เดอะมอลล์ โคราช เชิญวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอฯ

บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน จัดกิจกรรม      “เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” การวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยสุขภาพดี และต่อยอดแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

 

                        นางณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่การตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “จากความสำเร็จของการจัดงานในปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการต่อยอดแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของชาวโคราช เดอะมอลล์ นครราชสีมา ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), จังหวัดนครราชสีมา, สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมา และภาคเอกชน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน), บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด, จัดกิจกรรม เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” การแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา โดยมีรูปแบบการวิ่งผสมผสานการท่องเที่ยวภายในจังหวัดนครราชสีมา ด้วยเส้นทางวิ่งที่นักวิ่งจะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองโคราช รวมถึงระบบการจัดการและความปลอดภัยตลอดเส้นทาง โดยในวันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันการแข่งขันนักวิ่งจะเริ่มวิ่งจาก จุดสตาร์ทหน้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา ผ่านจุดท่องเที่ยวของจังหวัด บริเวณ ถนนนครราชสีมา-ปักธงชัย 304 ได้แก่ สวนสัตว์นครราชสีมา ฯลฯ”

ทั้งนี้ นักวิ่งสามารถเลือกเข้าแข่งขันการวิ่งมาราธอนใน 4 ประเภท ได้แก่ ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร, การวิ่งฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21.5 กิโลเมตร, การวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร และรูปแบบ  Fun Run  ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร โดยแบ่งกลุ่มผู้เข้าแข่งขันเป็นชาย หญิง ตามประเภทการวิ่งและช่วงอายุ

 

สำหรับผู้ชนะการแข่งขันวิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศโอเวอร์ออล เฉพาะบุคคลชาย-หญิง ไม่จำกัดรุ่น รางวัลถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา  (สงวนสิทธิ์สำหรับนักวิ่งชาวไทย) พร้อมเงินรางวัล 15,000 บาท เสื้อ Finisher และผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-5 ในแต่ละกลุ่ม จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 10,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 8,000 บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล 7,000 บาท, อันดับ 4 เงินรางวัล 6,000 บาท และอันดับ 5 เงินรางวัล 5,000 บาท

 

รางวัลสำหรับผู้ชนะในการวิ่งฮาร์ฟมาราธอนระยะทาง 21.5 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยชนะเลิศโอเวอร์ออล เฉพาะบุคคลชาย-หญิง ไม่จำกัดรุ่น จาก พณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ (สงวนสิทธิ์สำหรับนักวิ่งชาวไทย) พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท ผ้าบัฟ Finisher และผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-5 ในแต่ละกลุ่ม จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 5,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 4,000 บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล 3,000 บาท อันดับ 4 เงินรางวัล 2,000 บาท และอันดับ 5 เงินรางวัล 1,000 บาท

 

รางวัลสำหรับผู้ชนะในการวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร ผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-3 ในแต่ละกลุ่มอายุ จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 3,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 2,000 บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล 1,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการวิ่งฟันรันระยะทาง 4.5 กิโลเมตร โดยนักวิ่งทุกท่านที่เข้าเส้นชัยจะได้รับเหรียญรางวัลเป็นที่ระลึกจากการแข่งขันครั้งนี้

นอกจากนี้  ในกิจกรรมการวิ่งครั้งนี้ ยังมีอาหารขึ้นชื่อเมืองย่าโม อาทิ ผัดหมี่โคราช ฯลฯ และอาหารสำหรับบริการนักวิ่งตลอดการจัดงาน  พร้อมกับการเซลครั้งใหญ่ของ SPORTS MALL ที่นำเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา มาลดราคา ในงาน “SPORTS MALL RUNNING EXPO 2018” มหกรรมเพื่อคนรักการวิ่งครั้งยิ่งใหญ่ของโคราช บริเวณ แกรนด์ฮอลล์ ชั้น G เดอะมอลล์โคราช ระหว่างวันที่ 2-8 สิงหาคม ศกนี้ สินค้ากีฬาลดสูงสุด 20-70% รวมสินค้าแบรนด์ดังสำหรับนักวิ่ง อาทิ Nike, Adidas, Under Armour, Mizuno, Asics, New Balance, Skechers ฯลฯ นอกจากนี้ผู้สมัครวิ่งสามารถนำเบอร์วิ่งไปใช้สิทธิ์ซื้อรองเท้าวิ่ง และสินค้ากีฬาอื่นๆในราคาพิเศษลดสูงสุด 30% สำหรับซื้อสินค้าภายในแผนก SPORTS MALL (เฉพาะแบรนด์และรุ่นที่ร่วมรายการ) สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก M CARD, ลูกค้า เอไอเอส, ลูกค้าบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ รับส่วนลดเพิ่ม 5% และพิเศษเฉพาะวันที่ 3-5 สิงหาคม 2561 เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ ครบ 2,000 บาทขึ้นไป รับเพิ่มบัตรกำนัล มูลค่า 300 บาท (ที่แผนก SPORTS MALL เท่านั้น)

