ผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่นครราชสีมา นำเด็กนักเรียนกว่า 500 ชีวิต ร่วมกิจกรรมเปิดบ้านสาธิตงานอาชีพ แนะแนวเลือกหลักสูตรคาดเปิดอบรมเมษา 63

ผู้ตรวจการแผ่นดิน เผย คืบหน้า โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพ นร.ครอบครัวยากจน ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ หลังลงพื้นที่นครราชสีมา นำเด็กนักเรียนกว่า 500 ชีวิต ร่วมกิจกรรมเปิดบ้านสาธิตงานอาชีพ แนะแนวเลือกหลักสูตรคาดเปิดอบรมเมษา 63

วันนี้ (26 ก.พ. 63) ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา เปิดโครงการ “เปิดบ้านสาธิตงานอาชีพ เนื่องในโอกาสครบรอบ 27 ปี การก่อตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ภายใต้โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนครอบครัวยากจนของจังหวัดนครราชสีมา ที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563” โดยมี นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานเปิดโครงการฯ นายสุทธิพงษ์ โกศลวิริยะกิจ ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายกีรป กฤตธีรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายชวลิต ธูปตาก้อง ที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าที่ร้อยตรีสมศักด์ พรหมดำ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา นายกฤตพล ชุติกุลกีรติ ศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา นายทิฆัมพร ยะลา ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบหน้าที่ของรัฐ นางสาวสิริรัตน์ เมืองสมุทร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแนะแนวและแนะนำหลักสูตรแก่กลุ่มนักเรียนครอบครัวยากจนจังหวัดนครราชสีมา

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ปีนี้มีนักเรียนจบการศึกษาภาคบังคับในจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 28,221 คน เรียนต่อในระบบโรงเรียน จำนวน 27,468 คน ไม่ได้เรียนต่อในระบบโรงเรียน จำนวน 753 คน มีนักเรียนตอบรับเข้าร่วมโครงการฝึกทักษะอาชีพ จำนวน 392 คน ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเตรียมไว้เข้าโครงการ ถึงจำนวน 372 คน ถือว่าโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ ที่มีนักเรียนจำนวนมากตอบรับเข้าฝึกอาชีพก่อนก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานเพื่อพัฒนาทักษะและฝีมือตนเอง เพื่อสร้างอาชีพเลี้ยงครอบครัวและสร้างรายได้ให้มากกว่าอัตราแรงงานขั้นต่ำ

เบื้องต้นสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ได้จัดกิจกรรม “เปิดบ้านสาธิตงานอาชีพ เนื่องในโอกาสครบรอบ 27 ปี การก่อตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา” เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนเข้าศึกษาดูงาน ดูความพร้อมของสถานที่ฝึก เครื่องมือและเครื่องจักรในแต่ละสาขา มีการแนะแนวและแนะนำ เกี่ยวกับความต้องการของตลาดแรงงานในแต่ละสาขา จำนวนรายได้และความก้าวหน้าในอาชีพ คาดว่าเริ่มเปิดฝึกอบรมในช่วงเดือนเมษายน 2563 ใช้ระยะเวลาการฝึกตามหลักสูตร 2-4 เดือน ฝึกประสบการณ์ในสถานประกอบกิจการอีก 1-2 เดือน ซึ่งนักเรียนได้แจ้งความประสงค์เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรช่างเย็บจักรอุตสาหกรรม จำนวน 29 คน หลักสูตรช่างเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร จำนวน 42 คน หลักสูตรช่างซ่อมเครื่องยนต์ จำนวน 41 คน หลักสูตรช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ จำนวน 79 คน หลักสูตรช่างสีรถยนต์ จำนวน 23 คน หลักสูตรช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ จำนวน 25 คน หลักสูตรช่างเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก จำนวน 15 คน

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่าเพื่อให้โครงการดังกล่าวมีความยั่งยืนจึงมีแนวทางการจัดตั้งงบประมาณในการฝึกอบรมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป โดยขอให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฝึกอบรมแรงงานกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และในกรณีสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานหรือสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดร้องขอและเสนอโครงการไปยังสำนักงานจังหวัดให้กระทรวงมหาดไทยและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาสนับสนุนงบพัฒนาจังหวัด รวมถึงเงินอุดหนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วย

 

“โครงการนี้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสร้างชีวิตสร้างอนาคตแทนที่จะส่งบุตรหลานของท่านไปทำงานทันทีที่จบการศึกษาขอเวลาให้กับลูกหลานของท่านหน่อยสัก 3-6 เดือน ได้ฝึกอาชีพที่สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานซึ่งมีทุกจังหวัดแล้วคุณภาพชีวิตของบุตรหลานท่านจะเปลี่ยนไป” นายสมศักดิ์ กล่าว

จังหวัดนครราชสีมา จัดทำบุญ ‘เปล่งเสียงพระพุทธมนต์เจริญจิตแผ่เมตตาอาลัยผู้จากลา T21’

จังหวัดนครราชสีมา จัดทำบุญ ‘เปล่งเสียงพระพุทธมนต์เจริญจิตแผ่เมตตาอาลัยผู้จากลา T21’

วันที่  23  กุมภาพันธ์  2563  ที่ลานกิจกรรม ด้านหน้าศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา พระสาสนโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 ( ธรรมยุติ ) (หลวงพ่อใหญ่) เจ้าอาวาสวัดสุทธจิดาวรวิหาร , พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะ จ.นครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดบึง , พระเทพรัตนดิลก ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย , พระสีหราชสมาจารมุนี รองเจ้าคณะ จ.นครราชสีมา วัดพระนารายณ์ มหาราชวรวิหาร , พระวินัยโมลี รักษาการเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา( ธรรมยุติ) วัดวชิราลงกรณวราราม และหลวงพ่อกัณหา สุขกาโม วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อ.วังน้ำเขียว เมตตาร่วมเป็นประธานในพิธีสงฆ์ พร้อมคณะสงฆ์ 15 รูปเจริญพระพุทธมนต์ แลระนายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ประธานฝ่าฆราวาส , นางสาวปพิชญา ณ นครพนม ผู้อำนายการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ได้ต้อนรับ สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นครราชสีมา ทหาร ตำรวจ และร่วมทำกิจกรรม“เปล่งเสียงพระพุทธมนต์ เจริญจิตแผ่เมตตา อาลัยผู้จากลา T21 “  โดยได้รับความเมตตาจากคณะสงฆ์ธรรมยุติ และมหานิกายจังหวัดนครราชสีมา  รวมกว่า 299 รูป ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา

โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้เสียชีวิต ในเหตุการณ์ที่ผ่านมา โดยมีการอันเชิญชุมนุมเทวดา และสิ่งศักดิ์ทั่วสากลโลกมาร่วมพิธี และเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชน ประชาชนทั่วไปนุ่งห่มขาวผู้เข้าร่วมพิธีจนเต็มสถานที่ พร้อมทั้งได้ร่วมสวดมนต์ภาวนา และมหาสังฆทาน เพื่ออุทิศบุญใหญ่ในครั้งนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่โคราชมอบเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ประสบภัยที่จังหวัดนครราชสีมา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่โคราชมอบเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ประสบภัยที่จังหวัดนครราชสีมา

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่โคราชมอบเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ประสบภัยที่จังหวัดนครราชสีมา พร้อมให้กำลังใจแม่ค้าที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช


วันที่  19 กุมภาพันธ์  2563  ณ หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.สำนักนายกฯ นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ) อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) นายเกษม ศุภรานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จังหวัดนครราชสีมา เขต 1ร่วมในพิธี มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต ในเวลา 08.45 – 09.50นาที มอบเงินช่วยเหลือ ณ หอประชุมเปรมฯ ประกอบด้วย1. กองทุนผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี 2. เงินเยียวยาเหยื่ออาชญากรรมตาม พรบ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯสำหรับผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 79 ราย จากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และมอบเงินกรณีผู้เสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ของกระทรวงยุติธรรม


 
ทั้งนี้โดยศูนย์ช่วยเหลือเยียวยาฯ จังหวัดนครราชสีมา ขอขอบคุณน้ำใจที่บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ได้ัรับผลกระทบจากเหตุการณ์คนร้ายยิงประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา สิ้นสุดการรับบริจาคแล้ว ยอดเงินรวม “89,936,633.43.-บาท” โดยระบุเงินช่วยเหลือเยียวยากรณีต่างๆ ครบถ้วน ตามจำนวนที่ได้รับบริจาค

นายกรัฐมนตรีได้พบปะให้กำลังใจครอบครัวญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุรุนแรง พร้อมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวผู้สูญเสียและผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้ขึ้นอีก ทั้งนี้ “นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานความช่วยเหลือบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ พร้อมพระราชทานพระราชกระแสแสดงความเสียพระราชหฤทัยและพระราชทานกำลังใจ ให้พวกเราก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยความมีสติ มีปัญญา รักสามัคคี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งเราจะต้องน้อมนำพระราชกระแส แปรเปลี่ยนเป็นพลังในการขับเคลื่อนการดำรงชีวิตให้เดินข้างหน้าต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว นายกรัฐมนตรียังย้ำด้วยความห่วงใยว่า เงินเยียวยาเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งจะมีความช่วยเหลืออื่นๆ ทยอยเพิ่มเติมจากหลายๆ หน่วยงาน ขอให้เข้าใจว่า ทุกชีวิตมีค่า เงินจำนวนเท่าใดก็ไม่อาจทดแทนความสูญเสียได้ อยู่ที่จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามความช่วยเหลือเยียวยาที่ผู้ได้ผลกระทบให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด และตามพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงให้มีการชดเชยเยียวยาโดยเร็วที่สุด ซึ่งนายกรัฐมนตรียังสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและทุกภาคส่วนประสานงานร่วมกันดูแลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทุกคน และย้ำถึงเงินเยียวยาว่า มีค่าเพราะแลกมาด้วชีวิตของญาติพี่น้อง ขอใช้ให้เกิดประโยชน์ วางแผนจัดระเบียบบริหารการจัดการใช้เงินอย่างคุ้มค่า พร้อมเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน ขอให้มีกำลังกายและใจที่เข้มแข็งเป็นพลังขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไป
ต่อมาในเวลา 10.00 – 11.00พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและคณะได้ไป เยี่ยมเยียนผู้ประกอบการร้านค้า ที่ห้างเทอร์มินอล21 จ.นครราชสีมาจึงได้เดินทางกลับ

มการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามความช่วยเหลือเยียวยาที่ผู้ได้ผลกระทบให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด และตามพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงให้มีการชดเชยเยียวยาโดยเร็วที่สุด ซึ่งนายกรัฐมนตรียังสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและทุกภาคส่วนประสานงานร่วมกันดูแลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทุกคน และย้ำถึงเงินเยียวยาว่า มีค่าเพราะแลกมาด้วชีวิตของญาติพี่น้อง ขอใช้ให้เกิดประโยชน์ วางแผนจัดระเบียบบริหารการจัดการใช้เงินอย่างคุ้มค่า พร้อมเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน ขอให้มีกำลังกายและใจที่เข้มแข็งเป็นพลังขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไป

ต่อมาในเวลา 10.00 – 11.00พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและคณะได้ไป เยี่ยมเยียนผู้ประกอบการร้านค้า ที่ห้างเทอร์มินอล21 จ.นครราชสีมาจึงได้เดินทางกลับ

จบลงอย่างยิ่งใหญ่ และงดงาม การประกวดมิสแกรนด์ นครราชสีมา 2020 น้องแจง-ปภัสรา อังค์ยศ สาวงามเมืองย่า อายุ 19ปี คว้ามงกุฎมิสไปครองพร้อมเป็นตัวแทนสู่เวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 ต่อไป

