เซ็นทรัลพัฒนา ตอกย้ำการเป็น ผู้นำ สะอาด มั่นใจ นำร่อง Touchless Innovation Experience ต้นแบบบริการใหม่ ‘ลิฟต์ไร้สัมผัส’

เซ็นทรัลพัฒนา ตอกย้ำการเป็น ผู้นำ สะอาด มั่นใจนำร่อง Touchless Innovation Experience ต้นแบบบริการใหม่ ‘ลิฟต์ไร้สัมผัส’ ณ เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์
พร้อมประกาศช่วยเหลือเศรษฐกิจชุมชนด้วยการให้พื้นที่ฟรีกับเกษตรกรและ SMEs ทั่วประเทศ

กรุงเทพฯ (12 พฤษภาคม 2563) – บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย ประกาศเดินหน้าแนวปฏิบัติตามแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” 5 แกนหลัก มากกว่า 75 มาตรการที่ได้ประกาศไปเป็นรายแรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พร้อมนำร่อง Touchless Innovation Experience ต้นแบบบริการใหม่ ‘ลิฟต์ไร้สัมผัส’ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ เพื่อตอบโจทย์การสร้าง Touchless Experience ตาม ‘New Normal’ ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมประกาศช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศด้วยการให้พื้นที่ศูนย์การค้าฟรี 40,000 ตร.ม. และโปรโมททางช่องทางออนไลน์ เพื่อระบายสินค้าในศูนย์การค้า 33 สาขาทั่วประเทศ

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย บริษัทฯ ขอขอบพระคุณบุคลากรทางการแพทย์ และคนไทยทุกคนที่ร่วมใจกันอย่างแข็งขัน ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการมีวินัยในการใช้ชีวิตของคนไทยที่ตระหนักถึงความปลอดภัยของตนเองและมีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรอบ สำหรับเซ็นทรัลพัฒนา เราคำนึงถึง 2 ส่วนหลักที่ต้อง balance ให้เกิดขึ้น คือ เรื่องสุขภาพ จะทำอย่างไรให้สถานที่มีความปลอดภัย เราจึงสร้างบรรทัดฐานที่ดี เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคนที่มาใช้บริการ โดยเราได้สื่อสารมาตรการต่างๆ ไปยังผู้เช่าร้านค้าเพื่อให้มีเวลาในการศึกษาทำความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากภาครัฐ ร้านค้าต่างๆ และพนักงานทุกคนภายในศูนย์ฯ จะได้พร้อมให้บริการตามมาตรฐานใหม่ และลูกค้าเองก็จะได้มั่นใจในการมาใช้บริการภายในศูนย์ฯ และอีกประการหนึ่งที่เราต้องทำคือ ดูแลสนับสนุนคู่ค้าร้านค้า และเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกรทั่วประเทศ สามารถเดินหน้าธุรกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ ช่วยขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้”

นางสาววัลยากล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการพัฒนามาตรการต่างๆ สำหรับลูกค้าและร้านค้าอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางการปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยล่าสุด ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ได้นำร่องนวัตกรรมต้นแบบลิฟต์ไร้การสัมผัส (Touchless Lift) ซึ่งกำลังทดสอบและพัฒนาต่อไป โดยมีวิธีการใช้ง่ายๆ เพียงลูกค้าใช้นิ้วผ่านเหนือปุ่มเซ็นเซอร์เพื่อไปยังชั้นที่ต้องการ ระบบก็จะทำงานทันทีโดยอัตโนมัติ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องสัมผัสปุ่มกดใดๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการใช้ชีวิต ‘New Normal’ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 แกนหลักของมาตรการเซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ ได้แก่ (1) การคัดกรองอย่างเข้มงวด (Extra Screening), (2) มาตรฐาน Social Distancing ทุกจุด, (3) การติดตามเพื่อความปลอดภัย (Safety Tracking), (4) การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดสัมผัส (Deep Cleaning) และ (5) แนวทางลดการสัมผัส (Touchless Experience) นอกจากนี้ ถึงแม้ในช่วงระหว่างที่มีการปิดศูนย์การค้าบางส่วน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้มีการบำรุงรักษาระบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ มีการเปิดระบบปรับอากาศบางส่วนทุกวัน ซึ่งทำให้มีการหมุนเวียนของอากาศในพื้นที่ และมีการบำรุงรักษาตามมาตรฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พร้อมกลับมาให้บริการ

