ชาวบ้าน ต.จระเข้หิน โคราช แห่หาเห็ดผึ้งขมขายสร้างรายได้เสริม กิโลกรัมละ 50 บาท

ชาวบ้านแห่หาเห็ดผึ้งขมขายสร้างรายได้เสริม ชูเมนูลาบเคี้ยวหนึบหนับ ขมหน่อยๆอย่างน้อยต้องลองชิมสักครั้งในชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันต่อเนื่องช่วงนี้ ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านตลิ่งชัน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เกิดมีเห็ดผึ้งขมงอกโผล่พื้นดินเป็นจำนวนมาก  ชาวบ้านหลากหลายพื้นที่รวมถึงชาวบ้านบ้านตลิ่งชันเอง พากันออกไปหาเก็บเห็นเพื่อนำมารับประทานเป็นอาหาร รวมถึงนำมาจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็ก ที่จะใช้โอกาสช่วงวันหยุดติดตามผู้ปกครองออกไปด้วย ถึงแม้ว่าเห็ดผึ้งขมจะไม่เป็นที่รู้จักและนิยมรับประทานเท่ากับเห็ดป่าชนิดอื่นอย่างเช่นเห็ดระโงก นางหงส์ หรือเห็ดโคน ก็ตาม

โดยเห็ดผึ้งขมนั้น เป็นเห็ดที่มีรูปร่างคล้ายกับเห็ดหอม และเห็ดตับเต่า ช่วงอ่อนดอกตูมจะมีสีม่วงเข้ม แต่หากแก่ดอกบานจะมีสีน้ำตาล มีรสชาติค่อนข้างขม แต่เป็นที่นิยมเพราะชาวบ้านเชื่อว่ามีสรรพคุณเป็นยา รักษาอาการปวดเมื่อย ลดอาการของโรคเบาหวาน  โดยราคาขายหากเป็นเห็ดสดราคาจะอยู่ที่ 40 บาท ต่อกิโลกรัม แต่หากต้มแล้วราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท โดยวันหนึ่งๆชาวบ้านจะหาเก็บเห็ดได้คนละ 3 – 5 กิโลกรัม ซึ่งถือถือเป็นรายได้เสริมอย่างดีของชาวบ้าน อย่างเช่นนางวิเชียร กลมกลาง อายุ 59 ปี และ นางแม้น ผลบุญ อายุ 66 ปี ชาวบ้านบ้านตลิ่งชันที่พากันออกมาหาเห็ด บอกว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกต่อเนื่อง อากาศร้อนอบอ้าว เห็ดผึ้งขมจึงออกดอกมากเป็นพิเศษ  ชาวบ้านนิยมที่จะนำไปต้ม แกง รวมถึงนำไปลาบ รสชาติก็จะออกขมเล็กน้อย แต่มีดีที่เห็ดมีความหนึบและเชื่อกันว่ามีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคเบาหวาน

โดยวิธีการทำลาบเห็ดผึ้งขมนั้น ต้องนำเห็ดมาทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือ จากนั้นนำไปลวกกับน้ำเดือดใสใบฝรั่งลงไป เพราะจะช่วยทำให้เห็ดผึ้งขมคลายความขมออกส่วนหนึ่ง เพราะหากไม่ใส่ใบฝรั่งรสชาติเห็ดจะขมมากเกินไป ลวกสัก 2 – 3 น้ำ   จากนั้นก็นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่เครื่องลาบ อาทิข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา ผักชีฝรั่ง หัวหอม ต้นหอม มะนาว ใบสาระแหน่ เป็นต้น คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติปรุงเพิ่มตามพอใจ ตักเสิร์ฟพร้อมกับผักเครื่องเคียง กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติจะออกขมนิดๆ เคี้ยวหนึบหนับ ถูกใจชาวไทยอีสาน  อย่างนี้ต้องลองชิมดูถึงจะรู้เอง

กล้วยทอด 3 พระหน่อ ‘ไม่อร่อยให้ถีบ’สร้างยอดขายวันละ 2-3 พันบาท

                ทำดีมีรวย กล้วยทอดชื่อแปลก 3 พระหน่อ ‘ไม่อร่อยให้ถีบ’ สร้างยอดขายวันละ 3 พันบาท สูตรเด็ด ‘ผสมกลอย’ กรอบ อร่อย ไม่อมน้ำมัน  นอกจากนี้ คนสนใจทางร้านยังขายแฟนไชน์ราคาไม่แพง เพื่อเปิดโอกาสให้คนหาอาชีพสร้างตัวได้ ลงทุนน้อยรายได้ดี

