บรรยากาศคาวบอยเรืองแสง เริ่มแล้ว เทศกาลอาหารย่างณ โคราชครั้งที่ 12 

บรรยากาศคาวบอยมีแสง เริ่มแล้ว เทศกาลอาหารย่างณ โคราชครั้งที่ 12

วันที่29 พฤศจิกายน 2561 เวลา 19.00 น. ณ.ลานกิจกรรมตลาดเซฟวัน เปิดงานเทศกาลอาหารย่างณ โคราชครั้งที่ 12 โดยท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภอดีตรองนายกรัฐมนตรีประธานเปิดงาน พร้อมด้วยท่านศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  คุณชัชวาล วงศ์จรประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา  คุณจิรศักดิ์ คาระวิวัฒนา ประธานโครงการจัดงานเทศกาลงานย่างครั้งที่ 12 และผู้นำองค์กรภาคเอกชนและสื่อมวลชนทุกท่าน ร่วมเป็นเกียรติเปิดงานในครั้งนี้

การจัดงานประจำปีเทศกาลอาหารย่างณโคราชครั้งที่ 12 thailand bbq festival at korat 2018 ในปีนี้ในครั้งนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 29 พ.ย.2561-3ธ.ค.2561ลานกิจกรรมตลาดเซฟวันนครราชสีมารวม 5 วัน 5 คืนผู้แสดงสินค้ากว่า 200 บูธโดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า500,000คน เงินสะพัดกว่า 50 ล้านบาทศูนย์อาหารมีโต๊ะให้ผู้เข้าชมงานไว้บริการกว่า 900 โต๊ะส่วนการแสดงบนเวทีมีศิลปินชื่อดังระดับประเทศหลากหลายวงนอกจากนี้ภายในงานยังมีหลากหลายกิจกรรมที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถมากันได้ทั้งครอบครัวไม่ได้คอนเสิร์ตคาบอยเรืองแสงโดยการจัดงานในครั้งนี้ขอให้ค้าจังหวัดนครศรีมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งคู่สนุนจากบริษัทห้างร้านต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้สนับสนุนหลักและยังได้รับการส่งเสริมจากภาคเอกชนที่ให้ความสำคัญในการจัดงานในครั้งนี้รวมทั้งพี่น้องสื่อมวลชนทุกแขนงและที่ขาดไม่ได้ความร่วมมือจากบรรดาร้านค้าผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมกิจกรรมทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยายกาศของงานผู้คนได้เดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมากพร้อมเมนูจานเด็ดมากมายหลากหลาย รายการ ภายในงานมีการแจกหลอดสีให้แก่โต๊ะทุกๆโต๊ะด้วยจากนั้นก็มีขบวนรถม้าของท่านประธานเปิดพิธี เดินทางเข้ามาในงาน และการแสดงของคาวบอยคาวเกิร์ลในพีธีเปิดอลังการงานสร้างสุดๆต่อจากนั้นพิธีกรกล่าวให้แขกที่อยู่ที่โต๊ะชู้หลอดสีขึ้นพร้อมกันๆอีกด้วย

โคราช..พบเจ้าอาวาสเสพยาบ้ายาไอซ์ ค้นวัด 3 แห่ง พบเสพยาทั้ง 3 วัด จับสึกพระ 7 รูป

อึ้งพบเจ้าอาวาสเสพยาบ้ายาไอซ์ ค้นวัด 3 แห่ง พบเสพยาทั้ง 3 วัด จับสึกพระ 7 รูป

ปฏิบัติการจู่โจมค้นวัดโคราช อึ้งพบเจ้าอาวาสเสพยาบ้ายาไอซ์ ค้นวัด 3 แห่ง พบเสพยาทั้ง 3 วัด จับสึกพระ 7 รูป พร้อมศิษย์วัด ยึดสารไอซ์ อาวุธปืนอัดลม

จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. สูงเนินสนธิกำลัง ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทหาร  ร่วมกันตรวจค้นจุดเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการ 383 ของสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งเป็นปฏิบัติการทำลายวงจรยาเสพติด สร้างชุมชนสีขาว  โดยให้ตำรวจภูธรสังกัดภาค 3 ทั้ง 8 จังหวัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน โดยเข้าตรวจค้นที่วัด บ้านไร่โคกสูง ตั้งในเขตพื้นที่ ต.มะเกลือเก่า จับกุมพระสุข อภินันโท หรือ นายสุข กล่อมบาง อายุ 37 ปี  พระลูกวัด ได้พร้อมของกลาง ยาบ้า 36 เม็ด และอุปกรณ์การเสพ อยู่ภายในกุฏิ เบื้องต้นรับสารภาพซื้อยาบ้าจากวัยรุ่นไว้เสพ แถมพบมีพฤติกรรม แต่งเป็นฆราวาสเที่ยวตอนกกลางคืนด้วย จึงควบคุมตัวไปสึกพร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย

ล่าสุด ได้ขยายผลเข้าตรวจค้น ที่ วัดสว่างบูรพาราม ม.2 และ ที่ พักสงฆ์เขาหนองบัวธรรมสถาน หรือวัดเขาหนองบัวด้วย ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลเดียวกัน โดยที่วัดบูรพาราม ขออนุญาตตรวจปัสสาวะพระลูกวัด 8 รูป พบเป็นสีม่วง 3 รูป สารภาพว่าเสพยาบ้า 3 รูป ประกอบด้วย 1.พระสุพจน์ สตฺตคฺโณ  หรือ นายสุพจน์  ซุยสูงเนิน อายุ 44 ปี    2.พระมนตรี กิตติโก หรือนายมนตรี สุขดี อายุ 36 ปี  และ 3.พระณรงค์ นรินโท หรือ นายณรงค์ ซอสูงเนิน อายุ 45ปี ส่วนที่ พักสงฆ์เขาหนองบัวธรรมสถาน หรือวันเขาหนองบัว จับกุม ได้อีก 3 รูป และเด็กวัดอีก1 คน ประกอบด้วย พระครูสุตวัฒนานุกูล หรือ นายบุญเชน ภูมิศาสตร์ อายุ 47 ปี  ซึ่งเป็นเจ้าสำนักสงฆ์ หรือเจ้าอาวาสวัด ตรวจค้นกุฏิพบสารไอซ์ 0.61 กรัม อาวุธปืนอัดลมยาวไม่มีทะเบียน1 กระบอก สอบสวนเบื้องต้นรับสารภาพว่าเสพยาบ้า และมียาไอซ์ในครอบครองจริงจึงควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ส่วนพระลูกวัดอีก 3 รูป พบว่าเสพยาบ้า 2 รูป และเด็กวัดอีก 1 คน  ประกอบด้วย1.พระยอดชาย อิสฺสโร หรือนายยอดชาย เอี่ยมเจริญ อายุ 40 ปี  2.พระนครทอง กนตวณโณ หรือนายนครทอง แพไธสง อายุ 46 ปี และ นายแมนสันต์ แพไธสง   ไม่ทราบอายุ ซึ่งเป็นลูกศิษย์วัดที่มีหน้าที่ขับรถให้วัดดังกล่าว เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวพระทั้งหมดไปทำพิธีสึกและส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

คลิป>>

ตำรวจ ปกครอง ทหาร ปิดล้อมวัดดังในโคราช จับพระเสพยาบ้า พร้อมของกลาง คากุฏิ 36 เม็ด

ตำรวจ ปกครอง ทหาร ปิดล้อมวัดดังในโคราช จับพระเสพยาบ้า พร้อมของกลาง คากุฏิ 36 เม็ด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. สูงเนินสนธิกำลัง ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทหาร  ร่วมกันตรวจค้นจุดเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการ 383 ของสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งเป็นปฏิบัติการทำลายวงจรยาเสพติด สร้างชุมชนสีขาว  โดยให้ตำรวจภูธรสังกัดภาค 3 ทั้ง 8 จังหวัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เข้าทำการตรวจค้นที่วัด บ้านไร่โคกสูง ตั้งในเขตพื้นที่ ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา  ซึ่งเป็นจุดที่มีพลเมืองดีแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 ว่า เป็นจุดต้องสงสัยอาจจะมีพระที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เนื่องจากพบว่ามีวัยรุ่นเข้าออกในกุฏิวัดแห่งหนึ่งบ่อยครั้งในช่องที่ผ่านมา

โดยทำการปิดล้อมกุฏิเป้าหมายเป็น หลังสุดท้ายของวัด ซึ่งเป็นของพระสุข อภินันโท หรือ นายสุข กล่อมบาง อายุ 37 ปี (พระลูกวัด) ซึ่งเป็นพระที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย  จากการตรวจค้นภายในกุฏิดังกล่าวพบสภาพข้างในเต็มไปด้วยเครื่องรางของขลัง ทั้งกระดูกมนุษย์ ไหโบราณ มีดดาบอาคม วางกันอยู่ในสภาพรกรุงรัง สอบสวนเบื้องต้นพระรูปดังกล่าวให้การรับสารภาพว่าเสพยาจริง แต่ไม่มียาเสพติด อยู่ในครอบครอง

