สมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร มอบสิ่งของให้กับศูนย์แบ่งปัน 19 พอเพียง ส่งต่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19

สมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร มอบสิ่งของให้กับศูนย์แบ่งปัน 19 พอเพียง ส่งต่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ณ ศูนย์เรียนรู้ ๑๙ บ้านโนนสวรรค์ ตำบลพระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พันโท พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน ,นายพิเย็น ภักดีสุวรรณ หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กฟผ. ,ดร.อำไพพรรณ สิงห์สกุล ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพระเครื่อง จ.ขอนแก่น ,นายสุขุม กาญจนกัณโห ที่ปรึกษานักสื่อสารสร้างสรรค์ ภาคอีสาน , นายพีรพล แสงสุนีย์ ที่ปรึกษาสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.56ปี) ,นางสาวพิมพ์ธนัญญา ธนาพัชร์จิรกุล ผู้บริหารโรงแรมอัญชันลากูน่า ขอนแก่น พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน และทีมนักสื่อสารสร้างสรรค์ ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น ร่วมมอบสิ่งของให้กับศูนย์แบ่งปัน 19 พอเพียง ตำบลพระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมี นายวินัย ทองทัพ กำนันตำบลพระลับ พร้อมทีมบริหาร และฝ่ายปกครองตำบลพระลับ เป็นตัวแทนรับมอบ

นโท พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน กล่าวว่า สมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน ได้ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และทีมนักสื่อสารสร้างสรรค์ ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตร ได้ร่วมกันรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ ได้แก่ พัดลมติดผนัง หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ กระเป๋าผ้า หมวก และน้ำดื่ม มามอบให้กับศูนย์แบ่งปัน 19 พอเพียง ตำบลพระลับ เพื่อนำไปใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตำบลพระลับ ในการปฏิบัติหน้าที่ทุ่มเท เสียสละ และทำงานอย่างเต็มขีดความสามารถ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

จากนั้น นายวินัย ทองทัพ กำนันตำบลพระลับ ได้นำคณะเยี่ยมชม Food Bank การก่อสร้างน้ำตก เพื่อบำบัดน้ำเสีย ตามแนวความคิดทำน้ำเสียให้เป็นเงิน โดยได้รับความอนุเคราะห์ และความร่วมมือจากหน่วยงาน ส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เข้ามาให้คำแนะนำ คำปรึกษา ในการปรับปรุงพื้นที่หนองอีเลิง ซึ่งเป็นแหล่งรับน้ำทิ้ง น้ำเสีย ของเมืองขอนแก่น ให้เป็นน้ำดี ก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำชี โดยใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ท่านได้พระราชทาน เป็นกรอบแนวคิด ซึ่งมุ่งให้ทุกคนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ รวมถึงการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น จนเกิดความยั่งยืน

การจับกุม !!! คดีชิงทรัพย์ห้างเพชรทองเยาวราช บิ๊กซี สาขาปากช่อง

คดีชิงทรัพย์ห้างเพชรทองเยาวราช บิ๊กซี สาขาปากช่อง
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 เวลาประมาณ 17.00 น. มีคนร้าย จำนวน 1 คน สวมหมวก
โม่งสีดำ แว่นตากันแดดปิดบังอำพรางใบหน้า สวมเสื้อพนักงาน Food Panda สีชมพูแขนยาว
สวมถุงมือสีดำ ใส่กางเกงยีนส์ขายาว ขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีขาว ไม่ทราบหมายเลข
ทะเบียน เข้าไปทำการชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืนที่ร้านเพชรทองเยาวราช ภายในห้างบิ๊กชี สาขา
ปากช่อง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าของร้านทองที่เกิดเหตุ
ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงที่แขนทะลุหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในที่เกิดเหตุพบปลอก กระสุนปีน
ขนาด 9 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 1 ปลอก ทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายเป็นทองรูปพรรณ
ยังไม่ทราบจำนวนอยู่ระหว่างตรวจสอบ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา
พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก, พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา, พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์
ผกก.สภ.ปากช่อง ได้ตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง ร่วมกับเจ้าหน้าที่
จาก ศพฐ.3 ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ต่อมา วันที่ 2 ก.ย.2564 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3,
พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก..ภ.จว.นครราชสีมา, พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจน์กิจ ผบก.สส.ภ.3

พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิลัย รอง ผบก.ป. ร่วมประชุมเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย โดยมีการสนธิกำลัง
และบูรณาการร่วมกัน ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ปากช่อง, กองกำกับการสืบสวน
ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3,กองกำกับการ 3
กองบังคับการปราบปราม,กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัว
ผู้กระทำความผิด จากการสืบสวนพบว่าลักษณะรูปพรรณคนร้ายคล้ายกับ ส.ต.ท.อนุชา
บุญอารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สภ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา
จึงได้เชิญตัว ส.ต.ท.อนุชาฯ มาชักถามโตย พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว และ พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก
รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ชักถามด้วยตนเอง จากการซักถาม ส.ต.ท.อนุชาฯ ให้การยอมรับว่า
ตนเองเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากมีหนี้สินจำนวนมาก
ส.ต.ท.อนุขาฯ ได้พาไปชี้จุดชุกช่อนของกลางเป็นทองคำรูปพรรณ จำนวน 132 เส้น
อยู่ในอ่างปูนซึ่งใช้สำหรับปลูกบัวอยู่ในบริเวณ หมู่ 8 บ้านหนองตะกู ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง
จว.นครราชสีมา รวมทั้งได้นำชี้รถจักรยานยนต์ที่เป็นยานพาหนะมาประกอบเหตุ เจ้าหน้าที่
ตำรวจจึงได้ร่วมกันจับกุม ส.ต.ท.อนุขาฯ พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตาม
กฎหมายต่อไป
ตำรวจภูธภาค 3 ขอยืนยันว่า ไม่ว่าผู้กระทำความผิดจะเป็นผู้ใด หากสร้างความเดือดร้อน
กับพี่น้องประชาชนจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว

ซีพีเอฟโคราชส่งมอบอาหารบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้านต่อเนื่อง ขณะที่ภาครัฐชื่นชม วางมาตรการดูแล พนง.และชุมชนได้ดี

ซีพีเอฟโคราชส่งมอบอาหารบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้านต่อเนื่อง
ขณะที่ภาครัฐชื่นชม วางมาตรการดูแล พนง.และชุมชนได้ดี

(นครราชสีมา) ซีพีเอฟ นครราชสีมายืนหยัดการส่งมอบความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชุมชนรอบโรงงาน ล่าสุด ได้สนับสนุนเนื้อไก่สด ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ตามนโยบายเครือซีพี ให้กับผู้นำชุมชนหมู่บ้านโซนกอโจด-ไทรย้อย ต.ท่าเยี่ยม จ.นครราชสีมา รวม 4 หมู่ 37 ครอบครัว เพื่อให้ชุมชนนำไปทำข้าวมันไก่ แจกให้ผู้ที่กักตัวอยู่ที่บ้าน โดยมีสาธารณสุขจังหวัด และ อสม. ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิดด้วย นอกจากนี้ ยังมอบเนื้อไก่-เนื้อหมูอีกกว่า 300 กก. ผ่านท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อสนับสนุนโรงครัวสภากาชาดไทย นำไปปรุงอาหารให้ประชาชน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ได้ลงพื้นที่ มอบถุงยังชีพและหน้ากากอนามัย ในพื้นที่ตำบลสารภี อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากการบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องในชุมชนต่างๆแล้วโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ซีพีเอฟนครราชสีมา ได้ดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเข้มข้น ด้วยการจัดทำมาตรการบับเบิลแอนด์ซีล เพื่อปกป้องทั้งพนักงานและชุมชน ตามแนวทางที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.กำหนด เพื่อควบคุมโรคและจำกัดพื้นที่การระบาด เน้นย้ำการจัดกลุ่ม คุมได้ไว ลดการแพร่กระจาย โดยแยกผู้ติดเชื้อออกไปรักษา ส่วนกลุ่มเสี่ยงได้จัดที่พักกักตัวอยู่ภายในโรงงานและสถานที่พักที่กำหนด พร้อมจัดรถรับส่ง โดยไม่มีพนักงานคนใดออกนอกสถานที่พักหรือนอกเส้นทางระหว่างที่พักกับโรงงานได้

นพ.ชาญชัย บุญอยู่ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้กล่าวชื่นชมซีพีเอฟที่ให้ความร่วมมือ ดำเนินมาตรการต่างๆอย่างเคร่งครัด สอดคล้องกับ นางสาวทิพวรรณ ศรีทรมาศ นักระบาดวิทยา ซึ่งได้กล่าวชมว่าการทำบับเบิลแอนด์ซีลของซีพีเอฟนครราชสีมามีการทำเป็นระบบมีการแยกพนักงานที่มีความเสี่ยงออกจากพนักงานปกติอย่างเด็ดขาดชัดเจนก่อนนำเข้าระบบบับเบิลแอนด์ซีล ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากทำให้ไม่พบพนักงานป่วย หรือมีอาการหนักเพิ่มเติม

นอกจากนี้ พนักงานในโรงงานยังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 กันแล้วเกือบ 100% ทำให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันที่ดี เมื่อผนวกกับมาตรการบับเบิลแอนด์ซีลที่เข้มข้น ทำให้โรงงานแห่งนี้จัดเป็นต้นแบบโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดการระบบป้องกันโควิด-19 ได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของนครราชสีมา./

#แจกฟรีทุกคนที่ฉีดครบ2เข็ม

สำหรับผู้ที่รับวัคซีนครบ 2 เข็ม โดยไม่จำกัดยี่ห้อวัคซีน สถานที่ฉีด และภูมิลำเนา สามารถติดต่อรับได้ฟรีทุกคน ที่เซ็นทรัลโคราช ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป บริเวณด้านหน้า Korat Hall ชั้น 4 เวลา 09.00-16.30 น. โดยแสดงหลักฐานการรับวัคซีนกับเจ้าหน้าที่

