กล้วยทอด 3 พระหน่อ ‘ไม่อร่อยให้ถีบ’สร้างยอดขายวันละ 2-3 พันบาท

                ทำดีมีรวย กล้วยทอดชื่อแปลก 3 พระหน่อ ‘ไม่อร่อยให้ถีบ’ สร้างยอดขายวันละ 3 พันบาท สูตรเด็ด ‘ผสมกลอย’ กรอบ อร่อย ไม่อมน้ำมัน  นอกจากนี้ คนสนใจทางร้านยังขายแฟนไชน์ราคาไม่แพง เพื่อเปิดโอกาสให้คนหาอาชีพสร้างตัวได้ ลงทุนน้อยรายได้ดี

                คุณวัลยา เจ้าของร้าน กล้วยทอด 3 พระหน่อ ‘ไม่อร่อยให้ถีบ’ กล่าวว่า ชื่อของร้านจริงๆคือ กล้วยทอด 3 พระหน่อ มาจากลูกสามคน ส่วนอีกชื่อไม่อร่อยให้ถีบ เพราะว่ากล้วยทอดส่วนใหญ่ก็รสชาติหรือชื่อคล้ายๆกัน เราเลยตั้งชื่อให้เป็นสโลแกนจุดเด่นจุดขายของร้าน นอกจากชื่อที่เด่นแล้ว รสชาติและสูตรเด็ดก็ไม่เหมือนใคร สูตรแป้งทอดกล้วยของเราเป็นของคุณยาย อร่อย กรอบ ไม่อมน้ำมัน และพิเศษ ทางร้านเราผสม’กลอย’ ลงไปด้วย เพิ่มรสชาติและความกรุบกรอบ และสรรพคุณของกลอยยังทำให้กล้วยทอดไม่อมน้ำมันอีกด้วย ร้านเราเปิดขายทุกวัน เปลี่ยนน้ำมันทอดทุกวัน เปิดขายตั้งแต่ 09.00- 16.00 น. ตั้งแต่ขายมายังไม่มีลูกค้ามาถีบสักราย เพราะร้านเรารสชาติอร่อยจริงๆ (หัวเราะ)

คุณวัลยา เล่าอีกว่า ร้านเราใช้กล้วยน้ำว้ากำลังห่ามในการทอดวันละ 20 หวี ต่อแป้งทอดที่ผสมไว้แล้ว 7- 8 กิโลกรัมต่อวัน แต่ถ้าหากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องเพิ่มปริมาณแป้งและกล้วยเป็น 30 หวี แป้งทอดกรอบประมาณ 15 กิโลกรัม เพราะลูกค้าจะเยอะทั้งโทรสั่ง ทั้งขายหน้าร้าน และเดินขายสี่แยกไฟแดงด้วย แค่ลูกค้าบีบแตรเรียกวิ่งไปส่งถึงรถเลย ราคาขายถุงละ 20 บาท นอกจากกล้วยทอด ยังมีมันทอดด้วย สร้างรายได้วันละอย่างน้อย 1,500 บาท สูงสุด 3,000 บาท ต่อวัน ลูกค้ามาอุดหนุนแน่นเพราะว่าติดสี่แยกไฟแดงด้วย เวลารถหยุดลูกค้าจะเรียกซื้อง่ายมากเพราะร้านเด่นและชื่อแปลกดีน่าลองทาน และมีอีก 1 สาขาอยู่ข้างวัดศาลาลอย

นอกจากนี้ ทางร้านยังขายแฟนไชน์ด้วยในราคาถูกเพียง 5,900 บาท และทางเราก็จำกัดโซนขายให้ด้วยไม่ให้ขายใกล้กันจนเกินไป สิ่งที่ลูกค้าซื้อแฟนไชน์ไปและจะได้รับคือ แป้งผสมสำเร็จที่เราผสมไว้ให้ และบอกสูตร สอนการทำ การตวงปริมาณวัตถุดิบต่างๆอีกด้วย เพื่อนำไปเป็นอาชีพสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว ทั้งนี้ ลูกค้าที่อยากจะชิมอุดหนุนกล้วยทอด 3 พระหน่อ ไม่อร่อยให้ถีบไปได้ทั้ง 2 สาขา คือ สาขา 1 (ข้างวัดศาลาลอย) ติดร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดกะละมัง สาขา 2 (ตรงนี้) อยู่ด้านหน้า ห้างโลตัสเอ็กเพรส สาขา สี่แยกไฟแดงประตูพลล้าน- ทุ่งสว่าง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 095-9654699 และ 084-9617779 และแฟนเพจชื่อ กล้วยทอดไม่อร่อยให้ถีบ

 Cr. โคราชอินไซด์

คนร้ายบุกพังบ้านเสี่ยไร่มันขณะบวชเป็นพระ ได้เงินสด ทองคำ บัญชีเงินฝากรวมมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท>>มีคลิป

คนร้ายบุกพังบ้านเสี่ยไร่มันขณะบวชเป็นพระ ได้เงินสด ทองคำ บัญชีเงินฝากรวมมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากพระจักรา อู่ทอง อายุ 34 ปี   เจ้าของบ้านเลขที่ 135 หมู่ที่ 7 ต.ตะแบกบาน  อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ว่าถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกงัดบ้านพักรื้อค้นเอาทรัพย์สินที่อยู่ในบ้านรวมถึงตู้เซฟบรรจุสิ่งของมีค่า หลบหนีไป ซึ่งทางผู้เสียหายมาพบร่องรอยการงัดเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา  และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังต้องรอหน่วยพิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บหลักฐาน และรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายอีกขั้น

