วันแรกของการตรวจเชื้อโควิด19 โดยรถชีวนิรภัย พระราชทาน ให้กับพี่น้องชาวโคราช ในขณะที่ยอดสะสมผู้ติดเชื้อยังคงสูงขึ้น เป็น 384 ราย

วันที่ 23 เมษายน 2564 เวลา 09.00 ณ.หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา.พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำพิธีรับรถพระราชทาน เก็บตัวอย่างชีวนิรภัย และรถพระราชทานวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ เพื่อบริการเก็บตัวอย่างและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564

สำหรับ การตรวจหาเชื้อจากกลุ่มเสี่ยงโดยพระราชทานรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้านำมาให้บริการตรวจคัดกรองเชิงรุกหาเชื้อโควิด 2019 ให้กับประชาชนพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา


ต่อมา ที่ห้องประชุมสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา ชั้น 1 อ.เมือง จ.นครราชสีมานายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน นายแพทย์นรินทร์ รัชต์พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา นายชรินทร์ ทองสุขรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมานพ.ชาญชัย บุญอยู่ รองนพ.สสจ.นครราชสีมา นายวีระชัย ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประชุมร่วมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา คณะอนุกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ตอบโต้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด – 19) จังหวัดนครราชสีมา


ในการประชุมพร้อมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 23 เม.ย. 64 พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด – 19 รายใหม่เพิ่ม 31 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อมูลทางระบาดเพิ่มเติม ทำให้ขณะนี้มียอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 384 ราย ยังรักษาอยู่ 358 ราย รักษาหายแล้ว 25 ราย และเสียชีวิต 1 ราย

เซ็นทรัลพัฒนา ผู้นำสะอาด มั่นใจ ผนึก 33 สาขาทั่วประเทศ เดินหน้าฝ่าวิกฤต ยกการ์ดสูงสุดทั่วไทย

วันที่ 21 เมษายน 2564 เซ็นทรัลพัฒนา ผู้นำสะอาด มั่นใจ ผนึก 33 สาขาทั่วประเทศ เดินหน้าฝ่าวิกฤต ยกการ์ดสูงสุดทั่วไทย ป้องกันเชิงรุกขั้นสูงสุดในทุกมิติ ผนึกพลังรวมกันใช้ชีวิตอย่างมีวินัย

• “เบอร์หนึ่ง” แผนแม่บท 5 แกนหลักที่ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ด้วยมาตรการที่ครอบคลุม-ยืดหยุ่น-อัพเดทตลอดเวลา คุมเข้ม 100% Social distancing ทั่วพื้นที่
• ปฏิบัติการเชิงรุกทุกวัน-ทันที ด้วยการทำ Big cleaning ล่วงหน้าทุกวัน และ Extra Deep Cleaning ฉีดพ่นทุกจุดสัมผัสทันที ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อพิเศษ ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำยาเคมีภัณฑ์ไม่กี่ชนิด ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก CBC Approved และหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ของสหรัฐอเมริกา สามารถฆ่าเชื้อ COVID-19 ได้
• พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ – ด้วยกลยุทธ์ ‘Golden Time’ มอนิเตอร์ทุกความเคลื่อนไหวทุกสาขา แบบ real-time ตลอด 24 ชั่วโมง
• ทีมงานแข็งแกร่ง ทำงานเป็นระบบ รักษามาตรฐานเดียวกันทั้ง 33 สาขาทั่วประเทศ
• เชื่อมั่น คนไทยจะช่วยกันยกการ์ดสูงสุดอีกครั้ง มีวินัย ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะ ขานรับภาครัฐ ดำเนินมาตรการตามขั้นตอนกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

ตำรวจภาค3 ร่วมกับจิตอาสาเฝ้าระวังอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์

กิจกรรมจิตอาสา รณรงค์ประชาสัมพันธ์ การป้องกันและลดอุบัติเหตุจราจร การป้องกันอาชญากรรมอื่นๆ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 ในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2564

