พิธีเปิดงานโครงการขับเคลื่อน “วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง

พิธีเปิดงานโครงการขับเคลื่อน “วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง (มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ) รักเตรียมพร้อมเพื่อครอบครัวคุณภาพ ชีวิตสมดุล ครอบครัวคุณภาพ และเด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก” ในวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ณ วาไรตี้ ฮอลล์ (หน้า MCC HALL) ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงานโครงการขับเคลื่อน “วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง (มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ) รักเตรียมพร้อมเพื่อครอบครัวคุณภาพ ชีวิตสมดุล ครอบครัวคุณภาพ และเด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก”

นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงานว่า “จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าอัตราการเพิ่มประชากรของประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปี 2536 – 2564 มีเด็กเกิดใหม่ลดลงจาก 900,000 คนถึง 1,000,000 คน ลดลงเหลือ 544,000 คน ในปี 2564 และปี 2556-2557 หญิงวัยเจริญพันธุ์มีภาวะโลหิตจาง ร้อยละ 22.7 เกินเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้มีผลต่อสุขภาพ เช่น เวียนศีรษะ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ติดเชื้อง่ายขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ยังส่งผลต่อการตั้งครรภ์ในอนาคต ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อย ความพิการแต่กำเนิด หากมีภาวะโลหิตจางอย่างรุนแรงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของมารดาและทารกได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมอบนโยบายวิวาห์สร้างชาติ เพื่อพัฒนาคุณภาพประชากร

นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวเปิดงานว่า “
จากคำกล่าวรายงานของนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา การขับเคลื่อน การดำเนินงาน วิวาห์สร้างชาติ สาวไทยโคราชแก้มแดง (มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ) เพื่อส่งเสริมให้หญิงวัยเจริญพันธุ์ จังหวัดนครราชสีมา ที่มีความพร้อมในการมีบุตร มีลูกคุณภาพเพื่อชาติ โดยการส่งเสริมให้มีโภชนาการที่ดี และเสริมด้วยวิตามินธาตุเหล็กและโฟลิก อันจะส่งผลดีต่อการเพิ่มจำนวนการเกิดเพื่อทดแทนจำนวนประชากร และการเกิดทุกรายมีความพร้อม มีการวางแผน และทารกเกิดแข็งแรง พร้อมเติบโตอย่างมีคุณภาพ ลดความพิการแต่กำเนิด เด็กมีพัฒนาการสมวัย สามารถเจริญเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป และการประชุมครั้งนี้จะได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายให้เกิดขึ้นจริงในจังหวัดนครราชสีมาจากทุกภาคส่วน ตามนโยบายส่งเสริมการเกิดและการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อยด้อยคุณภาพ ตามนโยบายรัฐบาลต่อไป ผมขอแสดงความชื่นชม ที่ได้เห็นทุกภาคส่วน ได้ร่วมแรงร่วมใจในการจัดงานและร่วมประชุมเพื่อพัฒนาการดำเนินงานร่วมกัน และขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ร่วมมือกันเป็นอย่างดียิ่ง”

โครงการการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท

การประชุมเชิงวิชาการ  “โครงการการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท ปี ๒๕๖๕”

วันศุกร์ ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕  เวลา ๐๙:๐๐ – ๑๖:๓๐ น. กำหนดการประชุมเชิงวิชาการ  “โครงการการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท ปี ๒๕๖๕”ณ ห้องประชุมชั้น ๘ อาคาร ๓๑ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบทปีงบประมาณ 2565ภาตะวันออกเฉียงเหนือ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)เป้าหมาย 200 ตำบล/เมืองโดยสรุปภาพรวมการดำเนินงานของขบวนองค์กรชุมชนในปี ๒๕๖๔โดย ผศ.ดร.ทวี

วัชรเกียรติศักดิ์  เป็นประธานเปิดการอบรมพร้อมด้วย นายสมพงษ์  แสงศิริ  ประธานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครราชสีมาชี้แจงวัตถุประสงค์ ที่มา ความสำคัญและเป้าหมายของโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดย ตัวแทนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)  จำนวน20อำเภอนครราชสีมาที่มาร่วมฟังการนี้

โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท เป็นการสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่รูปธรรม “ตำบล/เมือง” ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้มีแผนพัฒนาการแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบท ระยะ 3 ปี 5 ปี แผนพัฒนาที่จะเคลื่อนงานชัดเจน และสอดคล้องกับทิศทางการเคลื่อนงานของจังหวัด แผนพัฒนาเชื่อมโยงทุกประเด็นงานพัฒนาและครอบคลุมทุกมิติ และสามารถบูรณาการแผนงานและงบประมาณ ระบบฐานข้อมูล กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษาและหน่วยงานภาคีต่าง ๆ ตาบล/เมืองมีระบบช่วยเหลือทางสังคมในการดูแลสมาชิกในชุมชนและกลุ่มผู้ด้อยโอกาสสู่การจัดการและพึ่งพาตนเองที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมในด้านต่างๆ

กิจกรรมภายในงานการเสริมพลังกลุ่มคนเปราะบางสู่สังคมชุมชนไม่ทอดทิ้งกัน โดย นางทัศกมณฑจ์  เกิดผล  นักพัฒนาสังคมชำนาญการสำนักงานพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา แนวทางการพัฒนาเพื่อสร้างวิสาหกิจให้เข็มแข็ง และสร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายโดย นักพัฒนาธุรกิจชุมชน บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีนครราชสีมา (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัดการทำ Workshop โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบทโดย วิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมาภาคีและคณะทำงานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครราชสีมา     การทำ Workshop โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบทโดย วิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา  ภาคีและคณะทำงานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครราชสีมาการทำ Workshop โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในเมืองและชนบทโดย วิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา ภาคีและคณะทำงานขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครราชสีมาออกแบบจังหวะก้าวร่วมกัน และสรุปผลการทำ Workshopโดย ตัวแทนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)อีกด้วย

ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ประชุมที่ปรึกษา คณะกรรมการสภาวัฒนธรรม จ.นครราชสีมาและเครือข่าย…..

