แลนด์มาร์คพื้นที่ประวัติศาสตร์เมืองโคราช ” เตรียมขอคืนพื้นที่วัดกลางนคร จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชพร้อมปรับภูมิทัศน์ศาลหลักเมือง

ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา พระสีหราชสมาจารมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร (วัดกลางนคร) พร้อมนายวิเชียร   จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ผู้แทนส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือการจัดสร้างอนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครั้งที่ 1/2561 ในวาระนำเสนอรายละเอียด รูปแบบการดำเนินการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชและแนวทางปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ภายในวัดพระนารายณ์ ฯ เพื่อถวายพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผู้สร้างวัดพระนารายณ์ ฯ  เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2199 สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จนเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองโคราช
               นายวิเชียร ฯ ผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่า ขณะนี้เป็นขั้นตอนการเสนอค่าใช้จ่ายการดำเนินการจัดสร้างปฏิมากรรมพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีขนาดความสูง 4 เมตร พร้อมแท่นวางประติมากรรมสูง 3.7 เมตร รวมทั้งแนวทางปรับปรุงตกแต่งภูมิทัศน์ ทางเดินเท้าพื้นที่ขนาด 1,200 ตร.ม. การติดตั้งระบบน้ำประปาและไฟฟ้าส่องสว่างรวมทั้งการรื้อถอนอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น จำนวน 10 คูหา บริเวณทางเข้าวัด ฯ ด้านถนนประจักษ์ เพื่อเชื่อมต่อศาลหลักเมือง โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายพร้อมศึกษาผลกระทบ
                จากการดำเนินงาน เพื่อให้การออกแบบและการจัดสร้างฯ มีความเหมาะสมที่สุด สอดรับกับแผนพัฒนาผังเมือง นำไปสู่การจัดทำหนังสือขออนุญาตกรมศิลปากรพิจารณาความเหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ได้พิจารณาจัดทำรูปหล่อและเหรียญให้เช่าบูชาเพื่อหารายได้สมทบทุนการจัดสร้างฯ รวมทั้งกำหนดปฏิทินดำเนินงานให้ทุกฝ่ายทราบภาระหน้าที่และประสานงานทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ
             ด้านพระสีหราชสมาจารมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยแนวทางการพัฒนาศาลหลักเมืองซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่วัดพระนารายณ์ ว่า สืบเนื่องจากจากโยมผู้เช่าที่ดินของวัดได้คืนสิทธิ์การครอบครองที่หมดสัญญาในปี 2564 โดยมีความต้องการให้เกิดพื้นที่เพิ่มเติมบริเวณด้านทิศเหนือของศาลหลักเมือง คณะกรรมการวัดฯ ได้ปรึกษาหารือร่วมคณะกรรมการศาลหลักเมืองและนายวิเชียร ฯ ผวจ.นครราชสีมา รวมทั้งหัวหนาส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบทางด้านวิศวกรรมสภาพอาคาร ในการเตรียมรื้อถอนอาคาร เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เดินทางมากราบไหว้ สักการะศาลหลักเมืองได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเห็นทัศนียภาพที่สวยงาม สามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่วัดพระนารายณ์ ฯ สามารถประกอบกิจกรรมระหว่างวัดและศาลหลักเมืองได้สะดวกคล่องตัวกว่าเดิมที่ต้องเดินอ้อมไปทางด้านหลัง
อาตมาขอแจ้งให้ผู้เช่าพื้นที่วัด ฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ธรณีสงฆ์ หากรายใดครบกำหนดสัญญาเช่าตามกฎหมาย โปรดคืนพื้นที่ให้วัด โดยเฉพาะบริเวณถนนประจักษ์หรือด้านทิศตะวันตก เพื่อก่อสร้างกำแพงวัดฯ พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงามรองรับการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ให้สมเกียรติและเป็นแลนด์มาร์คของโคราช
นอกจากนี้ยังจัดสร้างพื้นที่บรรจุอัฐิธาตุของท้าวสุรนารี (ย่าโม) ตรงมุมทิศพายัพหรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จากประวัติที่สืบค้น เมื่อปี พ.ศ. 2477 ได้ย้ายอัฐิธาตุย่าโมออกจากวัดไปประดิษฐานที่ประตูชุมพลจนทุกวันนี้ กรรมการวัด ฯ จึงขอคืนพื้นที่เพื่อบูรณะรักษาพื้นที่ประวัติศาสตร์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้เห็นความสำคัญของย่าโม วีรสตรีกู้ชาติ หากเปิดพื้นที่ตามแผนที่กำหนดไว้ จะเห็นความงดงามของศาลหลักเมือง เจดีย์วัด ฯ และพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชรวมทั้งพื้นที่ประวัติศาสตร์ท้าวสุรนารี เชื่อจะเกิดความแตกต่างไปจากเดิมซึ่งที่ผ่านมามีอาคารพาณิชย์บดบังทัศนียภาพ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระนารายณ์ ฯ กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร เป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองติดกลับศาลหลักเมือง สมัยโบราณเรียกว่า “ วัดกลาง ” หรือ “ วัดกลางนครโคราช วรวิหาร ” โดยถือเอาวัดพระนารายณ์ ฯ เป็นศูนย์กลาง รายล้อมด้วยวัดอื่น ๆ ตามที่ตั้งอยู่ทิศต่าง ๆ ตามชื่อทิศ เช่น วัดบูรพ์ (บูรพา) วัดอิสาน วัดพายัพและวัดบึง วัดสระแก้ว รวม 6 วัด ที่ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองโคราช วัดกลางนคร จัดเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือในสมัยก่อนมีพิธีที่ข้าราชการทุกแผนกจะต้องสาบานตนว่าจะต้องรับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดี ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต พิธีนี้เรียกว่า พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาทางราชการได้ใช้วัดพระนารายณ์มหาราช ฯ เป็นสถานที่ในการประกอบพิธี รวมทั้งให้เป็นสถานที่ทำพิธีสวดเสกน้ำพระพุทธมนต์ถวายในงานพระราชพิธีเสวยราชสมบัติ ปัจจุบันวัดพระนารยณ์ ยังมีศิลปะวัตถุพร้อมทั้งแบบสถาปัตยกรรมของสมัยกรุงศรีอยุธยาและปูชนียสถาน ประกอบด้วย พระอุโบสถที่ตั้งอยู่เกาะกลางสระบัวทิศตะวันออกของวัด พระวิหารหลวงและเทวรูปพระนารายณ์สี่กร จำหลักด้วยหินทรายฝีมือขอมโบราณอันเป็นสัญลักษณ์แสดงพระนามผู้สร้างวัด

