โคราช-!!ฝึกปฏิบัติการกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ วิจัยและการเรียนรู้ ของจีโอพาร์ค นำไปสู่การศึกษา อนุรักษ์ พัฒนากิจกรรม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ

วันที่ 19 สิงหาคม 2561 สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ โดย อุทยานธรณีโคราช ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดพิธีเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “จีโอพาร์คกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ณ โรงแรมแคนทารี่ โคราช จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับเกียรติจาก นายจรัสชัย โชคเรืองสกุลรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดี กล่าวต้อนรับผู้เข้ารับการอบรม
การอบรมเชิงปฏิบัติการจีโอพาร์คกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา สมาคมภูมิศาสตร์แห่งประเทศไทย และจังหวัดนครราชสีมา สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ. 2555 จังหวัดนครราชสีมาและมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้เริ่มดำเนินการศึกษา
คุณค่าความโดดเด่นของพื้นที่เชิงธรณีวิทยา บรรพชีวินวิทยา ความหลากหลายของชีวภาพที่มีความสวยงามในจังหวัดนครราชสีมาในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นอุทยานธรณีที่มีชื่อเรียกว่า “อุทยานธรณีโคราช” ซึ่งจังหวัดนครราชสีมาได้ประกาศให้อุทยานธรณีโคราช เป็นอุทยานธรณีระดับจังหวัด ในปี พ.ศ. 2558 และขณะนี้อยู่ระหว่างการรับรองเป็นสมาชิกอุทยานธรณีประเทศไทย เพื่อที่จะร่วมกันขับเคลื่อนสู่การรับรองให้เป็น UNESCO Global Geoparkลำดับต่อไป ด้วยเหตุนี้ จึงได้ประสานความร่วมมือในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการอบรมครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้มีความรู้ความเข้าใจพร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การบริหารจัดการจีโอพาร์ค การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
ในจีโอพาร์คของประเทศอาเซียน รวมทั้งฝึกปฏิบัติการกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ วิจัยและการเรียนรู้ของจีโอพาร์ค นำไปสู่การศึกษา อนุรักษ์ พัฒนากิจกรรม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ
ของจีโอพาร์คให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางต่อไปผู้เข้าอบรม ได้แก่ กลุ่มเครือข่ายและครู-อาจารย์ผู้สอนในระดับประถมและมัธยมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา

การอบรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 สิงหาคม 2561 โดยกิจกรรมได้จัดให้มีบรรยายเกี่ยวกับการผลักดันโคราชจีโอพาร์คสู่อุทยานธรณีโลก ในหัวข้อ หลักการและแนวคิดเกี่ยวกับจีโอพาร์คของยูเนสโก (UNESCO GloblaGeopark)
การฝึกอบรมครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ 1 การบรรยายพิเศษเพื่อให้ความรู้ด้าน ยูเนสโกโกลบอลจีโอพาร์ค การท่องเที่ยวการศึกษาชุมชนในพื้นที่รวมถึงการบูรณาการด้านธรรมชาติกับการอนุรักษ์ในพื้นที่จีโอพาร์ค งานเสวนาการศึกษาแหล่งธรรมชาติและวัฒนธรรมในพื้นที่อุทยานธรณีโคราชมีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน 100 คนซึ่งเป็นคณะทำงานอุทยานธรณีทั่วประเทศ ผู้แทนจากส่วนราชการระดับจังหวัดและท้องถิ่นครูอาจารย์นักวิชาการชุมชนและประชาชนทั่วไปมีวิทยากรผู้บริหารและสมาชิกสภา UNESCO Global จีโอพาร์คผู้เชียวชาญและผู้บริหารยูเนสโกGlobal

เมืองโคราช นำเสนอLifestyle และวิถีชีวิตแบบคนเมือง

เมืองโคราช นำเสนอLifestyle และวิถีชีวิตแบบคนเมือง

วันที่ 15 สิงหาคม 2561นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์ รองผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศองค์การมหาชนหรือSACICTเปิดเผยถึงการจัดงานSACICT Craft Fair2018บ้ากระแสความนิยมงานคราฟต์หรือสินค้าหัตถกรรมที่เข้ามามีบทบาทกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันของคนไทยและชาวต่างชาติSACICTในฐานะหน่วยงานที่ส่งเสริมและความแข็งแกร่งในงานหัตถกรรมของไทยจึงได้จัดงานSACICT Craft Fair2018ขึ้นณ Fashion Hall ชั้น 1 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราชระหว่างวันที่ 15-19 สิงหาคม 2561 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีต่อผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตปัจจุบันเพื่อเป็นช่องทางในการเผยแพร่ของผลงานฝีมือคนไทยออกสู่สายตาประชาชนทั่วประเทศซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมของSACICTพยายามผลักดันงานคราฟต์ให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันผ่าน 3 แนวทางหลักคือสร้างคุณค่าสร้างเครือข่ายและสร้างโอกาสจากสุดยอดผู้ประกอบการ 50 ร้านค้าที่ได้เลือกสมาชิกผู้ประกอบการงานราชการจากกลุ่มครูศิลป์ของแผ่นดินครูช่างศิลปหัตถกรรมทายาทช่างศิลปหัตถกรรมนักสร้างสรรค์งานคราฟต์ทำงานที่เป็นอัตลักษณ์ภูมิปัญญาและงานสร้างสรรค์สำหรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อุปกรณ์แต่งบ้านงานผ้าบาติกที่มีการออกแบบด้วยการนำรูปร่างoutline ที่เรียบง่ายของสัตว์และสิ่งต่างๆนำมาตัดเย็บเป็นลักษณะ 3 มิติมีการตกแต่งชิ้นงานโดยการสอยมือด้วยความประณีตและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหมาะสำหรับเป็นของขวัญของตกแต่งบ้านชิ้นแรก
จังหวัดนครราชสีมาถือเป็นจังหวัดนำร่องในการใช้งานSACICT Craft Fair2018 งานแสดงสินค้าหัตถกรรมและงานคราฟต์อย่างเต็มรูปแบบเนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้วยความเจริญทางเศรษฐกิจจำนวนประชากรรวมถึง Lifestyle และวิถีชีวิตแบบคนเมืองมีความสนใจในงานคราฟต์โดยงานครั้งนี้จะเน้นงานคราฟต์ร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นน่าสนใจและเข้ากับวิถีชีวิตของคนปัจจุบันหมากัดผิดเองพร้อมทั้งจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ที่สนใจและชื่นชอบในงานหัตถกรรมของไทยรวมถึงนำศิลปินดารานักแสดงมากๆความสุขสนุกสนานให้กับผู้มาร่วมชมงานซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดีเพื่อเป็นต้นแบบในการจัดกิจกรรมในพื้นที่ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่อไป