วันที่ ๑๑ กุมกาพันธ์ ๒๕๖๕ เวลา ๑๓ 00-๑๕.00 น.ณ ห้องประชุม สนง.การท่องเทียวและกีฬาจังหวัดนครราชสิมา โดยนางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและผู้เข้าร่วมงาน ก่อนหน้านั้นนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้เดินทางมาถึง และในการต้อนรับโดย คณะกรรมการสภาวัฒนธรรม ได้ทำการมอบดอกกุหลาบสีแดง ให้คนละ 1ดอก เนื่องจากที่อีกไม่กี่วันจะถึง14กุมภาวาเลนไทน์
ต่อจากนั้นด้านนางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา มอบประกาศยกย่องเชิดซูเกียรติผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม และเรียนเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา มอบเข็มเชิญซูเกียรติแก่ผู้มีผลงานดีเด่น จากหน่วยงานต่างๆในระดับประเทศและกล่าวมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม แก่คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมชุดใหม่ มอบของที่ระลึก และบันทึกภาพกิจกรรมร่วมกันกับนายวิเชียร จันทรโณทัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้เดินทางมาถึง และในการต้อนรับโดย คณะกรรมการสภาวัฒนธรรม ได้ทำการมอบดอกกุหลาบสีแดง ให้คนละ 1ดอก เนื่องจากที่อีกไม่กี่วันจะถึง14กุมภาวาเลนไทน์
ต่อจากนั้นด้านนางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา มอบประกาศยกย่องเชิดซูเกียรติผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม และเรียนเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา มอบเข็มเชิญซูเกียรติแก่ผู้มีผลงานดีเด่น จากหน่วยงานต่างๆในระดับประเทศและกล่าวมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม แก่คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมชุดใหม่ มอบของที่ระลึก และบันทึกภาพกิจกรรมร่วมกันกับนายวิเชียร จันทรโณทัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาในการเปิดประชุมวาระ1/2565 โดยมีรายละเอียดดังนี้
ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ


๑.๑ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ นายวิเชียรจันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและผู้เข้าร่วมประชุม
๑.๒ ชมวีดีทัศน์ สรุปผลการดาเนินงานของสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาปี ๒๕๕๙ – ๒๕๖๘
๑.๓ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม และเรียนเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
มอบเข็มเชิญชูเกียรติแก่ผู้มีผลงานดีเด่น จากหน่วยงานต่างๆในระดับประเทศ
กล่าวมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม แก่คณะกรรมการสภา
วัฒนธรรมชุดใหม่
มอบของที่ระลึก และบันทึกภาพกิจกรรมร่วมกันกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
ระเบียบวาระที่ ๒ รับรองรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว
ไม่มี
ระเบียบวาระที่ ๓ เรื่องเพื่อทราบ
๓.๑ ด้วยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้อนุมัติโครงการเพื่อขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมของจังหวัดนครราชสีมา ปีงบประมาณ ๒๕๖๔ จานวน ๓ โครงการ ได้แก่
โครงการผลิตสื่อออนไลน์ เพื่อการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมผ้าและอาหารโคราชบ้านเอง จานวน ๒๕๐,๐๐๐ บาท
โครงการเล่าขายประวัติศาสตร์นครราชสีมา ผ่านนามสกุลคนโคราชจำนวนเงิน ๒๑๐,๐๐๐ บาท
โครงการหมู่บ้านพืชผักสวนครัวเกษตรอินทรีย์ ๕ ดี วิถีคนโคราชจำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท
ซึ่งสภาวัฒนธรรมได้ดาเนินการไปแล้วทั้ง ๓ โครงการ พร้อมทั้งรายงานผลการดาเนินงานโครงการไปยังกรมส่งเสริมวัฒนธรรมทั้ง ๓ โครงการ และในปีงบประมาณ ๒๕๖๕ กรมส่งเสริมได้อนุมัติโครงการให้สภาวัฒนธรรม
ดำเนินโครงการ ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการ จัดทาชุดองค์ความรู้วิถีคนโคราช “กิ๋นเป็นยา” เพื่ออนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น (นำเสนอโดยเลขาสภาวัฒนธรรม)
ระเบียบวาระที่ ๔ เรื่องเพื่อพิจารณา
๔.๑ การแต่งตั้งที่ปรึกษาสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ปี ๒๕๖๕-๒๕๖๘
๔.๒ การแต่งตั้งประธานกลุ่มอาเภอ โดยสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา
แบ่งเป็น ๖ กลุ่มอาเภอ ดังนี้
กลุ่มที่ ๑. ๖ อาเภอ ได้แก่ เมืองนครราชสีมา, สีคิ้ว,สูงเนิน,ปากช่อง,เฉลิมพระเกียรติ,ขามทะเลสอ
กลุ่มที่ ๒. ๕ อาเภอ ได้แก่ โชคชัย,ปักธงชัย,วังน้าเขียว,ครบุรี,เสิงสาง
กลุ่มที่ ๓. ๖ อาเภอ ได้แก่ พิมาย,ชุมพวง,โนนแดง,ประทาย,ลาทะเมนชัย,เมืองยาง
กลุ่มที่ ๔. ๕ อาเภอ ได้แก่ โนนสูง,จักราช,ห้วยแถลง,หนองบุญมาก,โนนไทย
กลุ่มที่ ๕. ๔ อาเภอ ได้แก่ ด่านขุนทด,เทพารักษ์,พระทองคา,ขามสะแกแสง
กลุ่มที่ ๖. ๖ อาเภอ ได้แก่ บัวใหญ่,บัวลาย,สีดา,แก้งสนามนาง,คง,บ้านเหลื่อม
๔.๓ การมอบหมายคณะทางานตามโครงสร้างสภาวัฒนธรรม ปี ๒๕๖๕
๔.๔ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาตามบทบาท
หน้าที่และภาระงานของสภาวัฒนธรรม
๔.๕ พิจารณาข้อบังคับของสภาวัฒนธรรม ปี ๒๕๖๕-๒๕๖๘

งานทอดผ้าป่าสามัคคีตำรวจภูธรภาค ๓ สมทบทุนบูรณะสถานพระนารายณ์และศาสนสถาน

ทอดผ้าป่าสมทบทุนบูรณะ สถานพระนารายณ์และศาสนสถาน

 วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร

วันเสาร์ที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๕เวลา๑๐.๐๙น.