นางสาววัลยา กล่าวเสริมว่า “เพื่อเป็นการช่วยผลักดัน ‘เศรษฐกิจชุมชน’ และสร้างรายได้ให้เกษตรกร และธุรกิจ SMEs รวมถึงพนักงานต่างๆ เซ็นทรัลพัฒนาจะเปิดพื้นที่ให้กับเกษตกร หรือ ธุรกิจ SMEs นำสินค้ามาค้าขายได้ฟรี โดยมีพื้นที่ 30,000-40,000 ตร.ม. ในศูนย์การค้าทั้ง 33 แห่งทั่วประเทศ ในระยะเวลา 3-6 เดือน และช่วยเหลือในการโปรโมทจำหน่ายสินค้าทาง online platform ต่างๆ และพร้อมทั้งมีมาตรการสำหรับคู่ค้าร้านค้าที่เรามีกว่า 15,000 ราย และมีการจ้างงานกว่า 100,000 คนโดยเราก็พยายามช่วยธุรกิจต่างๆ อย่างเต็มที่ ด้วยการขยายโอกาสในการขายช่องทางต่างๆ และช่วยยกเว้นหรือลดค่าเช่ามาตลอดตั้งแต่เกิดวิกฤตมาในเดือนกุมภาพันธ์ และจะให้ส่วนลดต่อเนื่องหลังจากศูนย์ฯ เปิดให้บริการใหม่ไปอีกประมาณ 3-6 เดือน โดยจะพิจารณาเป็นรายๆ ไปตามความเหมาะสมเพื่อช่วยเหลือให้ฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปได้อีกด้วย”

ที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนาได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐเต็มที่และต่อเนื่องในการปฎิบัติตามมาตรการต่างๆ รณรงค์การทำ Social Distancing ที่ชัดเจนและเคร่งครัดจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก รวมทั้งสนับสนุนให้ประชาชน ‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ’ แต่หากต้องมาใช้บริการที่จำเป็น เราได้ดำเนินมาตรการความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจมาโดยตลอด โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นการดำเนินการของภาครัฐด้านสาธารณสุขของไทยที่ได้รับการชื่นชมจากทั่วโลก และในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ การเปิดให้บริการศูนย์การค้าของซีพีเอ็นจะขึ้นอยู่กับคำสั่งของภาครัฐเท่านั้น”

โดยในระหว่างนี้และอนาคต ศูนย์การค้าจะยังคงจัดบริการอำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนดำเนินชีวิตได้สะดวกขึ้น ด้วย 4 บริการยกระดับ ตอบโจทย์ New Normal Lifestyle ของลูกค้าในสภาวการณ์เช่นนี้ ได้แก่ บริการ One Call, One Click โทร 02-021-9999 หรือ LINE Official Account : @CentralLife, บริการ Drive Thru, บริการ Central Eats ร่วมกับ Grab Food และบริการ Food Delivery & Food Pick Up Counter และล่าสุด บริการ CentralLife: Chat & Shop เหมือนช้อปด้วยตัวเองจากเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล วิลเลจ โดยทุกบริการปฏิบัติภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย ‘เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ’ ที่ป้องกันอย่างรัดกุมเพื่อความปลอดภัยของผู้เกี่ยวข้องทุกคน

มูลนิธิพรหมธรรมสถานสงเคราะห์ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นำคณะมอบถึงยังชีพ ในตำบลกุดน้อย รวม 8 หมู่บ้าน จำนวน 80 ถุง

มูลนิธิพรหมธรรมสถานสงเคราะห์ อ.สีคิ้ว นำคณะมอบถึงยังชีพ ในตำบลกุดน้อย รวม 8 หมู่บ้าน จำนวน 80 ถุง

 

มูลนิธิพรหมธรรมสถานสงเคราะห์ อ.สีคิ้ว, นำโดยนายสิทธิศักดิ์ จันทรรวงทอง ประธานมูลนิธิฯ และคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อพระยาสี่เขี้ยวชุดที่ 6 มูลนิธิกู้ภัยพรหมธรรมสถานสงเคราะห์อ.สีคิ้วเป็นตัวแทน นำถุงยังชีพไปมอบให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19

ในตำบลกุดน้อย รวม 8 หมู่บ้าน จำนวน 80 ถุงใน โครงการ ชาวสีคิ้วร่วมใจต้านภัยโควิด-19 อำเภอสีคิ้ว โดยมุ่งหวังให้พี่น้องในเขตอ.สีคิ้วได้มีกำลังใจต่อสู้ในภาวะวิกฤตนี้ไปด้วยกัน และขอเป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวอ.สีคิ้ว ต่อไป