ตำรวจภูธรภาค 3 !!มอบโฉนดที่ดินคืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม3,083 ไร่ 3งาน27 ตารางวา

ตำรวจภูธรภาค 3 !!มอบโฉนดที่ดินคืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม

วันพฤหัสบดีที่16สิงหาคม2561 พิธีมอบคืนโฉนดที่ดินคืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
ณ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ตามนโยบายของรัฐบาล นำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดปัญหาหนึ่งของประเทศ และถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไข โดยเน้นย้ำให้มีการบริหารจัดการปัญหาด้านลูกหนี้ ควบคู่กันไป อย่างเป็นระบบ มีความต่อเนื่อง อีกทั้งยังให้ดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งลดภาระหนี้นอกระบบ ด้วยการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ซึ่งได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกัน ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และดำเนินการปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง โดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้กำหนดให้จัดพิธีมอบคืนโฉนดที่ดิน คืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ในวันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม2561 พร้อมกันทั่วประเทศ

โดยพลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3 เป็นประธาน พร้อมด้วยหน่วยงานฝ่ายปกครอง ทหาร อัยการ ที่ดิน สรรพากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง8 จังหวัด อาทิเช่น นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนคราราชสีมา ,นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ,พล.ต.ณัฐชนก ศิริทีปตานนท์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 ,พล.ต.เภา โพธิ์เงิน ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดชัยภูมิ ,นายพรพจน์ บัณฑิตยานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ,นายศุภากร ชวมณีนันท์ อัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดนครราชสีมา ,นางฐาณภัค สวงโท อัยการคุ้มครองสิทธิจังหวัดชัยภุมิ ,นายจักรกฤษณ์ ศรีเมฆ อัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดยโสธร ,นายพิชาญ ลักขษร อัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดสุรินทร์ ,นางอุไรวรรณ อภัยพงษ์ สรรพากรภาค ๙ ,นายจักรกฤษณ์ พันธุรักษ์ สรรพากรพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ,นายบวรรัตน์ สาราญรมย์ สรรพากรจังหวัดชัยภูมิ ,นายกำพล วิทยาอนุมาส สรรพากรจังหวัดนครราชสีมา ,นางเสาวคนธ์ วัฒนะรัตน์ สรรพากรจังหวัดยโสธร ,นายบุญล้อม เหลาคม สรรพากรจังหวัดสุรินทร์ ,น.ส.ณัฏฐิรา แท่นวิทยานนท์ สรรพากรจังหวัดอำนาจเจริญ ,นายณรงค์ชัย หอมศรีประเสริฐ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา,นางเสาวคนธ์ วัฒนะรัตน์ สรรพากรจังหวัดยโสธร ,นายบุญล้อม เหลาคม สรรพากรจังหวัดสุรินทร์ ,น.ส.ณัฏฐิรา แท่นวิทยานนท์ สรรพากรจังหวัดอำนาจเจริญ ,นายณรงค์ชัย หอมศรีประเสริฐ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา,นายปิยะพงษ์ ชูวงศ์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชัยภูมิ ,นายชัยวัฒน์ ตุนทกิจ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดยโสธร ,นายพินิจ วรจักร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี ได้ร่วมกันทำพิธีมอบคืนโฉนดที่ดิน คืนความสุขให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ซึ่งมีประชาชนเดินทางมาร่วมในพิธีในครั้งนี้ประมาณ 5,000คน

ผมในนามหัวหน้าคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามและการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนตำรวจภูธรภาค 3 และหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีมอบคืนโฉนดที่ดินคืนความสุขให้กับประชาชนลดความเหลื่อมล้ำของสังคมจากปัญหาหนี้นอกระบบในวันนี้จัดการกล่าวรายงานของเลขาศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนตำรวจภูธรภาค 3 จะเห็นได้ว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้นอกระบบและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะต้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมายโดยใช้วิธีการไกล่เกลี่ยประนีประนอมหนี้อย่างเป็นระบบและเกิดความเป็นธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากโดยรับข้อมูลร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกี่ยวกับพฤติกรรมของกลุ่มนายทุนที่มีพฤติกรรมในการปล่อยเงินกู้ให้แก่ประชาชนโดยผิดกฎหมายด้วยวิธีทำสัญญาที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมมีการเรียกดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าที่กำหนดกฎหมายกำหนดรวมถึงบางรายได้ใช้ข้อกฎหมายในการฟ้องขับไล่ประชาชนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่ดินทำกินหรือไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมากซึ่งที่ผ่านมาประชาชนที่ตกเป็นโรคนี้ได้พยายามใช้ช่องทางในการร้องทุกข์เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยพูดคุยกับนายทุนที่เป็นเจ้าหนี้แต่ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควรและไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ตำรวจภูธรภาค 3ได้รับนโยบายจากรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนตั้งแต่ 27 กรกฎาคม2561จนถึงปัจจุบันโดยรวมปฏิบัติการกับหน่วยงานต่างๆได้แก่ฝ่ายปกครองทหารอัยการที่ดินสรรพากรในการสืบสวนสอบสวนและตรวจค้นกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบดำเนินการแก้ไขปัญหาการเกลี่ยประนอมหนี้ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งจากสรุปผลรวมของการดำเนินการของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนตำรวจภูธรภาค 3สามารถบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดจึงประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปประธรรมและถูกต้องตามกฎหมายหน้าอกอาจนี้ผมขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับคืนโฉนดที่ดินทุกท่านในวันนี้และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือร่วมใจในการขับเคลื่อนและสนองนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มกำลังความสามารถในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในครั้งนี้ (พลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3 เป็นประธาน กล่าว)