สำหรับแคมเปญริสแบนด์ I Got Vaccinated เป็นโครงการโดยภาคเอกชน กลุ่มพลังใจโคราช และ HackVax Korat เป็นผู้จัดทำริสแบนด์มาแจกให้ฟรี โดยร่วมมือกับกลุ่มห้่ง ร้าน และธุรกิจต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา มอบเป็นส่วนลดและสิทธิพิเศษ ให้กับผู้ที่สวมริสแบนด์ มีร้านต่างๆ ในจังหวัดเข้าร่วมแคมเปญมากมาย เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจในจังหวัดสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้โดยเร็วที่สุด

#ชน3คันรวด #แหกระจาย (วันที่ 30 สิงหาคม 2564)

เวลา 06.30 น.เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์กระบะและรถเก๋ง ที่หน้าปั้มน้ำมัน ปตท.บ้านโคกคอนอินทร์
ตำบลมะเริง อำเภอเมือง
จังหวัดนครราชสีมา
ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 2 ราย ทั้ง 2 รายมีแผลถลอกตามร่างกาย รู้สึกตัวดี
กู้ภัยฮุก31 นำผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่1 คนขับรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ100สีดำ-เทา กลน 404 จันทบุรี ทำให้แหที่เก็บไว้ใต้เบาะกระจายออกมา ส่งโรงพยาบาลมหาราช และรายที่2 คนขับรถยนต์กระบะมาสด้า สีขาว 8977 นครราชสีมาส่งโรงพยาบาลป.แพทย์ 2
ผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่1ชื่อนายลิขิต เข็มสุวรรณ์ อายุ 44 ปีที่อยู่ 13/1 หมู่ 2 ตำบลมะเริง
อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
ผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่2ชื่อนายวทัญญู รัตนา อายุ 29 ปี ที่อยู่ 679 ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ส่วนรถคันที่3 โตโยต้า โคโรล่า อัลติส สีขาว 6ภค916 กรุงเทพมหานคร ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

Cr.แจ้งข่าวสารโคราชบ้านเอง

หลวง​ปู่​ไม​ อินฺทสิริ​ ละสังขาร​แล้วด้วย​อาการ​สงบ​ ณ​ โรง​พ​ยา​บ​า​ลรามาธิบดี​ กรุงเทพ​มหานคร

หลวง​ปู่​ไม​ อินฺทสิริ​ ละสังขาร​แล้วด้วย​อาการ​สงบ​ ณ​ โรง​พ​ยา​บ​า​ลรามาธิบดี​ กรุงเทพ​มหานคร​ เมื่อเวลา​ ๐๑.๑๒​ น.​ ตรงกับวัน​ศุกร์​ที่​ ๒๗ สิงหาคม​ ๒๕๖๔​ สิริอายุ​ ๗๓​ ปี​ ๗​ เดือน​ ๒ วัน​ ๕๔​ พรรษา​

ชีวประวัติและปฏิปทาหลวงปู่ไม_อินฺทสิริ

วัดป่าเขาภูหลวง ต.ระเริง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา​

ชีวิตครอบครัววัยเด็ก

หลวง​ปู่​ไม​ อินทสิริ​ ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์​ที่​ ๒๕​ มกราคม​ ๒๔๙๑​ ตรงกับวันพระขึ้น​ ๑๕​ ค่ำ​ เดือน​ ๒​ ปีชวด​ เกิดในสกุล​ “จันทร์​เหล็ก” บิดาชื่อ​ “นายด้วง” มารดาชื่อ​”นางจันทร์ศรี” เกิด​บ้านเลขที่​ ๒๐​ หมู่​ ๗​ ตำบลคอนสาย​ อำเภอกู่แก้ว​ จังหวัด​อุดรธานี

ท่านเป็นคนที่มีนิสัย รักพ่อรักแม่ รักญาติพี่น้อง เคารพนับถือญาติทุกคน ดี ไม่ดี ก็เคารพ ไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมา ถึงแม้บางครั้งจะน้อยใจอยู่บ้าง ท่านอยากบวชตั้งแต่เรียนอยู่ประถมปีที่ ๔ ขอพ่อ พ่อก็ไม่ให้ พ่อขอให้ช่วยงานบ้าน ช่วยแม่เลี้ยงน้อง เพราะน้องยังเล็ก ต้องอาศัยท่านช่วยงานบ้าน ตักน้ำ ตำข้าว ท่านมีพี่น้องทั้งหมด ๗ คน ชาย ๖ คน หญิง ๑ คน คุณพ่อขอให้น้อง ๆ โตก่อนค่อยบวช

ตอนอายุประมาณ ๑๐ – ๑๑ ปี ไปอยู่หนองบัวลำภู เช้าท่านจะนำควายไปเลี้ยงตามทุ่งนา ท่านชอบนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ ” ใต้ต้นค้อ” ท่านชอบนั่งหลับตาเป็นนิสัย แต่ไม่ได้ภาวนา ท่านมักจะเห็นสวรรค์เป็นหอปราสาท และเห็นสักกเทวราช (พระอินทร์) ใส่โจงกระเบน เหาะลงมาสอนท่านสวดมนต์คาถา จนท่านท่องจำได้ จนอายุ ๑๖ – ๑๗ ปี ก็ยังเห็นท่านอยู่ ท่านจะสอนธรรมะ คาถาป้องกันตัว อยู่ยงคงกระพัน คาถาเจ็บไข้ได้ป่วย เวลาท่านสักกเทวราชจะกลับ ท่านจะสั่งว่า เวลามีเรื่องอะไร ให้นึกถึงพ่อ ท่านเรียกตัวเองว่า พ่อ ท่านจะลงมาช่วย พระอาจารย์ท่านไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนอกจากคุณพ่อ คุณพ่อท่านให้เขียนคาถาเอาไปท่อง เพราะเหตุนี้ เวลามีคนเจ็บไข้ได้ป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ มาหาพระอาจารย์ไม ท่านเป่าให้ บอกหาย คนนั้นก็หาย