สุดเจ๋ง!!!พัฒนาฝีมือแรงงาน 5 โคราช พลิกวิกฤตโควิต 19 เปิดหลักสูตรออนไลน์

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ลุยฝึกครูออนไลน์ต้นแบบ พัฒนาแรงงานยุค Covid – 19

ที่ผ่านมา สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา  ได้จัดให้มีโครงการพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมแบบผสมผสาน (Hybrid Training) โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่  27 – 30 เมษายน 2563

โดย ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์  พรหมดำ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา และคณะวิทยากร  เตรียมแผนการฝึกอบรมในรูปแบบผสมผสาน (Hybrid Training) ซึ่งสามารถดำเนินการบน Digital Platform โดยใช้แอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องสร้างกระบวนการฝึกอบรมแบบเสมือนจริง ไม่จำเป็นต้องเดินทางมารับการฝึกอบรมที่สถาบัน เพียงมีคอมพิวเตอร์ สัญญาณอินเตอร์เน็ต หรือโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ก็สามารถดำเนินการฝึกอบรมได้ เพื่อเป็นการเตรียมการดำเนินการดังกล่าวให้การกระบวนการฝึกอบรมเป็นไปตามหลักประกันคุณภาพการพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับประโยชน์สูงสุด จึงจัดทำโครงการพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมแบบผสมผสาน (Hybrid Training)  โดยมีวัตถุประสงค์  เพื่อพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมในรูปแบบห้องอบรมออนไลน์

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน เล็งเห็นอุปสรรคและโอกาสในยุคกระแสโลกาภิวัตน์ซึ่งกำลังเปลี่ยนเทคโนโลยีให้เป็นดิจิทัล โดย รองศาสตราจารย์ ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อ้างถึงข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ODECD ปี ๒๐๑๘ และ ILO ปี ๒๐๑๖ ยืนยันว่าแรงงานมนุษย์จะได้รับผลกระทบจากการใช้ AI แน่นอน ทั้งนี้มีทั้งเสริมกันและหักล้างกัน ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงานต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ประกอบกับสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในฐานะหน่วยงานที่ยังคงมีภารกิจให้บริการประชาชน ซึ่งต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อาทิ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ การรับรองความรู้ความสามารถ การขอรับรองหลักสูตรและค่าใช้จ่ายให้แก่สถานประกอบกิจการที่ฝึกอบรมทักษะฝีมือแรงงานให้กับพนักงานของตนเอง รวมถึงการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน เป็นต้น จึงได้เตรียมช่องทาง การให้บริการประชาชนและสถานประกอบกิจการผ่านระบบออนไลน์ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดป้องกันการแพร่เชื้อตามมาตรการของรัฐบาลโดยมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ จำนวน 28 คน

 

 

นายกเทศบาล ต.โคกสูง โคราช พร้อมคณะ มอบยารักษาโรคปอด (โบราณ) เพื่อให้สาธารณสุขนำไปศึกษาใช้กับ โรคโควิด19

นายกเทศบาล ต.โคกสูง โคราช พร้อมคณะ มอบยารักษาโรคปอด (โบราณ) เพื่อให้สาธารณสุขนำไปศึกษาใช้กับ โรคโควิด19

ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติเทศบาลตำบลโคกสูง จังหวัดนครราชสีมา นำโดยนายกแหลมทอง วัฒนา นายกเทศบาลตำบลโคกสูง จังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วย นายประเดิม ส่างเสน เลขานุการหมอชนเผ่า 7 จังหวัดภาคเหนือร่วมด้วยนายไฟรัตน์ สำเภาทอง ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการมูลนิธิ ร.9นายสกล ไชยฉิมพลี MR.LOR HARLEY เซียนมวย แจกยา รักษาปอด โรคป่วงลงปอดให้ ชาวบ้านตำบลโคกสูง ประมาณกว่า50คนที่มาร่วมประชุมและได้แนะนำตัวชาวคณะของหมอให้ชาวบ้านรู้จักจากนั้นก้อได้อธิบายตัวยาสมุนไพรแต่ละตัวมีสรรพคุณอะไรบ้าง