 

ผู้ร่วมกิจกรรมวิ่ง “เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” สามารถกางเต็นท์ริมสระน้ำ (จำนวนจำกัด) ภายในบริเวณสวนน้ำแฟนตาเซีย ลากูน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งนักวิ่งสามารถติดต่อจองพื้นที่ กางเต๊นท์ล่วงหน้าที่เบอร์ 02-310-1935, 087-494-4446

 

ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถสมัครและติดตามรายละเอียดได้ที่ www.themallkoratmarathon.com โดยอัตราค่าสมัคร วิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร ราคา 900 บาท, วิ่งฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21.5 กิโลเมตร ราคา 700 บาท, วิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร และวิ่ง Fun Run (ฟันรัน) ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร ราคา 500 บาท พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรเดบิต บีเฟิสต์ ธนาคารกรุงเทพ, ลูกค้า AIS และ สมาชิกบัตร M Card รับสิทธิ์ลดเพิ่ม 100 บาท รายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายร่วมบริจาคสมทบทุนให้กับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี  สามารถติดต่อรับเสื้อและเบอร์นักวิ่ง (BIB) ได้ในวันที่ 3-4 สิงหาคม 2561 เวลา 10.00-20.00 น.ที่ SPORTS MALL ชั้น 2 เดอะมอลล์ นครราชสีมา

ผู้ว่าโคราชเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมโบราณ อายุมากกว่า 4,000 ปี บ้านโนนวัด

นครราชสีมา – ผู้ว่าโคราชออกตรวจพื้นแวะเยี่ยมชมกระตุ้นชุมชุนส่งเสริมการท่องเที่ยวอารยธรรมโบราณคุณค่าหนึ่งในอาเซียน อายุมากกว่า 4,000 ปี

        วันพุธที่ 18 กรกฎาคม 2561 เวลา 13.30 น. นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางณัฎฐินีภรณ์ จันทรโนทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา เดินทางทางไปเยี่ยมชมและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ณ ศูนย์การเรียนรู้ท้องถิ่น สมัยก่อนประวัติศาสตร์แหล่งโบราณคดีบ้านโนนวัดอายุมากกว่า4,000ปี

แหล่งความรู้ในอดีตชุมชนใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผศูนย์เรียนรู้สมัยก่อนประวิติศาสตร์แสดงวัตถุโบราณถึง 3 ยุคความต่อเนื่องทุกยุคต่อเนื่อง1)ยุคหินใหม่ 2)ยุคสัมฤทธิ์ 3)ยุคเหล็กโดยมีอายุยาวนานเรียงจากมากสุดมากกว่า4,000ปี

โดยมีการจัดแสดงโครงกระดูกมนุษย์โบราณ,ของเครื่องใช้-เครื่องประดับและอุปกรณ์ล่าสัตว์การดำรงชีพที่แสดงอัตลักษณ์ชุมชนสังคมในยุคก่อนในอดีตสามารถติดตามเยี่ยมชมได้ ตำบล พลสงคราม อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา

เครดิตภาพและข้อความจาก พี่วุฒินันท์ Lion dare. รส.76

มงไม่พลิก! ตัวเต็ง “น้ำอ้อย” ซิว “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018”

“มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018”

เข้มข้นถึงใจไม่จกตาสำหรับ มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 เวทีประกวดนางงาม อันดับหนึ่งของประเทศไทย ผู้สร้างแฮชแท็ค #นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์ และ #เวทีอันดับหนึ่งของประเทศไทย ยกระดับคุณภาพการประกวดสู่ระดับสากลโลก โปร่งใส ไม่ล็อคผล ปีนี้มงกุฎเพชรตกเป็นของ น้ำอ้อย ชนะพาล สาวสวยสุดมั่นจาก คณะครุศาสาตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ตัวแทน มิสแกรนด์ภูเก็ต ซิวตำแหน่ง มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ไปแบบไม่พลิกโผและโดนใจกองเชียร์เป็นที่สุด