เบื้องต้น พระจักรา เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ตนเองนั้นเพิ่งบวชเป็นพระเมื่อเดือนกรกฎาคม 61 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนบวชนั้นได้เก็บเกี่ยวมันสำปะหลังและผลผลิตทางการเกษตรหลากหลายอย่างทั้ง ที่ดินของตนเองและที่ดินเช่าเหมารวมกับคนอื่นเกือบ 200 ไร่ ซึ่งได้เงินจากการเก็บเกี่ยวมานับล้านบาท แต่ยังไม่ทันได้นำไปฝากทั้งหมดก็ต้องบวชเสียก่อน จึงนำเงินที่เหลืออยู่ไปเก็บไว้ภายในเซฟที่อยู่ภายในบ้าน และส่วนหนึ่งก็จะเก็บไว้ลงทุนต่อ ซึ่งก่อนเกิดเหตุนั้นไม่มีใครอยู่ในบ้านเพราะภรรยาไปทำงาน แม่ยายกลับไปเยี่ยมบ้านที่อำเภอโนนสูง จ.นครราชสีมา ส่วนลูกก็ไปเรียน ตั้งแต่เช้า

สำหรับทรัพย์สินที่หายไป เป็นเงินสดที่รวบรวมไว้เพื่อเตรียมจะทอดกฐินหลังอออกพรรษาจำนวนอยู่ภายในกระเป๋าที่อยู่นอกเซฟจำนวน 200,000 บาท ส่วนในเซฟมีเงินสด 500,000 บาท ทองรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 25 บาท รวมถึงบัญชีเงินฝากธนาคารอีก 2 แห่ง รวมเงินในบัญชีประมาณ  1.5 ล้านบาท รวมทรัพย์สินที่สูญหายทั้งสิ้นประมาณ 2.5 ล้านบาทล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดชุดสายสืบลงพื้นที่ติดตามหาข่าวและเก็บข้อมูลหลักฐานต่างมาประกอบการสืบสวนคดีแล้ว และอยู่ระหว่างการรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บหลักฐานเพิ่มเติม

 

 

ตำรวจภาค3จัดกิจกรรสรุปบทเรียนสะท้อนคิด ในโครงการสร้างสรรค์นวัตกรรมรถผู้เสียชีวิตจาก อบถ.

ตำรวจภาค3จัดกิจกรรสรุปบทเรียนสะท้อนคิด ในโครงการสร้างสรรค์นวัตกรรมรถผู้เสียชีวิตจาก อบถ.


วันที่ 13 กันยายน 2561โรงแรมแคนทารีโคราชห้องลำตะคอง 3 จังหวัดนครราชสีมาจัดกิจกรรมสรุปบทเรียนสะท้อนคิดโครงการสร้างสรรค์นวัตกรรมรถผู้เสียชีวิตจาก อบถ.โดย โดยพลตำรวจโทดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3 ประธาน พล.ต.ต. โกสินทร์ หินเธาว์ผู้ดำเนินการเสวนาและผส.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข (สสส. )ผู้ดำเนินรายการ
การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงดังกล่าวจึงอยู่ที่เฉลี่ยอยู่ที่12,153 รายต่อปีหากคิดเป็นมูลค่าความสูญเสียที่ลดลงตามที่ธนาคารโลกได้มีการศึกษาไว้ในการเสียชีวิต 1 คนมีมูลค่าความสูญเสียอยู่ที่ 6.2 ล้านประเทศไทยจึงมีความสูญเสียถึง7,538,600,000บาทและยังมีการเสียชีวิตต่อประชากรแสนคนสูงเป็นอันดับที่สองอยู่ที่ 36.2 ต่อประชากรหนึ่งแสนคนและอาจถึงลำดับ 1 ของโลกหากยังไม่ดำเนินการแก้ไข