กลุ่มหมอยาพื้นบ้าน 8 จังหวัดภาคเหนือ เตรียมนำเสนอยาสมุนไพรไทย “จันทรลีลา” ให้ทางสาธารณสุขเอาไปทดลองกับผู้ป่วยเป็นโควิด-19 เพราะเชื้อว่า สามารถต้านและทำลายเซลล์ไวรัสโควิด-19 ได้ เผยยาสมุนไพรนี้ตกทอดมากว่า 11 ชั่วอายุคน ในสมัยโบราณใช้รักษาโรคห่า โรคปวงปอด อย่างได้ผล และเชื่อว่าโรคซ่า โรคเมอร์ส และโรคโควิด-19 ก็น่าจะเอาสมุนไพรตัวนี้รักษาได้ เพราะมีเซียนมวยเคยทดลองใช้มาแล้วได้ผลดีควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน แต่ก็ไม่สามารถเอยได้ เพราะเกรงว่าแพทย์สมัยใหม่จะไม่ยอมรับ

ประเดิม ส่างเสน หมอพื้นบ้านไทยใหญ่ ศูนย์การเรียนรู้การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ชนเผ่าสมุนไพรนวลจันทร์เชียงใหม่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวยาตัวนี้ผลิตจากสมุนไพรทั้งหมด ประกอบด้วย โกศสอ โกศเขมา โกศจุฬาลัมพา แก่นจันทร์ขาว แก่นจันทร์แดง ลูกกระดอม บอระเพ็ด รากปลาไหลเผือก และพิมเสน จะช่วยในเรื่องการแก้ไข ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก้ร่างกาย ยาตัวนี้มีมานานแล้ว แต่ยังไม่มีใครออกมาพูดบอกกล่าวให้ประชาชนเข้าใจ กินไปแล้วจะช่วยให้หายใจโล่งขึ้น ไข้ลดลง ขับพิษออกจากทวาร เราไม่ได้ออกมาบอกว่า เป็นยารักษาโควิด-19 แต่อยากให้รัฐบาลเอายาตัวนี้ออกมาวิจัยจริงๆ เพราะเราเชื่อว่า “จันทรลีลา” สามารถช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยเราได้

“จึงอยากฝากถึงกระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล ผมเป็นหมอแพทย์แผนไทยตัวเล็กๆ แต่อยากจะช่วยพี่น้องชาวไทย จึงอยากฝากให้ท่านช่วยเอา “จันทรลีลา” ออกไปวิจัยแบบจริงจัง จะได้ไข้ของสงสัยกันไปเลย”

“จันทรลีลา” เป็นยาสมุนไพรทั้งหมด บดเป็นผงละเอียดบรรจุแคปซูล จะมีสรรพคุณ ช่วยลดไข้ ลดความร้อน ช่วยลดอาการข้างเคียง เช่น ช่วยลดน้ำมูก ลดเสมหะ บรรเทาอาการไอจาม หืดหอบ แก้ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ช่วยให้เจริญอาหารและจิตใจชุ่มชื่นแจ่มใส

ต่อมาได้นำชาวคณะ หมอประเดิม ส่างเสนแลขานุการหมอชนเผ่า 7 จังหวัดภาคเหนือพร้อมด้วยนายสกล ไชยฉิมพลี MR.LOR HARLEY เซียนมวยได้เดินทางไปพบนายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ห้องประชุมนางสางบุญเหลือ เพื่อนำยา รักษาปอด โรคป่วงลงปอด ไปมอบให้ แก่หัวหน้าส่วนราชการในสำนักงานนอกจากนั้นนายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมายังได้มอบพระพุทธรูปหลวงพ่อทวดเป็นที่ระลึกชาวคณะ หมอประเดิม ส่างเสน เลขานุการหมอชนเผ่า 7 จังหวัดภาคเหนืออีกด้วย

นายกรณ์  จาติกวณิช  หัวหน้ากลุ่ม  “กล้า”  พร้อมคณะทีมงาน  ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา   พบปะพี่น้องประชาชน

นายกร  จาติกวณิช  หัวหน้ากลุ่ม  “กล้า”  พร้อมทีมงาน  ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา พบปะพี่น้องประชาชน พร้อมมอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อน


นายกรณ์  จาติกวณิช  หัวหน้ากลุ่ม  “กล้า”  พร้อมคณะทีมงาน  ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา   พบปะพี่น้องประชาชน ให้กำลังใจในการต่อสู้กับสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด 19  พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่เดือดร้อน  โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้ไปเยี่ยมชม บริษัท ณรงค์โลหะกิจ 1995 จำกัด  ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.มะเกลือใหม่  อ.สูงเนิน
จ.นครราชสีมา  ซึ่งเป็นโรงงานรับซื้อ  ขายเศษเหล็ก  โดยเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ให้การสนับสนุนกลุ่มกล้า ในการรับบริจาคสิ่งของจากผู้ใจบุญ  เพื่อนำไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน

จากนั้น  นายกรณ์  จาติกวณิช  พร้อมคณะ  ได้เดินทางไปลงพื้นที่ที่บ้านโนน
สระสามัคคี  ม.15  ต.หนองหญ้าขาว  อ.สีคิ้ว  จ.นครราชสีมา  เพื่อลงพบปะพูดคุยปัญหากับชาวบ้าน  กลุ่ม อสม.  โดยมี  นายอรรถพล  ศรีโสภา  ผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนสระสามัคคี ม.15  พูดคุยเสนอแนะถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่  อาทิ  สถานการณ์ของการระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่สร้างความลำบากให้กับชาวบ้านในเรื่องการหากิน  โดยเฉพาะปัญหาการลงทะเบียนเพื่อรับเงินเยียวยาจำนวน 5 พันบาท  จากทางรัฐบาล  ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ได้ลงทะเบียนไปกลับปรากฏว่าไม่ผ่านเกณฑ์ในการได้รับเงินดังกล่าว  รวมไปถึงปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่  และการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ของทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลในพื้นที่

นายกรณ์  จาติกวณิช  หัวหน้ากลุ่ม “กล้า”  กล่าวว่า  ในการลงพื้นที่ในครั้งนี้
ได้มีโอกาสพบกับผู้นำท้องถิ่น  รวมไปถึงพี่น้องประชาชนในการรับฟังปัญหาความเดือดร้อน  ถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล  ว่าจะมาถึงชาวบ้าน และสามารถช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านได้จริงหรือไม่  ซึ่งวันนี้ก็ต้องสะท้อนข้อเท็จจริงกลับไปว่ามาตรการต่างๆ ยังมาไม่ถึงเต็มรูปแบบ
ซึ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คือสถานการณ์ทางด้านรับมือกับไวรัสโควิดที่ถือว่าประสบความสำเร็จ  มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขผ่านมายัง รพ.สต. รวมไปถึงการทำงานของ อสม.
มีประสิทธิภาพอย่างมาก  ถึงแม้ว่ามีลูกบ้านที่เป็นผู้ใช้แรงงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
และเมืองใหญ่อื่นๆ ที่ได้เดินทางกลับมาภูมิลำเนา  ก็มีระบบในการจัดการ การกักตัว
มีวินัยในการดูแลที่ดี  ทำให้ในพื้นที่นี่ ณ วันนี้ ยังไม่มีผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด  ซึ่งหากภาพนี้สะท้อนไปทั่วประเทศเราจะเห็นถึงระบบสาธารณสุขที่มีความเข้มแข็งของไทยในระดับหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ยังขาดอุปกรณ์ในการทำงาน  ขาดงบประมาณในการบริหารจัดการอยู่หลายจุด
ก็เชื่อว่ารัฐบาลก็คงรับรู้  แต่ประเด็นเฉพาะหน้าที่ยังเป็นปัญหา  คือเรื่องความเดือดร้อนจากการขาดรายได้  ซึ่งช่วงนี้ชาวบ้านไม่มีโอกาสในการทำมาหากินซึ่งสร้างความเดือดร้อนอย่างมาก  โดยเฉพาะเรื่องของการลงทะเบียนเพื่อรับเงินเยียวยาจำนวน 5 พันบาท  อยากให้รัฐบาลได้ทบทวนกลั่นกรองด้วยเม็ดเงินที่รัฐบาลกำลังจะมีในมือในการออก พ.ร.ก. ที่จะสามารถดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง  ส่วนปัญหาภัยแล้ง  และแหล่งน้ำ  ซึ่งตรงนี้จะมีปัญหาต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว  ตนก็ได้รับฟังข้อเสนอของทางผู้นำท้องถิ่น รวมไปถึงชาวบ้าน
ที่มีความชัดเจนว่าการแก้ปัญหาน้ำในระยะยาวจะดำเนินการอย่างไร  การเสนอแผนผ่านกรมชลประทานไปก็ได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว  ตนคิดว่าเมื่อพ้นสถานการณ์โควิดไปแล้วรัฐบาลก็ควรจะหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องของภัยแล้งอย่างยั่งยืนและถาวรให้กับพี่น้องชาวอีสานต่อไป

 

หลังจากนั้น นายกรณ์ฯ  พร้อมคณะ  ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 2/3  บ้านโนนสระสามัคคี  ม.15  ต.หนองหญ้าขาว  เพื่อมอบถุงยังชีพ  สิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้กับ
นายอุดม  จันทร์เจริญ  ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง  อาศัยอยู่กับภรรยา  และบิดาที่ชราภาพ  ไม่มีรายได้  มีเพียงเบี้ยผู้พิการกับเบี้ยผู้สูงอายุในการดำรงชีพเท่านั้น

