พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้ จับกุมยาเสพติด 119,037 เม็ด

ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงผลการจับกุมยาเสพติด 119,037 เม็ด พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินไว้ดำเนินคดี มลูค่า 1,871,000 บาท
.
การจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ตามยุทธการ “พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้” ทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 2 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด จำนวน 12 คดี ผู้ต้องหา 22 คน ของกลางยาบ้า จำนวน 119,037 เม็ด อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน 59 นัด ตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ พ.ศ. 2534 รถยนต์ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 14 คัน รวมมูลค่า 1,871,000 บาท โดยการจับกุมครั้งนี้อยู่ในเขตความรับผิดชอบของพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
.
พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 และ พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดทุกแห่ง ได้ระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วน ระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม สร้างความ สงบสุขให้พี่น้องประชาชน

มทร.อีสาน จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพายัพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา


.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2564 ไปถวายแด่พระสงฆ์ซึ่งจำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดพายัพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 เวลา 14.00 น. โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ มทร.อีสาน เป็นประธานในพิธี
.
พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ อุปนายกสภา มทร.อีสาน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง อดีตอธิการบดี มทร.อีสาน และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา มทร.อีสาน รวมถึงแขกผู้มีเกียรติจาก มทร.อีสาน ทุกวิทยาเขต หน่วยงานราชการในจังหวัดนครราชสีมา และประชาชนในพื้นที่ให้เกียรติร่วมในพิธี โดยมี พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทั้งนี้มีผู้มีจิตกุศลร่วมทำบุญกฐินพระราชทาน ประจำปี 2564 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,281,084.89 บาท
.
สำหรับวัดพายัพเป็นพระอารมหลวงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2220 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งสร้างขึ้นพร้อม ๆ กับเมืองนครราชสีมา โดยวัดตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมือง ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเสาหลักเมือง จึงได้ชื่อว่า ‘วัดพายัพ’ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 วัดที่เก่าแก่ของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้หลังจากที่ได้มีการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ภายในวัด เพื่อเป็นเกียรติแก่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จึงมีพระบรมรูปสมเด็จพระนารายณ์ฯ ในท่าประทับยืนประดิษฐานอยู่ในศาลาทรงไทยอยู่บริเวณด้านหน้าอุโบสถ นอกจากนี้ภายในวัดได้มีการสร้างถ้ำหินงอกหินย้อย ซึ่งมีการรวบรวมพระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองที่มีอายุกว่า 300 ปี ให้ประชาชนได้กราบไหว้ และชมความงามภายในถ้ำด้วย

บุญกฐินสามัคคี วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี

บุญกฐินสามัคคี วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี วันที่ 6 พย.2564 พระครูปลัดภูมิปัญญาญาณสัมปันโนเจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี นิมนต์พระราชภาวนาวชิรคุณ(หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต) วัดเขาตาเงาะ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระครูปลัดภูมิ ปัญญา ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรมพรหมรังสีและคณะสงฆ์ ร่วมทอดผ้ากฐินได้รับเกียรติประธานสายบุญ พล.อ.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม รองเสนาธิการทหารบก(อดีตแม่ทัพภาค 2 )ประธานฆราวาส ร่วมกับคณะ ศิษย์ยานุศิษย์ วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี ที่มาร่วมงานจำนวนมาก ได้ปฏิบัติตามมาตรกา ป้องกันโควิด 19 กฐินสามัคคี รวมยอดบุญรวมถวายวัด 671,345.50 บาท ในโอกาสบุญนี้ ท่านเจ้าอาวาสได้ให้พรและขอให้ผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ได้รับพรจากพระคุณพระศรีรัตนตรัยอำนวยอวยพร ผู้จิตศรัทธาและครอบครัว มีความสุขความเจริญด้วยอายุวรรณะธนสารสมบัติ สืบไป

จัดประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

หลายภาคส่วนโคราช

หารือราคาข้าวตกต่ำ

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา จัดประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ณ ห้องประชุมท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานที่ประชุม  พร้อมนายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา  ผู้แทนสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ผู้แทนสำนักงานสหกรณ์จังหวัด ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดนครราชสีมา  ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา ประธานชมรมโรงสีข้าวจังหวัดนครราชสีมา และผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกที่ออกสู่ตลาดช่วงนี้ เป็นข้าวในพื้นที่ปลูกข้าวได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ทำให้คุณภาพต่ำและมีความชื้นสูงร้อยละ 25-27  ซึ่งราคารับซื้อปกติเป็นข้าวคุณภาพ ตันละ 8,000-8,500  บาท  จึงขายไม่ได้ราคาเท่าที่ควร 

ขณะที่รัฐบาลได้เตรียมมาตรการรองรับโดยมีโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 หากเกษตรกรขายได้ต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลประกันไว้ก็สามารถรับเงินส่วนต่างได้  ซึ่งเกษตรกรที่ปลูกข้าวหอมมะลิที่แจ้งเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2564 จะได้รับเงินส่วนต่างตันละ 4,135.77 บาท โอนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง และจะมีการประกาศกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและชดเชยทุกๆ 7 วัน

สำหรับผลผลิตข้าว จังหวัดนครราชสีมามีเกษตรขึ้นทะเบียนพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ จำนวน 3,114,495 ไร่ คาดว่าจะเสียหายจากภาวะอุทกภัย จำนวน 603,339 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ในส่วนนี้เกษตรกรที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 31 ตุลาคม 2564 และระบุวันที่คาดว่าเก็บเกี่ยวก่อน 15 ตุลาคม 2564 และงวดสุดท้ายจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 จะได้รับเงินส่วนต่างด้วย  โดยผลผลิตข้าวจะเก็บเกี่ยวและออกสู่ตลาดมากตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป คาดว่าจะเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นไม่เกินกลางเดือนธันวาคม 2564 

ในส่วนของ ธ.ก.ส. ได้เตรียมมาตรการรองรับ คือ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก เพื่อให้เกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ที่ยุ้งฉางของตนเองและนำเงินสินเชื่อไปใช้จ่ายโดย ธ.ก.ส. ไม่คิดดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 5 เดือน เมื่อสถานการณ์ราคาดีขึ้นเกษตรกรสามารถชำระหนี้และนำข้าวเปลือกที่เก็บไว้ไปจำหน่ายได้ หรือหากราคาไม่ดีขึ้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการระบายและรับภาระส่วนต่าง นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังมีโครงการสินเชื่อเพื่อรวมรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โดยมีวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ต่อปี เพื่อให้สถาบันเกษตรกรนำไปรวบรวมข้าวเพื่อจำหน่ายหรือแปรรูปต่อไป  รวมทั้งยังมีมาตรการคู่ขนาน คือ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก เพื่อดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาดในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก โดยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการ เก็บสต๊อกในรูปข้าวสารหรือข้าวเปลือก รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการ ผ่านธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐ ตามมูลค่าข้าวเปลือกที่ผู้เข้าร่วมโครงการเก็บสต๊อกไว้ในอัตราร้อยละ 3  ต่อปี ตามระยะเวลาที่เก็บสต๊อกไว้ 60-180 วัน นับแต่วันที่ซื้อ (เบิกจ่ายเงินหรือออกตั๋วสัญญา) เพื่อรับซื้อข้าวเปลือก ปีการผลิต 2564/65

ทั้งนี้​ สำนักงาน​พาณิชย์​จังหวัด​นครราชสีมา​ จะได้จัดประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัด เรื่อง โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564  เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับอำเภอทุกอำเภอเพื่อสื่อสารกับเกษตรกรอีกครั้ง

#ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา

เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวหนาวนี้…ที่โคราช…

#หนาวนี้ที่…#โคราช

#ท่องเที่ยวโคราชฤดูหนาว

#Amazingวิถีใหม่เที่ยวไทยไม่ตกTrend

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จัดงานแถลงข่าว “หนาวนี้ที่….โคราช” ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564  ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้กิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือน พฤศจิกายน 2564 – เดือน กุมภาพันธ์ 2565