ตำรวจภูธรภาค 3มีเขตพื้นที่รับผิดชอบในพื้นที่อีสานใต้เป็นพื้นที่ที่ที่มีปริมาณรถสัญจรผ่านไปมาในเขตพื้นที่จำนวนมากตลอดทั้งปีเนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เชื่อมโยงติดต่อกับพื้นที่ข้างเคียงกับภาคอื่นอีกทั้งยังมีการตัดถนนเพิ่มขึ้นจำนวนมากทำให้สถานการณ์แนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมาซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบและประชากรมากที่สุดในประเทศไทยเป็นประตูสู่อีสานเส้นทางคมนาคมยาวกว่า 8,000 กิโลเมตรมีทางหลวงสายสำคัญเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรในปี 2560 มีจำนวนถึง 512 รายเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
ตำรวจภูธรภาค 3 จึงได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)โดยมีมูลนิธิป้องกันอุบัติเหตุทางถนนและอาชญากรรมเป็นที่ปรึกษาจัดทำโครงการสร้างสรรค์นวัตกรรมในการลดสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนพื้นฐานระหว่างงานสืบสวนอบถ.ตำรวจภูธรภาค 3ใน 8 จังหวัดที่รับผิดชอบระวังเดือนกุมภาพันธ์ 2561ถึงเดือนธันวาคม 2561 ทำการสืบสวนวิเคราะห์หาสาเหตุและสร้างสรรค์นวัตกรรมในการป้องกันอุบัติเหตุพบว่าเกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่เป็นปัจจัยหลักไม่ว่าจะเป็นการขับรถเร็วเกินกําหนดตัดหน้ากระชั้นชิดหลับในเมาแล้วขับเป็นสาเหตุหลักโดยมีรถถนนและสภาพแวดล้อมเป็นองค์ประกอบรองลงมาอีกครั้งพบว่าร้อยละ 80 ของผู้เสียชีวิตไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัยเช่นไม่สวมหมวกนิรภัยไม่คาดเข็มขัดนิรภัยจึงได้จัดทำนวัตกรรมในการลดอุบัติเหตุคือนวัตกรรมทำคนน้อยให้เป็นคนมากโดยให้ตำรวจสายตรวจช่วยกวดขันการสวมหมวกนิรภัยการคาดเข็มขัดนิรภัยนอกเหนือจากการออกตรวจปกตินวัตกรรมบูรณาการภาคีเครือข่ายช่วยระดมความคิดกำหนดแนวทางนวัตกรรมคัดเลือกหมู่บ้านวินัยจราจรนวัตกรรมขับขี่ปลอดภัยของหน่วยงานรัฐนวัตกรรมรวมใจเป็นหนึ่งลดอุบัติเหตุจราจรนวัตกรรมป้ายช่วยชีวิตนวัตกรรมยางสีชี้ขอบถนนนวัตกรรมมอเตอร์ไซค์คู่ใจวัยโจ๋นวัตกรรมสะท้อนแสงปลอดภัยใส่ใจอุบัติเหตุนวัตกรรมจุดจอดปลอดภัยนวัตกรรมปรับพื้นฐานจิตใจสร้างวินัยจราจรที่จะดำเนินร่วมกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนทั้ง 8 จังหวัดขับเคลื่อนไปด้วยกันจากการดำเนินการในห้วงที่ผ่านมาเมื่อเปรียบเทียบสถิติผู้เสียชีวิตระหว่างฐานข้อมูลของตำรวจภูธรภาค 3 2561 จากสถิติผู้เสียชีวิตจากสาธารณสุขจังหวัดปีพศ. 2560 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนสิงหาคมพบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลงเหลือถึงร้อยละ 20 .2( ข้อมูลเมื่อวันที่ 11 ก.ย.61)
ในวันนี้ตำรวจภูธรภาค 3 ได้จัดกิจกรรมสรุปบทเรียนสะท้อนคิดโครงการสร้างสรรค์นวัตกรรมรถผู้เสียชีวิตจากอบถ.ฯโดยให้ผู้นำหน่วยในสังกัดตำรวจภูธรภาค 3 และภาคีเครือข่ายได้มีส่วนร่วมระดมความคิดเห็นและร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มเติมมุมมองประสบการณ์ระหว่างกันเพื่อให้เกิดการทบทวนวิธีคิดกระบวนการทำงานและมีแนวโน้มในการพัฒนาการป้องกันอุบัติเหตุต่อไปอย่างยั่งยืน
สถานการณ์ด้านความปลอดภัยทางถนนของโลกเขียนถึงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งโลกในช่วงปี 2558-2560มีจำนวนหลายล้านคนแม้ว่าจะมีการกำหนดมาตรการแนวทางต่างๆในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่ยังไม่สามารถหยุดยั้งการเสียชีวิตบนท้องถนนได้อย่างที่คาดหวังไว้

https://youtu.be/eA5cMzgrzrI

ตำรวจครบุรีโคราช รวบเครือข่ายยาบ้าแก๊ง “มันทุกเม็ด” พร้อมของกลางกว่า 1,200 เม็ด>>มีคลิป

ตำรวจครบุรีโคราช รวบเครือข่ายยาบ้าแก๊ง “มันทุกเม็ด” พร้อมของกลางกว่า 1,200 เม็ด

ที่ห้องงานสืบสวน สภ.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พ.ต.ท.กมล วงศ์แสนสาน สารวัตรสืบสวน สภ.ครบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมทำการสอบากคำ นายนนทพัทธ์ หรือ อ๊อฟ  นินดีสระน้อย อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 140 หมู่ที่ 16 ต.หนองบุญมาก อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา  หนึ่งในสมาชิกเครือข่ายยาบ้าแก๊ง “มันทุกเม็ด” หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนติดตามจับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1,233 เม็ด เมื่อคืนที่ผ่านมา

โดยการจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ครบุรี ทำการสืบสวนขยายผลจากผู้เสพยาบ้าในพื้นที่ จนทราบว่านายนนทพัทธ์ เป็นหนึ่งในเอเย่นที่นำยาบ้ามาจำหน่ายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่อำเภอครบุรี จึงทำทีติดต่อขอซื้อยาบ้าจากนายนนทพัทธ์ จนนายนนทพัทธ์ หลงเชื่อและนำยาบ้ามาจำหน่ายให้กับสายลับ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 110 เม็ด ซึ่งบรรจุถุงสีดำมีตรารูปแอปเปิ้ลใส่มาในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปค้นที่บ้านพักตามบัตรประชาชน ที่อำเภอหนองบุญมาก พบยาบ้าเพิ่มอีกจำนวน 1,123 เม็ด จึงนำตัวมาทำการสอบสวนขยายผล