 

ตำรวจภูธรภาค 3ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน ตั้งแต่ 27กรกฎาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานต่างๆได้แก่ ฝ่ายปกครอง ทหาร อัยการ ที่ดิน สรรพากร ในการสืบสวนสอบสวนและตรวจค้น กลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบ ดำเนินการแก้ไขปัญหาไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับเจ้าหนี้และลูกหนี้ จนประสบความความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม และถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจากผลการดำเนินการดังกล่าว สามารถดำเนินการคืนโฉนดที่ดินให้กับประชาชนผู้เสียหาย พอสรุปได้ดังต่อไปนี้
ดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยได้ จำนวน919ราย ดำเนินการคืนโฉนดให้กับประชาชน จำนวน909 ฉบับ ยอดรวมเนื้อที่ในโฉนดที่ดินทั้งหมด จำนวน 3083 ไร่ 3งาน27 ตารางวา ยอดรวมรถยนต์ที่คืนให้กับประชาชน จำนวน 31 คัน ยอดรวมรถจักรยานยนต์ที่คืนให้กับประชาชน จำนวน17คัน
รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 891,189,124บาท (แปดร้อยเก้าสิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้าบาทถ้วน)
และอยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยอีก 705 ราย ซึ่งยังคงดำเนินการต่อเนื่องต่อไป

“เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” การวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา

บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน จัดกิจกรรม “เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” การวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยสุขภาพดี และต่อยอดแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา  ในวันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม 2561

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการต่อยอดแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของชาวโคราช เดอะมอลล์ นครราชสีมา ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), จังหวัดนครราชสีมา, สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  ซึ่งการจัดกิจกรรม “เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” การแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา รายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายร่วมบริจาคสมทบทุนให้กับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยมีรูปแบบการวิ่งผสมผสานการท่องเที่ยวภายในจังหวัดนครราชสีมา ด้วยเส้นทางวิ่งที่นักวิ่งจะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองโคราช รวมถึงระบบการจัดการและความปลอดภัยตลอดเส้นทาง โดยจุดสตาร์ทอยู่ที่หน้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา

 

 

ทั้งนี้ นักวิ่งสามารถเลือกเข้าแข่งขันการวิ่งมาราธอนใน 4 ประเภท ได้แก่ ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร, การวิ่งฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21.5 กิโลเมตร, การวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร และรูปแบบ Fun Run ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร โดยแบ่งกลุ่มผู้เข้าแข่งขันเป็นชาย หญิง ตามประเภทการวิ่งและช่วงอายุสำหรับผู้ชนะการแข่งขันวิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศโอเวอร์ออล เฉพาะบุคคลชาย-หญิง ไม่จำกัดรุ่น รางวัลถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา(สงวนสิทธิ์สำหรับนักวิ่งชาวไทย)พร้อมเงินรางวัล 15,000 บาท เสื้อ Finisher , รองเท้าวิ่งมาราธอน ASICS มูลค่า 6,500 บาท จำนวน 2 รางวัล (ชาย 1 คู่ หญิง 1 คู่) และผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-5 ในแต่ละกลุ่ม จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 10,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 8,000 บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล 7,000 บาท, อันดับ 4 เงินรางวัล 6,000 บาท และอันดับ 5 เงินรางวัล 5,000 บาท

รางวัลสำหรับผู้ชนะในการวิ่งฮาร์ฟมาราธอนระยะทาง 21.5 กิโลเมตรจะได้รับถ้วยชนะเลิศโอเวอร์ออล เฉพาะบุคคลชาย-หญิง ไม่จำกัดรุ่น จาก พณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ (สงวนสิทธิ์สำหรับนักวิ่งชาวไทย)พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท ผ้าบัฟ Finisher, รองเท้าวิ่งมาราธอน MIZUNO มูลค่า 4,600 บาท จำนวน 2 รางวัล (ชาย 1 คู่ หญิง 1 คู่)และผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-5 ในแต่ละกลุ่ม จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 5,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 4,000 บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล 3,000 บาท อันดับ 4 เงินรางวัล 2,000 บาท และอันดับ 5 เงินรางวัล 1,000 บาท

 