สำหรับบรรยากาศการประกวดเต็มไปด้วยความสนุก  77 มิสแกรนด์ จาก 77 จังหวัด พร้อมมาก ฝ่ายกองเชียร์จากทุกจังหวัดไม่น้อยหน้า หอบป้ายไฟ ภาพนางงามที่ชื่นชอบ มากันแน่น ฮอลล์ 100 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติ ไบเทค บางนา กลายเป็นสีสันการเชียร์นางงามที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครปีนี้ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานกองประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ จัดหนักด้วยเวทีขนาดใหญ่ในคอนเซ็ปต์ DIMON สะท้อนความแข็งแกร่งแต่สวยงามของผู้หญิง แสง สี เสียง บนจอ LED ขนาด 10 เมตร ตระการตาสมฐานะ เวทีนางงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย อุ่นเครื่องช่วงค่ำเวลา 21.00 น. ด้วยคอนเสิร์ตของศิลปินเสียงดี เบน ชลาทิศ เป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนคลับอย่างยิ่ง

เวลา 22.45 น. กระหึ่มเวทีการประกวด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2018 ถ่ายทอดสด 100% ทาง ช่อง 7 HD และ Facebook Live Miss Grand Thailand สาวงาม 77 จังหวัด ออกมาวาดลวดลาย Openning Dance แนะนำตัวที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเวที มิสแกรนด์ แต่ปีนี้พิเศษตรงที่มีรางวัล แนะนำตัวยอดเยี่ยม ความสนุกจึงบังเกิดตั้งแต่วินาทีแรกทีเดียว

หนิง ศรัยฉัตร (กุญชร ณ อยุธยา) จีระแพทย์ และ แมทธิว ดีน รับหน้าที่พิธีกรประกาศผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย ได้แก่ มิสแกรนด์สุราษฏร์ธานี /น่าน /ภูเก็ต / บุรีรัมย์ /ฉะเชิงเทรา /นครพนม/ นครราชสีมา / อุดรธานี /สระแก้ว / นครศรีธรรมราช /อำนาจเจริญ / ยะลา /กระบี่ / จันทบุรี /กำแพงเพชร /ชัยภูมิ / ราชบุรี /นครปฐม /สกลนคร และ สุรินทร์ เริ่มประกาศรางวัลแรก มิสแกรนด์ขวัญใจภูเก็ต ได้แก่ จุ๊กจิ๊ก จิรัชยา สุขอินต๊ะ มิสแกรนด์นครปฐม ,รางวัล สมาย ซิกเนเจอร์ ได้แก่ มอส น้ำอ้อย ชนะพาล มิสแกรนด์ภูเก็ต

20 สาวงามผู้เข้ารอบเดินกลับออกมาอีกครั้งในชุดว่ายน้ำวันพีซสีชมพูสดใส แบรนด์ เอ็มจีไอ (MGI) เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมล้นหลาม พิธีกรประกาศรางวัล ชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม (Best in Swimsuit) ได้แก่ ใบปอ ปิยพร โชพุดซา

มิสแกรนด์กำแพงเพชร คว้ารางวัล 200,000 บาท ไปครอง ตามด้วยการประกาศรางวัล Best Voice Award ได้แก่ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา แอนนา ชลิดา คอร์วีโน ได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบ 12 คนสุดท้ายเป็นคนแรก รางวัล Miss Popular

Vote ตกเป็นของ มิสแกรนด์สระแก้ว ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล   เบิกทางเข้าสู่รอบ 12 คนสุดท้ายอัตโนมัติเช่นกัน ก่อนจะได้ลุ้นระทึกกับการประกาศผู้เข้ารอบอีก 10 คนสุดท้าย ได้แก่ มิสแกรนด์ กำแพงเพชร/ ชัยภูมิ /นครปฐม/ บุรีรัมย์/ ภูเก็ต/ยะลา /สกลนคร/ สุราษฏร์ธานี /สุรินทร์  /อำนาจเจริญ ที่ได้ไปต่อในค่ำคืนนี้ แต่ก่อนจะได้รู้ว่าใครได้รับตำแหน่ง มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ คนต่อไป แพม เปรมิกา พาเมล่า มิสแกรนด์ ไทยแลนด์  2017 พร้อมด้วย อาย ศรุชา นิลจันทร์ รองอันดับ 2 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 อุ้ม ทวีพร พริ้งจำรัส รองอันดับ3 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 และ แป้งหอม กมลรัตน์ ทานนท์ รองอันดับ 4 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2017 ขึ้นกล่าวอำลาตำแหน่ง

12 สาวงามผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย กลับออกมาอีกครั้งในชุดราตรียาว สวยงามประณีตจากการออกแบบและตัดเย็บของ ดีไซน์เนอร์ไทยทั้ง 77 จังหวัด พิธีกรประกาศรางวัล Best Director Award หรือ ผู้อำนวยการกองประกวดระดับจังหวัดยอดเยี่ยม ได้แก่ ธีระศักดิ์ ผลงาม PD ภูเก็ต และรองทั้ง 4 ได้แก่ วีรยุทธ อนุจิตรอนันต์ PD ระยอง /นนทัช นิธิพานิช PD อุบลราชธานี /ยุทธนา ปลื้มสำราญ PD ยะลา และ อำนาจ เส้นคราม PD สุรินทร์