ต่อมา เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้น อย่างละเอียดจึงพบยาบ้า ซุกอยู่ในกระเป๋าเป้สะพายสี ซึ่งเป็นกระเป๋าประจำตัวของพระสุข รวม 36 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่งภายในกุฏิ นอกจากนี้ยังพบเสื้อกางเกง อยู่ภายในกางเกงด้วยจึงควบคุมตัวไปสอบสวน เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่ายาบ้าทั้งหมดเป็นของตนโดยซื้อมาจากวันรุ่นในพื้นที่คนหนึ่งเมื่อสองอาทิตย์ก่อนประมาณ 50 เม็ด  ซึ่งหลังจากที่ซื้อมาแล้ว วัยรุ่นรายดังกล่าวก็ถูกจับไปได้ จากนั้นจึงเสพยาอยู่ในกฏิเรื่อยมาวันล่ะ 2-3 เม็ด ก่อนที่จะมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว นอกจากนี้จากการสอบสวนยังทราบว่าพระรูปดังกล่าวชอบแต่งชุดฆราวาสออกไปเที่ยวกลางคืน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไปทำพิธีลาสิกขาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

 

 

 

ชาวบ้านขอหวยกระทิงเกยตื้นเขื่อนลำแชะ เผยได้เลขเด็ดจะๆ

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า จากกรณีการพบซากกระทิงเพศเมีย อายุประมาณ 9  ปีน้ำหนักกว่า 700 กิโลกรัม ลอยน้ำตายมาเกยตื้น ที่บริเวณท่าเรือบ้านมาบกราด หมู่ที่ 17 ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมาภายในเขื่อนลำแชะ  เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากตรวจพิสูจน์ทราบของทางเจ้าหน้าที่พบว่ากระทิงตัวดังกล่าวเสียชีวิตจากการกินอาหารซึ่งเป็นต้นมันสำปะหลังของชาวบ้านที่อยู่ริมเขื่อนลำแชะ  ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสัตว์ป่า จึงทำให้เกิดความอึดอัด กระทิงตัวดังกล่าวจึงลงไปดื่มและแช่น้ำภายในเขื่อนลำแชะที่อยู่ติดกับป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี เพื่อให้สบายตัว แต่น้ำที่ลงไปน่าจะมีเป็นร่องน้ำลึก จึงทำให้กระทิงตัวดังกล่าวตกใจจมน้ำเสียชีวิต และได้ทำการกลบฝังเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น

ยังมีควันหลงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เนื่องจากหลังจากที่เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆได้เข้ามาทำการกู้ซากกระทิงตัวดังกล่าวขึ้นมาจากน้ำ ก่อนจะนำไปผ่าพิสูจน์ทราบ มีชาวบ้านจำนวนมากที่อยู่ในบริเวณนั้น เข้ามามุงดูเหตุการณ์ ซึ่งทกคนต่างบอกว่าไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น บางส่วนจึงมองเป็นเรื่องแปลกประหลาด จึงเข้าไปลูบคลำกระทิงตัวดังกล่าวพร้อมกับบอกกล่าวให้กระทิงตัวดังกล่าว ไปสู่สุขติและยังได้กล่าวคำขอโชคลาภและขอเลขเด็ด เนื่องจากเชื่อว่ากระทิงตัวดังกล่าวเป็นตายโหง อาจจะมีอิทธิฤทธิ์ให้โชคลาภได้  พร้อมกับนำธูปเทียนและแป้งมากราบไหว้ขอเลขเด็ดตามความเชื่อด้วย ซึ่งหลายคนบอกว่าได้เลขเด็ดกลับไปเตรียมเสี่ยงโชคในงวดที่จะถึงนี้ด้วย  (โดยตัวเลขที่ได้ไปได้รับการเปิดเผยเบื้องต้นมีดังนี้ 912 , 512 ,50 )

คณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน สำหรับสถานพินิจฯ นครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 ร่วมกันจัดอบรมคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและ เยาวชน

ที่โรงแรมสบายโฮเทล คณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน สำหรับสถานพินิจฯ นครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 ร่วมกันจัดอบรมคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและ เยาวชน โดยมีนายสุวีร์ ตรียุทธนากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน เนื่องด้วยระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและ เยาวชนสำหรับสถานพินิจ พ.ศ. 2554ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและ เยาวชนสำหรับสถานพินิจ เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้อำนวยการสถานพินิจและช่วยเหลือกิจการสถานพินิจ เพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของเด็กและเยาวชนที่อยู่ในความ ควบคุมดูแลของสถานพินิจ อันจะเป็นผลให้การดำเนินการของสถานพินิจ บรรลุตาม วัตถุประสงค์ เกิดผลดีแก่ระบบการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนโดยรวม และ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งคณะกรรมการสงเคราะห์ จึงจัดให้มีการอบรมครั้งนี้ขึ้น