รางวัลสำหรับผู้ชนะในการวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร ผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-3 ในแต่ละกลุ่มอายุ จะได้รับรองเท้าวิ่ง BAOJI มูลค่า 1,490 บาท จำนวน 4 รางวัล (ชาย 2 คู่ หญิง 2 คู่)อันดับที่ 1 ประเภทอายุ 50 ปีขึ้นไป (ชาย 1 คู่ หญิง 1 คู่) และ อันดับที่ 1 ประเภทอายุ 41-50 ปี (ชาย 1 คู่ หญิง 1 คู่) นอกจากนี้จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 3,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 2,000บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล1,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการวิ่งฟันรันระยะทาง 4.5 กิโลเมตร โดยนักวิ่งทุกท่านที่เข้าเส้นชัยจะได้รับเหรียญรางวัลเป็นที่ระลึก โดยในปี 2018 นี้ มีนักวิ่งเข้าร่วมกิจกรรม กว่า 4,000 คน

  

เดอะมอลล์ โคราช เชิญวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอฯ

บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน จัดกิจกรรม      “เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” การวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยสุขภาพดี และต่อยอดแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

 

                        นางณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่การตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “จากความสำเร็จของการจัดงานในปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการต่อยอดแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของชาวโคราช เดอะมอลล์ นครราชสีมา ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), จังหวัดนครราชสีมา, สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมา และภาคเอกชน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน), บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด, จัดกิจกรรม เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” การแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา โดยมีรูปแบบการวิ่งผสมผสานการท่องเที่ยวภายในจังหวัดนครราชสีมา ด้วยเส้นทางวิ่งที่นักวิ่งจะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองโคราช รวมถึงระบบการจัดการและความปลอดภัยตลอดเส้นทาง โดยในวันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันการแข่งขันนักวิ่งจะเริ่มวิ่งจาก จุดสตาร์ทหน้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา ผ่านจุดท่องเที่ยวของจังหวัด บริเวณ ถนนนครราชสีมา-ปักธงชัย 304 ได้แก่ สวนสัตว์นครราชสีมา ฯลฯ”

ทั้งนี้ นักวิ่งสามารถเลือกเข้าแข่งขันการวิ่งมาราธอนใน 4 ประเภท ได้แก่ ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร, การวิ่งฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21.5 กิโลเมตร, การวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร และรูปแบบ  Fun Run  ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร โดยแบ่งกลุ่มผู้เข้าแข่งขันเป็นชาย หญิง ตามประเภทการวิ่งและช่วงอายุ

 

สำหรับผู้ชนะการแข่งขันวิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศโอเวอร์ออล เฉพาะบุคคลชาย-หญิง ไม่จำกัดรุ่น รางวัลถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา  (สงวนสิทธิ์สำหรับนักวิ่งชาวไทย) พร้อมเงินรางวัล 15,000 บาท เสื้อ Finisher และผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-5 ในแต่ละกลุ่ม จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 10,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 8,000 บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล 7,000 บาท, อันดับ 4 เงินรางวัล 6,000 บาท และอันดับ 5 เงินรางวัล 5,000 บาท

 

รางวัลสำหรับผู้ชนะในการวิ่งฮาร์ฟมาราธอนระยะทาง 21.5 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยชนะเลิศโอเวอร์ออล เฉพาะบุคคลชาย-หญิง ไม่จำกัดรุ่น จาก พณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ (สงวนสิทธิ์สำหรับนักวิ่งชาวไทย) พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท ผ้าบัฟ Finisher และผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-5 ในแต่ละกลุ่ม จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 5,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 4,000 บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล 3,000 บาท อันดับ 4 เงินรางวัล 2,000 บาท และอันดับ 5 เงินรางวัล 1,000 บาท

 

รางวัลสำหรับผู้ชนะในการวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร ผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-3 ในแต่ละกลุ่มอายุ จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 3,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 2,000 บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล 1,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการวิ่งฟันรันระยะทาง 4.5 กิโลเมตร โดยนักวิ่งทุกท่านที่เข้าเส้นชัยจะได้รับเหรียญรางวัลเป็นที่ระลึกจากการแข่งขันครั้งนี้

นอกจากนี้  ในกิจกรรมการวิ่งครั้งนี้ ยังมีอาหารขึ้นชื่อเมืองย่าโม อาทิ ผัดหมี่โคราช ฯลฯ และอาหารสำหรับบริการนักวิ่งตลอดการจัดงาน  พร้อมกับการเซลครั้งใหญ่ของ SPORTS MALL ที่นำเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา มาลดราคา ในงาน “SPORTS MALL RUNNING EXPO 2018” มหกรรมเพื่อคนรักการวิ่งครั้งยิ่งใหญ่ของโคราช บริเวณ แกรนด์ฮอลล์ ชั้น G เดอะมอลล์โคราช ระหว่างวันที่ 2-8 สิงหาคม ศกนี้ สินค้ากีฬาลดสูงสุด 20-70% รวมสินค้าแบรนด์ดังสำหรับนักวิ่ง อาทิ Nike, Adidas, Under Armour, Mizuno, Asics, New Balance, Skechers ฯลฯ นอกจากนี้ผู้สมัครวิ่งสามารถนำเบอร์วิ่งไปใช้สิทธิ์ซื้อรองเท้าวิ่ง และสินค้ากีฬาอื่นๆในราคาพิเศษลดสูงสุด 30% สำหรับซื้อสินค้าภายในแผนก SPORTS MALL (เฉพาะแบรนด์และรุ่นที่ร่วมรายการ) สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก M CARD, ลูกค้า เอไอเอส, ลูกค้าบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ รับส่วนลดเพิ่ม 5% และพิเศษเฉพาะวันที่ 3-5 สิงหาคม 2561 เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ ครบ 2,000 บาทขึ้นไป รับเพิ่มบัตรกำนัล มูลค่า 300 บาท (ที่แผนก SPORTS MALL เท่านั้น)

 