อายุ ๑๒ – ๑๓ ปี ท่านทำงานบ้านทุกอย่าง ช่วยแม่ตำข้าว ตักน้ำ ทำอาหาร และรับจ้างทุกอย่าง จนเก็บเงินซื้อควายได้ ๒ ตัว ตอนอายุ ๑๓ ปี ( เปรียบเทียบกับคนอายุ ๖๐ บางคนยังซื้อควายไม่ได้เลย ) ท่านเป็นคนที่ไม่กระตือรือร้นในการแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ได้ ไม่ชอบเที่ยว ดูหนัง ร้องรำทำเพลง แต่รำกลอนเป็นเพราะพ่อสอนให้ พ่อเคยเป็นหมอลำเรียกโจทย์แจ้ ตอบปัญหาทางด้านประวัติศาสตร์ ธรรมะ ภาษาไทย บาลี มคธ พ่อสอนเก่งมาก พ่อสอนให้รำ เพราะว่าเป็นประวัติศาสตร์คำสอนในทางศาสนา

อายุ ๑๔ ปี คุณพ่อเสีย ก่อนเสียพ่อป่วยอยู่เป็นปี วันนั้นเฝ้าพ่ออยู่คนเดียวประมาณบ่าย ๓ โมง พ่อสั่งว่าอีก ๓ วันพ่อจะตายให้เลี้ยงน้องให้โตก่อน แล้วบวชให้พ่อด้วย มีคำหนึ่งที่พ่อสั่งไว้ว่า ถ้าพ่อตายแล้วแม่คิดจะมีสามีใหม่ อย่าไปห้ามแม่นะ แต่อย่าให้สามีใหม่มารังแกน้อง อยู่มาอีกปีเศษ มีคนมาชอบแม่ ขอแต่งงาน แม่ถามว่าจะให้แม่แต่งงานหรือไม่ ก็ถามแม่ว่าจะแต่งทำไม แม่ว่าจะได้มาเลี้ยงน้อง ดูแลงานบ้าน พ่อเลี้ยงเป็นนักเลง เล่นการพนัน ชอบขโมยของมาเล่นการพนัน อยู่มาวันหนึ่ง น้องชายคนติดกัน กลับมาจากโรงเรียน แม่บอกให้ไปไล่ควายจากทุ่งนากลับเข้าบ้าน แต่น้องชายไม่รีบไป แม่ก็บ่น พ่อเลี้ยงเสริมว่า ไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ จะฆ่ามันตาย จับไม้ค้อนขว้างถูกใส่ส้นเท้าเป็นแผล น้องชายร้องไห้ ตอนนั้นพระอาจารย์ไมอายุ ๑๕ ปี เห็นพ่อเลี้ยงทำอย่างนั้นเสียใจมาก กลางคืนท่านฝนมีดยาว ๑๕ เซนติเมตร อยู่ ๓ วัน ๓ คืน คิดจะฆ่าพ่อเลี้ยง จะแทงตอนเขานอน แต่ก็คิดอีกว่า ฆ่าเขาแล้ว จะหนีอย่างไร เพราะตอนนั้นย้ายบ้านไปอยู่หนองบัวลำภู บ้านไกลจากบ้านเก่าที่ จ.อุดร ก็กลัวจะมีโทษ กลัวโดนจับ กลัวไม่ได้ดูน้อง ผ่านไป ๒ – ๓ วัน จนยับยั้งสติอารมณ์ไว้ได้ เป็นจิตที่รักน้องมากที่สุด ไม่อยากให้ใครมารังแก

ต่อมา ญาติพี่น้องทางบ้านเก่าที่อุดรพากันไปรับมาที่บ้านเกิด บ้านเก่า ซื้อไร่ ซื้อนาใหม่ พ่อเลี้ยงก็ตามมาอีก ก็ยังเล่นการพนันเหมือนเดิม ช่วงนั้นเดือนมีนาคม ชาวอีสานแต่ละบ้านจะจัดงาน มีงาบุญ มีเทศน์ผะเหวต กลางคืนมีมหรสพ หมอลำ ตอนเช้าตื่นสาย แม่ปลุกว่าไม่ไปไร่หรือ เพราะปกติต้องไปขุดไร่ ไถไร่ พวกเราตื่นสายประมาณโมงเศษ ๆ พอแม่บ่น พ่อเลี้ยงก็บ่น ทั้ง ๆ ที่พ่อเลี้ยงไม่เคยช่วยงานอะไรเลย พี่ชายคนที่ติดกัน ดึงปืน พระอาจารย์ก็ชักมีด พี่ชายคนโตก็มาห้าม พ่อเลี้ยงก็หนีไปตั้งแต่บัดนั้น ไม่กลับมาอีก ชีวิตคนมีพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงก็แบบนี้แหละ