 

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนงาน ยุติธรรมและบทบาทหน้าที่ของกรรมการสงเคราะห์ในการดำเนินงานซึ่งจะเกิดประโยชน์ ต่อเด็กและเยาวชนการอบรมครั้งนี้ มีผู้ที่ผ่านการคัดสรรของคณะกรรมการสรรหากรรมการ สงเคราะห์ที่จะเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งจากรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมการอบรม รวมทั้งสิ้น ๖๕ ราย และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ด้วย การอบรม ประกอบด้วย การบรรยาย การประชุมและแบ่งกลุ่มระดมความคิด  ซึ่งการอบรม ครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการมารับรู้ปัญหาและมาร่วมกันคิดออกแบบการให้ ความช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดของจังหวัดนครราชสีมา ให้เหมาะสม กับสภาพปัญหาของเด็กและเยาวชนแต่ละราย กอรปกับเพื่อแก้ไขปัญหาเด็ก และเยาวชนอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้  คณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน สำหรับสถานพินิจฯ นครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 ได้ร่วมกันเลือกประธานท่านใหม่  ตามวาระ โดยได้มีการเสนอชื่อผู้เข้ารับการเลือกตั้ง  ประกอบด้วย  1. นายอภิชาต  ติยวัฒน์  2. นายวรภพ  จำนงจิตร  3. นางสมใจ  อินทรทรัพย์  และนายธวัช  และจากการโหวตเสียงในที่ประชุม ปรากฏว่า เป็นเอกฉันท์ ให้  นายอภิชาต  ติยวัฒน์   ดำรงตำแหน่งประธาน สงเคราะห์เด็กและเยาวชน สำหรับสถานพินิจฯ นครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3

ชาวบ้านครบุรี โคราช ซึ้งใจ โครงการ OTOP นวัตวิถี สร้างชีวิตใหม่ให้ชุมชนเกษตรหนองผักไร

ชาวบ้านครบุรี ซึ้งใจ โครงการ OTOP นวัตวิถี สร้างชีวิตใหม่ให้ชุมชนเกษตรหนองผักไร

นครราชสีมา –  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านหนองผักไร หมู่ที่ 2 ต.ตะแบกบาน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ต่างรู้สึกดีใจที่โครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้นำงบประมาณเข้ามาสู่หมู่บ้าน เพื่อสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาชุมชนให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชาวบ้านในพื้นที่  ซึ่งก่อนหน้านี้หมู่บ้านหนองผักไร ไม่ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย รู้กันเพียงว่าเป็นหมู่บ้านที่ทำการเกษตรปลูกมันสำปะหลังเป็นหลัก แต่เมื่อโครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เกิดขึ้น ก็มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆเข้ามาส่งเสริม นำจุดเด่นของหมู่บ้าน ซึ่งอยู่บนที่ราบสูงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและความหลากหลายทางการเกษตร มาเป็นจุดขายจนทำให้ขณะนี้หมู่บ้านหนองผักไรเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอย่างมาก

 

ล่าสุดเจ้าหน้าที่พัฒนากรชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันสร้างหอคอยไม้ไผ่ต่างระดับ 3 หลัง พร้อมมีสะพานไม้ไผ่ลดหลั่นต่างระดับกัน ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ของพื้นที่ตำบลตะแบกบานและตำบลใกล้เคียง ซึ่งสามารถมองเป็นเนินเขาที่เขียวขจีไปด้วยพืชผลทางการเกษตรต่างๆ  โดยเฉพาะในช่วงเย็นตอนตะวันตกดิน  นักท่องเที่ยวจะได้เป็นความสวยงามของเนินเขาที่กลายเป็นทะเลสีเขียวสด ด้วยต้นมันสำปะหลัง ข้าวโพด ดาวเรือง และผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ตัดกับสีทองผ่องอำไพของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ซึ่งถือเป็นภาพที่สุดแสนจะสวยงามอย่างมาก นักท่องเที่ยวที่ชื่นชมการถ่ายภาพควรจะต้องลงไปลั่นชัตเตอร์ดูสักครั้ง

นายสำราญ ทนไทย รองประธานชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านหนองผักไร เปิดใจว่า ต้องขอขอบคุณรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ริเริ่มให้เกิดโครงการนี้ขึ้นมา เพราะชาวบ้านในชุมชนไม่เคยคิดมาก่อนว่า พื้นที่การเกษตรแห่งนี้จะสามารถพัฒนาและกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวยงามและได้รับความนิยมเช่นนี้ได้ ซึ่งทางชุมชนเองจะพยายามพัฒนาและต่อยอดโครงการนี้ต่อไปอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะให้ชุมชนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและสร้างรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับชาวบ้านในชุมชนอย่างยั่งยืน

แถลงข่าว งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ” Northeast Tech 18 ” (Korat F.T.)

