ตามมานาน !! ตำรวจภาค3 จับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงเงินจากผู้เสียหายไป ๒,๔๒๘,๐๐๐ บาท

ตามมานานตำรวจภาค3 จับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงเงินจากผู้เสียหายไป ๒,๔๒๘,๐๐๐ บาท
ภายใต้กำรอำนวยกำรของ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.๓ พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.๓ พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.ฯ รรท.รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ได้สั่งการให้ กองกากับการสืบสวนตารวจ ภูธรจังหวัดนครราชสีมา นาโดย พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.พรเทพ ทุ้ยแป พ.ต.ท.มณฑล หงษ์กลาง รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.วิชานนท์ บ่อพิมาย สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา
พฤติกำรณ์ สืบเนื่องจาก ในห้วงปี พ.ศ.๒๕๕๔ ต่อเนื่องจนถึง พ.ศ.๒๕๕๖ ได้มีเหตุคดีสาคัญเกิดขึ้นและคนร้าย ได้ก่อเหตุในลักษณะเป็นขบวนการ โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันทาการหลอกลวงผู้เสียหายว่า สามารถจัดหางานเพื่อให้คนงานไปทางานที่ประเทศเกาหลีได้ โดยในคดีนี้ มีผู้เสียหาย หลงเชื่อและจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ เป็นจานวนหลายราย และ มีการแจ้งความดาเนินคดีกับผู้ต้องหากลุ่มนี้ ในท้องที่เกิดเหตุทั้งหมด ๗ สภ. แบ่งเป็น จ.นครราชสีมา ๕ สภ. ได้แก่ สภ.จักราช,สภ.ประทาย,สภ.ห้วยแถลง,สภ.เมืองพลับพลา,สภ.ชุมพวง และ จ.บุรีรัมย์ ๒ สภ. ได้แก่ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ และสภ.ลาปลายมาศ โดยผู้เสียหายได้แจ้งความดาเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันจัดหางานเพื่อให้คนหางานไปทางานยังต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน

หลอกลวงคนหางานว่าสามารถจัดหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้และจากการหลอกลวงดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของผู้ถูกหลอกลวง” ซึ่งในขบวนการนี้ มีผู้ร่วมกระทาผิด ด้วยกันทั้งหมด ๖ คน ซึ่งผู้ต้องหาจานวน ๔ คน ถูกจับกุมและดาเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ยังคงเหลือ ผู้ต้องหา ๒ สามีภรรยา ซึ่งเป็นตัวการสาคัญในคดีนี้ยังหลบหนีมานาน กว่า ๑๐ ปี คือ นายสมบุญ ดวงเกตุ และ นางบุญ ดวงเกตุ สามีภรรยา ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูล ผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ มีหมายจับคนละ ๑๑ หมายจับ รวม ๒๒ หมายจับ มูลค่าความเสียหายที่หลอกลวงเงินจากผู้เสียหายไป รวม ๒,๔๒๘,๐๐๐ บาท
เนื่องจากคดีนี้ เป็นคดีสาคัญที่มีลักษณะการก่อเหตุ ที่เป็นขบวนการ มีเหตุเกิดต่อเนื่องหลายท้องที่ มีผู้เสียหายจานวนมาก และยังมีมูลค่าความเสียหายกว่า ๒.๔ ล้านบาท พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สส.ภ.จว.นครราชสีมา เร่งรัดติดตามสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้มาดาเนินการตามกฎหมายโดยเร็ว
พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.วิชานนท์ บ่อพิมาย หัวหน้าชุด ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา พร้อมทีมสืบสวน ดาเนินสืบสวนจนทราบว่าในห้วงที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนทราบว่า กาลังจะถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าว ปรากฏว่า ผู้ต้องหาทั้งสอง ได้มีการไปทาหนังสือเดินทางไทย เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ และ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ผู้ต้องหาทั้ง ๒ คน ได้เดินทางข้ามไปยังประเทศกัมพูชา บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และได้เดินทางกลับเข้ามายังราชอาณาจักรไทย ในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ต่อมาในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๑๕๕๔ ผู้ต้องหา ได้เดินทางออกนอกประเทศ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปลายทางที่ประเทศเกาหลี

ชุดสืบสวน จึงได้ดาเนินการสืบสวนทางสื่อโซเชียลต่างๆ จนทราบว่า ผู้ต้องหาสองสามีภรรยานี้ ได้ไปทางานอยู่ที่ Cheongbuk-myeon, Pyeongtaek-si, Gyeonggi-do, Korea ประเทศเกาหลี จึงได้ทำหนังสือ จำก กก.สืบสวน ภ.จว.นครรำชสีมำ ถึง กองกำรต่ำงประเทศ สำนักงำนตำรวจแห่งชำติ แจ้งเรื่อง ขอควำมอนุเครำะห์ ติดตำมผู้ต้องหำหลบหนีต่ำงแดน จากนั้นประสานตารวจของเกาหลี ดาเนินการช่วยตรวจสอบข้อมูล จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ เจ้าหน้าที่สืบสวนตารวจเกาหลีได้ทาการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองไว้ได้ในข้อหา “อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตหมดอายุ” และทางการเกาหลีจะต้องทาการสอบสวนความผิด และดาเนินการผลักดันกลับมายังประเทศไทย ต่อมาจึงได้ทาการประสานเจ้าหน้าที่ตารวจ กองการต่างประเทศ เพื่อประสานงานในการรับตัว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ ชุดสืบสวนได้รับแจ้งว่าผู้ต้องหาทั้ง ๒ คน ได้ถูกพลักดันจากประเทศเกาหลีและเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ด้วยเอกสารการเดินทางชั่วคราว และจะถึงประเทศไทยช่วงกลางคืน จึงได้ประสานกับตารวจตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและตารวจท่องเที่ยว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดาเนินการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครราชสีมา เพื่อดาเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร มอบสิ่งของให้กับศูนย์แบ่งปัน 19 พอเพียง ส่งต่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19

สมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร มอบสิ่งของให้กับศูนย์แบ่งปัน 19 พอเพียง ส่งต่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ณ ศูนย์เรียนรู้ ๑๙ บ้านโนนสวรรค์ ตำบลพระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พันโท พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน ,นายพิเย็น ภักดีสุวรรณ หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กฟผ. ,ดร.อำไพพรรณ สิงห์สกุล ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพระเครื่อง จ.ขอนแก่น ,นายสุขุม กาญจนกัณโห ที่ปรึกษานักสื่อสารสร้างสรรค์ ภาคอีสาน , นายพีรพล แสงสุนีย์ ที่ปรึกษาสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.56ปี) ,นางสาวพิมพ์ธนัญญา ธนาพัชร์จิรกุล ผู้บริหารโรงแรมอัญชันลากูน่า ขอนแก่น พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน และทีมนักสื่อสารสร้างสรรค์ ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น ร่วมมอบสิ่งของให้กับศูนย์แบ่งปัน 19 พอเพียง ตำบลพระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมี นายวินัย ทองทัพ กำนันตำบลพระลับ พร้อมทีมบริหาร และฝ่ายปกครองตำบลพระลับ เป็นตัวแทนรับมอบ