งานทอดผ้าป่าสามัคคี ตำรวจภูธรภาค ๓ สมทบทุนบูรณะ สถานพระนารายณ์และศาสนสถาน

โดยมีพระธรรมวรนายก  เจ้าอาวาสวัด พระนารายณ์มหาราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานฝ่ายฆราวาส และหน่วยงานราชการในจังหวัดนครราชสีมาเข้าร่วมพิธี ณ.พระวิหารวัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร จังหวัดนครราชสีมาได้ปัจจัย ๘,๔๘๕,๗๑๗ บาท อนุโมทนาบุญร่วมกันสาธุ

นิทรรศการแสดงผลงานอบรมเชิงปฏิบัติการเยาวชน คนสร้างศิลปะร่วมสมัยนครชัยบุรินทร์

งานศิลปนานาชาติ Thailand Biennale Korat 2022

 นิทรรศการแสดงผลงาน อบรมเชิงปฏิบัติการ เยาวชนคนสร้างศิลปะร่วมสมัย นครชัยบุรินทร์ ยกระดับขีดความสามารถการท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์ไหมนครชัยบุรินทร์

วันที่ 21 มกราคม 2565 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา จัดกิจกรรมส่งเสริมศิลปะส่งเสริมการท่องเที่ยวโดย ได้รับเกียรติ นายชู​ศักดิ์​ ชุน​เกาะ​ รองผู้ว่าราชการจังหวัด​นครราชสีมา​ เป็น​ประธานพิธีเปิดงาน นิทรรศการแสดงผลงาน อบรมเชิงปฏิบัติการ เยาวชนคนสร้างศิลปะร่วมสมัย นครชัยบุรินทร์ ยกระดับขีดความสามารถการท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์ไหมนครชัยบุรินทร์( นครราชสีมาชัยภูมิสุรินทร์และบุรีรัมย์) ลานวาไรตี้​ หน้า MCC HALL ห้างสรรพสินค้า​เดอะมอลล์​จังหวัดนครราชสีมา​ ด้วยกิจกรรมจัดระหว่างวันที่ 18 ถึง 25 มกราคม 2565 ขอเชิญผู้สนใจทั่วไปร่วมกิจกรรม ชมงานศิลปะตื่นตาตื่นใจ

ประกวดการทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพ

โครงการอบรมวิชาชีพตามมาตรฐานฝีมือแรงงานและการประกวดการทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพ

วันพุธที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๕ณ วิทยาลัยเทคนิคนครโคราช (วิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา)อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา การประกวดการทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพนายวิจิตร กิจวิรัตน์คำปลัดจังหวัดนครราชสีมา ประธานกล่าวเปิดโครงการ พร้อมด้วยนางอารยา ศิริทิพย์ ประธานอาสาสมัครคุมประพฤติภาค ๓กล่าวเปิดกิจกรรม และท่านผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติในสังกัดคุมประพฤติภาค ๓ /ประธานอาสาสมัครคุมประพฤติภาค ๓ และคณะ/ผู้บริหารในสังกัดกระทรวงยุติธรรม/ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคนครโคราช/ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาและแขกผู้มีเกียรติทุกท่านผู้เข้าร่วมพิธีเปิด

โครงการอบรมวิชาชีพตามมาตรฐานฝีมือแรงงานและการประกวดการทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพ และในวันนี้ผู้เข้าร่วมประกวดการทำอาหารในระดับภาคที่ได้เดินทางมาจากจังหวัดบุรีรัมย์/สุรินทร์/ศรีสะเกษ/ยโสธร/อำนาจเจริญ/ชัยภูมิและอุบลราชธานีนั้น จังหวัดนครราชสีมา มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้ผู้กระทำผิดได้มีอาชีพ สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวโดยการฝึกอาชีพ ส่งเสริมให้มีงานทำและมอบทุนประกอบอาชีพ รวมทั้งเสริมสร้าง

บทบาทของอาสาสมัครคุมประพฤติให้เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการคืนคนดีสู่สังคมอย่างครบวงจรทักษะวิชาชีพสามารถปรับตัวให้ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่า นั้นตามที่ประธานอาสาสมัครคุมประพฤติภาค ๓ ได้กล่าวรายงานมาแล้วนั้นนับเป็นสิ่งที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเพราะภารกิจหลักของกรมคุมประพฤติคือการดูแลแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน การสร้างงาน สร้างอาชีพ และยกระดับในการทำอาหารของผู้กระทำผิด ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และสร้างขวัญกำลังใจ ต่อไป ผลการแข่งขันประเภทการประกวด แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้

๑. ประเภทอาหารคาว

๒.ประเภทอาหารหวาน

ได้แก่ชนะเลิศที่๑ทีมสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสุรินทร์ทั้งสองรายการ

มทร.อีสาน ขับเคลื่อนยกระดับทักษะอาชีพภาคเกษตรกรรม

มทร.อีสาน ขับเคลื่อนยกระดับทักษะอาชีพภาคเกษตรกรรม วิสาหกิจชุมชน ภาคเหนือ เร่งเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 ณ ห้องประชุม ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนพิษณุโลก ตำบลวังทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร. อีสาน) ได้จัดโครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพ ในภาคเกษตรกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความเข้มแข็ง แก่เศรษฐกิจฐานรากของชุมชน โดยได้รับเกียรติจาก รศ. (พิเศษ) ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะผู้แทน รมว.อว. เป็นประธานกล่าวให้โอวาท และกล่าวปิดโครงการฯ โดยมี ดร.พัชรินรุจา จันทโรนานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ,รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ,ผศ.ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ในฐานะประธานที่ปรึกษาโครงการฯ ,ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา ประธานโครงการฯ พร้อมด้วยคณะทำงานโครงการ,ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภาคใต้ และสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ภาคเหนือ 9 จังหวัด ร่วมพิธีเปิด

