นักวิ่งชาวต่างชาติคว้าชัย วิ่งฝ่าฝนปลูกป่าช่วยเหลือสัตว์ป่ากับเราที่เขาใหญ่ “Khao Yai Running in The Rain”

Khao Yai Running in The Rain  มร.กิลเรส กูติเออร์ จากฝรั่งเศสใช้เวลา 49 นาทีเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ในระยะทาง 12 กิโลเมตรชาย ขณะที่ ไอริณ โรจนดิษฐ์ ชนะเลิศประเภทหญิง สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ แม่งานแฮปปี้ พร้อมมอบทุนให้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 1 แสนบาท

ผ่านพ้นกันไปแล้วสำหรับการจัดงาน “วิ่งฝ่าฝนไปปลูกป่าและช่วยสัตว์ป่ากับเราที่เขาใหญ่”       ( Khao Yai Running in The Rain ) เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 15ก.ย.2562 ที่ผ่านมา บริเวณ วัดกุดคล้า ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่-เส้นทางแนวกันไฟ) ท่ามกลางบรรยากาศมีฝนโปรยปรายที่ตกต่อเนื่องมาตั้งแต่คืนก่อนแข่ง ทำให้มีลมหนาวเย็นสบาย ขณะที่ผู้เข้าร่วมวิ่งที่สมัครเล่นกันจนเต็ม จำนวน 1,200 คน  ก็เดินทางมากันอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเวลา 05.00 น.

สำหรับงาน “วิ่งฝ่าฝนไปปลูกป่าและช่วยสัตว์ป่ากับเราที่เขาใหญ่” ( Khao Yai Running in The Rain ) เป็นวิ่งการกุศลเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ด้วยการหารายได้ช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมจัดทุนซื้อเครื่องมือช่วยเหลือสัตว์ป่าที่เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บให้กับศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ป่า ดงพญาเย็น โดยรอบอุทยานเขาใหญ่ที่ถือเป็นมรดกโลกแหล่งที่ 5 อีกด้วย
โดยพิธีเปิดมี นายสุรพันธ์ ศิลปะสุวรรณ นายอำเภอปากช่อง เดินทางมาเป็นประธานในการปล่อยตัวนักวิ่ง พร้อมด้วย ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ และผู้มีเกียรติจำนวนมาก อาทิ คุณรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขานครราชสีมา,พ.อ.ถาวร ร่วมสุข ผู้บังคับศูนย์การสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบก,คุณธนะชัย อินทรศร ผอ.หมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว,คุณศารุมภ์ โหม่งสูงเนิน พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา,นพ.พิเชษฐ์ ชุนพิพัฒน์ ผอ.โรงพยาบาลกรุงเทพ – ปากช่อง,คุณไชยนันท์ แสงทอง วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา,ดร.ศุภเสฐ คณากูล นายกสมาคมผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน,คุณชนะพันธ์ แก้วกล้าไชยวุฒิ นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน,คุณชัชวาลย์ วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา,คุณครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่,คุณวันกล้า ขวัญแก้ว นายกสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์,พ.ต.อ.สุวัฒน์ ฉัตรเจริญพร สภ.หมูสี,พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์ สภ.ปากช่อง,คุณสุรสิทธิ์ สิงห์หลง ผอ.การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  และนายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา

ซึ่ง ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ ในฐานะประธานจัดงาน “วิ่งฝ่าฝนไปปลูกป่าและช่วยสัตว์ป่ากับเราที่เขาใหญ่” ( Khao Yai Running in The Rain ) ได้เผยว่า ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ได้จัดวิ่งรายการนี้ขึ้น รู้สึกดีใจมากที่กระแสตอบรับจากนักวิ่งทั่วประเทศหลั่งไหลสมัครเข้าร่วมกันจำนวนมากจนล้นโควต้า และเป็นส่วนหนึ่งในการมอบรายได้ให้กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นจำนวน 100,000 บาท เพื่อนำไปช่วยเหลือสัตว์ป่าที่เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บให้กับศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ป่าในครั้งนี้ ซึ่งนักวิ่งที่มาร่วมต่างก็มีความสุขถ้วนหน้า และยังชื่นชมว่าทางเรากำเนินการได้ดี ทั้งเส้นทางวิ่ง จุดบริการต่างๆ และอาหารที่นำสุดยอดของดีในเมืองโคราชและปากช่องมาบริการอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ก็ขอขอบพระคุณผู้เข้าร่วมที่ได้เป็นมาเยือนและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยชีวิตสัตว์ป่า

“ส่วนปีต่อไปเรายังคงดำเนินการต่อแน่นอน และคงคอนเซปต์ในการจัดช่วงโลวซีซั่นที่เป็นหน้าฝนแบบนี้ นักวิ่งก็บอกว่าได้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ แต่อาจจะขยับให้เร็วขึ้นกว่าเดิมไปเป็นช่วงต้นฝนและมีระยะวิ่ง 21 กิโลเพิ่มเข้ามาด้วย”