จากนั้นไปต่อที่บ้านเลขที่ 47  ม.6  บ้านหนองหัววัว  ต.กฤษณา  อ.สีคิ้ว  เพื่อมอบถุง
ยังชีพ  สิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้กับ นางสมบัติ  บัวสระ  ผู้ป่วยติดเตียง  ที่อาศัยอยู่กับสามี

หลังจากนั้นได้ลงพื้นที่ไปที่  ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน  ม.1  ต.ตะเคียน  อ.ด่านขุนทด
จ.นครราชสีมา  เพื่อพบปะกับผู้นำท้องถิ่น  ชาวบ้าน  อสม. ในพื้นที่  โดยมี  นางสุนิษา
เทียนขุนทด  ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.เคียน  ให้การต้อนรับ  พร้อมเสนอแนะถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ถึงปัญหาต่างๆ อาทิ  ผลกระทบจากไวรัสโควิด 19 , สถานการณ์การณ์ภัยแล้ง พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย , ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ  เช่น  ข้าว  อ้อย  และข้าวโพด  รวมไปถึงปัญหาหนี้สินของเกษตรกร  ก่อนที่ทางคณะกลุ่มกล้าจะได้ไปมอบถุงยังชีพ สิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับชาวบ้าน  เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนในเบื้องต้นต่อไป

 

เงียบเหงา!!หลังผู้ว่าสั่งปิดแหล่งน้ำและงดเล่น ฝ่าฝืนปรับ 100,000 บาท

ผู้ว่าโคราชประกาศลงเล่นน้ำแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติปรับ100,000บาท!!

หลังจากที่  นายวิเชียร  จันทรโณทัย  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ  หลังประกาศสั่งปิดทั้งจังหวัด  เอาจริงหากพบมีการลักลอบเปิดให้ ปชช.เล่นน้ำ ลงโทษทันที

ที่ผ่านมานายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยนายสุรศิษฐ์  อินทกรอุดม  นายอำเภอสูงเนิน  ลงพื้นที่ตรวจสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หลังในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วยเชื้อโควิด-19 เพิ่ม เป็น 13 ราย จึงมีมาตรการเพิ่มเติมออกมาตรการสั่งปิดสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมคณะลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แก่งวังเณร  และแก่งวังคาวบอย  ม.2  และ ม.3 ต.มะเกลือเก่า  อ.สูงเนิน  ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว 2  ใน 5 สถานที่ ที่ทางจังหวัดนครราชสีมา สั่งปิดเพิ่มเติม  โดยจากการตรวจสอบพบว่าร้านค้าต่างๆให้ความร่วมมือปิดการจำหน่ายสินค้า ทุกร้านค้า รวมทั้งปิดป้ายประกาศห้ามลงเล่นน้ำในบริเวณดังกล่าวตามมาตรการของทางจังหวัด

 

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  กล่าวว่า เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของของไวรัสโควิด-19 ได้ใช้อำนาจตามความในมาตรา25(1) แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกาศปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวได้แก่ 1.แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแก่งวังเณร ม.2 ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน  2.แหล่งท่องเที่ยงทางธรรมชาติ แก่งวังคาวบอย  ม.3  ต.มะเกลือเก่า  อ.สูงเนิน  3.แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ท่าไทรลานหิน  ม.3  ต.สูงเนิน  อ.สูงเนิน  4.เขื่อนกุดหิน  ม.8  ต.โคราช  อ.สูงเนิน  และ  5.แหล่งท่องเที่ยงทางธรรมชาติ  น้ำผุด  ม.16  ต.หมูสี  อ.ปากช่อง  หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประกาศ ณ วันที่ 28 มีค.2563

ขณะเดียวกันยังได้สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 32 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยงทางน้ำทุกแห่ง และประกาศสั่งปิดทันทีเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

พุดซา  ชุมชนเข้มแข็ง ผนึก 3 ฝ่าย ปกครอง – ตำรวจ – สาธารณสุข “ตั้งด่านตรวจ  แล้วแจก “ สู้โควิด  19

 

พุดซา  ชุมชนเข้มแข็ง ผนึก 3 ฝ่าย ปกครอง – ตำรวจ – สาธารณสุข “ตั้งด่านตรวจ  แล้วแจก “ สู้โควิด  19