!!ชาวบ้านโวยแห่ลงนามประท้วงเจ้าของบ้านที่เลี้ยงสุนัขทั้งเห่าทั้งหอนแถมยังกัดผู้คนในชุมชนจนหวาดกลัว

เมื่อ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 เวลา 10:00 น. ที่หมู่บ้านชัดมงคลหมู่. 3 ตำบลหมื่นไวย. อำเภอเมือง. จังหวัดนครราชสีมา. นายวัชรินทร์. พัดเกาะ. นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย. ได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่3 ตำบลหมื่นไวย. อำเภอเมือง. จังหวัดนครราชสีมา. ที่ได้มาหยื่นหนังสือต่อองค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย. เพื่อเร่งแก้ปัญหาให้กับชุมชนโดยด่วนเร่ง. นายวัชรินทร์. พัดเกาะ. นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย

หลังจากได้รับหนังสือจากชาวบ้านก็ได้สั่งการประสานงานไปยังนิติกรประจำ อบต. รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุขขององค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย. เพื่อกำชับให้ลงพื้นที่เยังบ้านเลขที่ 260 / 73 หมู่ 3 ซอย 2 ตำบลหมื่นไวยอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่มายังบ้านเลขที่ 260 / 73 ก็ได้พบกับเจ้าของสุนัขคือนางพรและลูกสาวของนางพรได้ออกมาให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ว่าตนไม่ยอมรับว่าสุนัขของตนเห่าหอนและกัดคนแต่อย่างใดและยังยืนยันกับทาง เจ้าหน้าที่ว่าตนเลี้ยงสุนัขมานานแล้วไม่เคยสร้างปัญหาเดือดร้อนให้กับชุมชนเพียงแต่ว่ามีคนบางคนเท่านั้นที่ไม่พอใจในครอบครัวของตนเลยมีการกลั่นแกล้ง เลยแจ้งเจ้าหน้าที่ อบต. เพื่อมาสร้างความรำคาญใจให้กับครอบครัวของตนเท่านั้นทั้งทั้งที่ตนก็เคยทะเลาะวิวาทกับบ้านใกล้เรือนเคียงอยู่บ่อยครั้งไม่เคยทะเลาะเรื่องสุนัขของตนแต่ทะเลาะเรื่องอื่นทางครอบครัวตนพร้อมที่จะต่อสู้และพิสูจน์หาข้อเท็จจริงอีกด้วย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อบต. สมชายสมาย. กลั่นวิลัย สมาชิก อบต. หมู่. 3 ได้ออกมายืนยันกับทางเจ้าหน้าที่ว่าสุนัขของนางพรซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 260 / 73ได้ก่อความรำคาญจริงทั้งเห่าหอนเสียงดังบางวันก็ไล่กัดคนในชุมชนจนทำให้คนในชุมชนหวัดระแวงและเกรงกลัวว่าจะโดนกัด. ตนเคยตักเตือนอยู่บ่อยครั้งแต่นางพร ไม่ใส่ใจแถมยังพูดจาด่าทอผู้คนในชุมชนมาโดยตลอดจนไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่ง วันนี้ตนกับลูกบ้านประมาณ 16 หลังคาเรือนได้รวมตัวกันยื่นหนังสือต่ออบต. เพื่อลงพื้นที่แก้ปัญหาให้กับชุมชนต่อไป