นโท พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน กล่าวว่า สมาคมเครือข่ายสื่อมวลชน ภาคอีสาน ได้ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และทีมนักสื่อสารสร้างสรรค์ ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตร ได้ร่วมกันรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ ได้แก่ พัดลมติดผนัง หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ กระเป๋าผ้า หมวก และน้ำดื่ม มามอบให้กับศูนย์แบ่งปัน 19 พอเพียง ตำบลพระลับ เพื่อนำไปใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตำบลพระลับ ในการปฏิบัติหน้าที่ทุ่มเท เสียสละ และทำงานอย่างเต็มขีดความสามารถ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

จากนั้น นายวินัย ทองทัพ กำนันตำบลพระลับ ได้นำคณะเยี่ยมชม Food Bank การก่อสร้างน้ำตก เพื่อบำบัดน้ำเสีย ตามแนวความคิดทำน้ำเสียให้เป็นเงิน โดยได้รับความอนุเคราะห์ และความร่วมมือจากหน่วยงาน ส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เข้ามาให้คำแนะนำ คำปรึกษา ในการปรับปรุงพื้นที่หนองอีเลิง ซึ่งเป็นแหล่งรับน้ำทิ้ง น้ำเสีย ของเมืองขอนแก่น ให้เป็นน้ำดี ก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำชี โดยใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ท่านได้พระราชทาน เป็นกรอบแนวคิด ซึ่งมุ่งให้ทุกคนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ รวมถึงการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น จนเกิดความยั่งยืน

การจับกุม !!! คดีชิงทรัพย์ห้างเพชรทองเยาวราช บิ๊กซี สาขาปากช่อง

คดีชิงทรัพย์ห้างเพชรทองเยาวราช บิ๊กซี สาขาปากช่อง
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 เวลาประมาณ 17.00 น. มีคนร้าย จำนวน 1 คน สวมหมวก
โม่งสีดำ แว่นตากันแดดปิดบังอำพรางใบหน้า สวมเสื้อพนักงาน Food Panda สีชมพูแขนยาว
สวมถุงมือสีดำ ใส่กางเกงยีนส์ขายาว ขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีขาว ไม่ทราบหมายเลข
ทะเบียน เข้าไปทำการชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืนที่ร้านเพชรทองเยาวราช ภายในห้างบิ๊กชี สาขา
ปากช่อง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าของร้านทองที่เกิดเหตุ
ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงที่แขนทะลุหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในที่เกิดเหตุพบปลอก กระสุนปีน
ขนาด 9 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 1 ปลอก ทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายเป็นทองรูปพรรณ
ยังไม่ทราบจำนวนอยู่ระหว่างตรวจสอบ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา
พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก, พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา, พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์
ผกก.สภ.ปากช่อง ได้ตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง ร่วมกับเจ้าหน้าที่
จาก ศพฐ.3 ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ต่อมา วันที่ 2 ก.ย.2564 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3,
พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก..ภ.จว.นครราชสีมา, พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจน์กิจ ผบก.สส.ภ.3

พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิลัย รอง ผบก.ป. ร่วมประชุมเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย โดยมีการสนธิกำลัง
และบูรณาการร่วมกัน ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ปากช่อง, กองกำกับการสืบสวน
ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3,กองกำกับการ 3
กองบังคับการปราบปราม,กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัว
ผู้กระทำความผิด จากการสืบสวนพบว่าลักษณะรูปพรรณคนร้ายคล้ายกับ ส.ต.ท.อนุชา
บุญอารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สภ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา
จึงได้เชิญตัว ส.ต.ท.อนุชาฯ มาชักถามโตย พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว และ พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก
รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ชักถามด้วยตนเอง จากการซักถาม ส.ต.ท.อนุชาฯ ให้การยอมรับว่า
ตนเองเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากมีหนี้สินจำนวนมาก
ส.ต.ท.อนุขาฯ ได้พาไปชี้จุดชุกช่อนของกลางเป็นทองคำรูปพรรณ จำนวน 132 เส้น
อยู่ในอ่างปูนซึ่งใช้สำหรับปลูกบัวอยู่ในบริเวณ หมู่ 8 บ้านหนองตะกู ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง
จว.นครราชสีมา รวมทั้งได้นำชี้รถจักรยานยนต์ที่เป็นยานพาหนะมาประกอบเหตุ เจ้าหน้าที่
ตำรวจจึงได้ร่วมกันจับกุม ส.ต.ท.อนุขาฯ พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตาม
กฎหมายต่อไป
ตำรวจภูธภาค 3 ขอยืนยันว่า ไม่ว่าผู้กระทำความผิดจะเป็นผู้ใด หากสร้างความเดือดร้อน
กับพี่น้องประชาชนจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว

ซีพีเอฟโคราชส่งมอบอาหารบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้านต่อเนื่อง ขณะที่ภาครัฐชื่นชม วางมาตรการดูแล พนง.และชุมชนได้ดี

ซีพีเอฟโคราชส่งมอบอาหารบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้านต่อเนื่อง
ขณะที่ภาครัฐชื่นชม วางมาตรการดูแล พนง.และชุมชนได้ดี