จบลงอย่างยิ่งใหญ่ และงดงาม การประกวดมิสแกรนด์ นครราชสีมา 2020 น้องแจง-ปภัสรา อังค์ยศ สาวงามเมืองย่า อายุ 19ปี คว้ามงกุฎมิสไปครองพร้อมเป็นตัวแทนสู่เวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 ต่อไป

กองประกวดมิสแกรนด์นครราชสีมาผู้แทนลิขสิทธิ์โดยบริษัท ดิจิตอล เทเลวิชั่น เน็ทเวิร์ค จำกัด (DN Cable TV) จากกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ร่วมกับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จัดการประกวด “มิสแกรนด์นครราชสีมา 2020” รอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 19.00น. ณ ห้องเอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช  โดยได้รับเกียรติจาก คุณณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา/กลุ่มที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ คุณสุนีย์ เลิศสีมาพร ประธานคณะกรรมการตัดสิน คุณจารุพักตร์ ปราณีตพลกรัง Provincial Director  ผู้บริหาร บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด กลุ่มผู้ร่วมจัดการประกวดฯ พร้อมด้วยแฟนคลับสาวงามร่วมชมและเชียร์ผู้เข้าประกวดกันอย่างคับคั่ง

เวทีมิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 จัดอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์ในการเฟ้นหาสาวไทยที่มีคุณสมบัติทั้งความสวย ความรู้ ไหวพริบ ปฏิภาณและความประพฤติที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดีในการเผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นอย่างเป็นรูปธรรม โดยช่วงเก็บตัวระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สาวงามทั้ง 20 คนได้ทำกิจกรรมเรียนรู้และศึกษาอัตลักษณ์วิถีท้องถิ่นของชาวโคราช อาทิ ชมบ้านโบราณ ชิมอาหารท้องถิ่น สนุกกับวงพิณแคน ณ บ้านแฝก ตำบลโนนสำราญ อำเภอสีดา , เยี่ยมชมเรือนโคราชเฉลิมวัฒนา  เรียนรู้เรื่องราวและวัฒนธรรม วิถีความเป็นอยู่ดั้งเดิม อันเป็นเอกลักษณ์ของคนโคราช, ชมการทอผ้าไหมพื้นเมือง ณ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

บรรยากาศภายในงานเริ่มขึ้นด้วยการเปิดตัวผู้เข้าประกวดทั้ง 20 คน ด้วยชุดว่ายน้ำ โชว์หุ่นสุดเพอร์เฟกต์เพื่อคัดเลือก 10 คน เข้าสู่รอบชุดราตรี ซึ่งความพิเศษของชุดราตรีในค่ำคืนเป็นชุดราตรีดีไซน์จากผ้าไหมปักธงชัยอันเลื่องชื่อ เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นอันงดงามของคนโคราช  จากนั้นจึงคัดเลือกสาวงาม 3 คนสุดท้ายด้วยการตอบคำถามแสดงทัศนคติ ทำให้บรรดาแฟนคลับสาวงามส่งแรงเสียงเชียร์ตลอดการประกวด นอกจากนี้ยังมีมิสแกรนด์นครราชสีมา ปี 2017-2019 ร่วมให้กำลังใจผู้เข้าประกวดในปีนี้ด้วย

สำหรับตำแหน่ง มิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 หมายเลข 19 นางสาวปภัสรา อังค์ยศ หรือ
น้องแจง อายุ 19 ปี เป็นสาวงามจากจังหวัดนครราชสีมา ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท และมงกุฎที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวันสถาปนา “คุณหญิงโม” ขึ้นเป็น “ท้าวสุรนารี” เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2370 และได้นำดีไซน์ของดอกสาทรซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดใช้เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงจังหวัดนครราชสีมา พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ นอกจากนี้ดีกรียังคว้าอีก  2 ตำแหน่ง ได้แก่ Miss Beauty Perfect By The Mall Korat 2020 และ  Miss Beauty Perfect By Athit Clinic เงินรางวัลรวม 10,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ

รองอันดับที่ 1  มิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 ได้แก่ หมายเลข 8 นางสาวศศิปภา ปภณธีร์ธนาภูมิ หรือ สตางค์ อายุ 21 ปี จากจังหวัดนครราชสีมา รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ และคว้าตำแหน่ง Best Evening Gown (ชุดราตรี) รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ

รองอันดับที่ 2  มิสแกรนด์นครราชสีมา 2020 ได้แก่ หมายเลข 11 นางสาวอาริยา ชาวขุนทด หรือ น้องออย อายุ 21 ปี จากจังหวัดนครราชสีมา รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ และคว้าตำแหน่ง Miss Orange Thailand รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ

สำหรับรางวัลพิเศษ ผู้เข้าประกวดหมายเลข 7 นางสาวแพรวพิลาศ ลูพิมาย คว้า 2  ตำแหน่ง ได้แก่ Miss Nakornratchasima และ Best In Swimsuit (ชุดว่ายน้ำ) รับเงินรางวัลรวม 10,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ และ หมายเลข 14 นางสาวจิดาภา บูรณะวงศ์สิน คว้าไปถึง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ Miss Social Media, Miss Popular Vote จากการโหวตให้คะแนนโดยตัดสินจากยอด Like & Share สูงสุดในเพจมิสแกรนด์นครราชสีมา และ Miss Orange Thailand เงินรางวัลรวม 15,000 บาท พร้อมสายสะพาย ถ้วยรางวัลเกียรติยศ

โดยมิสแกรนด์ นครราชสีมา 2020 จะเป็นตัวแทนสาวงามของจังหวัดนครราชสีมาไปแข่งขันกับสาวงามทั้ง 77 จังหวัดในเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 ต่อไป จึงขอเชิญชวนชาวโคราชร่วมเป็นกำลังใจและติดตามการประกวดได้ที่มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020

โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ จัดการแข่งขัน  เดิน – วิ่งการกุศล  BWS RUNNING 2020 มีประชาชนแห่ร่วมงานกว่า 2,000 คน

โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ จัดการแข่งขัน  เดิน – วิ่งการกุศล  BWS RUNNING 2020 มีประชาชนแห่ร่วมงานกว่า 2,000 คน

วันที่  16  กุมภาพันธ์ 2563 เวลา  06.00 น. ณ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายอภินันท์  เผือกผ่อง  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้เกียรติมาเป็นประธาน  พร้อมด้วย ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง  ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา นายศารุมภ์  โหม่งสูงเนิน  พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา  นายประเสริฐ เชยพุดซา กำนันตำบลพุดซา  และนายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ได้ให้เกียรติเข้าร่วมในกิจกรรมวิ่งการกุศล  BWS RUNNING 2020

นายไกรศร ทองมูลชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  พร้อมด้วยคณะได้ให้การต้อนรับ นักวิ่งจากทั่วทั้งภูมิภาค  ในการแข่งขัน  เดิน – วิ่ง การกุศล BWS RUNNING 2020 โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  โดยมีประเภทของการแข่งขันแบ่งออกเป็น ประเภท นักเรียน ประชาชนทั่วไป และ VIP   เส้นทางการแข่งขัน ระยะทาง 6 กม. เริ่มต้นที่ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ ผ่านแยกถนนมิตรภาพบายพาส และกลับตัวที่บริเวณ บ.สตาร์เวลล์ เพื่อเข้าเส้นชัยที่ จุดเริ่มต้น
ระยะทาง 10 กม. โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ ผ่านแยกถนนมิตรภาพบายพาส ผ่าน บ.สตาร์เวลล์ ผ่านโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 3 กลับตัวที่บริเวณเทศบาลตำบลจอหา เพื่อเข้าเส้นชัยที่ จุดเริ่มต้น


โดยทางคณะจัดงาน ได้เตรียมจุดบริการน้ำดื่ม เครื่องดื่มเกลือแร่ และรถพยาบาล หน่วยกู้ชีพ ไว้บริการทุกท่านที่เข้าร่วมการแข่งขัน
ทั้งนี้ ผู้ที่รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขัน ได้แก่  การแข่งขัน Overall  ระยะทาง  10 กิโลเมตร  ชาย  ได้แก่ นายสิทธิโชติ  โล้กูลประกิจ  (รันสนามลาโคราช) ด้วยเวลา  32.23 น. รุ่น 31-46 ปี  และหญิง ได้แก่  น.ส.พรพิมล  สุขสงวน  (รันสนามลาโคราช) ด้วยเวลา  42.37 น. รุ่น 15-30 ปี  และในการแข่งขัน  BWS RUNNING 2020  โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  มีประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม ในประเภท VIP จำนวน  154 คน และ ประชาชนทั่วไปอีกว่า 1,989 คน

เปิดบ้านต้อนรับ บริษัทประกันเพื่อแสดงความพร้อมในการให้บริการ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุนารี

งาน SUTH Open House For Insurance 2020

เปิดบ้านต้อนรับบริษัทประกันเพื่อแสดงความพร้อมในการให้บริการ

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุนารี

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 09.00 น. โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้จัดงาน “SUTH Open House For Insurance 2020” ที่ชั้น 1 บริเวณโถงทางเข้าประตูทางทิศเหนือ อาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ซึ่งเป็นอาคารขนาด 12 ชั้นที่เพิ่งเปิดให้บริการใหม่เมื่อปลายเดือน ธ.ค. 62 ที่ผ่านมา โดยการจัดงานครั้งได้เชิญบริษัทประกัน และตัวแทนประกันกว่า 80 แห่ง เพื่อแสดงความพร้อมในการให้บริการและพร้อมรับฟังเพื่อพัฒนาการให้บริการที่มีคุณแก่ผู้รับบริการผู้ถือสิทธิ์ประกัน ในการที่จะให้ผู้รับบริการในส่วนนี้ได้รับความสะดวก อุ่นใจ และคุ้มค่าจากสิทธิในกรมธรรม์ประกันที่ตนถืออยู่ สำหรับการรักษาเฉพาะทางที่ปัจจุบันโรงพยาบาลมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่จะให้การดูแลผู้ป่วยผู้ถือสิทธิ์ประกันให้ได้รับความอุ่นใจ และคุ้มค่าในสิทธิจากกรรมธ์ พร้อมทั้งมีการจัดนิทรรศการแสดงเทคโนโลยี และเครื่องมือจากบริษัทที่เป็นพันธมิตร ปิดท้ายด้วยการนำแขกผู้ร่วมงานเยี่ยมชมส่วนที่ให้บริการต่างๆ และห้องพักผู้ป่วยพิเศษที่มีการขยายจำนวนการให้บริการเพิ่ม

อาจารย์นายแพทย์ ดร.นิวัฒน์ชัย  นามวิชัยศิริกุล  ผู้อำนวยการ ได้กล่าวต้อนรับ และวัตถุประสงค์ในการจัดงานแก่แขกผู้เกียรติที่มาร่วมงาน กว่า 200 คน จากนั้นได้นำเสนอศักยภาพของโรงพยาบาลในด้านต่างๆ และทิศทางการพัฒนาของโรงพยาบาล เพื่อให้แขกผู้ร่วมงานเห็นถึงการลดข้อจำกัดของบริการแบบโรงพยาบาลรัฐกับผู้รับบริการผู้ถือสิทธิ์ประกัน และบริษัทประกันลง เช่น ห้องพักพิเศษที่เพิ่มจากเดิม 14 ห้อง เป็น 60 ห้อง ในปี 2563, การเพิ่มสาขาที่ห้าง เดอะ มอลล์ และระบบการเคลมค่าใช้จ่ายที่มีความสะดวกแบบโรงพยาบาลเอกชน รวมความพร้อมในการรักษาเฉพาะทางจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ

ด้านคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในด้านต่างๆ ได้พลัดกันขึ้นเวทีเสวนาและตอบคำถามแก่แขกผู้ร่วมงาน ประกอบด้วย

1.ด้านกระดูก และข้อ (Orthopedic) โดยชูศักยภาพการบริการรักษาในส่วนของ

  • ศัลยกรรมกระดูกสันหลัง
  • โรคกระดูกซึ่งสืบเนื่องมาจากความผิดปกติของการทำงานของเซลล์กระดูกรวมถึงภาวะกระดูกพรุน
  • การรักษาโดยการส่องกล้องและเวชศาสตร์การกีฬา
  • ศัลยกรรมการเปลี่ยนข้อเทียม: สะโพกเทียม ข้อเข่าเทียม
  1. ด้านศัลยกรรม โดยชูศักยภาพการบริการรักษาในส่วนของ
  • ศัลยกรรมผ่าตัดทางกล้องและส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร
  • ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ
  • ศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้าง
  1. ด้านอายุรกรรมเฉพาะทางระบบประสาทและสมอง โดยชูศักยภาพการบริการรักษาในส่วนของ
  • กลุ่มโรคหลอดเลือดสมอง
  • กลุ่มโรคเส้นประสาทส่วนปลาย
  • กลุ่มโรคสมองเสื่อม
  • กลุ่มโรคปวดศีรษะ
  • กลุ่มโรคลมชัก
  • กลุ่มอาการพาร์คินสันและการเคลื่อนไหวผิดปกติ
  1. ด้านกุมารเวชศาสตร์ โดยชูศักยภาพการบริการรักษาในส่วนของ
  • กุมารแพทย์โภชนาการเด็ก
  • โรคผิวหนังเด็ก
  • ภูมิแพ้เด็ก
  • ประสาทวิทยาเด็ก
  • โรคติดเชื้อเด็ก
  • พัฒนาการเด็ก
  1. ด้านการตรวจสุขภาพ โดยชูการให้บริการตรวจสุขภาพแบบครบวงจร
  • ตรวจสุขภาพประจำปี
  • ตรวจสุขภาพก่อนเข้างาน
  • ตรวจสุขภาพตามความเสี่ยง

ทั้งนี้คณะของโรงพยาบาลได้นำแขกเยี่ยมชมโรงพยาบาลในส่วนที่มีการขยายบริการใหม่ และส่วนที่เกี่ยวการบริษัทประกัน เช่น ห้องพักพิเศษ, อาคารรังสีวินิจฉัย ในช่วงบ่าย เพื่อยืนยันความพร้อมอีกครั้ง

 

 

 

นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้หลักผู้ใหญ่ เมืองโคราชเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้หลักผู้ใหญ่ เมืองคนราชเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ชาวโคราช พร้อมใจกันนำดอกไม้และเขียนข้อความแสดงความเสียใจต่อการจากไปในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 รวมทั้งร่วมกันจุดเทียนร่วมไว้อาลัย ณ ลานย่าโม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่เข้าเยี่ยม  สอบถามอาการผู้ได้รับบาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลค่ายสรุนารี และ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา  พูดคุยให้กำลังใจคนเจ็บ รวมทั้งญาติและคณะแพทย์พยาบาล จากเหตุการณ์ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา คลุ้มคลั่งกราดยิงสยองขวัญทั่วเมืองโคราช ก่อนเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้างเทอร์มินอล 21 กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับตาย มีผู้เสียชีวิตรวม 30 ศพ และผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 50 คน.  พร้อมทั้งได้แถลงข่าวให้กับพี่น้องชาวโคราชได้ทราบถึงความรู้สึก และกระบวนการเยียวยาทุกคนที่ประสบเหตุการณ์ดังกล่าว

ทางด้าน  รมช.พาณิชย์ ​รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล​ในฐานะเป็นคนโคราช พร้อม​สั่งเยียวยาร้านค้าในห้างเทอร์​มินอล 21 เพื่อให้บรรยากาศ​การจับจ่ายใช้สอยกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วหลังพากันเสียขวัญ​ทั้งเมืองย่าโม นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมาที่โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเยี่ยมปลอบขวัญ​และให้กำลังใจผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์กราดยิงประชาชนที่ห้างเทอร์มินอล 21 ที่ผ่านมานั้น โดยนายวีร​ศักดิ์​ กล่าวว่า  ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปถึงครอบครัวของผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน จากเหตุการณ์​ในครั้งนี้ รวมถึงต้องขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันปฏิบัติงานช่วยเหลือพี่น้องชาวโคราชอย่างสุดความสามารถ​ และขอให้ผู้บาดเจ็บหายเป็นปกติปลอดภัยทุกคน

ด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ  อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวัชรพล โตมรศักดิ์  ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา และ นพ.วรรณรัตน ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ภายหลังเสร็จงานทำบุญวันเกิดที่บ้านราชวิถี 20 ในช่วงเช้าก็ได้รีบนำทีมผู้บริหารพรรคชาติพัฒนา ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา รุดเยี่ยมอาการผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์กราดยิงของจ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดสรรพาวุธที่ 22 จ.นครราชสีมา พร้อมมอบกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงกำลังและเงินให้ผู้บาดเจ็บทุกราย เพื่อเป็นกำลังใจ

ขณะเดียวกัน  ที่ ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา ภายหลังเจ้าหน้าที่เคลียร์สถานการณ์ได้แล้ว มีประชาชนเดินทางเข้ามาดูสถานที่ และร่องรอยของความเสียหาย โดยมีประชาชนบางส่วน นำเทียนและดอกไม้มาวางไว้บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า GATE 1 เพื่อแสดงความเสียใจและไว้อาลัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

เวลา 19.00 น. วันที่ 9 ก.พ. ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ประชาชน ชาวโคราช มากว่า 1000 คนได้เดินทางมาร่วมไว้อาลัยกับโศกนาฏกรรมผู้ถูกกราดยิง 30 ราย โดยกิจกรรมดังกล่าวมีเขียนคำไว้อาลัย จุดเทียนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต แผ่เมตตาพร้อมสงบนิ่ง