ตร.ภ.3ล่อซื้อยาบ้า ซุกกระเป๋ากีตาร์อำพราง ถูกจับพร้อมของกลาง 12,000 เม็ด >>มีวีดีโอ

ตร.ภ.3ล่อซื้อยาบ้า ซุกกระเป๋ากีตาร์อำพราง ถูกจับพร้อมของกลาง 12,000 เม็ด สืบประวัติพึ่งพ้นโทษได้ไม่นาน

วันที่ 1 พ.ย. 2561 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ (ผบช.ภ.5) รรท.ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 และ พ.ต.อ.สกาญจน์ นิลอ่อน ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.3 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายอมรวัฒน์ หรือ เบียร์ โพธิ์ไธสง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังจากจับกุมได้พร้อมยาบ้า6 มัด จำนวน 12,000 เม็ด กระเป๋ากีตาร์สีดำที่ใช้บรรจุยาบ้าอำพราง 1 ใบ โทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องพ.ต.อ.สกาญจน์ นิลอ่อน ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.3 สืบทราบว่ามีเครือข่ายผู้ค้ายาบ้าที่ขนจากกรุงเทพมาส่งลูกค้าในเขตภาคอีสานรวมทั้ง จ.นครราชสีมา จึงวางแผนให้ชุดสืบ ติดต่อล่อซื้อยาบ้า 1 มัด 2,000 เม็ด ในราคา 50,000 บาท  โดยติดต่อกันทางโทรศัพท์ นัดส่งของกันที่ บ.ข.ส.2 นครราชสีมา เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเมื่อถึงเวลานัดหมาย ชุดจับกุมจึงกระจายกำลังดักซุ่มรอ พบนายอมรวัฒน์  สะพายกระเป๋ากีตาร์มายืนรออยู่หน้าร้านกาแฟอาเมซอนภายใน บ.ข.ส.จึงแสดงตัวจับกุมตรวจค้นพบยาบ้าซุกอยู่ในกระเป๋ากีตาร์จำนวน 6 มัน รวม 12,000 จึงควบคุมตัวมาสอบสวน

เบื้องต้นนายอมรวัฒน์ ให้การรับสาภาพว่า ตนเองพึ่งพ้นโทษคดียาเสพติดออกมาได้ไม่นาน โดยรับจ้างขนยาบ้ามาจากนายเล็ก (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกันที่บงการอยู่เบื้องหลังให้นำยาบ้ามาส่งได้ค่าจ้างจำนวน 20,000 บาท โดยมีการสั่งการทางโทรศัพท์ รับยามาจากเขตกรุงเทพก่อนที่จะนำไปส่งลูกค่าตามจุดนัดหมายซึ่งนายเล็กเป็นคนสั่งทั้งหมด ก่อนที่จะถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าวเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายพร้อมกับเตรียมขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ (ผบช.ภ.5) รรท.ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า ยุทธการดังกล่าวเป็นไปตามยุทธการ 383 เป็นแผนปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดทำลายวงจรยาเสพติทุกมิติ สร้างชุมชนสีขาวภาค 3 ใน 3 เดือนในพื้นทีรับผิดชอบ 8 จังหวัด การจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการที่ปฏิบัติจนทำให้สามารถจับกุมตัวผู้ค้ายาบ้าได้และจะมีการขยายผลจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการที่เหลือได้ภายในเวลาไม่นาน

 

วัดลองตองโคราช…ทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2561

ที่วัดลองตอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้กำหนดทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2561 เพื่อเป็นทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์สิ่งปลูกสร้างภายในวัด เพื่อเตรียมการรองรับงานผูกพัทธสีมา ปิดทองฝังลูกนิมิตร ภายในปลายปี 2562 นี้