.
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 เวลา 18.30 น. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 มอบหมายให้ พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภ.3 ได้ร่วมกับ พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา , พ.ต.อ.ขุนศึก เศรษฐชัย ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, สจ.สรรชัย กาญจนวัฒนา, น.ส.กาญจนา กาญจนวัฒนา กำนัน ต.โครกกรวด, พ.ต.ท.อัครคม ญาติเจริญ รอง ผกก.ป.ฯ พ.ต.ท.หญิง สุวิชา เผดิมวงศ์ รอง ผกก.ฯ พ.ต.ท.ปรีชา สารถี รอง ผกก.ฯ พ.ต.ท.อรรถพร พุ่มห้วยรอบ รอง ผกก.ฯ พ.ต.ท.หญิง เจนจิรา เรืองสินทรัพย์ สว.(สอบสวน)ฯ พร้อมด้วย จิตอาสา 904 ข้าราชการตำรวจจิตอาสา ภ.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจจิตอาสา สภ.โพธิ์กลาง


ได้ร่วมจัดทำกิจกรรมจิตอาสา รณรงค์ประชาสัมพันธ์ การป้องกันและลดอุบัติเหตุจราจร การป้องกันอาชญากรรมอื่นๆ
แจ้งเตือนความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเสริมสร้างวินัยจราจร
ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนให้ ถือปฏิบัติตามกฏหมาย มีความระมัดระวังในการเดินทาง เพื่อการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน
รณรงค์สร้างความตระหนักรู้ ในการป้องกัน ตามมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาดCOVID-19 ในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2564
ประสานขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ให้จัดเจลแอลกอฮอล์ สบู่ล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าใช้บริการ


.
และเน้นย้ำ ให้มีการป้องกันตนเอง ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย การเว้นรักษาระยะห่างทางสังคม(social distancing) การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงเข้าไปอยู่ในพื้นที่ชุมชนแออัด สุ่มเสี่ยง และปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคฯ ตามแนวทาง”ชีวิตวิถีใหม่ สงกรานต์สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย. ห่างไกลโควิด”
พร้อมกันนี้ ได้ร่วมกันแจก เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย น้ำดื่ม ผ้าเย็น ให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ต.โครกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา

ผู้ว่าโคราชเผย!!มาตรการคุมเข้ม โควิด19>>มีสัมภาษณ์<<

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงมาตรการ การคุมเข้มโควิด 19 ของจังหวัดนครราชสีมาว่า สำหรับประชาชนที่มาจาก 5 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง ทางจังหวัดก็ได้มีการคุมเข้มแต่ ไม่ถึงกับต้องกักตัว แต่จะต้องรายงานตัวให้กับ อสม.หรือสาธารณสุข แต่ต้องมีข้อจำกัดในการเดินทาง การพบปะผู้คน ห้ามเข้าเขตชุมชน เช่น ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

พร้อมกันนี้ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ยังได้กล่าวย้ำอีกว่า พี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา สามารถเดินทาง และท่องเที่ยวได้ตามปกติ (ยกเว้นใน 5 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง) พร้อมปลดล็อกการจัดกิจกรรมอื่น ๆ เช่น งานบวช งานแต่ง งานสัมมนาต่าง ๆ แต่ขอความร่วมมือ ให้จัดโดยจะต้องมีผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 300 คน และจะต้องแจ้งไปยังผู้นำชุมชน หรือสาธารณสุขเพื่อขอการจัดกิจกรรม แต่หากเกิน 300 คน ให้ทำเรื่องแจ้งมายังจังหวัด เพื่อขออนุญาต ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อควบคุม และป้องกันการระบาดของโควิด 19