มาถึงอีกหนึ่งรางวัลที่กองประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ต้องการส่งเสริมดีไซน์เนอร์ทั่วประเทศไทย ให้มีชื่อเสียงมากขึ้นจากการออกแบบชุดราตรีทั้ง 77 จังหวัด ล้วนแต่สวยงามหลากหลาย โดยผู้ชนะ Best Designer Award 2018 ได้แก่ผู้ออกแบบชุดราตรีของ มิสแกรนด์สุราษฏร์ธานี โดย กานต์ กาฬภักดี จากร้าน Oat Couture รับเงินรางวัล 100,000 บาท  ผลรางวัลรักแร้งาม ได้แก่  มิสแกรนด์สกลนคร อิ๊ง อิงชนก ประสาตร์ รับรางวัล 200,000 บาท

รางวัลแนะนำตัวยอดเยี่ยม (Best Introduction) ได้แก่ มิสแกรนด์นราธิวาส “นิ้น ศศินา กลิ่นมาลัย” รับรางวัล 50,000 บาท และแล้วมาถึงวินาทีประกาศผลผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ได้แก่มิสแกรนด์ ได้แก่มิสแกรนด์ สระแก้ว /มิสแกรนด์ภูเก็ต/มิสแกรนด์บุรีรัมย์ /มิสแกรนด์สกลนคร และ มิสแกรนด์นครปฐมพร้อมตอบคำถามจากคณะกรรมการ แต่ก่อนจะได้รู้ผลว่า มิสแกรนด์ จังหวัดใดจะได้ครอง มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 พิธีกรเชิญ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล มอบโทฟี่ให้กับจังหวัดเจ้าภาพในการเก็บตัวผู้เข้าประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2019 ซึ่งปีนี้ถือเป็นความยิ่งใหญ่อีกครั้งเมื่อภาครัฐเห็นความสำคัญ ในการใช้เวที มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ เป็นตัวขับเคลื่อน ความมั่นคง      อัตลักษณ์ และ วัฒนธรรม ร่วมเป็นเจ้าภาพพร้อมกันถึง 5 จังหวัดชายแดนใต้ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ สงขลา เสียงปรบมือดังกึกก้อง พิธีกรประกาศรางวัล ขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน ได้แก่ มิสแกรนด์สระแก้ว “ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล” รับรางวัล 50,000 บาท มาถึงรางวัลที่ทุกคนรอคอยนั่นคือ Best National Costume หรือชุดประจำจังหวัดยอดเยี่ยม ตกเป็นของจังหวัด นครศรีธรรมราช

สวมใส่โดย แตงโม ทัศนา แมนโซ รับรางวัล 100,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศ 4 อันดับได้แก่ จังหวัดนครพนม /สงขลา / ขอนแก่น และ ปราจีนบุรี สำหรับรางวัลที่เปลี่ยนชีวิต มิสแกรนด์ ทันทีนั่นคือรางวัล Miss Grand Rising Star ได้รับเงินรางวัล 200,000 บาท พร้อมเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงสังกัดช่อง 7 HD ได้แก่ มิสแกรนด์สระแก้ว ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล ถือเป็นนางงามที่ได้รับรางวัลมากที่สุด

แล้วมาถึงวินาทีสำคัญยิ่งเมื่อพิธีกรประกาศตำแหน่ง

รองอันดับ 4 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์สระแก้ว “ตังเม เมธาวี ธีรลีกุล”

รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์บุรีรัมย์ “บิว นันทภัค ไกรหา”

รองอันดับ 2 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์สกลนคร “อิ๊ง อิงชนก ประสาตร์”รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018 ได้แก่ มิสแกรนด์นครปฐม จุ๊กจิ๊ก จิรัชยา สุขอินต๊ะ และขอแสดงความยินดี มิสแกรนด์ภูเก็ต “มอส น้ำอ้อย ชนะพาล” ผู้คว้าตำแหน่ง กับ Miss Grand Thailand 2018  ครอบครอง มงกุฎเพชร มูลค่า 1,200,000 บาท สายสะพายเกียรติยศ บ้านพร้อมที่ดิน รถยนต์ 1 คัน และรางวัลอื่นๆมูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวด มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2018 ที่ประเทศเมียนมาร์ ในเดือน ตุลาคม นี้

 

“ตำนานสะพานดำ อนุสรณ์สถานไม้กลายหิน ณ สถานีรถไฟแห่งบ้านท่าช้าง”

“ตำนานสะพานดำ อนุสรณ์สถานไม้กลายหิน ณ สถานีรถไฟแห่งบ้านท่าช้าง”