โดยมีคุณแม่กิมเอ็ง แซ่ผู่ – คุณครูภคภัทร สกุลสุพิพิชญ์ เป็นเจ้าภาพ และมีพี่น้องประชาชน รวมทั้ง สมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมต่อยอดกฐินในครั้งนี้ ได้ยอดรวมทั้งสิ้น 817,960 บาท

แม่ค้าออนไลน์โคราช ถูกค้นร้ายปลอมเป็นเพื่อนส่งข้อความยืมเงิน ก่อนหลงเชื่อสูญเงิน 23,000 บาท

แม่ค้าออนไลน์โคราช ถูกค้นร้ายปลอมเป็นเพื่อนส่งข้อความยืมเงิน ก่อนหลงเชื่อสูญเงิน 23,000 บาท

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ น.ส.ณิชกานต์ รักไทย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1841/20 ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา แม่ค้าขายออนไลน์หลังถูกคนร้ายแฮกเฟสบุ๊ค เพื่อนแล้วส่งข้อความมาขอยืมเงิน ก่อนจะรู้ตัวว่าเป็นคนร้ายก็หลงเชื่อโอนเงินให้ 23,000 บาท

จากการสอบถามน.ส.ณิชกานต์ เล่าว่า ที่ผ่านมา มีเพื่อนในเฟสบุ๊คและทำงานขายสินค้าออนไลน์ ด้วยกันส่งข้อความมาขอยืมเงินจำนวน 23,000 บาท โดยอ้างว่าจะโอนเงินไปจ่ายค่าสินค้าเพราะบัญชีธนาคารของตนมีปัญหาไม่สามารถโอนเงินออกได้ จึงอยากให้ช่วยโอนแทนและจะเอาเงินสดมาคืนให้ โดยให้โอนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อ น.ส.วิณุรา กลิ่นสุคนธ์ บัญชีเลขที่ 724-2-457803 ซึ่งตนก็หลงเชื่อยอมโอนเงินไป 23,000 บาท เพราะคนที่ส่งข้อความมารู้จักชื่อเล่น รู้ว่าทำงานอะไรและรู้ด้วยว่าตนกับเจ้าของเฟสบุ๊คตัวจริง พึ่งไปทานอาหารกันมาไม่กี่ชั่วโมง แต่ก่อนที่ตนจะเอะใจผิดสังเกตุคือคนร้ายส่งข้อความมาขอยืมเงินอีก 3,000 บาท ตนจึงแกล้งถามไปว่าใช่ตัวจริงหรือเปล่าและลองโทรผ่านเฟสบุ๊คไปหาแต่คนร้ายก็ไม่รับสายตน จึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อนเจ้าของเฟสบุ๊คว่าได้ส่งข้อความมายืมเงินหรือเปล่าซึ่งเพื่อนก็บอกว่าไม่ได้ส่งข้อความมายืมเงินตนจึงมั่นใจว่ามีคนร้ายแฮกเฟสบุ๊คเพื่อนแล้วส่งข้อความมามาหลอกยืมเงินดังกล่าว

อย่างไรก็ตามผู้เสียหายได้ทำการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.โพธิ์กลาง และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวคนร้ายและเจ้าของบัญชีธนาคารดำเนินคดีดังกล่าวต่อไป  และอยากฝากแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ใช้เฟสบุ๊คทุกท่านว่าให้ระมัดระวังมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าว  หากมีการส่งข้อความยืมเงิน ก็ขอให้ตรวจสอบให้ดีๆ ว่าใช่ตัวตนที่แท้จริงของผู้ยืมเงินหรือไม่และทางที่ดีไม่ควรให้ใครยืมเงินจะดีกว่า

โรงเรียนบุญวัฒนา โคราช เตรียมจัดงาน “45 ปี กลับบ้านเรา คืนสู่เหย้าชาวฟ้าแดง”

งานรวมรุ่น โรงเรียนบุญวัฒนา โคราช เตรียมจัดงาน “45 ปี กลับบ้านเรา คืนสู่เหย้าชาวฟ้าแดง

ที่ห้องประชุมเอกดวงเดือน โรงเรียนบุญวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ในฐานะ นายกสมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนบุญวัฒนา เป็นประธานแถลงข่าวจัดงาน “45 ปี กลับบ้านเรา คืนสู่เหย้าชาวฟ้าแดง” พร้อมด้วย คณะกรรมการสมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนบุญวัฒนา เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

