จังหวัดนครราชสีมา โดยเทศบาลนครนครราชสีมา จัดงานแถลงข่าว การจัดงานแห่เทียนพรรษาโคราช ประจำปี 2561 ณ วัดโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
นครราชสีมา – ขอเชิญร่วมงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาโคราช 27-28 กรกฎาคม 2561
เทศบาลนครนครราชสีมา ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา กำหนดจัดงานประเพณีแห่เทียนโคราช ประจำปี 2561 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 27-28 ก.ค.61 ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) สวนสุรนารี สวนเมืองทอง และ สวนอนุสรณ์สถาน ขบวนแห่เริ่มเวลา 09.00 น.ในวันที่ 28 ก.ค.61 ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรม ประเพณี อันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป
ภายในงานจัดให้มีการประกวดต้นเทียนพรรษา อันวิจิตรสวยงาม ตระการตา ด้วยความประณีตวิจิตรบรรจงในการแกะสลักลวดลายต้นเทียนโดยช่างฝีมือชาวโคราช พร้อมสัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการของขบวนแห่เทียนพรรษาที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของขบวนแห่เทียนจากอำเภอต่างๆ สะท้อนถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของศาสนา การแสดง แสง สี เสียง และมหรสพสมโภช รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น อาหารดีเมืองโคราช สินค้าโอทอป ให้เลือกซื้อและลิ้มรส ตลอดทั้งงาน
#ประชาสัมพันธ์ เทศบาลนครนครราชสีมา
นครราชสีมา – ผู้ว่าโคราชออกตรวจพื้นแวะเยี่ยมชมกระตุ้นชุมชุนส่งเสริมการท่องเที่ยวอารยธรรมโบราณคุณค่าหนึ่งในอาเซียน อายุมากกว่า 4,000 ปี
วันพุธที่ 18 กรกฎาคม 2561 เวลา 13.30 น. นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางณัฎฐินีภรณ์ จันทรโนทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เดินทางทางไปเยี่ยมชมและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ณ ศูนย์การเรียนรู้ท้องถิ่น สมัยก่อนประวัติศาสตร์แหล่งโบราณคดีบ้านโนนวัดอายุมากกว่า4,000ปี
แหล่งความรู้ในอดีตชุมชนใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผศูนย์เรียนรู้สมัยก่อนประวิติศาสตร์แสดงวัตถุโบราณถึง 3 ยุคความต่อเนื่องทุกยุคต่อเนื่อง1)ยุคหินใหม่ 2)ยุคสัมฤทธิ์ 3)ยุคเหล็กโดยมีอายุยาวนานเรียงจากมากสุดมากกว่า4,000ปี
โดยมีการจัดแสดงโครงกระดูกมนุษย์โบราณ,ของเครื่องใช้-เครื่องประดับและอุปกรณ์ล่าสัตว์การดำรงชีพที่แสดงอัตลักษณ์ชุมชนสังคมในยุคก่อนในอดีตสามารถติดตามเยี่ยมชมได้ ตำบล พลสงคราม อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา
เครดิตภาพและข้อความจาก พี่วุฒินันท์ Lion dare. รส.76
“มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018”
เข้มข้นถึงใจไม่จกตาสำหรับ มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 เวทีประกวดนางงาม อันดับหนึ่งของประเทศไทย ผู้สร้างแฮชแท็ค #นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์ และ #เวทีอันดับหนึ่งของประเทศไทย ยกระดับคุณภาพการประกวดสู่ระดับสากลโลก โปร่งใส ไม่ล็อคผล ปีนี้มงกุฎเพชรตกเป็นของ น้ำอ้อย ชนะพาล สาวสวยสุดมั่นจาก คณะครุศาสาตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ตัวแทน มิสแกรนด์ภูเก็ต ซิวตำแหน่ง มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ไปแบบไม่พลิกโผและโดนใจกองเชียร์เป็นที่สุด