พ.ต.ท.กมล วงศ์แสนสาน สารวัตรสืบสวน สภ.ครบุรี เปิดเผยว่า จากการสืบสวนในเบื้องต้นพบมีหลักฐานการติดต่อซื้อขายยาบ้าผ่านทางโทรศัพท์โดยผู้ต้องหาใช้เฟสบุ๊คในการติดต่อนำยาบ้ามาจากเครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ของประเทศคือ แก๊งมันทุกเม็ด และผู้ต้องหาก็ยอมรับว่าติดต่อกลับเครือข่ายดังกล่าวจริง แต่อ้างว่าถูกล่อลวงให้เข้ามาเกี่ยวพัน เนื่องจากเป็นคนที่ไม่มีงานทำ และเครือข่ายแก๊งมันทุกเม็ดก็เป็นผู้ติดต่อเสนองานมาให้ทำจึงสมัครเข้าไปลองทำดู โดยเงื่อนไขในการสมัครต้องส่งเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนและรหัสเข้าถึงเพสบุ๊คไปให้ทางเครือข่ายแก๊ง  จากนั้นก็จะได้รับการติดต่อให้ไปรับสิ่งของมาจำหน่ายโดยที่ผู้ต้องหาไม่รู้ว่าเป็นอะไร  จนเห็นของจึงรู้ว่าเป็นยาบ้า แต่จะถอนตัวก็ไม่ได้เพราะทางแก๊งมันทุกเม็ดข่มขู่ว่าจะส่งคนมาทำร้ายร่างกาย พร้อมกับส่งคลิปการณ์รุมทำร้ายคนอื่นๆมาข่มขู่ จึงจำเป็นต้องทำตามคำสั่ง  กระทั่งถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการสวบสวนขยายผลเพิ่มเติมหาเครือข่ายที่ยังเหลืออยู่มาดำเนินคดี ก่อนจะแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ครบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

หนุ่มโคราช ระดมเงินสร้างเมรุเผาสัตว์เลี้ยงเป็นสาธารณะประโยชน์ให้คนรักสัตว์อุทิศส่วนกุศลในวาระสุดท้าย

หนุ่มเมืองโคราช รักสุนัขเหมือนคนในครอบครัว ระดมเงินสร้างเมรุเผาสัตว์เลี้ยงเป็นสาธารณะประโยชน์ให้คนรักสัตว์อุทิศส่วนกุศลในวาระสุดท้าย

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ โย เซฟวัน ได้โพสต์ ภาพบรรยากาศการประกอบพิธีส่งมอบสถานที่ศาลา และเตาเผาสัตว์เลี้ยงให้วัดหนองปรู มีข้อความระบุว่า “ ฝากแชร์ มีแล้วโคราช เตาเผาสัตว์เลี้ยงไม่คิดค่าบริการ      ( จ่ายแค่ค่าถ่านไม่เกิน 200 บาท) เปิดให้ใช้งานแล้ว ทางเข้าประตู 1 มทส. วัดหนองปรู Cr ภาพ ED kitda ” ได้รับความสนใจจากชาวเน็ต และคนรักสัตว์ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 กันยายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่วัดหนองปรู หมู่ 4 ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบสิ่งปลูกสร้างคล้ายเมรุ แต่มีขนาดเล็กกว่า ทาสีขาวทั้งหลัง พร้อมมีเตาเผาขนาดเล็กอยู่ภายใน รอบบริเวณตั้งรูปปั้นสุนัขกว่า 10 ตัววางรอบบริเวณทางขึ้น โดยมี นายยุทธนา หรือโย  ชัยศิริ อายุ 40 ปี เจ้าของธุรกิจจำหน่ายสินค้าไอที ตลาดเซฟวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นผู้ระดมเงินบริจาคก่อสร้าง ฯ นำเดินชม และอธิบายสาเหตุในการดำเนินการ

นายยุทธนา หรือโย ฯ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน ปีที่ผ่านมา “น้องอุษา” สุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อก เพศเมีย วัย 4 ปี เป็นสุนัขคู่ใจ เลี้ยงดูเป็นอย่างดี ราวกับสมาชิกในครอบครัว ได้ตายด้วยโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก มีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ด้วยความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงตนต้องการให้มีการประกอบพิธีฌาปนกิจ แต่ในพื้นที่ มีสถานที่เพื่อประกอบพิธีให้สัตว์เลี้ยงเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ในวาระสุดท้าย ไม่เพียงพอ

จนกระทั่งพบว่าที่วัดหนองปรู ฯ มีเตาเผาสำหรับสัตว์เลี้ยง แต่มีสภาพทรุดโทรม ไม่สามารถรองรับสุนัขที่มีขนาดใหญ่ได้ จำเป็นต้องก่อสร้างใหม่ โชคดีที่ผ่านมาตน และน้องอุษา เคยร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิ องค์กรเกี่ยวกับการดูแลอุปการะสัตว์ รวมถึงโรงพยาบาลรักษาสัตว์ และเครือข่ายผู้รักสัตว์ ได้ร่วมกัน ระดมเงินทุนใช้ในการก่อสร้าง ฯ มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากวัดหนองปรู ให้ใช้พื้นที่ดำเนินการก่อสร้าง พร้อมฝังเถ้ากระดูกของ “น้องอุษา” ไว้ด้านใต้ศาลา ฯ ใช้ชื่อ “ ศาลาอุษาวดี และเตาเผาสัตว์ ” ให้เป็นสาธารณะประโยชน์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณ “ น้องอุษา ” ไปสู่ภพภูมิที่ดี