โดยในปีนี้โรงเรียนบุญวัฒนาครบรอบการก่อตั้งปีที่ 45 จึงได้มีการจัดงาน “45 ปี กลับบ้านเรา คืนสู่เหย้าชาวฟ้าแดง” ในวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2561 เพื่อให้นักเรียนเก่าได้พบปะสังสรรค์ และกลับมาเยี่ยมโรงเรียน พร้อมกับแสดงมุทิตาจิตแด่คุณครู ที่เคยได้อบรมสั่งสอน จนทุกคนประสบความสำเร็จ โดยจะมีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่นักเรียนเก่า ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน ประเทศชาติและผู้ที่บริจาคเงินเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และหารายได้เพื่อมอบเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์

ทั้งนี้ ในวันจัดงานนั้นในช่วงเช้าได้มีการจัดนิทรรศการผลงานยอดเยี่ยมของนักเรียน 8 กลุ่มสาระวิชาและกลุ่มพัฒนาผู้เรียน – ชมการแข่งขันดนตรีสากลของน้องๆรุ่นปัจจุบัน – ชมการแข่งขันเชียร์หรีดเดอร์ – กีฬาสัมพันธ์พี่ (ชายรุ่นใหญ่กับรุ่นน้อง(หญิง)วัยแฉล้ม – กีฬาฟุตบอลสัมพันธ์(ชาย)รุ่นพี่ กับรุ่นน้อง จากนั้นภาคกลางคืนจะเป็นการพบปะสังสรรค์ของศิษย์เก่าบุญวัฒนา โดยนักเรียนเก่าโรงเรียนบุญวัฒนาสามารถติดต่อซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้ที่โรงเรียนบุญวัฒนา ในราคาบัตรละ 400 บาทซึ่งรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายได้จะนำไปช่วยเหลือด้านการศึกษาของนักเรียนในรุ่นปัจจุบัน

 

ฝนตกไม่ทั่วฟ้า โคราชจ่อเจอวิกฤตภัยแล้ง 7 อำเภอ 24 ตำบล 93 หมู่บ้าน ขาดน้ำประปาอุปโภค บริโภค

      นายวิเชียร  จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ฤดูฝนที่ผ่านมามีฝนตกเฉลี่ย 800 มิลลิเมตร น้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ 1,081 มิลลิเมตร แต่โชคดีที่ปริมาณน้ำดิบในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทั้ง 5 แห่ง มีความจุเกินร้อยละ 70 จึงมีน้ำใช้เพียงพอ อย่างไรก็ตามพื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณฝนตกน้อยมาก ทำให้แหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ 17 อำเภอ 118 ตำบล 1,343 หมู่บ้าน  ได้แก่ อ.โนนแดง ,ประทาย ,ด่านขุนทด ,ขามทะเลสอ ,ลำทะเมนชัย ,คง ,บัวใหญ่ ,สูงเนิน , เมือง นครราชสีมา,เมืองยาง ,ห้วยแถลง ,พระทองคำ ,สีดา ,บ้านเหลื่อม ,ขามสะแกแสง ,บัวลาย และ สีคิ้ว เริ่มเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชลประทานและเกษตรอำเภอรวมทั้งฝ่ายปกครองได้สำรวจพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีและเตรียมประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ง โดยมีนาข้าว 687,153.20ไร่ และพืชไร่ 218,815 ไร่ เพื่อพิจารณาจ่ายค่าชดเชยความเสียหายตามสภาพความจริง ส่วนประปาเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา ซึ่งใช้น้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีน้ำอุปโภค บริโภคอย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้ง แต่ กปภ.ทั้ง 10 สาขา ต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะ กปภ.อ.คง ซึ่งใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตะคร้อ จากพื้นที่ความจุ 7 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้เหลือเพียง 8 แสน ลบ.ม. ถือว่าน้อยมาก จึงแก้ไขโดยสูบน้ำจากลำน้ำชีเข้ามาเพิ่มเติมให้เพียงพอและอ่างเก็บน้ำหนองตะไก้ อ.ห้วยแถลง ก็ต้องสูบน้ำเข้ามาเติมอย่างต่อเนื่องด้วย

ล่าสุดได้รับรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก 7 อำเภอ 24  ตำบล 93 หมู่บ้าน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีความห่วงใยและให้ความสำคัญในเยียวยาปัญหา ตนได้สั่งการให้นายอำเภอเฝ้าระวังเป็นพิเศษกับปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล สถานีอนามัย โรงเรียน และวัด ต้องตรวจสอบข้อมูลประเมินปัญหาอย่างต่อเนื่องแบบเดือนต่อเดือน จังหวัดพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จนถึงช่วงฤดูฝนในเดือนมิถุนายน 62 หากปรากฏความเดือดร้อนของราษฎรเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนน้ำตามสื่อต่างๆ ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของนายอำเภอ ซึ่งต้องติดตามและเร่งแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคให้ผ่านพ้นวิกฤตให้ได้