วันที่27พ.ย.2561ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา โดยนายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธาน นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา นางสาวอุบลรัตน์ บุญประสาทสุข รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ประธานจัดงานผศ.ดร.ปภากร พิทยชวาล รักษาการแทนผู้อำนวยการเทคโนธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ร่วมกันแถลงข่าว

“จังหวัดนครราชสีมาเป็น จังหวัดใหญ่ เป็นศูนย์กลางความเจริญด้านต่างๆของภาคอีสาน ซึ่งจะมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ต่างๆ ครบถ้วนทุกด้านในเร็วๆนี้ ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์เวย์ รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง และสายการบิน ซึ่งจะทำให้เมืองโคราชมีธุรกิจ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยวที่เติบโต พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้จังหวัดนครราชสีมา มีความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากความพร้อมในทุกๆ ด้านของจังหวัด ถือเป็นการเริ่มต้นที่ ดี ที่ทางสภาอุตสาหกรรมจะจัดงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีเป็นประจำในทุกๆปีอย่างต่อเนื่อง อันจะ ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในกลุ่มจังหวัดได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะงาน แสดงสินค้าและเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยใช้ชื่องานว่า ” Northeast Tech 18 ” (Korat F.T.) ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา โดย คาดหวังว่าจะก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในพื้นที่นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมาถือเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจต่างๆ เป็นตัวแทนของภาคเอกชนประสานงานกับภาครัฐ ให้เกิดความร่วมมือในทางธุรกิจ สำหรับการจัดงาน แสดงสินค้าและเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน “Northeast Tech 18” (Korat F.T.)

ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ก่อให้เกิดความร่วมมือจากหลายฝ่าย เพื่อ ต้องการให้เกิดงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในจังหวัดนครราชสีอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการสร้างปรากฏการณ์ ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ยังคาดหวังอยากให้ผู้ประกอบการ นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการประกอบกิจการ และเพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมรวมและประชาชนทั่วไปที่สนใจ ในกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์และจังหวัดใกล้เคียง ได้มีโอกาสเข้าร่วมชมงาน เพื่อนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจใน ยุคอุตสาหกรรม ๔.๐ ได้ และจะได้แสดงศักยภาพของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเตรียมพร้อมสู่การจัดงาน EXPO ในอีก ๒ ปีข้างหน้าด้วย”

ด้านผศ.ดร.ปภากร พิทยชวาล รักษาการแทนผู้อำนวยการเทคโนธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า “ทางเทคโนธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพ ของการจัดงานเทคโนโลยี เพราะทางมหาวิทยาลัย ได้มีการส่งเสริม และสนับสนุนในเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งภายในงานก็จะมีการแสดงผลงาวิจัย และนวัตกรรมต่างๆมากมาย เช่น นวัตกรรมการสร้างเครื่องกำจัดสาหร่ายและ ตะไคร่ในแหล่งน้ำด้วยคลื่นเสียงความเร็วสูง , แผ่นพื้นอัจฉริยะผลิตพลังงานสีเขียวสำหรับประชาคมยุคดิจิตอล , SuraSole แผ่นพื้นรองเท้าอัจฉริยะสำหรับผู้ป่วยข้อเข่า , นวัตกรรมการสร้างเครื่องกำจัดตะกรันใน ท่อส่งน้ำบาดาล , การออกแบบสร้างเครื่องไล่นกด้วยเทคนิคการจับภาพและสั่งการทํางานแบบอัตโนมัติ ร่วมกับระบบจุดระเบิดในกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส , ระบบการให้น้ำอัจฉริยะสำหรับพืช , เครื่องผสมสูตรปุ๋ยสั่งตัดอัตโนมัติ , โดรนแนวคิดใหม่ใช้ในภารกิจถ่ายภาพเพื่อวิเคราะห์พืชผลใน Smart farm ด้วยระบบดิจิทัล ๔.๐ บนรูปแบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต , Smart Mattress , เครื่องหว่านข้าวโดยอัตโนมัติโดยใช้อากาศยานไร้ คนขับ แอพพลิเคชั่นแบบ Android ของระบบผู้เชี่ยวชาญเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจสำหรับการปลูกแตงเทศเพื่อการค้า เป็นต้น”

ปฏิวัติ “นักข่าวอีสาน” ก้าวสู่โลกใหม่บนมือถือเป็น “นักข่าวมืออาชีพ”