รศ. (พิเศษ) ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายจากท่าน ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  ให้มาเป็นประธาน และกล่าวปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพ ในภาคเกษตรกรรม ของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน  ภาคเหนือ ในวันนี้

ตามที่คณะทำงานโครงการอบรมฯ โดยการนำของ ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา ประธานโครงการฯ และคณะวิทยากร ได้ดำเนินการจัดให้มีการอบรมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ทั้ง 6 ภาค ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2564 เป็นต้นมานั้น ทำให้พี่น้องวิสาหกิจชุมชนทั้ง 2574 กลุ่ม ได้มีการยกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม ทั้ง 6 ด้าน ครอบคลุมทั้งด้านปศุสัตว์ ,ด้านประมง ,สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ,พืชและเห็ดเศรษฐกิจ ,หมอดิน New Normal และพืชสมุนไพร ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับแรงงานคืนถิ่น พลิกฟื้นทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรมด้วยศาสตร์พระราชา เป็นแนวทางในการแก้ไขเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ รวมถึงวิกฤตของโรคติดเชื้อโควิด 19 และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน

หลังจากจัดอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเรียบร้อยแล้ว โครงการยังจะมีการสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้กับเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน เพื่อนำไปเป็นทุนตั้งต้น เพื่อต่อยอดสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้เกิดขึ้นกับคนในชุมชนอย่างยั่งยืน  ซึ่งการอบรมในครั้งนี้เป็นเพียงห้วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ท่านทั้งหลายควรนำสิ่งที่คณะวิทยากรได้ให้ในการอบรมในครั้งนี้ ไปประยุกต์ปรับใช้ ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มความสามารถ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน

“กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จะเป็นที่ปรึกษาและเป็นกำลังใจในการดำเนินงานของท่าน  ในการที่จะฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรค ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ขอชื่นชมและขอบคุณ คณะทำงานโครงการฯ และคณะวิทยากรทุกท่าน ที่ได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ที่จะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน พิษณุโลก ที่ได้เอื้อเฟื้อให้การสนับสนุนสถานที่ในการจัดการอบรมในครั้งนี้”

ด้าน ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา ประธานโครงการฯ กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ทำให้ประชาชนในภาคเกษตรกรรมเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วทุกภาคของประเทศ ประกอบกับที่ผ่านมาภาคการเกษตรถูกควบคุมการผลิต และระบบเกษตรและอาหารตลอดห่วงโซ่ ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบซ้ำเติมจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ด้วยเหตุนี้เกษตรกรรมและอาหารในอนาคตควรจะเป็นการผลิตเพื่อเป้าหมาย “ความมั่นคงทางอาหาร” ที่จะเป็นทางออกและทางรอดของเกษตรกรไทย โดยจะต้องมีการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนเพื่อรองรับการเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรและเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารต่อไป

เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน จึงได้ดำเนินการรวบรวมกลุ่มสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 และต้องการกลับสู่ถิ่นฐานเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาการเกษตรของชุมชน พร้อมทั้งเป็นการทำงานเชิงบูรณาการอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐ โดยได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร. อีสาน) (อว.) นำเสนอโครงการอบรมฯ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานรากของชุมชน เป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และทางเศรษฐกิจฐานรากประเทศไทย ซึ่งมียุทธศาสตร์คือ เสริมสร้างชุมชนนวัตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ของชุมชนในพื้นที่โดยสร้างหรือการใช้นวัตกรรม/บริการวิชาการด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา กล่าวต่อว่า คณะรัฐมนตรี จึงมีมติเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เพื่อดำเนินงานโครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับ ทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม ตามที่กระทรวงการ อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เสนอ ซึ่งนายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้ อว. โดย มทร.อีสาน ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 งบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน 407,229,585 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการอบรมดังกล่าว

สำหรับโครงการอบรม และส่งเสริมการพัฒนา ยกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรมในครั้งนี้ ครอบคลุมเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์ ,ด้านประมง ,สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ,พืชและเห็ดเศรษฐกิจ ,หมอดิน New Normal และพืชสมุนไพร เพื่อรองรับแรงงานคืนถิ่น พลิกฟื้นทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรมด้วยศาสตร์พระราชา เป็นแนวทางในการแก้ไขเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ รวมถึงวิกฤตของโรคโควิด 19 และสร้างภูมิคุ้มกันให้เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน โดยคาดว่าสามารถจะสร้างรายได้รวม 514,800,000 บาท หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ย 200,000 บาท /ปี/ครัวเรือน หรือต่อเครือข่าย

ผศ.ดร.นิภาพรฯ กล่าวในตอนท้ายว่า หลังจากจัดอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเรียบร้อยแล้ว โครงการจะสนับสนุนปัจจัยการผลิต ให้กับเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน ภาคเหนือ 9 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ภาคกลาง 21 จังหวัด ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ภาคตะวันตก 5 จังหวัด และภาคใต้ 14 จังหวัด รวม 2,574 กลุ่ม และหลังจากนั้นอีกประมาณ 3 เดือน คณะทำงานโครงการฯ จะลงพื้นที่ประเมินผลการดำเนินการของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ได้เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำมาพิจารณาขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อต่อยอดให้เกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

เทศกาลสินค้าโครงการหลวงดอกไม้กินได้

กูร์เมต์ มาร์เก็ต ชวนชาวโคราช ช้อป ชิม หลากหลายสินค้า

และเมนูอร่อย ดีต่อสุขภาพ ในบรรยากาศกาดดอยแสนม่วนอกม่วนใจ๋

ที่งาน “เทศกาลสินค้าโครงการหลวง:ดอกไม้กินได้”

กูร์เมต์ มาร์เก็ต และ เดอะมอลล์ โคราช ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง จัดงาน “เทศกาลสินค้าโครงการหลวง: ดอกไม้กินได้” ชวนชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมลิ้มลองความอร่อยกับเมนูสุดพิเศษเฉพาะงานนี้ ที่รังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบและดอกไม้กินได้จากโครงการหลวง พร้อมด้วยสินค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพทั้ง ผัก ผลไม้ ดอกไม้กินได้ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปมากมาย พร้อมเมนูอิ่มอร่อยจากอาหารพื้นเมือง ที่ปรุงด้วยวัตถุดิบโครงการหลวง กว่า 10 เมนู ในบรรยากาศกาดดอยแสนม่วนอกม่วนใจ๋ ระหว่างวันที่ 5 – 12 มกราคม 2565 ที่ Grand Hall ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช

6 มกราคม 2565 เวลา 14.00 น. ที่ Grand Hall ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “เทศกาลสินค้าโครงการหลวง : ดอกไม้กินได้”พร้อมด้วย พลโท สวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา พลตำรวจตรี พรมณัฏฐเขต ฮามคำไพ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 คุณพัชรินทร์ เก่งกาจ หัวหน้าฝ่ายผลิตผลและผลิตภัณฑ์แปรรูป มูลนิธิโครงการหลวง คุณศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด คุณพลอยชมพู อัมพุช ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ คุณชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ให้การต้อนรับ

 กลับมาส่งตรงความสด อร่อย แบบได้สุขภาพให้กับชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียงอีกครั้ง กับงาน “เทศกาลสินค้าโครงการหลวง” ภายในคอนเซ็บท์ “ดอกไม้กินได้” พร้อมจำลองบรรยากาศและกลิ่นอายการตกแต่งที่สวยงามเหมือนยกกาดดอยมาได้ม่วนอกม่วนใจ๋ โดยภายในงานรวบรวมสินค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพจากโครงการหลวงทั้ง ผัก-ผลไม้ ผลิตภัณฑ์แปรรูปมากมาย กว่า 150 รายการ อาทิ ผักเคล และผักสดหลากหลายชนิด,  สตรอเบอร์รี่, เคปกูสเบอร์รี่, เสาวรส, ฟักทองญี่ปุ่น,มะเขือเทศเชอรี่, ปลาเรนโบว์เทร้าต์, ขนมปังมันเทศญี่ปุ่น มินิ, ไข่ไก่อินทรีย์โครงการหลวงที่เลี้ยงแบบปล่อยธรรมชาติไม่ใช้ฮอร์โมนไม่ใช้สารเร่ง, กาแฟดริปโครงการหลวง กาแฟ 100% อะราบิก้า จากแหล่งปลูกแม่ลาน้อย ที่มีสภาพอากาศเหมาะสม ปลูกภายใต้ร่มไม้ใหญ่ และสภาพหุบเขาที่โอบล้อม ทำให้ได้เมล็ดกาแฟคุณภาพ มีให้เลือก 2 แบบ คือ คั่วกลาง กับ คั่วเข้ม, เนยแข็งเฟต้า ผลิตจากนมควายผสมนมแพะ นิยมรับประทานกับสลัด บีบให้เนื้อร่วนโรยหน้าสลัด โรยหน้าพิซซ่า หรือทานกับผลไม้, ผักเคลผง สินค้าใหม่ที่คุณค่าทางโภชนาสูง อัดแน่นไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุเป็นราชินีแห่งผักใบเขียว ฯลฯ พร้อมพบกับไฮไลท์ “ดอกไม้กินได้” อาทิ ดอกเนสเตอร์เตียม (Nasturtium) มีสีขาว ครีม ชมพู เหลือง ส้ม และแดง มีกลิ่นหอม ใบมีรสเผ็ด จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Indian Cress ดอกและใบนิยมมารับประทาน เป็นผักสดมีรสเผ็ดและให้กลิ่นหอมคล้ายกับวอเตอร์เครส นิยมใส่ในสลัดเพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติ ดอกกุหลาบ (Rose) มีหลากหลายสีสัน เช่น แดง ขาว เหลือง ชมพู ฯลฯ มีสรรพคุณช่วยลดกลิ่นตัว ขับเหงื่อ ขับสารพิษ ช่วยบำรุงหัวใจ และเป็นยาระบายอ่อน ๆ กลีบบางชนิดนำมาทำเป็น “ชาดอกกุหลาบ” บางชนิดนำมาทำเป็นอาหาร เช่น นำไปยำกับเนื้อสัตว์ ชุบแป้งทอด ใส่ในไข่เจียว หรือจะทำเป็นสลัดได้เช่นกัน, ดอกบีโกเนีย (Begonia) ตัวดอกมีความกรอบชุ่มฉ่ำเหมือนผักสลัดสด ๆ มีรสชาติเปรี้ยว เหมือนยอดมะขามอ่อน เหมาะสำหรับอาหารทุกประเภทที่ต้องการตัดรสเลี่ยน หรือแม้กระทั่งทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อเติมความสดชื่นระหว่างวัน มีสรรพคุณช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร

 พร้อมกันนี้เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและลิ้มลองความอร่อยของวัตถุดิบคุณภาพจากโครงการหลวง กูร์เมต์ มาร์เก็ต ได้รังสรรค์ 4 เมนูสุดพิเศษ โดยเชฟ You Hunt We Cook ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะงานเท่านั้น ได้แก่ สลัดโรลผักเคลกับดอกไม้โครงการหลวง (Salad Roll with kale Flower) ราคา 90 บาท, ผักเคลเบคอนอบครีมชีส (Bake kale & bacon cream cheese) ราคา 150 บาท, ปลาเรนโบว์เทราต์ ย่างกับซัลซ่ามะเขือเทศโครงการหลวง (Grilled Trout decorations with Cherry Tomato Salsa) ราคา 250 บาท, ปลาเรนโบว์เทราต์ ย่างซอสสมุนไพรกับข้าวโครงการหลวง (Grilled Trout with Thai Herb and Rice) ราคา 250 บาท และนอกจากนี้ภายในงานยังได้คัดสรรอาหารเหนือแบบพื้นเมืองแท้ ๆ และยังใช้วัตถุดิบจากโครงการหลวงในการปรุงเมนูมาให้ได้เลือกลิ้มลองความอร่อยมากมาย อาทิ ข้าวเหนียวงาดำ มีส่วนผสมพิเศษในส่วนของข้าวเหนียวธัญญะพืชที่ได้ใช้ งาดำ    และงาหอม ผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงมาเป็นส่วนผสมซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์, ข้าวซอยปลาเทร้าต์ทอด อาหารขึ้นชื่อของชาวเหนือ ใช้ปลาเทร้าต์จากโครงการหลวง ทอดในน้ำมันร้อน ๆจนเหลืองกรอบ ทานพร้อมเส้นและราดน้ำแกงข้าวซอย เพิ่มความอร่อยด้วยเครื่องเคียงต่าง ๆ, ผัดไทไข่ไก่โครงการหลวง เมนูอาหารจานเด็ดซึ่งทางร้านได้นำไข่ไก่โครงการหลวงที่ปล่อยตามธรรมชาติ ไก่ไม่เครียด ไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งไม่ใช้สารเร่งสีไข่แดง เลี้ยงด้วยผลผลิตอินทรีย์ ซึ่งไข่ไก่อินทรีย์จะปลอดจากสารพิษ, น้ำพริกหนุ่ม พร้อมผักเครื่องเคียงโครงการหลวง อาหารพื้นบ้านล้านนาที่รู้จักกันทั่วไป ทำจากพริกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าพริกหนุ่มอาจจะใช้พริกหนุ่มที่แก่จัดหรือยังไม่แก่จัดก็ได้ โขลกส่วนผสม หอม และกระเทียม ที่มาย่างและรับประทาน กับ ผักโครงการหลวงสดจากดอยโดยตรง ซึ่งเป็นผักปลอดภัย และมีให้เลือกหลายหลายชนิด, กะลอจี้ ขนมกะลอจี๊เป็นขนมแป้งเหนียว ๆ สัญชาติจีน นำไปต้มจนสุก เวลาจะกินก็นำไปคลุกกับน้ำตาลทรายผสมงาขาวงาดำ จากโครงการหลวง ใส่ถั่วเพิ่มกะลอจี๊กรอบนอกนุ่มใน หอมงาและถั่ว ไปกินเล่นยามว่าง, ขนมตะโก้  ตะโก้กะทิสดมีให้เลือกกว่า 16 ไส้ โดยมีเมนูแนะนำคือไส้ ข้าวโพด, ฟักทอง, ถั่วแดง ที่สด ใหม่ จากโครงการหลวง บอกเลยว่าถ้ากินหมดนี่เบาหวานรับประทานแน่นอน,น้ำอะโวคาโดปั่น ได้คัดสรร ผลอะโวคาโด สดจากทีมโครงการหลวง มาทำน้ำอะโวคาโดปั่น ซึ่งเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายกว่า 20 ชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก ซึ่งประโยชน์ของอะโวคาโดนั้นมีหลากหลายด้าน เช่น บำรุงสมอง บำรุงดวงตา ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ไปจนถึงประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ และอีกหลากหลายเมนูให้เลือกลิ้มลองความอร่อย

ร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง และลิ้มลองความอร่อยกับหลากหลายเมนูได้ ในงาน “เทศกาลสินค้าโครงการหลวง: ดอกไม้กินได้” ตั้วันที่ 5 – 12 มกราคม 2565 ที่ Grand Hall ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช

สสส. สร้างนักสื่อสารสร้างสรรค์ต้นแบบ เยาวชน 4 ภูมิภาค เป็นผู้นำเครือข่ายสื่อออนไลน์ท้องถิ่น หวังดึงพลังเยาวชนสร้างความเปลี่ยนแปลงสู่สังคม

สสส. สร้างนักสื่อสารสร้างสรรค์ต้นแบบ เยาวชน 4 ภูมิภาค เป็นผู้นำเครือข่ายสื่อออนไลน์ท้องถิ่น หวังดึงพลังเยาวชนสร้างความเปลี่ยนแปลงสู่สังคม

เยาวชน 4 ภูมิภาค ร่วมผลิตสื่อสร้างสรรค์ หวังดึงพลังเด็กและเยาวชนสร้างสื่อสร้างสรรค์เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงสู้สังคม และพัฒนาเป็นผู้นำเครือข่ายสื่อมวลชนออนไลน์ท้องถิ่นและชุมชน ด้วยต้นแบบหลักสูตรสื่อชุมชนสื่อสารสุขภาวะ

วันที่ 20-21 ธันวาคม 2564 ที่ โรงแรม ทีเคพาเลซ แอนด์คอนเวนชั่น แจ้งวัฒนะ กทม. โครงการสื่อเป็นโรงเรียนของสังคมแห่งการเรียนรู้ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการการพัฒนาขับเคลื่อนผู้นำเครือข่ายสื่อมวลชนออนไลน์ท้องถิ่น และชุมชนด้วยต้นแบบ หลักสูตรสื่อชุมชนสื่อสารสุขภาวะ ขึ้นเพื่อพัฒนา “นักสื่อสารสร้างสรรค์” ให้เป็นพลเมืองที่ตื่นรู้และผู้นำการเปลี่ยนแปลง การบูรณาการปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อระบบการเรียนรู้ใหม่” ทั้งยังหวังดึงพลังเด็กและเยาวชนสร้างสื่อสร้างสรรค์เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงสู้สังคมต่อไป

นายดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการโครงการสื่อเป็นโรงเรียนของสังคม กล่าวว่า การพัฒนา “นักสื่อสารสร้างสรรค์” ให้เป็นพลเมืองที่ตื่นรู้และผู้นำการเปลี่ยนแปลง การบูรณาการปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อระบบการเรียนรู้ใหม่” ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเกิดขึ้นปีที่ 6 ภายใต้โครงการการพัฒนาขับเคลื่อนผู้นำเครือข่ายสื่อมวลชนออนไลน์ท้องถิ่นและชุมชนด้วยต้นแบบหลักสูตรสื่อชุมชนสื่อสารสุขภาวะ” โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ มีเครือข่ายเข้าร่วมเพื่อเป็นต้นแบบในการทำงาน ครอบคลุมใน 4 ภูมิภาค อาทิ ภาคอีสาน โดย พันโท พิสิษฐ์ ชาญเจริญ จากไทยเสรีนิวส์, ภาคเหนือ โดยคุณชัยวัฒน์ จันทิมา จากพะเยาทีวี, ภาคใต้ โดยคุณภูวสิษฏ์ สุกใส จากสงขลาโฟกัส และภาคกลาง โดยคุณสืบพงษ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต จากกลุ่มพลังแห่งต้นกล้า ที่ได้นำทัพเด็กและเยาวชนในภูมิภาคนั้นๆ มาร่วมโครงการการพัฒนาขับเคลื่อนผู้นำเครือข่ายสื่อมวลชนออนไลน์ท้องถิ่น และชุมชนด้วยต้นแบบ หลักสูตรสื่อชุมชนสื่อสารสุขภาวะ จำนวนกว่า 80 คน