สถานนีรถไฟท่าช้างแห่งนี้ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2464 ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ได้เสด็จพระราชดำเนินตรวจการก่อสร้างสถานีรถไฟแห่งนี้ จากหลักฐานในอดีต เดิมทีอำเภอเฉลิมพระเกียรติเป็นชุมชนโบราณริมแม่น้ำมูล เรียกว่าหมู่บ้านท่าช้าง มีความเจริญเป็นเมืองท่าของมณฑลนครราชสีมา ขนถ่ายสินค้าจากเรือกลไฟ ต่อมามีการสร้างทางรถไฟสายแรกจากกรุงเทพฯมาที่นครราชสีมาในสมัยรัชกาลที่ 5 และในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้สร้างทางรถไฟขยายจากนครราชสีมาจนถึงอุบลราชธานี จึงได้กลายมาเป็นสถานีรถไฟท่าช้างที่มีการตั้งชุมชนหนาแน่น

การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ครั้งแรกอย่างเป็นทางการของที่นี้ประมาณ พ.ศ.2464 ได้มีชาวบ้านท่าช้างนำไม้กลายเป็นหินจากลำน้ำมูลไปถวายรัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงแนะนำให้ราษฎรเก็บรักษาไว้ในท้องถิ่น ทางกรมรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม จึงนำไม้กลายเป็นหินประดับไว้บนอนุสรณ์สถาน ณ สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำมูล ตรงจุดที่เรียกว่า “สะพานดำ” ห่างจากสถานีรถไฟท่าช้าง 500 เมตร ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เคียงคู่กันมา

สำหรับอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา คือ 1 ใน 5 ของชุมชนที่ได้รับคัดเลือกให้ใช้นามพระราชทานจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เนื่องในพระมหามงคลวโรกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ฉลองศิริราชสมบัติครบ 50 พรรษา จากสุขาภิบาลท่าช้างมาเป็นอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2539

 

เตรียมต้อนรับขบวนงานแห่เทียนพรรษาชิงถ้วยพระราชทาน ประจำปี2561

เทศบาลนครนครราชสีมา ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา กำหนดจัดงานประเพณีแห่เทียนโคราช ประจำปี 2561 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 27-28 ก.ค.61 ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) สวนสุรนารี สวนเมืองทอง และ สวนอนุสรณ์สถาน ขบวนแห่เริ่มเวลา 09.00 น.

 ในวันที่ 28 ก.ค.61 ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรม ประเพณี อันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป

#ประชาสัมพันธ์เทศบาลนครนครราชสีมา #งานแห่เทียนพรรษาโคราช2561

                        งานแห่เทียนโคราช ประจำปี 2561 ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดนครราชสีมา ที่ได้สร้างงานบุญที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2561 ณ สนามกีฬากลางเทศบาลตำบลโชคชัย  อำเภอโชคชัย บริเวณลานพรหมทัต เขตเทศบาลตำบลพิมาย อำเภอพิมาย และบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

เริ่มกันที่ งานประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอโชคชัย  ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 ณ สนามกีฬากลางเทศบาลตำบลโชคชัย อำเภอโชคชัย โดยมีกิจกรรม การประกวดขบวนแห่ต้นเทียนพรรษา (เริ่มแห่ เวลาประมาณ 13.00 น. เป็นต้นไป) ชมกระบวนการหล่อเทียนพรรษา การประกวดหมี่โชคชัย ที่มีความพิเศษเป็นลักษณะเฉพาะของเมืองโชคชัย ความเหนียวนุ่ม ความอร่อยของเส้นหมี่เป็นที่ติดใจของใครหลายคน ที่แวะเวียนและมาชิม “คั่วหมี่” ยังดินแดนแห่งนี้ ในภาคกลางคืนชมมหรสพ การแสดงต่างๆ รวมถึงขบวนรถต้นเทียนพรรษาของผู้ชนะเลิศ ในแต่ละรางวัลจัดแสดงให้ได้ชม และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย

ต่อด้วย งานประเพณีแห่เทียนอำเภอพิมาย ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 ณ บริเวณลานพรหมทัต เขตเทศบาลตำบลพิมาย อำเภอพิมาย พบความน่าสนใจกับกิจกรรมการประกวด ขบวนแห่ต้นเทียนพรรษา (เริ่มแห่เวลาประมาณ 13.00 น.เป็นต้นไป) ชมกระบวนการหล่อเทียนพรรษา มหกรรมสินค้า OTOP อาหารพื้นเมือง ในภาคกลางคืนไปจนถึงภาคเช้าของวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 ชมความสวยงามของขบวนรถต้นเทียนพรรษาของผู้ชนะเลิศในแต่ละรางวัลจัดแสดงให้ได้ชม นอกจากนี้ยังมีมหรสพการแสดงต่างๆ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายตลอดการจัดงาน

จากนั้นเมื่อได้ผู้ชนะจากการประกวดต้นเทียนพรรษาจากทั้งสองอำเภอนั้นแล้ว จะได้มารวมตัวกันบริเวณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมา เพื่อเข้าสู่งานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่ใด งานแห่เทียนโคราช ประจำปี 2561 จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 สำหรับการประกวดต้นเทียนพรรษา ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศเป็นประจำทุกปี ร่วมชมความงดงามอลังการของต้นเทียนพรรษา ซึ่งแต่ละต้นล้วนเกิดจากความเพียรพยายามของช่างเทียนที่มีความชำนาญ สร้างและแกะสลักต้นเทียนอันวิจิตรงดงาม กล่าวได้ว่าฝีมือของช่างเทียนโคราชนั้นไม่แพ้ใคร

ในปีนี้ได้มีการประกวดต้นเทียนพรรษาประเภทต่างๆ แบ่งออกเป็นประเภทคือ ประเภท ก. และประเภท ข. (ขบวนแห่ต้นเทียน พร้อมกันในวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 เวลา 13.00 –  18.00 น. ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี) พร้อมชมขบวนแห่สุดยิ่งใหญ่ จำนวนกว่า 30 ขบวน ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เริ่มเวลา 09.00 น. เป็นต้นไป แห่รอบตัวเมืองโคราชเป็นระยะทางกว่า 7 กม.

 

 

ผู้ว่าโคราช สมัครเป็นอาสา…ในวันครบรอบ 30 ปี ฮุก31

 เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 61 ที่ ณ วิหารเซ็งหงั่มตั่งมูลนิธิพุทธธรรม31 นครราชสีมา นาย วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานงานครบรอบ 30 ปี มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา ( ฮุก 31 ) โดยมี นาย ประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นาย อุทัย มิ่งขวัญ อดีต ส.ส.นครราชสีมา และ รองนายก อบจ.นครราชสีมา นาย วัชรพล โตมรศักดิ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พร้อมด้วย คณะผู้บริหารมูลนิธิพุทธธรรมธรรม31นครราชสีมา คณะผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และมูลนิธิ สมาคมและประชาชนทั่วไป สโมสรกีฬาจักรยานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมสนับสนุนกิจกรรม สำหรับวัตถุประสงค์ ในการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อหารายได้จัดซื้ออุปกรณ์กู้ภัย และเป็นกองทุนสวัสดิการอาสาสมัครกู้ภัยฮุก 31 เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจต่ออาสาสมัครกู้ภัยฮุก 31 ที่มีจิตอาสาตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือสังคมตลอดมา ได้มีความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถมีมาตรฐาน ทั้งในภาวะปกติและภาวะเกิดภัยพิบัติภัย ในโอกาสครบรอบ30ปีมูลนิธิพุทธธรรม31นครราชสีมา (ฮุก31) 


ด้าน นาย วิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้กล่าวว่า ตนเองนอกจากจะมาร่วมงานกิจกรรมในวันนี้ โดยเฉพาะในช่วงเช้าซึ่งได้มีกิจกรรม งานปั่นจักรยานการกุศลในโครงการ “ปั่นสู้ กู้ภัย ใจเกินร้อย” แล้ว ยังมีความต้องการที่จะสมัครเป็นอาสาสมัครกู้ชีพ กู้ภัย ของ มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา ( ฮุก 31 ) อีกด้วย เนื่องจากตนมองว่ามูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา ( ฮุก 31 ) เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้เป้นอย่างดี โดยเฉพาะกับพี่น้องประชาชนผู้ที่ต้องประสบเหตุการณ์และภัยพิบัติต่าง ๆ ได้อย่างทันถ่วงทีในหลายเหตุการณ์ ซึ่งนอกจากการทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ตนเองยินดีมากที่ได้สมัครเป็นอาสาสมัคร ฯ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทหน้าที่ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ดังนั้น ตนเองมีความภูมิใจมากที่ได้เข้าร่วม ฯ เป็นอาสาสมัครกู้ชีพ กู้ภัย ในครั้งนี้
ในการจัดกิจกรรม ปั้นสู้ เพื่อกู้ภัยใจเกินร้อยครั้งนี้ ได้ยอดรวมของเงินค่าสมัครและอื่น ๆ เบื้องต้น 1,151,000 บาท
ขอบคุณภาพ/ข้อมูล : มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา (ฮุก31)

ท่องเที่ยวและกีฬาโคราช จัดกิจกรรม “เจ้าบ้านที่ดี GEO PARK นครชัยบุริน”

นครราชสีมา – ท่องเที่ยวและกีฬาโคราช จัดกิจกรรม “เจ้าบ้านที่ดี GEO PARK นครชัยบุริน”