ผู้ร่วมกิจกรรมวิ่ง “เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” สามารถกางเต็นท์ริมสระน้ำ (จำนวนจำกัด) ภายในบริเวณสวนน้ำแฟนตาเซีย ลากูน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งนักวิ่งสามารถติดต่อจองพื้นที่ กางเต๊นท์ล่วงหน้าที่เบอร์ 02-310-1935, 087-494-4446

 

ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถสมัครและติดตามรายละเอียดได้ที่ www.themallkoratmarathon.com โดยอัตราค่าสมัคร วิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร ราคา 900 บาท, วิ่งฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21.5 กิโลเมตร ราคา 700 บาท, วิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร และวิ่ง Fun Run (ฟันรัน) ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร ราคา 500 บาท พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรเดบิต บีเฟิสต์ ธนาคารกรุงเทพ, ลูกค้า AIS และ สมาชิกบัตร M Card รับสิทธิ์ลดเพิ่ม 100 บาท รายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายร่วมบริจาคสมทบทุนให้กับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี  สามารถติดต่อรับเสื้อและเบอร์นักวิ่ง (BIB) ได้ในวันที่ 3-4 สิงหาคม 2561 เวลา 10.00-20.00 น.ที่ SPORTS MALL ชั้น 2 เดอะมอลล์ นครราชสีมา

มงไม่พลิก! ตัวเต็ง “น้ำอ้อย” ซิว “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018”

“มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018”

เข้มข้นถึงใจไม่จกตาสำหรับ มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 เวทีประกวดนางงาม อันดับหนึ่งของประเทศไทย ผู้สร้างแฮชแท็ค #นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์ และ #เวทีอันดับหนึ่งของประเทศไทย ยกระดับคุณภาพการประกวดสู่ระดับสากลโลก โปร่งใส ไม่ล็อคผล ปีนี้มงกุฎเพชรตกเป็นของ น้ำอ้อย ชนะพาล สาวสวยสุดมั่นจาก คณะครุศาสาตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ตัวแทน มิสแกรนด์ภูเก็ต ซิวตำแหน่ง มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ไปแบบไม่พลิกโผและโดนใจกองเชียร์เป็นที่สุด

สำหรับบรรยากาศการประกวดเต็มไปด้วยความสนุก  77 มิสแกรนด์ จาก 77 จังหวัด พร้อมมาก ฝ่ายกองเชียร์จากทุกจังหวัดไม่น้อยหน้า หอบป้ายไฟ ภาพนางงามที่ชื่นชอบ มากันแน่น ฮอลล์ 100 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติ ไบเทค บางนา กลายเป็นสีสันการเชียร์นางงามที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครปีนี้ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานกองประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ จัดหนักด้วยเวทีขนาดใหญ่ในคอนเซ็ปต์ DIMON สะท้อนความแข็งแกร่งแต่สวยงามของผู้หญิง แสง สี เสียง บนจอ LED ขนาด 10 เมตร ตระการตาสมฐานะ เวทีนางงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย อุ่นเครื่องช่วงค่ำเวลา 21.00 น. ด้วยคอนเสิร์ตของศิลปินเสียงดี เบน ชลาทิศ เป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนคลับอย่างยิ่ง

เวลา 22.45 น. กระหึ่มเวทีการประกวด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2018 ถ่ายทอดสด 100% ทาง ช่อง 7 HD และ Facebook Live Miss Grand Thailand สาวงาม 77 จังหวัด ออกมาวาดลวดลาย Openning Dance แนะนำตัวที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเวที มิสแกรนด์ แต่ปีนี้พิเศษตรงที่มีรางวัล แนะนำตัวยอดเยี่ยม ความสนุกจึงบังเกิดตั้งแต่วินาทีแรกทีเดียว

หนิง ศรัยฉัตร (กุญชร ณ อยุธยา) จีระแพทย์ และ แมทธิว ดีน รับหน้าที่พิธีกรประกาศผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย ได้แก่ มิสแกรนด์สุราษฏร์ธานี /น่าน /ภูเก็ต / บุรีรัมย์ /ฉะเชิงเทรา /นครพนม/ นครราชสีมา / อุดรธานี /สระแก้ว / นครศรีธรรมราช /อำนาจเจริญ / ยะลา /กระบี่ / จันทบุรี /กำแพงเพชร /ชัยภูมิ / ราชบุรี /นครปฐม /สกลนคร และ สุรินทร์ เริ่มประกาศรางวัลแรก มิสแกรนด์ขวัญใจภูเก็ต ได้แก่ จุ๊กจิ๊ก จิรัชยา สุขอินต๊ะ มิสแกรนด์นครปฐม ,รางวัล สมาย ซิกเนเจอร์ ได้แก่ มอส น้ำอ้อย ชนะพาล มิสแกรนด์ภูเก็ต

20 สาวงามผู้เข้ารอบเดินกลับออกมาอีกครั้งในชุดว่ายน้ำวันพีซสีชมพูสดใส แบรนด์ เอ็มจีไอ (MGI) เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมล้นหลาม พิธีกรประกาศรางวัล ชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม (Best in Swimsuit) ได้แก่ ใบปอ ปิยพร โชพุดซา

มิสแกรนด์กำแพงเพชร คว้ารางวัล 200,000 บาท ไปครอง ตามด้วยการประกาศรางวัล Best Voice Award ได้แก่ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา แอนนา ชลิดา คอร์วีโน ได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบ 12 คนสุดท้ายเป็นคนแรก รางวัล Miss Popular

