่างนี้ต้องลองชิมดูถึงจะรู้เอง

พระพุทธรูปโบราณ อายุ 600-800 ปี “หลวงพ่อองค์ดำ” คู่วัดรวง โคราช

คณะสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าสักการะบูชา หลวงพ่อองค์ดำ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณ  อายุระหว่าง 600-800 ปี โดยมีประวัติไม่ปรากฏแน่ชัด ตามประวัติเล่าต่อกันมาว่า เป็นพระพุทธรูปองค์สีดำลอยมาตกในสระน้ำใกล้ๆ หมู่บ้าน ชาวบ้านจึงอัญเชิญไปประดิษฐานในวัดรวง เพื่อเป็นที่สักการะของคนทั่วไป ซึ่งเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก อธิฐานสิ่งใดมักจะได้สิ่งนั้น แม้แต่การสาบานก็จะเป็นจริงตามคำพูด และหากผู้ใดได้บูชาเหรียญพ่อพ่อองค์ดำไว้เพื่อเป็นสิริมงคลกับตนเอง เชื่อว่าจะทำให้รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวงได้ ปัจจุบันหลวงพ่อองค์ดำประดิษฐานอยู่ใน อุโบสถวัดรวง บ้านรวง ตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา

หลวงพ่อองค์ดำ  มีลักษณะองค์เป็นศิลปะสมัยลพบุรี  เนื้อหินศิลาทรายสีดำสูงประมาณ1.20เมตรพบเห็นณ.หมู่บ้านบ้านชุมชนวัดรวงนี้ท่านศักดิ์สิทธ์เป็นที่รู้จักอย่างดีคนแถวนี้ในอดีตมีผู้มารักขโมยพระไปจากวัดต้องนำกลับมาคืนและเสียชีวิตตายโหงช่วงหนึ่งชาวบ้านต้องสร้างกรงเหล็กครอบองค์ท่านไว้…แต่ปัจจุบันได้เปิดอิสระให้ผู้ศรัทธามากราบไหว้อย่างใกล้ชิด

จากการสอบถามรักษาการเจ้าอาวาสวัดรวง  ตำบลหนองดูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ  จังหวัดนครราชสีมา  ทราบว่า วัดรวงแห่งนี้ เดิมที่พื้นที่เป็นป่ารกร้าง ไม่มีเมรุเผาศพ ต้องเผากองฟอน โดยใช้ฟืน แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อองค์ดำ ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัด  จึงได้ดลจิตดลใจ ให้สร้างเหรียญขึ้นมา เพื่อให้พี่น้องประชาชนบูชา จัดหารายได้เข้ามาในวัด เพื่อสร้างเมรุ และบูรณะอุโบสถ พอมีคนเริ่มรู้จักมากคน มีประชาชนแห่มาสักการะมากขึ้น ทางวัด จึงได้มีการทำลูกกรง ปิดกันไว้ไม่เช่นนั้น จะมาคนมาขโมยไป รักษาการเจ้าอาวาส ยังได้กล่าวอีกว่า ความเชื่อจากสิ่งที่มองไม่เห็น ของหลวงพ่อองค์ดำนี้ หากใครคิดร้าย  หรือขโมย จะต้องมีอันเป็นไปทุกคน

ความศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างที่ชาวบ้าน  ไปกราบสักการะหลวงพ่อองค์ดำ พระพุทธรูปคู่วัดรวงนี้คือ  หากใครที่จะทำอะไร ที่ไหน  หรือของหาย มักจะได้คืน และลูกศิษย์ลูกหาที่บูชาเหรียญไปและคล้องคอติดตัวไป ประสบอุบัติเหตุ ทั้งคันรถ รอดเพียงคนเดียว(เป็นความเชื่อที่เล่าต่อกันมา)

สำหรับประชาชนท่านใดที่อยากจะไปกราบไหว้สักการะขอพร  หลวงพ่อองค์ดำ วัดรวง ก็สามารถเข้าไปได้  โดยวัดแห่งนี้มีความเงียบ สงบ เหมาะสำหรับใครที่ชื่นชอบการทำบุญอย่างยิ่ง