จากนั้นได้นำดอกไม้ไปวางที่ลานกว้างการแสดงออกถึงความไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ พระสีหราชสมาจารมุนี (บุญเริ่ม จิรปุญฺโญ ป.ธ.๔) รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาและพระสงฆ์จากวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร รวม 29 รูป มาร่วมในการสวดมนต์เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้

ภาพการแถลงข่าวจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา>>คลิป<<

 

เปิดฉาก สวาทแคท ทีมขวัญใจ…ชาวโคราช พร้อมสู้ศึกไทยลีก 2020 ตั้งเป้าผลงานเลขตัวเดียว

สวาทแคท พร้อมสู้ศึกไทยลีก 2020 ตั้งเป้าผลงานเลขตัวเดียว  พร้อมเผยโฉมชุดแข่งขันใหม่ภายใต้แบรนด์ “แกรนด์สปอร์ต”

7 กุมภาพันธ์ 2563 – ลานด้านหน้า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา  สวาทแคทพร้อมลุยไทยลีก ฤดูกาล 2020ตั้งเป้าผลงานลำดับเลขตัวเดียว พร้อมเปิดตัวชุดขุนพลสวาทแคทภายใต้แบรนด์  “แกรนด์สปอร์ต”

สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี หรือสวาทแคท ประกาศลุยศึกไทยลีก 2020 ภายใต้การนำทีมโดยนายแพทย์ วรรณรัตน์  ชาญนุกูล ประธานสโมสร และ โค้ชโจ –ธีระศักดิ์  โพธิ์อ้น ที่เผยแนวทางในการทำทีมในฤดูกาลนี้โดยให้ความสำคัญกับระเบียบวินัยมาเป็นอันดับแรก รวมไปถึงกลยุทธการวางแผนและวิธีการเล่นที่จะมีความยืดหยุ่นหลากหลาย และจะสร้างพลังให้นักฟุตบอลเชื่อมั่นในเรื่องของศักยภาพของทีมที่มีดีมากกว่าการเล่นแบบตั้งรับและโต้กลับเพียงอย่างเดียว มีการครองบอลเพื่อสร้างเกมบุกและการเข้าทำเกมที่มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ยังมีการคว้าตัวผู้เล่นใหม่มาเสริมทีมอย่าง กิตติพงษ์วงมา, อนนต์ สมากร, อดิศักดิ์ หาญเทศ, อับดุลฮาฟิส บือราเฮง, ธณชัย หนูราช, วงศกร ชัยกุลเทวินทร์ และนักเตะต่างชาติสัญชาติบราซิลอย่างเดนนิส  มูริลโล, และยูน  จุนซอง ปราการหลังจอมเก๋าจากแดนกิมจิ ที่จะมาผนึกกำลังกับเฉลิมพงษ์  เกิดแก้ว กัปตันทีม ร่วมด้วย เมธี  ทวีกุลกาญจน์, เลอันโดร  อัสซัมเซา, อมาดู  อ็อตตาร่า, เดชา สร้างดี และสุดยอดนักเตะมากฝีมืออีกมากมาย โดยตั้งเป้าผลงานในปีนี้อยู่ในลำดับเลขตัวเดียว

ในโอกาสนี้ยังมีการเปิดตัวนักฟุตบอลเยาวชนนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี นำโดย

โค้ชท็อป – ไกรเกียรติ  คูณธนทรัพย์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างผลงานโดยคว้าอันดับที่สามจากรายการฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ (Thailand Youth League 2019) และในปีนี้มีการเตรียมความพร้อมส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ หรือไทยแลนด์ ยูธ ลีก ในฤดูกาล 2020โดยมุ่งหวังคว้าแชมป์ทุกรายการที่ส่งแข่งขัน และมีเป้าหมายหลักคือการมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพนักกีฬาเยาวชนให้สามารถขึ้นมาเสริมทีมชุดใหญ่ตามกำลังความสามารถนอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวทีมนักกีฬาอีสปอร์ต ทั้ง 6 คน นำโดยกัปตันทีมต้นไม้ – ณัฐวุฒิอินทร์หอม ร่วมด้วย โย – บดินทร์รุ่งรัตน์กสิกุล, ณัฐ – ณัฐพงษ์คร่อมกระโทก, หนุ่ย – พงศกรธรรมขันแก้ว, มิว – ยุทธนางามอเนกรัตน์ และสุดยอดโปรเพลเยอร์ท็อปเทนของเอเชีย โง วินห์ กวง หรือฉายา กวง บาซาร์ จากเวียดนาม ที่จะมาร่วมสู้ศึกในรายการอีลีก 2020

อีกหนึ่งไฮไลท์ของงาน คือการเปิดตัวชุดแข่งขันประจำฤดูกาล 2020 ที่ได้บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด มาเป็นพันธมิตรผู้สนับสนุนด้านเสื้อผ้า และเครื่องแต่งกายของนักกีฬา ภายใต้แรงบันดาลใจ”ชุดเสื้อฟุตบอลเหย้าภายใต้แรงบันดาลใจ “นครราชสีมารวมใจเป็น1 โดยชุดหลักยังคงเป็นสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำสโมสร เพิ่มลูกเล่นด้วยแถบสีส้มเข้มสลับส้มอ่อน พิมพ์ชื่ออำเภอทั้งหมดในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อสื่อให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างนักเตะในทุกการแข่งขัน  ปลายแขนตัดต่อแถบดำเพิ่มความปราดเปรียว คล่องตัว ส่วนชุดเสื้อฟุตบอลเยือน มาในชุดแถบสีเข้มสลับอ่อนสีม่วงและสีเหลือง

ชุดเสื้อผู้รักษาประตูสีเขียวยังคงเน้นเรื่องเส้นแถบ และพิมพ์ชื่ออำเภอ ลงบนเสื้อ สำหรับชุดประตูสีดำมาในชุดแถบสีดำสลับเทาเข้ม