Vote ตกเป็นของ มิสแกรนด์สระแก้ว ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล   เบิกทางเข้าสู่รอบ 12 คนสุดท้ายอัตโนมัติเช่นกัน ก่อนจะได้ลุ้นระทึกกับการประกาศผู้เข้ารอบอีก 10 คนสุดท้าย ได้แก่ มิสแกรนด์ กำแพงเพชร/ ชัยภูมิ /นครปฐม/ บุรีรัมย์/ ภูเก็ต/ยะลา /สกลนคร/ สุราษฏร์ธานี /สุรินทร์  /อำนาจเจริญ ที่ได้ไปต่อในค่ำคืนนี้ แต่ก่อนจะได้รู้ว่าใครได้รับตำแหน่ง มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ คนต่อไป แพม เปรมิกา พาเมล่า มิสแกรนด์ ไทยแลนด์  2017 พร้อมด้วย อาย ศรุชา นิลจันทร์ รองอันดับ 2 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 อุ้ม ทวีพร พริ้งจำรัส รองอันดับ3 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 และ แป้งหอม กมลรัตน์ ทานนท์ รองอันดับ 4 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 ขึ้นกล่าวอำลาตำแหน่ง

12 สาวงามผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย กลับออกมาอีกครั้งในชุดราตรียาว สวยงามประณีตจากการออกแบบและตัดเย็บของ ดีไซน์เนอร์ไทยทั้ง 77 จังหวัด พิธีกรประกาศรางวัล Best Director Award หรือ ผู้อำนวยการกองประกวดระดับจังหวัดยอดเยี่ยม ได้แก่ ธีระศักดิ์ ผลงาม PD ภูเก็ต และรองทั้ง 4 ได้แก่ วีรยุทธ อนุจิตรอนันต์ PD ระยอง /นนทัช นิธิพานิช PD อุบลราชธานี /ยุทธนา ปลื้มสำราญ PD ยะลา และ อำนาจ เส้นคราม PD สุรินทร์

มาถึงอีกหนึ่งรางวัลที่กองประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ต้องการส่งเสริมดีไซน์เนอร์ทั่วประเทศไทย ให้มีชื่อเสียงมากขึ้นจากการออกแบบชุดราตรีทั้ง 77 จังหวัด ล้วนแต่สวยงามหลากหลาย โดยผู้ชนะ Best Designer Award 2018 ได้แก่ผู้ออกแบบชุดราตรีของ มิสแกรนด์สุราษฏร์ธานี โดย กานต์ กาฬภักดี จากร้าน Oat Couture รับเงินรางวัล 100,000 บาท  ผลรางวัลรักแร้งาม ได้แก่  มิสแกรนด์สกลนคร อิ๊ง อิงชนก ประสาตร์ รับรางวัล 200,000 บาท

รางวัลแนะนำตัวยอดเยี่ยม (Best Introduction) ได้แก่ มิสแกรนด์นราธิวาส “นิ้น ศศินา กลิ่นมาลัย” รับรางวัล 50,000 บาท และแล้วมาถึงวินาทีประกาศผลผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ได้แก่มิสแกรนด์ ได้แก่มิสแกรนด์ สระแก้ว /มิสแกรนด์ภูเก็ต/มิสแกรนด์บุรีรัมย์ /มิสแกรนด์สกลนคร และ มิสแกรนด์นครปฐมพร้อมตอบคำถามจากคณะกรรมการ แต่ก่อนจะได้รู้ผลว่า มิสแกรนด์ จังหวัดใดจะได้ครอง มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 พิธีกรเชิญ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล มอบโทฟี่ให้กับจังหวัดเจ้าภาพในการเก็บตัวผู้เข้าประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2019 ซึ่งปีนี้ถือเป็นความยิ่งใหญ่อีกครั้งเมื่อภาครัฐเห็นความสำคัญ ในการใช้เวที มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ เป็นตัวขับเคลื่อน ความมั่นคง      อัตลักษณ์ และ วัฒนธรรม ร่วมเป็นเจ้าภาพพร้อมกันถึง 5 จังหวัดชายแดนใต้ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ สงขลา เสียงปรบมือดังกึกก้อง พิธีกรประกาศรางวัล ขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน ได้แก่ มิสแกรนด์สระแก้ว “ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล” รับรางวัล 50,000 บาท มาถึงรางวัลที่ทุกคนรอคอยนั่นคือ Best National Costume หรือชุดประจำจังหวัดยอดเยี่ยม ตกเป็นของจังหวัด นครศรีธรรมราช

สวมใส่โดย แตงโม ทัศนา แมนโซ รับรางวัล 100,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศ 4 อันดับได้แก่ จังหวัดนครพนม /สงขลา / ขอนแก่น และ ปราจีนบุรี สำหรับรางวัลที่เปลี่ยนชีวิต มิสแกรนด์ ทันทีนั่นคือรางวัล Miss Grand Rising Star ได้รับเงินรางวัล 200,000 บาท พร้อมเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 7 HD ได้แก่ มิสแกรนด์สระแก้ว ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล ถือเป็นนางงามที่ได้รับรางวัลมากที่สุด

แล้วมาถึงวินาทีสำคัญยิ่งเมื่อพิธีกรประกาศตำแหน่ง

รองอันดับ 4 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์สระแก้ว “ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล”

รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์บุรีรัมย์ “บิว นันทภัค ไกรหา”

รองอันดับ 2 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์สกลนคร “อิ๊ง อิงชนก ประสาตร์”รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์นครปฐม จุ๊กจิ๊ก จิรัชยา สุขอินต๊ะ และขอแสดงความยินดี มิสแกรนด์ภูเก็ต “มอส น้ำอ้อย ชนะพาล” ผู้คว้าตำแหน่ง กับ Miss Grand Thailand 2018  ครอบครอง มงกุฎเพชร มูลค่า 1,200,000 บาท สายสะพายเกียรติยศ บ้านพร้อมที่ดิน รถยนต์ 1 คัน และรางวัลอื่นๆมูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวด มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2018 ที่ประเทศเมียนมาร์ ในเดือน ตุลาคม นี้