ปฏิวัติ “นักข่าวอีสาน” ก้าวสู่โลกใหม่บนมือถือเป็น “นักข่าวมืออาชีพ”

 

“นักข่าวอีสาน” เร่งปรับตัวและเปลี่ยนแนวความคิด เข้าติวเข้ม 3 วันเต็ม เตรียมตัวเป็น “นักข่าวมือถือ มืออาชีพ” ต่อยอดพัฒนาคุณภาพสู่ไทยแลนด์ 4.0

เมื่อเร็วๆนี้ ที่โรงแรมเพชรเกษม แกรนด์ ถนนจิตรบำรุง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ สมาคมเครือข่ายสื่อมวลชนภาคอีสาน ต่อยอดพัฒนาเข้มผู้สื่อข่าวทุกแขนงของภาคอีสาน เป็นรุ่นที่ 2 ภายใต้ชื่อ “นักข่าวมือถือ มืออาชีพ พัฒนา คุณภาพชีวิตสู่ไทยแลนด์ 4.0” เรียนรู้วิธีการถ่ายภาพและตัดต่อ การทำ Content Marketing แบบ Storytelling ระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชนภาคอีสาน กล่าวว่า สมาคมฯ ได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการพัฒนาศักยภาพสื่อมวลชนภาคอีสาน ประจำปี 2561 เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งมีผู้เข้ารับการอบรมในครั้งนี้รวม 68 คน จากจังหวัดต่างในภาคอีสาน ทั้งนี้ยังมีภาคอื่นๆ เช่น สระบุรี และสมุทรปราการ เข้าร่วมอบรมด้วย โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการดำเนินการจัดการอบรม และจัดวิทยากรมาให้ความรู้ ซึ่งเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการต่อยอดความรู้ให้แก่สื่อมวลชนภาคอีสาน ในการผลิตข่าว เพื่อนำเสนอผ่านออนไลน์ พร้อมกันนี้ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้ส่งผู้สังเกตการณ์จำนวน 2 คน เป็นตัวแทนจากองค์กรสื่อมวลชนภาคกลาง และภาคใต้ เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้อีกด้วย

“ซึ่งการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ได้มีวิทยากรมืออาชีพ อย่างเช่น นายกุลพัฒน์ จันทร์ไกรลาศ หรืออาจารย์ต่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสื่อ, อาจารย์จำรัส จันทนาวิวัฒน์, อาจารย์สืบพงษ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต (กลุ่มพลังแห่งต้นกล้า), คุณวิทยา จิรัฐติกาลสกุล (กลุ่มสื่อสุขสันต์) และคุณอุมาพร ตันติยาทร โปรดิวเซอร์ รายการสารคดีโทรทัศน์ บริษัท บุญมีฤทธิ์ จำกัด นอกจากนี้ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้มอบให้นายชาย ปถะคามินทร์ เลขาธิการ มาบรรยายเรื่อง “ภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนไป” และยังเปิดเวทีเสวนา เรื่อง “สังคมสูงวัย” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และอาจารย์กรรณิการ์ บันเทิงจิตร”

ด้าน อาจารย์ดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานสื่อศิลป์วัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สสส. ได้มอบหมายให้แผนงานสื่อศิลป์วัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. เป็นผู้รับผิดชอบงานด้านพัฒนาสื่อ จึงได้ประสานกับสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชนภาคอีสาน โดยการเชิญสื่อมวลชนเข้ามาร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพฯ ซึ่งเป็นความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายหลายๆส่วน ร่วมกันจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสู่ภูมิภาค โดย สสส.ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว โดยเชิญสื่อมวลชนที่ทำงานในภาคต่างๆ เข้ามาร่วมกิจกรรม ในครั้งต่อไปก็จะเป็นการจัดร่วมกับเครือข่ายสื่อมวลชนภาคเหนือ ที่ จ.น่าน จากนั้นจะไปที่ภาคกลาง ที่ จ.ตราด และปิดท้ายที่ภาคใต้ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วจึงจะมีการถอดบทเรียน เพื่อทำหลักสูตร “สื่อศึกษา” เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการอบรมในครั้งต่อๆ ไป

ในวันที่ 2 ของการอบรม ผู้อบรมทุกคนจะได้ลงพื้นที่ฝึกปฏิบัติจริง เพื่อผลิตผลงานคลิปวิดีทัศน์ผ่าน Smartphone ความยาว 5 นาที ในประเด็นหัวข้อที่ใช้ฝึกปฏิบัติการทั้ง 4 ประเด็นหลัก ที่ สสส. ได้กำหนดให้มา ได้แก่ ประเด็นรองรับผู้สูงวัย, ประเด็นกลุ่มอ่อนไหวและเปราะบาง, ประเด็นสิ่งแวดล้อมในชุมชน และประเด็นปัญหาปัจจัยเสี่ยงในชุมชน โดยจะมีวิทยากรพี่เลี้ยง ลงไปให้คำแนะนำวิธีการใช้แอพพลิเคชั่นและผลิตสื่อสร้างสรรค์อย่างถูกหลักและจูงใจผู้ชม

อาจารย์ดนัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เปลี่ยนไป เราจึงต้องมีการอบรมในการใช้มือถือ หรือสมาร์ทโฟน ในการผลิตสื่อในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามหลังจากจบการอบรมแล้วผู้เข้าอบรม จะต้องกลับไปฝึกทบทวนและใช้มือถือต่อยอดในการผลิตข่าวด้วยตัวเองต่อไปเพื่อให้เกิดทักษะ และความชำนาญมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากติดขัดหรือมีข้อสงสัย ก็ยังสามารถสอบถามวิทยากรทุกท่านได้ เพื่อที่เราจะได้มีการพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นต่อไป

ด้าน ดร.กัลยาณี ธรรมจารย์ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ หนึ่งในผู้เข้าร่วมอบรม เล่าด้วยความประทับใจว่า เป็นการอบรมที่เข้มข้น จริงจัง ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติที่ได้มีการแบ่งกลุ่มผู้อบรมฯ และให้ลงไปยังพื้นที่พร้อมวิทยากรพี่เลี้ยง เพื่อหาประเด็นข่าวตามหัวข้อที่ สสส.กำหนด โดยในแต่ละกลุ่มก็ได้มีการประชุมวางแผนร่วมกัน แบ่งมอบหน้าที่ แล้วลงมือถ่ายภาพด้วยมือถือ เพื่อนำมาตัดต่อด้วยแอพพลิเคชั่นในมือถือ ซึ่งเป็นความทันสมัยในยุค 4.0 และที่สำคัญมีความสะดวกสบาย สามารถผลิตสื่อได้โดยง่าย รวดเร็ว แก้ไขได้ตามใจต้องการ และที่สำคัญสามารถนำไปใช้งานได้ทันต่อเหตุการณ์

ทั้งนี้ หลังจากที่ทุกกลุ่มได้ร่วมกันผลิตสื่อตามโจทย์ที่ สสส.กำหนดแล้ว และได้ส่งงาน คณะผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีอาจารย์มานพ  แย้มอุทัย ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. เป็นประธานได้ร่วมกันวิพากย์ถึงเนื้อหา การถ่ายภาพ ความเชื่อมโยงการเล่าเรื่อง เพื่อให้นำไปปรับแก้ ให้ผลงานของแต่ละกลุ่มออกมามีประสิทธิภาพและเป็นที่สนใจของผู้ชม จึงนับได้ว่าการอบรมครั้งนี้เป็นการอบรมเข้มที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมและเรียนรู้การผลิตสื่ออย่างสร้างสรรค์เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ซึ่งจะได้มีการต่อยอดในการจัดโครงการครั้งที่ 3/2561 ต่อไป

พบรีสอร์ทปลูกผักหวานป่า กว่า 2-3 พันต้น ที่อำเภอวังน้ำเขียว

พบรีสอร์ทปลูกผักหวานป่า กว่า 2-3 พันต้น  ที่อำเภอวังน้ำเขียว  จังหวัดนครราชสีมา

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา  ได้พบว่ามีรีสอร์ทที่ อำเภอวังน้ำเขียวจังหวัดนครราชสีมา ได้ปลูกและเพาะพันธุ์ผักหวานป่าจำนวนกว่า 2-3 พันต้น โดยไดพบกับ  นายวรโชติ  สุรจันทร์  หรือเฮียตี๋  เจ้าของไร่ จวนทองผักหวานป่า  อยู่ที่บ้านพุทธชาด  เลขที่ 209 หมู่ 8 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา  ทางขึ้นเขาสลักได ที่ให้บริการบ้านพัก  กางเต้น และงานสัมมนาต่าง ๆ  ซึ่งสถานที่แห่งนี้ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 440 เมตร   โดยนายสรโชติ  สุรจันทร์   หรือเฮียตี๋  ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่ารีสอร์ทไร่จวนทองผักหวานป่าแห่งนี้มีเนื้อที่ 13 ไร่กว่าและได้ปลูกต้นผักหวานป่าไว้ 2-3 พันต้น  สาเหตุที่ปลูกผักหวานป่าเนื่องจากว่าเป็นพืชที่ปลูกยากมากและเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง  หากปลูกพืช ที่ปลูกยากจะเป็นอย่างไร