ที่ผ่านมา  นายประเสริฐ  เชยพุดซา  กำนันฝ่ายปกครองจังหวัดนครราชสีมา  ร่วมกับ  พตท.เพิ่มสุข ศิริพละ รองผู้กำกับสถานีตำรวจตำบลพลกรัง  ผู้อำนวยการ รพ.สต.พลกรัง  และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขชุมชน  ร่วมใจตั้งด่านตรวจสู้โควิด 19

กำนันประเสริฐ เชยพุดซา  ได้เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในทุกด้าน  ทั้งอุปกรณ์ป้องกัน และขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ปฏิบัติตามนโยบายของจังหวัดนครราชสีมาอย่างเคร่งครัด  ในครั้งนี้ทางฝ่ายปกครองชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านร่วมกับเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจ สภ.พลกรัง  และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เขตพลกรัง ร่วมใจให้ความรู้ชาวบ้านพื้นที่  ตั้งด่าน “ตรวจ หยุด  แจก”  เพื่อเฝ้าระวัง  คัดกรองโรคระบาดโควิด 19 จากการดำเนินการ  ทางคณะได้ดำเนินการตั้งด่านสกัดให้ประชาชนที่สัญจร ผ่านเขตพื้นที่ หยุดรถยนต์ และรถจักรยานยนต์  มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย  คัดแยกหากพบผู้ที่วัดอุณหภูมิแล้ว หากเกิน 38 องศา โดยให้คำแนะนำและส่งให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพตำบลตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง  หากอุณหภูมิปกติ เจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำการดูแลตัวเองในสถานการณ์ปัจจุบัน  พร้อมแจกหน้ากากผ้าและเจลล้างมือ ให้ผู้เดินทางทุกคน

การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการร่วมมือกัน เพื่อควบคุมป้องกันเชื้อไวรัส โควิด 19 และเพื่อเป็นการดูแลชุมชนไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อโรคโควิด 19 และดูแลบุคลลากรกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางเข้าพื้นที่เขตสีมุม ,พลกรัง ,พุดซา  โดยกำนันประเสริฐ กล่าวว่า  “เราดูแลชุมชนเรา เพื่อป้องกันไม่ให้ชุมชนมีการติดเชื้อโควิด 19 โดยการปฏิบัติงานครั้งนี้  ได้รับความร่วมมือและทำให้ชุมชนเขตนี้เข้มแข็งต่อไป”

 

พ่อเมืองโคราชประกาศ ผู้ติดเชื้อ โควิด19 พุ่ง 11 ราย!!

พ่อเมืองโคราชประกาศ ผู้ติดเชื้อ โควิด19 พุ่ง 11 ราย!!

 โคราชผู้ติดเชื้อโควิด 19 พุ่ง!!รายใหม่เพิ่มอีก 4 ราย  รวมในพื้นที่พบผู้ติดเชื้อแล้ว 11 ราย ผู้ว่าสั่งปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุมเข้มทุกพื้นวันที่26 มีนาคม 2563)

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และนายแพทย์ชุติเดช ตาบ-องครักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19
โดยผู้ป่วยรายใหม่ 4 รายเพิ่มเติม ประกอบด้วย รายที่ 8 เป็นหญิง อายุ 25 ปี เป็นลูกสาวของผู้ติดเชื้อรายที่ 7, รายที่ 9 เป็นเด็กหญิง อายุ 1 ปี 2 เดือน เป็นหลานสาวของผู้ติดเชื้อรายที่ 7 เช่นเดียวกัน, รายที่ 10 เด็กหญิง อายุ 9 ปี ติดเชื้อมาจากแม่ที่กรุงเทพฯ

 ส่วนผู้ป่วยรายที่ 11 เป็นชาย อายุ 36 ปี มีประวัติไปเชียร์มวยที่สนามมวยราชดำเนิน และลุมพินี กรุงเทพฯ โดยขณะนี้ผู้ป่วยทั้ง 11 ราย ยังคงมีอาการไม่หนักมาก ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เรียกประชุมนายอำเภอทั้ง 32 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา  เพื่อวางมาตรการในการควบคุมสถานการณ์ในระดับจังหวัด หลังรัฐบาลมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยทางจังหวัดได้ตั้งด่านตรวจ 12 จุด ตรวจเข้มการเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชน และเตรียมบังคับใช้กฎหมายตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค รวมทั้งร้านอาหาร และสถานที่ๆ #โควิด19 #เกาะติสถานการณ์โควิด1

ผู้ว่าโคราชขอความร่วมมือ สวมหน้ากากอนามัย ทุกคน 100% เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ COVID 19