 

จังหวัดภูเก็ต แถลงข่าวความพร้อมเจ้าภาพเก็บตัวผู้เข้าประกวด “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018”

จังหวัดภูเก็ต  แถลงข่าวความพร้อมเจ้าภาพเก็บตัวผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018”      ไม่ธรรมดาอีกเช่นเคยสำหรับการประกวด   มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ โดยปีนี้ จังหวัดภูเก็ตร่วมกับภาครัฐและเอกชน รับเป็นเจ้าภาพกิจกรรมเก็บตัวผู้เข้าประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ทั้ง 77 จังหวัด

พร้อมจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการขึ้น ณ ศูนย์การค้า ไลม์ไลท์ อเวนิว จ.ภูเก็ต โดยได้รับเกียรติจาก นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ,นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ,นายธีระศักดิ์  ผลงาม ผู้อำนวยการกองประกวด มิสแกรนด์ภูเก็ต พร้อมด้วย ทูเลีย แอลเลมัน เฟอเร่อ รองอันดับหนึ่ง มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2017   ร่วมแถลงข่าว นอกจากนี้ยังมีมอส น้ำอ้อย ชนะพาล มิสแกรนด์ ภูเก็ต 2018, ลูกน้ำ  สกาวรัตน์ ครุยทอง มิสแกรนด์   สุราษฏร์ธานี  2018, มินด์ เมลดา นันทานุรักษ์ มิสแกรนด์กระบี่ 2018, ตังเม เมธาวี    ธีรลีกุล มิสแกรนด์สระแก้ว  2018,เมย์ เมธิตา ช่วยสถิตย์ มิสแกรนด์ ตรัง 2018, ผ้าไหม อรอนงค์ อินทร์ทุ่ม มิสแกรนด์ สตูล 2018   เดินแฟชั่นโชว์เปิดงาน

สำหรับกิจกรรมการเก็บตัวในจังหวัดภูเก็ตที่น่าสนใจมีมากมาย ไฮไลท์ที่สร้างความคึกคักสุดคือกิจกรรมวิ่งการกุศล มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 แชริตี้ไนท์รัน ภูเก็ต บาย ไลม์ไลท์ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 2561 เวลา  20.30 . โดยสาวงาม มิสแกรนด์ ทั้ง 77 จังหวัดร่วมวิ่งกับบุคคลทั่วไปซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีผู้ร่วมงานนี้กว่า 3,000 คน

นอกจากนี้โชว์ความยิ่งใหญ่ด้วยขบวนคานิวัล ปิดถนนหาดป่าตอง กับแฟชั่นโชว์สุดอลังการ การประกวด ชุดว่ายน้ำรอบคัดเลือก ที่พลาดไม่ได้คือการประกวด มิสแกรนด์ขวัญใจภูเก็ต ที่จะมีขึ้นในค่ำคืนวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ณหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ตซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมในทุกๆด้านแล้วสำหรับงานแถลงข่าวการประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ที่ กรุงเทพฯ     ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เผยว่าจะมี ขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2561 เวลา 18.00 . ณ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอต จัดแฟชั่นโชว์ของผู้เข้า ประกวดทั้ง 77 จังหวัด เช่นเคย แต่ปีนี้จะอลังการอย่างไร ต้องติดตาม อีกรอบการประกวดที่สำคัญมากๆ  คือ การประกวดชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ปีนี้จัดขึ้นวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 รอบ พรีลิมมินารี โชว์ หรือรอบอุ่นเครื่อง จัดขึ้น วันที่ 12 กรกฎาคม และ รอบตัดสินมีขึ้นในวันที่ 14 กรกฎาคม 2561 ถ่ายทอดสด 100% เวลา 22.30 . ทางช่อง 7 HD (เอช ดี) ณ ฮอลล์ 100 ไบเทค บางนา และพลาดไม่ได้กับการทายผลผู้ชนะ ทายถูกทุกตำแหน่งรับเงิน รางวัล 1,000,000บาท

 

“จักรยาน” ปลุกกระแสโคราชจีโอพาร์คสู่แห่งท่องเที่ยวระดับโลก

วันที่12 พ.ค.2561เวลา15.00น.ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา เป็นพิธีเปิดการแข่งขันทัวร์ ออฟ นครชัยบุรินทร์ ปั่นด้วยใจ สู่ถิ่นโคราชจีโอพาร์ค โดยมี ว่าที่ร้อยตรีนิรันดร์ ดุจจานุทัศน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธาน พร้อมด้วย นายมนตรี ปิยากูล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, นายชาญชัย บัวสรวง ประธานสโมสรกีฬาจักรยานจังหวัดนคราชสีมา, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ประเทือง จินตสกุล ผู้อำนวยการสถาบันไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณี

มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา และนักปั่นจักรยานจากชมรมต่างๆในจังหวัดนครราชสีมา ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้กว่า 700คัน
โดยการแข่งขัน ทัวร์ ออฟ นครชัยบุรินทร์ ปั่นด้วยใจ สู่ถิ่นโคราช จีโอพาร์ค จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา และกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะจัดการแข่งขันในรูปแบบของการปั่นจักรยานใจเกินร้อย ระยะทาง 40 กิโลเมตร แบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทเสือหมอบ ชาย-หญิง และประเภทเสือภูเขา ชาย-หญิง ชิงถ้วยรางวัลของผู้ว่าราชการจังหวัดเสือหมอบชาย 40 กิโลเมตรโดยมีผู้ชนะเลิศดังนี้