สถานการณ์โควิด-19 จ.นครราชสีมา

โคราชพบผู้ป่วยติดโควิด-19 จำนวน 3 ราย หลังจากการแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดย 2 ราย เป็นพ่อค้าแม่ค้า ขายอาหารทะเลสดในพื้นที่ อ.พิมาย และ อ.สีคิ้ว ส่วนรายที่ 3 เป็นข้าราชการ อบต.ในพื้นที่ อ.บัวใหญ่ ซึ่งผู้ป่วยทั้ง 3 รายเดินทางกลับมาจากจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ผู้ป่วยและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด ได้กักตัวในสถานที่ ที่ทางจังหวัดกำหนดแล้วที่ห้องประชุมมูลนิธิท้าวสุรนารี ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายแพทย์นรินทร์รัชย์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพ่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา หลังการแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา พบผู้ป่วยแล้ว 3 ราย รายแรกพบที่ อ.พิมาย เป็นชายไทย อายุ 57 ปี อาชีพค้าขายอาหารทะเล สาเหตุที่ติดเชื้อเนื่องจากเดินทางไปจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อซื้ออาหารทะเลมาจำหน่ายในพื้นที่อำเภอพิมาย จำนวนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นคนในครอบครัว จำนวน 8 คน สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 9 คน ในจำนวน 9 คนนี้เป็นเจ้าหน้าที่อำเภอพิมาย 8 คน ผู้ใหญ่บ้าน 1 คน รายที่ 2 เป็นผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 47 ปี อาชีพ ค้าขายอาหารทะเล ที่ อ.สีคิ้ว โดยผู้ป่วยมีอาการเมื่อวันที่ 17 ธค .63 เข้ารักษาตัวที่ รพ.เอกชน ในพื้นที่ กทม. วันที่ 21 ธค.63 ก่อนเดินทางมาที่ อ.สีคิ้ว วันที่ 22 ธค.63 ซึ่งจากการตรวจพบติดเชื้อ โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัว จำนวน 6 คน รายที่ 3 เป็นชายไทย อายุ 43 ปี อาชีพรับข้าราชการ อบต.ในพื้นที่ อ.บัวใหญ่ เดินทางไปเยี่ยมมารดาที่ จ.สมุทรสาคร วันที่ 18 ธค.63 มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ก่อนวันที่ 22 ค.63 เข้าตรวจที่ รพ. ปรากฏว่าพบเชื้อ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 9 คน โดยผู้สัมผัสเสี่ยงทุกรายได้ให้ทำการกักตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามที่จังหวัดกำหนด นอกจากนี้การการค้นกลุ่มเสี่ยงแบบเชิงรุกพบว่ามีกลุ่มเดินทางไปส่งข้าราชการย้าย ที่ จ.สมุทรสาคร 43 ราย กลุ่มคนเดินทางกลับ 4 ราย ร้านรับอาหารทะเลขายเอง 1 ราย (จำนวน8คน) การขนส่งอาหารทะเลเข้าตลาดในพื้นที่ จ.นครราชสีมา 88 ราย และกลุ่มเดินทางจาก จ.สมุทรสาคร เป็น นศ.มทส. จำนวน 32 ราย อ.เมือง 3 ราย อ.พิมาย 6 ราย และ อ.โชคชัย 1 ราย โดยทั้งผลได้ทำการตรวจหาเชื้อแล้วไม่พบแต่ให้มีการกักตัวเป็นเวลา 14 วันขอบคุณข้อมูล : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา

สสว. จัดสัมมนากระตุ้น SMEs โคราช หลังวิกฤตโควิด-19

สสว. จัดสัมมนากระตุ้น SMEs โคราช หลังวิกฤตโควิด-19

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. จัดสัมมนาพิเศษ  หัวข้อ “การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs  หลังวิกฤตการณ์ Covid-19” ณ ห้องประชุมตะโกราย 3 อาคารสำนักงานส่งเสริมวิชาการและงานลงทะเบียน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา แนะพัฒนา 4 ด้านภายหลังพ้นวิกฤตโควิด-19

          ดร.เพชรมณี ดาวเวียง รองผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ SMEs ปฏิบัติงานช่วยควบคุม กำกับ ศูนย์ให้บริการ SMEs ครบวงจร(OSS) ได้ให้แนวคิดกับผู้ประกอบการที่กำลังต่อสู้กับความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติจาก โควิด-19 หรือการทำธุรกิจแบบ New Normal ว่า “ผู้ประกอบการต้องเร่งทำ 4 อย่างด้วยกันคือ สร้างทักษะใหม่ๆ หรือ New Skill Set การพัฒนาคนในองค์กร (Retraining) การพัฒนาทักษะเดิม ๆ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น (Reskilling แบบรอบด้าน) และต้องเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างเต็มตัว (Digitalization) รวมทั้งต้องพยายามหาโอกาสในทุกวิกฤต หากผู้ประกอบการ SMEs ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน อาจเข้ามาหาความรู้จากคลังความรู้ที่ สสว.ได้เตรียมไว้ทั้งในแพลตฟอร์มออนไลน์  www.smeknowledgecenter.com และสัมมนาที่น่าสนใจอีกหลากหลาย