ผู้ว่าโคราช ขอความร่วมมือจากคนโคราช สวมหน้ากากอนามัย100 % เพื่อลดภาวะเสี่ยง

หลังจากที่วันนี้  24 มีนาคม 2563  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร  จันทรโณทัย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงสถานการณ์ Covid 19 ในจังหวัดนครราชสีมา  ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย  รวมทั้งสิน  6  ราย  ทำให้มีผู้ป่วยรายใหม่สะสมมากยิ่งขึ้น

ทางด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  จึงได้หารือกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง  รวมทั้งขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน  ว่าให้ช่วยนำเสนอข่าวสารที่จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาวโคราช  พร้อมทั้งการรณรงค์การสวมใส่หน้ากากอนามัยให้ได้ทุกคน  100 %  เพื่อความปลอดภัยของตนเองและคนรอบข้าง  และหลังจากมีการแถลงข่าวเป็นที่เรียบร้อย  จึงได้มีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ  โดยให้เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็ฯต้นไป  ตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จึงได้ออกมาตรการเพิ่มเติม ดังนี้
1. ให้ประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกคน
2. ประชาชนผู้ติดต่อราชการต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
3. ให้งดหรือเลื่อนการจัดงานประเพณีสงกรานต์ หรืองานที่มีลักษณะที่เป็นการชุมนุมชน ของทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนออกไปก่อน (ยกเว้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และมีการปฏิบัติด้านสาธารณสุขครบถ้วน)

พ่อเมืองโคราชสักการะบวงสรวงคุณย่า 63

พ่อเมืองโคราช #บวงสรวงสักการะคุณย่าโม

ขอบารมีอันแผ่ไพศาลแห่งท่านท้าวสุรนารี จงดลบันดารประทานพรให้พี่น้องชาวโคราช ประสบแต่ความสุข ความเจริญ โชคดี มีชัย ปราศจาคโรคภัย และพยันตรายใด ๆ ทั้งปวง
พุทธังโหม ธัมมังโหม สังฆังล้อม อันตะรายาวินาศสันติ…
พุทธังโหม ธัมมังโหม สังฆังล้อม อันตะรายาวินาศสันติ…
พุทธังโหม ธัมมังโหม สังฆังล้อม อันตะรายาวินาศสันติ…
#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ

งานย่าโม  63 มีเพียงพิธีบวงสรวง โดยผู้ว่าโคราชได้ทำพิธีเปลี่ยนสไบสีสด เนื่องในวันฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี

       23  มีนาคม ของทุกปี  เป็นฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี หรือ งานย่าโม

โดยจะมีการจัดให้มีการค้าขาย  และงานรื่นเริง 12 วัน 12 คืน ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายน   ของทุกปี  ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และสนามหน้า

– งด การจัดงาน เนื่องจากป้องการการกระจายเชื้อไวรัส covid 19 –

– งด การจัดงาน เนื่องจากป้องการการกระจายเชื้อไวรัส covid 19 –

งานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี หรือ “งานย่าโม” ถือเป็นงานประจำของจังหวัดนครราชสีมา ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในทุกปี เพื่อสักการะและรำลึกถึงวีรกรรมของคุณหญิงโม สตรีแกร่งแห่งโคราชศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา   ด้วยรูปแบบการจัดงานที่น่าสนใจ อาทิ การจุดพลุเฉลิมฉลองทั้ง 4 ประตูเมืองโคราช, การรำบวงสรวงสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี, นิทรรศการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน, การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสมประวัติของคุณหญิงโม, การประกวดนางสาวนครราชสีมา, การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง, การแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง  ชมฟรีตลอด 12 วัน 12 คืน

แต่ด้วยสถานการณ์ของทั่วโลก  และประเทศไทย  จากการระบาดของเชื้อไวรัส Covid 19 ที่คร่าชีวิตพี่น้องไปอย่างน่าตกใจ  ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา  โดย นายวิเชียร จันทรโณทัย และหน่วยงานต่าง ๆ ต่างก็หาบทสรุปที่ดีที่สุดในการจัดงานประจำปี  งานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี  ด้วยการทำเพียงพิธีบวงสรวง และเปลี่ยนสไบเท่านั้น  โดยมีข้าราชการ และหน่วยงานเอกชนเข้าร่วมในพิธี  โดยมีมาตรการป้องกันเช่น  เจลล้างมือ  การสวมใส่หน้ากากอนามัย  และการจัดระยะของการนั่งทำพิธีอีกด้วย