1.A-143 ด.ช.อิฐษฎษพงศ์ หนุนดี
2.A-300 นายสิริศักดิ์ สุทธสิทธิ์
3A-140 นายชนาวีร์ ธรรมจักรโยธิน
4.A-154 นายกิตติศักดิ์ อินทรักษ์
5. A-191 นายศักรินทร์ อินทรักษ์
6. A-260 นายสมเกียรติ สงพะเนาว์
7. A-268 นายปิยนันท์ อินทร
8. A-269 นายหัสชัย ประสง
9. A-141 นายบุญฤทธ์ เอี่ยมวิจิตร
10. A-282 นายสุรพล ประเสริฐิลาภ

เสือหมอบหญิง 40 กิโลเมตร
1. B-061 นางอุษณา กรรพุมมาลย์
2. B-050 นางจิราภร์ รอดจอหอ
3.B-012 น.ส.ปราณี นานสิน
4.B-043 นางทองมี ขวดพุดทรา
5.B-041 นางสาริศา พบวันดีฤชากุล
6.B-007 นางเพชรดา ไพธุริยะ
7.B-011 น.ส.ธิษตยา ผลประดิษฐ์
8.B-062 นฤมล หมอประคำ
9.B-033 นางสกุณษ เปลี่ยนน้อย
10.B-060 พนิตมนตร์ เทพนริทร์ เสือภูเขาชาย 40 กิโลเมตร
1.C-183 ศนาวุฒิ ติ้มสันเทียะ
2.C181 สมศักดิ์ เอียดขุนทด
3.C-167 นายกิตติศักดิ์ ลิ้มชูวงศ์
4.C-146 ด.ช.พีระวัฒน์ พบวันดีฤชากุล
5.C-168 นายณัฐพล เมนขุนทด
6.C-188 เกรียงไกร ลอยมา
7.C-040 นายนัตธีร ทองโคตร
8.C-169 นายปราโมทย์ เจริญศิริไพศาล
9.C-122 นายณัฐวัจน์ ตรีตระกูล
10.C-019 นายชัยพจน์ สายสุทธิชัย
เสือ ภูเขาหญิง 40 กิโลเมตร
1.D-020 น.ส.กวินาฎ บัวสรวง
2.D-013 น.ส.อัจรา แสงสูงเนิน
3.D-046 น.ส.ศิรภัสสร เบียดพลกรัง
4.D-010 นางประภา สิกขากุล
5.D-039 น.ส.ศิวปรียา น้อยบัวทิพย์
6.D-131 ประจวบ เจียมเมืองปัก
7.D-003 วิไลพร หลงเจริญ
8.D-053 สุมิตา ผลพิมาย
9.D-048 นิชาภัทธ์ เจียมเมืองปัก
10.D-041 นางละม่อม บัวปลั่ง

โดยจะจัดการแข่งขันเวียนไปทั้งหมด 4 จังหวัด เริ่มจากจังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดแรก
ซึ่งในการแข่งขันทัวร์ ออฟ นครชัยบุรินทร์ ปั่นด้วยใจ สู่ถิ่นโคราช จีโอพาร์ค ในครั้งนี้ ทางด้านสถาบันไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา หนึ่งในผู้ร่วมจัดการแข่งขัน ได้จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับจีโอพาร์ค หรืออุทยานธรณี ถือเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งในจังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งยังเป็นจุดพักให้กับผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย ในงานพบการแสดงออกร้านสินค้ากลุ่มนครชัยบุรินทร์และชมการแสดงศิลปินชื่อดังนกน้อยอุไรพรและน้องแป้งเสียงอีสานและวงดนตรีโรงเรียนอุบลรัตน์ราชกัลยาสิริวัฒนาพรรณวดี#TourofNakhonchaiburi#ข่าวโคราชจีโอพาร์ค#ข่าวกีฬาทัวร์ออฟนครชัยบุรินทร์

 

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 ยกระดับรองรับไทยแลนด์ 4.0

นครราชสีมา-สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค5เปิดบ้านต้อนรับ แรงงานพัฒนาทักษะซ่อมสีรถยนต์สู่ระดับประเทศ วันที่25 พฤษภาคม 2561นาง ถวิล เพิ่มเพียรสิน รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ,นาย ยงยุทธ ป้อมเอี่ยม นายอำเภอสีคิ้วและนายศุภชัย สินสุวรรณรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทยจำกัดร่วมเปิดศูนย์พัฒนา ทักษะแรงงานสาขาช่างซ่อมตัวถังรถยนต์และสีรถยนต์เพื่อรองรับการขยายตัวอุตสาหกรรมรถยนต์โดย นางถวิล เพิ่มเพียรสิน

ประธานงานกล่าวอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทยมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศโดยทั้งนี้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานได้ร่วมมือกับภาคเอกชนพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านยานยนต์ร่วมกับธุรกิจภาคเอกชนเปิดศูนย์พัฒนาทักษะแรงงานร่วมกันโดยจะขยายทั้ง 6

แห่งจังหวัดอุบลราชธานี,จังหวัดขอนแก่น,จังหวัดนครราชสีมา,จังหวัดนครสวรรค์,จังหวัดลำปางและจังหวัดสงขลา
(สพร)ในพื้นที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานโดยได้รับการสนับสนุนมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นรวมชุดอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัยมีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทและโอกาสนี้ประธานได้เดินเยี่ยมชม ศูนย์เรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศและฝึกอบรมทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานช่างเครื่องปรับอากาศรวมทั้งรับมอบอุปกรณ์การอบรมวิชาชีพช่างปรับอากาศรวมทั้งได้เยี่ยมชมศูนย์ฝึกแรงงานในด้านต่างๆในครั้งนี้