ประชาชนทั่วไปสามารถนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาใช้บริการได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ต้องจ่ายค่าเชื้อเพลิงไม่เกิน 200 บาท ส่วนเงินบริจาคในการประกอบพิธีสวดบังสุกุล คล้ายกับการเผาศพของคนแต่มีการตัดบทสวดมนต์ออกไป รวมทั้งเงินค่าบำรุงวัด ไม่กำหนด อยู่ที่กำลังทรัพย์ ความสมัครใจของเจ้าภาพ ติดต่อนัดหมายเพื่อประกอบพิธีฯ ได้ที่พระสุทัศน์  กิตฺติสาโร ( สืบแสนศรี) หมายเลขโทรศัพท์มือถือ 098 -5454336

Cr.ประสิทธิ์ วนะชกิจ

 

โครงการ “พี่ทหารสานฝันก้าวสู่ Thailand 4.0” รุ่นที่ 6/2561”

พิธีเปิดโครงการ“พี่ทหารสานฝันก้าวสู่ Thailand 4.0 รุ่นที่ 6”

วันที่ 11 กันยายน 2561เวลา 13.30น.พิธีเปิดโครงการ “พี่ทหารสานฝันก้าวสู่ Thailand 4.0” รุ่นที่ 6/2561” ณ เทอร์มินอล ฮอลล์ ชั้น 4ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21อ.เมือง จ.นครราชสีมา
โดยพลโท ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2ประธาน
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31ผู้อำนวยการสถานศึกษาและน้องๆ เยาวชนที่รักทุกคน
พิธีเปิดโครงการ“พี่ทหารสานฝันก้าวสู่ Thailand 4.0 รุ่นที่ 6” โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักนายกรัฐมนตรีกองทัพภาคที่ 2และกระทรวงศึกษาธิการเป็นโครงการที่เสริมสร้าง ความพร้อมให้เยาวชนซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายนำไปเตรียมตัวในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้จากวิทยากรที่มีชื่อเสียงมีความสามารถ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและพร้อมเติบโตเป็นประชากร ของประเทศชาติที่มีคุณภาพนำความรู้ความสามารถไปพัฒนาประเทศของเราต่อไปและสิ่งที่สำคัญคือ
เราจะต้องเป็นคนดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมีความรักชาติ เทิดทูนสถาบันศาสนาและพระมหากษัตริย์มีความรัก ต่อสถาบันครอบครัวและสังคมมีคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำพาให้ชีวิตมีความสุขประเทศชาติ มีความเจริญก้าวหน้าผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในห้วงเวลาที่ได้เรียนรู้ในโครงการนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ สถานศึกษาส่วนราชการ ที่ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง ทำให้โครงการ “พี่ทหารสานฝันก้าวสู่ Thailand 4.0รุ่นที่ 6 ครั้งนี้เกิดขึ้นและบรรลุตามวัตถุประสงค์เป็นอย่างดี
วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร์เทพยวรางกูร เพื่อยกระดับ เตรียมความพร้อมนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อสนองนโยบาย พัฒนาสังคมด้านสังคม มุ่งกระจายโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนในทุกด้าน ให้ก้าวสู่นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการปฏิรูปประเทศในทุกๆด้านรวมทั้งปลูกฝังเยาวชนมีความรักชาติ ในสถาบันชาติปฏิบัติตนตามหลักของศาสนาและมีความเคารพเทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย มีนักเรียนศึกษาวิชาทหารจากศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 21 มณฑลทหารบกที่ 25 และมณฑลทหารบกที่ 26 เข้าร่วมโครงการจำนวน 1,000 คน และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ 6 สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาจำนวน 600 คนรวมทั้งสิ้น 1,600 คน การดำเนินการครั้งนี้ ได้รับข้อมูลมาจากสำนักนายกรัฐมนตรี รายการสั่งซื้อของที่ระลึกให้กับนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งได้รับความร่วมมือจาก ผู้อำนวยการโรงเรียน ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาจารย์ ศักดิ์ครินซ์ จงหาญ ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์สถานที่ในการจัดกิจกรรม ตามโครงการการในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าว​รายงานว่่าในการจัดงาน​ครั้งนี้​ มีการจัดกิจกรรม​การแสดง​ พูดคุย​ให้รางวัลแก่นักเรียนที่ตอบคำถาม​ต่อจากนั้นก็ได้ถ่ายรูปหมู่คู่กันกับนักเรียน​และนักศึกษาวิชาทหาร​กันอย่างเป็นกันเองกับพันโทนายแพทย์ภาคย์ โลหารชุน ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 และครูนะอาจารย์ภาษาอังกฤษ ผู้จัดการโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ

พบโคตายติดกัน 3 ตัว และล้มป่วย 2 ตัว ที่ อ.บัวใหญ่ โคราช ปศุสัตว์เร่งหาสาเหตุ ป้องกันความแตกตื่น

พบโคตายติดกัน 3 ตัว และล้มป่วย 2 ตัว ที่ อ.บัวใหญ่ โคราช ปศุสัตว์เร่งหาสาเหตุ ป้องกันความแตกตื่น

            ที่บ้านเลขที่ 87 บ้านห้วยคร้อ หมู่ 5 ต.ห้วยยาง อ.บัวใหญ่ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 กันยายน นายอำนาจ  สุรินทร์ต๊ะ ปศุสัตว์อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่ปกครองได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพบโคตายจำนวน 3 ตัว โดยไม่ทราบสาเหตุ