สำหรับบรรยากาศการประกวดเต็มไปด้วยความสนุก 77 มิสแกรนด์ จาก 77 จังหวัด พร้อมมาก ฝ่ายกองเชียร์จากทุกจังหวัดไม่น้อยหน้า หอบป้ายไฟ ภาพนางงามที่ชื่นชอบ มากันแน่น ฮอลล์ 100 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติ ไบเทค บางนา กลายเป็นสีสันการเชียร์นางงามที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครปีนี้ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานกองประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ จัดหนักด้วยเวทีขนาดใหญ่ในคอนเซ็ปต์ DIMON สะท้อนความแข็งแกร่งแต่สวยงามของผู้หญิง แสง สี เสียง บนจอ LED ขนาด 10 เมตร ตระการตาสมฐานะ เวทีนางงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย อุ่นเครื่องช่วงค่ำเวลา 21.00 น. ด้วยคอนเสิร์ตของศิลปินเสียงดี เบน ชลาทิศ เป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนคลับอย่างยิ่ง
เวลา 22.45 น. กระหึ่มเวทีการประกวด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2018 ถ่ายทอดสด 100% ทาง ช่อง 7 HD และ Facebook Live Miss Grand Thailand สาวงาม 77 จังหวัด ออกมาวาดลวดลาย Openning Dance แนะนำตัวที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเวที มิสแกรนด์ แต่ปีนี้พิเศษตรงที่มีรางวัล แนะนำตัวยอดเยี่ยม ความสนุกจึงบังเกิดตั้งแต่วินาทีแรกทีเดียว
หนิง ศรัยฉัตร (กุญชร ณ อยุธยา) จีระแพทย์ และ แมทธิว ดีน รับหน้าที่พิธีกรประกาศผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย ได้แก่ มิสแกรนด์สุราษฏร์ธานี /น่าน /ภูเก็ต / บุรีรัมย์ /ฉะเชิงเทรา /นครพนม/ นครราชสีมา / อุดรธานี /สระแก้ว / นครศรีธรรมราช /อำนาจเจริญ / ยะลา /กระบี่ / จันทบุรี /กำแพงเพชร /ชัยภูมิ / ราชบุรี /นครปฐม /สกลนคร และ สุรินทร์ เริ่มประกาศรางวัลแรก มิสแกรนด์ขวัญใจภูเก็ต ได้แก่ จุ๊กจิ๊ก จิรัชยา สุขอินต๊ะ มิสแกรนด์นครปฐม ,รางวัล สมาย ซิกเนเจอร์ ได้แก่ มอส น้ำอ้อย ชนะพาล มิสแกรนด์ภูเก็ต
20 สาวงามผู้เข้ารอบเดินกลับออกมาอีกครั้งในชุดว่ายน้ำวันพีซสีชมพูสดใส แบรนด์ เอ็มจีไอ (MGI) เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมล้นหลาม พิธีกรประกาศรางวัล ชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม (Best in Swimsuit) ได้แก่ ใบปอ ปิยพร โชพุดซา
มิสแกรนด์กำแพงเพชร คว้ารางวัล 200,000 บาท ไปครอง ตามด้วยการประกาศรางวัล Best Voice Award ได้แก่ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา แอนนา ชลิดา คอร์วีโน ได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบ 12 คนสุดท้ายเป็นคนแรก รางวัล Miss Popular
Vote ตกเป็นของ มิสแกรนด์สระแก้ว ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล เบิกทางเข้าสู่รอบ 12 คนสุดท้ายอัตโนมัติเช่นกัน ก่อนจะได้ลุ้นระทึกกับการประกาศผู้เข้ารอบอีก 10 คนสุดท้าย ได้แก่ มิสแกรนด์ กำแพงเพชร/ ชัยภูมิ /นครปฐม/ บุรีรัมย์/ ภูเก็ต/ยะลา /สกลนคร/ สุราษฏร์ธานี /สุรินทร์ /อำนาจเจริญ ที่ได้ไปต่อในค่ำคืนนี้ แต่ก่อนจะได้รู้ว่าใครได้รับตำแหน่ง มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ คนต่อไป แพม เปรมิกา พาเมล่า มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 พร้อมด้วย อาย ศรุชา นิลจันทร์ รองอันดับ 2 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 อุ้ม ทวีพร พริ้งจำรัส รองอันดับ3 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 และ แป้งหอม กมลรัตน์ ทานนท์ รองอันดับ 4 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 ขึ้นกล่าวอำลาตำแหน่ง