อายุ ๑๗ ปี ไปช่วยงานญาติพี่น้อง ลุง น้า บ้าง ปลูกอ้อย ข้าวโพด ถั่วลิสง ปลูกผักขาย ส่วนมากเป็นน้าของแม่ ซึ่งท่านเรียกพ่อใหญ่ เพราะเขามีลูกเล็กช่วยงานยังไม่ได้

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

อยู่มาอายุ ๑๘ ย่าง ๑๙ ปี ลุงอยากให้มาบวช เพราะที่วัดไม่มีพระเณรมาบวช อีกอย่างเห็นสาวๆ มาคุยเล่นด้วย แต่พระอาจารย์มีจิตใจไม่คิดจะมีลูกเมีย ท่านชอบพูดเล่นกับผู้หญิงสาวๆ ไม่คิดจะแต่งงาน แต่นิสัยจะรังเกียจผู้หญิงที่มาพูดให้ทางผู้ชาย แต่มีความคิดในใจว่า จะแต่งงานกับผู้หญิง ที่มีความรักจริงซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์สุจริต บริสุทธิ์ต่อเรา เราจะไม่ยุ่งเด็ดขาด ผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับพระอาจารย์ ถ้าไม่ได้แต่งงานถูกต้องตามกฎหมาย จะไม่แตะต้องผู้หญิงคนนั้น ท่านมีความคิดเช่นนี้ ก็เลยมีความมั่นใจตนเองว่า จะไม่ล่วงเกินผู้หญิงคนใดทั้งสิ้น

แต่ลุงไม่เชื่อว่า จะมีคนคิดแบบพระอาจารย์ ลุงขอร้องให้บวช กลัวจะมีเมียก่อน ลุงเคี่ยวเข็ญทุกวัน สุดท้ายจึงตกลงใจบวช ตกลงไปเข้านาค ก่อนเข้านาคสัญญากับลุงว่า ถ้าหลานไปบวชออกพรรษาเมื่อไร ก็สึกเมื่อนั้น อย่าห้าม ก็เลยไปเข้านาค ๑ เดือน บรรพชาเป็นสามเณรไม เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๙ ที่วัดศิริวัฒนา จ.อุดรธานี บวชเป็นเณรอยู่ ๒ พรรษา ( ๑ ปี ๘ เดือน ๑๙ วัน)

ระยะเวลาเป็นเณร อยู่อุปัฎฐากครูบาอาจารย์ อาหารไม่ค่อยมี ไปตัดยอดหวาย หน่อไม้ ตอนเช้าไปทำอาหาร เช่น แกงขี้เหล็ก เลี้ยงถวายครูบาอาจารย์ ถ้าพระ เณรไม่มา พระอาจารย์ตอนเป็นเณร กิจวัตรประจำวัน ตักน้ำจากบ่อเป็นน้ำสรงครูบาอาจารย์ ทุ่มหนึ่งทำวัตรเย็น ๒ ทุ่ม เดินจงกรม ๒ ทุ่มครึ่งนั่งสมาธิ ท่านมีความตั้งใจปฎิบัติ เข้มงวดกวดขัน

สัจจธรรม

ท่านพระอาจารย์ปฎิบัติธรรมได้ตั้งแต่เป็นเณร อายุ ๑๘ ปี จิตของท่านจะน้อมถึงอดีต ท่านคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมาเสียเวลาไปมาก สร้างบาปมาเยอะตั้ง ๑๘ ปี กลัวจะกลับไปเป็น ฆราวาสทำบาปอีก ท่านเคยตั้งสัจจะไว้หลายภพ หลายชาติ เริ่มตั้งสัจจะตั้งแต่เป็นหนุ่ม คนธรรมดาจะคิดเรื่องมีครอบครัวว่าถ้าบวชสึกออกมาอายุ ๒๐ ปี จะต้องมีครอบครัว หาเงินหาทองไว้ก่อนเพื่อให้มีอยู่มีกิน จะแต่งงานกับผู้หญิงมีความบริสุทธิ์ ถ้าผู้หญิงไม่บริสุทธิ์ จะไม่แตะต้องคนนั้นเลย แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์ เรายังไม่ได้ขอแต่งงานก่อน เราจะไม่ถูกเนื้อต้องตัวเลย คิดอยู่เช่นนี้ ปีหนึ่งผ่านไป ผู้หญิงก็หนีไปแต่งงานหมด ไม่มีคนบริสุทธิ์เลย ท่านเลยผ่านพ้นมาได้ ไม่หลงในภพในชาติมากเหมือนคนอื่น

ตอนที่ปฏิบัติใหม่ ๆ เราเพิ่งจะฝึกปฏิบัติธรรม ตอนเดินจงกรมไม่เท่าไหร่​ แต่พอไปนั่งสมาธิ มันเห็นทุกข์ เห็นทุกข์ทันทีเลย พอนั่งไป ๒๐-๓๐ นาที นี่มันรู้เลย ทุกข์มันเกิดขึ้น เหน็บมันไม่รู้มาจากที่ไหน พอเรานั่งไปถึง ๒๐-๓๐ นาที มันจะขึ้นเลย ขึ้นที่เท้าเราเสียก่อน แล้วขึ้นมาตามขา จนขึ้นตามสันหลัง ขึ้นไปบนศีรษะ​ ทำให้จิตใจท้อแท้ไปหลายครั้งหลายหน