          เนื้อหาของหัวข้อการสัมมนาในครั้งนี้ ทางสสว.มุ่งหวังให้ผู้ประกอบการ SMEs ของภาคอีสานเตรียมความพร้อมสำหรับก้าวต่อไปเมื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 บรรยายโดย อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานถึง 4 ท่านในประเด็นต่างๆ ดังนี้ การจัดการภาวะวิกฤตสำหรับ SMEs โดย ดร.อนิรุธ พิพัฒน์ประภา ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย คณะบริหารธุรกิจ, สร้าง Content ดียอดขายปัง โดย ดร.ณพรรณ สินธุศิริ รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา คณะบริหารธุรกิจ, การตลาดออนไลน์ กับ SME ไทย ในยุค 4.0 โดย นายปุริม หนุนนัด อาจารย์ประจำสาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ และสร้างแบรนด์ง่าย ๆ ด้วย Infographic โดย นางสาวศศิวิมล กอบัว อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ

          สำหรับวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ ทาง ดร.เพชรมณี ดาวเวียง รองผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ SMEs ปฏิบัติงานช่วยควบคุม กำกับ ศูนย์ให้บริการ SMEs ครบวงจร(OSS) แนะนำผู้ประกอบการ SMEs ว่า “หลังจากวิกฤตครั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs จะต้องพัฒนาธุรกิจของตัวเองทุกวัน หยุดไม่ได้ ต้องปรับธุรกิจให้เหมาะกับยุค New Normal จัดการแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ เช่น ปรับลดขนาดองค์กร ค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ กระโจนสู่ตลาดออนไลน์อย่างเต็มตัว เพราะจากวิกฤตโควิด-19 เชื่อว่า ผู้ประกอบการ SMEs ได้เห็นศักยภาพของตลาดออนไลน์แล้วว่า สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนั้นยังต้องศึกษาเรื่องการสร้าง content ให้แบรนด์มากยิ่งขึ้น เพราะ Content Marketing เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับธุรกิจ เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างสิ่งที่ต้องการนำเสนอไปถึงลูกค้าได้อย่างแนบเนียนโดยลูกค้าจะไม่รู้สึกว่ากำลังถูกขายของ รวมถึงปรับรูปแบบการนำเสนอสินค้าด้วยคลิปวิดีโอหรือภาพที่เข้าใจง่ายและดึงดูดความสนใจอย่างอินโฟกราฟฟิกให้มากยิ่งขึ้น”

          สัมมนาครั้งต่อไปของโครงการ SME Knowledge Center   ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. จะจัดขึ้นช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ที่จังหวัดเชียงราย กับหัวข้อ “อัพเกรดแฟรนไชส์ไทยเปิดตลาดสู่สากล” สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.smeknowledgecenter.com

กระตุ้นสร้าง จรรยาบรรณวิชาชีพสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน

สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กระตุ้นต่อม “จรรยาบรรณวิชาชีพ “ปลุกสำนึก โฆษณาออนไลน์ #ร่วมรับผิดชอบต่อสังคม

สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย รุกเดินสายจัดอบรม กระตุ้นผู้ผลิตสื่อโฆษณาอีสาน ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ หลังสื่อออนไลน์ขยายตัวก้าวกระโดด ทั้งมีการผลิตสื่อโฆษณาผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ หวังผลประโยชน์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
วันที่ 19 ส.ค.63 ที่ห้องประชุมเสียงแคน ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดการอบรม “โครงการอบรมหลักสูตรการผลิตสื่อโฆษณาที่ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ” ที่สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน ร่วมกันจัดขึ้น โดยมีคุณอุดมศักดิ์ วงษ์ประเสริฐ รองประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน และผู้ผลิตสื่อโฆษณาในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมอบรมกว่า 40 คน