(นครราชสีมา) ซีพีเอฟ นครราชสีมายืนหยัดการส่งมอบความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชุมชนรอบโรงงาน ล่าสุด ได้สนับสนุนเนื้อไก่สด ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ตามนโยบายเครือซีพี ให้กับผู้นำชุมชนหมู่บ้านโซนกอโจด-ไทรย้อย ต.ท่าเยี่ยม จ.นครราชสีมา รวม 4 หมู่ 37 ครอบครัว เพื่อให้ชุมชนนำไปทำข้าวมันไก่ แจกให้ผู้ที่กักตัวอยู่ที่บ้าน โดยมีสาธารณสุขจังหวัด และ อสม. ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิดด้วย นอกจากนี้ ยังมอบเนื้อไก่-เนื้อหมูอีกกว่า 300 กก. ผ่านท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อสนับสนุนโรงครัวสภากาชาดไทย นำไปปรุงอาหารให้ประชาชน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ได้ลงพื้นที่ มอบถุงยังชีพและหน้ากากอนามัย ในพื้นที่ตำบลสารภี อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากการบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องในชุมชนต่างๆแล้วโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ซีพีเอฟนครราชสีมา ได้ดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเข้มข้น ด้วยการจัดทำมาตรการบับเบิลแอนด์ซีล เพื่อปกป้องทั้งพนักงานและชุมชน ตามแนวทางที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.กำหนด เพื่อควบคุมโรคและจำกัดพื้นที่การระบาด เน้นย้ำการจัดกลุ่ม คุมได้ไว ลดการแพร่กระจาย โดยแยกผู้ติดเชื้อออกไปรักษา ส่วนกลุ่มเสี่ยงได้จัดที่พักกักตัวอยู่ภายในโรงงานและสถานที่พักที่กำหนด พร้อมจัดรถรับส่ง โดยไม่มีพนักงานคนใดออกนอกสถานที่พักหรือนอกเส้นทางระหว่างที่พักกับโรงงานได้

นพ.ชาญชัย บุญอยู่ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้กล่าวชื่นชมซีพีเอฟที่ให้ความร่วมมือ ดำเนินมาตรการต่างๆอย่างเคร่งครัด สอดคล้องกับ นางสาวทิพวรรณ ศรีทรมาศ นักระบาดวิทยา ซึ่งได้กล่าวชมว่าการทำบับเบิลแอนด์ซีลของซีพีเอฟนครราชสีมามีการทำเป็นระบบมีการแยกพนักงานที่มีความเสี่ยงออกจากพนักงานปกติอย่างเด็ดขาดชัดเจนก่อนนำเข้าระบบบับเบิลแอนด์ซีล ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากทำให้ไม่พบพนักงานป่วย หรือมีอาการหนักเพิ่มเติม

นอกจากนี้ พนักงานในโรงงานยังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 กันแล้วเกือบ 100% ทำให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันที่ดี เมื่อผนวกกับมาตรการบับเบิลแอนด์ซีลที่เข้มข้น ทำให้โรงงานแห่งนี้จัดเป็นต้นแบบโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดการระบบป้องกันโควิด-19 ได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของนครราชสีมา./

หลวง​ปู่​ไม​ อินฺทสิริ​ ละสังขาร​แล้วด้วย​อาการ​สงบ​ ณ​ โรง​พ​ยา​บ​า​ลรามาธิบดี​ กรุงเทพ​มหานคร

หลวง​ปู่​ไม​ อินฺทสิริ​ ละสังขาร​แล้วด้วย​อาการ​สงบ​ ณ​ โรง​พ​ยา​บ​า​ลรามาธิบดี​ กรุงเทพ​มหานคร​ เมื่อเวลา​ ๐๑.๑๒​ น.​ ตรงกับวัน​ศุกร์​ที่​ ๒๗ สิงหาคม​ ๒๕๖๔​ สิริอายุ​ ๗๓​ ปี​ ๗​ เดือน​ ๒ วัน​ ๕๔​ พรรษา​

ชีวประวัติและปฏิปทาหลวงปู่ไม_อินฺทสิริ

วัดป่าเขาภูหลวง ต.ระเริง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา​

ชีวิตครอบครัววัยเด็ก

หลวง​ปู่​ไม​ อินทสิริ​ ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์​ที่​ ๒๕​ มกราคม​ ๒๔๙๑​ ตรงกับวันพระขึ้น​ ๑๕​ ค่ำ​ เดือน​ ๒​ ปีชวด​ เกิดในสกุล​ “จันทร์​เหล็ก” บิดาชื่อ​ “นายด้วง” มารดาชื่อ​”นางจันทร์ศรี” เกิด​บ้านเลขที่​ ๒๐​ หมู่​ ๗​ ตำบลคอนสาย​ อำเภอกู่แก้ว​ จังหวัด​อุดรธานี

ท่านเป็นคนที่มีนิสัย รักพ่อรักแม่ รักญาติพี่น้อง เคารพนับถือญาติทุกคน ดี ไม่ดี ก็เคารพ ไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมา ถึงแม้บางครั้งจะน้อยใจอยู่บ้าง ท่านอยากบวชตั้งแต่เรียนอยู่ประถมปีที่ ๔ ขอพ่อ พ่อก็ไม่ให้ พ่อขอให้ช่วยงานบ้าน ช่วยแม่เลี้ยงน้อง เพราะน้องยังเล็ก ต้องอาศัยท่านช่วยงานบ้าน ตักน้ำ ตำข้าว ท่านมีพี่น้องทั้งหมด ๗ คน ชาย ๖ คน หญิง ๑ คน คุณพ่อขอให้น้อง ๆ โตก่อนค่อยบวช

ตอนอายุประมาณ ๑๐ – ๑๑ ปี ไปอยู่หนองบัวลำภู เช้าท่านจะนำควายไปเลี้ยงตามทุ่งนา ท่านชอบนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ ” ใต้ต้นค้อ” ท่านชอบนั่งหลับตาเป็นนิสัย แต่ไม่ได้ภาวนา ท่านมักจะเห็นสวรรค์เป็นหอปราสาท และเห็นสักกเทวราช (พระอินทร์) ใส่โจงกระเบน เหาะลงมาสอนท่านสวดมนต์คาถา จนท่านท่องจำได้ จนอายุ ๑๖ – ๑๗ ปี ก็ยังเห็นท่านอยู่ ท่านจะสอนธรรมะ คาถาป้องกันตัว อยู่ยงคงกระพัน คาถาเจ็บไข้ได้ป่วย เวลาท่านสักกเทวราชจะกลับ ท่านจะสั่งว่า เวลามีเรื่องอะไร ให้นึกถึงพ่อ ท่านเรียกตัวเองว่า พ่อ ท่านจะลงมาช่วย พระอาจารย์ท่านไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนอกจากคุณพ่อ คุณพ่อท่านให้เขียนคาถาเอาไปท่อง เพราะเหตุนี้ เวลามีคนเจ็บไข้ได้ป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ มาหาพระอาจารย์ไม ท่านเป่าให้ บอกหาย คนนั้นก็หาย