นางภาวนา  ประจิตต์ ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงฤดูหนาว โดยการรวบรวมกิจกรรมทางการท่องเที่ยว จัดทำเป็นปฏิทินการท่องเที่ยวในแต่ละเดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 – เดือนกุมภาพันธ์ 2565 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูล เพื่อจะได้วางแผนในการเดินทางท่องเที่ยวและไม่พลาดที่จะไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ตามปฏิทินการท่องเที่ยวตลอด 4 เดือนนี้ ตามปฏิทินแนบ

และนอกจากนี้ ททท. ยังได้เตรียมของขวัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวนี้ด้วย โดยมีโปรโมชั่นท่องเที่ยวฤดูหนาว ตามโครงการ Amazing วิถีใหม่ เที่ยวไทยไม่ตก Trend เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่ม Gen-y เพียงจองที่พักกับโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA (ที่เข้าร่วมโครงการกับ ททท.) จะได้รับ Gift Voucher มูลค่า 300 บาท ไปใช้เดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดเดือน พฤศจิกายน 2564 – กุมภาพันธ์ 2565 โดยเลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งใน 4 เส้นทาง ดังนี้

1. ชมเมืองลอยฟ้ากับชุมชนเขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา

2. เส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตรอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

3. เส้นทางชวนเธอไปชมดาว สัมผัสหนาวที่เขาใหญ่ @ เดอะเปียโน รีสอร์ท

4. เส้นทางทัวร์ท่องไพร เขาใหญ่มรดกโลก

และโครงการเปิดประสบการณ์ใหม่ เที่ยวเมืองไทย ไม่รู้ลืม @ นครราชสีมา  เป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่ม Millennial Family (ครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่เดินทางพัฒนาทักษะของลูก) เพื่อเปิดโลกทัศน์และส่งมอบประสบการณ์ชีวิตด้วยกิจกรรม Event อาหารถิ่น ชุมชนท่องเที่ยว หรือแหล่งท่องเที่ยว หากจองเข้าพักกับโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA (ที่เข้าร่วมโครงการกับ ททท.) จะได้รับ Gift Voucher มูลค่า 300 บาท ไปใช้ในแหล่งท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน / ชุมชนบ้านใหม่ ต.ท่าช้าง / กรีนมีออร์แกนิคฟาร์ม / ทองสมบูรณ์คลับ / งาน Forest of Illumination ที่คีรีมายาเขาใหญ่  ระยะเวลาการใช้ Gift Voucher ตลอดเดือนธันวาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565 Gift Voucher มีจำนวนจำกัด จองก่อนได้สิทธิ์ก่อน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งชาวโคราชได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรมขึ้นและมีมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพื่อให้นักท่องเที่ยวและประชาชนมั่นใจได้ว่ามาโคราชแล้วปลอดภัย แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีความสวยงามในช่วงฤดูหนาวพร้อมต้อนรับทุกท่านมาเยี่ยมชมความงดงาม และมาสัมผัสอากาศดีๆ ในช่วงฤดูหนาวนี้…ที่โคราช

สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ได้สรรหาคณะกรรมการและประธานสภาวัฒนธรรมท่านใหม่

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 นาย วิจิตร กิจวิรัตน์นายอำเภอรักษาการแทนปลัดจังหวัดนครราชสีมา ประธานในพิธีเปิดการประชุมปรึกษาหารือเพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาโดยนายไชยนันท์ แสงทองวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการประชุมสรรหาได้กรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา

แนวคิดการจัดตั้งสภาวัฒนธรรม วัฒนธรรมเป็นของประชาชนประชาชนคือเจ้าของวัฒนธรรม  การดำเนินงานวัฒนธรรมจะบรรลุผลได้ดียิ่ง ต้องให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของวัฒนธรรมเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบดำเนินการวัฒนธรรม อย่างมีบทบาทสำคัญ วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสภาวัฒนธรรม ดังนี้

1. เพื่อให้เกิดการรวมตัวจัดตั้งองค์กรชุมชนของประชาชนในท้องถิ่น เพื่อดำเนินกิจกรรมทางวัฒนธรรม นำไปสู่การแก้ไขปัญหา และการพัฒนาท้องถิ่นของตัวเอง