โดยมีหัวข้อการอบรมเรื่อง แนวทางการผลิตสื่อโฆษณาที่ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ และกรณีศึกษา โดยคุณธาราวุฒิ สืบเชื้อ รองนายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกฎหมาย และคุณอนุพงษ์ เจริญเวช นักสืบสวนชำนาญการพิเศษ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) การฝึกปฏิบัติการ (Workshop) การกำหนดกลยุทธ์สร้างสรรค์โฆษณาอย่างมีจริยธรรม โดยคุณรชต ไวยอาษา Associate Strategic Planning Director และ ผศ.ดร.บุหงา ชัยสุวรรณ กรรมการสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ฝ่ายมาตรฐานวิชาชีพ อาจารย์คณะคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
นายอุดมศักดิ์ วงษ์ประเสริฐ รองประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย มุ่งมั่นเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้ข้อมูลเกี่ยวกับจรรยาบรรณ ให้แก่บุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตสื่อโฆษณามาโดยตลอด สื่อโฆษณานับเป็นการสื่อสารที่มีอิทธิพลมากต่อผู้รับชม จะเห็นได้ว่าการผลิตสื่อโฆษณาในปัจจุบันนั้นสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสื่อโฆษณาที่ผ่านช่องทางออนไลน์ มีการเติบโตสูงมาก ตามวิถีการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคปัจจุบันที่บริโภคสื่อออนไลน์มาก ทำให้การโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ได้รับความนิยมมาก มีหลายแบรนด์ที่ได้สื่อสารในช่องทางนี้จำนวนมาก
ขณะที่ระบบการตรวจพิจารณาภาพยนตร์โฆษณา ทำได้จำกัดเฉพาะการโฆษณาทางโทรทัศน์เท่านั้น ทำให้มีทั้งการโฆษณาที่สร้างสรรค์และผิดกฎหมายอยู่เป็นจำนวนมาก วัดจากข้อมูลของ อย.ปี 2561 มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำการโฆษณาฝ่าฝืนกฎหมายมากถึง 523 คดี และปี 2562 มีการเผยสถิติการเฝ้าระวังและตรวจสอบโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อต่างๆ จำนวน 24,482 รายการ พบโฆษณาฝ่าฝืนกฎหมายถึง 1,570 รายการ รวมทั้งมีกระแสสังคม วิพากษ์วิจารณ์การนำเสนอเนื้อหาการโฆษณาอยู่เป็นระยะ
นายอุดมศักดิ์ กล่าวต่อว่าการควบคุมสื่อโฆษณาจะมีหน่วยงานหลักคือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ห อสคบ. และคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์จะมีชมรมตรวจพิจารณาภาพยนตร์โฆษณา ตรวจสอบก่อนออกอากาศ จึงไม่เกิดปัญหา แต่ระยะหลังสื่อโฆษณาที่ผ่านทีวีดาวเทียม และช่องทางออนไลน์ต่างๆ คิดเอง ทำเอง มักโฆษณาผิดกฎหมาย มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ และต้องการหลีกเลี่ยง ยัดเยียดสื่อโฆษณานั้นให้ผู้บริโภค
ขณะเดียวกันการใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาควบคุมสื่อโฆษณาช่องทางออนไลน์ และดาวเทียวนั้น คงไม่สามารถทำได้เต็มที่ เพราะการผลิตสื่อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์มีจำนวนมาก ทางสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย จึงหันมารณรงค์ให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสื่อโฆษณา ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ จริยธรรม และข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวกับโฆษณาให้มาก เพื่อให้การผลิตงานโฆษณาเป็นผลงานที่มีคุณภาพ ไม่ผิดกฎหมาย สามารถสื่อสารเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และร่วมรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมด้วย