นี่สู้ด้วยตนเองมา ตอนบวชเข้ามาใหม่​ๆ ยังไม่รู้เดียงสาอะไร การศึกษาก็ยังไม่มี เพราะว่าเราเพิ่งบวชใหม่ โอกาสที่จะได้ไปศึกษาธรรมะก็ยังไม่มี แต่วันไหนว่างๆ ก็พอได้อ่านประวัติพระพุทธเจ้า อ่านหนังสือพุทธประวัติเล่มหนึ่ง แต่ทำอย่างอื่นนั้นยังไม่รู้ แต่ครูบาอาจารย์สอนให้เรานั่งสมาธิ นั่งสมาธินั่งแบบไหน เดินจงกรมเดินแบบไหน ท่านบอกเรา เวลาเดินก็กำหนดเอาต้นไม้ที่ห่างจากกัน ๒๐-๓๐ เมตร แล้วเดินจากต้นไม้ต้นนั้น ไปต้นไม้ต้นนั้น มีจุดหมายปลายทางเดินแล้วก็มานั่ง ตอนนั่งมันจะเป็นทุกข์ได้ง่ายกว่าเดิน

เพราะอิริยาบถนั่งจะเป็นการนั่งอยู่ท่าเดียว ถ้าเรายังไม่เกิดความเคยชิน เราจะนั่งไม่ได้นาน อันนี้เป็นครั้งแรกที่เราเริ่มปฏิบัติธรรม มองทางสุขไม่มีเลย มีแต่ทุกข์อย่างเดียว การปฏิบัติธรรมอันดับแรกมองเห็นแต่ทุกข์อย่างเดียว ไม่มีสุขเพราะมันเจ็บปวด มันทรมาน ทั้งที่เราอยากรู้อยากเห็นอยากได้ธรรมะ อยากให้จิตสงบเป็นสมาธิ แต่สิ่งที่รบกวนก็ดลบันดาลอยู่อย่างนั้น ทำให้จิตใจของเราท้อถอยอยู่ตลอดเวลา

นั่งแต่ละวันได้ ๒๐-๓๐ นาที ก็ลุกขึ้นแล้ว
ไปเดินแล้วเปลี่ยนอิริยาบถใหม่แล้ว เดินไปเป็นชั่วโมง มานั่งอีก ๒๐-๓๐ นาทีก็ไปอีกแล้ว พยายามอยู่อย่างนี้ก็แพ้อยู่อย่างนี้ ทำเป็นเดือนก็อยู่อย่างนี้ ทีนี้ทำยังไงถึงได้ตัดสินใจ การตัดสินใจคือตัดสินใจด้วยการได้ยินได้ฟัง จากครูบาอาจารย์ท่าอบรมสั่งสอนเรา ครูบาอาจารย์ท่านแสดงอภินิหารให้เราเห็น แสดงอภินิหารแบบไหน ท่านมีความรู้พิเศษ ท่านสอนเราให้ปฏิบัติแล้วเราทำไม่ได้ ท่านค่อยมาเตือนเราทีหลังพอเราเจอทุกข์ ทีนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จูงใจ ให้เราปฏิบัติกล้าตัดสินใจต่อสู้ จริงๆ จังๆ แล้วนั่น คือ

พระอาจารย์ของเราท่านบอกว่า วันนี้ มีพระท่านกำลังเดินทางมา ระยะทางนั่น ๗-๘ กิโลเมตรจากวัดเราไปหาวัดท่าน

ฉันเช้าเสร็จท่านบอกว่า ไปล้างบาตรแล้วเอาบาตรเราไปส่งกุฏิ อย่าเพิ่งไปนะ ท่านพูดอย่างนี้ ทีนี้อาตมาก็เลยเอาบาตรล้างบาตรเสร็จเรียบร้อยก็เอาบาตรไปไว้ที่กุฏิ
ก็นั่งคอยท่านอยู่ ซักพักท่านก็ขึ้นกุฏิไป

พอท่านขึ้นกุฏิไป ท่านบอกว่า ตอนนี้มีพระท่านกำลังเดินทางมา พระองค์นั้นชื่อ อาจารย์บุญเกิด ท่านอยู่วัดป่าศรีคุณาราม บ้านจีบ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ส่วนอาตมาอยู่วัดป่าศิริวัฒนา บ้านโนนถั่วดิน

ท่านอาจารย์องค์ที่เป็นอาจารย์ของอาตมา ชื่อพระอาจารย์ศรี อุจโย ท่านบอกว่าพระอาจารย์บุญเกิดกำลังเดินทางมา ท่านจะไปบ้านเลาใหญ่ ไปขอไม้ไผ่กับท่านอาจารย์สาลี วัดป่ามัจฉิมวงศ์ ที่อ.กุมภวาปี มาทำซี่กลด เพราะว่าไม้ไผ่ในสมัยนั้น วัดป่ามัจฉิมวงศ์เป็นวัดเก่าแก่
ไม้มันแก่ดี เอามาทำซี่กลดได้มอดมันไม่กิน แต่ส่วนวัดพวกเราเป็นวัดใหม่ ไม้ไผ่ยังไม่มี