 

ชุดแข่งขันผลิตจากเส้นใย Polyester ขนาด Micro ที่มีความละเอียดนุ่มนวลทุกผิวสัมผัส ใช้เทคนิคการทอลายดูมีมีมิติ จัดจำหน่ายในราคา 690 บาท ซึ่งจะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 มีนาคมนี้ที่ช็อปสวาทแคทอาคารสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และที่ร้านโคราช ทวีผล สำหรับตั๋วปีในฤดูกาลนี้จะมี 3 แบบคือ บัตรแพลตทินัม ราคา 1,799 บาท โดยมีสิทธิประโยชน์คือสามารถเข้าชมการแข่งขันทุกแมทช์เหย้ารวม 15 แมทช์ได้ทุกโซน พร้อมรับเสื้อเกรดนักเตะ 1 ตัว, บัตรโกลด์ ราคา 1,299 บาท โดยมีสิทธิประโยชน์คือสามารถเข้าชมการแข่งขันทุกแมทช์เหย้ารวม 15 แมทช์ได้ทุกโซน พร้อมรับผ้าพันคอ 1 ผืน และบัตรซิลเวอร์ ราคา 799 บาท โดยมีสิทธิประโยชน์คือสามารถเข้าชมการแข่งขันทุกแมทช์เหย้าเฉพาะโซน N, E, S รวม 15 แมทช์

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 2020 นัดแรก “สวาทแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จะเปิดฉากฤดูกาล ด้วยการออกไปเยือน 5 นัดแรก โดยนัดแรกจะพบกับการท่าเรือ เอฟซี (เยือน) เสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์เวลา 20.00 น., นัดที่สอง พบกับระยอง เอฟซี (เยือน) วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์เวลา 20.00 น., นัดที่สาม พบกับชลบุรี เอฟซี (เยือน) วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์เวลา 17.45 น., นัดที่สี่ พบกับราชบุรีมิตรผล เอฟซี (เยือน) วันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์เวลา 20.00 น., นัดที่ห้า พบกับ สุพรรณบุรี เอฟซี (เยือน) วันเสาร์ที่ 7 มีนาคมเวลา 19.00 น. โดยจะประเดิมสนามในรังเหย้านัดแรก รับมือ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด วันพุธที่ 11 มีนาคม ในเวลา 19.00 น.

ทั้งนี้  นายธนาวัฒน์  ประสิทธิพรกุล  หรือ เฮียแก้ว แห่ง โคราชทวีผล และ ทวีผล 59 ยังได้เป็นผู้สนับสนุนทีมนครราชสีมา มาสด้าเอฟซี  มาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี  เพื่อต้องการให้ทีมที่เป็นขวัญใจคนโคราช  มีกำลังใจในการสู้ศึกทุกฤดูกาลแข่งขัน

การขับเคลื่อนแรงานนอกระบบสู่ท้องถิ่นInformal Labour Fair 2020 “แรงงานนอกระบบ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ”

การขับเคลื่อนแรงานนอกระบบสู่ท้องถิ่นInformal Labour Fair 2020 “แรงงานนอกระบบ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ”

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 10.00 น.ณ Terminal HALL ชั้น4 ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 นครราชสีมาอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาโดย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์)ประธาน พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา(นายจรัสชัย โชคเรื่องสกุล)คำกล่าวต้อนรับ ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(นางอุดมลักษณ์ สอนสารี)กล่าวรายงานพิธีเปิดงาน การขับเคลื่อนแรงานนอกระบบสู่ท้องถิ่นInformal Labour Fair 2020 “แรงงานนอกระบบ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ”ท่านผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานท่านสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงงานหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดนครราชสีมาเครือข่ายแรงงานนอกระบบ และแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน


พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานเปิดงาน InformalFair2020 “แรงงานนอกระบบ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ” ในวันน Labour Fair 2020กระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญกับแรงงานนอกระบบ จึงกำหนดเป็นวิสัยทัศน์ ขึ้นว่า “แรงงานนอกระบบ ต้องมีความมั่นคงทางรายได้ และได้รับการคุ้มครองทางสังคมอย่างเท่าเทียม” โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงงานนอกระบบให้มีมาตรฐานในการดำรงชีวิตที่ดี เท่าเทียมกับแรงงงานในระบบ เพื่อให้ได้รับการส่งเสริมคุ้มครอง และพัฒนาให้มีความมั่นคงด้านรายได้ อาชีพอย่างทั่วถึง นำสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนกระทรวงแรงงาน ได้เล็งเห็นความสำคัญของแรงงานนอกระบบจึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบพ.ศ. 2560 – 2564 เพื่อเป็นกรอบในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงแรงงาน ประกอบด้วย 3ยุทธศาสตร์


ด้านนายจรัสชัย โชคเรื่องสกุลรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าวว่าจังหวัดนครราชสีมาเป็นสถานที่จัดงานการขับเคลื่อนแรงานนอกระบบสู่ท้องถิ่น InformalLabour Fair 2020 “แรงงานนอกระบบ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ”จังหวัดนครราชสีมา เป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมในภูมิภาค9จังหวัด เป็นจังหวัดที่มีความพร้อมในด้านโครงสร้งพื้นฐาน มีศักยภาพในด้นทำเลที่เหมาะสม ทั้งในแง่ที่เป็นประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความพร้อมที่จะเป็นประตูสู่ภาคอินโดจีน ในด้านการลงทุน การค้า การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม โดยเชื่อมโยงกับจังหวัดชายแดนต่างๆ และประเทศเพื่อนบ้าน มีเขตประกอบการอุตสาหกรรมที่รวบรวมนักลงทุนได้อย่างเพียงพอ มีสถานที่ท่องเที่ยวเป็นธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม ก่อให้เกิดธุรกิจภาคการบริการขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนอย่างดียิ่ง