2. เพื่อให้เกิดการรวมพลังระหว่างองค์กรต่างๆ ในท้องถิ่นเป็นเครือข่ายเครือญาติ ทางวัฒนธรรมที่มีการติดต่อสื่อสารพบปะข้อมูลแลกเปลี่ยนข่าวสารตลอดจนแลกเปลี่ยนทรัพยากรต่างๆ ซึ่งกันและกัน

3. เพื่อให้เกิดหน่วยงานด้านวัฒนธรรมของประชาชนในท้องถิ่น ที่เชื่อมประสานหน่วยงานภาครัฐได้อย่างใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพ

สภาวัฒนธรรมมีสถานภาพเป็นองค์กรเอกชน ที่ดำเนินงานวัฒนธรรม ภายใต้การกำกับดูแลของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม มีบทบาทหน้าที่เสนอข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนแม่บทวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวคิดในการดำเนินงานวัฒนธรรม โดยเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายวัฒนธรรม ในการระดมทรัพยากร บุคลากร และสรรพกำลังต่างๆ จากหน่วยงานและองค์กรต่างๆในการส่งเสริม สนับสนุน และร่วมกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนา สร้างสรรค์  แลกเปลี่ยน สืบทอด และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม เผยแพร่ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ได้ดำเนินการปรึกษาหารือเพื่อให้ได้มาซึ่งคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแต่ละระดับ ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติพ.ศ 2553 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

– สภาวัฒนธรรมตำบล จำนวน 258 แห่ง

– สภาวัฒนธรรมเทศบาล จำนวน 11 แห่ง

– สภาวัฒนธรรมอำเภอ จำวน 32 หาง

และกำหนดการประชุมปรึกษาหารือเพื่อให้ได้มาซึ่งคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ในวันนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย เครือข่ายสภาวัฒนธรรมอำเภอ 32 อำเภอ ๆ ละ 1 คน รวม 32 คน เครือข่ายวัฒนธรรมที่จดแจ้งในระดับจังหวัด 30เครือข่าย ๆ ละ 1 คน รวม 30 คน และผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์ ได้แก่ นักวิชาการวัฒนธรรม และผู้แทนจากเครือข่าย อื่นๆรวมทั้งสิน 90 คน เพื่อดำเนินการให้ได้มาซึ่งคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมชุดใหม่แทนคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมชุดเก่า ที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระที่กำหนดในกฎกระทรวงจำนวนไม่น้อยกว่า 19 คน และไม่เกิน 51 คน โดยได้รับความเมตตานุเคราห์สถานที่จัดประชุมจากพระเดชพระคุณ พระศรีวงศาจารย์ เจ้าอาวาสวัดป่าศรัทธาราม

 ในการสรรหาครั้งนี้ได้ท่าน เอมอร  ศรีกงพาน ดำรงตำแหน่งประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาอีกวาระ3ปี และได้คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดรวม 51 คนและจะประกาศรับรองเพื่อทำงานการส่งเสริมด้านวัฒนธรรมจังหวัดต่อไป

กฐินมหากุศล ณวัดเขาหมาก ศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดบึงพระอารามหลวง

กฐินมหากุศล ณวัดเขาหมาก ศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดบึงพระอารามหลวง บ้านดงมะไฟหมู่ 8 ตำบลมะเกลือใหม่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา


วันที่ 31 ตุลาคม 2560 4 เวลา 10:30 น ประธานฝ่ายสงฆ์พระมหานคร จินวฑฒโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบึงพระอารามหลวง ,ผอ.ศูนย์ปฏิบัติธรรมเขาหมาก และคณะกรรมการวัดงานบุญกฐินสามัคคี โดยมี ทันตแพทย์อนุภาส,ทันตแพทย์หญิงเพ็ญศรี, คุณภาสศิริ,คุณชนก จริยะธีรวงศ์ สลางสิงห์ และคุณวิศิษฐ์ จริยะธีรวงศ์ ผู้อุปถัมภ์กฐินสามัคคี และคณะกรรมการสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมออกโรงทานร่วมถวายกฐินสามัคคีประจำปี 2564 พุทธศาสนิกชนที่ร่วมทำบุญทอดกฐินสามัคคีเพื่อเป็นปัจจัย ทะนุบํารุงเสนาสนะและ ส่งเสริมสนับสนุนพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ต้องอาศัยพุทธบริษัท 4 ช่วยกันทำนุบำรุง เพื่อเป็น พระสมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติสืบต่อไป

ตำรวจกวาดล้าง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตำรวจกวาดล้าง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2564 เวลา 15.00 น.

ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงข่าวจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีผู้เสียหายหลายราย เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2564 ทาง สภ.เมือง ได้จับกุมผู้ต้องหาคดีหลอกลวง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท ถ้าพี่น้องประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากแก๊งหลอกลวงนี้ กรุณาติดต่อได้ที่สถานีตำรวจภูธรภาค 3

ตำรวจภูธรภาค 3 ตำรวจโคราช  แถลงจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เสียหายกว่า 2.4 ล้านบาท พฤติกรรมหลอกแบบเดิมๆทำให้เหยื่อตายใจขอตรวจสอบเงินในบัญชีเหยื่อ

เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2564 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 แถลงการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงผู้เสียหายหลายรายรวมความเสียหายกว่า 2.4 ล้านบาท โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ต.ค. น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายโทรศัพท์มาหลอกลวงผู้เสียหายจนหลงเชื่อและให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นางสาวสมศรี  บุญเลี้ยง จำนวน 218,470 บาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่า คดีดังกล่าวเป็นการกระทำในลักษณะของแก็งคอลเซ็นเตอร์ โดยเริ่มต้นที่คนร้ายจะโทรหาผู้เสียหายและอ้างตนเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ขนส่งแล้วบอกกับผู้เสียหายว่ามีสินค้าจำพวก พาสปอร์ต บัตรเอทีเอ็ม และเสื้อผ้า ที่จะส่งไปยังประเทศจีนติดค้างอยู่ที่ด่านศุลกากรไม่สามารถขนส่งไปยังปลายทางได้ ผู้เสียหายได้แจ้งกลับไปว่าไม่เคยมีการส่งสินค้าดังกล่าวแต่คนร้ายได้สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการแนะนำว่าสามารถโอนสายเพื่อติดต่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.อ. เป็นร้อยเวรของ สภ.เชียงใหม่

จากนั้นมีการแนะนำให้แอดไลน์ของ สภ.เมืองเชียงใหม่ มีการพูดคุยผ่านไลน์ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นไลน์ของ สภ.เมืองเชียงใหม่จริง จากนั้นคนร้ายได้สอบถามข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย และแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนพัวพันกับคดีการฟอกเงิน ถ้าไม่อยากมีปัญหาจะให้ ปปง.ทำการตรวจสอบบัญชีของผู้เสียหาย จากนั้นคนร้ายจึงขอให้ผู้เสียหายแจ้งข้อมูลบัญชีทั้งหมดและยอดเงินในบัญชี โดยมีการกล่าวอ้างเรื่องการการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และบอกว่าจะส่งบัญชีของผู้เสียหายให้ ปปง. ตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน

ต่อมา คนร้ายให้ผู้เสียหายโอนเงินทุกบัญชีที่ผู้เสียหายมีไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อนางสาวสมศรี บุญเลี้ยง เพื่อทำการตรวจสอบว่าตรงกันหรือปล่าว โดยผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงและเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์จึงได้ทำการโอนนไปยังบัญชีดังกล่าว ต่อมาผู้เสียหายเกิดความสงสัยจึงโทรกลับไปยังหมายเลขที่เคยติดต่อกับคนร้ายปรากฎว่าไม่สามารถติดต่อได้

ในเบื้องต้นตำรวจได้ขอนุมัติศาลออกหมายจับ 5 รายเป็นคนไทย 4 ราย และชาวกัมพูชาอีก 1 ราย ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย มีทั้งรับจ้างเปิดบัญชี นายหน้าจัดหาคนเปิดบัญชี และคนจัดส่งบัญชีไปให้เครือข่ายที่ประเทศกัมพูชา พร้อมกับข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีต่อไป

ตำรวจกวาดล้าง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2564 เวลา 15.00 น.

ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงข่าวจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีผู้เสียหายหลายราย เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2564 ทาง สภ.เมือง ได้จับกุมผู้ต้องหาคดีหลอกลวง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท ถ้าพี่น้องประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากแก๊งหลอกลวงนี้ กรุณาติดต่อได้ที่สถานีตำรวจภูธรภาค 3

ตำรวจภูธรภาค 3 ตำรวจโคราช  แถลงจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เสียหายกว่า 2.4 ล้านบาท พฤติกรรมหลอกแบบเดิมๆทำให้เหยื่อตายใจขอตรวจสอบเงินในบัญชีเหยื่อ

เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2564 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 แถลงการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงผู้เสียหายหลายรายรวมความเสียหายกว่า 2.4 ล้านบาท โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ต.ค. น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายโทรศัพท์มาหลอกลวงผู้เสียหายจนหลงเชื่อและให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นางสาวสมศรี  บุญเลี้ยง จำนวน 218,470 บาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่า คดีดังกล่าวเป็นการกระทำในลักษณะของแก็งคอลเซ็นเตอร์ โดยเริ่มต้นที่คนร้ายจะโทรหาผู้เสียหายและอ้างตนเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ขนส่งแล้วบอกกับผู้เสียหายว่ามีสินค้าจำพวก พาสปอร์ต บัตรเอทีเอ็ม และเสื้อผ้า ที่จะส่งไปยังประเทศจีนติดค้างอยู่ที่ด่านศุลกากรไม่สามารถขนส่งไปยังปลายทางได้ ผู้เสียหายได้แจ้งกลับไปว่าไม่เคยมีการส่งสินค้าดังกล่าวแต่คนร้ายได้สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการแนะนำว่าสามารถโอนสายเพื่อติดต่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.อ. เป็นร้อยเวรของ สภ.เชียงใหม่

จากนั้นมีการแนะนำให้แอดไลน์ของ สภ.เมืองเชียงใหม่ มีการพูดคุยผ่านไลน์ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นไลน์ของ สภ.เมืองเชียงใหม่จริง จากนั้นคนร้ายได้สอบถามข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย และแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนพัวพันกับคดีการฟอกเงิน ถ้าไม่อยากมีปัญหาจะให้ ปปง.ทำการตรวจสอบบัญชีของผู้เสียหาย จากนั้นคนร้ายจึงขอให้ผู้เสียหายแจ้งข้อมูลบัญชีทั้งหมดและยอดเงินในบัญชี โดยมีการกล่าวอ้างเรื่องการการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และบอกว่าจะส่งบัญชีของผู้เสียหายให้ ปปง. ตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน

ต่อมา คนร้ายให้ผู้เสียหายโอนเงินทุกบัญชีที่ผู้เสียหายมีไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อนางสาวสมศรี บุญเลี้ยง เพื่อทำการตรวจสอบว่าตรงกันหรือปล่าว โดยผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงและเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์จึงได้ทำการโอนนไปยังบัญชีดังกล่าว ต่อมาผู้เสียหายเกิดความสงสัยจึงโทรกลับไปยังหมายเลขที่เคยติดต่อกับคนร้ายปรากฎว่าไม่สามารถติดต่อได้

ในเบื้องต้นตำรวจได้ขอนุมัติศาลออกหมายจับ 5 รายเป็นคนไทย 4 ราย และชาวกัมพูชาอีก 1 ราย ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย มีทั้งรับจ้างเปิดบัญชี นายหน้าจัดหาคนเปิดบัญชี และคนจัดส่งบัญชีไปให้เครือข่ายที่ประเทศกัมพูชา พร้อมกับข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีต่อไป

“แม่ทัพภาคที่2และผู้ว่าโคราช ลงติดตามสถานการณ์น้ำที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา”

…วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ช่วงค่ำที่ผ่านมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ท.สวราชย์  แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 เเละ นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณรอบโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และการเร่งระบายน้ำภายในโรงพยาบาลมหาราช

…ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามระดับน้ำภายในโรงพยาบาลและบริเวณรอบอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันน้ำท่วมโรงพยาบาลฯ