พบนายอนุชาติ  ถมกลาง อายุ 44 ปี เจ้าของโคและเพื่อนบ้านกำลังเฝ้าดูแม่โคและลูกอ่อน ซึ่งมีอาการเชื่องซึมกินหญ้าได้น้อยกว่าปกติพร้อมจับกลุ่มพูดคุยด้วยความรู้ ความเข้าใจสันนิษฐานสาเหตุโคล้มตายรวม 3 ตัว ในระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์และป่วยอีก 2 ตัว เกิดจากโรคระบาด อาจทำให้โคของนายอนุชาติ ฯ จำนวน 10 ตัว ที่เลี้ยงรวมกับโคที่ตาย มีโอกาสติดเชื้อเพิ่มรวมทั้งขยายวงลุกลามเกิดโรคระบาดในพื้นที่ เนื่องจากในละแวกดังกล่าวมีการเลี้ยงโค-กระบือเป็นจำนวนมาก นายอำนาจ ฯ และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโคที่ที่ล้มป่วยเป็นแม่โค อายุ 7 ปี และลูกอ่อน พบอาการเป็นไข้ อ่อนเพลีย จึงให้ยาปฏิชีวนะ ยาบำรุง โดยให้รีบเคลื่อนย้ายโคป่วยไปกักบริเวณและให้เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดรวมทั้งพ่นยาฆ่าเชื้อโรคและให้นายอนุชาติ ฯ จัดการโรงเรือน (คอกเลี้ยงสัตว์) ให้เหมาะสม เน้นความสะอาดและลดความแออัด

นายอำนาจ ฯ ปศุสัตว์อำเภอบัวใหญ่ เปิดเผยว่า โคของนายอนุชาติ ซึ่งเลี้ยงไว้จำนวน 13 ตัว ทั้งหมดเป็นโคเนื้อ พันธุ์พื้นเมืองได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคครบถ้วย โดยเลี้ยงแบบชาวบ้านปล่อยให้โคเดินหากินหญ้าตามแปลงเกษตรกันเอง ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่มีฝนตกแทบทุกวัน นายอนุชาติ ฯ จึงกักโคไว้ในโรงเรือนและออกไปหาหญ้าที่ขึ้นตามไร่อ้อยและไร่มันสำปะหลังมาให้โคกิน ต่อมาโคตัวผู้อายุเฉลี่ย 8 เดือน ถึง 1 ปี รวม 3 ตัว ได้ล้มป่วยกะทันหันและทยอยตาย เบื้องต้นมีอาการอ่อนเพลียไม่กินหญ้าและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ลักษณะปอดติดเชื้อ เจ้าของได้นำซากไปฝังก่อนหน้านี้ จึงไม่สามารถชันสูตรพลิกศพตามหลักการสัตวแพทย์ได้ โรงเรือนที่ปลูกสร้างอยู่ใกล้ๆบ้านพักมีพื้นที่คับแคบ ไม่ได้กางมุ้งตามพื้นค่อนข้างสกปรก มีความชื้นแฉะทั้งน้ำฝนและมูลสัตว์จนส่งกลิ่นเหม็น การเป็นอยู่อย่างแออัด เมื่อมีฝนตกโคจะมายืนรวมกัน เพื่อหนีละอองน้ำฝนประกอบกับนายอนุชาติ ที่ต้องออกไปตระเวนหาหญ้าตามแปลงเกษตรกรรม โดยไม่สอบถามเจ้าของเกี่ยวกับได้ใช้ยาฆ่าหญ้าหรือไม่ ซึ่งหญ้าอาจมีสารพิษตกค้าง เมื่อโคกินอาจทำให้ล้มป่วยตาย ส่วนโคของชาวบ้านที่เลี้ยงในละแวกใกล้เคียง เบื้องต้นยังมีสุขภาพ แข็งแรง เนื่องจากได้จัดการโรงเรือนเหมาะสม เพื่อป้องกันโรคและไม่ให้เกิดความแตกตื่น ตนได้ชี้แจงให้ความรู้ทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชนและเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือในหมู่บ้าน เน้นการจัดการโรงเรือนให้เหมาะสมและการเฝ้าดูพฤติการณ์โค-กระบือ ส่วนสาเหตุการป่วยและตาย เบื้องต้นไม่ใช่โรคระบาดอย่างแน่นอน อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง

เมืองโคราชผุดโครงการ “รถรางเพื่อน้อง” บริการฟรี! หวังแก้ปัญหารถติดชั่วโมงเร่งด่วนบนถนนมิตรภาพ

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ  “รถรางเพื่อน้อง” โดยมีตัวแทนจากตำรวจภูธรภาค 3 เทศบาลนครนครราชสีมาและบริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ร่วมเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ณ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช

พันตำรวจโท โกสินทร์ สะอาดวงศ์ รองผู้กำกับการจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เผยว่า “จากแนวคิดของ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ร่วมกับ เทศบาลนครนครราชสีมา จัดทำโครงการ “รถรางเพื่อน้อง” หวังแก้ปัญหาการจราจรบนถนนมิตรภาพในช่วงเวลา 07.00-08.00 น. โดยเส้นทางนี้มีสถานศึกษาขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณดังกล่าวถึง 4 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา,โรงเรียนเมืองนครราชสีมา, โรงเรียนสุรนารีวิทยา และวิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา ซึ่งมีนักเรียน นักศึกษา รวมกันทั้ง 4 แห่งกว่า 20,000 คน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้ปกครองต้องเดินทางไปส่งนักเรียน นักศึกษา ส่งผลให้มีปริมาณรถบนท้องถนนมากและทำให้รถติด โดยเฉพาะเส้นทางสี่แยกตลาดประปาไปจนถึงบริเวณสามแยกถนนสุรนารายณ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา จากการดำเนินโครงการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มีสถิตินักเรียนใช้บริการนับตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2561 ถึง5 กันยายน 2561 จำนวนทั้งสิ้น 10,542 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 4,180 คน และช่วงเย็น 6,362 คน ทำให้ปริมาณนักเรียนที่ใช้บริการรถรางเฉลี่ยอยู่ที่ 211 คน/วัน โดยกระแสตอบรับจากนักเรียนและผู้ปกครองเป็นไปในทิศทางที่ดี และต้องการให้ขยายโครงการเพิ่มเติม

นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมากล่าวเสริมว่า “แรกเริ่มโครงการได้จัดรถราง จำนวน 3 คันและภายหลังได้รับการสนับสนุนรถรางจากห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราชอีก 2 คัน ทำให้ปัจจุบันมีรถรางไว้บริการรับ-ส่ง ไปยังสถานศึกษาทั้ง 4 แห่ง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นจำนวน 5 คัน ซึ่งรองรับนักเรียน นักศึกษาได้ 220 คน/ครั้ง ให้บริการรับ-ส่ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ แบ่งเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบเช้า เวลา 07.20 น. และรอบเย็น เวลา16.40 น. ใช้เวลาเดินทางเฉลี่ย 5-7 นาที/ครั้ง เดินทางไป-กลับ ระหว่างจุดจอดบริเวณหน้าเดอะมอลล์โคราชและจุดจอดโรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนบริเวณหน้าสถานศึกษาให้ยานพาหนะที่สัญจรผ่านบริเวณหน้าโรงเรียนสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวก ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปส่งบุตรหลานและเป็นการช่วยลดการใช้พลังงาน ลดมลภาวะจากควันรถ อีกทั้งเพื่อเปิดทางให้รถพยาบาล รถกู้ภัย หรือรถของประชาชนในการลำเลียงผู้ป่วยสามารถใช้เส้นทางนี้ไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้อย่างสะดวกและรวดเร็วอีกด้วย”

ด้านนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด เผยว่า “รถรางเพื่อน้องเป็นโครงการที่ดี สามารถลดปัญหาการจราจรติดขัดได้จริง โดยเดอะมอลล์โคราชให้การสนับสนุนรถ shuttle bus จำนวน 2 คัน และพื้นที่ในการรับ-ส่ง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดเส้นทางอย่างเต็มที่ อีกทั้งผู้ปกครองสามารถวางใจได้เพราะทุกที่นั่งได้ทำประกันชีวิตกับไทยประกันชีวิตโดยมีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2561- 28 มิถุนายน 2562 คิดเป็นเงินคุ้มครองจำนวน 10 ล้านบาท และด้วยสถานที่อันเป็นศูนย์กลางของผู้ปกครอง มีความสะดวกสบายที่เดอะมอลล์โคราชจะสามารถมอบให้ได้ เป็นการสร้างความปลอดภัย ความตรงต่อเวลาและประหยัดเวลาในการรับส่งบุตรหลานของพี่น้องชาวโคราช ทางเดอะมอลล์โคราชก็ยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนครับ”

แก่งท่าจักจั่นเรไร สถานที่ท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน อ.ครบุรี

แก่งท่าจักจั่นเรไร  สถานที่ท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน อ.ครบุรี

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวออระยา เหลืองกระโทก กำนันตำบลจระเข้หิน พร้อมผู้นำชุมชนและชาวบ้านร่วมกันออกสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า แก่งท่าจักจั่นเรไร – วังกระทะ ท้องที่บ้านตลิ่งชัน หมู่ที่ 11 ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อเตรียมผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถทำกิจกรรมทางน้ำอีกแห่งของอำเภอครบุรี ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม สร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น โดยแก่งท่าจักจั่นเรไร – วังกระทะ นั้น ต้องเดินทางจากตัวอำเภอครบุรี มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกประมาณ 30 กิโลเมตรจะถึงบ้านตลิ่งชัน จากนั้นต้องเดินทางจากบ้านตลิ่งชันไปยังแก่งท่าจักจั่นเรไร อีกประมาณ 6 กิโลเมตร  ก็จะถึงจุดล่องแก่ง ซึ่งเป็นลำธารซึ่งเป็นต้นน้ำที่ก่อกำเนิดสายน้ำไหลลงสู่เขื่อนมูลบน และเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำมูล มีสภาพแก่งลานหินน้ำไหลหลากผ่านแต่ไม่เชี่ยวและลึกมากนัก  เหมาะสำหรับการล่องแก่ง

โดยทีมสำรวจได้นำเอาห่วงยางและสวมเสื้อชูชีพล่องไปยังลำธารจากแก่งท่าจักจั่นเรไร ไปจนถึงแก่งวังกระทะ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที  ตลอดระยะทางของการล่องแก่ง จะมีอุปสรรคต่างๆที่นักท่องเที่ยวจะได้เผชิญทั้งโขดหิน และอุโมงค์ต้นไม้ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัยและความท้าทายอย่างมาก  ซึ่งหลังจากนี้ทางชุมชนจะได้มีการเข้าไปปรับสภาพลำธารให้มีความปลอดภัยเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปท่องเที่ยวได้โดยสะดวก