ที่ผ่านมา สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดกิจกรรมอบรมเพื่อการท่องเที่ยว ในโครงการ “เจ้าบ้านที่ดี GEO PARK จังหวัดนครราชสีมา” ให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือของบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของการเป็นเจ้าบ้านที่นครชัยบุรินทร์ การอบรม เจ้าบ้านที่ดี GEO PARK จังหวัดนครราชสีมา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 มิถุนายน 2561 โดยได้รับเกียรติจาก นายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมามาเป็นประธาน และนายมนตรี ปิยากุลท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมาจัดพาผู้ประกอบการท่องเทียว,ผู้นำท่องถิ่นและสื่อมวลชนดูงาน3วัน เตรียมความพร้อมส่งเสริมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา5อำเภอลุ่มน้ำลำตะคองสู่โคราชจีโอพาร์คแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกสู่การรับรองยูเนสโกแห่งที่4ของโลก#โครงการเจ้าบ้านที่ดีนครชัยบุรินทร์#โคราชจีโอพาร์ค#KORAT GEOPARK

รู้จักยัง!! ปราสาทหินพนมวัน ปราสาทหินขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย

ปราสาทหินพนมวัน  จังหวัดนครราชสีมา

                      ปัจจุบันภาคอีสานกำลังมาแรง เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นทั้งที่เที่ยวธรรมชาติ ที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่น และวันนี้เราจะพาไปเที่ยว “ปราสาทหินพนมวัน” จ.นครราชสีมา

 “ปราสาทหินพนมวัน” จ.นครราชสีมา ถือเป็นโบราณสถานสถาปัตยกรรมในคติความเชื่อของเขมรโบราณ สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 มีรูปแบบการสร้างคล้ายกับปราสาทหินพิมาย แต่มีขนาดเล็กกว่า เพื่อเป็นเทวสถาน ต่อมาภายหลังดัดแปลงเป็นพุทธสถาน เป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย

ตัวปราสาทหินพนมวันสร้างเป็นปรางค์มีฉนวน (ทางเดิน) ติดต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมยาว 25.50 เมตร กว้าง 10.20 เมตร พระปรางค์มีประตูซุ้ม 3 ด้าน ซุ้มประตูด้านทิศเหนือ ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางประธานอภัย 1 องค์

ทางด้านทิศตะวันออกมี “บาราย” หรือสระน้ำขนาดใหญ่ประจำชุมชน เรียกว่า “สระเพลง”

ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปรางค์มีอาคารก่อด้วยหินทรายสีแดงเรียกว่า “ปรางค์น้อย” ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ บริเวณโดยรอบปราสาทมี ระเบียงคต สร้างด้วยหินทรายและศิลาแลงล้อมเป็นกำแพงอยู่

บริเวณรอบนอก ปราสาททางด้านทิศตะวันออกห่างจากโบราณสถานเกือบ 300 เมตร มีร่องรอยของคู น้ำและเนินดิน เรียกกันแต่เดิมว่า “เนินนางอรพิมพ์” หรือ “เนินอรพิม” นอกจากนี้ยังพบศิลาแลงจัดเรียงเป็นแนวคล้ายซากฐานอาคารบนเนินแห่งนี้ด้วย สันนิษฐานว่าน่าจะเป็น “พลับพลาลงสรง” ในรูปแบบพิเศษที่ไม่เคยพบในที่อื่นๆ ของประเทศไทย

ปราสาทหินพนมวัน
ที่อยู่ : บ้านมะค่า ถนนสายโคราช-ขอนแก่น ต.โพธิ์ อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 18.00 น.

วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา

 

 

วัดบ้านไร่ (วัดหลวงพ่อคูณ)

วัดบ้านไร่  ตั้งอยู่ใน ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มีชื่อเสียงเนื่องจากพระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ) พระเกจิชื่อดัง เป็นที่เคารพศรัทธาของคนทั้งประเทศ ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ปัจจุบัน พระภาวนาประชานาถ (นุช รตนวิชโย) เป็นรักษาการเจ้าอาวาส จึงทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปด้วย หลวงพ่อคูณเป็นพระชาวบ้านที่เข้าถึงมวลชนทุกระดับชั้น ตั้งแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน นักการเมืองไปจนถึงชาวบ้าน ด้วยท่านมีเมตตามหานิยม มีวิธีการสั่งสอนที่ตรงไปตรงมาง่ายแก่การเข้าใจ