                คุณวัลยา เจ้าของร้าน กล้วยทอด 3 พระหน่อ ‘ไม่อร่อยให้ถีบ’ กล่าวว่า ชื่อของร้านจริงๆคือ กล้วยทอด 3 พระหน่อ มาจากลูกสามคน ส่วนอีกชื่อไม่อร่อยให้ถีบ เพราะว่ากล้วยทอดส่วนใหญ่ก็รสชาติหรือชื่อคล้ายๆกัน เราเลยตั้งชื่อให้เป็นสโลแกนจุดเด่นจุดขายของร้าน นอกจากชื่อที่เด่นแล้ว รสชาติและสูตรเด็ดก็ไม่เหมือนใคร สูตรแป้งทอดกล้วยของเราเป็นของคุณยาย อร่อย กรอบ ไม่อมน้ำมัน และพิเศษ ทางร้านเราผสม’กลอย’ ลงไปด้วย เพิ่มรสชาติและความกรุบกรอบ และสรรพคุณของกลอยยังทำให้กล้วยทอดไม่อมน้ำมันอีกด้วย ร้านเราเปิดขายทุกวัน เปลี่ยนน้ำมันทอดทุกวัน เปิดขายตั้งแต่ 09.00- 16.00 น. ตั้งแต่ขายมายังไม่มีลูกค้ามาถีบสักราย เพราะร้านเรารสชาติอร่อยจริงๆ (หัวเราะ)

คุณวัลยา เล่าอีกว่า ร้านเราใช้กล้วยน้ำว้ากำลังห่ามในการทอดวันละ 20 หวี ต่อแป้งทอดที่ผสมไว้แล้ว 7- 8 กิโลกรัมต่อวัน แต่ถ้าหากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องเพิ่มปริมาณแป้งและกล้วยเป็น 30 หวี แป้งทอดกรอบประมาณ 15 กิโลกรัม เพราะลูกค้าจะเยอะทั้งโทรสั่ง ทั้งขายหน้าร้าน และเดินขายสี่แยกไฟแดงด้วย แค่ลูกค้าบีบแตรเรียกวิ่งไปส่งถึงรถเลย ราคาขายถุงละ 20 บาท นอกจากกล้วยทอด ยังมีมันทอดด้วย สร้างรายได้วันละอย่างน้อย 1,500 บาท สูงสุด 3,000 บาท ต่อวัน ลูกค้ามาอุดหนุนแน่นเพราะว่าติดสี่แยกไฟแดงด้วย เวลารถหยุดลูกค้าจะเรียกซื้อง่ายมากเพราะร้านเด่นและชื่อแปลกดีน่าลองทาน และมีอีก 1 สาขาอยู่ข้างวัดศาลาลอย

นอกจากนี้ ทางร้านยังขายแฟนไชน์ด้วยในราคาถูกเพียง 5,900 บาท และทางเราก็จำกัดโซนขายให้ด้วยไม่ให้ขายใกล้กันจนเกินไป สิ่งที่ลูกค้าซื้อแฟนไชน์ไปและจะได้รับคือ แป้งผสมสำเร็จที่เราผสมไว้ให้ และบอกสูตร สอนการทำ การตวงปริมาณวัตถุดิบต่างๆอีกด้วย เพื่อนำไปเป็นอาชีพสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว ทั้งนี้ ลูกค้าที่อยากจะชิมอุดหนุนกล้วยทอด 3 พระหน่อ ไม่อร่อยให้ถีบไปได้ทั้ง 2 สาขา คือ สาขา 1 (ข้างวัดศาลาลอย) ติดร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง สาขา 2 (ตรงนี้) อยู่ด้านหน้า ห้างโลตัสเอ็กเพรส สาขา สี่แยกไฟแดงประตูพลล้าน- ทุ่งสว่าง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 095-9654699 และ 084-9617779 และแฟนเพจชื่อ กล้วยทอดไม่อร่อยให้ถีบ

 Cr. โคราชอินไซด์

!!ฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ต้อนรับ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่เมืองย่าโม เยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย

!!ฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ต้อนรับ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่เมืองย่าโม เยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย

วันที่ 4 สิงหาคม 2661 พลตำรวจเอก อดุลย์  แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนายสุทธิสุโกศลอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวรายงาน  นายสุเมธ โศจิพลกุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา และข้าราชการสังกัดสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมาให้การต้อนรับ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อย  ที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ  เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้และความมั่นคงในชีวิต กระผมนายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในนามผู้ดำเนินการฝึกอบรมอาชีพเสริมโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพเพิ่มรายได้และความมั่นคงในชีวิตขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นอย่างสูงที่ได้ให้เกียรติมาตรวจเยี่ยมการฝึกอาชีพฉีดเสริมตามโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐในวันนี้ตามที่รัฐบาลการประเมินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกระทรวงแรงงานได้รับการจัดสรรงบประมาณรายได้เพิ่มเติมประจำปี พ. ศ. 2561 เพื่อใช้สำหรับขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐโดยการพัฒนาทักษะอาชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศจำนวน 625,000คน และจังหวัดนครราชสีมามีผู้มีรายได้น้อยที่ร่วมสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 270 000 คนและแจ้งความประสงค์จะพัฒนาทักษะอาชีพกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 จังหวัดนครราชสีมาจำนวน 2 1 3 4 5 คนและสถาบันฯได้ดำเนินการฝึกไปแล้วจำนวน 5078 คนจำแนกเป็นการฝึกอาชีพเร่งด่วนช่างเอนกประสงค์ช่างชุมชนจำนวน 121 คนผ่านการฝึก 62 คนไม่ผ่านการฝึก 18 คนและรอผลการฝึก 62 คนการฝึกอาชีพเสริมเพื่อการมีงานทำหรือการประกอบอาชีพอิสระจำนวน 4 957 คนผ่านการฝึก 4182 คน ไม่ผ่านการฝึก 139 คนและรอผลการฝึก 636 คนและในวันนี้ได้รับความอนุเคราะห์สถานที่จากท่านพระครูสุกิตติคุณเจ้าอาวาสวัดโคกตลาดเพื่อใช้ในการจัดการฝึกจำนวน3 สาขาได้แก่สาขาการประกอบอาหารไทยการทำขนมไทยและการทำศิลปะประดิษฐ์สาขาละ 1 รุ่นรุ่นละ 20 คนรวมทั้งสิ้น 60 คนฝึกอบรมระหว่างวันที่ 3-5 สิงหาคม 256

“โครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยฯ เป็นโครงการที่มุ่งเน้นให้ผู้มีรายได้น้อย  มีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต  และนำความรู้ทักษะไปประกอบอาชีพ  สร้างรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมเข้าถึงแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ และการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเน้นประชาชนที่ประสบปัญหาความยากจน เพื่อเพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ทำให้ประชาชนมีความสุข มีรายได้ที่เพียงพอในการเลี้ยงตน สามารถก้าวผ่านเส้นความยากจน ตามนโยบายของรัฐบาล”  พลตำรวจเอก อดุลย์  แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  กล่าวภายหลังการเยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา (สพร.5 นครราชสีมา ว่า จังหวัดนคราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนฝึกอาชีพสูงที่สุด โดยมีผู้แจ้งความประสงค์ฝึกอาชีพจำนวน 21,345 คน (ข้อมูลวันที่ 13 ก.ค.61)

ประกอบด้วย ช่างอเนกประสงค์หรือช่างชุมชน จำนวน 1,780 คน และฝึกอาชีพเสริมหรืออาชีพอิสระ 19,565 คน ในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยนั้น ได้มอบนโยบายให้กับทุกหน่วยงานและเจ้าหน้าที่แล้วว่า ขอให้เน้นคุณภาพ สาขาที่ดำเนินการฝึกต้องสามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริง จะได้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ภาครัฐต้องทำงานด้วยความเสียสละ และสิ่งสำคัญคือการใช้เงินประมาณต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ภายใต้กฎระเบียบ ต้องทำงานด้วยความโปร่งใสด้วย

รมว.แรงงาน กล่าวต่อไปว่า สำหรับในภาพรวมการฝึกอาชีพมีแผนดำเนินการจำนวน 390,385 คน ดำเนินการแล้ว 139,305 คน และการลงพื้นที่ในครั้งนี้ต้องการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน และรับฟังปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ด้วย ซึ่งก่อนหน้าที่ได้เดินทางไปติดตามการฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อยในจังหวัดนครพนม มุกดาหาร ยโสธรและอุบลราชธานีแล้ว ในวันนี้จึงมาติดตามการดำเนินงานของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนฝึกอาชีพสูงสุดอีกด้วย และในวันนี้ สพร. 5 นครราชสีมา มีการฝึกอาชีพ จำนวน 3 สาขา ได้แก่ สาขาการประกอบอาหารไทย สาขาการทำขนมไทย และสาขาการทำศิลปะประดิษฐ์ รวม 60 คน ณ วัดโคกตลาด ต.ตลาด  อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ท้าพิสูจน์ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟ ‘สูตรไข่ล้มยักษ์’ บรรยากาศฟินกินกลางน้ำ