อายุ ๑๒ – ๑๓ ปี ท่านทำงานบ้านทุกอย่าง ช่วยแม่ตำข้าว ตักน้ำ ทำอาหาร และรับจ้างทุกอย่าง จนเก็บเงินซื้อควายได้ ๒ ตัว ตอนอายุ ๑๓ ปี ( เปรียบเทียบกับคนอายุ ๖๐ บางคนยังซื้อควายไม่ได้เลย ) ท่านเป็นคนที่ไม่กระตือรือร้นในการแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ได้ ไม่ชอบเที่ยว ดูหนัง ร้องรำทำเพลง แต่รำกลอนเป็นเพราะพ่อสอนให้ พ่อเคยเป็นหมอลำเรียกโจทย์แจ้ ตอบปัญหาทางด้านประวัติศาสตร์ ธรรมะ ภาษาไทย บาลี มคธ พ่อสอนเก่งมาก พ่อสอนให้รำ เพราะว่าเป็นประวัติศาสตร์คำสอนในทางศาสนา

อายุ ๑๔ ปี คุณพ่อเสีย ก่อนเสียพ่อป่วยอยู่เป็นปี วันนั้นเฝ้าพ่ออยู่คนเดียวประมาณบ่าย ๓ โมง พ่อสั่งว่าอีก ๓ วันพ่อจะตายให้เลี้ยงน้องให้โตก่อน แล้วบวชให้พ่อด้วย มีคำหนึ่งที่พ่อสั่งไว้ว่า ถ้าพ่อตายแล้วแม่คิดจะมีสามีใหม่ อย่าไปห้ามแม่นะ แต่อย่าให้สามีใหม่มารังแกน้อง อยู่มาอีกปีเศษ มีคนมาชอบแม่ ขอแต่งงาน แม่ถามว่าจะให้แม่แต่งงานหรือไม่ ก็ถามแม่ว่าจะแต่งทำไม แม่ว่าจะได้มาเลี้ยงน้อง ดูแลงานบ้าน พ่อเลี้ยงเป็นนักเลง เล่นการพนัน ชอบขโมยของมาเล่นการพนัน อยู่มาวันหนึ่ง น้องชายคนติดกัน กลับมาจากโรงเรียน แม่บอกให้ไปไล่ควายจากทุ่งนากลับเข้าบ้าน แต่น้องชายไม่รีบไป แม่ก็บ่น พ่อเลี้ยงเสริมว่า ไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ จะฆ่ามันตาย จับไม้ค้อนขว้างถูกใส่ส้นเท้าเป็นแผล น้องชายร้องไห้ ตอนนั้นพระอาจารย์ไมอายุ ๑๕ ปี เห็นพ่อเลี้ยงทำอย่างนั้นเสียใจมาก กลางคืนท่านฝนมีดยาว ๑๕ เซนติเมตร อยู่ ๓ วัน ๓ คืน คิดจะฆ่าพ่อเลี้ยง จะแทงตอนเขานอน แต่ก็คิดอีกว่า ฆ่าเขาแล้ว จะหนีอย่างไร เพราะตอนนั้นย้ายบ้านไปอยู่หนองบัวลำภู บ้านไกลจากบ้านเก่าที่ จ.อุดร ก็กลัวจะมีโทษ กลัวโดนจับ กลัวไม่ได้ดูน้อง ผ่านไป ๒ – ๓ วัน จนยับยั้งสติอารมณ์ไว้ได้ เป็นจิตที่รักน้องมากที่สุด ไม่อยากให้ใครมารังแก

ต่อมา ญาติพี่น้องทางบ้านเก่าที่อุดรพากันไปรับมาที่บ้านเกิด บ้านเก่า ซื้อไร่ ซื้อนาใหม่ พ่อเลี้ยงก็ตามมาอีก ก็ยังเล่นการพนันเหมือนเดิม ช่วงนั้นเดือนมีนาคม ชาวอีสานแต่ละบ้านจะจัดงาน มีงาบุญ มีเทศน์ผะเหวต กลางคืนมีมหรสพ หมอลำ ตอนเช้าตื่นสาย แม่ปลุกว่าไม่ไปไร่หรือ เพราะปกติต้องไปขุดไร่ ไถไร่ พวกเราตื่นสายประมาณโมงเศษ ๆ พอแม่บ่น พ่อเลี้ยงก็บ่น ทั้ง ๆ ที่พ่อเลี้ยงไม่เคยช่วยงานอะไรเลย พี่ชายคนที่ติดกัน ดึงปืน พระอาจารย์ก็ชักมีด พี่ชายคนโตก็มาห้าม พ่อเลี้ยงก็หนีไปตั้งแต่บัดนั้น ไม่กลับมาอีก ชีวิตคนมีพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงก็แบบนี้แหละ

อายุ ๑๗ ปี ไปช่วยงานญาติพี่น้อง ลุง น้า บ้าง ปลูกอ้อย ข้าวโพด ถั่วลิสง ปลูกผักขาย ส่วนมากเป็นน้าของแม่ ซึ่งท่านเรียกพ่อใหญ่ เพราะเขามีลูกเล็กช่วยงานยังไม่ได้

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

อยู่มาอายุ ๑๘ ย่าง ๑๙ ปี ลุงอยากให้มาบวช เพราะที่วัดไม่มีพระเณรมาบวช อีกอย่างเห็นสาวๆ มาคุยเล่นด้วย แต่พระอาจารย์มีจิตใจไม่คิดจะมีลูกเมีย ท่านชอบพูดเล่นกับผู้หญิงสาวๆ ไม่คิดจะแต่งงาน แต่นิสัยจะรังเกียจผู้หญิงที่มาพูดให้ทางผู้ชาย แต่มีความคิดในใจว่า จะแต่งงานกับผู้หญิง ที่มีความรักจริงซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์สุจริต บริสุทธิ์ต่อเรา เราจะไม่ยุ่งเด็ดขาด ผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับพระอาจารย์ ถ้าไม่ได้แต่งงานถูกต้องตามกฎหมาย จะไม่แตะต้องผู้หญิงคนนั้น ท่านมีความคิดเช่นนี้ ก็เลยมีความมั่นใจตนเองว่า จะไม่ล่วงเกินผู้หญิงคนใดทั้งสิ้น

แต่ลุงไม่เชื่อว่า จะมีคนคิดแบบพระอาจารย์ ลุงขอร้องให้บวช กลัวจะมีเมียก่อน ลุงเคี่ยวเข็ญทุกวัน สุดท้ายจึงตกลงใจบวช ตกลงไปเข้านาค ก่อนเข้านาคสัญญากับลุงว่า ถ้าหลานไปบวชออกพรรษาเมื่อไร ก็สึกเมื่อนั้น อย่าห้าม ก็เลยไปเข้านาค ๑ เดือน บรรพชาเป็นสามเณรไม เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๙ ที่วัดศิริวัฒนา จ.อุดรธานี บวชเป็นเณรอยู่ ๒ พรรษา ( ๑ ปี ๘ เดือน ๑๙ วัน)