ท่านก็เลยบอกว่าท่านกำลังเดินทางมา มีพระองค์หนึ่งใส่แว่นตาดำเดินตามหลังมา มีเด็กวัด ตัวเล็กๆ สะพายย่ามเดินอยู่กลาง ท่านว่าอย่างนี้ แล้วท่านก็บอกให้เอาเสื่อมาปู เอากา

ชาวสีคิ้วร่วมพลังพัฒนาน้ำตกเหวเสมา ดินแดน 3 มงกุฎยูเนสโก อันซีนแห่งใหม่โคราช

ชาวสีคิ้วร่วมพลังพัฒนาน้ำตกเหวเสมา ดินแดน 3 มงกุฎยูเนสโก อันซีนแห่งใหม่โคราช โอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

วันที่ 3 มิถุนายน 2564 เวลา 08.30 น ที่น้ำตกเหวเสมา บ้านซับกระสังข์ ตำบลดอนเมือง อำเภอสีคิ้ว ดร.ธีรพงศ์ คณาศักดิ์ ผู้บริหารฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอสีคิ้ว ดร.ยุทธกร ฤทธิ์ไธสง คณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา จิตอาสา 904 ได้ร่วมกับนายเมธี กาญจนสุนทร นายอำเภอสีคิ้ว กิ่งกาชาดอำเภอสีคิ้ว นายพนม ดีจันทึก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนเมือง นายสิริวัฒน์ หล่อนจันทึก กำนันตำบลดอนเมือง นายพิทักษ์ เพียซ้าย ผู้ใหญ่บ้านซับกระสังข์ ร่วมกับชุมชนมาพัฒนาน้ำตกเหวเสมาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ในโอกาส ดร.ธีรพงศ์ คณาศักดิ์ ผู้บริหารฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอสีคิ้วได้มอบแอลกอฮอล์ให้นายพิทักษ์ เพียซ้าย ผู้ใหญ่บ้านซับกระสังข์ จำนวน 300 ขวด เพื่อให้ชาวบ้านไว้ใช้ป้องกันโควิด19 และสมทบทุนเลี้ยงอาหารกลางวัน เครื่องดื่มให้กับชาวบ้านที่มาร่วมจิตอาสาพัฒนาชุมชน ครั้งนี้ด้วย

นายเมธี กาญจนสุนทร นายอำเภอสีคิ้ว กล่าวว่าทางอำเภอสีคิ้วเป็น 1 ใน 3 มงกุฎยูเนสโก มีอำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็น วิหารหลวงพ่อโต ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้านยวน นครจันทึก โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ มีลักษณะเป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ภาพเขียนสีประวัติศาสตร์ 3,000 ปี วัดเขาจันทร์งาม ฯลฯ สำหรับน้ำตกเหวเสมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของอำเภอสีคิ้วที่มีความสวยงาม มีหินคล้ายใบเสมา ในวันนี้ชาวบ้านและผู้นำชุมชนได้ร่วมแรงร่วมใจมาพัฒนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวันสำคัญ และให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนของโคราช

ดร.ธีรพงศ์ คณาศักดิ์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอสีคิ้ว กล่าวว่า หลังจากที่ได้มาสำรวจน้ำตกเหวเสมา ที่บ้านซับกระสังข์ ตำบลดอนเมือง อำเภอสีคิ้ว วันนี้ทางชมรมฯถือโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ได้ร่วมกับทางอำเภอสีคิ้ว ผู้นำชุมชนและชาวบ้านได้มาพัฒนาทำความสะอาด ทำป้ายแหล่งท่องเที่ยวพร้อมรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนหลังปลดล็อคโควิด19 และที่เป็นไฮไลท์ของน้ำตกเเห่งนี้คือแผ่นหินคล้ายใบเสมา เป็นที่นับถือของชาวบ้านแห่งนี้ หลังจากนี้ทางตนเองก็จะขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาจัดทำแผนการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับอำเภอที่ใกล้เคียงต่อไป

อำเภอสีคิ้ว

ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอสีคิ้ว

ชมรมข่าวเฉพาะกิจเพื่องานสาธารณภัย

จามร คงเพียรธรรม//หน. ศูนย์ข่าว อ.สีคิ้ว 0817568797

คำแมน ศิริวาริน//รองบก.ข่าวภาคอีสาน ฉก.01//

นายธวัชชัย เครือบสูงเนิน (ป้องกัน1)บก.ข่าวภาคอีสาน รายงาน

ผู้ว่าโคราชให้กำลังใจ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 นอกสถานที่ครั้งแรก ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อของวันนี้(20-5-64)ลดลง


วันที่ 19 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ณ เซ็นทรัลโคราช ได้เปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นอกพื้นที่ แห่งแรกในภาคอีสาน ขานรับภาครัฐ เดินหน้าฉีดวัคซีนช่วยชาติ เร่งสร้างความมั่นใจให้คนไทย เริ่มวันแรก 19 พ.ค.นี้ ที่เซ็นทรัล โคราช ณ Korat Hall ชั้น 4 เซ็นทรัล โคราช เป็นสถานที่ฉีดวัคซีน แบ่งเป็น วันที่ 19-23 พ.ค. 64 ฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ , 24 พ.ค. 64 – 30 มิ.ย. 64 โดย มีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า โดยแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา


ในการให้บริการฉีดวัคซีนครั้งนี้ สำหรับประชาชนทั่วไปอายุ 18 ปี – 59 ปี และประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง (โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง,โรคหัวใจและหลอดเลือด,โรคไตวายเรื้อรัง,โรคหลอดเลือดสมอง, โรคมะเร็ง,โรคเบาหวาน,และโรคอ้วน) ที่ลงทะเบียนหมอพร้อม และระบบของ รพ..มหาราชนครราชสีมาเท่านั้น

ในขณะที่วันนี้ 20 พ.ค.64 จากแถลงการณ์ของจังหวัดนครราชสีมา พบว่า มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม จำนวน 7 ราย จากอำเภอเมืองจำนวน 4 ราย อำเภอประทาย 1 ราย อำเภอปากช่อง จำนวน 1 ราย และอำเภอพิมาย จำนวน 1 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 844 ราย รักษาหาย 621 ราย ยังรักษาอยู่ 215 ราย และ เสียชีวิต 8 ราย

ตำรวจภูธรภาค ๓ และ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค ๓แถลงข่าวจับกุมยาเสพติด

ตำรวจภูธรภาค ๓   และ   กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค ๓แถลงข่าวจับกุมยาเสพติด 

ตำรวจภูธรภาค ๓ โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.ปส), พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.3 (ผช.ปส ๑) และ พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ รอง ผบช.ภ.3 (ผช.ปส ๒) ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ระดมกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ การทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนและพื้นที่ชั้นใน
โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 และ พ.ต.อ.ประสงค์ เรืองเดช รอง ผบก.สส.ภ.๓ พ.ต.อ.สมบัติ หงส์ทอง รอง ผบก.สส.ภ.๓ สั่งการให้ พ.ต.อ.สุกาญจน์ นิลอ่อน ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.สิทธิชัย ธัญญาบาล ผกก.สืบสวน ๒ บก.สส.ภ3, พ.ต.ท.วรวรรธน์ ขันธ์เครือ รอง ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3, พ.ต.ท.จิรัฎฐ์ อรุณลักษณ์ รอง ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3, พ.ต.ท.แผน สวาสดิ์นา รอง ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 และ พ.ต.ท.อภิศาล แก้วดู รอง ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ตำรวจภูธรภาค 3 ในการระดมกวาดล้างปราบปรามยาเสพติด การปิดล้อมตรวจค้น ตัดวงจรเครือข่าย ผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และมีผลการจับกุมคดียาเสพติดที่สำคัญ ดังนี้
คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 จับกุมตัว นายธวัชชัย หรือโก้ สุพรรณหงษ์ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 10,450 เม็ด และสารไอซ์ 32 กรัม


คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.3 จับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ได้ผู้ต้องหาจำนวน 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 122,055 เม็ด มีพฤติการณ์ดังนี้ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.64 เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 3 จับกุมตัว นายวิชาญหรือเท่ง จ่าพันดุง อายุ 36 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 92,045 เม็ด และจาการซักถาม สืบสวนขยายผล ในวันที่ 15 พ.ค.64 เวลา 15.30 น. สามารถจับกุมนายไพโรจน์ หรือ นิว อภัยบุรี อายุ 26 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 10 เม็ด และได้ทำการซักถาม สืบสวนขยายผลต่อเนื่อง ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2564 เวลา 17.30 น. สามารถจับกุมนายคชรัตน์ หรือ แก้ว ดัดขุนทด อายุ 19 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 30,000 เม็ด บริเวณบ้านเลขที่ 34 ม.3 ต.ด่านใน อ.ด่านขุนทด จว.นครราชสีมา จากการซักถาม สืบสวนขยายผล ทราบว่ามี นักค้ายาเสพติดในพื้นที่ กทม. เป็นผู้ควบคุมสั่งการจำหน่ายยาเสพติด และ ชุดปราบปรามยาเสพติดกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 อยู่ระหว่างสืบสวน ขยายผลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เซ็นทรัลโคราช สานต่อกิจกรรม ส่งมอบกระดาษลังโรงงานเอสซีจี สาขานครราชสีมาเพื่อผลิตเตียงสนามกระดาษช่วยผู้ป่วยโควิด19

เซ็นทรัลโคราช สานต่อกิจกรรม ส่งมอบกระดาษลังโรงงานเอสซีจี สาขานครราชสีมา
มุ่งผลิตเตียงสนามกระดาษ สนับสนุนช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 และบุคลากรทางการแพทย์


บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา สานต่อกิจกรรมสนับสนุนพื้นที่เสริมจุดตั้งรับคัดแยกกล่องกระดาษลัง เพื่อรีไซเคิลผลิตเตียงสนามกระดาษ มุ่งสนับสนุนช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งตั้งจุดรับบริจาคไว้ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.64 ที่ผ่านมา โดยมี คุณสุริยา ตันเจริญ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา พร้อมพนักงานเจ้าหน้าที่ และบริษัทในเครือ ช่วยขนย้ายกระดาษลังจำนวน 450 กิโลกรัม ที่ทางประชาชนนำมาบริจาคไปมอบให้กับโรงงานเอสซีจี สาขานครราชสีมา เพื่อดำเนินการผลิตเตียงสนามต่อไป