ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมทำประชาคม ต.พุดซา รื้อ แหล่งโบราณสถานอารยธรรมขอม
ที่ผ่านมา ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ไปยังที่ทำการเทศบาลตำบลพุดซา เพื่อหารือและขอมติการรื้อฟื้นตำนานเมืองโบราณของตำบลพุดซา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
นายเกรียงศักดิ์ นาคหฤทัย นายกเทศบาลตำบลพุดซา พร้อมด้วยนายประเสริฐ เชยพุดซา กำนันตำบลพุดซา พร้อมคณะผู้นำท้องถิ่น และประชาชนได้ให้การต้อนรับ ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา และนายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยคณะผู้สื่อข่าวจากหลายสำนัก เพื่อร่วมรับฟังการทำประชามคมเพื่อหารือ และขอความคิดเห็นจากคนในท้องที่ เรื่อง การยกแหล่งโบราณอารยธรรมขอม ที่มีอายุยืนยาว เป็นสถานที่ให้พี่น้องประชาชน ได้เข้ามากราบสักการะ และเพื่อให้สถานที่แห่งนี้ เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป รวมทั้งยังสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ทางโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา
ปัจจุบัน บ้านพุดซา อยู่ในพื้นที่การรับผิดชอบ ของเทศบาลตำบลพุดซา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ทั้งที่ความจริงบ้านพุดซาแห่งนี้มีเรื่องราว ตำนานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง เป็นโบราณสถานที่ค้นพบสถาปัตยกรรมในสมัยเกาะแกร์ ที่ผสมผสานมาถึงยุค นครวัต – บายน หรือตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 ลงมาถึง 18 โดยมีอายุโบราณทางด้านวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ก่อนยุคปราสาทหินพิมาย
นอกจากหลักฐานทางโบราณคดีแล้ว ยังมีบึงขนาดใหญ่ที่คาดว่ามีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 2,500 ไร่ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “บึงพุดซา” ที่เล่าขานกันว่าเป็นบึงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก และส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ต้องจมอยู่ใต้บาดาลจนกระทั่งต้องสร้างพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อหวังจะให้หมู่บ้านแห่งนี้พ้นจากภัยพิบัติน้ำท่วม
เมื่อราวปี 2478 กรมศิลปากรได้เดินทางมาสำรวจบริเวณบ้านพุดซาบ้างแล้ว พร้อมได้ขึ้นทะเบียนและปักปันอาณาเขตโบราณสถานไว้ด้วย จากอดีตจนถึงปัจจุบันโบราณสถานแห่งนี้ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแม้แต่น้อย เนินดินที่กลบซากปรักหักพังอยู่อย่างไร ก็ยังอยู่อย่างนั้น องค์พระพุทธรูปที่ถูกเก็บ กระจายอยู่ยังวัดต่าง ๆ และบ้างก็ว่ากันว่าสูญหายกันไปมิใช่น้อย
บ้านพุดซา บริเวณที่ตั้งของวัดปรางค์ทองในปัจจุบัน สันนิษฐานกันว่า อดีตเคยเป็นปราสาทของพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้ายโศวรมัน แห่งอาณาจักรขอม เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 15 ตัวปราสาทเป็นศิลปะแบบขอม ก่อสร้างด้วยอิฐ มีการบันทึกไว้ว่า สภาพของปราสาทเมื่อปี 2521 ยังคงเห็นส่วนฐานปราสาทที่ก่อสร้างด้วยหินทรายแดงสลักเป็นฐานบัวรองรับปราสาทหลังทิศใต้ (เดิมกรมศิลปากรขุดแต่งพบฐานบัวรองรับปราสาทอิฐ 3 หลัง เรียงตัวในแกนทิศเหนือ – ใต้ สำหรับปราสาทประธาน(หลังกลา)และปราสาทหลังทิศเหนือพังเสียหายหมดแล้ว) ปัจจุบันได้ถมดินรอบปราสาทเหนือระดับฐานบัว อย่างไรก็ตาม ปราสาทดังกล่าวได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนฐาน ส่วนเรือนธาตุ และส่วนยอด
ในบริเวณวัดปรางค์ทอง ยังได้พบชิ้นส่วนของโบราณสถานประเภทหินทรายแดง หินทรายขาว สลักเป็นหน้าทับหลัง เสาประดับกรอบประตู ลูกกรงหน้าต่าง ฐานประติมากรรม กระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมากภายในวัด อาทิ ทับหลัง ซึ่งวางอยู่ด้านหน้าปราสาทบริวาร มีภาพที่ลบเลือนมาก และดินถมขึ้นเกือบครึ่งแผ่น ที่กึ่งกลางภาพมีรูปบุคคลนั่งชันเข่า เหนือสัตว์พาหนะ (อาจเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอรวัณ) มีท่องพวงมาลัยออกมาจากกึ่งกลางทับหลัง เป็นวงโค้งเล็กน้อยเหมือนถูกกดไว้ด้วยน้ำหนักคล้ายกับทับหลังที่จัดแสดงที่สำนักงานอุทยานปราสาทพนมรุ้ง ศิลปะขอมแบบเกาะแกร์ อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 15
ทับหลังรูปพระวิษณุทรงครุฑ ซึ่งเก็บไว้บนศาลาวัด ที่กึ่งกลางภาพสลักภาพพระวิษณุ (พระนารายณ์) ทรงครุฑนั้น ก็ยุคนาคสองตัวที่ทอดยาวตลอดทั้งสองข้างของทับหลัง ทำนองเดียวกับลายท่องพวงมาลัย ปลายท่องพวงมาลัยเป็นนาคสามเศียรซึ่งหันหน้าออกมาเบื้องหน้า และนาคแต่ละเศียรมีมงกุฎลายใบไม้เป็นเครื่องประดับเหนือท่อนพวงมาลัยสลักเป็นรูปใบไม้ม้วนห้อยตกลงมาจนถึงแนวล่างสุด สลักเป็นแนวกลับบัวเช่นกัน ลวดลายดังกล่าวเหมือนกับทับหลังซึ่งที่ปราสาทพนมวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ สถานที่แห่งนี้ ยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่สำคัญ ที่ชาวบ้านให้ขนานนามว่า เป็นเมืองบาดาล หรือเมืองพญานาค จึงเป็นที่มาของการจัดทำประชาคมในครั้งนี้ โดย ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครราชสีมา ที่พร้อมจะช่วยผลักดันให้สถานที่แห่งนี้ เป็นเมืองของการท่องเที่ยวเชิงอารยธรรม อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมาต่อไป
ชมภาพบรรยากาศการประชาคม