ระยะเวลาเป็นเณร อยู่อุปัฎฐากครูบาอาจารย์ อาหารไม่ค่อยมี ไปตัดยอดหวาย หน่อไม้ ตอนเช้าไปทำอาหาร เช่น แกงขี้เหล็ก เลี้ยงถวายครูบาอาจารย์ ถ้าพระ เณรไม่มา พระอาจารย์ตอนเป็นเณร กิจวัตรประจำวัน ตักน้ำจากบ่อเป็นน้ำสรงครูบาอาจารย์ ทุ่มหนึ่งทำวัตรเย็น ๒ ทุ่ม เดินจงกรม ๒ ทุ่มครึ่งนั่งสมาธิ ท่านมีความตั้งใจปฎิบัติ เข้มงวดกวดขัน

สัจจธรรม

ท่านพระอาจารย์ปฎิบัติธรรมได้ตั้งแต่เป็นเณร อายุ ๑๘ ปี จิตของท่านจะน้อมถึงอดีต ท่านคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมาเสียเวลาไปมาก สร้างบาปมาเยอะตั้ง ๑๘ ปี กลัวจะกลับไปเป็น ฆราวาสทำบาปอีก ท่านเคยตั้งสัจจะไว้หลายภพ หลายชาติ เริ่มตั้งสัจจะตั้งแต่เป็นหนุ่ม คนธรรมดาจะคิดเรื่องมีครอบครัวว่าถ้าบวชสึกออกมาอายุ ๒๐ ปี จะต้องมีครอบครัว หาเงินหาทองไว้ก่อนเพื่อให้มีอยู่มีกิน จะแต่งงานกับผู้หญิงมีความบริสุทธิ์ ถ้าผู้หญิงไม่บริสุทธิ์ จะไม่แตะต้องคนนั้นเลย แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์ เรายังไม่ได้ขอแต่งงานก่อน เราจะไม่ถูกเนื้อต้องตัวเลย คิดอยู่เช่นนี้ ปีหนึ่งผ่านไป ผู้หญิงก็หนีไปแต่งงานหมด ไม่มีคนบริสุทธิ์เลย ท่านเลยผ่านพ้นมาได้ ไม่หลงในภพในชาติมากเหมือนคนอื่น

ตอนที่ปฏิบัติใหม่ ๆ เราเพิ่งจะฝึกปฏิบัติธรรม ตอนเดินจงกรมไม่เท่าไหร่​ แต่พอไปนั่งสมาธิ มันเห็นทุกข์ เห็นทุกข์ทันทีเลย พอนั่งไป ๒๐-๓๐ นาที นี่มันรู้เลย ทุกข์มันเกิดขึ้น เหน็บมันไม่รู้มาจากที่ไหน พอเรานั่งไปถึง ๒๐-๓๐ นาที มันจะขึ้นเลย ขึ้นที่เท้าเราเสียก่อน แล้วขึ้นมาตามขา จนขึ้นตามสันหลัง ขึ้นไปบนศีรษะ​ ทำให้จิตใจท้อแท้ไปหลายครั้งหลายหน

นี่สู้ด้วยตนเองมา ตอนบวชเข้ามาใหม่​ๆ ยังไม่รู้เดียงสาอะไร การศึกษาก็ยังไม่มี เพราะว่าเราเพิ่งบวชใหม่ โอกาสที่จะได้ไปศึกษาธรรมะก็ยังไม่มี แต่วันไหนว่างๆ ก็พอได้อ่านประวัติพระพุทธเจ้า อ่านหนังสือพุทธประวัติเล่มหนึ่ง แต่ทำอย่างอื่นนั้นยังไม่รู้ แต่ครูบาอาจารย์สอนให้เรานั่งสมาธิ นั่งสมาธินั่งแบบไหน เดินจงกรมเดินแบบไหน ท่านบอกเรา เวลาเดินก็กำหนดเอาต้นไม้ที่ห่างจากกัน ๒๐-๓๐ เมตร แล้วเดินจากต้นไม้ต้นนั้น ไปต้นไม้ต้นนั้น มีจุดหมายปลายทางเดินแล้วก็มานั่ง ตอนนั่งมันจะเป็นทุกข์ได้ง่ายกว่าเดิน

เพราะอิริยาบถนั่งจะเป็นการนั่งอยู่ท่าเดียว ถ้าเรายังไม่เกิดความเคยชิน เราจะนั่งไม่ได้นาน อันนี้เป็นครั้งแรกที่เราเริ่มปฏิบัติธรรม มองทางสุขไม่มีเลย มีแต่ทุกข์อย่างเดียว การปฏิบัติธรรมอันดับแรกมองเห็นแต่ทุกข์อย่างเดียว ไม่มีสุขเพราะมันเจ็บปวด มันทรมาน ทั้งที่เราอยากรู้อยากเห็นอยากได้ธรรมะ อยากให้จิตสงบเป็นสมาธิ แต่สิ่งที่รบกวนก็ดลบันดาลอยู่อย่างนั้น ทำให้จิตใจของเราท้อถอยอยู่ตลอดเวลา

นั่งแต่ละวันได้ ๒๐-๓๐ นาที ก็ลุกขึ้นแล้ว
ไปเดินแล้วเปลี่ยนอิริยาบถใหม่แล้ว เดินไปเป็นชั่วโมง มานั่งอีก ๒๐-๓๐ นาทีก็ไปอีกแล้ว พยายามอยู่อย่างนี้ก็แพ้อยู่อย่างนี้ ทำเป็นเดือนก็อยู่อย่างนี้ ทีนี้ทำยังไงถึงได้ตัดสินใจ การตัดสินใจคือตัดสินใจด้วยการได้ยินได้ฟัง จากครูบาอาจารย์ท่าอบรมสั่งสอนเรา ครูบาอาจารย์ท่านแสดงอภินิหารให้เราเห็น แสดงอภินิหารแบบไหน ท่านมีความรู้พิเศษ ท่านสอนเราให้ปฏิบัติแล้วเราทำไม่ได้ ท่านค่อยมาเตือนเราทีหลังพอเราเจอทุกข์ ทีนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จูงใจ ให้เราปฏิบัติกล้าตัดสินใจต่อสู้ จริงๆ จังๆ แล้วนั่น คือ

พระอาจารย์ของเราท่านบอกว่า วันนี้ มีพระท่านกำลังเดินทางมา ระยะทางนั่น ๗-๘ กิโลเมตรจากวัดเราไปหาวัดท่าน