ทั้งนี้นางอุดมลักษณ์ สอนสารีผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้กล่าวในนามของผู้จัดงาน Informal Labour Fair 2020 แรงงานนอกระบบ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ และผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในวันนี้ขอขอบคุณท่านเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นอย่างสูงที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานในครั้งนี้กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นหน่วยงานหลักที่มีภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนาการคุ้มครองแรงงานนอกระบบให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย เข้าถึงบริการของรัฐ อย่างเท่าเทียมเสมอภาคโดยไม่เลือกปฏิบัติ ควบคู่กับการส่งเสริมการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งเพื่อให้สามารถช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นได้ ในการดำเนินการตามภารกิจดังกล่าว กำหนดการ


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยาศกาศกิจกรรมเวลา09.00น.มีการแสดงวงดนตรีของบริษัท แป้งมันเอี่ยมเฮง อุตสาหกรรม จำกัดและนำเสนอวีดีทัศน์ของแรงงานนอกระบุบ 6 นาที การเสวนาหัวข้อ “การสร้างและพัฒนาเครีอข่ายแรงงานนอกระบบ”โดย ผู้อำนวยการกองคุ้มครองแรงงงานนอกระบบ (นางนนทลี วงษ์เดี่ยม) ผู้แทนสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา(นางสาวสุภาพรณ์ งาจันทึก)ผู้แทนจากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา(แพทย์หญิงนภัค ด้วงจุมพล ตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ)- เครือข่ายแรงงานนอกระบบ(นางนวล เชิดชู) ประธานกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าบ้านหนองกกผู้ดำเนินรายการเสวนา(นางสาวสกายจิต เกิดศักดิ์ ณ แวงน้อย) สำนักงานจัดหางานจังหวัดต่อมาเวลา13.00น. การบรรยายหัวข้อ “องค์ความรู้และการสริตช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน CPR”โดย ทีมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยบริษัท ซีพีเอฟ ประเทศไทย จำกัด มหาชนผู้เข้าร่วมได้แก่ แรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้สูงอายุ จากกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมาบุรีรัมย์ สุรินทร์ และชัยภูมิ จำนวน 500 คน และจากภาครัฐและเอกชนที่เป็นเครือข่าย จำนวน 100 คน

ผู้ว่าโคราช!!!เชิญชวนนักวิ่งร่วมงาน เดิน-วิ่ง การกุศล อาทิตย์ที่ 16 ก.พ.63 นี้

ผู้ว่าโคราช!!!เชิญชวนนักวิ่งร่วมงาน เดิน-วิ่ง การกุศล อาทิตย์ที่ 16 ก.พ.63 นี้

วันที่  5  กุมภาพันธ์  2563  นายไกรศร  ทองมูลชัย   ผู้อำนวยการโรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์  กำนันประเสริฐ เชยพุดซา  กำนันตำบลพุดซา (ศิษย์เก่า) นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา (ศิษย์เก่า) พร้อมด้วยคณะ  เข้าพบ นายวิเชียร  จันทรโณทัย  ผู้ว่าราชการจังหวัด นครราชสีมา  เพื่อเรียนเชิญเป็นประธานในการจัดการแข่งขัน  เดิน – วิ่ง การกุศล  BWS RUNNING 2020 พร้อมด้วย  ดร.สุรสิทธิ์  สิงห์หลง  ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  ประธานในการมอบเหรียญรางวัล  ในวันอาทิตย์ที่ 16 กุมพาพันธ์ 2563

และขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงาน เดินวิ่งการกุศล BWS RUNNING 2020 ในวันอาทิตย์ที่ 16 กุมพาพันธ์ 2563 เวลา 05.00 น. ณ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ โดยมีประเภทของการแข่งขันแบ่งออกเป็น ประเภท นักเรียน ประชาชนทั่วไป และ VIP
อัตราค่าสมัคร
นักเรียน ระยะทาง 10 กม. 350 บาท
ระยะทาง 6 กม. 250 บาท
บุคคลทั่วไป ระยะทาง 10 กม. 450 บาท
ระยะทาง 6 กม. 300 บาท
VIP 1,000 บาท
*หมายเหตุ นักวิ่งที่ที่เข้าเส้นชัย จะได้รับเหรียญทุกคน
การแข่งขัน มินิมาราธอน ระยะ 10 กม. แบ่งตามอายุ ชาย/ หญิง
(ลำดับที่ 1-5 รับถ้วยรางวัล )
รุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี
รุ่นอายุ 16-30 ปี
รุ่นอายุ 31-40 ปี
รุ่นอายุ 41-50 ปี
รุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไป
การแข่งขัน Fun run ระยะ 6 กม. แบ่งตามอายุ ชาย/ หญิง
(ลำดับที่ 1-5 รับเกียรติบัตร )
รุ่นอายุต่ำกว่า 12 ปี
รุ่นอายุ 13-20 ปี
รุ่นอายุ 21-35 ปี
รุ่นอายุ 36-50 ปี
รุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไป


เส้นทางการแข่งขัน ระยะทาง 6 กม. เริ่มต้นที่ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ ผ่านแยกถนนมิตรภาพบายพาส และกลับตัวที่บริเวณ บ.สตาร์เวลล์ เพื่อเข้าเส้นชัยที่ จุดเริ่มต้น
ระยะทาง 10 กม. โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ ผ่านแยกถนนมิตรภาพบายพาส ผ่าน บ.สตาร์เวลล์ ผ่านโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 3 กลับตัวที่บริเวณเทศบาลตำบลจอหา เพื่อเข้าเส้นชัยที่ จุดเริ่มต้น
ทั้งนี้ ทางคณะจัดงาน ได้เตรียมจุดบริการน้ำดื่ม เครื่องดื่มเกลือแร่ และรถพยาบาล หน่วยกู้ชีพ ไว้บริการทุกท่านที่เข้าร่วมการแข่งขัน
ท่านที่สนใจ สามารถ สมัครและสอบถามรายละเอียดได้ที่ โรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ 044 – 000825