12 สาวงามผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย กลับออกมาอีกครั้งในชุดราตรียาว สวยงามประณีตจากการออกแบบและตัดเย็บของ ดีไซน์เนอร์ไทยทั้ง 77 จังหวัด พิธีกรประกาศรางวัล Best Director Award หรือ ผู้อำนวยการกองประกวดระดับจังหวัดยอดเยี่ยม ได้แก่ ธีระศักดิ์ ผลงาม PD ภูเก็ต และรองทั้ง 4 ได้แก่ วีรยุทธ อนุจิตรอนันต์ PD ระยอง /นนทัช นิธิพานิช PD อุบลราชธานี /ยุทธนา ปลื้มสำราญ PD ยะลา และ อำนาจ เส้นคราม PD สุรินทร์
มาถึงอีกหนึ่งรางวัลที่กองประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ต้องการส่งเสริมดีไซน์เนอร์ทั่วประเทศไทย ให้มีชื่อเสียงมากขึ้นจากการออกแบบชุดราตรีทั้ง 77 จังหวัด ล้วนแต่สวยงามหลากหลาย โดยผู้ชนะ Best Designer Award 2018 ได้แก่ผู้ออกแบบชุดราตรีของ มิสแกรนด์สุราษฏร์ธานี โดย กานต์ กาฬภักดี จากร้าน Oat Couture รับเงินรางวัล 100,000 บาท ผลรางวัลรักแร้งาม ได้แก่ มิสแกรนด์สกลนคร อิ๊ง อิงชนก ประสาตร์ รับรางวัล 200,000 บาท
รางวัลแนะนำตัวยอดเยี่ยม (Best Introduction) ได้แก่ มิสแกรนด์นราธิวาส “นิ้น ศศินา กลิ่นมาลัย” รับรางวัล 50,000 บาท และแล้วมาถึงวินาทีประกาศผลผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ได้แก่มิสแกรนด์ ได้แก่มิสแกรนด์ สระแก้ว /มิสแกรนด์ภูเก็ต/มิสแกรนด์บุรีรัมย์ /มิสแกรนด์สกลนคร และ มิสแกรนด์นครปฐมพร้อมตอบคำถามจากคณะกรรมการ แต่ก่อนจะได้รู้ผลว่า มิสแกรนด์ จังหวัดใดจะได้ครอง มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 พิธีกรเชิญ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล มอบโทฟี่ให้กับจังหวัดเจ้าภาพในการเก็บตัวผู้เข้าประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2019 ซึ่งปีนี้ถือเป็นความยิ่งใหญ่อีกครั้งเมื่อภาครัฐเห็นความสำคัญ ในการใช้เวที มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ เป็นตัวขับเคลื่อน ความมั่นคง อัตลักษณ์ และ วัฒนธรรม ร่วมเป็นเจ้าภาพพร้อมกันถึง 5 จังหวัดชายแดนใต้ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ สงขลา เสียงปรบมือดังกึกก้อง พิธีกรประกาศรางวัล ขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน ได้แก่ มิสแกรนด์สระแก้ว “ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล” รับรางวัล 50,000 บาท มาถึงรางวัลที่ทุกคนรอคอยนั่นคือ Best National Costume หรือชุดประจำจังหวัดยอดเยี่ยม ตกเป็นของจังหวัด นครศรีธรรมราช
สวมใส่โดย แตงโม ทัศนา แมนโซ รับรางวัล 100,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศ 4 อันดับได้แก่ จังหวัดนครพนม /สงขลา / ขอนแก่น และ ปราจีนบุรี สำหรับรางวัลที่เปลี่ยนชีวิต มิสแกรนด์ ทันทีนั่นคือรางวัล Miss Grand Rising Star ได้รับเงินรางวัล 200,000 บาท พร้อมเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 7 HD ได้แก่ มิสแกรนด์สระแก้ว ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล ถือเป็นนางงามที่ได้รับรางวัลมากที่สุด
แล้วมาถึงวินาทีสำคัญยิ่งเมื่อพิธีกรประกาศตำแหน่ง
รองอันดับ 4 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์สระแก้ว “ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล”
รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์บุรีรัมย์ “บิว นันทภัค ไกรหา”