นายวรโชติ สุระจันทร์กุล หรือเฮียตี๋ยังได้กล่าวต่ออีกว่าผักหวานป่า ที่ปลูกนี้ ส่วนหนึ่งก็จะนำไปขายและอีกส่วนหนึ่งก็จะนำมาประกอบอาหารให้กับลูกค้าได้รับประทานและนอกจากผักหวานป่าแล้วทางไร่ยังได้ปลูกต้นไม้ใหญ่ผลไม้ต่างๆไว้เป็นจำนวนมากเพื่อสร้างความเป็นธรรมชาติให้กับรีสอร์ทและในช่วงฤดูแห่งการท่องเที่ยวนี้   ทางด้านนายวรโชติ  สุรจันทร์  ก็ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนที่ไร่จวนทองผักหวานป่าแห่งนี้ด้วย

ทางด้านของเชฟ  เอกกฤต วงษ์วัน หรือเชฟโจ   ประธานที่ปรึกษาเชฟเขาใหญ่   นครราชสีมา   ได้กล่าวว่า ตนเองได้มาพักผ่อนที่ไร่จวนทองผักหวานป่าแห่งนี้และได้สังเกตเห็นว่ามีต้นผักหวานป่าเป็นจำนวนมาก   จึงได้มีการพูดคุยกับทางด้านเจ้าของรีสอร์ท  และได้แนะนำเมนูที่ทำจากผักหวานป่า  ที่มีอยู่ภายในไร่จวนทองผักหวานแห่งนี้   โดยเชฟโจ  ได้อธิบายถึงสรรพคุณของผักหวานป่าว่า  เป็นผักที่ชอบน้ำเล็กน้อยชอบอากาศเย็นโดยส่วนใหญ่จะมีที่อำเภอวังน้ำเขียวที่เดียวเท่านั้นรวมถึงรสชาติที่กรอบมันหักแกงแบบโบราณเช่นแกงกะทิหัวปลีใส่ผักหวานป่าก็จะมีรสชาติที่กลมกล่อมหรือจะทำเมนูต้มซุปในสไตล์ญี่ปุ่นก็ได้

ซึ่งผักหวานป่าที่ไร่จวนทองมีลักษณะพิเศษคือกรอบใบใหญ่มีรสชาติที่อร่อยมากๆต่างจากผักหวาน บ้านอย่างสิ้นเชิง  นอกจากนี้  เชฟโจ  ยังได้กล่าวอีกว่าผักหวานป่าเป็นผักที่หายากมากและจะหาคนที่ปลูกอย่างจริงจังก็ยากเช่นกันและเป็นที่โชคดีของตนที่ได้มาเที่ยวพักผ่อน  ณ  ที่แห่งนี้และได้เจอกับผู้ที่ปลูกผักหวานป่าไร่จวนทองแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

ชมคลิปและเสียงสัมภาษณ์

เจ้าหน้าที่และชาวบ้านติดป่าสงวนแห่งชาติป่า อ.ครบุรี โคราช เร่งทำแนวป้องกันไฟป่าช่วงหน้าแล้ง

เจ้าหน้าที่และชาวบ้านติดป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี เร่งทำแนวป้องกันไฟป่าช่วงหน้าแล้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิชัย พิทยาพรพิพัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านหนองโบสถ์ – บ่อลิง หมู่ที่ 16 ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.6 (ป่าครบุรี) นำเจ้าหน้าที่ออกทำแนวป้องกันไฟป่า รอบแปลงปลูกป่า โครงการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์ ป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี เนื้อที่จำนวน 300 ไร่ เพื่อเป็นการป้องกันต้นไม้ที่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันปลูกเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าที่เคยเสื่อมโทรม ไม่ให้ถูกไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้นในยามหน้าแล้ง เผาไหม้จนได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นการติดตามดูแลป่าหลังปลูก เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด

โดยในช่วงนี้สภาพของแปลงปลูกป่าดังกล่าว ยังเป็นแปลงปลูกป่าใหม่ ทำให้เกิดมีหญ้าวัชพืชขึ้นปกคลุมจำนวนมาก เนื่องจากต้นไม้ที่นำมาปลูกยังเล็กอยู่ และในยามฤดูแล้งวัชพืชพวกนี้จะแห้งเหี่ยวและจะกลายเป็นเชื้อไฟได้ง่าย  ทางชาวบ้านในชุมชนและเจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งช่วยกันทำแนวกันไฟป่ารอบแปลงปลูกป่า เพื่อหากในกรณีที่เกิดไฟป่า เจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าไปดับไฟได้ง่าย และจะเป็นป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามเข้าไปในแปลงปลูกป่าที่ต้นไม้ยังเล็กเสียหายง่าย ลดอัตราความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้อีกทางหนึ่งด้วย