ผศ.ดร.บุหงา ชัยสุวรรณ กล่าวว่า บทบาทการทำงาน สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดเดินสายสัมมนาในหัวข้อ การผลิตสื่อโฆษณาที่ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ ไปทั่วประเทศไทย มีจุดประสงค์ให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้แนวทาง ความสำคัญในการกำกับดูแลตนเองของนักโฆษณา จรรยาบรรณวิชาชีพ รวมไปถึงข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณา ที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างสรรค์ผลงานโฆษณาให้มีประสิทธิภาพ และส่งผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อตัวแบรนด์สินค้าในสื่อโฆษณาเอง และต่อผู้รับชมสื่อโฆษณานั้นๆ โดยได้มีการจัดอบรมจำนวนทั้งหมด 12 ครั้ง ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย เริ่มจากจังหวัดจันทบุรี, ขอนแก่น, กระบี่, เชียงใหม่ และสิ้นสุดที่กรุงเทพฯ
ด้านนายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันที่เป็นยุคดิจิทัล สื่อโฆษณาเข้ามามีบทบาททางออนไลน์เป็นอย่างมาก และยังนับได้ว่าโฆษณาเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้คนในสังคม เป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การเติบโตของอุตสาหกรรมสื่อ และสินค้าอุปโภค บริโภคต่าง ๆ ล้วนมีการนำเสนอโดยใช้สื่อโฆษณา ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสื่อโฆษณาต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย กระนั้นก็อาจจะมีกลุ่มของผู้บริโภคบางกลุ่มที่รู้สึกกังวลกับชิ้นงานโฆษณาที่ออกมาว่าจะเป็นโฆษณาที่มาทำร้ายร้ายจิตใจ หรือเป็นโฆษณาที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อ การกระทำที่ไม่พึงประสงค์ของกลุ่มต่าง ๆ แต่ทุกปัญหาต้องมีทางออก งานโฆษณาจะยิ่งสร้างสรรค์ถ้ามีกฎกติกามารยาท และการแสดงความ รับผิดชอบต่อสังคมเป็นพื้นฐาน
โครงการอบรมในวันนี้นับว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้สื่อโฆษณาไม่ส่งผลกระทบต่อผู้รับชมคงเป็นการร่วมมือของผู้ผลิตสื่อเองที่ต้องมีความตระหนักถึงจรรยาบรรณในการผลิตสื่อ เพื่อให้สื่อที่จะสื่อสารออกไปนั้นไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อผู้รับชม และเป็นตัวอย่างที่ดีในการผลิตสื่อที่ดี ๆ ต่อไป หวังว่าผู้เข้าอบรมทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากการอบรมในครั้งนี้ และสามารถนำไปปรับใช้ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณาให้มีความสร้างสรรค์ถูกต้อง เหมาะสมเป็นประโยชน์ต่อสังคมผู้บริโภคต่อไป ก็จะถือได้ว่าการอบรมครั้งนี้บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว

ททท.โคราชเปิดต้อนรับคณะ DMC ร่วมกิจกรรม Amazing Thailand DMC Road Show เส้นทาง กทม – สระบุรี – นครราชสีมา

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม2563 เวลา 14.00 น ณ คีรีมายา เขาใหญ่ รีสอร์ท อำเภอปากช่อง จ. นครราชสีมาททท. กองตลาดเอเชีย จัดนำคณะ DMC จาก กทม จำนวน 20 บริษัท ร่วมกิจกรรม Amazing Thailand DMC Road Show เส้นทาง กทม – สระบุรี – นครราชสีมา

ททท.จัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางในพื้นที่สระบุรี-โคราชและเขาใหญ่ โดยสนับสนุนด้วยการจัดเตรียมความพร้อมของทั้งผู้ประกอบการบริเวณเขาใหญ่-ปากช่องโดยนำมาคณะผู้ประกอบการฯมาพบปะกับผู้แทนกว่า20บริษัทการท่องเที่ยวจากกทม.ในกิจกรรม Table Top ที่ Kirimaya Resort Khao Yai.

ประธานกล่าวเปิดงานฯ และให้แนวทางการเตรียมความพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลาดเอเชีย โดยคุณฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา
รองผู้ว่าการ ททท.ด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กองตลาดเอเชีย / ททท. สำนักงานนครราชสีมา ร่วมให้ข้อมูลการท่องเที่ยว กับผู้ประกอบการฯและทางด้านสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่มีผู้บริหารที่ไปต้อนรับและส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมงาน Table Top คือ
ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ คุณวิสุทธิ์ โลหิตนาวี ประธานที่ปรึกษาสมาคมฯและทีมงานของผู้ประกอบการในเขาใหญ่-ปากช่อง จ. นครราชสีมา และผู้ประกอบการ จ. สระบุรี จำนวน กว่า 22 ราย หลังจากเสร็จกิจกรรม ทางคณะ DMC สำรวจสินค้าการท่องเที่ยว ในพื้นที่ อำเภอเมือง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ( วันที่ 16-19 สิงหาคม 2563 )เพื่อนำข้อมูลไปทำแพคเก็จเสนอขายรายการนำเที่ยว ให้แก่นักเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาต่อไป

นิพนธ์ ชื่นตา” ประชุมคณะทำงานการเมืองภาคประชาชน จ.ขอนแก่น กำหนดทิศทางการทำงานดูแลปัญหาพี่น้องประชาชน

“นิพนธ์” ลุยหารือคณะทำงานเมืองขอนแก่น วางแนวทางช่วยแก้ปัญหาประชาชน
“นิพนธ์ ชื่นตา” ประชุมคณะทำงานการเมืองภาคประชาชน จ.ขอนแก่น กำหนดทิศทางการทำงานดูแลปัญหาพี่น้องประชาชน เผยปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องระบบสาธารณูปโภค ขณะที่ชาวบ้านเป็ดบุกร้องให้ช่วยเคลียร์ปัญหาตั้งเสาสัญญาณใกล้ชุมชน หวั่นกระทบสุขภาพ

เมื่อวันที่ 7 ส.ค.63 นายนิพนธ์ ชื่นตา ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายวัชรินทร์ ศรีสวย หัวหน้าสำนักงานและเลขาฯ นายนิพนธ์ ชื่นตา, นายบรรหาร บุญเขต ประธานที่ปรึกษาและคณะทำงานด้านการเมืองภาคประชาชน ภาคเหนือตอนล่าง,นายเสรภณ การสมพรต ประธานที่ปรึกษาและคณะทำงานด้านการเมืองภาคประชาชน ภาคกลาง,.ร.ต.อ.ธนาเสฏฐ์ ธนเวชไพบูลย์ เลขานุการประจำนายนิพนธ์ โดยมี นายศรัทธา คชพลายุกต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะทำงานการเมืองภาคประชาชน จังหวัดขอนแก่น ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมนำเยี่ยมชมศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่น


ในโอกาสเดียวกัน ได้มีตัวแทนชาวบ้านที่พักอาศัยใกล้ค่ายสีหราชเดโชชัย กรมทหารราบที่ 8 พื้นที่ ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่นได้มายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกรณีได้รับความเดือดร้อน วิตกกังวลจากผลกระทบด้านสุขภาพจากการตั้งเสารับ-ส่งสัญญาณคลื่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ค่ายใหญ่เจ้าหนึ่งที่มาตั้งใกล้กับชุมชน
ภายหลังรับหนังสือและซักถามประเด็นปัญหาจากตัวแทนชาวบ้านโดยสังเขปแล้ว นายนิพนธ์ รับปากจะดำเนินการพิจารณาหาทางช่วยเหลือ โดยจะให้คณะทำงานฯ จังหวัดขอนแก่น ดูแลติดตามอย่างใกล้ชิด
หลังจากนั้นนายนิพนธ์พร้อมคณะได้เยี่ยมชมพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่นถึงปัญหาอุปสรรค์การทำงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งได้รับรายงานข้อมูลว่าปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องของระบบสาธารณูปโภค ทั้งถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปาฯลฯ
นายนิพนธ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงภารกิจหลักที่เดินทางเยือนจังหวัดขอนแก่นในครั้งนี้เพื่อประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาและคณะทำงานการเมืองภาคประชาชน จังหวัดขอนแก่น ว่าจะกำหนดทิศทางแนวทางการทำงานอย่างไรที่จะดูแลพี่น้องประชาชนให้มีปัญหาการดำรงชีวิตน้อยที่สุด นอกเหนือจากที่ภาคราชการได้ดูแล โดยพวกตนถือเป็นทีมงานของกระทรวงมหาดไทยที่ทำงานในสถานะภาคประชาชน ซึ่งสามารถเข้าหาพี่น้องประชาชนได้สะดวก คล่องตัว รวดเร็วมากกว่า
“จากการลงพื้นที่ในต่างจังหวัด พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับภาคประชาชนมีหลากหลาย ทั้งปัญหาที่ทำกิน ปัญหาหนี้สิน ปัญหาเรื่องความยุติธรรม ปัญหาข้อพิพาทระหว่างภาคประชาชนกับภาครัฐหรือองค์กรธุรกิจเอกชน ต้องประสานงานแก้ปัญหากับทุกภาคส่วน” นายนิพนธ์กล่าว