ฉันเช้าเสร็จท่านบอกว่า ไปล้างบาตรแล้วเอาบาตรเราไปส่งกุฏิ อย่าเพิ่งไปนะ ท่านพูดอย่างนี้ ทีนี้อาตมาก็เลยเอาบาตรล้างบาตรเสร็จเรียบร้อยก็เอาบาตรไปไว้ที่กุฏิ
ก็นั่งคอยท่านอยู่ ซักพักท่านก็ขึ้นกุฏิไป

พอท่านขึ้นกุฏิไป ท่านบอกว่า ตอนนี้มีพระท่านกำลังเดินทางมา พระองค์นั้นชื่อ อาจารย์บุญเกิด ท่านอยู่วัดป่าศรีคุณาราม บ้านจีบ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ส่วนอาตมาอยู่วัดป่าศิริวัฒนา บ้านโนนถั่วดิน

ท่านอาจารย์องค์ที่เป็นอาจารย์ของอาตมา ชื่อพระอาจารย์ศรี อุจโย ท่านบอกว่าพระอาจารย์บุญเกิดกำลังเดินทางมา ท่านจะไปบ้านเลาใหญ่ ไปขอไม้ไผ่กับท่านอาจารย์สาลี วัดป่ามัจฉิมวงศ์ ที่อ.กุมภวาปี มาทำซี่กลด เพราะว่าไม้ไผ่ในสมัยนั้น วัดป่ามัจฉิมวงศ์เป็นวัดเก่าแก่
ไม้มันแก่ดี เอามาทำซี่กลดได้มอดมันไม่กิน แต่ส่วนวัดพวกเราเป็นวัดใหม่ ไม้ไผ่ยังไม่มี

ท่านก็เลยบอกว่าท่านกำลังเดินทางมา มีพระองค์หนึ่งใส่แว่นตาดำเดินตามหลังมา มีเด็กวัด ตัวเล็กๆ สะพายย่ามเดินอยู่กลาง ท่านว่าอย่างนี้ แล้วท่านก็บอกให้เอาเสื่อมาปู เอากา

ผู้ว่าใหม่ ออกให้กำลังใจผู้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 โดยจังหวัดนครราชสีมาได้รับจัดสรรวัคซีน Astrazeneca จำนวน 23,600 โดส สำหรับให้บริการฉีดแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย

นายกอบชัย บุญอรณะ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  ได้เดินทางออกให้กำลังใจแก่พี่น้องประชาชน ในจังหวัดนครราชสีมา ที่มาเข้ารับการฉีดวัคซีนโคโรนา 19 (COVID-19)

ศูนย์การค้าเซนทรัลพลาซา นครราชสี่มา โดยโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา โดยโรงพยาบาลเทพรั ตน์ นครราชสีมา,

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

ด้วยกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้จัดสรรวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ให้กับเขตสุขภาพที่  เพื่อจัดสรรให้กับจังหวัดในเขตสุขภาพ ซึ่งจังหวัดนครราชสีมาได้รับจัดสรรวัคซีน Astrazeneca จำนวน 23,600 โดส สำหรับให้บริการฉีดแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป, กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค, บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า และผู้ที่ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม ในช่วงสัปดาห์ที่ 1 และ 2 ของเดือนมิถุนายน 2564 โดยกำหนดฉีดวัคนป้องกันโรคติดเชื้อ-ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 7 มิถุนายน 2564  จังหวัดนครราชสีมา เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป โดยให้บริการในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนครราชสีมา ดังนี้

1. ศูนย์การค้าเซนทรัลพลาซา นครราชสี่มา โดยโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา โดยโรงพยาบาลเทพรั ตน์ นครราชสีมา,

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

3. โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

4. โรงพยาบาลค่ายสุรนารี

5. โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์

     และจุดให้บริการในเขตพื้นที่ต่างอำเภอ ได้แก่ โรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่ทุกแห่ง โดยจะนัดหมายมาฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามลำดับการลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม

เดอะมอลล์โคราช เดินหน้าเตรียมความพร้อมสถานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

เดอะมอลล์โคราช เดินหน้าเตรียมความพร้อมสถานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

17 พ.ค.2564 เวลา 13.00น. นายแพทย์วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา พร้อมด้วยนายอมร อมรกุล ผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และนายชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด นำคณะตัวแทนจากรพ.ชื่อดังในจังหวัดนครราชสีมา ตรวจความพร้อมสถานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ภายในห้องเอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช

บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมแบ่งเบาการดำเนินงานของภาครัฐ ในการแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 จับมือกับ จังหวัดนครราชสีมา เดินหน้าเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด–19 ให้กับประชาชน ที่เดอะมอลล์ โคราช เพื่อเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึงที่สุดเป้าชาวโคราช 2,700,00 คน

สำหรับการบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน บนพื้นที่ของเดอะมอลล์โคราช พร้อมให้บริการวัคซีนกับประชาชน ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป โดยจุดให้บริการอยู่ที่บริเวณห้องเอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 3 ซึ่งคาดว่าสามารถรองรับผู้เข้ารับการฉัดวัคซีนฯ วันละ 5,000 คน ตามกลุ่มเป้าหมาย 7 โรคและ walk in

เดอะมอลล์ กรุ๊ป พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวในเร็ววัน โดยพร้อมสนับสนุนภาครัฐในการกระจายฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างรวดเร็วที่สุด และขอยืดหยัดเคียงข้างเป็นกำลังใจให้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานทุกภาคส่วน ที่ได้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป สัญญาว่าจะเดินหน้าดำเนินการทุกวิถีทางอย่างเต็มสรรพกำลังเพื่อให้ความช่วยเหลือในทุกมิติ พร้อมจะอยู่เคียงข้างประเทศไทยและประชาชนคนไทย ในทุกสถานการณ์ เพื่อให้เราก้าวข้ามผ่านวิกฤติการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกันโดยเร็ววัน

Money Expo Korat 2020 เปิดแล้ว จัดโปรแรงสู่อีสานรับ New Normal

      สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด งานมหกรรมการเงิน โคราช ครั้งที่ 14 Money Expo Korat 2020  ซึ่งงานนี้ วารสารการเงินธนาคาร จัดขึ้นในวันที่ 7-9 สิงหาคม 2563 ที่เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ นครราชสีมา ภายใต้แนวคิด “Wealth Being” จัดหนักแคมเปญโปรโมชั่นร้อนแรงแห่งปี อาทิ สินเชื่อบ้าน 0% นาน 6 เดือน สินเชื่อ SMEs ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ต่อปี, เงินฝากดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี, ออม 20 บาท ลุ้นหยิบ 2 ล้าน พร้อมเปิดแพลตฟอร์มใหม่ในรูปแบบ “Hybrid Exhibition” ทำธุรกรรมได้ทั้ง Offline และ Online ที่www.moneyexpoonline.com  รับ New Normal