              ท้าพิสูจน์ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟโบราณ สูตรไข่ล้มยักษ์และนำเสนอเมนูพิเศษเล้งรสแซ่บ บรรยากาศฟินนั่งกินริมน้ำ พร้อมของหวานชื่อดัง ‘ลอดช่องวัดเจษฎ์’ พร้อมด้วย ทับทิมกรอบ เฉาก๊วยโบราณ ขายตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. เปิดขายทุกวัน เมนูในร้านมีดังนี้ บะหมี่ไข่ยางมะตูม 35 บาท ก๋วยเตี๋ยวทะเลต้มยำไข่ยางมะตูม 69 บาท ซุปเปอร์เล้งกระดูกหมู 50 บาท และ หม้อไฟทะเลต้มยำไข่ล้มยักษ์ 149 บาท 

 

                นายเกษม เพิ่มพิพัฒน์ อายุ 30 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟโบราณ ‘สูตรไข่ล้มยักษ์’ เล่าว่า ตนเองนั้นมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง แต่ว่าเป็นคนชอบทำอาหารและชอบกินก๋วยเตี๋ยว เพราะเดินทางไปหลายที่ประกอบกับอยากได้ที่นัดพบเพื่อนฝูง จึงได้คิดและมองหาเห็นว่าละแวกบ้านมีบ่อน้ำธรรมชาติ ทำเลดี จึงคิดมาทำร้านก๋วยเตี๋ยวโดยใช้ชื่อว่า ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟโบราณ ‘สูตรไข่ล้มยักษ์’ สูตรโบราณมาจากคุณแม่ ประกอบกับอยากเอาใจลูกค้าที่ชอบความแปลกใหม่และกินจุเชื่อว่าต้องถูกใจแน่นอน พ่วงด้วยบรรยากาศของร้านตั้งอยู่ริมน้ำรายล้อมไปด้วยท้องนาและท้องน้ำ นอกจากนี้ทางร้านยังจัดมีที่นั่งกลางน้ำ สามารถนั่งห้อยขาได้ไว้บริการอีกด้วย ทำให้ลูกค้าที่มาแล้วต้องกลับมาอีกเนื่องจากรสชาติอร่อยราคาไม่แพงแถมบรรยากาศดี

นายเกษม เพิ่มพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเปิดมามาแล้ว 6 เดือน สร้างยอดขายกว่าหมื่นบาทต่อวัน และเมนูในร้านที่มีประกอบไปด้วย บะหมี่หมูแดง+ไข่ยางมะตูม 35 บาท ก๋วยเตี๋ยวทะเลต้มยำ+ไข่ยางมะตูม 69 บาท ซุปเปอร์เล้งกระดูกหมู 50 บาท และ หม้อไฟทะเลต้มยำไข่ล้มยักษ์ 149 บาท สามารถทานได้ 4 คน หรือลูกค้าที่มาแบบหมู่คณะก็สามารถสั่งแบบยกเซ็ทเลยก็ได้ ราคาเพียง 350 บาท (ประกอบไปด้วย บะหมี่หมูแดง+ไข่ยางมะตูม,ก๋วยเตี๋ยวทะเลต้มยำ+ไข่ยางมะตูม,ซุปเปอร์เล้งกระดูกหมู,เกาเหลาหม้อไฟรวม, หม้อไฟทะเลต้มยำไข่ล้มยักษ์ และของหวาน ลอดช่องวัดเจษฎ์ ทับทิมกรอบวัดเจษฏ์, สลิ่มไทยวัดเจษฎ์ และเฉาก๊วยโบราณ ) ทั้งหมดนี้ราคาเพียง 350 บาท

หากลูกค้าท่านใดสนใจอยากไปลองลิ้มชิมรสและสัมผัสบรรยากาศริมนั่งทานริมน้ำหรือกลางน้ำ สามารถจองที่นั่งติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 093-4899923 (คุณเกษม) หรือติดตามแฟนเพจเฟสบุ๊ก พิมพ์คำว่า ‘ก๋วยเตี๋ยวไข่ล้มยักษ์’ หรือสามารถเดินทางมาที่ร้าน ร้านตั้งอยู่ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา สังเกตง่ายๆร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึงวัดหนองจอก และ วัดสมานมิตรเพียง 200 เมตร