รองอันดับ 2 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์สกลนคร “อิ๊ง อิงชนก ประสาตร์”รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์นครปฐม จุ๊กจิ๊ก จิรัชยา สุขอินต๊ะ และขอแสดงความยินดี มิสแกรนด์ภูเก็ต “มอส น้ำอ้อย ชนะพาล” ผู้คว้าตำแหน่ง กับ Miss Grand Thailand 2018 ครอบครอง มงกุฎเพชร มูลค่า 1,200,000 บาท สายสะพายเกียรติยศ บ้านพร้อมที่ดิน รถยนต์ 1 คัน และรางวัลอื่นๆมูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวด มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2018 ที่ประเทศเมียนมาร์ ในเดือน ตุลาคม นี้
“ตำนานสะพานดำ อนุสรณ์สถานไม้กลายหิน ณ สถานีรถไฟแห่งบ้านท่าช้าง”
สถานนีรถไฟท่าช้างแห่งนี้ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2464 ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ได้เสด็จพระราชดำเนินตรวจการก่อสร้างสถานีรถไฟแห่งนี้ จากหลักฐานในอดีต เดิมทีอำเภอเฉลิมพระเกียรติเป็นชุมชนโบราณริมแม่น้ำมูล เรียกว่าหมู่บ้านท่าช้าง มีความเจริญเป็นเมืองท่าของมณฑลนครราชสีมา ขนถ่ายสินค้าจากเรือกลไฟ ต่อมามีการสร้างทางรถไฟสายแรกจากกรุงเทพฯมาที่นครราชสีมาในสมัยรัชกาลที่ 5 และในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้สร้างทางรถไฟขยายจากนครราชสีมาจนถึงอุบลราชธานี จึงได้กลายมาเป็นสถานีรถไฟท่าช้างที่มีการตั้งชุมชนหนาแน่น
การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ครั้งแรกอย่างเป็นทางการของที่นี้ประมาณ พ.ศ.2464 ได้มีชาวบ้านท่าช้างนำไม้กลายเป็นหินจากลำน้ำมูลไปถวายรัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงแนะนำให้ราษฎรเก็บรักษาไว้ในท้องถิ่น ทางกรมรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม จึงนำไม้กลายเป็นหินประดับไว้บนอนุสรณ์สถาน ณ สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำมูล ตรงจุดที่เรียกว่า “สะพานดำ” ห่างจากสถานีรถไฟท่าช้าง 500 เมตร ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เคียงคู่กันมา
สำหรับอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา คือ 1 ใน 5 ของชุมชนที่ได้รับคัดเลือกให้ใช้นามพระราชทานจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เนื่องในพระมหามงคลวโรกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ฉลองศิริราชสมบัติครบ 50 พรรษา จากสุขาภิบาลท่าช้างมาเป็นอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2539
นครราชสีมา – ท่องเที่ยวและกีฬาโคราช จัดกิจกรรม “เจ้าบ้านที่ดี GEO PARK นครชัยบุริน”
ที่ผ่านมา สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดกิจกรรมอบรมเพื่อการท่องเที่ยว ในโครงการ “เจ้าบ้านที่ดี GEO PARK จังหวัดนครราชสีมา” ให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือของบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของการเป็นเจ้าบ้านที่นครชัยบุรินทร์ การอบรม เจ้าบ้านที่ดี GEO PARK จังหวัดนครราชสีมา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 มิถุนายน 2561 โดยได้รับเกียรติจาก นายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมามาเป็นประธาน และนายมนตรี ปิยากุลท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมาจัดพาผู้ประกอบการท่องเทียว,ผู้นำท่องถิ่นและสื่อมวลชนดูงาน3วัน เตรียมความพร้อมส่งเสริมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา5อำเภอลุ่มน้ำลำตะคองสู่โคราชจีโอพาร์คแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกสู่การรับรองยูเนสโกแห่งที่4ของโลก#โครงการเจ้าบ้านที่ดีนครชัยบุรินทร์#โคราชจีโอพาร์ค#KORAT GEOPARK