      (จากซ้าย) สุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนคร นครราชสีมา อภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo ประเสิรฐ บุญชัยสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย และ ภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วม งานมหกรรมการเงิน Money Expo

เดอะมอลล์โคราชเปิดให้บริการสวนน้ำแฟนตาเซียลากูนแบบ New Normal

เดอะมอลล์โคราชเปิดให้บริการสวนน้ำแฟนตาเซียลากูนแบบ New Normal ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดครอบคลุมทุกมิติ

เดอะมอลล์โคราช เปิดให้บริการสวนน้ำแฟนตาเซียลากูน ชั้น 1 ตามมาตรการปลดล็อกดาวน์ของภาครัฐระยะที่ 4 ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.2563 เป็นต้นไป โดยเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 -19.00 น. ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุด ตอบรับ NEW NORMAL พร้อมตอกย้ำความมั่นใจด้วยมาตรการ การตรวจวัดสภาพน้ำทุกวัน วันละ 3 รอบ โดยตรวจค่า PH ซึ่งค่า PH คือ ความเป็นกรดด่างของน้ำ ให้ตามมาตรฐานอยู่ที่ 7.2-7.6 และค่า CL คือค่าคลอรีนในน้ำ ให้มาตรฐานอยู่ที่ 0.6-1.5 พร้อมส่งตัวอย่างน้ำทุกสระให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อตรวจคุณภาพน้ำเดือนละ 1 ครั้งตามมาตรการควบคุมอย่างเคร่งครัด

สวนน้ำแฟนตาเซียลากูนตอบรับวิถีใหม่ ให้บริการแบบ New Normal โดยให้ผู้ที่มาใช้บริการทุกคนสวมน้ำสวมหน้ากากและวัดอุณหภูมิก่อนเข้าพื้นที่ทุกครั้ง สอบถามประวัติการเดินทางเพื่อประเมินความเสี่ยงก่อนให้บริการ ติดตั้งเจลแอลกฮอลล์ล้างมือบริเวณจุดต่างๆอย่างทั่วถึงสำหรับลูกค้าและเจ้าหน้าที่  พร้อมติดตั้ง Counter Shield ณ จุดชำระเงิน โดยให้พนักงานรับและทอนเงินผ่านถาดรับเงินเท่านั้นและทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังจากให้บริการหรือผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินผ่าน Card Payment ได้ ทั้งนี้ยังกำหนดสัญลักษณ์กำหนดจุดเว้นระยะในการเข้าใช้บริการสวนน้ำอย่างชัดเจน เพื่อลดความแออัดโดยใช้อัตราส่วน 1 คนต่อ 8 ตารางเมตร โดยขอความร่วมมือผู้ใช้บริการในพื้นที่ท่านละไม่เกิน 2 ชั่วโมง/รอบ แบ่งดังนี้

1.สระโอลิมปิก สามารถใช้บริการได้ทั้งหมด 156 คน/รอบ โดยแบ่งช่องว่ายน้ำสำหรับลูกค้าทั่วไปและช่องว่ายน้ำสำหรับผู้ใช้บริการคอร์ส Beginner คอร์สนักกีฬาและคอร์สสุขภาพ

2.สระน้ำวน สามารถใช้บริการทั้งหมด 63 คน/รอบ

3.สระว่ายน้ำ OCEAN 10 สามารถใช้บริการทั้งหมด 70 คน/รอบ

4.สระเด็ก สามารถใช้บริการทั้งหมด 63 คน/รอบ

ในส่วนของชุดว่ายน้ำ ผ้าเช็ดตัว หมวกว่ายน้ำ แว่นตาว่ายน้ำ ที่มีบริการให้เช่านั้นได้ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อด้วยการปั่น อบแห้งด้วยความร้อนสูงทุกครั้งก่อนให้บริการเสมอ และสร้างความมั่นใจปลอดภัยให้ลูกค้าอีกขั้นกับการทำความสะอาดฆ่าเชื้ออุปกรณ์เช่าต่าง ๆ อาทิ ห่วงยาง ตู้ล็อกเกอร์ กุญแจและโต๊ะ ที่นั่งก่อนและหลังใช้บริการ โดยจำกัดจำนวนคน จัดโต๊ะเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1.5 เมตร และทำความสะอาดพื้นที่ให้บริการและจุดสัมผัสสาธารณะด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุก 1 ชั่วโมง

เพื่อแทนคำขอบคุณสำหรับผู้ที่มาใช้บริการสวนน้ำแฟนตาเซียลากูน ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช ได้จัดโปรโมชั่นลดราคาบัตรเข้าสวนน้ำ 50% ผู้ใหญ่ จากราคาปกติ 220 บาท ลดเหลือ 110 บาท/คน เด็ก จากราคาปกติ 130 บาท ลดเหลือ 65 บาท/คน โปรโมชั่นนี้ใช้ระหว่างวันที่ 15-30 มิ.ย.2563 เท่านั้น

 สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรสวนน้ำ ขยายเวลาการเป็นสมาชิกเพิ่มสูงสุด 3 เดือน ดังนี้ สมาชิกปัจจุบันที่บัตรหมดอายุช่วง มี.ค.2563 ขยายเพิ่ม 1 เดือน, บัตรหมดอายุ เม.ย.2563 ขยายเพิ่ม 2 เดือน, บัตรหมดอายุ พ.ค.2563 – ก.พ.2564 ขยายเพิ่ม 3 เดือน โดยนับจากวันที่สวนน้ำพร้อมเปิดให้บริการและสำหรับผู้ที่ซื้อบัตรล่วงหน้าที่มีการประทับตราที่บัตรวันหมดอายุเดิม ตั้งแต่เดือน มี.ค. – พ.ค.2563 ขยายวันหมดอายุถึง 31 ส.ค.2563

จึงมั่นใจได้ว่าสวนน้ำแฟนตาเซียลากูน ชั้น  1 เดอะมอลล์โคราชพร้อมเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 -19.00 น. ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด มีความสะอาด ปลอดภัย มั่นใจได้ในทุกตารางเมตร และจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้บริการด้วยหัวใจและมาตรฐานความปลอดภัยครอบคลุมทุกมิติ 

19 ปี แห่งการให้ MHeart สายโลหิต สายใจ “หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2562”

MHeart สายโลหิต สายใจ “หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2562”  เพื่อสำรองโลหิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563

 

เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ร่วมกับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จัดงานบริจาคโลหิตและอวัยวะ ภายใต้โครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2562” 11-12 ธันวาคม พ.ศ.2562  ณ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช เชิญชวนชาวโคราชร่วมบริจาคโลหิต อวัยวะและดวงตา ตลอดเดือนธันวาคมนี้ เพื่อสำรองโลหิตให้กับสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลประจำจังหวัดใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2563

โดยได้รับเกียรติจาก นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทยเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย


นางปิยะฉัตร อินสว่าง
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ,พันตำรวจเอกสนธยา  แต่แดงเพชร  รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา,นางณัฎฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมาและนายชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ร่วมงาน ในโอกาสนี้ประธานในพิธีได้มอบโล่แก่ผู้บริจาคโลหิตจำนวน 150 ครั้งขึ้นไปและมอบโล่ขอบคุณผู้สนับสนุนโครงการฯ 30 หน่วยงานอีกด้วย

นายแผน วรรณเมธี เผยว่า “ในนามสภากาชาดไทย ผมต้องขอขอบคุณและชื่นชมในความร่วมใจจากทุกท่านที่มีจิตศรัทธาบริจาคโลหิต ส่งกำลังคน ร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสนับสนุนงาน ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นงานนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน โรงพยาบาล สถานศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา โดยสภากาชาดไทยนั้นมีหน่วยงานหลักที่ทำงานประสานกัน   คือ  1.การจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทย 2.รณรงค์เพิ่มผู้บริจาคและการประชาสัมพันธ์ 3.การจัดหาทุน  4.การฝ่ายเจาะเก็บโลหิต
5.การประสานงานหน่วยเคลื่อนที่ ซึ่งปริมาณโลหิตที่จัดหาในต่างจังหวัด  โดยเหล่ากาชาดจังหวัดร่วมกับโรงพยาบาลซึ่งมีความประสงค์ที่จะเพิ่มยอดผู้บริจาคโลหิต จึงได้จัดโครงการเพิ่มขึ้นทุกปี อีกทั้งการเปิดให้บริการห้องบริจาคโลหิตภายในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ โคราช  ซึ่งทุกคนสามารถมาบริจาคโลหิตได้ทุกวัน เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริจาคโลหิตและเป็นภาพลักษณ์แห่งความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา เป็นอย่างยิ่งครับ“

คุณศิริลักษณ์ เพียกขุนทด หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จังหวัดนครราชสีมา กล่าวเสริมว่า “เดอะมอลล์โคราชเป็นองค์กรเอกชนที่มีเครือข่ายแข็งแรงในการรับบริจาคโลหิตมาอย่างยาวนานตลอด 19 ปี ซึ่งโลหิตที่ได้จากงานนี้ถูกนำเข้าคลังโลหิตเพื่อนำไปใช้ในทุก ๆ วันตามรพ.ต่าง ๆ รวมถึงช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลอื่น ๆ ตลอดมา งาน MHeart สายโลหิต สายใจ หนึ่งคนให้หลายคนรับครั้งที่ 5 เรามีความคาดหวังที่จะสำรองโลหิตในทุกหมู่เลือดเพื่อสำรองใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2563 ช่วง 7 วันอันตรายนี้ด้วย โดยพี่น้องประชาชนสามารถบริจาคโลหิตทุกกรุ๊ปได้ตลอดเพราะยังมีความต้องการใช้อยู่อย่างต่อเนื่องค่ะ  ”

คุณณัฎฐินีภรณ์  จันทรโณทัย  เผยว่า “เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นศูนย์กลางของการประสานงานระหว่างสภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด กิ่งกาชาดอำเภอและองค์กรภายนอกให้สามารถสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย งานด้านการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบสาธารณภัยหรืองานด้านสังคมสงเคราะห์                 และส่งเสริมคุณภาพชีวิตแก่ประชาชนในจังหวัดที่ได้รับความเดือดร้อนและด้อยโอกาส อีกบทบาทสำคัญอีกประการของเหล่ากาชาดจังหวัด คือ งานรับบริจาคโลหิต ดวงตา และอวัยวะ ด้วยการกำหนดยุทธศาสตร์และรณรงค์อย่างต่อเนื่องเพื่อสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสภากาชาดไทยในการดำเนินโครงการงานบริจาคโลหิตและอวัยวะ โครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ “ หนึ่งคนให้   หลายคนรับ” เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการกำหนดการดำเนินการรับบริจาคโลหิต เพื่อให้เข้าถึงกลุ่ม ผู้มีจิตศรัทธาให้สามารถบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ คือ การออกหน่วยเพื่อรับบริจาคโลหิตไปยังสถานศึกษา,บริษัท,เขตอุตสาหกรรม,โรงพยาบาล, องค์กรภาครัฐและเอกชนมาโดยตลอดและในปีนี้ยังได้ร่วมในโครงการงานบริจาคโลหิตและอวัยวะงานบริจาคโลหิตและอวัยวะ โครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ“หนึ่งคนให้ หลายคนรับ” โดยเดอะมอลล์โคราชและผู้สนับสนุนการจัดงานเพื่อบรรเทาการใช้โลหิตของจังหวัดนครราชสีมาและจัดหาโลหิตสำรองใช้รักษาพยาบาลผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงทีต่อไป”

นายชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว  เผยว่า “สำหรับโครงการฯบริจาคโลหิต ประจำปี 2562  ได้กำหนดการรณรงค์และเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้ร่วมบริจาคโลหิต อวัยวะ และดวงตา ทั้งหมดจำนวน 5  ครั้ง  ซึ่งโครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ ” เป็นโครงการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือสังคมจัดหาโลหิตสำรอง บรรเทาการจัดหาโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ  มาอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 19 ปี  นับตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการดำเนินโครงการในแต่ละปีนั้นจะสำเร็จลุล่วงมิได้หากขาดความร่วมมือ  ร่วมใจ จากผู้มีจิตศรัทธาทุกหน่วยงาน  องค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมบันทึกให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการ “ MHeart สายโลหิต สายใจ ” รณรงค์จัดหาโลหิต  ช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนครับ”

นอกจากนี้ ภายในงานได้จัดแถลงข่าวการจัดตั้งโรงพยาบาลในห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช เพื่อหวังให้เป็นศูนย์อำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยด้วยจุดยุทธศาสตร์ทำเลที่ตั้งของห้างฯอยู่ใจกลางเมืองนครราชสีมา ให้การรักษาตรวจสุขภาพเบื้องต้นรวมถึงให้การรักษาและบริการผ่าตัดเล็ก โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ที่บริเวณชั้น 2 อาคารโอเอซิส เดอะมอลล์โคราช

**********************************************************************************