 

“ก็ต้องเรียนว่าการจัดกิจกรรมนี้ทุกภาคส่วนและธุรกิจบริเวณรอบเขาใหญ่ต่างร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างดี เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงที่ไม่มีใครมาเที่ยวช่วงหน้าฝน เราต้องการให้เห็นว่าช่วงนี้บรรยากาศที่เขาใหญ่สวยงามไม่แพ้ฤดูอื่นเช่นกัน ซึ่งจากที่เราจัดงานนี้มาปรากฏว่าธุรกิจโรงแรมที่พัก ร้านอาหารดีขึ้นมาก ทุกที่ถูกจองกันเต็มหมด แน่นอนว่าเราจะคงจะวิ่งรายการนี้ต่อไปทุกปี และทำให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม”
ในส่วนผลการแข่งขัน ปรากฏว่าระยะทาง 12 กิโลเมตรชาย เข้ามาเป็นที่ 1 ได้แก่ มร.กิลเรส กูติเออร์ ชาวฝรั่งเศสเข้าเส้นชัยใช้เวลาเพียง 49 นาทีเท่านั้น อันดับสอง นายอภิชาติ เหล่ารัดเดชา อันดับ 3 นายนนทนันท์ นวลงาม ส่วนชนะเลิศประเภทหญิง ชนะเลิศได้แก่ คุณไอริณ โรจนดิษฐ์ ทำเวลา 56 นาที อันดับสอง คุณกัลยา ศรีนันทวงศ์ อันดับ 3 คุณกสุมา โกมล และประเภททีมที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมมากสุดได้แก่ทีม กรานมอนเต้

ระดมกำลังทุกภาคส่วนหาทางรอด..แก้ไขปัญหาชาวไร่อ้อย

ภาคเอกชนขานรับ ระดมหาทางรอดชาวไร่อ้อย แก้ปัญหาราคาน้ำตาลไทย เน้นย้ำลดเผาอ้อย


สอน.จับมือภาคเอกชน หาทางรอดของชาวไร่อ้อย จากวิกฤตอุตสาหกรรมอ้อย น้ำตาลไทย ที่ราคาตกต่ำ เน้นลดเผาอ้อย “ช้างแทรกเตอร์” หนุนรับช่วยชาวไร่อ้อย แก้ปัญหาขาดแรงงาน และเพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในตลาดอาเซียนและตลาดโลกอย่างยั่งยืน


จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับ หน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชน 3 สมาคมหลัก อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล รวมทั้งโรงงานน้ำตาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 21 แห่ง ร่วมสนับสนุนการจัดงาน Sugarex Thailand 2019 โดยมี นายสมพล โนดไธสง รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม นายปานทอง สระคูพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และ Mr. Nong Guang ประธานสมาคมกว่างซีจ้วง ชูการ์ อินดัสทรี่ ร่วมเปิดงาน ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (KICE) จังหวัดขอนแก่น เมื่อเร็วๆ นี้
คุณปุณฑริกา แสนฤทธิ์ ผู้จัดการบริษัท ไฟร์เวิร์คส มีเดีย (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า เป็นการจัดงานครั้งแรกในพื้นที่ภาคอีสาน เพราะเชื่อว่า เป็นภาคที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจด้านการเกษตร อีกทั้งเป็นภาคที่ มีโรงงานน้ำตาลทราย ถึง 21 แห่ง มากที่สุดในประเทศไทย เป็นแหล่งพื้นที่เกษตรกรรม เป็นพื้นที่ปลูกอ้อยที่สำคัญของประเทศ และยังมีเกษตรกรที่ประกอบอาชีพปลูกอ้อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
การจัดงาน Sugarex Thailand 2019 เป็นการรวมตัวของนักวิชาการ ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรม นักลงทุน คู่ค้า ทั้งในประเทศ และต่างประเทศแถบทวีปเอเชีย โดยเฉพาะเครื่องจักรและเทคโนโลยีนวัตกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล นอกจากนี้ ยังได้รับฟังการเสวนาเพื่อเสริมสร้างความรู้สู่ความยั่งยืนให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในหัวข้อ “ทางรอดของชาวไร่อ้อย จากวิกฤตอุตสาหกรรมอ้อย น้ำตาลไทย ที่ราคาตกต่ำ” เน้นย้ำ “มาตรการแก้ปัญหาเผาอ้อย” ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและใส่ใจในสิ่งแวดล้อมของเกษตรกรชาวไร่อ้อย การจัดงาน Sugarex Thailand 2019 จึงเป็นการสร้างประสิทธิภาพ ในวงการธุรกิจน้ำตาล และอ้อย ให้เทียบเท่าระดับสากล คุณปุณฑริกา กล่าว
นายวรกันต์ หงส์กา ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ช้างแทรกเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในฤดูการตัดอ้อย ปัญหาของผู้ประกอบการ คือ ไม่มีแรงงานที่จะมาสางใบอ้อย ดังนั้น ถ้าไม่เผา ก็ไม่มีแรงงานตัด และยังมีปัญหาการขาดแรงงาน เมื่อจำเป็นต้องเร่งตัดในช่วงปลายฤดูกาล จำเป็นต้องพึ่งแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นปัญหาหลักของเกษตรกรชาวไร่อ้อยเช่นเดียวกัน
เชื่อว่า ปัญหาแรงงาน และปัญหาการเผาอ้อย จะหมดไป เมื่อรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างจริงจังในการสนับสนุน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตร และได้ขยายโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี 2562 – 2564 โดยให้ ธนาคาร ธ.ก.ส. เตรียมวงเงินกู้รวม 6,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย หรือ กลุ่มบุคคลและวิสาหกิจชุมชน วงเงินกู้ปีละ 2,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ในอัตราดอกเบี้ย 2%
เพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าและยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ นำไปซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่อท้ายแทรกเตอร์ อาทิ เครื่องสางใบอ้อย เครื่องตัดอ้อย และอื่น ๆ ที่ใช้ในการปลูกและบำรุงรักษาอ้อย เป็นแนวทางในการช่วยเพิ่มผลผลิต รักษาคุณภาพผลผลิตอ้อย ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อีกทั้ง ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ในระยะยาว ส่งผลให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น นับเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย และเพิ่มขีดความสามารถให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยสามารถแข่งขันได้ทั้งในตลาดอาเซียนและตลาดโลกอย่างยั่งยืน
นายวรกันต์ กล่าวต่อว่า อยากให้เกษตรกรได้ศึกษาการใช้งานของเครื่องจักรกล ที่จะเป็นตัวช่วยเพื่อแทนแรงงานที่ขาดแคลนได้ อาทิ เครื่องสางใบอ้อยที่จะช่วยกำจัดใบอ้อยซึ่งเป็นอุปสรรคและปัญหาอันดับแรกของแรงงาน จากนั้น ใช้เครื่องตัดอ้อย เป็นเครื่องช่วยในการทำงานแบบรวดเร็ว สะดวก ไม่เสียเวลา โดยมีรุ่น และขนาดให้เลือกเพื่อ ความเหมาะสมกับพื้นที่การใช้งานจริง เชื่อว่า การใช้เครื่องสางใบอ้อย และเครื่องตัดอ้อย จะทำให้หมดปัญหา การขาดแรงงาน หมดปัญหาการเผาอ้อย เพราะเครื่องสางใบ และเครื่องตัดอ้อย จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการตัดอ้อยได้ทันตามกำหนด และไม่ทำให้คุณค่าของผลผลิตจากอ้อยเสียไปอีกด้วย
“จากการคำนวณ การใช้เครื่องสางใบและเครื่องตัดอ้อย ระยะเวลาการทำงานใน 1 ชม. สามารถตัดอ้อยได้ถึง 2 ไร่ หรือ 40 ตันต่อ1พ่วง ในระยะเวลา8 ชม. สมารถตัดอ้อยได้ 2 พ่วง หรือ 80-100 ตัน จึงเป็นการลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 8 เท่า เพราะการใช้แรงงานคนต้นทุน 120 บาทต่อตัน แต่การใช้เครื่องทุ่นแรง ต้นทุนจะอยู่ที่ 20 บาทต่อตัน ดังนั้น การใช้เครื่องจักรทำงาน จึงเป็นการแก้ปัญหาชาวไร่อ้อยอย่างยั่งยืน สำหรับผู้ประกอบการชาวไร่อ้อยที่สนใจเครื่องจักรเพื่อการเกษตร สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ หจก. เอ็ม.ที. แทรกเตอร์ชุมแพ 59 ม.1 ถ.มะลิวรรณ ต.ไชยสอ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น โทรศัพท์ 081 873 2390 หรือ www.changtractor.com” นายวรกันต์ กล่าว

ผู้ว่าโคราช..นำอุปกรณ์รถเข็นขายลูกชิ้น และสิ่งของยังชีพไปมอบให้กับ นางสุข ศรทอง ที่เลี้ยงหลานลำพัง

ผู้ว่าโคราช..นำอุปกรณ์รถเข็นขายลูกชิ้น และสิ่งของยังชีพไปมอบให้กับ นางสุข ศรทอง ที่เลี้ยงหลานลำพัง

วันที่ 13 กันยายน 2562 ที่ตลาดประชารัฐวันศุกร์ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้นำอุปกรณ์รถเข็นขายลูกชิ้น และสิ่งของยังชีพไปมอบให้กับ นางสุข ศรทอง อายุ 62 ปี ซึ่งประกอบอาชีพค้าขายเล็กๆน้อยๆ และอาชีพเก็บของเก่าขายภายในชุมชนริมทางรถไฟ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา โดยนางสุขฯเป็นสมาชิก อสม.และมีจิตใจเมตตาเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูเด็กชายทรงภพ ชมภู่ หรือน้องปังปอนด์ อายุ 9 เดือน และเด็กหญิงวันวิสา ชมภู่ หรือน้องบอล อายุ 10 ปีพี่สาว


เนื่องจากมารดาของเด็กเสียชีวิตและบิดาก็ไม่สนใจเลี้ยงดูบุตรของตนเองแลัไม่ทราบว่าย้ายไปอบู่ที่ใด ทั้งนี้ทางจังหวัดฯได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ หาที่อยู่อาศัย มอบเงินและอุปกรณ์หาเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นรถเข็นและกระทะเหล็กสำหรับขายลูกชิ้นทอด และมอบเงินลงทุนจำนวน 5,000 บาท มอบให้กับนางสุขฯ ไว้เพื่อทำทุนในการค้าขายเชื่อว่าจะทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระดับหนึ่ง

พิธีเปิด นิทรรศการผลงานการดำเนินโครงการ  ยุวเกษตรกร จังหวัดนครราชสีมา  ประจำปี  2562

ว่าที่ร้อยตรี  นิรันดร์  ดุจจานุทัศน์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  เป็นประธานในพิธีเปิด นิทรรศการผลงานการดำเนินโครงการ  ยุวเกษตรกร จังหวัดนครราชสีมา  ประจำปี  2562

วันที่  10  กันยายน  2562 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา  ลานกิจกรรม  ชั้น  1  โดย เกษตรจังหวัดนครราชสีมา  ได้มีการจัดให้มีพิธีเปิดนิทรรศการผลงานการดำเนินโครงการ  ยุวเกษตรกร จังหวัดนครราชสีมา  ประจำปี 2562  โดยได้รับเกียรติจาก  ว่าที่ร้อยตรีนิรันดร์  ดุจจานุทัศน์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  เป็นประธานในพิธี  โดยมี  นายกังสดาล สวัสดิ์ชัยเกษตรจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้กล่าวรายงาน

นายกังสดาล สวัสดิ์ชัยเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานเสริมสร้างเละพัฒนากลุ่ม ยุวเกษตรกรในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างทัศนคติที่ดี และปลูกฝังค่านิยมการทำงานเกษตรกรให้กับเด็ก และเยาวชนผ่านกระบวนการกลุ่มยุวเกษตรกร ทั้งนี้การจัดแสดงนิทรรศการ และผลการดำเนินงานยุว เกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา จะเป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกร และที่ปรึกษากลุ่มยุว เกษตรกรได้เลกเปลี่ยนเรียนรู้การคำนินงานของกลุ่มยุวเกษตรกรกลุ่มอื่นๆ โดยการรับความรู้ทั้งทางภาค วิชาการ และภาคปฏิบัติการแลกเปลี่ยนความเกิดเห็นการเรียนรู้จากกลุ่มยุวเกษตรกร ที่ประสบความสำเร็จเพื่อนำแนวคิดไปพัฒนาเละสร้างแรงจูงใจในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นการสร้างเครือข่ายให้ยุวเกษตรกร และที่ปรึกษายุวเกษตรกรเกิดความร่วมมือ และสร้างความเข้มเข็งในการขับเคลื่อนการพัฒนางานยุวเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพตลอดจนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมระเบียบวินัยอันเป็นพื้นฐานของการ


ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้  ได้มีเกษตรอำเภอทั้ง  32 อำเภอ และยุวเกษตรกร ทั้ง 32 อำเภอเข้าร่วมแสดงผลงานการดำเนินงาน พร้อมนำเสนอให้กับประธานและคณะกรรมการได้รับรู้ถึงการมีส่วนร่วม  อีกทั้งกิจกรรมดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน  องค์กรต่าง ๆ อาทิ  จังหวัดนครราชสีมา  กรมส่งเสริมการเกษตร  เซ็นทรัลโคราช   สมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา  บริษัทบุญนภาพัฒนาการเกษตร จำกัด  จักรีคอนกรีต และLIES แอพพลิเคชั่นการเกษตร  ที่ได้มอบทุนสนับสนุนในการต่อยอดทางความคิด  และซื้ออุปกรณ์ในการดำเนินงานของน้อง ๆ ยุวเกษตรกร ในจังหวัดนครราชสีมาอีกด้วย

>>>>>>ชมภาพบรรยากาศ>>>>>>>>>>>

 

เปิดจองกันแล้ว..ช้าอดแน่!! พุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ “พระชัยเมืองนครราชสีมา” รุ่น 345 ปี

เปิดจองกันแล้ว..ช้าอดแน่!! พุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ “พระชัยเมืองนครราชสีมา” รุ่น 345 ปี

วันที่ 9  ก.ย.2562เวลา17.30น.โดยนายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธาน พร้อมด้วยเหล่าหัวหน้าส่วนราชการ และประชาขนทั่วไปกว่า 1,000 คน  จัดพิธีพุทธภิเษกพระชัยเมืองนครราชสีมา  รุ่น ฉลองจังหวัดนครราชสีมาครบรอบ  345 ปี  โดยมีพระเกจิเถราจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิต 8 รูป 8 ทิศ อาทิ หลวงปู่จื่อ วัดเขาตาเงาะ , หลวงพ่อจอย วัดโนนไทย , หลวงปู่อุทัย วัดเขาใหญ่ฯ หลวงปู่สามดง วัดอรัญพรหมาราม และ พระอาจารย์ป๋อง วัดสมานมิตร   ทั้งนี้การจัดสร้างพระชัยเมืองนครราชสีมา

สำหรับพระชัยเมืองนครราชสีมา รุ่นฉลองครบรอบ 345 ปีนี้ หล่อด้วยชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศและมวลสารอันศักดิ์สิทธิ์จารย์อักขระแผ่นทอง-เงิน-นาค จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ 32 อำเภอ ในจังหวัดนครราชสีมา โดยฐานองค์พระทำเป็นตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดนครราชสีมา “พระชัยเมืองนครราชสีมา” รุ่นนี้จะมีทั้งหมด 6 ขนาด คือ 1.รูปหล่อพระชัยเมืองนครราชสีมา ขนาด 9 นิ้ว (ชุดนำฤกษ์) ปิดทองแท้และเนื้อนำฤกษ์ จำนวน 99 ชุด ราคาบูชา 19,999 บาท 2.รูปหล่อพระชัยเมืองนครราชสีมา ขนาด 9 นิ้ว (เนื้อทองเหลือง รมดำ) จำนวน 999 ชุด ราคาบูชา 3,999 บาท 3.รูปหล่อพระชัยเมืองนครราชสีมา ขนาด 9 นิ้ว (เนื้อทองเหลืองรมดำปัดทอง) จำนวน 999 ชุด ราคาบูชา 3,999 บาท 4.รูปหล่อพระชัยเมืองนครราชสีมา ขนาด 5.9 นิ้ว (เนื้อทองเหลืองรมดำ) จำนวน 999 ชุด ราคาบูชา 1,999 บาท และ 5.รูปหล่อ พระชัยเมืองนครราชสีมา ขนาด 5.9 นิ้ว (เนื้อทองเหลืองรมดำปัดทอง) จำนวน 999 ชุด ราคาบูชา 1,999 บาท และ 6.เหรียญพระชัยเมืองนครราชสีมา เนื้อชนวนมวลสาร 9,999 เหรียญ

ทั้งพระทุกองค์ทุกขนาดจะมีโค๊ตเลขตอกกำกับ สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่บัดนี้ สนใจสอบถามรายละเอียดและสั่งจองได้ที่ ที่ทำการปกครอง จ.นครราชสีมา (ศาลากลางชั้น 2) โทร. 0-4424-2024, 0-4425-2820 โทร.06-3901-2848, 08-9949-7483 และเฟซบุ๊คพระชัยเมืองนครราชสีมา รุ่นฉลองจังหวัดนครราชสีมาครบรอบ 345 ปี

 

ขอบคุณที่มา  :ภาพ/ข่าวทีมข่าวนครราชสีมา

ผู้ว่าโคราชต้อนรับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ

ผู้ว่าโคราชต้อนรับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ สภาผู้แทนราษฏร  พร้อมจัดสัมมนาเรื่องการมีส่วนร่วมของเกษตรกรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาข้าวโพด  และมันปะหลัง 

วันที่  9  กันยายน  2562  เวลา 08.30 น. ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา     นายวีระกร คำประกอบ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาเรื่องข้าวโพด  และมันสำปะหลัง สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเปิดการสัมมนา การมีส่วนร่วมของเกษตรกร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาข้าวโพดและมันสำปะหลัง เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาพืชเศรษฐกิจข้าวโพดและมันสำปะหลัง รวมทั้งเพื่อให้เกษตรกรและหน่วยงาน        ที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองต่างๆ ด้านสภาพ     การดำเนินงาน ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาข้าวโพดและมันสำปะหลัง

โดยผู้ร่วมสัมมนาประกอบด้วย นายอนันต์ ผลอำนวย ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นายพรชัย อำนวยทรัพย์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ    นายวัชรพล โตมรศักดิ์ อนุกรรมาธิการ และนายสุชาติ ภิญโญ อนุกรรมาธิการ รวมทั้งรับฟังปัญหา    ของเกษตรกรในด้านต่างๆ เช่น ด้านราคา โรคระบาด น้ำ ดิน พันธุ์พืช จากตัวแทนเกษตรกร และปัญหาของผู้ประกอบการโรงแป้งมัน ลานมัน และนายกสมาคมการค้าพืชไร่ โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมตอบ   ข้อซักถาม ซึ่งได้รับความสนใจจากภาคเกษตรกร หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ประชาชนทั่วไปที่เข้าร่วมสัมมนาจำนวน 450 คน

สำหรับการสัมมนา “การมีส่วนร่วมของเกษตรกรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาข้าวโพดและมันสำปะหลัง” เป็นภารกิจที่สำคัญ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 73 บัญญัติว่า “รัฐพึงจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที่ช่วยให้เกษตรกรประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลผลิตที่มีปริมาณและคุณภาพสูง มีความปลอดภัย โดยใช้ต้นทุนต่ำและสามารถแข่งขันในตลาดได้ และพึงช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากไร้ ให้มีที่ทำกินโดยการปฏิรูปที่ดินหรือวิธีอื่นใด”       และจากคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2562 ซึ่งมีนโยบายเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาในการดำรงชีพของประชาชน และการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม เป็นต้น คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ สภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการ        เพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาเรื่องข้าวโพด และ มันสำปะหลัง เพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาเรื่องข้าวโพด         และมันสำปะหลังทั้งระบบ การสัมมนาในวันนี้ จึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สำคัญสำหรับเกษตรกรและหน่วยงาน   ที่เกี่ยวข้อง ที่จะให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวโพด    และมันสำปะหลัง และเป็นเสียงสะท้อนกลับไปสู่รัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป

สโมสรกีฬาจักรยานโคราช ประชุมเตรียมความพร้อม โครงการ โคาชคาร์ฟรีเดย์ 2019 วันที่ 22 กันยายนนี้

สโมสรกีฬาจักรยานโคราช ประชุมเตรียมความพร้อม โครงการ โคาชคาร์ฟรีเดย์ 2019 22 กันยายนนี้

สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครราชสีมา  สโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา และสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันดำเนินการจัดโครงการ โคราชคาร์ฟรีเดย์ ประจำปี 2562  หรือวันปลอดรถ  ซึ่งตรงกับวันที่ 22 กันยายน ของทุกปี องค์กรในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จะรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันมาใช้รถขนส่งมวลชน และรถจักรยานเพิ่มขึ้น เพื่อลดปริมาณรถยนต์ในท้องถนน อันส่งผลถึงการลดปัญหามลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ และยกระดับคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น รวมทั้งลดปัญหาการจราจรติดขัด การเกิดอุบัติเหตุ ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง และจะส่งผลต่อการประหยัดพลังงานน้ำมัน รวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การรณรงค์จะจัดขึ้นในวันที่ 22 กันยายน และทุกวันอาทิตย์ตลอดเดือนกันยายน  เวลา 7:30 น.  ณ สโมสรกีฬาจักรยานจังหวัดนครราชสีมา (ตรงข้ามโรงเรียนโคราชวิทยา)  โดยจะได้รับเกียรติจาก  พลเอก ดร.มารุต  ลิ้มเจริญ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานร่วมกับ ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง  ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา    ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนฟรี ได้ที่ ร้านแชมป์ สปอร์ต


เสื้อ โคราชคาร์ฟรีเดย์ มีจำหน่ายตัวละ 190 บาท และรายได้ร่วมสมทบทุนช่วยเหลือองค์กรต่างๆ จำหน่ายที่ ร้านแชมป์ สปอร์ต (สโมสรกีฬาจักรยานจักหวัดนครราชสีมา) โทร. 044-267411

ปั่นฟรีและมีอาหาร น้ำดื่มบริการแก่ผู้ร่วมรณรงณ์ในครั้งนี้ทุกท่าน

>>>>>>>>>  สัมภาษณ์  นายชาญชัย  บัวสรวง  ประธานสโมสรกีฬาจักรยาน  จังหวัดนครรชสีมา  เรื่องการเตรียมความพร้อมในการ โคราชคาร์ฟรีเดย์  2019  ในวันที่  22  กันยายน  2562

เริ่มแล้ว “ หอการค้าแฟร์ Korat FooDEX” ทีเด็ดอาหารทั่วไทย 6-8 กันยายน 62

ต้องมางานนี้…เดี๋ยวเชยต้องชิมกองทัพอาหารเด็ด!!!การจัดงาน“ หอการค้าแฟร์ Korat FooDEX” ทีเด็ดอาหารทั่วไทย

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2552 เวลา 17. 00 น. ณ ณ หน้าโคราชฮอล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา หอการค้าจังหวัดนครราชสีมาจัดพิธีเปิดงาน หอการค้าแฟร์ Korat FooDEX ขึ้น โดยได้รับเกียรติจาก นายชัชวาล  วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ  นายจรัสชัย  โชคเรืองสกุล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  ให้เกียรติกล่าวต้อนรับประธานในพิธี  โดยได้รับเกียรติจาก นายกลินท์  สารสิน ประธานกรรมการกอการค้าไทย เป็นประธานในพิธีเปิดครั้งนี้   สำหรับงาน  Korat FooDEX จัดเพื่อส่งเสริมธุรกิจเศรษฐกิจของจังหวัดนครราชสีมาขึ้น โดยร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา หอการค้าไทยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา หน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง โดยกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน 2552 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซานครราชสีมา โดยมีวัตถุประสงค์การจัดงาน เพื่อแสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของภาคอีสานในการเป็นศูนย์กลางด้านอาหารของประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศไทย และเพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพสินค้าอาหารและเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมอาหาร อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดนครราชสีมาและภาคอีสานได้อีกทางหนึ่ง


หอการค้าแฟร์ Korat FooLEX ภายใต้คอนเซ็ปต์ ทีเด็ตอาหารทั่วไทย ภายในงานจะได้พบกับมหกรรมอาหารที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน มีการออกร้านกว่า 250 บูธ จากร้านดังทั่วประเทศจากรายการทีวี อาทิ ใจดีกอบแก้ว, ไอติมผัดโบราณมารีย์, ปังพอนด์@โคราช, ไส้กรอกยืนรอ, แม่บี ดอนหวาย, ครัวจันทมาศ, ร้านโชกุน, ศรีจันทร์ซีฟูด, ทองทรัพย์หมูทุบ เมืองปทุม มีการโชว์นวัตกรรมอาหารจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี การเจรจาธุรกิจกับประเทศกัมพูชากว่า 30 ธุรกิจ การสัมมนาเชิงวิชาการ การประกวดส้มตำลีลาชิงเงินรางวัล กิจกรรมสาธิตการทำข้าวแผะ (อาหารที่สาบสูญ) การเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากอายุน้อยร้อยล้าน ร้านขนมคุณภัทรารวมทั้งการลงนามข้อตกลงร่วมกันระหว่างหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และกลุ่ม YEAC ประเทศกัมพูชา เพื่อเป็นการทำการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ

>>>>  ชมภาพบรรยากาศ>>>>>>>

เกษตรจังหวัดนครราชสีมา ปั้นเยาวชน คนโคราช เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้อยู่ในวัยแรงงานเละผู้ประกอบการตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

เกษตรจังหวัดนครราชสีมา ปั้นเยาวชน คนโคราช เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้อยู่ในวัยแรงงานเละผู้ประกอบการตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

วันที่4กันยายน2562 ณ ชั้น 4 เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา งานแถลงข่าวการจัดนิทรรศการผลการดำเนินงานยุวเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ปี 2562 Theme ของการจัดงาน “ฉันภูมิใจที่เป็นยุวเกษตรกร”
ภายได้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าและอุคลาพกรมปลอดภัย Food Valley กิจกรรมการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้อยู่ในวัยแรงงานเละผู้ประกอบการตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
(การขัดนิทรรศการผลการดำเนินงานยุวเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา)ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซานครราชสีมา


โดยนายกังสดาล สวัสดิ์ชัยเกษตรจังหวัดนครราชสีมาและข้าราชการเกษตรจังหวัดนครราชสีมาและต่างอำเภอ ร่วมถึง ยุวเกษตรจำนวน3คนและสื่อมวลชนประชาชนทั่วไปร่วมแถลงข่าว
ปี 2562 จังหวัดนครราชสีมา ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานเสริมสร้างเละพัฒนากลุ่ม ยุวเกษตรกรในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างทัศนคติที่ดี และปลูกฝังค่านิยมการทำงานเกษตรกรให้กับเด็ก และเยาวชนผ่านกระบวนการกลุ่มยุวเกษตรกร ทั้งนี้การจัดแสดงนิทรรศการ และผลการดำเนินงานยุว เกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา จะเป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกร และที่ปรึกษากลุ่มยุว เกษตรกรได้เลกเปลี่ยนเรียนรู้การคำนินงานของกลุ่มยุวเกษตรกรกลุ่มอื่นๆ โดยการรับความรู้ทั้งทางภาค วิชาการ และภาคปฏิบัติการแลกเปลี่ยนความกิดเห็นการเรียนรู้จากกลุ่มยุวเกษตรกร ที่ประสบความสำเร็จเพื่อนำแนวคิดไปพัฒนาเละสร้างแรงจูงใจในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นการสร้งเครือข่ายให้ยุวเกษตรกร และที่ปรึกษายุวเกษตรกรเกิดความร่วมมือ และสร้างความเข้มเข็งในการขับเคลื่อนการพัฒนางานยุวเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพตลอดจนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมระเบียบวินัยอันเป็นพื้นฐานของการ
อยู่ร่วมกันในสังคม เพื่อเป็นการเศรียมความพร้อมให้กับบุคลากรในภาคการเกษตรในอนาคตจึงเป็นการสมควรที่จะจัดงานแสดงนิทรรศการ และผลการคำเนินงานยุวเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2562