ภายหลังเยี่ยมชมแลกเปลี่ยนข้อมูลประเด็นปัญหาข้อร้องทุกข์ของประชาชนกับผู้แทนศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่นเสร็จแล้ว นายนิพนธ์ พร้อมคณะได้มอบมอบรถเข็น (วิลแชร์) จำนวน 5 คัน ให้แก่จังหวัดขอนแก่น โดยมี นางสุจินดา สระคูพันธ์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น และคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น ร่วมรับมอบ เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้ต่อไป

ฝนตก- ซ่อมทาง -รถติดยาว 3 กิโลเมตร มิตรภาพ ขาออก โปรดระวัง!!!

โปรดระวัง !!!รถติดหนัก ถนนมิตรภาพเส้นขาออก เมืองโคราช ซ่อมทาง-ฝนตก -วันหยุด #มิตรภาพรถติด #จราจรติดขัดโคราช


วันที่ 20 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงาน การจราจรเส้นถนนมิตรภาพขาออก เมืองนครราชสีมา รถติดหนักช่วงปรับปรุงซ่อมแซมถนน ผู้ใช้เส้นทาง รถยนต์ โปรดระวัง การเคลื่อนตัวของรถยนต์ เกิดการติดขัด โดยมีรถติดยาวกว่า 3 กิโลเมตร จากเหตุการณ์ การจราจรติดขัด ผู้กำกับการ สภ.สูงเนินสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรลงพื้นที่ดูแลการจราจรเพื่อป้องกันการเกิดเหตุ

สืบเนื่องมาจากถนนมิตรภาพช่วงหลักกิโลเมตรที่ 117 ถึง 120 ถนนมิตรภาพช่วงบริเวณหน้าบริษัทซีเกท อำเภอสูงเนิน ขาออกตัวเมืองนครราชสีมา ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมถนนเลนทางด่วน และให้รถวิ่งได้แค่ 2 เลนคู่ขนานส่งผลให้รถติดยาวกว่า 3 กิโลเมตร ขอแจ้งเตือนผู้ใช้เส้นทาง โปรดระมัดระวัง เนื่องจากเส้นทาง จราจรมีเพียง 2 ช่องจราจร

และในช่วงที่ฝนตก จะทำให้ ถนนลื่น ต้องระมัดระวังการขับขี่ รถยนต์ เพราะช่วงบ่ายจนถึงเย็น จะมีผู้จำนวนมาก เดินทาง ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ใช้เส้นการจราจร เส้นมิตรภาพ ขาออก ในการเดินทางหลัก โดย พ.ต.อ.วทัญญู รุ่งรัศมี ผู้กำกับการสภ.สูงเนิน ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.ธนเดช ทิพย์ขุนทด รองสวป.สภ.สูงเนิน
ร้อยเวรจราจรนำกำลังพลและเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงร่วมลงพื้นที่เพื่อระบายการจราจรและลดการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเขตก่อสร้าง เพื่อเป็นการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาในเขตอำเภอสูงเนิน

ภาพ/ข่าว นายธวัชชัย เครือบสูงเนิน (ป้องกัน1) ผู้รายงาน