นางสาวออระยา เหลืองกระโทก กำนันตำบลจระเข้หิน กล่าวว่า แก่งท่าจักจั่นเรไร – วังกระทะ เป็นลำธารต้นกำเนิดของแม่น้ำมูล มีความสวยงามและเหมาะสมสำหรับการล่องแก่งอย่างมาก หลังจากนี้ทางชุมชนจะช่วยพัฒนาปรับพื้นที่เพื่อให้เหมาะสมกับการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวก็จะเป็นช่วงหน้าฝน เพราะปริมาณน้ำจะมีมากและไหลเชี่ยวให้พอล่องแก่งได้  ซึ่งหากนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจที่จะเดินทางมาเยี่ยมชมและร่วมล่องแก่งช่วงนี้  ขอให้ประสานทางผู้นำชุมชนในพื้นที่เพื่อที่จะได้จัดเตรียมการรักษาความปลอดภัย เพราะยังอยู่ในช่วงการเปิดตัวและพัฒนาพื้นที่   ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

วันบุพการีวัดมะเกลือใหม่ประจำปี2561ครั้งที่ 1มอบทุนการศึกษาส่งเคราะห์จำนวน 150 ทุนฉลองรางวัลญาณสังวร “คนดีศรีสยาม”

วันบุพการีวัดมะเกลือใหม่ประจำปี2561ครั้งที่ 1มอบทุนการศึกษาส่งเคราะห์จำนวน 150 ทุนฉลองรางวัลญาณสังวร “คนดีศรีสยาม”

วันที่ 9 กันยายน2561ณ.ศาลาสักไม้ตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา   การจัดทำบุญวันบุพการีวัดมะเกลือใหม่ประจำปี2561ครั้งที่ 1และทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ 51 ปีพระครูปัครั้งที่ 1ญญาวัฒนกิจรองเจ้าคณะอำเภอสูงเนิน รองเจ้าคณะอำเภอสูงเนินมอบทุนการศึกษาส่งเคราะห์จำนวน 150 ทุนฉลองรางวัลญาณสังวร “คนดีศรีสยาม”โดยท่านประเสริฐ จันทรรวงทอง ประธานและคณะ

เมื่อเวลา 9 นาฬิกาสาธุชนพร้อมกันที่ณ.ศาลาไม้สัก วัดมะเกลือใหม่มีพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูปประจำอาสนสงฆ์ ตั้งประเสริฐ จันทรรวงทองอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย

พระครูปัญญาวัชรกิจรองเจ้าคณะอำเภอสูงเนินจุดธูปเทียนบูชาอดีตบุพการีวัดมะเกลือใหม่ทายกนำพาไหว้พระสมาทานศีลจากนั้นประธานสงฆ์ให้พร กรวดน้ำรับพรและอุทิศส่วนกุศลให้บุพการีวัดมะเกลือใหม่ต่อมาพระครูปัญญาวัชรกิจรองเจ้าคณะอำเภอสูงเนินได้มอบทุนการศึกษาจำนวน 150 ทุนแด่นักเรียนและคณะสงฆ์ที่ร่วมรับทุนการศึกษาและกลุ่มสตรีแม่บ้านได้รำอวยพรอายุวัฒนมงคลครบ 51 ปีต่อจากนั้นท่านประเสริฐ จันทรรวงทอง ประธานได้อ่าน ประกาศรางวัลญาณสังวรคนดีศรีสยามพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญชัยมงคลคาถานายกนำอาราธนาพระปริตร์ ในเวลาต่อมาได้เข้าสู่พิธีสู่ขวัญอายุวัฒนมงคลครบ 51ปี รับของที่ระลึกเป็นอันเสร็จพิธี

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อมาว่า ผู้ทอดผ้าบังสุกุลมีรายชื่อดังนี้ ท่านประเสริฐ จันทรรวงทองรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงคมนาคม สจ.รักชาติ กิริวัฒนศักดิ์ นายสมพงษ์ชัยเฉลิมนายกองค์การบริหารส่วนตำบลมะเกลือใหม่นายเอกชัยพรหมพันธ์ใจนายกองค์การบริหารส่วนตำบลมะเกลือใหม่พันโทหญิงชุติมาภรณ์ เตชะเสนนายกกิ่งกาชาดอำเภอสูงเนิน นายหิรัน พรหมพันธ์ใจ กำนันตำบลมะเกลือใหม่ นางชะลอ เสาะสูงเนินผู้ใหญ่บ้านมะเกลือใหม่หมู่ 12 นางพรรณี มุ่งปั่นกลางผู้ใหญ่บ้านมะเกลือใหม่หมู่ 1นายคำพวน เปินสูงเนิน  ผู้แทนอุบาสิกาวัดมะเกลือใหม่ แม่ครูบุญมี แท้สูงเนินผู้แทนอุวาสิกาวัดมะเกลือใหม่     และรายชื่ออุปการีอุทิศส่วนกุศลให้แก่พระครูศาสนการบริรักษ์อดีตเจ้าคณะอำเภอสูงเนินกิตติมศักดิ์พระอุปัชฌาย์บวชสามเณรพระครูวรรณการโกวิทอดีตเจ้าคณะอำเภอสูงเนินพระอธิการสิงห์ชาติศิริอดีตเจ้าอาวาสวัดมะเกลือใหม่พ่อประยงค์ เชื้อสูงเนินอดีตทายกวัดมะเกลือใหม่พลตำรวจตรีอุทัยแม่ลูกจันทร์หิรัญเกิดอดีตผู้มีอุปการะคุณวัดมะเกลือใหม่พ่อหนูสิน สาสูงเนินอดีตไวยาวัจกรวัดมะเกลือใหม่แม่ทองปาน เป่ย คำภาโยมอุปถัมภ์วัดมะเกลือใหม่พ่อหน่าย แม่ตอง พึ่งสูงเนิน(โยมพ่อโยมแม่ ท่านพระครูปัญญาวัชรกิจ)