ได้มาเรียนรู้การทำงานก่อนลงไปสร้างสรรค์สื่อจริง ด้วยหลักสูตรใหม่ที่ทันสมัย และสามารถนำไปใช้ได้จริงกับการทำงาน อย่าง 1. ดิจิทัลพลิกโลก (Digital Disruption) 2. การสื่อสารสุขภาวะ (Community for Health) 3. รู้เท่าทันสื่อสารสนเทศและเทคโนโลยีดิจิทัล (Media Information and Digital Literacy : MIDL) 4. กฎหมายและจริยธรรมการสื่อสาร  5. การสืบค้น การวิเคราะห์ข้อมูลและการจัดทำแผนชุมชน 6.ความคิดสร้างสรรค์และการเล่าเรื่อง 7.การออกแบบและผลิตสื่อ 8.การสื่อสารและการจัดการภาวะวิกฤต 9.การสื่อสารเพื่อการฟื้นฟูและเยี่ยวยา 10.การสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ 11.การต่อยอดเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ 12.การประเมินผลและการถอดบทเรียนออนไลน์ และ 13.การออกแบบและผลิตสื่อ 2

“ในการสร้างสรรค์สื่อในครั้งนี้เพื่อเป็นการสื่อสารไปยังสังคมได้แพร่หลายมากขึ้นจึงมีการเน้นให้มีการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ อาทิ Facebook, Instagram, Twitter, YouTube, Tiktok หรืออื่นๆ ตามที่นำเสนอภายใต้ประเด็นที่กำหนดอย่าง 1.รองรับสังคมผู้สูงวัย 2.ปัจจัยเสี่ยงทางด้านสุขภาวะ 3.ทักษะรู้เท่าทันสื่อและความรอบรู้ด้านสุขภาพ 4.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 5.อัตลักษณ์ – ความดี – คนดีของสังคม ซึ่งสามารถติดตามผลงานของเยาวชนทั้งหมดในครั้งนี้ได้ที่ www.artculture4health.com/mass ครับ”  นายดนัย หวังบุญชัย กล่าว

ด้าน พันโท พิสิษฐ์ ชาญเจริญ บรรณาธิการบริหารไทยเสรีนิวส์ กล่าวว่า สำหรับภาคอีสานในปีนี้ได้ส่งเยาวชนเข้าร่วมเพื่อสร้างสรรค์สื่อในโครงการสื่อเป็นโรงเรียนของสังคมแห่งการเรียนรู้ทั้งสิ้น จำนวน 6 ทีม โดยมีเยาวชนจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น จำนวน 3 ทีม อาทิ ทีมพี่เอง, ทีมลูกหล่า และทีมหนุ่มชุมชน ส่วนจากจังหวัดมหาสารคาม โดยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 3 ทีม อาทิ ทีมนาตาชาโรมานอฟ, ทีมเป็นกำลังจั๊ย และทีม My Navis We love You โดยทั้ง 6 ทีมนี้ จะมีการนำเสนอผลงานและเผยแพร่ผลงานผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่จะเปิดตัวขึ้นต้นปี 2565 และแน่นอนว่าผลงานทั้งหมดจะมีการเผยแพร่ที่ เวปไซค์และเพจไทยเสรีนิวส์ ด้วย ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดตามทุกๆ ผลงานได้เร็วๆ นี้แน่นอน

“นอกจาก 6 ทีม ของภาคอีสานแล้ว ยังมีผลงานของเยาวชนในโครงการสื่อเป็นโรงเรียนของสังคมแห่งการเรียนรู้ในภาคอื่นๆ เผยแพร่ออกมาด้วย แน่นอนว่าทุกๆ ผลงานจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับสังคมเพื่อนำมาสู่การขับเคลื่อนให้เกิดแนวทางในการสร้างสรรค์กลุ่มนักสื่อสารมวลชนที่จะเป็นพลังในการสร้างรากฐานของการสื่อสารให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนสังคม และประเทศชาติต่อไปได้อย่างแน่นอน จะเป็นอย่างไรติดตามได้ต้นปี 2565 นี้” พันโท พิสิษฐ์ ชาญเจริญ กล่าว

ททท.ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา ชวนเที่ยวงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 : Amazing Thailand Countdown 2022

ททท.ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา ชวนเที่ยวงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapter @ Nakhon Ratchasima วันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

ททท.ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา ชวนเที่ยวงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 : Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapter @ Nakhon Ratchasima ภายใต้แนวคิด “Smiley Thailand” มนต์เสน่ห์แห่งแดนอีสานรอยยิ้มและสีสันแห่งความสนุก ตื่นตากับมหัศจรรย์สวนไฟเรืองแสงใจกลางเมืองนครราชสีมา ชมขบวนพาเหรดสีสันแดนอีสาน และการแสดงสดจากศิลปินชื่อดัง อาทิ ตั๊กแตน ชลดา, แซ็ค ชุมแพ, บอย ศิริชัย หมอลำใจเกินร้อย, วงโปเตโต้, Twopee Southside พร้อมร่วมนับถอยหลังส่งคำอวยพรต้อนรับปีใหม่ 2565 กับการแสดงพลุชุดพิเศษ “Smiley Thailand” และเพลง“พรปีใหม่” ในธีมอีสานซิ่ง ดีเดย์ 27 – 31 ธันวาคม 2564  ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

เย็นวันนี้ (21 ธันวาคม 2564) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย   นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 : Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapter @ Nakhon Ratchasima