ปัจจุบัน หอเทพวิทยาคม เฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา (อาคารปริสุทธปัญญา) ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จในปี 2554 ได้กลายจุดเด่นสำคัญของวัดบ้านไร่ ลักษณะเป็นอาคารประติมากรรมช้าง ตั้งอยู่บนพื้นที่บึงน้ำขนาด 30 ไร่ เป็นอาคารสูง 4 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน (ชั้นบาดาล) 1 ชั้น โดยชั้นดาดฟ้าของอาคารเป็นรูปปั้นหลวงพ่อคูณและสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสูงรวมแล้ว 42 เมตร อาคารตั้งอยู่บนลานทรงกลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 65 เมตร[1] ทำให้หอเทพวิทยาคม กลายเป็นพุทธสถานในนิกายเถรวาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 

วัดบ้านไร่เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่มีมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2436 ในช่วงรัชกาลที่ 5 โดยมีพระอาจารย์เชื่อม วิรโช เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกได้มีการก่อสร้างศาสนอาคารต่างๆ ขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เป็นเจ้าอาวาสได้มีการพัฒนาวัดมากที่สุด ด้วยมีผู้ศรัทธาจากทั่วประเทศได้ร่วมถวายวัตถุปัจจัยเป็นเงินมหาศาล หลวงพ่อคูณได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น การบูรณะวัด การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น

เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานผลิตไก่ส่งออกที่โคราชวอด ความเสียหายเบื้องต้นหลายสิบล้าน

คนงานกว่า 600 คน แตกตื่นหนีตาย ไฟไหม้โรงงานผลิตไก่ส่งออกที่โคราชวอด คาดสาเหตุกระบวนการผลิตขัดข้อง ความเสียหายเบื้องต้นหลายสิบล้าน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่12 กรกฎาคม  2561 – พ.ต.อ ปฏิยุทธ  สิงห์สมโรจน์ ผกก.สภ.เมือง นครราชสีมา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บริษัท แวนการ์ดฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 174 หมู่ 3 ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงประสานรถดับเพลิงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ และละแวกใกล้เคียง โดยมีทั้งรถดับเพลิงและรถบรรทุกน้ำรวม 6 คัน ไประงับเหตุเพลิงไหม้ โดยมีนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ นายอำเภอเมือง นครราชสีมา เดินทางมาควบคุมการระงับเหตุด้วยตนเอง

ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานผลิตอาหารกึ่งสำเร็จรูป และส่งออกต่างประเทศ ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี ภายในอาคารชั้นเดียว ซึ่งเป็นส่วนผลิตอาหารประเภทไก่ย่าง พบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปฉีดดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้เครื่องจักรและวัตถุดิบ เพื่อสกัดมิให้เพลิงขยายวงลุกลาม ท่ามกลางความโกหลาหล 

เนื่องจากที่เกิดเหตุมีรั้วติดกับอาคารฝ่ายผลิตของ บริษัท วีจีเอฟ แพลนทู จำกัด จึงมีการแจ้งเตือนภัย ทำให้คนงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงจำนวนกว่า 600 คนแตกตื่นวิ่งหนีออกจากโรงงานฯ บางรายมีอาการตกใจ ตัวสั่นเป็นลมล้มพับ และสำลักควันไฟ เพื่อนคนงานต้องช่วยกันหามส่งให้อาสาสมัครหน่วยกู้ชีพสว่างเมตตาโคราช และ ฮุก.31 นครราชสีมา ปฐมพยาบาลและคัดกรองอาการเบื้องต้น ซึ่งมีคนงานสำลักควันไฟ 3 ราย และเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงถูกไฟลวกได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้

นายนฤชา นายอำเภอเมือง นครราชสีมา เปิดเผยว่า จาการสอบถามพยานที่เกี่ยวข้องและผู้ควบคุมโรงงานฯ ระบุสาเหตุเกิดจากกระบวนการผลิตที่ต้องใช้ความร้อนทำให้ไก่สุกได้ขัดข้องทางเทคนิค จึงเกิดเปลวไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว สุดวิสัยที่จะสามารถสกัดเพลิงได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตามต้องรอผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์จากเจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 อีกครั้ง โดยมีความเสียหายทั้งตัวอาคารและเครื่องจักรรวมทั้งวัตถุดิบถูกเพลิงเผาวอด คาดมูลค่าหลายสิบล้านบาท.

ด้านนางช้อย กอบกระโทก อายุ 46 ปี พนักงานฝ่ายผลิต บริษัทแวนการ์ดฟู้ดฯ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและเพื่อนร่วมงานเหม็นกลิ่นควันไฟ พนักงานส่วนใหญ่พบเห็นต้นเพลิง และกลุ่มควันไฟมาจากด้านบนหลังคาของอาคาร จากนั้นมีการประกาศแจ้งเตือนผ่านวิทยุสื่อสารให้อพยพออกจากโรงงานทันที ทำให้รู้สึกตกใจกลัวอย่างยิ่ง แต่ยังโชคดีที่สามารถหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้ ไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายร้ายแรง.