ปราสาทหินพนมวัน จังหวัดนครราชสีมา
ปัจจุบันภาคอีสานกำลังมาแรง เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นทั้งที่เที่ยวธรรมชาติ ที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่น และวันนี้เราจะพาไปเที่ยว “ปราสาทหินพนมวัน” จ.นครราชสีมา
“ปราสาทหินพนมวัน” จ.นครราชสีมา ถือเป็นโบราณสถานสถาปัตยกรรมในคติความเชื่อของเขมรโบราณ สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 มีรูปแบบการสร้างคล้ายกับปราสาทหินพิมาย แต่มีขนาดเล็กกว่า เพื่อเป็นเทวสถาน ต่อมาภายหลังดัดแปลงเป็นพุทธสถาน เป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย
ตัวปราสาทหินพนมวันสร้างเป็นปรางค์มีฉนวน (ทางเดิน) ติดต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมยาว 25.50 เมตร กว้าง 10.20 เมตร พระปรางค์มีประตูซุ้ม 3 ด้าน ซุ้มประตูด้านทิศเหนือ ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางประธานอภัย 1 องค์
ทางด้านทิศตะวันออกมี “บาราย” หรือสระน้ำขนาดใหญ่ประจำชุมชน เรียกว่า “สระเพลง”
ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปรางค์มีอาคารก่อด้วยหินทรายสีแดงเรียกว่า “ปรางค์น้อย” ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ บริเวณโดยรอบปราสาทมี ระเบียงคต สร้างด้วยหินทรายและศิลาแลงล้อมเป็นกำแพงอยู่
วัดบ้านไร่ (วัดหลวงพ่อคูณ)
วัดบ้านไร่ ตั้งอยู่ใน ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มีชื่อเสียงเนื่องจากพระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ) พระเกจิชื่อดัง เป็นที่เคารพศรัทธาของคนทั้งประเทศ ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ปัจจุบัน พระภาวนาประชานาถ (นุช รตนวิชโย) เป็นรักษาการเจ้าอาวาส จึงทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปด้วย หลวงพ่อคูณเป็นพระชาวบ้านที่เข้าถึงมวลชนทุกระดับชั้น ตั้งแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน นักการเมืองไปจนถึงชาวบ้าน ด้วยท่านมีเมตตามหานิยม มีวิธีการสั่งสอนที่ตรงไปตรงมาง่ายแก่การเข้าใจ
ปัจจุบัน หอเทพวิทยาคม เฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา (อาคารปริสุทธปัญญา) ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จในปี 2554 ได้กลายจุดเด่นสำคัญของวัดบ้านไร่ ลักษณะเป็นอาคารประติมากรรมช้าง ตั้งอยู่บนพื้นที่บึงน้ำขนาด 30 ไร่ เป็นอาคารสูง 4 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน (ชั้นบาดาล) 1 ชั้น โดยชั้นดาดฟ้าของอาคารเป็นรูปปั้นหลวงพ่อคูณและสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสูงรวมแล้ว 42 เมตร อาคารตั้งอยู่บนลานทรงกลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 65 เมตร[1] ทำให้หอเทพวิทยาคม กลายเป็นพุทธสถานในนิกายเถรวาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
วัดบ้านไร่เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่มีมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2436 ในช่วงรัชกาลที่ 5 โดยมีพระอาจารย์เชื่อม วิรโช เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกได้มีการก่อสร้างศาสนอาคารต่างๆ ขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เป็นเจ้าอาวาสได้มีการพัฒนาวัดมากที่สุด ด้วยมีผู้ศรัทธาจากทั่วประเทศได้ร่วมถวายวัตถุปัจจัยเป็นเงินมหาศาล หลวงพ่อคูณได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น การบูรณะวัด การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น