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา จัดกิจกรรมเทศกาล ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่2565 : Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapter @Nakhon Ratchasima โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศและสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยตามมาตรฐาน SHA ให้กับนักท่องเที่ยว นำเสนอภายใต้แนวคิด “Smiley Thailand” มนต์เสน่ห์แห่งแดนอีสานเพื่อสร้างรอยยิ้มและสีสันความสนุกในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2565 กำหนดจัดระหว่างวันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

สำหรับกิจกรรมภายในงานแบ่งออกเป็น 5 ไฮไลท์ ประกอบด้วย

ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2564 พบกับ

– Amazing Light of ESAN : กิจกรรมประดับตกแต่งไฟสวยงาม Landmark / จุดถ่ายภาพ กับมหัศจรรย์สวนไฟเรืองแสงใจกลางเมืองโคราช การแสดงดนตรี Street Show เปิดหมวกสะท้อนสีสันภาคอีสาน พร้อมส่งคำทักทายไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลก

– Taste of ESAN : พบกับร้านเด็ด เมนูดังประจำถิ่นที่มีเอกลักษณ์ จำนวนกว่า 50 ร้านค้า

ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 30 – 31 ธันวาคม 2564 พบกับ

– ESAN Parade : พบกับกิจกรรมขบวนพาเหรดสีสันแดนอีสาน ปลุกบรรยากาศสนุกสนานรื่นเริงต้อนรับปีใหม่ ได้แก่ การแสดงขบวนแห่หย่าวโคราช , การแสดงขบวนแห่ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นต้น

– Show & Performance : พบกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสานและการแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง ได้แก่ การแสดงพื้นบ้านท้องถิ่นอีสาน แสดงอัตลักษณ์อีสานตอนเหนือ ตอนกลาง ตอนใต้ ร่วมกับศิลปินท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงจากภาคอีสาน อาทิ การแสดงชุดกระทบสาก ผสานการขับร้องเพลงกันตรึม โดย ศิลปิน น้ำผึ้ง เมืองสุรินทร์, การแสดงจากศิลปินแห่งชาติเพลงพื้นบ้านอีสาน อาจารย์กำปั่น บ้านแท่น, ศิริวรรณ จันทร์สว่าง ศิลปิน The Golden Song , คณะอาจารย์บุญสม สังข์สุข นายกสมาคมเพลงโคราช , การแสดงมโหรีจากวงศิลป์สาธร เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังจัดเต็มไปกับการแสดงจากศิลปินป๊อป ร็อค แร็พ ลูกทุ่งที่มีชื่อเสียง พร้อมโชว์พิเศษกลิ่นไออีสานสำหรับเวทีครั้งนี้โดยเฉพาะ ได้แก่ วงโปเตโต้, วง Twopee Southside, ไอซ์ ศรัณยู, ติ๊กชีโร่, วง BSO (Bangkok Symphony Orchestra), วงมหาหิงค์, ตั๊กแตน ชลดา, แซ็ค ชุมแพ, บอย ศิริชัย หมอลำใจเกินร้อย และอีกมากมาย

– Fireworks Celebration : ชมการแสดงพลุในช่วงนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 ส่งรอยยิ้มและความสนุกแห่งเสน่ห์แดนอีสานกับการแสดงพลุชุดพิเศษ “Smiley Thailand” ที่จะเต้นรำไปกับเพลง “พรปีใหม่” ในธีมอีสานซิ่ง (ESAN SING) นำโดย ตั๊กแตน ชลดา นักร้องลูกทุ่งชื่อดังสายเลือดคนโคราช พร้อมส่งคำอวยพรต้อนรับปีใหม่ 2565 กึกก้องดังไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยการแสดงพลุ แบ่งออกเป็น 7 ชุด ประกอบด้วย

1.Big Hope : ความหวังอันยิ่งใหญ่ สว่างไสว โชติช่วง

2.Power of Smile : รอยยิ้มแห่งมิตรภาพ

3.Be good life : สุขภาพดีทั้งกายใจ ไร้โรคา

4.Believe : ความเชื่อมั่น ความศรัทธา และมุ่งมั่น

5.Beautiful ESAN : ความงดงามของอีสาน

6.Blooming Wealth : ความอุดมสมบูรณ์ ความรุ่งเรือง เฟื่องฟู

7.Welcome to land of colorful : ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแห่งสีสัน

ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จังหวัดนครราชสีมา มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็น 1 ใน 5 จังหวัดในการเป็นพื้นที่นำร่องเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดระยอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดภูเก็ต ด้วยการจัดกิจกรรมเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เพื่อประกาศว่าอีสานพร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยว จากทั่วทุกมุมโลก และตอบรับนโยบายในการเปิดประเทศในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยทางจังหวัดพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เทศบาลนครนครราชสีมา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ได้มีการเตรียมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ (Covid Free Setting) ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. กำหนดอย่างเคร่งครัด

โดยได้มีการจัดเตรียมด้านความปลอดภัย ตามมาตรการป้องกัน ด้วยการลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้าผ่าน Line Official Account : @Countdownkorat2022 เพื่อลดความแออัดบริเวณทางเข้างานและจํากัดจำนวนผู้ร่วมงาน ทั้งนี้สามารถเริ่มลงทะเบียนเข้างานได้ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมนี้ นอกจากนี้ ผู้จัดงานและผู้มาร่วมงานทุกท่านจะต้องแสดงหนังสือรับรองการตรวจ ATK ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มผ่านหมอพร้อม ณ จุดคัดกรองก่อนเข้างาน สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถไปตรวจ ATK และขอใบรับรองได้ที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยใกล้บ้านท่าน อย่างไรก็ดี บริเวณที่จัดงานทางผู้จัดงานได้เตรียมจุดตรวจ ATK โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2564 ค่าใช้จ่ายประมาณ 90 บาท สำหรับค่าชุดตรวจและใบรับรอง โดยตลอดการจัดงานคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 13,000 คน มีเงินหมุนเวียนกว่า 21.56 ล้านบาท 

พลาดไม่ได้!!! งานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 : Amazing Thailand Countdown 2022 – Amazing New Chapter @ Nakhon Ratchasima ในวันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา