หน้ากากอนามัย!! ทำใช้เองก็ได้ ง่ายๆ เพื่อป้องกันเชื้อไวรัส Covid 19 หน้ากากอนามัยทำใช้เองก็ได้ง่ายๆ เพื่อป้องกันเชื้อไวรัส Covid 19 เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีการระบาดของโรค Covid 19 โดยเชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้และติดต่อกันผ่านทางลมหายใจ สารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย จากการถูกไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของคนที่ป่วย ดังนั้น เราควรดูแลตนเองเพื่อให้ร่างกายห่างไกลจากเชื้อไวรัส Covid 19 โดยผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ออกมาแจ้งถึงการต้องเฝ้าระวัง ของเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยมี 4 ข้อหลักที่ควรจำให้ขึ้นใจ เพื่อห่างไกลจาก เชื้อ Covid 19 1.กินร้อน 2.ใช้ช้อนกลาง 3.หมั่นล้างมือ 4.สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงและที่ชุมชน นอกจากนี้ เชื้อไวรัส Covid 19 ยังสามารถติดต่อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น โค ,กระบือ,สุกร เป็นต้น ดังนั้นควรรับประทานเนื้อสัตว์แบบสุกเท่านั้น งดอาหารดิบ และเนื้อสัตว์ป่า และควรงดการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงโรคระบาด ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก ถ้าไม่จำเป็น ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ฯลฯ ขณะนี้ ความต้องการหน้ากากอนามัย มีสูงมาก บางพื้นที่ถึงกับขาดแคลน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณะสุข ดังนั้นจึงได้มีการขอความร่วมมือประชาชนที่ไม่มีอาการป่าย ให้สามารถใช้หน้ากากอนามัยประเภทผ้าได้ โดยมีหลายหน่วยงาน และหลายภาคส่วน ร่วมมือกันนำเสนอวิธีและขั้นตอนการทำหน้ากากอนามัยแบบใช้เองได้ โดยหน้ากากอนามัย มีทั้งหมด 4 แบบ ประกอบด้วย 1. หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น 2. หน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้า 3. หน้ากากอนามัยชนิด N95 4. หน้ากากป้องกันมลพิษ ขั้นตอนการทำ – นำผ้าทั้งสองชิ้นมาพับครึ่งตามแนวยาว – จับจีบทวิซขนาด 1 นิ้ว ตามแนวยาวตรงกลางผ้า เอาเข็มหมุดกลัดไว้ให้อยู่ทรง ทำทั้งสองชิ้น – จากนั้นนำผ้าที่ได้หันด้านนอกขึ้น – นำผ้าชิ้นแรกมาวาง แล้วนำยางยืดมาเย็บติดขอบผ้าทั้งซ้ายขวา ทำเป็นห่วงคล้อง – นำผ้าชิ้นที่สองมาวางทับบนชิ้นแรก โดยหันด้านนอกชนกัน – เย็บรอบผ้าสี่เหลี่ยม กะระยะให้ห่างจากของประมาณ 0.5 ซม. – ระหว่างเย็บให้รอบผืน อย่าลืมเว้นช่องว่างไว้ 1 นิ้วสำหรับกลับตะเข็บ – เย็บเสร็จ ใช้กรรไกรตัดขอบผ้าที่รุ่ยๆ ออก แล้วกลับตะเข็บผ้า – จากนั้นเย็บเก็บงานตรงช่องที่เว้นไว้ 1 นิ้ว แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย ขอบภาพจาก google ขอขอบคุณวิธีการทำหน้ากากอนามัยจาก>>https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/868928<<