จังหวัดภูเก็ต แถลงข่าวความพร้อมเจ้าภาพเก็บตัวผู้เข้าประกวด “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018” ไม่ธรรมดาอีกเช่นเคยสำหรับการประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ โดยปีนี้ จังหวัดภูเก็ตร่วมกับภาครัฐและเอกชน รับเป็นเจ้าภาพกิจกรรมเก็บตัวผู้เข้าประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ทั้ง 77 จังหวัด
พร้อมจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการขึ้น ณ ศูนย์การค้า ไลม์ไลท์ อเวนิว จ.ภูเก็ต โดยได้รับเกียรติจาก นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ,นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ,นายธีระศักดิ์ ผลงาม ผู้อำนวยการกองประกวด มิสแกรนด์ภูเก็ต พร้อมด้วย ทูเลีย แอลเลมัน เฟอเร่อ รองอันดับหนึ่ง มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2017 ร่วมแถลงข่าว นอกจากนี้ยังมีมอส น้ำอ้อย ชนะพาล มิสแกรนด์ ภูเก็ต 2018, ลูกน้ำ สกาวรัตน์ ครุยทอง มิสแกรนด์ สุราษฏร์ธานี 2018, มินด์ เมลดา นันทานุรักษ์ มิสแกรนด์กระบี่ 2018, ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล มิสแกรนด์สระแก้ว 2018,เมย์ เมธิตา ช่วยสถิตย์ มิสแกรนด์ ตรัง 2018, ผ้าไหม อรอนงค์ อินทร์ทุ่ม มิสแกรนด์ สตูล 2018 เดินแฟชั่นโชว์เปิดงาน
สำหรับกิจกรรมการเก็บตัวในจังหวัดภูเก็ตที่น่าสนใจมีมากมาย ไฮไลท์ที่สร้างความคึกคักสุดคือกิจกรรมวิ่งการกุศล มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 แชริตี้ไนท์รัน ภูเก็ต บาย ไลม์ไลท์ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 2561 เวลา 20.30 น. โดยสาวงาม มิสแกรนด์ ทั้ง 77 จังหวัดร่วมวิ่งกับบุคคลทั่วไปซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีผู้ร่วมงานนี้กว่า 3,000 คน
นอกจากนี้โชว์ความยิ่งใหญ่ด้วยขบวนคานิวัล ปิดถนนหาดป่าตอง กับแฟชั่นโชว์สุดอลังการ การประกวด ชุดว่ายน้ำรอบคัดเลือก ที่พลาดไม่ได้คือการประกวด มิสแกรนด์ขวัญใจภูเก็ต ที่จะมีขึ้นในค่ำคืนวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ณหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ตซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมในทุกๆด้านแล้วสำหรับงานแถลงข่าวการประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ที่ กรุงเทพฯ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เผยว่าจะมี ขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2561 เวลา 18.00 น. ณ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอต จัดแฟชั่นโชว์ของผู้เข้า ประกวดทั้ง 77 จังหวัด เช่นเคย แต่ปีนี้จะอลังการอย่างไร ต้องติดตาม อีกรอบการประกวดที่สำคัญมากๆ คือ การประกวดชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ปีนี้จัดขึ้นวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 รอบ พรีลิมมินารี โชว์ หรือรอบอุ่นเครื่อง จัดขึ้น วันที่ 12 กรกฎาคม และ รอบตัดสินมีขึ้นในวันที่ 14 กรกฎาคม 2561 ถ่ายทอดสด 100% เวลา 22.30 น. ทางช่อง 7 HD (เอช ดี) ณ ฮอลล์ 100 ไบเทค บางนา และพลาดไม่ได้กับการทายผลผู้ชนะ ทายถูกทุกตำแหน่งรับเงิน รางวัล 1,000,000บาท