ในครั้งนี้โดยกำหนดการ Theme ของการจัดงานว่า “ภูมิใจที่เป็นยุวเกษตรกร”วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มยุวเกษตรกรสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นจิตสำนึก
ต่อมาเกษตรจังหวัดนครราชสีมากล่าวในการแถลงข่าวว่า การส่งเสริมยุวเกษตรไทยได้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2595 โดยผู้เชียวชาญองค์การอาหาร และเกษตรเเห่งสหประชาชาติ ( Food and Agriculture Organization of the United Nations, FAO) ได้เสนอโครงการให้มีการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติสำหรับเกษตรกรผู้เป็นหัวหน้าดรอบครัวและเกษตรกรวัยรุ่น ต่อมาในปี 2496ได้มีการดำเนินโครงการทดลองส่งเสริมการปลูกพืชทำสวนครัว และเลี้ยงสัตว์แก่เยาวชนที่โรงเรียนพรหมา
นุเคราะห์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นครั้งแรก และมีการจัดตั้ง 4HCb ขึ้นในประเทศไทย โคยนำรูปแบบและแนวทางการดำเนินงานมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีการมอบหมายให้กระทรวงเกษตรในขณะนั้น เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการส่งเสริมและจัดตั้งหน่วยยุวกสิกร ต่อมาในปี 2 ได้มีการจัดตั้งกรมส่งเสริมการเกษตร ขึ้นในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้โอนงานส่งเสริมหน่วยยุวกสิกรมาเป็นภารกิของกรมส่งเสริมการเกษตร จากนั้นในปี 2518 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “กลุ่มยุวเกษตรกร”เผื่อให้สอดคล้องกับงานของกรมส่งเสริมการเกษตรปัจจุบันการดำเนินงานส่งเสริม และพัฒนายุวเกษตรกรมาเป็นเวลากว่า67 ปี โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมาเป็นหน่วยงานในส่วนภูมิภาค สังกัดกรมส่งเสริมการเกษตร ได้มีการส่งเสริมการรวมตัวกันของเด็ก และเยาวชนที่มีอายุ 10 – 25ปีมีความสนใจด้านการเกษตรชัดตั้งเป็นกลุ่มยุวเกษตรกรเพื่อพัฒนาความรู้ และทักษะอาชีพการเกษตรทักษะการดำเนินชีวิตในสังคมโดยเน้นวิธีการเรียนรู้จาก
ประสบการณ์และการปฏิบัติงานจริง ( Learning by doing ) ให้ยุวเกษตรกรมีความสามารถแล้ว กวามพร้อมในการสืบทอดอาชีพการเกษตร


วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มยุวเกษตรกรสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นจิตสำนึกรักการเกษตรด้วยกลุ่มยุวเกษตรกรต้นแบบสร้างความภูมิใจในกรเป็นยุวเกษตรกรและเชื่อมโยงเครือข่าย
สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรและที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนางานยุวเกษตรกรและเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายค้นการพัฒนางานเยาวชนในภาคการเกษตรเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานดีเด่นของกลุ่มยุวเกษตรกรตันแบบและนำเสนอผลการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนายุวเกษตรกรของจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งสิ้น 240 คนกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย บรรยายพิเศษความภาคภูมิใจที่ได้เป็นยุวเกษตรกรของยุวเกษตรกรรุ่นพี่ การจัดประกวดแข่งขันโครงงานผลงานเด่น/นวัตกรรมการเกษตร การแข่งขันการแยกเมล็ดพันธุ์พืช การจัดเสดงผลงานเรียงเมล็ดพันธุ์พืชเป็นรูปภาพ กิจกรรม walk rally ภายในเซ็นทรัลพลาซานครราชสีมาเพื่อเข้ฐานเรียนรู้ตงๆ ได้แก่ ฐานเรียนรู้เศรษฐกิพอเพียง ฐานเรียนรู้ค้นปรับปรุงบำรุงดินการทำหมักน้ำหมักชีวภาพ ฐานเรียนรู้ค้นการปรุงดินและกรอกวัสดุปลูกใส่ถุง ฐานเรียนรู้ด้นการขยายพันธุ์พืช ฐานเรียนรู้ค้านแหล่งอาหารโปรตีน และการจัดการผลผลิตสู่ตลาด ณ TOPร ชั้นใต้ดิน
ฐานเรียนรู้ด้านเคหกิจเกษตรและการแปรรูปอาหาร กิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมการแสคงรอบกองไฟ วันที่ 9-11 กันยายน 2562 ณ เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา

ภาพบรรยากาศการแถลงข่าว